Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 จัดฝึกโดดร่ม นศท. พัฒนาศักยภาพกำลังพล

หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มทบ.37 ฝึกกระโดดร่มพาราเซล รุ่นที่ 46

เชียงราย, 12 กุมภาพันธ์ 2568 – หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 37 (นฝ.นศท.มทบ.37) ได้จัดการฝึกกระโดดร่มแบบพาราเซล รุ่นที่ 46 สำหรับนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) ชั้นปีที่ 4 ประจำปีการศึกษา 2567 โดยมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกเชียงราย จำนวน 3 นายเข้าร่วม เพื่อเพิ่มทักษะ ความชำนาญ และขีดความสามารถทางทหาร ณ ค่ายฝึก นศท. เขาชนไก่ ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

รายละเอียดการฝึก

 วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10:00 – 17:00 น.

พล.ต.บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (ผบ.มทบ.37) ได้มอบหมายให้หน่วยฝึกดำเนินการฝึกในหลักสูตรดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ นศท. ได้รับการพัฒนาทักษะทางการทหาร โดยเฉพาะการกระโดดร่มแบบพาราเซล ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจของนักศึกษาก่อนการฝึกภาคสนามจริง

ลำดับการฝึก

1. พิธีทางศาสนาและบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เวลา 06:29 น. – จัดพิธีทางศาสนาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้ารับการฝึก โดยมี พล.ต.นิธิ รัตนะวรรธนะ รอง ผอ.กอ.ฝึกฯ (4) เป็นประธานในพิธี

2. การฝึกเบื้องต้น 4 สถานี

  • สถานีที่ 1: ขึ้นร่มและบังคับร่ม

  • สถานีที่ 2: ฝึกลงพื้นระดับ 2 ฟุต

  • สถานีที่ 3: ฝึกลงพื้นระดับ 4 ฟุต

  • สถานีที่ 4: ฝึกลงพื้นจากรอกวิ่ง

3. สถานีโดดหอสูง 34 ฟุต
การฝึกกระโดดจากหอสูง 34 ฟุต เพื่อทดสอบกำลังใจของนักศึกษาวิชาทหาร และช่วยให้ปรับตัวให้คุ้นชินกับความสูงก่อนการฝึกกระโดดร่มจริง

วัตถุประสงค์ของการฝึก

การฝึกกระโดดร่มพาราเซลเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นพัฒนาขีดความสามารถทางร่างกายและจิตใจของ นศท. ให้มีความกล้าหาญ มั่นใจ และสามารถควบคุมร่มชูชีพขณะทำการลงสู่พื้นได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างวินัยและการทำงานเป็นทีม เพื่อให้ นศท. สามารถนำทักษะที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในภารกิจทางทหารต่อไปในอนาคต

บทสรุป

การฝึกกระโดดร่มพาราเซล รุ่นที่ 46 ของ นศท. ชั้นปีที่ 4 ประจำปีการศึกษา 2567 ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มพูนทักษะและขีดความสามารถของนักศึกษาวิชาทหารแล้ว ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพและความกล้าหาญของกำลังพลรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการฝึกทหารให้พร้อมปฏิบัติภารกิจต่างๆ ในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
WORLD PULSE

มิติใหม่สื่ออาเซียน ไทย-ลาว ร่วมมือพัฒนาศักยภาพ

กรมประชาสัมพันธ์ผนึกกำลังสมาคมนักข่าวไทย-ลาว เสริมศักยภาพสื่อมวลชนรับมือยุคดิจิทัล

กรุงเทพมหานคร,10 กุมภาพันธ์ 2568 –  กรมประชาสัมพันธ์ โดยสถาบันการประชาสัมพันธ์ ร่วมมือกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าวแห่ง สปป. ลาว จัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับสื่อมวลชนจาก สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 10 – 21 กุมภาพันธ์ 2568 ณ กรุงเทพมหานคร

พิธีเปิดและการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU)

พิธีเปิดจัดขึ้นในวันนี้ โดยมีนายคเชนทร์ กรรณิกา นางสาวอรัญญา เกตุแก้ว รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ นายสะหวันคอน ราชมนตรี ประธานสมาคมนักข่าวแห่ง สปป.ลาว และคณะกรรมการสมาคมฯ เข้าร่วมเป็นเกียรติ

ในโอกาสนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าวแห่ง สปป. ลาว ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซึ่งเป็นบันทึกความเข้าใจฯ ที่ปรับปรุงให้สอดรับกับยุคสมัยมากขึ้น โดยจะเพิ่มการป้องกันแก้ไขปัญหาข่าวปลอม (Fake news) การรับมือกับข่าวสารในยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) การมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาภัยจากการหลอกลวงทางออนไลน์ และเพิ่มกิจกรรมพัฒนาศักยภาพและทักษะของบุคลากรสื่อ

วัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม

การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการนี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มุ่งสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างภาคสื่อมวลชนไทยและ สปป. ลาว อีกทั้งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนสนับสนุนการทำงานด้านข่าวระหว่างกัน โดยตัวแทนสื่อมวลชนทั้ง 7 คน มาจากหน่วยสื่อชั้นนำทั้งสื่อหลักและสื่อออนไลน์ทั่วประเทศลาว จะเข้ารับการฝึกอบรมและฝึกงานในหน่วยสื่อชั้นนำของไทย รวมทั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)

เนื้อหาของการฝึกอบรมที่ครอบคลุมและทันสมัย

การฝึกอบรมครั้งนี้ครอบคลุมเนื้อหาที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนในยุคปัจจุบัน อาทิ

  • หลักการพื้นฐานและจริยธรรมของสื่อมวลชน: เน้นย้ำความสำคัญของความถูกต้อง แม่นยำ เป็นกลาง และเป็นธรรมในการนำเสนอข่าวสาร
  • การผลิตข่าวคุณภาพในยุคดิจิทัล: สอนเทคนิคการเขียนข่าว การถ่ายภาพ การตัดต่อวิดีโอ และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการเผยแพร่ข่าวสาร
  • การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือใหม่ๆ ในการสื่อสาร: แนะนำการใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มต่างๆ ในการผลิตและเผยแพร่ข่าวสารอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การตรวจสอบข่าวสารและต่อต้านข่าวปลอม: สอนทักษะการตรวจสอบข่าวสารจากแหล่งต่างๆ และการแยกแยะข่าวจริงออกจากข่าวปลอม
  • การรับมือกับภัยคุกคามทางออนไลน์: สอนแนวทางการป้องกันตนเองจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ การถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์ และการหลอกลวงทางออนไลน์
  • การมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม: ส่งเสริมให้สื่อมวลชนมีบทบาทในการสะท้อนปัญหาและนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาของสังคม

ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างสื่อมวลชนไทย-ลาว

การจัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างสื่อมวลชนไทยและ สปป. ลาว ในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและยกระดับมาตรฐานของวงการสื่อมวลชนในภูมิภาค

ความคาดหวังและผลลัพธ์ที่จับต้องได้

ผู้จัดงานคาดหวังว่า สื่อมวลชนลาวที่เข้าร่วมการฝึกอบรมในครั้งนี้ จะได้รับความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ในการนำไปพัฒนาการทำงานของตนเอง และมีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการสื่อมวลชนของ สปป. ลาว ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเร่งเครื่องพัฒนาบุคลากร สู่การทำงานมืออาชีพรับใช้ประชาชน

เชียงรายเร่งพัฒนาบุคลากร เสริมศักยภาพการทำงานสู่มืออาชีพ

เชียงราย, 7 กุมภาพันธ์ 2568 –   ณ ห้องประชุมธรรมปัญญา ชั้น 2 อบจ.เชียงราย] นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย ปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายให้นางฐิรญาภัทร์ ธีติโรจนกาญจน์ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพการทำงานอย่างมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีคณะวิทยากรและผู้เข้าอบรมจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมโครงการ

การบรรยายช่วงเช้า: แผนพัฒนาท้องถิ่นและการบริหารสัญญา

ในช่วงเช้าของการอบรม นายสุกรรณ์ คำภู ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น ได้บรรยายในหัวข้อ “การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น และการจัดทำโครงการ” โดยเน้นถึงความสำคัญของการวางแผนพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และการจัดทำโครงการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม

ต่อมา นางฐิรญาภัทร์ ธีติโรจนกาญจน์ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย ได้บรรยายในหัวข้อ “สังเกตการบริหารสัญญา การลดความเสี่ยงของงานก่อสร้าง” โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารสัญญาอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในงานก่อสร้าง

การบรรยายช่วงบ่าย: การบริหารสัญญาและการใช้เงินสำรองจ่าย

ในช่วงบ่าย ผอ.กองคลัง อบจ.เชียงราย ได้บรรยายในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสัญญาและการเงิน ได้แก่

  1. การบริหารสัญญา
  2. การแจ้งหยุดงาน การแจ้งเข้างาน การแก้ไขสัญญาจ้าง
  3. การตรวจรับโครงการ
  4. แนวทางการใช้เงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินและความจำเป็นเร่งด่วน

โดยเน้นถึงความสำคัญของการบริหารสัญญาอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นไปตามระเบียบ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน

อบจ.เชียงราย มุ่งพัฒนาบุคลากรให้เป็นมืออาชีพ

อบจ.เชียงราย เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ ที่มีภารกิจในการพัฒนาครอบคลุมทั้งจังหวัดเชียงราย การจัดบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะให้เกิดการตอบสนองความต้องการของประชาชน บุคลากรจึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจขององค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด

ดังนั้น อบจ.เชียงราย จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ และขีดความสามารถในการทำงานที่ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาบุคลากรให้ครอบคลุมทุกประเภท ทุกระดับ ให้ทำงานอย่างมืออาชีพ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานอย่างถูกต้อง สามารถประกันคุณภาพของงานที่ทำได้ รวมทั้งมีไหวพริบในการจัดการ แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และทำงานอย่างจริงจังโดยมุ่งมั่นตั้งใจให้เกิดผลงานที่ดีที่สุด

โครงการพัฒนาศักยภาพการทำงานอย่างมืออาชีพในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการพัฒนาบุคลากร เพื่อยกระดับการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างดีที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ฝึกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในภาวะไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

กองทัพอากาศฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในภาวะไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 กองทัพอากาศได้จัดการฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกบินควบคุมไฟป่าและหมอกควันประจำปี 2568 โดยมีการจัดฝึกในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภาวะไฟป่าและฝุ่นควัน PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

การฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ

ในการฝึกครั้งนี้ กองทัพอากาศได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์และโรงพยาบาลเชียงรายราม โดยมีการฝึกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศด้วยอากาศยานจริง ทั้งเฮลิคอปเตอร์แบบ EC-725 ของกองทัพอากาศและเฮลิคอปเตอร์แบบ H130 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเครื่องบินที่สามารถใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ฉุกเฉิน

การฝึกครั้งนี้ใช้สถานการณ์สมมติในการฝึกการแก้ไขปัญหาภาวะฉุกเฉิน ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ไฟป่าหรือหมอกควัน PM 2.5 ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย การฝึกนี้จึงมุ่งเน้นให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

การร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ

การฝึกในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศและโรงพยาบาลทั้งสองแห่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งหวังให้สามารถใช้ทักษะที่ได้ฝึกมาในครั้งนี้ในการจัดการปัญหาภัยพิบัติในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) ในภาคเหนือและพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหาภัยพิบัติ

ฝูงบิน 416 มุ่งมั่นพัฒนา

การฝึกปฏิบัติการครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการฝึกทักษะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาหน่วยงานและทักษะของข้าราชการในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาภัยพิบัติ ฝูงบิน 416 ของกองทัพอากาศจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถในการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในช่วงที่ไฟป่าและหมอกควันมีความรุนแรง การฝึกในครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในภาคเหนือและทั่วประเทศมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการฝึกในครั้งนี้

ฝึกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในครั้งนี้มีความสำคัญต่อการสร้างมาตรฐานในการบรรเทาภัยพิบัติและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะในกรณีของไฟป่าและมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน กองทัพอากาศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือกันในการพัฒนาระบบการช่วยเหลือให้เกิดความมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

สรุป

การฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมเพื่อจัดการกับภัยพิบัติในภาคเหนือ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดไฟป่าและปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การฝึกนี้ช่วยเสริมสร้างทักษะของบุคลากรทางการแพทย์และกองทัพอากาศ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News