Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สะท้อนความสูญเสียแชมป์ดริปกาแฟ หลังเหตุรถชนกลุ่มนักปั่นที่เชียงราย

รถชนแชมป์ดริปกาแฟเชียงราย ครอบครัวเรียกร้องความยุติธรรม

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีเหตุการณ์รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ พุ่งชนท้ายกลุ่มนักปั่นจักรยานบนถนนสายสี่แยกหนองบัวแดง-ถนนพหลโยธิน ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ทำให้ นายยศธพล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เจ้าของร้านกาแฟ ก๋างโต่งคาเฟ่ (Kang Tong Cafe – Coffee & Roaster Chiang Rai) ซึ่งเป็นแชมป์การแข่งขัน Mighty Mix Bartender and Barista Thailand 2023 และเคยคว้ารางวัลดริปกาแฟของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อปี 2564 เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ให้แก่ครอบครัวและคนใกล้ชิดของผู้เสียชีวิต โดยคู่กรณีซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้เข้ามอบตัวในวันถัดมาและถูกดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและชนแล้วหลบหนี

ความสูญเสียที่ไม่อาจทดแทน

น.ส.โสจิลักษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) แฟนสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยถึงความยากลำบากที่เธอและครอบครัวต้องเผชิญหลังการสูญเสียครั้งนี้ โดยระบุว่า นายยศธพลเป็นเสาหลักของครอบครัวและเป็นผู้สร้างร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงด้วยประสบการณ์และความพยายามกว่า 7-8 ปี

“เขาเป็นคนที่เริ่มต้นจากศูนย์และมุ่งมั่นสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง ร้านกาแฟของเรากำลังจะขยายกิจการสร้างโรงคั่วกาแฟ แต่ทุกอย่างต้องหยุดชะงักเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้” น.ส.โสจิลักษณ์กล่าว

นอกจากนี้ นายยศธพลยังเป็นที่รักของเพื่อนและชุมชน โดยในช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ เขายังนำสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่กลับต้องมาจบชีวิตในขณะที่ออกไปปั่นจักรยานกับเพื่อน ๆ

กระบวนการเจรจาที่ไม่ลงตัว

หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้ดำเนินคดีกับคู่กรณีและมีการเจรจาเยียวยาหลายครั้ง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ น.ส.โสจิลักษณ์ เปิดเผยว่า คู่กรณีเสนอจำนวนเงินเยียวยาที่ไม่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับความสูญเสียที่ครอบครัวต้องเผชิญ

“เขาเป็นถึงผู้บริหารโรงเรียน แต่กลับไม่มีความรับผิดชอบที่เพียงพอ สิ่งที่เสนอมาไม่สามารถชดเชยความสูญเสียได้เลย” น.ส.โสจิลักษณ์กล่าว

นอกจากนี้ คู่กรณีและภรรยาซึ่งเป็นครูเหมือนกัน ได้ติดต่อเจรจากับเธออีกครั้ง โดยระบุว่าหากไม่ยอมรับข้อเสนอเยียวยาในครั้งนี้ อาจไม่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม

เสียงจากครอบครัวผู้เสียชีวิต

น.ส.โสจิลักษณ์ กล่าวว่า นายยศธพลเป็นคนที่มีความสามารถและนิสัยดี เขาได้รับการยกย่องในวงการกาแฟและเป็นที่รักของคนรอบข้าง

“ชีวิตของเขามีคุณค่าและสำคัญมาก เขายังอายุน้อย มีความสามารถ และเป็นที่รู้จักในวงการกาแฟ ฉันหวังว่าคู่กรณีจะคำนึงถึงชีวิตคนอื่นและแสดงความจริงใจมากกว่านี้” เธอกล่าว

ความคืบหน้าด้านการเยียวยา

น.ส.โสจิลักษณ์ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อศึกษาธิการจังหวัดเชียงรายและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 3 เพื่อร้องขอให้ต้นสังกัดของคู่กรณีช่วยผลักดันการเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

“จนถึงตอนนี้คู่กรณียังไม่แสดงความจริงใจหรือพยายามชดเชยในแบบที่สมเหตุสมผล แม้ว่าจะมีการติดต่อมาบ่อยขึ้น แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน” น.ส.โสจิลักษณ์กล่าว

ข้อคิดและบทเรียนจากเหตุการณ์

กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์สำคัญเกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัยและการแสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย การแสดงความจริงใจและความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสมานฉันท์ในสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Matichon Online / ก๋างโต่งคาเฟ่ Kang tong Cafe – Coffee & roaster Chiang Rai

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายร่วมมือหลายฝ่าย หาทางป้องกันวัยรุ่นทะเลาะวิวาท

การประชุมหลายฝ่ายป้องกันปัญหากลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาท ต.แม่กรณ์ เชียงราย

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย มอบหมายให้ พ.ต.ท.ฉันทฤทธิ์ เหล่าไพโรจน์จารีย์ รอง ผกก.ป. สภ.เมืองเชียงราย เป็นประธานในการประชุมหลายฝ่าย เพื่อหาแนวทางป้องกันและควบคุมปัญหากลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทในพื้นที่ตำบลแม่กรณ์ โดยมีตัวแทนจากหลายภาคส่วนร่วมประชุม ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กรณ์ บริษัท สิงห์ปาร์คเชียงราย จำกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงราย สำนักงานสรรพสามิตจังหวัดเชียงราย ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 และผู้นำหมู่บ้านในพื้นที่

เหตุการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นต้นเดือนธันวาคม ในระหว่างงานเทศกาลที่จัดขึ้นในพื้นที่ตำบลแม่กรณ์ หลังจากการแสดงดนตรีเสร็จสิ้น มีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันจนทำให้มีผู้บาดเจ็บหนัก เหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย สร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเชียงราย

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้ตรวจสอบพบว่าสาเหตุของเหตุการณ์เกิดจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มวัยรุ่นที่มีปัญหากันมาก่อนและบังเอิญพบกันในงานเทศกาล ขณะนี้ผู้ก่อเหตุได้ติดต่อขอมอบตัว และทางตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม

มาตรการจากหน่วยงานและชุมชน

  1. การจัดการด้านความปลอดภัยภายในงาน
    ตัวแทนจากผู้จัดงานชี้แจงว่า การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานเป็นไปตามกฎหมาย โดยผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีจะได้รับการประทับตราที่ริสแบนด์เพื่อป้องกันการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีมาตรการคัดกรองผู้เข้าร่วมงานอย่างเคร่งครัด
  2. บทบาทของชุมชนในการมีส่วนร่วม
    ผู้นำชุมชนได้เสนอให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบและดูแลความเรียบร้อยในช่วงที่มีการจัดกิจกรรม เพื่อช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยและลดความเสี่ยงของเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในอนาคต
  3. มาตรการด้านการศึกษา
    นายณรงค์ คำสุขุม รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงราย กล่าวว่า ทาง สพม.เชียงราย ได้มีศูนย์ความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤติของนักเรียน (พสน.) เพื่อดูแลนักเรียนในช่วงที่มีกิจกรรมในพื้นที่ พร้อมส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในโรงเรียน เพื่อป้องกันปัญหาการทะเลาะวิวาท

ความร่วมมือในอนาคต

นายชวาล ผู้จัดการทั่วไปของผู้จัดงานในพื้นที่ กล่าวว่า ทางผู้จัดงานมีแผนที่จะเพิ่มการจัดงานประจำปีจาก 5-6 ครั้งต่อปี เป็น 10 ครั้งในปีหน้า และจะเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การวางแผนงานจนถึงการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งในด้านความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวก

นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาระบบการจราจรภายในงาน ซึ่งปัจจุบันใช้เวลาเคลียร์พื้นที่หลังงานจบประมาณ 1-2 ชั่วโมง การมีส่วนร่วมของชุมชนจะช่วยลดปัญหาการจราจรและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดงาน

สรุปผลการประชุม

การประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าการแก้ไขปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน และผู้จัดงาน เพื่อสร้างระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัดเชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภ.เมืองเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

‘ทราวิซโก’ เร่งคืนเงินลูกค้า คาดเสร็จสิ้น ก.พ. 68

ทราวิซโก ชี้แจงข้อเท็จจริง คืนเงินลูกค้า คาดเสร็จสิ้น ก.พ. 68

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 บริษัท ทราวิซโก อินโนเทค จำกัด จัดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นการคืนเงินรีฟันด์ให้ลูกค้าที่ยังค้างอยู่ ณ ห้องประชุมอหัสกร ทีทีซี พาร์ค ทาวเวอร์ โดยมีการชี้แจง 4 ประเด็นสำคัญเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและโปร่งใส พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและคืนเงินที่เหลือให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568

4 ประเด็นสำคัญ

  1. ตัวเลขยอดเงินคงค้างและผู้ได้รับผลกระทบที่แท้จริง

บริษัทขอยืนยันว่าข้อมูลที่สื่อได้นำเสนอเกี่ยวกับมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาทนั้น คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก โดยตัวเลขที่แท้จริง ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2567 นั้น มีลูกค้าได้รับผลกระทบจำนวนทั้งสิ้น 760 ท่าน และยอดเงินรวม 32,493,188.64 บาท ทั้งนี้ในระหว่างช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน 2567 บริษัทได้ดำเนินการทยอยคืนเงินให้ลูกค้าไปแล้วเป็นจำนวน 415 ท่าน คิดเป็นเงินโดยประมาณทั้งสิ้น 20,266,358.14 หรือประมาณ 62.4 % และยังคงเหลืออีก 345 ท่าน คิดเป็นเงินโดยประมาณทั้งสิ้น 12,226,830.50 บาท หรือประมาณ 37.6% ของผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการรายงานข่าวก่อนหน้านี้

  1. บริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาการจองบัตรโดยสารเครื่องบินและการชำระเงินของสายการบินแห่งหนึ่ง

บริษัทขอชี้แจงว่า บริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุการณ์ที่กำลังเป็นข่าวเกี่ยวกับการจองบัตรโดยสารเครื่องบินของสายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งในเนื้อข่าวรายงานว่ามีผู้เสียหายหลายแสนราย ทั้งนี้อาจมีกลุ่มบุคคลพยายามเชื่อมโยงบริษัทเข้ากับประเด็นดังกล่าวหรืออาจจะเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของสื่อมวลชนบางสำนักซึ่งได้นำเสนอข่าวออกไปแล้วในลักษณะว่ามีความเกี่ยวข้องกัน บริษัทจึงขอยืนยันว่าข้อมูลนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

  1. การระงับการขายสินค้าและบริการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2567

ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2567 บริษัทได้ระงับการขายสินค้าและบริการทั้งหมดเป็นการชั่วคราว เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาการคืนเงินให้ลูกค้าโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเปิดทำการตามปกติเพื่อให้คำปรึกษา แนะนำ ช่วยเหลือ รวมทั้งติดตามและรายงานสถานะการคืนเงินของลูกค้าแต่ละราย โดยผู้เกี่ยวข้องสามารถติดตามสถานะการคืนเงินได้ตามช่องทางออนไลน์ของบริษัท รวมถึงสามารถติดต่อบริษัทได้ในวันเวลาเปิดทำการตามปกติ

  1. ความคืบหน้าและแผนการคืนเงินส่วนที่เหลือ

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้เร่งจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อวัตถุประสงค์ในการคืนเงินใหักับลูกค้าตามที่บริษัทได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากมีกระแสข่าวผ่านสื่อมวลชนอีกครั้งในวันที่ 2-3 ธันวาคม 2567 ที่นำเสนอข้อมูลตัวเลขความเสียหายที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของแหล่งทุนดังกล่าว ทำให้กำหนดการรับเงินทุนจากเดิมจะได้รับในวันที่ 5 ธันวาคม 2567 ต้องมีการชะลอการให้เงินทุนไว้ชั่วคราว เพื่อให้บริษัทชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อแหล่งทุนดังกล่าวต่อไป อันส่งผลให้แผนที่บริษัทจะนำเงินมาคืนลูกค้าส่วนที่เหลือนั้นต้องล่าช้าออกไป

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ผู้ที่ต้องการติดตามสถานะการคืนเงินสามารถตรวจสอบได้ที่ช่องทางออนไลน์ของบริษัท
  • บริษัทตั้งเป้าหมายคืนเงินให้ครบทุกกรณีภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

บริษัทฯ ขอน้อมรับทุกคำติชมและมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาอย่างเต็มความสามารถเพื่อคืนความมั่นใจแก่ลูกค้าทุกท่าน.

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ทราวิซโก อินโนเทค จำกัด

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเดินหน้าโครงการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด บูรณาการ 10 หน่วยงานสำคัญ

โครงการประสานความร่วมมือฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด จ.เชียงราย มุ่งขับเคลื่อนตามวาระแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคารศาลแขวงเชียงราย นายกสิชล ว่องไวชล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยจัดให้มีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง 10 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่ ศาลแขวงเชียงราย, จังหวัดเชียงราย, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงเชียงราย, ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย, สภาทนายความเชียงราย, และสำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย

แนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนตามเจตนารมณ์กฎหมาย

นายกสิชล ว่องไวชล เปิดเผยว่า โครงการนี้สอดคล้องกับคำแนะนำและนโยบายของประธานศาลฎีกา ที่มุ่งเน้นให้กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยจะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายของผู้เสพยา รวมถึงการคืนคนดีสู่สังคม

การบูรณาการในครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานปกครองและหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดตามวาระแห่งชาติ โดยเน้นย้ำการดำเนินงานในลักษณะองค์รวม ทั้งการป้องกัน บำบัดรักษา และฟื้นฟู รวมถึงการสร้างโอกาสในการกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้เสพยา

เนื้อหาของ MOU และบทบาทของหน่วยงาน

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ระบุแนวทางและบทบาทที่ชัดเจน เช่น

  1. ศาลแขวงเชียงราย: ดูแลกระบวนการพิจารณาคดีให้สอดคล้องกับแนวทางการบำบัด
  2. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย: สนับสนุนทรัพยากรและบุคลากรทางการแพทย์
  3. ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย: ปฏิบัติงานสืบสวนและควบคุมการกระทำผิดที่เกี่ยวข้อง
  4. สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงราย: ติดตามผลการบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยา
  5. เทศบาลนครเชียงรายและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: สนับสนุนงบประมาณและการพัฒนาชุมชน

การขับเคลื่อนปัญหายาเสพติดตามวาระแห่งชาติ

การแก้ไขปัญหายาเสพติดถือเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยการจัดโครงการดังกล่าวเป็นตัวอย่างของการดำเนินงานเชิงรุกที่มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาสังคมให้ปลอดภัยและยั่งยืน

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ความร่วมมือของทุกหน่วยงานในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะนำไปสู่การลดปัญหายาเสพติดในจังหวัดเชียงราย และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น

กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูที่เน้นการคืนคนดีสู่สังคม

หนึ่งในแนวทางที่สำคัญของโครงการคือการนำผู้เสพและผู้ติดยาเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูที่เหมาะสม โดยเน้นการประเมินสภาพจิตใจ การให้คำปรึกษา และการสร้างทักษะชีวิตที่จำเป็น เพื่อช่วยให้ผู้ผ่านการบำบัดสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมั่นใจ

ผลคาดหวังจากการดำเนินโครงการ

โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับพื้นที่ แต่ยังเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่น ๆ ในการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เพื่อการพัฒนาระบบการบำบัดรักษาและฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ

ประชาชนสามารถติดตามผลการดำเนินงานของโครงการได้ที่ศาลแขวงเชียงราย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่การลดปัญหายาเสพติดในจังหวัดเชียงรายและประเทศไทยโดยรวม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

อสังหาฯ ไทยรับมือสังคมสูงวัย เน้นที่อยู่อาศัยตอบโจทย์

การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทยปี 2567

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 รายงานข่าวจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยผลสำรวจเกี่ยวกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยระบุว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นจาก 6.8% ในปี 2537 เป็น 20% ในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 4.89% อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน

สถานการณ์การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ

ปี 2567 พบว่า มีโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุทั้งหมด 916 โครงการ แบ่งเป็นเนอร์สซิ่งโฮม 832 โครงการ และที่อยู่อาศัยทั่วไป 84 โครงการ โดยพื้นที่ที่มีโครงการมากที่สุดอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 516 โครงการ นอกจากนี้ อัตราการเข้าพักในเนอร์สซิ่งโฮมเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 70.91% โดยจังหวัดชลบุรีมีอัตราการเข้าพักสูงสุดที่ 76.95% ตามมาด้วยนครราชสีมา 73.71% และเชียงใหม่ 73.07%

ในส่วนของที่อยู่อาศัย อัตราการเข้าพักในจังหวัดสมุทรปราการอยู่ที่ 70.91% และกรุงเทพฯ อยู่ที่ 75.64% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่เขตเมืองและศูนย์กลางเศรษฐกิจ

ราคาค่าเช่าและการเข้าถึงบริการ

ผลสำรวจระบุว่าค่าเช่าเนอร์สซิ่งโฮมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มภาครัฐและมูลนิธิอยู่ในช่วง 15,001-20,000 บาท ขณะที่กลุ่มเอกชนมีค่าเช่าสูงถึง 30,001-50,000 บาท ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยของภาครัฐมีค่าเช่าเฉลี่ยต่ำกว่า 10,000 บาท โดยกลุ่มเอกชนมีค่าเช่าที่นิยมอยู่ในช่วง 30,001-50,000 บาท

รายได้และการพัฒนากลไกสนับสนุน

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่พึ่งพารายได้จากบุตร 35.7% รองลงมาคือรายได้จากการทำงาน เบี้ยยังชีพ และบำนาญ ผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนากลไกทางการเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เช่น สินเชื่อเพื่อที่พักอาศัยแบบเช่าระยะยาว การซื้อสิทธิ์การอยู่อาศัย และโครงการขายหรือเช่าในราคาที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มรายได้ปานกลางถึงต่ำ

มุมมองอนาคต

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้พัฒนาสินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุ เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยในราคาที่เหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะช่วยผลักดันการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน

ข่าวดังกล่าวสะท้อนถึงความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยเน้นการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและความต้องการที่หลากหลายของประชากรกลุ่มนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สุริยะเปิดถนนใหม่เชื่อมโครงการหลวง หนุนเศรษฐกิจชุมชน

“สุริยะ” เปิดโครงการพัฒนาถนนเชื่อมโครงการหลวง อำนวยความสะดวกประชาชนและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ดำเนินโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนในพื้นที่โครงการหลวง เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวง บรรเทาความเดือดร้อนด้านการเดินทาง และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน

โครงการที่สำเร็จล่าสุดคือถนนสาย แยก ทล.118 – บ้านทุ่งยาว (ช่วงที่ 1) อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย โดยเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยโป่ง และ อุทยานแห่งชาติขุนแจ

รายละเอียดโครงการ

โครงการดังกล่าวมีระยะทางรวม 19.800 กิโลเมตร และใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 84.090 ล้านบาท โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ช่วง:

  1. ช่วงที่ 1: อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้
  2. ช่วงที่ 2: อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติขุนแจ ซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

เส้นทางดังกล่าวเริ่มต้นจากทางหลวงหมายเลข 118 (กม. 76+100) ผ่านจุดสำคัญหลายแห่ง เช่น อ่างเก็บน้ำดอยงู, บ้านทุ่งยาว, บ้านห้วยทราย, บ้านปางมะกาด, บ้านห้วยคุณพระ, และ บ้านขุนลาว ก่อนจะกลับมาบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 118 อีกครั้งที่ กม. 54+100

รูปแบบการก่อสร้าง

  • ผิวจราจรแอสฟัลต์คอนกรีต กว้าง 5 เมตร
  • ผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 4 เมตร
  • ก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 แห่ง
  • ติดตั้งระบบระบายน้ำ เครื่องหมายจราจร และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย

สำหรับถนนสาย แยก ทล.118 – บ้านทุ่งยาว (ช่วงที่ 2) ซึ่งมีระยะทาง 16.875 กิโลเมตร ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานเมื่อปลายปี 2566

วัตถุประสงค์และประโยชน์ของโครงการ

นายสุริยะ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นการสนับสนุนงานโครงการหลวงอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายสำคัญในการ:

  1. สนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน
    • ช่วยให้การเดินทางในพื้นที่โครงการหลวงสะดวกและปลอดภัย
    • ลดอุปสรรคในการเดินทางเข้าไปปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และประชาชน
  2. ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน
    • สนับสนุนการขนส่งผลผลิตทางการเกษตร เช่น ผัก, ผลไม้เมืองหนาว, ใบชา, และเมล็ดกาแฟ
    • ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่
  3. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
    • พัฒนาพื้นที่รอบ อุทยานแห่งชาติขุนแจ ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยว
    • ยกระดับมาตรฐานเส้นทางให้เหมาะกับการเดินทางทุกฤดูกาล

เสียงสะท้อนจากกรมทางหลวงชนบท

นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า โครงการนี้เป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อยกระดับเส้นทางคมนาคมในพื้นที่ห่างไกล ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน

บทสรุป

โครงการพัฒนาถนนสายแยก ทล.118 – บ้านทุ่งยาว ไม่เพียงแต่สนับสนุนงานของมูลนิธิโครงการหลวง แต่ยังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติขุนแจ นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของกระทรวงคมนาคมที่ได้มีส่วนช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนในพื้นที่.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมทางหลวงชนบท (ทช.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เยี่ยมญาติทหารใหม่ มทบ.37 สร้างความอบอุ่นใจในรั้วกองทัพ

มทบ.37 จัดกิจกรรมเยี่ยมญาติทหารใหม่ สร้างความอบอุ่นใจในรั้วกองทัพ

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 พล.ต.บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37/ผู้อำนวยการฝึกทหารใหม่ พร้อมด้วย ดร.ธาราทิพย์ วงษ์บรรณะ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 37 ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อพบปะและให้กำลังใจทหารใหม่รุ่นปี 2567 ผลัดที่ 2 ในกิจกรรมเยี่ยมญาติทหารใหม่

กิจกรรมเพื่อสร้างความอบอุ่นใจ

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ทหารใหม่ได้พบปะกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครอบครัว หลังจากเข้ามารับราชการทหารและผ่านการฝึกมาแล้วระยะหนึ่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อคลายความกังวลและสร้างความมั่นใจให้กับทั้งทหารใหม่และครอบครัว กิจกรรมเต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง สะท้อนถึงความใส่ใจของกองทัพบกที่มีต่อทหารใหม่ในทุกมิติ

บริการพิเศษสำหรับครอบครัวทหารใหม่

ในงานมีการจัดบริการพิเศษเพื่อครอบครัวทหารใหม่ เช่น

  • บริการทางการแพทย์: ตรวจอาการขั้นต้นให้กับญาติทหารใหม่
  • การแสดงดนตรี: โดยหมวดดุริยางค์ของกองทัพ
  • อาหารพิเศษ: จัดเตรียมโดยรถครัวสนามของกองทัพ แจกจ่ายให้กับญาติทหารใหม่

ทุกกิจกรรมจัดขึ้นด้วยความตั้งใจภายใต้แนวคิด “เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับญาติทหารใหม่ว่าลูกหลานของพวกเขาได้รับการดูแลอย่างดีในรั้วกองทัพบก

ช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับทหารใหม่

การจัดกิจกรรมเยี่ยมญาติทหารใหม่ในสัปดาห์ที่สามของการฝึกนับเป็นประเพณีสำคัญของหน่วยฝึกในสังกัดกองทัพบก โดยเน้นให้ครอบครัวได้เห็นถึงการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของทหารใหม่ รวมถึงได้รับทราบข่าวสารจากบ้าน สร้างขวัญกำลังใจให้กับทั้งครอบครัวและตัวทหารใหม่

ความสำเร็จของกิจกรรม

ผลการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งทหารใหม่และครอบครัว โดยครอบครัวของทหารใหม่ต่างแสดงความพึงพอใจที่ได้พบปะและเห็นการดูแลอย่างเอาใจใส่จากกองทัพ ส่วนทหารใหม่เองได้รับกำลังใจจากครอบครัว ซึ่งช่วยเติมพลังใจในการฝึกต่อไป

บทบาทสำคัญของกองทัพในการดูแลกำลังพล

พล.ต.บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน กล่าวว่า “กิจกรรมเยี่ยมญาติทหารใหม่เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของกองทัพบกในการดูแลกำลังพลอย่างใกล้ชิด สร้างความอบอุ่นใจให้กับครอบครัวและตัวทหารใหม่ เพื่อให้พวกเขามีพลังใจในการฝึกและปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติต่อไป”

การจัดกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและครอบครัวของทหารใหม่ ตอกย้ำว่ากองทัพไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ฝึกฝนความแข็งแกร่ง แต่ยังเป็นครอบครัวใหญ่ที่พร้อมดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

นายกฯ แพทองธาร ลงพื้นที่แม่สาย ติดตามแผนขุดลอกแม่น้ำ แก้ปัญหาอุทกภัย

แพทองธารลงพื้นที่แม่สาย ติดตามแผนขุดลอกแม่น้ำและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 เวลา 11.00 น. บริเวณคันดินตลาดสายลมจอย ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อติดตามแผนการขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก รวมถึงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการลงพื้นที่

แผนขุดลอกแม่น้ำและมาตรการแก้ปัญหาอุทกภัย

นายกรัฐมนตรีรับฟังแผนการดำเนินงานจากผู้บริหารสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กระทรวงกลาโหม และกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งเป็นการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม โดยแผนงานแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

  1. แผนระยะเร่งด่วน (1 ปี)

    • ขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก รวมระยะทาง 59 กิโลเมตร
    • รื้อถอนสิ่งกีดขวางลำน้ำและสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราว
  2. แผนระยะกลาง (1-3 ปี)

    • สร้างโครงสร้างป้องกันน้ำท่วมและตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำ
    • ศึกษาและออกแบบโครงการขุดคลองผันน้ำ
  3. แผนระยะยาว (3-5 ปี)

    • จัดการพื้นที่รับน้ำชั่วคราวหรือแก้มลิง
    • สำรวจและออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด พร้อมระบุว่างบประมาณต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ให้น้อยที่สุด

ตรวจเยี่ยมพื้นที่และพบปะประชาชน

หลังจากตรวจคันดินบริเวณตลาดสายลมจอย นายกรัฐมนตรีได้ทักทายประชาชนที่มารอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งเป็นประธานพิธีเปิดงาน “ปรับ ฟื้น คืนสุข เมืองล้านนา” ที่จัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยมีการส่งมอบมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อให้ประชาชน

การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและความร่วมมือระหว่างไทย-เมียนมา

นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ขณะนี้ได้ติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติในพื้นที่ฝั่งเมียนมา 3 จุด และฝั่งไทย 1 จุด เพื่อใช้ในการเตือนภัยน้ำท่วม รวมถึงการสำรวจแนวทางสร้างพนังกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำสายระยะทาง 3.96 กิโลเมตร และขุดลอกลำน้ำเพิ่มเติม

สถานการณ์ในพื้นที่และการค้าชายแดน

นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่สาย ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติ มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก บรรยากาศการค้าขายกลับมาคึกคัก

ประเด็นปัญหาเรือประมงไทย

ระหว่างการสัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีเรือประมงไทยที่เกิดเหตุการณ์ในพื้นที่เมียนมา โดยระบุว่าขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการประท้วงและขอให้ปล่อยตัวคนไทยโดยเร็วที่สุด

ความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาภาคเหนือและภาคใต้
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาคเหนือจะนำไปปรับใช้กับการช่วยเหลือภาคใต้ โดยระบุว่ารองนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุอุทกภัย และรัฐบาลพร้อมลงพื้นที่เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง

ส่งมอบมาตรการช่วยเหลือประชาชน

งาน “ปรับ ฟื้น คืนสุข เมืองล้านนา” มีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในกระทรวงการคลังที่จัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

การลงพื้นที่ในครั้งนี้แสดงถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

นายกฯ มอบนโยบายแก้ PM2.5 ยั่งยืน เน้นลดไฟป่าภาคเหนือ

นายกฯ ลงพื้นที่แม่ริมถกแผนป้องกันไฟป่า-ฝุ่น PM 2.5 เน้นมาตรการยั่งยืน

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปยังกองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สำหรับปี 2568 โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และผู้ว่าราชการจาก 17 จังหวัดภาคเหนือเข้าร่วม

สรุปสถานการณ์ปี 2567

ในที่ประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่รายงานสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี โดยเฉพาะในปี 2567 พบว่ามีการลดลงของจุดความร้อน (Hotspots) พื้นที่เผาไหม้ และจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ที่เข้ารับการรักษา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 ความสำเร็จนี้เกิดจากการดำเนินงานเชิงรุกและการใช้หลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” โดยมีการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานในทุกระดับ

นายกฯ เน้นย้ำมาตรการแก้ไขปัญหา

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ระบุว่าการแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย พร้อมมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาแนวทางการแปรรูปวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดการเผาและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องจัดทำพื้นที่เฝ้าระวังให้ชัดเจน

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงปัจจัยจากต่างประเทศ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์และประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพัฒนาระบบตรวจสอบคุณภาพอากาศและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง พร้อมกำชับให้ดูแลสุขภาพของประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน

ตรวจความพร้อมและมอบกำลังใจ

หลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ตรวจแถวกำลังพลและความพร้อมของอุปกรณ์ป้องกันไฟป่า พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือและกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง และประสานการทำงานระหว่างหน่วยงานอย่างใกล้ชิด พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการทำงานของทุกฝ่ายอย่างเต็มที่

นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ต้องวางรากฐานเพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาจะเป็นต้นแบบในการสร้างมาตรการที่มีประสิทธิภาพต่อไป

มาตรการระยะยาวและเป้าหมายปี 2568

สำหรับปี 2568 รัฐบาลตั้งเป้าหมายลดจุดความร้อนและค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือให้ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเน้นการสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน และการสนับสนุนเทคโนโลยีที่ช่วยลดการเผา พร้อมจัดตั้งศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจสำหรับรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 31 ล้านคน สร้างรายได้มหาศาล

กระทรวงการท่องเที่ยวเผย นักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 31 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.46 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 24 พฤศจิกายน 2567 โดยพบว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาแล้วทั้งสิ้น 31,313,787 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นมูลค่าประมาณ 1,466,408 ล้านบาท

นักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทย

  1. จีน จำนวน 6,096,010 คน
  2. มาเลเซีย จำนวน 4,443,173 คน
  3. อินเดีย จำนวน 1,868,802 คน
  4. เกาหลีใต้ จำนวน 1,647,328 คน
  5. รัสเซีย จำนวน 1,455,398 คน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short Haul) มีการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางสะสมมากกว่า 6 ล้านคน และชาวเกาหลีใต้ที่มีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 14.28% จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล (Long Haul) มีการชะลอตัวด้านการเดินทาง ซึ่งถือเป็นแนวโน้มปกติช่วงก่อนฤดูท่องเที่ยวในเดือนธันวาคม

จำนวนนักท่องเที่ยวประจำสัปดาห์ (18-24 พฤศจิกายน 2567)

  • จำนวนนักท่องเที่ยวรวม: 749,306 คน
  • เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า: 1,362 คน หรือ 0.18%
  • ค่าเฉลี่ยต่อวัน: 107,044 คน

5 อันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยประจำสัปดาห์

  1. จีน: 122,020 คน (+7.18%)
  2. มาเลเซีย: 81,886 คน (ปรับลดลงเล็กน้อย)
  3. รัสเซีย: 50,071 คน (+3.37%)
  4. อินเดีย: 46,259 คน (+1.88%)
  5. เกาหลีใต้: 38,959 คน (+14.28%)

ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว

  1. เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ของตลาดระยะไกล โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป
  2. เพิ่มจำนวนที่นั่งเข้าไทย (Seat Capacity) ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
  3. มาตรการ Ease of Traveling เช่น การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก
  4. การเพิ่มเที่ยวบิน โดยรัฐบาลได้กระตุ้นสายการบินให้เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม โดยเฉพาะกลุ่มตลาดยุโรปและตลาดระยะไกล เนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว และมาตรการส่งเสริมการเดินทางที่เอื้อต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทย

การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในปี 2567 ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งในแง่ของรายได้จากนักท่องเที่ยวและการกระจายรายได้สู่ภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE