Categories
AROUND CHIANG RAI WORLD PULSE

ไทย-ลาว จับมือสกัดการค้ามนุษย์ชายแดนเชียงราย

ไทย-ลาว ร่วมมือพัฒนากลไกข้ามพรมแดน ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เสริมสร้างความเข้มแข็งตามแนวชายแดน

วันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และพันโท ปัญญา แสงวิจิตร รองหัวหน้ากองบัญชาการป้องกันความสงบแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ร่วมกันเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และการส่งกลับผู้เสียหายข้ามพรมแดนระหว่างจังหวัดเชียงราย ประเทศไทย กับแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ณ ห้องประชุมโรงแรมเดอะริเวอร์รี บาย กะตะธานีคอลเล็กชั่น อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองประเทศเข้าร่วม

ความร่วมมือระดับชายแดนเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์

การประชุมนี้มีวัตถุประสงค์ในการสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างหน่วยงานไทยและ สปป.ลาว โดยมุ่งเน้นให้เกิดกลไกความร่วมมือในการเฝ้าระวังและป้องกันการค้ามนุษย์ รวมทั้งการช่วยเหลือผู้เสียหาย ซึ่งเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของจังหวัดเชียงรายที่ติดชายแดนกับเพื่อนบ้านถึงสองประเทศ และมีเส้นทางเข้าออกหลากหลายช่องทาง การสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้หน่วยงานท้องถิ่นสามารถเฝ้าระวังและจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลไกกฎหมายและการประสานงานระดับพื้นที่

การประชุมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดกลไกในการป้องกันและปราบปรามตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงระดับพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับพื้นที่ชายแดนที่มีการเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอดเวลา การประชุมในครั้งนี้มุ่งเน้นให้หน่วยงานชายแดนสามารถประสานงานและส่งต่อผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างไทยและลาวเพื่อรับมือกับปัญหาการค้ามนุษย์และการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย

เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไกการส่งกลับและช่วยเหลือผู้เสียหาย

การหารือในครั้งนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนากลไกการส่งกลับและการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ระหว่างสองประเทศ โดยมีการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การประสานงานระหว่างหน่วยงานไทยและลาวจะช่วยให้ผู้เสียหายสามารถได้รับการช่วยเหลือในทันที พร้อมทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจว่าผู้เสียหายจะได้รับการคุ้มครองและส่งกลับสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัย

นายโชตินรินทร์ได้กล่าวปิดการประชุมว่า การสร้างกลไกการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในระดับพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยและลาวในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ปัญหาการค้ามนุษย์ในพื้นที่ชายแดนลดลง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

พบสายส่ง ถูกฝังดินชายแดนเชียงราย ใกล้เขตว้า 11.5 กิโล จุดเริ่มต้นจากไทย

 

เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2567 ความคืบหน้ากรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.) ตร.มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผช.ตร.ในฐานะรอง ผอ.ศปอส.ตร.ร่วมกับ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมาย สำนักงาน กสทช.และตำรวจ ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.มานพ เสนากุล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ทหารกองกำลังผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบการส่งสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงพื้นที่ชายแดน จ.เชียงราย เพื่อป้องกันการลักลอบส่งสัญญาณไปให้กับขบวนการหลอกลวงหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น

ล่าสุดนอกจากจะพบการส่งสัญญาณไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงกันข้ามแม่น้ำโขงกับ อ.เชียงแสน แล้ว พบว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองกำลังผาเมือง ได้ตรวจพบชุดสายส่งสัญญาณที่ฝังดินบริเวณชายแดนด้าน อ.แม่จัน ติดกับประเทศเมียนมา และใกล้กับเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของว้าแดงที่มีการสร้างเมืองต่างๆ ในเขตของตัวเองอย่างใหญ่โต โดยมีเครื่องส่งสัญญาณเพียงชุดเดียว แต่มีสายส่งที่ยาวรวมกันกว่า 11.5 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นมีในฝังไทยแต่ได้ข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและ กสทช.จะได้นำไปชยายผลว่าเครื่องและสายส่งสัญญาณดังกล่าว มีผู้ขออนุญาตใช้เป็นใครเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.ธัชชัย ได้แถลงข่าวหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.เชียงราย เพื่อร่วมป้องกันการลักลอบส่งสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมายว่า ปฏิบัติการทั้งหมดเรียกว่าปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” โดยเป็นตัดสัญญาณไม่ให้นำไปใช้โดยผิดกฎหมายโดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยได้วางมาตรการ 4 ข้อ คือ 
 
1.เริ่มทำการตัดสัญญาณข้ามประเทศทุกชนิด โดย กสทช. จะร่วมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการ
2.ทาง ตำรวจจะตรวจสอบในระบบแจ้งความว่ามีการแจ้งความว่าถูกหลอกลวงมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจุดใด
3.จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและระหว่างตำรวจ และ กสทช.ว่ามีการใช้สัญญาณข้ามประเทศอย่างไร ทั้งระบบ ซิม สาย เสา หากมีการทำผิดกฎหมายก็จะดำเนินการทันที และ
4.จะมีการเข้มงวดของตรวจคนเข้าเมืองเพื่อป้องกันการเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
 
ทางด้าน พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. (ด้านกฎหมาย) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นทราบกันดีว่าอยู่ในต่างประเทศ ทำให้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับผู้ลักลอบติดตั้งเสาและสายส่งสัญญาณเถื่อนตามแนวชายแดนเพื่อส่งไปให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว 33 ราย ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือมากกว่า 2 ล้านเลขหมาย ระงับการส่งสัญญาณโทรคมนาคม และถอดสายสัญญาณและอุปกรณ์ (ล้มเสา) จำนวน 179 จุด ใน 11 อำเภอ 9 จังหวัด.
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ท้องถิ่นนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“บิ๊กต่อ” รุดสกัดยาเสพติดชายแดน ‘เชียงราย’ ประสานทุกหน่วยสกัดรูรั่ว

 

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ที่ห้องประชุมด่านศุลกากรเชียงแสน ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ชายแดนไทย-สปป.ลาว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน ปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ โดยมีนายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งชี้แจงสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงรายให้ที่ประชุมได้รับทราบ และนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ผบ.ตร.ได้แจ้งให้หน่วยงานต่างๆ ได้ประสานงานด้านการข่าวหลังจากที่ผ่านมาเป็นไปในลักษณะต่างฝ่ายต่างทำ โดยตนไม่สนใจเรื่องวิธีการแต่ตนต้องการให้ไปให้ถึงเป้าหมายเป็นสำคัญ เพื่อลดการนำยาเสพติดเข้าสู่ชั้นในของประเทศให้ได้มากที่สุด เมื่อจับกุมผู้ต้องหาได้ให้จัดทำเป็นเครือข่ายความสัมพันธ์บุคคล เส้นทางการเงิน ฯลฯ และมีการยึดทรัพย์อย่างจริงจัง ส่วนการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และยั่งยืนคือการดำเนินโครงการเพื่อให้ครอบครัวและสังคมเข้มแข็งไม่เช่นนั้นก็จะมีคนเสพ เกิดคลุ้มคลั่งเมื่อนำไปบำบัดก็ทำร้ายแพทย์พยาบาลได้จนกลายเป็นวงจรปัญหา

.
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้มีข้อสั่งการว่าหากมีการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญและเจ้าหน้าที่ตำรวจตกเป็นผู้ต้องหาให้นายกตำรวจระดับ รอง ผบก.และรอง ผบช.เข้าควบคุมสั่งการบริหารคดีด้วยตัวเอง และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด รวมทั้งให้ทุกหน่วยทำเรื่องเบิกค่าตอบแทนผู้แจ้งความ และเงินตอบแทนเจ้าหน้าที่ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องในทุกคดี โดยแนวทางของตนคือเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานก็ต้องได้เงิน ตร.ทำการสนับสนุนงบประมาณ เครื่องมืออุปกรณ์ ฯลฯ อย่างเต็มที่และจะมีการจัดให้มีรถหุ้มเกราะให้ครบทุกจังหวัด และรถสายตรวจประตูหน้าซ้ายขวาต้องมีเกราะป้องกันเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความปลอดภัยเพื่อดูแลประชาชนได้เต็มที่ ทั้งนี้เรากำลังจะแก้ปัญหาอุดรูรั่วให้ได้มันอาจจะไม่ 100% แต่อย่าให้มันหลุดเข้าไปทีมากเกินไปไม่เช่นนั้นจะน่าอาย
.
รายงานข่าวจาก ภ.จว.เชียงราย แจ้งว่าตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2566 จนถึงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ 5,989 คดี ผู้ต้องหา 4,370 คน โดยเป็นข้อหาความผิดรายแรง 2,097 คดี และยึดของกลางเป็นยาบ้าได้จำนวน 41,561,600 เม็ด เฮโรอีน 11,712.42 กรัม ไอซ์ 1,405,112.2 กรัม ฝิ่น 29,740.15 กรัม คีตามีน 13,416.43 กรัม และในเดือน ก.ย.2566 ส่งท้ายปีงบประมาณเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มเติมอีก 389 คดี ผู้ต้องหา 309 คน ยึดของกลางเป็นยาาจำนวน 2,208,203 เม็ด ไอซ์ 1,224 กิโลกรัม (1,224,000 กรัม) เฮโรอีน 20.1 กรัม ฝิ่น 42.10 กรัม และคีตามีน 1.50 กรัม.
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News