Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘พิพัฒน์’ ลงพื้นที่เชียงราย ให้กำลังใจแรงงานโครงการคืนคนดีสู่สังคม

 
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่เยี่ยมพบปะให้กำลังใจแรงงานที่ได้รับการฝึกอาชีพตามโครงการคืนคนดีสู่สังคม ศูนย์ฝึกอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ และให้บริการล้างทำความสะอาดรถยนต์แก่ประชาชนที่มารับบริการ ณ ศูนย์ฝึกอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ เมตตา พระไพศาลประชาทร วิ. วัดห้วยปลากั้ง อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
 
 
โดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 เชียงราย กับวัดห้วยปลากั้ง ที่ได้ฝึกอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังที่พ้นโทษ ได้นำความรู้จากการฝึก มาต่อยอดในการประกอบอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นายพิพัฒน์กล่าวว่า ในวันนี้ตนพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงานลงพื้นที่เชียงรายมาเยี่ยมพบปะกับแรงงานที่ได้รับการฝึกอาชีพตามโครงการคืนคนดีสู่สังคม ที่ศูนย์ฝึกอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ เมตตา พระไพศาลประชาทร วิ. ซึ่งที่นี่ให้บริการล้างทำความสะอาดรถยนต์แก่ประชาชนที่มารับบริการคันละ 50 บาท ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานกับวัดห้วยปลากั้ง ที่จะเปิดโอกาสให้แรงงานชั้นดีที่พ้นโทษได้มีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ สามารถประกอบอาชีพหลังจากออกมาสู่สังคม โดยการล้างรถ ฝุ่น โคลน
 

ซึ่งในส่วนนี้ตนจะนำโมเดลดังกล่าวไปต่อยอดขยายผล  พร้อมหารือสถานีบริการน้ำมันเอกชนทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มการจ้างงาน สร้างอาชีพ พร้อมสร้างคุณค่าคืนคนดีสู่สังคมต่อไป นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่เชียงรายในครั้งนี้ ยังพบว่าปัจจุบันเชียงรายยังพบปัญหาฝุ่นควันในปริมาณที่สูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่สำคัญมีความห่วงใยต่อแรงงานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่โดยเฉพาะแรงงานที่ต้องทำงานอยู่ในกลางแจ้ง

จึงได้กำชับให้แรงงานจังหวัด ร่วมมือกับอาสาสมัครแรงงาน (อสร.) จังหวัดเชียงราย 124 คน พบปะกับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อรณรงค์ให้ชาวบ้านช่วยกันหยุดเผาป่า ป้องกันฝุ่นควันลดปัญหามลพิษทางอากาศ อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ เพื่อร่วมสร้างทัศนียภาพให้กลับมาสวยงามเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงแรงงาน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

“มนพร“ ตรวจคืบหน้าพัฒนาโครงข่าย คมนาคมทางน้ำ จ.เชียงราย

 
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพันธ์ คุณากรวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ และได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและติดตามโครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต โดยมีนายดรุฒ คำวิชิตธนาภา กรรมการ กทท. นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. นายอภิเสต พงษ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการ กทท. สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ และพนักงาน กทท.ให้การต้อนรับ ณ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน จังหวัดเชียงราย
 
 
โครงการส่งออกสัตว์มีชีวิตที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน (ทชส.) ได้ผ่านความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว และสามารถดำเนินโครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต (โคเนื้อ กระบือ สุกร) ผ่านที่ ทชส. ในพื้นที่ 1 บริเวณพื้นที่ท่าเรือแนวลาดฝั่งทิศใต้ ได้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป โดยคาดการณ์ปริมาณสัตว์ส่งออกสุกร 15,000 ตัว/เดือน หรือ 180,000 ตัว/ปี โค กระบือ จำนวน 5,000 ตัว/เดือน หรือ 60,000 ตัว/ปี ส่งผลให้ ทชส. มีรายได้จากการดำเนินโครงการฯ เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10 ล้านบาท ทั้งนี้ การส่งออกสัตว์มีชีวิตผ่านที่ ทชส. ต้องปฏิบัติตามแนวทางตามระเบียบของกรมปศุสัตว์และระเบียบพิธีการของกรมศุลกากรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การขนถ่าย เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยผู้ประกอบการต้องทำนัดหมายช่วงเวลาในการขนถ่ายสัตว์ล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง การล้างสิ่งปฏิกูลและฉีดยาฆ่าเชื้อ การขนย้ายโดยมีที่กั้นที่แข็งแรง ถ่ายเทอากาศได้ดี มีอุปกรณ์ช่วยขนสัตว์ขึ้นลง รวมทั้งการทำความสะอาดจุดขนถ่ายสัตว์ เมื่อดำเนินการขนถ่ายแล้วเสร็จ เป็นต้น
 
 
“ปัจจุบันโครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต (โคเนื้อ กระบือ สุกร) ที่ ทชส.ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างกรมเจ้าท่าและการท่าเรือฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันดำเนินโครงการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเกษตรกรที่อยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบท่าเรือและอำเภอเชียงแสนตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้เน้นย้ำให้ดำเนินการตามแนวทางตามระเบียบของกรมปศุสัตว์และระเบียบพิธีการของกรมศุลกากร เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน” นางมนพร กล่าว
 
 
ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า “โครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต เป็นการใช้พื้นที่ ทชส. เพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของไทยเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของ ทชส. ที่สามารถให้การสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว อันจะเป็นการสร้างรายได้ ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องการส่งออกสัตว์ที่อาจจะมีราคาต่ำลง และเชื่อว่าแนวคิดต่างๆ ทั้งภาคเกษตรกร ภาคธุรกิจที่ได้ร่วมประชุมหารือในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อ ทชส. ในการให้การสนับสนุนและต่อยอดด้านการค้าการขนส่งในพื้นที่ต่อไป”
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่าเรือแห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ชมรมสตรี 3.8 ชาวไทยภาคเหนือ จัดงาน “วันสตรียูนหนาน ครั้งที่ 6 ”

 

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2567 เวลา 11.30 น.ที่บริเวณสนามด้านหน้า องค์การบริหารส่วนตำบลป่าตึง ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  นายเฉิน ไห่ผิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ เป็นประธานเปิด  “งานชมรมสตรี 3.8 ชาวไทยภาคเหนือ ครั้งที่ 6” หรือชาวบ้านจะเรียกว่า “งานวันสตรียูน้าหนาน” ที่จัดโดยกลุ่มชาวไทย เชื่อสายจีนยูนหนานนำโดย ชมรมสตรี 3.8 ชาวไทยภาคเหนือ ที่มีสมาชิกในชมรม จำนวน 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และ แม่ฮ่องสอน กว่า 60 หมู่บ้าน โดยมีชาวไทยเชื้อสายจีนยูนหนาน ทั้งที่ นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และ ศาสนาอิสลาม มาร่วมงานจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ กว่า 2,500 คน

 

          ในงานมีการจัดกิจกรรม โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสืบสานวัฒนธรรมชาติพันธุ์ชนเผ่า และรักสุขภาพประจำปี พ.ศ.2567 อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญากลุ่มชาติพันธุ์ เช่น การแต่งกาย ภาษาพูด ภาษาเขียน อาหาร วิถีชีวิตขนเผ่า ซึ่งภายในงานมี กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่า มีการแสดงจากกลุ่มต่างๆ  มีการจำหน่ายสินค้า OTOP มีการตั้งขบวนของกลุ่มชาติพันธ์แต่ละหมู่บ้าน เพื่อต้อนรับประธานในพิธีในงาน ได้แก่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  นายเฉิน ไห่ผิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางอทิตาธรวันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมให้การต้อนรับ 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

โตโยต้าจูเนียร์ 2024 สนามสุดท้ายลุยเชียงราย คัดเยาวชนติดทีมชาติไทย

 
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2567 ได้มีพิธีเปิดโครงการ “Toyota Junior Football Clinic 2024” ซึ่งโตโยต้าจูเนียร์ ฟุตบอล คลินิก 2024 สนามคัดเลือก จังหวัดเชียงราย ที่สนามสิงห์ เชียงราย สเตเดียม โดยได้รับเกียรติให้การเปิดงานจาก ว่าที่ร้อยตรีศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ฯเชียงราย เป็นประธานในพิธี โดยมีพ.ต.ท.เอกนรินทร์ ปันยานะ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.บ้านดู่, วาที ยอดบุตร รองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านดู่, ชญาณ์นันท์ เชื้อสิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย, โชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์ จังหวัดเชียงราย,ชิตวัน ชินอนุวัฒน์ (ส.ส. ปั๋น) – สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงรายเขต 1, รองประธานคณะกรรมาธิการกีฬาคนที่ 2 สภาผู้แทนราษฎร, ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับการกีฬา ในคณะกรรมาธิการกีฬา และ จินตนา จิตรสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด ร่วมเป็นเกียรติในพิธี
 
 

ายในงานยังมีโครงการเพื่อสังคมพิเศษในการมอบเสื้อกีฬาในกับโรงเรียนในจังหวัดเชียงราย โดยได้รับเกียรติจากตัวแทนผู้จำหน่ายของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จํากัด เป็นผู้มอบ ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายนับเป็นสนามสุดท้ายในการคัดเลือกตัวแทนแต่ละภูมิภาคเพื่อเข้าร่วมฝึกซ้อมและผู้คัดเลือกรอบสุดท้าย จะได้เป็นตัวแทนไปเข้าร่วมกิจกรรมที่ประเทศญี่ปุ่น

 

รูปแบบกิจกรรมการคัดเลือกเยาวชนรุ่นอายุ 13-14 ปี จะเป็นการคัดเยาวชนฝีเท้าดีสนามละ 20-30 คน รวมทั้งสิ้น 210 คน เข้ารับการคัดเลือกรอบสุดท้าย ที่ศูนย์พัฒนาเยาวชนกีฬาฟุตบอล จะคัดเลือกผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 46 คน เพื่อเข้าแคมป์เก็บตัวกับทีมผู้ฝึกสอนจาก “เอสทีบี” ที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอล ภายในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จังหวัดกรุงเทพฯ (เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน)

 

หากได้รับการคัดเลือกเข้ารอบ 23 คนเพื่อเป็นตัวแทนแบรนด์โตโยต้า จะต้องเข้าร่วมงานแถลงข่าวและเดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเข้าแข่งขันเป็นตัวแทน “แบรนด์โตโยต้า” ในการเข้าร่วมการแข่งขัน ตลอดปี 2567 อาทิโครงการ Jintan U-14 ASEAN Dream Football Tournament คือการแข่งขันฟุตบอลที่นำนักเตะเยาวชนจากประเทศไทย ญี่ปุ่น และในกลุ่มอาเซียน จำนวน 12 ทีม เข้าดวลแข้งลีกเยาวชน ที่สนามฟุตบอลโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ่ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะการเล่นฟุตบอลของเยาวชนอาเซียน พร้อมคัดเลือกเยาวชนที่มีทักษะและฝีเท้าที่โดดเด่นไปเปิดประสบการณ์ฝึกทักษะกับสโมสรชั้นนำภายใต้ J-League ลีกฟุตบอลอาชีพระดับสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น (หรือจนกว่าจะมีประกาศให้ทราบอีกครั้ง)

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : TOYOTA Spirit of Football

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“ศุภมาส” ลั่น! พร้อมส่ง “คน-เทคโนฯ-ทุน” ลงพื้นที่เชียงราย ขับเคลื่อนชุมชนป่าตึงริมกก

 
 เมื่อวันที่ 17 มี.ค. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัด อว. น.ส.สุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการ อว. และผู้บริหาร อว. ลงพื้นที่ปรึกษาติดตามการดำเนินงานของกระทรวง อว.ในพื้นที่ จ. เชียงราย-พะเยา ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน)
 
 
โดยจุดแรก น.ส.ศุภมาส ได้ติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนานครเชียงรายสู่เมืองแห่งความสุข 3 มิติ และการพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต สำหรับคนทุกวัย สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของ จ.เชียงราย ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรภ.เชียงราย) ร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย ที่บริเวณชุมชนป่าตึงริมกก โดยมีนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีเมืองเชียงราย พร้อมชุมชนต้นแบบจำนวน 14 ชุมชนมาให้การต้อนรับ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดย น.ส.ศุภมาส ได้เดินดูผลิตผลทางการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตสู่การเป็นอาหารปลอดภัยจากชุมชนต้นแบบทั้ง 14 ชุมชน พร้อมพูดคุยกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ รมว.อว.กล่าวว่า กระทรวง อว. มีนโยบายให้มหาวิทยาลัยในพื้นที่นำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรมไปช่วยพัฒนาท้องถิ่นตามความต้องการของชุมชน ตลอดจนช่วยแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนและส่งเสริมให้ชุมชนเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
 
 
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนเขตเมืองที่สอดคล้องรับนโยบายของจังหวัดเชียงรายและเป็นเมืองแห่งสุขภาวะ (Wellness City) ทั้งนี้ เทศบาลนครเชียงรายร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้มีการจัดแสดงผลงานนวัตกรรมจากชุมชนพื้นที่เทศบาลนครเชียงรายที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจ ได้แก่
  • ผลงานวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  • นวัตกรรมด้านการจัดการขยะในชุมชน
  • นวัตกรรมชุมชนต้นแบบอาหารปลอดภัย
  • นวัตกรรมผลลัพธ์หลักสูตรการเรียนรู้อาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพสำหรับ ผู้สูงอายุ
  • ผลผลิตตลาดเกษตรปลอดภัยนครเชียงราย
 
จากนั้น น.ส.ศุภมาส ได้เดินทางไปติดตามการดำเนินงานยัง Young Smart Farmer (YSF) ที่โอโซนฟาร์ม ซึ่งเป็นฟาร์มที่ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าการผลิตและควบคุมระบบการปลูกพืชออร์แกนิกซ์ปลอดสารพิษ ดำเนินการโดยอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดย รมว.อว. ได้เยี่ยมชมการพัฒนาระบบ Smart Farm ระบบแยกผสมปุ๋ยและควบคุมอัตโนมัติสำหรับฟาร์มเมล่อน เพื่อให้ได้ผลผลิตเมล่อนคุณภาพสูง รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเมล่อนและผลิตผลทางการเกษตรอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมาย
 
 
 ต่อมา น.ส.ศุภมาส ได้เดินทางไปยัง บริษัท เฮล์ท เฮิร์บ เซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อติดตามผลการดำเนินงานการสนับสนุนงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่ SMEs และวิสาหกิจชุมชน ที่ อ.แม่สาย โดยอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มฟล. ซึ่งผู้ประกอบการรายนี้เป็นผู้ผลิตเครื่องสำอางและยาสมุนไพรจากกวาวเครือขาว กวาวเครือแดงรายแรกๆ ของ จ.เชียงราย ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยการนำงานวิจัยของ มฟล.มาใช้ ปัจจุบันได้กลายเป็นผู้ส่งออกสารสกัดและผลิตกวาวเครือขาว กวาวเครือแดงไปในหลายๆ ประเทศทั่วโลก โดย รมว.อว. ยังได้ร่วมประชุมกับผู้ประกอบการและผู้บริหารอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคอีกด้วย
 
 
จากนั้น น.ส.ศุภมาส ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวง อว. มีหน่วยงานต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนชุมชนและผู้ประกอบการใน จ.เชียงราย ทั้ง มรภ.เชียงราย มฟล. และอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค รวมถึงหน่วยงานสนับสนุนทุนวิจัยต่างๆ ซึ่งเป็นจิ๊กซอว์ที่ อว. ประกอบภาพขึ้นมา เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาชุมชนและพื้นที่ให้สมกับการที่เชียงรายได้รับการประกาศให้เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบของยูเนสโก (UCCN) ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน และกระทรวง อว.จะทำในทุกจังหวัด คือการสนับสนุนคนเทคโนโลยีและทุน ทั้งทุนตั้งต้น ทุนตั้งตัว เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไปได้ไกลที่สุดจะได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“พิสันต์” ยืนยันสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประชาชนร่วมได้ 23 – 24 มี.ค. 67 นี้

 

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 ที่วัดพระธาตุดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และนายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567 “2006 ปีสืบมา หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” โดยมี นายอำเภอแม่จัน หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าว

 

การจัดงานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุงของทุกปีตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 หรือเดือน 6 เหนือ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมด้านศาสนาของพุทธศาสนิกชน สืบทอดประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามที่มีมาแต่อดีต อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมในการพัฒนาด้านจิตใจให้เกิดคุณธรรมจริยธรรมอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะคนที่เกิดปีกุล โดยกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 23 – 24 มีนาคม 2567 นี้ ภายในงานได้กำหนดให้มีกิจกรรมคือ ในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 ช่วงเช้าเป็นพิธีเดินจาริกแสวงบุญธรรมยาตราของพุทธศาสนิกชน จะร่วมเดินจาริกจากอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดศาลาเชิงดอย ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย ไปตามเส้นทางเดินเท้าสายเดิม ขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยตุง รวมระยะทาง 9 กม. เพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุกระดูกไหปลาร้า (พระรากขวัญเปื้องข้าย) ของพระสัมมาพระพุทธเจ้า ส่วนช่วงบ่ายเป็นพิธีตักน้ำทิพย์สรงพระธาตุดอยตุง เพื่อนำน้ำทิพย์เข้าร่วมพิธีสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ซึ่งอาณาบริเวณโดยรอบพระธาตุดอยตุงเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน ปรากฏบ่อน้ำศักดิ์สิทธิอายุนับพันกว่าปี และบ่อน้ำศักด์สิทธิ์เป็นหนึ่งในสถานที่ตักน้ำประกอบพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
 

ในพิธีดังกล่าวยังได้จัดให้มีพิธีขบวนแห่น้ำสรงพระราชทานและสิ่งของพระราชทาน โดยเคลื่อนขบวนจากเทศบาลตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย มุ่งสู่ วิหารวัดน้อยดอยตุง และช่วงค่ำเป็นพิธีสมโภช เทศน์สวดเบิก โดยพระสงฆ์ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์สมโภชน้ำทิพย์ ส่วนในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2567 ในช่วงเช้าเป็นพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เริ่มในเวลาประมาณ 05.00 น. ณ บริเวณวัดน้อยดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย โดยมีพระสงฆ์และสามเณร จำนวน 50 รูป ออกรับบิณฑบาตรับข้าวสารอาหารแห้ง จากนั้นต่อด้วยพิธีบวงสรวงพระธาตุดอยตุง เริ่มในเวลาประมาณ 07.00 น. ณ บริเวณพระธาตุดอยตุง พร้อมขบวนเครื่องสักการะพระธาตุดอยตุง และพิธีสืบชะตาหลวงล้านนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมงาน โดยมีพระสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ลืบชะตาหลวงล้านนา และพิธีสุดท้ายเป็นพิธีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ถือเป็นหัวใจสำคัญของการจัดงาน เป็นการนำเครื่องสักการะซึ่งผู้เข้าร่วมงานพุทธศาสนิกชน ได้เข้าร่วมขบวนมาถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุเจ้าดอยตุง เป็นสิริมงคลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระราชทานสิ่งของเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในครั้งนี้อีกด้วย

 

โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567

       เวลา 06.00 น. กิจกรรมเดินจาริกแสวงบุญ ธรรมยาตราของพุทธศาสนิกชนร่วมเดินจาริกจากอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดศาลาเชิงดอย ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย ไปตามเส้นทางเดินเท้าสายเดิม เข้าสู่วัดพระธาตุดอยตุง

       เวลา 13.00 น. พิธีตักน้ำ ณ บ่อน้ำทิพย์ วัดน้อยตอยตุง เพื่อเตรียมใช้สรงน้ำพระธาตุดอยตุง

       เวลา 13.00 น. ขบวนเชิญน้ำสรงพระราชทานและสิ่งของพระราชทาน เคลื่อนขบวนจากเทศบาลตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย มุ่งสู่ วิหารวัดน้อยดอยตุง

       เวลา 17.00 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และสวดเบิกสมโภชน้ำทิพย์ น้ำสรงพระราชทาน ผ้าห่มพระธาตุพระราชทาน และผ้าไตรพระราชทาน ณ วิหารวัดน้อยดอยตุง

 

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2567

       เวลา 05.00 น. พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ณ บริเวณวัดน้อยดอยตุง

       เวลา 07.00 น. พิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ บริเวณพระธาตุดอยตุง

       เวลา 08.00 น. ขบวนเครื่องสักการะพระธาตุดอยตุง ขบวนอัญเชิญสิ่งของพระราชทาน อาทิ น้ำสรงพระราชทาน ผ้าห่มพระธาตุดอยตุงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และเครื่องสักการะ ต่าง ๆ ตามจารีตประเพณีล้านนา ขบวนพุทธศาสนิกชน 18 อำเภอ ขบวนฟ้อนเล็บเชียงราย ขบวนชาติพันธุ์ เคลื่อนจากวัดน้อยดอยตุงขึ้นสู่ลานพระธาตุดอยตุง

       เวลา 09.00 น. พิธีสืบชะตาหลวงล้านนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมงาน

       เวลา 09.39 น. พิธีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง นำโดย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีฯ

       จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ข้าราชการและประชาชน ร่วมงานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567 “2006 ปีสืบมา หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” โดยพร้อมเพรียงกัน

 

พระธาตุดอยตุง ปฐมธาตุเจดีย์แห่งล้านนา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1454 สมัยพระเจ้าอชุตราชแห่งโยกนาคพันธุ์นคร ประดิษฐานพระรากขวัญเบื้องซ้ายและพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า มีประเพณีสักการะและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง เป็นประจำทุกปี ในวันเพ็ญเดือน 6 (เหนือ) หรือตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ของภาคกลาง โดยในการจัดงานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ น้ำสรงพระธาตุดอยตุงสำหรับประกอบพิธี และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทาน น้ำสรงพระธาตุดอยตุง ผ้าห่มพระธาตุดอยตุง และผ้าไตร เพื่อประกอบพิธีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567

 

ทั้งนี้หากท่านใดสนใจเข้าร่วมงาน สามารถติดตามข่าวสารการจัดงาน และรับชมถ่ายทอดสดการจัดกิจกรรม งานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567 “2006 ปีสืบมา หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” ผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ “ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” หรือติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โทรศัพท์. 0-5315-0169 หรือ E-mail: chiangrai.culture001@gmail.com
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

วิชชากรณ์ กาศโอสถ : รายงาน 
อภิชาต กันธิยะเขียว : ภาพ และบรรณาธิการข่าว 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ผู้ว่าฯเชียงราย สั่งคนเผชิญไฟป่า สุขภาพไม่พร้อมให้งดปฏิบัติหน้าที่ทันที

 
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 67 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่าและPM 2.5 จังหวัดเชียงราย ชั้น1 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุม โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ และนายอำเภอ ผู้แทนนายอำเภอ จากทั้ง 18 อำเภอ ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอ conference
 
 
ในที่ประชุมฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้รับฟังการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำชับและเตรียมพร้อมการยกระดับมาตรการ ถึงแม้จุดความร้อนจะน้อยก็ตาม เนื่องจากคุณภาพอากาศในห้วงนี้ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง พร้อมทั้งจะมีการ Kick off ทั้ง 18 อำเภอในวันที่ 20 มีนาคมนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเน้นย้ำห้ามเผาแก่ประชาชน พร้อมทั้งสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ ที่เผชิญกับไฟป่า กำชับต้องมีการตรวจสุขภาพเจ้าหน้าที่ดับไฟทุกราย หากเกณฑ์สุขภาพไม่พร้อมที่จะสามารถปฏิบัติงานได้ ให้งดปฏิบัติหน้าที่ทันทีเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งการดูแลในเรื่องของสวัสดิการ และค่าตอบแทนหากเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุอันใดจากการปฏิบัติงาน
 
.
ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายได้สั่งการให้นายอำเภอ ยกระดับการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ตามที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (กอปภ.จ.ชร.) ได้มีประกาศฯลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เรื่อง ห้ามการเผาในที่โล่งทุกชนิดโดยเด็ดขาด “76วันปลอดการเผา ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย” ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2567 ทั้งนี้สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พบว่ายังมีปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ ต่อเนื่องติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2567 เป็นต้นมา จึงให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอดำเนินการยกระดับปฏิบัติการเพื่อควบคุมการเผาในพื้นที่อย่างเข้มข้น จริงจัง บังคับใช้มาตรการทางกฎหมายห้ามเผาอย่างเด็ดขาด ประสานผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการหาตำแหน่ง และสาเหตุการเกิดจุดความร้อน (Hotspots ) ในพื้นที่ ทั้งนี้ หากพบจุดความร้อนให้เร่งเข้าปฏิบัติการดับไฟโดยทันที 
 
 
เพื่อไม่ให้เกิดการลุกลามและขยายวงกว้าง และเมื่อควบคุมสถานการณ์ได้แล้วให้จัดชุดเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ และในพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟป่ารุนแรง หรือเกิดไฟป่าซ้ำซาก ให้เพิ่มรอบการลาดตะเวน และจัดชุดเฝ้าระวังประจำจุดตรวจ จุดสกัด ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาลชุมชน สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และหน่วยบริการสาธารณสุขอื่น ๆ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ดำเนินการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือหน้ากากอนามัยชนิด N95 ให้แก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง และจัดพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) หรือห้องปลอดฝุ่นไว้บริการประชาชน รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการให้คำแนะนำในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ และช่องทางการเข้ารับบริการห้องปลอดฝุ่น หรือคลินิกมลพิษ จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว “อสม. เคาะประตูบ้าน” เพิ่มรอบการตรวจเยี่ยม เพื่อยกระดับการแจ้งข่าวและสื่อสารความเสี่ยงด้านสุขภาพให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งดูแลผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา หรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ปรับรูปแบบการเรียนการสอน หรือปิดการเรียนการสอนในสถานศึกษา ให้สอดคล้อง เหมาะสมกับสถานการณ์
 
 
.
อีกทั้งกำชับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด เพื่อป้องกันและลดมลพิษจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ ทั้งการเผาในที่โล่ง ภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง และประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือประชาชน ตลอดจนภาคส่วนต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการสอดส่อง
ดูแลหมู่บ้าน ชุมชน โดยงดการเผาและงดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ ให้ประชาชนทราบถึงมาตรการและผลการปฏิบัติของภาครัฐในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ตลอดจนช่องทางในการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เปิดศูนย์พระวินยาธิการ ประจำจังหวัดหน่วยอำเภอเทิง

 

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 เวลา 13.30 น.นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมพิธีเปิดศูนย์พระวินยาธิการประจำจังหวัดเชียงราย หน่วย อ.เทิง ณ วัดพระนาคแก้ว ต.เวียง อ.เทิง จ.เชียงราย โดยมีพระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ประธานกรรมการพระวินยาธิการประจำจังหวัดเชียงราย ประธานในพิธีฯ พร้อมด้วยพระครูอุดมคณาภิรักษ์ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พระครูสิริคันธวงค์ ประธานคณะกรรมการพระวินยาธิการประจำอำเภอเทิง นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอเทิง นายปรีชา พัวนุกูลนนท์ ประธานสมาพันธ์ส่งเสริมและพิทักษ์พระพุทธศาสนา นายโสไกร ใจหมั้น ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย นายทวีพงษ์ อินวงค์สกุล นายกพุทธสมาคมจังหวัดเชียงราย สาขาเทิง ร่วมให้เกียรติในพิธีฯ ดังกล่าวด้วย

.
ด้วยมหาเถรสมาคมได้มีมติครั้งที่ 11/2564มติที่ 272/2564 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 เห็นชอบให้มีการจัดตั้งศูนย์กฎหมายเพื่อคณะสงฆ์หรือศูนย์ปกป้องคุ้มครองคณะสงฆ์ เพื่อเป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของวัดหรือพระภิกษุที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม มีปัญหาเกี่ยวกับคดีหรือข้อพิพาทและให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ ประสานงานแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้บูรณาการงานด้านความมั่นคงของสถาบันชาติ (ด้านศาสนา) ร่วมกับศูนย์ประสานงานการปฏิบัติที่ กอ.รมน.รับแจ้งการกระทำความผิดต่อพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือแจ้งภัยทางพระพุทธศาสนา อันเป็นการสนองงานแก่คณะสงฆ์และวัดให้ดำรงอยู่ได้อย่าง มั่นคง สืบไป และคณะสงฆ์จังหวัดเชียงรายจัดอบรมถวายความรู้แก่พระวินยาธิการ จำนวน 310 รูป ณ วัดพระธาตุผาเงา ต.เวียง อ.เชียงแสน เพื่อให้คณะสงฆ์ได้มีความรู้ด้านกฎหมายบ้านเมือง กฎระเบียบ มหาเถรสมาคม พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 
 
 
โดยให้คณะสงฆ์ทุกอำเภอจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพระวินยาธิการอำเภอ บูรณาการร่วมกับนายอำเภอรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ฝ่ายทหาร) ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันประสานงานช่วยเหลือสนับสนุนเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับในพื้นที่ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอย่างใกล้ชิด ในการป้องกันการแก้ไขปัญหา กวดขันเอาใจใส่ และการเฝ้าระวังพระภิกษุสามเณรในเขตปกครองให้ยึดมั่นประพฤติอยู่ในกรอบแห่งพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด รวมถึงการทำการที่ไม่เอื้อต่อพระธรรมวินัย ตลอดทั้งกลุ่มบุคคลที่กระทำไม่เหมาะสม ไม่หวังดีต่อพระพุทธศาสนาในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงทีเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นข่าวปรากฎตามสื่อต่าง ๆ อันเป็นการสร้างความเสื่อมเสียมัวหมองต่อคณะสงฆ์และสั่นคลอนต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชน
 
 
ทั้งนี้ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่า “รู้สึกภูมิใจที่ได้มาร่วมงานสำคัญของจังหวัดเชียงรายในวันนี้
ซึ่งเป็นงานที่จะจรรโลงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ คือสถาบันชาติ สถาบันพระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ในการเปิดศูนย์พระวินยาธิการประจำจังหวัดเชียงราย หน่วยอำเภอเทิงนี้ โอกาสนี้ ดิฉัน ในนามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีความยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์พระวินยาธิการประจำ จังหวัดเชียงราย หน่วยอำเภอเทิง เพื่อให้การดำเนินงานสำเร็จตามวัตถุประสงค์ตลอดไป”
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เปิดการแข่งขันฟุตบอลจิตอาสา เชียงราย “อาข่าเวิลด์คัพ ครั้งที่ 1”

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ สนามกีฬาหญ้าเทียม X-Arena ตำบลท่าสาย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน เปิดการแข่งขันฟุตบอล “อาข่าเวิลด์คัพ ครั้งที่ 1” กลุ่มจิตอาสา Akka Volunteer (อาข่าจิตอาสา) จังหวัดเชียงราย โดยมีนายทวีศักดิ์ สะโง้ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขัน พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดการแข่งขัน และผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด

 

การจัดการแข่งขันฟุตบอล “อาข่าเวิลด์คัพ ครั้งที่ 1” กลุ่มจิตอาสา Akka Volunteer (อาข่าจิตอาสา) เพื่อระดมทุนเข้ากลุ่มอาข่าจิตอาสาสำหรับใช้ในงานสาธารณประโยชน์ สร้างสังคมแห่งการเกื้อกูล เติมเต็ม แบ่งปัน ไม่ทอดทิ้งกัน อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ให้กลุ่มอาข่าได้ใช้กีฬาเป็นสื่อกลางในการเชื่อมความสัมพันธไมตรีระหว่าง เครือข่ายกลุ่มอาข่า และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ให้มีการเชื่อมโยงประสานอย่างแน่นแฟ้น ส่งเสริมและสร้างโอกาสให้กลุ่มอาข่ารักในการออกกำลังกาย รู้แพ้ รู้ชนะ รู้ให้อภัย และมีน้ำใจเป็นนักกีฬา พร้อมทั้งห่างไกลยาเสพติด
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เสริมพลังจังหวัดขับขี่ปลอดภัย หลังบาดเจ็บเฉลี่ยถึงวันละ 590 คน

 

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 ที่ห้องประชุมพญาภิภักดิ์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับนายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร รองประธานแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) นายวิทยา จันท์เสนะ ผู้อำนวยการกองบูรณาการความปลอดภัยทางถนนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และคณะติดตามประเมินเสริมพลังจังหวัดขับขี่จักรยานยนต์ปลอดภัย 5 ด้าน ที่ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนนของจังหวัดเชียงราย เพื่อความปลอดภัยทางถนนของอำเภอเสี่ยงภัยในการขับขี่จักรยานยนต์ ขับเคลื่อนงานความปลอดภัยทางถนน โดยมุ่งดำเนินการหนุนเสริมการทำงานของหน่วยงาน เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตในอำเภอเสี่ยงภัยทางถนนโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ตามแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนฉบับที่ 5 สอดคล้องกับข้อสั่งการของประธานคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ และมุ่งเน้นแก้ปัญหา

นายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร รองประธานแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ในโลกที่ถือครองรถจักรยานยนต์มากที่สุด ทำให้อุบัติเหตุทางถนน (Road accident) เป็นปัญหาสำคัญระดับชาติที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย โดยสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเกิดในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร ทั้งนี้ประชากรในช่วงอายุ 15-19 ปี เป็นกลุ่มที่บาดเจ็บจากรถจักรยานยนต์เฉลี่ยถึงวันละ 590คน ส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร การขาดประสบการณ์ของผู้ขับขี่เมาสุรา ง่วง ไม่มีสมาธิ ปัจจัยด้านยานพาหนะ การดัดแปลง ความไม่พร้อมใช้ของรถจักรยานยนต์ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เช่นสภาพถนน สิ่งแวดล้อม
 
 
นายวิทยา จันท์เสนะ ผู้อำนวยการกองบูรณาการความปลอดภัยทางถนนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวต่อว่า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เน้นการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความปลอดภัยทางถนน มีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในการลดจำนวนการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วโลกลงครึ่งหนึ่งให้ได้ภายใน พ.ศ.2573 ตามแบบประเมินเสริมพลังจังหวัดขับขี่จักรยานยนต์ปลอดภัย ของ สอจร. 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้าน Enforcement และอาสาตำรวจจราจร มุ่งเป้าการสวมหมวกนิรภัย 100 % ลดการดื่มแล้วขับ ลดการขับขี่รถเร็ว/ขับขี่ไม่ปลอดภัย 2) ด้านอำเภอเร่งนโยบายตำบลขับขี่ปลอดภัย/ แก้ไขท้องถิ่นที่มีรวามเสี่ยง ใช้กลไก Feedback Loop ลดเจ็บลดตาย 3) ด้านมาตรการองค์กร ทั้งสถานศึกษา นิคมอุตสาหกรรม สถานประกอบการ ที่มีความเสี่ยงให้ดำเนินมาตรการขับขี่จักรยานยนต์ปลอดภัย ใช้กลไก Feedback Loop ลดเจ็บลดตาย 4) ด้านกิจกรรมพัฒนาสร้างทางเลือกการเดินทางแทนที่การใช้รถจักรยานยนต์ เช่น รถนักเรียน รถสาธารณะ รถโรงงาน 5) ด้านการแก้ไขปัญหาปรับปรุงถนน/ระบบถนน ที่เสี่ยงต่อการขับขี่จักรยานยนต์ ทั้งทางลอดทางข้าม ทางของรถจักรยานยนต์แยกจากรถใหญ่ ขยายผลต่อเนื่อง
 
 
ด้านนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าจังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนตามนโยบายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดให้การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเป็นวาระจังหวัด รวมถึงกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี ซึ่งอาศัยกรอบการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ อีกทั้งกำหนดมาตรการดำเนินงานให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ โดยมุ่งเน้นให้มีการขับเคลื่อนของศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างความตระหนักและจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม การคำนึงถึงความปลอดภัยทางถนน ทั้งในเรื่องการขับขี่การเมาไม่ขับการใช้อุปกรณ์นิรภัยเพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ตลอดจนผู้ที่สัญจรทางถนนตระหนักรู้ถึงภัย และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทางถนน ให้มีวินัยในการใช้ถนนอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างถนนปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ และกล่าวต่อไปว่าเป็นโอกาสอันดีที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดเชียงราย จะได้นำข้อเสนอแนะในวันนี้นำไปปฏิบัติเพื่อให้การป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดเชียงรายเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News