Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

บอลลูนนานาชาติเชียงราย สุดอลังการรับวาเลนไทน์

บอลลูนนานาชาติสุดอลังการ! สิงห์ปาร์ค เชียงราย จัดกิจกรรมบอกรักบนฟ้ารับวาเลนไทน์

เชียงราย, 14 กุมภาพันธ์ 2568 – สิงห์ปาร์ค เชียงราย ต้อนรับเทศกาลแห่งความรักด้วยกิจกรรมสุดโรแมนติกในงาน เทศกาลบอลลูนนานาชาติ International Balloon Fiesta 2025″ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 17 กุมภาพันธ์ 2568 โดยวันนี้ (14 กุมภาพันธ์) นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดและร่วมเป็นสักขีพยานในกิจกรรมพิเศษ “Balloon Love 2025” ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของเทศกาลนี้

กิจกรรมสุดพิเศษ “Balloon Love 2025”

ปีนี้ สิงห์ปาร์ค เชียงราย เปิดโอกาสให้ 14 คู่รักผู้โชคดีจากการคัดเลือกกว่า 150 คู่ ได้สัมผัสประสบการณ์ลอยฟ้าเหนือเชียงรายในช่วงเช้ากับบอลลูนหลากสีสันกว่า 30 ลูก จาก 11 ประเทศทั่วโลก ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกของวันวาเลนไทน์ พร้อมชมทิวทัศน์เชียงรายแบบ 360 องศา สร้างความประทับใจให้กับคู่รักที่เข้าร่วมงานอย่างเต็มเปี่ยม

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด, นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย, หัวหน้าส่วนราชการ และผู้บริหารบริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด รวมถึงประชาชนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในกิจกรรมอันน่าประทับใจนี้

การแข่งขันบอลลูนระดับนานาชาติและกิจกรรมที่น่าสนใจ

นอกจากกิจกรรม “Balloon Love 2025” แล้ว เทศกาลบอลลูนนานาชาติปีนี้ยังมีกิจกรรมที่หลากหลายและน่าตื่นตาตื่นใจ ได้แก่:

  • การแข่งขันบอลลูนระดับนานาชาติ มีบอลลูนเข้าร่วมแข่งขันกว่า 30 ลูก จาก 13 ประเทศ โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นทุกวันระหว่างเวลา 16.30 – 18.00 น. พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท
  • การแสดงบอลลูนแสง สี เสียง จัดขึ้นทุกคืนบริเวณทะเลสาบภายในสิงห์ปาร์ค เชียงราย สร้างบรรยากาศสุดอลังการให้กับผู้เข้าร่วมงาน
  • คอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ที่จะมาร่วมสร้างสีสันและความบันเทิงตลอดทั้ง 5 วันของเทศกาล

โขนกลางแปลง “สัจจะ เดชา พญามาร” เสริมวัฒนธรรมไทย

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของปีนี้คือการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย โขนกลางแปลงชุดใหญ่” ตอนพิเศษ สัจจะ เดชา พญามาร” โดยคณะศิลปินวังหน้าและเยาวชนจากจังหวัดเชียงรายกว่า 160 ชีวิต ซึ่งจะจัดแสดงบริเวณริมทะเลสาบในวันที่ 14 – 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อส่งเสริมศิลปะการแสดงไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

บทสรุป

เทศกาลบอลลูนนานาชาติ International Balloon Fiesta 2025 ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย เป็นงานที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เข้าร่วม ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษที่เต็มไปด้วยความรักและความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น “Balloon Love 2025” การแข่งขันบอลลูนระดับนานาชาติ และการแสดงทางวัฒนธรรมที่สะท้อนความงดงามของศิลปะไทย ทำให้งานนี้เป็นอีกหนึ่งอีเวนต์ที่ไม่ควรพลาดในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
HEALTH

“มะเร็งรักษาทุกที่” กลับสู่แนวทางเดิม ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว

“มะเร็งรักษาทุกที่” กลับสู่แนวทางเดิม ผู้ป่วยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว

กุมภาพันธ์ 2568 –  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์ “มะเร็งรักษาทุกที่” ฉบับใหม่แล้ว และกลับไปใช้ประกาศฉบับเดิม ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพ โดยไม่จำเป็นต้องมีใบส่งตัว

การแก้ไขปัญหา “มะเร็งรักษาทุกที่”

จากกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้สั่งการให้ สปสช. ดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีการเข้ารับบริการตามนโยบาย “มะเร็งรักษาทุกที่” นั้น ล่าสุด นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. ได้รายงานว่าได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้เรียบร้อยแล้ว

ผู้ป่วยมะเร็งรับบริการได้ตามแนวทางเดิม

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รวมถึงวันที่ 1 เมษายน 2568 ผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับบริการตามนโยบาย “มะเร็งรักษาทุกที่” ได้ตามแนวทางบริการเดิมที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพดูแลผู้ป่วยมะเร็ง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบส่งตัวรับรองสิทธิในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากหน่วยบริการประจำ

สปสช. รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเช่นเดิม

สปสช. ยังคงรับผิดชอบดูแลการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามนโยบายเช่นเดิม หน่วยบริการสามารถเบิกได้ทั้งค่ารังสีรักษา ยาเคมีบำบัด การผ่าตัด โรคแทรกซ้อนของมะเร็ง และโรคอื่นที่คนไข้มะเร็งเป็นร่วม

ระบบส่งข้อมูลผู้ป่วย

สำหรับการส่งข้อมูลผู้ป่วยนั้น มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ TCB Plus ของสถาบันมะเร็ง กรมการแพทย์ และ Health Link ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อใช้ลงทะเบียน รับส่งต่อและดูข้อมูลผู้ป่วยอยู่แล้ว โดยทางโรงพยาบาลรับส่งต่อสามารถดูข้อมูลผู้ป่วยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวนี้ได้

ยกเลิกประกาศฉบับใหม่ กลับไปใช้ฉบับเดิม

เลขาธิการ สปสช. ได้ลงนามคำสั่งยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์ “มะเร็งรักษาทุกที่” ฉบับใหม่ ที่จะบังคับใช้ 1 เมษายน 2568 แล้ว ซึ่งจะมีผลทำให้กลับไปใช้ประกาศหลักเกณฑ์ฯ ฉบับเดิม ปี 2566-2567 และได้ส่งหนังสือแจ้งเวียนหน่วยบริการทั่วประเทศรับทราบแล้ว

รัฐบาลใส่ใจสุขภาพประชาชน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความใส่ใจอย่างยิ่งต่อภาวะเจ็บป่วยของประชาชน โดยมะเร็งเป็นโรคที่มีภาวะร้ายแรงต่อสุขภาพ การเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุดจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเพิ่มโอกาสการรักษาและลดความรุนแรงของโรค รวมถึงลดการเสียชีวิตลงได้ จึงนำมาสู่นโยบายมะเร็งรักษาทุกที่ โดยมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งยืนยันว่า ณ วันนี้รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ซึ่งรวมถึง สปสช. ยังคงยืนยันหลักการนี้เช่นเดิม

สรุป

การกลับไปใช้ประกาศหลักเกณฑ์ “มะเร็งรักษาทุกที่” ฉบับเดิม ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายยิ่งขึ้น และได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องจากโรงพยาบาลที่มีศักยภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
LIFESTYLE

#ฅนเจียงฮาย EP.06 : หนูอยากใช้เวทีนี้ประชาสัมพันธ์อำเภอเวียงแก่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

คอลัมน์ #ฅนเจียงฮาย EP.06 :หนูอยากใช้เวทีนี้ประชาสัมพันธ์อำเภอเวียงแก่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

น้องจุนเจือ” คว้าตำแหน่งธิดาดอย 2568 ตัวแทนความงามและวัฒนธรรมเวียงแก่น

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568  ในงานพ่อขุนเม็งรายมหาราชและงานกาชาดจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เวทีกลางของงาน “น้องจุนเจือ” หรือ นางสาวณัฐมน ธาดา นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง วัย 22 ปี คว้าตำแหน่ง ธิดาดอย ประจำปี 2568″

นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย เป็นผู้มอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศจากการประกวด ซึ่งมีสาวงามจาก 18 อำเภอของจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมแข่งขัน โดย น้องจุนเจือ ได้รับรางวัลชนะเลิศ คว้าสายสะพาย พร้อมเงินรางวัล 25,000 บาท

รองชนะเลิศอันดับ 1 ตกเป็นของ นางสาวภวพร ทองเต็ม จากอำเภอพาน รับรางวัล 20,000 บาท ขณะที่ นางสาวรติมา แซ่วื้อ จากอำเภอแม่จัน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 พร้อมเงินสด 15,000 บาท และ นางสาวสุดาพร แลเช่อ จากอำเภอเมืองเชียงราย ได้รับรางวัล ขวัญใจชาวดอย” พร้อมเงินสด 15,000 บาท

แรงบันดาลใจจาก “ธิดาส้มโอ” สู่ “ธิดาดอย”

น้องจุนเจือ เปิดเผยว่า แรงบันดาลใจในการเข้าร่วมการประกวดธิดาดอยครั้งนี้มาจาก การได้รับตำแหน่ง “ธิดาส้มโอ” ของอำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นผลไม้ที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่มากกว่าปีละ 10,000 ตัน

หลังจากได้รับตำแหน่งธิดาส้มโอ หนูอยากใช้เวทีนี้ประชาสัมพันธ์อำเภอเวียงแก่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งในด้านผลผลิตเกษตร แหล่งท่องเที่ยว และวัฒนธรรม”

สวัสดีค่ะน้องจุนเจือ ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับตำแหน่งธิดาดอยนะคะ ช่วยแนะนำตัวเองให้พวกเราได้รู้จักหน่อยค่ะ

ข่อยของข่อย อีนาง จุนเจือ จื่อแต๊นางสาวนัทธมน เครื่อเชื้อ พาดา ปะเดียวนี้อายุ 22 ปี หอเฮือนที่ตั้งปักอยู่ อำเภอพาน มีเชื้อสายไตยลื้อมาต่างแม่เฒ่าม่อน ปะเดียวนี้กำลังเฮียนอยู่ตี้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สำนักวิชาการจัดการ สาขาธุรกิจการบิน ชั้นปีที่4

อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้น้องจุนเจือตัดสินใจลงสมัครประกวดธิดาดอยคะ

เพราะน้องจุนเจือได้รับตำแหน่งธิดาส้มโอของอำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อและทำรายได้ให้คนเวียงแก่นและคนเชียงรายเป็นอย่างดี และยังส่งออกไปยังหลายๆประเทศๆ มากว่า 1 หมื่นตัน ซึ่งน้องจุนเจือได้รับตำแหน่งธิดาส้มโอมา มีแรงบันดาลใจอยากใช้ตำแหน่งที่ได้มาช่วยประชาสัมพันธุ์ ของดีอำเภอเวียงแก่น ให้คนในประเทศและนอกประเทศได้รับรู้ว่าเวียงแก่นมีดีขนาดไหน ทั้งเชิงผลผลิตทางเกษตร เชิงทรัพยากรแหล่งท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมชาติพันธุ์ 

น้องจุนเจือดีใจมากที่ได้เป็นตัวแทนของชาวอำเภอเวียงแก่นและได้เข้าการประกวดธิดาดอยงานพ่อขุนประจำปี 2568 น้องจุนเจือมีเชื้อสายไตยลื้อ เข้าร่วมการประกวดครั้งนี้ เพราะชุดไทยลื้อนั่นมีหลากหลาย เพราะว่าถิ่นกำเนิดของชายไตยลื้อมีอยู่ที่ สิบสองปันนา 

ซึ่งสิบสองปันนาจะมีชุดไตยลื้อที่แตกต่างกันออกไป ที่น้องจุนเจือได้ใส่นั้นเป็นชุดไตยลื้อเมืองอู่ ที่มีการเกล้าผมสูงมวยจุก ปักปิ่นลื้อ ดอกไม้ตามพื้นที่ นิยมเป็นดอกไม้สีขาว หรือคนไตยลื้อเรียกว่า ดอกซ่อนฮ่อ หรือดอกเกล็ดถะวา ปกผ้าคาดหัวหรือผ้าคาดหัวสีขาว  ใส่เสื้อปัดผ้าฝ้ายฮำ ใส่ซิ่นดอกจกหลวง ที่หัวซิ่นสีเขียว ตีนซิ่นผ้าฝ้ายฮำ น้องจุนเจือคิดว่าชุดไตยลื้อที่น้องได้มาใส่ในครั้งนี้เป็นที่งามและเป็นเอกลักษณ์ของพ่อแม่พี่น้องชาวไตยลื้อเวียงแก่น 

น้องจุนเจือเห็นผู้เข้าร่วมประกวดหรือท่านกรรมการแขก หลายๆท่านได้มีการสวมใส่ชุดไตยลื้อ หรือ ผ้าซิ่นไตยลื้อ นี่ล่ะค่ะคือสิ่งที่น้องจุนเจือคิดว่าชุดไตยลื้อจะอยู่ในความทรงจำของหลายท่านที่ได้สวมใส่

น้องจุนเจือมีความรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้รับตำแหน่งธิดาดอยในครั้งนี้คะ

การได้รับตำแหน่งธิดาดอยในครั้งนี้ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจและตื้นตันใจมากค่ะ เพราะมันเป็นโอกาสที่ได้เป็นตัวแทนของชุมชนไทลื้อและได้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่และรักษามรดกทางวัฒนธรรมค่ะ

น้องจุนเจือคิดว่าอะไรคือเสน่ห์หรือจุดเด่นของตัวเองที่ทำให้ได้รับเลือกเป็นธิดาดอยคะ

เสน่ห์ของตัวเองที่ทำให้ได้รับตำแหน่งธิดาดอยครั้งนี้คือความมั่นใจและความรักในวัฒนธรรมของตนเองค่ะ การที่สามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองและความเคารพในประเพณีและวัฒนธรรมของไทลื้อช่วยให้คนเห็นและยอมรับได้ค่ะ

มีใครหรือสิ่งใดที่เป็นแรงผลักดันหรือกำลังใจสำคัญที่ทำให้น้องจุนเจือประสบความสำเร็จในการประกวดครั้งนี้คะ

แรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในครั้งนี้คือครอบครัวค่ะ โดยเฉพาะพ่อแม่ที่คอยสนับสนุนและสอนให้รู้ถึงคุณค่าของการรักษาและส่งต่อวัฒนธรรมค่ะ

น้องจุนเจือมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับงานพ่อขุนประจำปี และคิดว่างานนี้มีความสำคัญอย่างไรต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมของจังหวัดคะ

งานพ่อขุนประจำปีมีความสำคัญมากค่ะ เพราะมันไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการสร้างความสามัคคีและช่วยสืบสานประเพณีดั้งเดิมของแต่ละชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นการอนุรักษ์และเผยแพร่ความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มีค่าของจังหวัดเชียงรายค่ะ

ในฐานะที่เป็นธิดาดอย น้องจุนเจือมีเป้าหมายหรือความตั้งใจอย่างไรในการทำหน้าที่นี้คะ

ในฐานะธิดาดอย น้องจุนเจือมีเป้าหมายที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน โดยการส่งเสริมและรักษาวัฒนธรรมชาติพันธุ์ รวมถึงการใช้ตำแหน่งนี้ในการช่วยเหลือและส่งเสริมชุมชนให้เข้มแข็งค่ะ

น้องจุนเจือคิดว่าอะไรคือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของการเป็นธิดาดอยที่ดีคะ

คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของการเป็นธิดาดอยที่ดีคงเป็นความเมตตาและความอ่อนน้อมค่ะ เพราะการแสดงออกถึงความจริงใจและการใส่ใจในผู้อื่นจะช่วยให้เราสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุดค่ะ

น้องจุนเจือมีอะไรที่อยากจะฝากถึงเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความฝันหรือความสนใจในการประกวดธิดาดอยในอนาคตบ้างคะ

สิ่งที่น้องจุนเจืออยากจะฝากให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความฝันอยากจะประกวด คือ การเตรียมตัวอย่างตั้งใจและฝึกฝนในทุกๆ ด้าน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเป็นตัวของตัวเองค่ะ ความจริงใจและความมั่นใจในตัวเอง จะทำให้เราโดดเด่นและเป็นที่รักของคนรอบข้างค่ะ การรักษาความอ่อนน้อมและเปิดใจรับฟังผู้อื่นก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยค่ะ

สุดท้ายนี้ น้องจุนเจืออยากจะขอบคุณใครเป็นพิเศษสำหรับความสำเร็จในครั้งนี้คะ

ความสำเร็จของหนูในครั้งนี้ หนูอยากจะขอบคุณ คุณพ่อและคุณแม่ของหนูค่ะ ที่คอยเชียร์ให้กำลังใจและสนับสนุนหนูมาโดยตลอด ทำให้หนูมีความตั้งใจและความพยายามในการฝึกฝนมากขึ้น และขอขอบคุณทุกๆแรงใจและแรงเชียร์ที่พ่อแม่พี่น้องทุกคนได้มอบให้หนูค่ะ เป็นเกียรติอย่างมากเลยค่ะ ที่ได้รับตำแหน่ง ธิดาดอย ประจำปี 2568 นี้ค่ะ

ฅนเดินเรื่องโดย : นางสาวณัฐมน ธาดา “น้องจุนเจือ” – “ธิดาดอย ประจำปี 2568”
 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

‘ห้วยตึงเฒ่า’ แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ใกล้ชิดพระราชดำริ

ห้วยตึงเฒ่า” โครงการหมู่บ้านตัวอย่าง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแหล่งท่องเที่ยวในเขตทหาร จังหวัดเชียงใหม่

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้ พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี พ.ศ. 2523 ทรงมอบหมายให้กองทัพภาคที่ 3 สร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตร และตั้ง โครงการหมู่บ้านตัวอย่างห้วยตึงเฒ่า” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าครอบคลุมพื้นที่กว่า 300 ไร่ มีความจุประมาณ 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยราษฎรที่ได้รับจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยและทำกินกว่า 61 ครอบครัว สามารถดำรงชีพด้วยอาชีพเกษตรกรรม และไม่มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติม

ในปี พ.ศ. 2550 กองทัพบกมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตทหาร ได้จัดตั้ง สำนักงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า” ขึ้น โดยเน้นให้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น และสนับสนุนกำลังพลในกองทัพบก รวมถึงประชาชนทั่วไป

กิจกรรมที่น่าสนใจในอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

  1. ชมจุดทรงประทับยืน ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมหอคอยชมวิว 5 ชั้น
  2. สักการะพระพุทธรูป “พระพุทธรัตนชัย สุรพลารักษ์” และองค์เจ้าแม่กวนอิม
  3. รับประทานอาหารในซุ้มริมน้ำ ชมวิวธรรมชาติ
  4. นั่งรถรางชมพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำ
  5. เดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ ระยะทาง 4 กิโลเมตร
  6. กิจกรรมตกปลาและปั่นจักรยานน้ำ
  7. ป้อนอาหารน้องแกะและเล่นน้ำกับครอบครัว
  8. ถ่ายรูปกับ “ครอบครัวคิงคองยักษ์” และกังหันลมสวิตเซอร์แลนด์

 

ความสำคัญของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

โครงการนี้เป็นตัวอย่างของการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ผสมผสานการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมอาชีพของราษฎร และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน โดยในปัจจุบันยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างสวัสดิการให้แก่ชุมชน

แม่ทัพภาคที่ 3

ได้เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมบรรยากาศที่สวยงามของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า พร้อมสัมผัสลมหนาวและธรรมชาติบริเวณทิวเขาอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 053-121119 หรือเว็บไซต์ www.rta.mi.th/hueytuengtao

 

ข้อมูลสรุป

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าเป็นโครงการพระราชดำริเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของราษฎรในพื้นที่เชียงใหม่ นอกจากการเป็นหมู่บ้านตัวอย่าง ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่ชมธรรมชาติ สักการะพระพุทธรูป ไปจนถึงการทำกิจกรรมกับครอบครัว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

Four Hands Dinner เชียงราย ร่วมสัมผัสไฟน์ไดนิ่งกับเชฟมิชลินสตาร์

สัมผัสประสบการณ์ Four Hands Dinner โดยเชฟมิชลินสตาร์ที่อนันตราสามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย

อนันตราสามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย เชิญคุณร่วมเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษกับ Four Hands Dinner ที่ผสานเสน่ห์ของอาหารฝรั่งเศสระดับไฟน์ไดนิ่งเข้ากับเอกลักษณ์ของอาหารพื้นเมืองล้านนา นำเสนอโดยเชฟมิชลินสตาร์ชื่อดังระดับโลก

เชฟผู้สร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษ

ร่วมดื่มด่ำกับ 6 คอร์สเมนูที่รังสรรค์โดย เชฟอาร์โนด์ ดูนองด์ (Arnaud Dunand) เชฟเจ้าของร้าน Maison Dunand ที่คว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวจาก The MICHELIN Guide Thailand ในปี 2023 และอดีตหัวหน้าเชฟร้าน Le Normandie ระดับมิชลิน 2 ดาว พร้อมด้วย เชฟพิสิษฐ์ จิโนพงค์ (เชฟจีโน่) เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟผู้มากประสบการณ์กว่า 30 ปี

เชฟอาร์โนด์ นำเสนอกลิ่นอายของแคว้น Savoie ประเทศฝรั่งเศส บ้านเกิดของเขา ด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงจากฝรั่งเศส ผสมผสานกับวัตถุดิบท้องถิ่นเชียงราย ในขณะที่เชฟจีโน่จะเน้นการประยุกต์และยกระดับอาหารพื้นบ้านภาคเหนือ ให้เป็นเมนูระดับห้าดาว

รายละเอียดของงาน

  • วันจัดงาน: 24 มกราคม 2568
  • เวลา: 18.00 น.
  • สถานที่: ห้องอาหารแสมสาร โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย
  • ราคา: 5,500++ บาทต่อท่าน (รวมไวน์แพร์ริ่ง)

เสน่ห์แห่งอาหาร 6 คอร์สระดับไฟน์ไดนิ่ง

ทุกเมนูถูกรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อถ่ายทอดเอกลักษณ์และความพิถีพิถันของอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย และอาหารล้านนาแบบประยุกต์ ให้คุณดื่มด่ำกับรสชาติที่กลมกล่อม พร้อมสัมผัสบรรยากาศริมแม่น้ำโขงในช่วงค่ำคืน

การสำรองที่นั่ง

หากคุณไม่อยากพลาดโอกาสพิเศษนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 053-784-084

สรุป

Four Hands Dinner ครั้งนี้เป็นโอกาสพิเศษที่รวมตัวเชฟระดับมิชลินสตาร์และเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟผู้เชี่ยวชาญ มอบประสบการณ์สุดพิเศษที่ผสานเสน่ห์อาหารฝรั่งเศสและล้านนาในบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟริมแม่น้ำโขง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อนันตราสามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เที่ยวป่าส้มแสง เชียงราย สัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตไม่ซ้ำใคร

แอ่วล้ำแอ่วเหลือ: เชียงรายชวนสัมผัส “ป่าส้มแสง” ป่าชุ่มน้ำอัตลักษณ์หนึ่งเดียวในอาเซียน

เชียงรายเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน สู่ “ป่าส้มแสง” บ้านป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่โดดเด่นและไม่เหมือนใครในภูมิภาคอาเซียน ด้วยความพิเศษของระบบนิเวศป่าชุ่มน้ำตามฤดูกาล (Seasonal Wetland) ที่ผสมผสานความสวยงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวบ้านได้อย่างลงตัว

เสน่ห์ของป่าส้มแสง: อัตลักษณ์แห่งธรรมชาติ

ป่าส้มแสงมีพื้นที่ประมาณ 85 ไร่ เป็นส่วนหนึ่งของป่าลุ่มน้ำอิง อุดมไปด้วยต้นส้มแสง หรือชุมแสง ซึ่งมีอายุมากกว่า 300 ปี ระบบนิเวศของป่าส้มแสงมีความพิเศษ คือ ต้องแช่น้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก 4-5 เดือนต่อปี โดยระดับน้ำสามารถสูงถึง 4-6 เมตร เพื่อเป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำจากแม่น้ำอิงและแม่น้ำโขง ในช่วงน้ำลด ป่าส้มแสงจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวอันร่มรื่น เป็นบ้านของสัตว์ป่า เช่น นก ไก่ป่า กระรอก และสัตว์ท้องถิ่นอื่น ๆ

ชุมชนบ้านป่าข่าได้พัฒนาป่าส้มแสงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยสร้างสะพานทางเดินชมธรรมชาติ (สกายวอร์ค) ยาว 378 เมตร ให้ผู้มาเยือนสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดกิจกรรมที่สะท้อนวิถีชีวิตพื้นบ้านเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และดื่มด่ำกับความงามของพื้นที่

กิจกรรมแนะนำ: ใกล้ชิดธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวบ้าน

  1. เดินสกายวอร์ค ชมป่าส้มแสง เพลิดเพลินกับการเดินชมป่าส้มแสงผ่านสะพานไม้ยาว ที่เปิดให้เห็นวิวธรรมชาติรอบด้านทั้งในช่วงน้ำหลากและน้ำลด

  2. เรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน ร่วมสัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้าน เช่น การหาปลาด้วยแหและอวน การทำอาหารพื้นบ้านอย่างลาบปลา ต้มปลา และปลาเผาสดจากแม่น้ำอิง

  3. พายเรือในหนองมน สนุกกับการพายเรือในหนองมน แหล่งน้ำที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ของหมู่บ้าน พร้อมชมธรรมชาติที่เงียบสงบ

  4. จุดกางเต็นท์ริมแม่น้ำอิง สัมผัสบรรยากาศแคมปิ้งริมน้ำ ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามในยามเช้าและค่ำคืน

  5. ไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล นมัสการพระครูวรกิติวิมล เจ้าอาวาสวัดบ้านป่าข่า และเดินชมทิวทัศน์รอบวัดที่เงียบสงบ

นโยบายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

ชุมชนบ้านป่าข่าได้รวมตัวกันตั้งคณะกรรมการดูแลพื้นที่และจัดการท่องเที่ยวให้มีความยั่งยืน โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการท่องเที่ยวจะถูกนำไปพัฒนาชุมชน เช่น การปรับปรุงเส้นทาง การจัดหาเครื่องจักรสำหรับแก้ปัญหาไฟป่าและ PM2.5 และการสร้างธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาได้สะดวกมากขึ้น ด้วยถนนเชื่อมสายใหม่จากทางหลวง R3A ระยะทางเพียง 1,200 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ง่ายดายและปลอดภัย

แพ็กเกจท่องเที่ยวสุดคุ้ม

  • เที่ยวป่าส้มแสงแบบ 1 วัน: ราคา 200 บาท/คน รวมมัคคุเทศก์นำเที่ยว
  • เที่ยวเชิงวิถีชีวิต 1 วัน 1 คืน: ราคา 1,200 บาท/คน รวมอาหารจากชุมชนและกิจกรรมทั้งหมด (รองรับได้สูงสุด 20 คนต่อทริป)

มุมมองอันล้ำค่า: เชียงราย เมืองแห่งความหลากหลายทางธรรมชาติ

เชียงรายเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย การเที่ยวชมป่าส้มแสงไม่เพียงแต่เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ แต่ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจในชุมชน และช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติให้อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน

“เชียงรายจะไม่หยุดอยู่แค่จุดหมายปลายทาง แต่จะเป็นที่ที่ผู้คนสามารถกลับมาเติมเต็มความสุขและแรงบันดาลใจได้เสมอ” ชาวบ้านป่าข่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

มาเป็นส่วนหนึ่งของการสัมผัสธรรมชาติและสร้างความทรงจำดี ๆ ที่ป่าส้มแสง จังหวัดเชียงราย พร้อมสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นไปพร้อมกัน!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
HEALTH

เฝ้าระวังอหิวาตกโรค ไทยย้ำสุขอนามัยรับปีใหม่

อหิวาตกโรคยังน่าห่วง! วช. เฝ้าระวังเข้มช่วงปีใหม่ ป้องกันการแพร่ระบาด

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้การระบาดของอหิวาตกโรคเป็น ‘ภาวะฉุกเฉินครั้งใหญ่’ เนื่องจากพบผู้ป่วยจำนวนมากและการระบาดขยายวงกว้างในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศเช่นเดียวกับโควิด-19

ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้เฝ้าระวังอหิวาตกโรคอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็น 1 ใน 57 โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตามกฎหมาย โดยหลังการระบาดในพื้นที่ชเวโก๊กโก่ ประเทศเมียนมา ซึ่งติดกับชายแดนจังหวัดตาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตากได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค พบผู้ป่วยสะสม 4 ราย แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย และคนไทย 2 ราย นอกจากนี้ยังพบผู้ติดเชื้อไม่มีอาการอีก 3 ราย ทุกคนได้รับการรักษาจนหายดีแล้วและไม่มีผู้เสียชีวิต

มาตรการป้องกันโรคเข้มข้นในช่วงเทศกาลปีใหม่

นพ.สุภโชค กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่มีกิจกรรมเลี้ยงสังสรรค์ ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ จึงได้กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ดังนี้

  1. สุขาภิบาลตลาดและร้านอาหาร
    เจ้าของตลาดทุกแห่งต้องล้างตลาดและฆ่าเชื้อทุกวัน รวมถึงร้านอาหารและแผงลอยต้องปฏิบัติตามหลักสุขาภิบาลอาหาร

  2. ทำความสะอาดห้องสุขาสาธารณะ
    หน่วยงานราชการ โรงเรียน และองค์กรเอกชนต้องล้างและฆ่าเชื้อห้องสุขาสาธารณะทุกวัน

  3. ควบคุมคุณภาพน้ำประปา
    ผู้รับผิดชอบระบบประปาต้องปรับปรุงคุณภาพน้ำให้มีค่าคลอรีนอิสระตามมาตรฐาน

  4. ตรวจคัดกรองผู้สงสัยติดเชื้อ
    ผู้ที่มีอาการหรือสงสัยว่าติดเชื้ออหิวาตกโรคต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองและรักษา

  5. ความร่วมมือจากสถานประกอบการ
    ร้านอาหาร สถานที่ผลิตน้ำดื่ม/น้ำแข็ง ต้องให้ความร่วมมือในการกำจัดหรือทำลายเชื้อ

  6. สื่อสารข้อมูลป้องกันโรค
    ขอความร่วมมือผู้นำชุมชนและเครือข่ายภาคประชาชนช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลความรู้การป้องกันโรคผ่านทุกช่องทาง

การเฝ้าระวังโรคและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า การจัดการกับอหิวาตกโรคจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน รวมถึงการพัฒนาระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด

ในปี 2568 วช. ยังเตรียมพัฒนาระบบการส่งข้อความเตือนภัยผ่านโทรศัพท์มือถือให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและป้องกันโรค

เน้นย้ำการป้องกันส่วนบุคคล

นพ.สุภโชคเน้นย้ำถึงความสำคัญของสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะการกินร้อน ใช้ช้อนกลาง และล้างมือ รวมถึงการเลือกบริโภคน้ำและอาหารที่สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายของโรค

สรุป

กระทรวงสาธารณสุขยังคงเฝ้าระวังและดำเนินมาตรการป้องกันอหิวาตกโรคอย่างเข้มงวด พร้อมเรียกร้องความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการรักษาสุขอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENVIRONMENT

ววน. เปิดแผนเตือนภัยสึนามิ ยกระดับความปลอดภัยไทย

นวัตกรรมสู่ทางรอดภัยสึนามิ ววน. เร่งลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ เปิดเวทีเสวนาวิชาการ “จากงานวิจัยและนวัตกรรม…สู่ทางรอดภัยสึนามิ” ณ จังหวัดพังงา ในงานรำลึกครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์สึนามิในมหาสมุทรอินเดีย เพื่อสร้างความตระหนักรู้และเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เป้าหมายเพื่อการป้องกันและลดผลกระทบจากสึนามิ

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ วช. เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม ตั้งแต่การพัฒนาระบบเตือนภัยที่ทันสมัย การวางแผนการอพยพที่มีประสิทธิภาพ ไปจนถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในระดับชุมชนและระดับนโยบาย

วช. ยังเปิดเผยว่าการพัฒนาศูนย์เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวและการทำงานร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการป้องกันภัยพิบัติและลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยุทธศาสตร์ ววน. สู่ความยั่งยืนในอนาคต

ศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองผู้อำนวยการ สกสว. เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การวิจัยของ ววน. ปี 2566-2570 มุ่งพัฒนาแนวทางลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยมีงบประมาณวิจัยรวมกว่า 17.528 ล้านบาทในช่วงปี 2563-2567 เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านการป้องกันสึนามิ อย่างไรก็ตาม ยังต้องการงานวิจัยเพิ่มเติมในด้านการฟื้นฟูเยียวยาหลังเกิดภัยพิบัติ

“การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนตั้งแต่การคิดโจทย์วิจัยจนถึงการนำไปใช้จริง จะช่วยให้ชุมชนสามารถปรับตัวและลดความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น” ศ.ดร.จักรพันธ์ กล่าว

ระบบเตือนภัยและการอพยพที่มีประสิทธิภาพ

ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ เน้นถึงความสำคัญของระบบเตือนภัยสึนามิที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องและฝึกซ้อมแผนอพยพภายใต้สถานการณ์จำลองที่เหมาะสม ขณะที่ ผศ.ดร.ปานนท์ ลาชโรจน์ ระบุว่าควรมีการปรับปรุงกระบวนการอพยพในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงการบำรุงรักษาอาคารหลบภัย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในกรณีเกิดคลื่นสึนามิสูง

สร้างความรู้และเตรียมพร้อมในชุมชน

ผศ.ปัญจพาณ์ สุขโข แกนนำนักศึกษาพยาบาลจิตอาสา เผยว่าโครงการพัฒนาการเตรียมพร้อมรับแผ่นดินไหวเชิงรุก เน้นการพัฒนาศักยภาพแกนนำชุมชน การสร้างหลักสูตรเอาตัวรอด และการให้ความรู้แก่ครูและนักเรียนในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อสร้างทักษะการรับมือและการช่วยเหลือตนเอง

รำลึก 20 ปี เหตุการณ์สึนามิที่พังงา

งานรำลึกจัดขึ้นโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ สวนอนุสรณ์สึนามิบ้านน้ำเค็ม จังหวัดพังงา นอกจากพิธีรำลึกถึงผู้สูญเสีย ยังมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนและหน่วยงาน พร้อมเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สึนามิบ้านน้ำเค็ม

ความร่วมมือเพื่ออนาคตที่มั่นคง

การเสวนาและกิจกรรมในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาความพร้อมของประเทศไทยต่อภัยพิบัติ โดยมีเป้าหมายลดความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมสร้างความตระหนักรู้และความร่วมมือในทุกระดับ เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยในอนาคต

การป้องกันภัยพิบัติไม่ใช่เรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นความร่วมมือของทุกคนในสังคม ที่จะช่วยสร้างอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนร่วมกัน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI LIFESTYLE

“พุทธรักษ์ ดาษดา” เปิดแลนด์มาร์ก ศิลปะธรรมชาติ ที่ 7-Eleven หอนาฬิกา

พุทธรักษ์ ดาษดา: ศิลปินเชียงรายผู้สร้างสรรค์งานศิลปะจากธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2567 ชื่อของ อิ๋ม พุทธรักษ์ ดาษดา ศิลปินอิสระชาวอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ยังคงก้องในวงการศิลปะอย่างต่อเนื่อง เธอสำเร็จการศึกษาจากคณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สาขาทัศนศิลป์ และในรอบสิบปีที่ผ่านมา พุทธรักษ์ได้สร้างชื่อเสียงจากผลงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะการนำธรรมชาติที่อยู่รอบตัวมาเป็นแรงบันดาลใจหลักในการสร้างสรรค์ผลงาน

เอกลักษณ์งานศิลปะที่สะท้อนธรรมชาติและวิถีชีวิต

งานของพุทธรักษ์มีเอกลักษณ์ที่ผสมผสานความงดงามของธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนในเชียงราย เธอเคยจัดนิทรรศการเดี่ยวหลายครั้ง และแสดงผลงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น นิทรรศการ The Magical Land ที่ถ่ายทอดความมหัศจรรย์ของวิถีชีวิต ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ และความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรม โดยมีสัญลักษณ์เด่นคือ:

  • ดอกกาสะลอง: สัญลักษณ์ประจำจังหวัดเชียงราย
  • ชาและกาแฟ: แทนผลผลิตเกษตรสำคัญของชุมชน
  • โต: สัตว์เลี้ยงมงคลตามความเชื่อของชาวไทยใหญ่ สื่อถึงความศรัทธาและความรุ่งเรือง
  • หญิงสาวดอกบัวดอง: แทนวิถีชีวิตของผู้คนที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน

จุดเริ่มต้นของศิลปินเชียงราย

พุทธรักษ์เล่าว่า การเติบโตในอำเภอแม่จัน ซึ่งมีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างสรรค์งานของเธอ ความรักในศิลปะของเธอเริ่มจากการเฝ้ามองพี่สาวที่ชื่นชอบการเขียนหนังสือและวาดรูป จนกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เธอหลงใหลในงานศิลปะตั้งแต่วัยเด็ก

“พี่สาวเขาเขียนหนังสือสวยมาก ฉันชอบแอบดูและเขียนตาม พอถามพี่สาวว่าทำไมถึงชอบเขียน ก็ได้คำตอบว่ามันคือความสุข จากนั้นฉันก็เริ่มวาดและเขียนเรื่อยมา” พุทธรักษ์กล่าว

แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและชุมชน

เมื่อถูกถามถึงแรงบันดาลใจในการสร้างผลงาน พุทธรักษ์กล่าวว่า ธรรมชาติที่อยู่รอบตัว รวมถึงวัฒนธรรมและการเกษตรในเชียงรายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ เธอนำพืชพันธุ์ ดอกไม้ สัตว์ และเรื่องราวในชุมชนมารังสรรค์เป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงความงามและเอกลักษณ์ของพื้นที่

“เชียงรายมีทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และชา-กาแฟที่คนรู้จัก ฉันจึงนำองค์ประกอบเหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงาน” เธอกล่าว

จุดเช็กอินใหม่ใจกลางเชียงราย

ล่าสุด พุทธรักษ์ได้สร้างแลนด์มาร์กศิลปะแห่งใหม่ที่ 7-Eleven สาขาหอนาฬิกา เชียงราย ผลงานชิ้นนี้สะท้อนถึงความงามของเชียงรายในมิติที่หลากหลาย พร้อมเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจมาเยี่ยมชมและถ่ายรูปกับผลงานที่เป็นจุดเช็กอินใหม่ของเชียงราย

พุทธรักษ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า งานศิลปะที่เธอสร้างขึ้นไม่ใช่เพียงเพื่อการชื่นชม แต่ยังต้องการส่งต่อความรักในถิ่นฐานบ้านเกิด และปลุกจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีคุณค่า

สนับสนุนศิลปะท้องถิ่น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมและถ่ายรูปกับผลงานของเธอได้ที่ 7-Eleven สาขาหอนาฬิกา เชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมเปิดให้ชมฟรี โดยสามารถค้นหาตำแหน่งได้ผ่าน Google Maps: คลิกที่นี่

เชียงรายไม่เพียงแต่เป็นดินแดนแห่งธรรมชาติและวัฒนธรรม แต่ยังเป็นบ้านของศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจผ่านงานศิลปะที่งดงามและทรงคุณค่าอย่างพุทธรักษ์ ดาษดา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENVIRONMENT

กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ.ภูมิอากาศ หนุนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลักดันไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (กนภ.) ครั้งที่ 4/2567 โดยมี ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่รองประธานกรรมการ และ ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การประชุม กนภ. ครั้งนี้ มีมติเห็นชอบในหลักการของ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. โดยมีเป้าหมายเพื่อกำหนดนโยบายและกลไกส่งเสริมการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ โดยเน้นการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อผลกระทบ และการสนับสนุนกลไกทางการเงินสำหรับเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ:

  • ส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจก: กำหนดเป้าหมายการลดการปลดปล่อยคาร์บอน
  • กลไกการเงินคาร์บอนต่ำ: สร้างกลไกสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ปรับตัวต่อผลกระทบ: สนับสนุนทุกภาคส่วนให้พร้อมเผชิญกับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

รายงานความโปร่งใสรายสองปี (BTR1)

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบต่อ ร่างรายงานความโปร่งใสรายสองปี ฉบับที่ 1 (First Biennial Transparency Report: BTR1) เพื่อให้ประเทศไทยส่งรายงานนี้ไปยังสำนักเลขาธิการ UNFCCC ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามพันธกรณีในเวทีระหว่างประเทศ

ขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

นายประเสริฐได้มอบนโยบายแก่คณะกรรมการฯ โดยเน้นให้ทุกภาคส่วนคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์ของประเทศในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

แผนปฏิบัติการในอนาคต

  • เร่งนำเสนอร่างพระราชบัญญัติฯ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
  • เสริมสร้างศักยภาพทุกภาคส่วนในประเทศไทย ให้พร้อมรับมือกับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ
  • ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาแนวทางเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทยในการเผชิญหน้ากับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News