Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเร่งเครื่องพัฒนาบุคลากร สู่การทำงานมืออาชีพรับใช้ประชาชน

เชียงรายเร่งพัฒนาบุคลากร เสริมศักยภาพการทำงานสู่มืออาชีพ

เชียงราย, 7 กุมภาพันธ์ 2568 –   ณ ห้องประชุมธรรมปัญญา ชั้น 2 อบจ.เชียงราย] นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย ปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายให้นางฐิรญาภัทร์ ธีติโรจนกาญจน์ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพการทำงานอย่างมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีคณะวิทยากรและผู้เข้าอบรมจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมโครงการ

การบรรยายช่วงเช้า: แผนพัฒนาท้องถิ่นและการบริหารสัญญา

ในช่วงเช้าของการอบรม นายสุกรรณ์ คำภู ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น ได้บรรยายในหัวข้อ “การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น และการจัดทำโครงการ” โดยเน้นถึงความสำคัญของการวางแผนพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และการจัดทำโครงการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม

ต่อมา นางฐิรญาภัทร์ ธีติโรจนกาญจน์ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย ได้บรรยายในหัวข้อ “สังเกตการบริหารสัญญา การลดความเสี่ยงของงานก่อสร้าง” โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารสัญญาอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในงานก่อสร้าง

การบรรยายช่วงบ่าย: การบริหารสัญญาและการใช้เงินสำรองจ่าย

ในช่วงบ่าย ผอ.กองคลัง อบจ.เชียงราย ได้บรรยายในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสัญญาและการเงิน ได้แก่

  1. การบริหารสัญญา
  2. การแจ้งหยุดงาน การแจ้งเข้างาน การแก้ไขสัญญาจ้าง
  3. การตรวจรับโครงการ
  4. แนวทางการใช้เงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินและความจำเป็นเร่งด่วน

โดยเน้นถึงความสำคัญของการบริหารสัญญาอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นไปตามระเบียบ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน

อบจ.เชียงราย มุ่งพัฒนาบุคลากรให้เป็นมืออาชีพ

อบจ.เชียงราย เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ ที่มีภารกิจในการพัฒนาครอบคลุมทั้งจังหวัดเชียงราย การจัดบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะให้เกิดการตอบสนองความต้องการของประชาชน บุคลากรจึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจขององค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด

ดังนั้น อบจ.เชียงราย จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ และขีดความสามารถในการทำงานที่ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาบุคลากรให้ครอบคลุมทุกประเภท ทุกระดับ ให้ทำงานอย่างมืออาชีพ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานอย่างถูกต้อง สามารถประกันคุณภาพของงานที่ทำได้ รวมทั้งมีไหวพริบในการจัดการ แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และทำงานอย่างจริงจังโดยมุ่งมั่นตั้งใจให้เกิดผลงานที่ดีที่สุด

โครงการพัฒนาศักยภาพการทำงานอย่างมืออาชีพในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการพัฒนาบุคลากร เพื่อยกระดับการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างดีที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ภาพแรก ‘นายกนก’ หลังคว้าชัย อบจ.เชียงราย พร้อมขอบคุณชาวเชียงราย

ผลการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย 2568: อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ คว้าชัยด้วยคะแนนเสียงที่มั่นคง

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (นายกอบจ.) ประจำปี 2568 ปรากฏว่า นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ผู้สมัครอิสระหมายเลข 1 คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างไม่เป็นทางการ โดยการเคลื่อนไหวแรกของนางอทิตาธรหลังจากได้รับชัยชนะคือการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยโพสต์ภาพขณะทำบุญในตอนเช้า พร้อมข้อความว่า “ตื่นเช้าใส่บาตรทำบุญตามปรกติของชีวิต อนุโมทนาบุญกับประชาชนชาวเชียงรายทุกท่านด้วยค่ะ ขอบคุณพี่น้องประชาชนเชียงรายทุกท่านที่ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ เพราะแสดงถึงพลังสำคัญที่ผลักดันให้เชียงรายก้าวไปข้างหน้าในระบอบประชาธิปไตย”

นอกจากนี้ นางอทิตาธรยังได้โพสต์ข้อความขอบคุณทุกกำลังใจและการสนับสนุนที่ได้รับระหว่างการหาเสียงครั้งนี้ โดยกล่าวว่า “ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกแรงสนับสนุนที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความหมาย เส้นทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยโอกาส และภารกิจสำคัญที่เราต้องมาร่วมกันสร้างเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งความสุข สุขทั้งผู้อยู่ สุขทั้งผู้มาเยือน และเตรียมบ้านหลังนี้เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นต่อไป ได้อยู่อย่างภาคภูมิใจ เชียงรายต้องไปต่อ และนกจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ให้ทุกนโยบายเกิดขึ้นจริงเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงให้เชียงราย”

จากผลการเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นางอทิตาธร ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในจังหวัดเชียงราย และแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่สัญญาณแห่งความมั่นคงในการได้เป็นนายกอบจ.เชียงรายในครั้งนี้ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี

การเคลื่อนไหวของผู้สมัครและบทบาทของทายาทการเมือง

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ในฐานะผู้สมัครอิสระ ได้รับการสนับสนุนจากทายาทการเมืองหลายคนในจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและสนับสนุนการหาเสียงของเธออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจากลูกๆ ของตระกูลวันไชยธนวงค์ที่ร่วมเดินสายหาเสียงและเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ การมีส่วนร่วมของทายาทการเมืองทำให้การหาเสียงครั้งนี้มีพลังและความเชื่อมโยงระหว่างผู้สมัครและประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้ามามีบทบาทของลูกๆ ของตระกูลการเมืองไม่เพียงแต่ช่วยเหลือในด้านการหาเสียงเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างกำลังใจให้กับนางอทิตาธรในการต่อสู้ในศึกการเมืองท้องถิ่นครั้งนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่การหาเสียงเป็นไปอย่างหนักหน่วงและท้าทายที่สุด

การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งท้องถิ่น

ผลการเลือกตั้งที่แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมที่สูงจากประชาชนในจังหวัดเชียงราย สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและความสนใจในเรื่องของการเมืองท้องถิ่นที่มีผลต่อการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเลือกผู้นำท้องถิ่น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของจังหวัดเชียงราย

ความเคลื่อนไหวในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังทำให้เห็นถึงความสำคัญของการมีตัวแทนที่มาจากการสนับสนุนจากประชาชน โดยเฉพาะเมื่อผู้สมัครต้องเข้าใจปัญหาของชาวบ้านและสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

การเตรียมตัวเพื่อการพัฒนาเชียงรายในอนาคต

หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวถึงแผนการทำงานของเธอในอนาคตว่า “เราจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองที่มีความสุข สำหรับผู้อยู่และผู้มาเยือน การพัฒนาในทุกๆ ด้านจะต้องมุ่งไปสู่การสร้างสรรค์และเป็นเมืองที่ทุกคนสามารถอยู่อาศัยได้อย่างภาคภูมิใจ เราจะทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกนโยบายเกิดขึ้นจริง”

นางอทิตาธรยังกล่าวเสริมว่า การพัฒนาเชียงรายจะต้องทำให้จังหวัดนี้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับประชาชนทุกคน และจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาเศรษฐกิจ และการดูแลสังคมให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน

บทสรุป

การเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย 2568 ที่ผ่านมา นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างล้นหลามและสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างไม่เป็นทางการ แม้ผลการเลือกตั้งยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ประชาชนเชียงรายแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความหวังในการพัฒนาท้องถิ่นที่ดีขึ้น ผ่านการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งและการสนับสนุนผู้สมัครที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาจังหวัด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

โพลชี้ประชาชนกังวลทุจริต-ขัดแย้ง ในการเลือกตั้ง อบจ. 2568

การวิเคราะห์ผลโพลและสถานการณ์เลือกตั้ง อบจ. 2568: บ้านใหญ่ปะทะบ้านใหม่ โจทย์ใหญ่ของการพัฒนาท้องถิ่น

วันที่ 23 มกราคม 2568 สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) โดย ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธาน IFD โพลและเซอร์เวย์ และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการ IFD โพลแอนด์เซอร์เวย์ ได้ร่วมกันแถลงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในหัวข้อ “ประชาชนหวั่นเลือกตั้ง อบจ. ถูกแทรกแซง-ทุจริต-ขัดแย้ง-พัฒนาท้องถิ่นสะดุด” ผลสำรวจดังกล่าวเก็บข้อมูลจากประชาชน 1,222 คนที่มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 15-20 มกราคม 2568 ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างเชิงชั้น 5 ขั้นตอน (Stratified Five-Stage Random Sampling) โดยมีค่าความคลาดเคลื่อน ±3% และความเชื่อมั่น 95%

ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน

ผลโพลชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่เลือกนายกฯ อบจ. จากคุณสมบัติ 5 ประการ ได้แก่:

  1. เข้าใจปัญหาท้องถิ่น
  2. มีวิสัยทัศน์-นโยบายที่จับต้องได้
  3. ผลงานและประสบการณ์บริหารท้องถิ่น
  4. ประวัติที่ดี
  5. สังกัดพรรคที่ชื่นชอบ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงมีความกังวลต่อการเลือกตั้ง อบจ. โดยเฉพาะการแทรกแซงจากพรรคการเมืองระดับชาติ การทุจริต และการทำงานเพื่อผลประโยชน์ของพรรคหรือกลุ่มพวกพ้อง ทั้งนี้ ความกังวลดังกล่าวครอบคลุมทั้งผู้สมัครจากบ้านใหญ่และบ้านใหม่ โดยในกรณีของบ้านใหญ่ ประชาชนกังวลเรื่องการทุจริตและการผูกขาดการพัฒนา ส่วนบ้านใหม่ถูกตั้งคำถามในด้านประสบการณ์และความสามารถในการปฏิบัติตามที่หาเสียงไว้

การวิเคราะห์ 10 ประเด็นสำคัญโดย ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์

  1. การเชื่อมโยงการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น
    พรรคการเมืองระดับชาติใช้เวทีเลือกตั้ง อบจ. เป็นฐานสร้างคะแนนนิยมและเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2570
  2. ความเข้าใจท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำคัญ
    การรู้จักปัญหาและความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นมีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน
  3. นโยบายพัฒนาท้องถิ่นถูกลดความสำคัญ
    การเลือกตั้ง อบจ. ถูกครอบงำด้วยนโยบายระดับชาติ ทำให้การพัฒนาท้องถิ่นขาดความโดดเด่น
  4. การพัฒนาท้องถิ่นถูกฉุดรั้งด้วยเกมการเมือง
    การโจมตีระหว่างพรรคการเมืองและกลุ่มบ้านใหญ่-บ้านใหม่ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่
  5. พรรคการเมืองเลือกสนับสนุนบ้านใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่สุด
    ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การเลือกตั้งในจังหวัดอุบลราชธานี
  6. กระสุน-กระแส-ความคุ้นเคย
    การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ เงินทุน (กระสุน) กระแสนิยมระดับชาติ และความคุ้นเคยกับท้องถิ่น
  7. พรรครัฐบาลมีความได้เปรียบ
    พรรคบ้านใหญ่ที่มีอำนาจในระดับรัฐบาลสามารถใช้กลไกราชการสนับสนุนการเลือกตั้ง
  8. หัวคะแนนจัดตั้งชี้ผลการเลือกตั้ง
    หัวคะแนนที่สนับสนุนโดยเงินทุนมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้ง
  9. การเลือกตั้งในชนบทช่วยบ้านใหญ่ได้เปรียบ
    ชุมชนบ้านไม้มีแนวโน้มออกมาใช้สิทธิ์มากกว่าชุมชนบ้านตึก ทำให้พรรคบ้านใหญ่ได้เปรียบ
  10. วันเลือกตั้งที่เอื้อต่อบ้านใหญ่
    การจัดการเลือกตั้งในวันเสาร์เพิ่มความได้เปรียบให้พรรคบ้านใหญ่

ข้อสรุป

การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้เป็นสนามการต่อสู้ระหว่างบ้านใหญ่ (พรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย) และบ้านใหม่ (พรรคประชาชาติ) ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทการเมืองระดับชาติที่เข้ามามีอิทธิพลในระดับท้องถิ่น โดยผู้สมัครที่มีเงินทุนสนับสนุน กระแสนิยม และความคุ้นเคยในพื้นที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินชัยชนะ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ยกระดับท้องถิ่นยุคดิจิทัล สู่อนาคตใหม่ที่ยั่งยืน

การสัมมนายกระดับท้องถิ่นสู่การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ณ มร.ชร.

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ณ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการสัมมนาโครงการ “การยกระดับท้องถิ่นสู่การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล (Digital Transformation)” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการพัฒนาการให้บริการประชาชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ

การสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และ รศ.ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ผู้บริหารระดับสูง สมาชิก อบต. และผู้เกี่ยวข้องจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานกว่า 6,000 คน

ยุทธศาสตร์ดิจิทัลเพื่อยกระดับท้องถิ่น

รมช.มหาดไทย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลตาม ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของภาครัฐและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ตัวอย่างการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่

  • การให้บริการ One Stop Service
  • ระบบ e-Payment
  • การลดการใช้เอกสาร
  • การจัดเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์

เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความทันสมัยและเพิ่มความสามารถในการตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาศักยภาพบุคลากรและเครือข่ายความร่วมมือ

รศ.ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในท้องถิ่นให้เข้าใจหลักการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Digital Transformation พร้อมส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการสาธารณะ และการตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้บริหารและบุคลากรในท้องถิ่นทั่วประเทศที่จะได้แลกเปลี่ยนความรู้และแนวปฏิบัติที่ดี โดยเฉพาะการบริหารงานในยุคดิจิทัล ซึ่งจะช่วยยกระดับการบริการและการพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เป้าหมายและผลลัพธ์ของการสัมมนา

การสัมมนาครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อ:

  1. เสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับนโยบายการกระจายอำนาจ
  2. พัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการบริการสาธารณะ
  3. เพิ่มความเข้มแข็งในเครือข่ายความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  4. ยกระดับท้องถิ่นให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล

รมช.มหาดไทยกล่าวปิดท้ายว่า การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่เป็นโอกาสที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อผลักดันการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป

การสัมมนาครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรในท้องถิ่น และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News