Categories
FOOD SOCIAL & LIFESTYLE VIDEO

แอ่วล้ำแอ่วเหลือ : ร้านพันดาว (1000 Stars)

แอ่วล้ำแอ่วเหลือ : ร้านพันดาว (1000 Stars)

Facebook
Twitter
Email
Print
แอ่วล้ำแอ่วเหลือ : ร้านพันดาว (1000 Stars)

พันดาว เป็นคาเฟ่ริมน้ำที่มาพร้อมกับบรรยากาศดี ๆ ในจังหวัดเชียงราย ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่เพิ่งเปิดตัวได้ในช่วงต้นปี และได้กระแสตอบรับที่ดีอย่างล้นหลามเลยทีเดียว

 

“โดยคุณแมค กฤษณพล ชะฟู เจ้าของร้านพันดาว ได้เปิดใจกับทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ว่า เราเพิ่งเปิดร้านเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 แล้วลูกค้าก็สนับสนุนเรา และให้กำลังใจเรามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด จะด้วยสถานการณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ คือมันทำให้เกิดประกายไฟตรงปลั๊ก แล้วก็เกิดไฟไหม้ มันเกิดขึ้นเร็วมาก อันนี้เราต้องยอมรับตรง ๆ ว่าเราไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เราโชคดีตรงที่วันนั้นคือไม่มีลูกค้าอยู่ในร้าน สิ่งที่เสียหายทั้งหมดจะเป็นในส่วนของสถานที่เท่านั้น คนทุกคนปลอดภัย แล้วก็การเกิดประกายไฟนี่คือมันก็เกิดการสูญเสีย คือไฟไหม้พันดาวทั้งหลังเลยเหลือแต่เสากับพื้น”.

“ก็คือวันที่เกิดเหตุกับเรา มันเหมือนแบบเข่าทรุดกันเลยครับ มันหมดแรง แบบลงกองไปกับพื้นเลยนะครับ แต่เราก็ขอขอบคุณหลาย ๆ อย่าง เช่น ขอบคุณพนักงาน ขอบคุณทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา ขอบคุณที่ทุกคนมีสติ ช่วยเหลือกัน แล้วก็ให้ความร่วมมือกัน ทุกอย่างเลยราบรื่น คือในส่วนที่มันสูญเสียอย่างมากคือจิตใจ ที่เราแบบสร้างมากับมือ แล้วก็พังทลายไปแทบไม่ถึงหนึ่งวัน ก็ค่อนข้างแย่เหมือนกัน”

ซึ่งทางพันดาว ได้ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 7 วันเท่านั้นในการสร้างและตกแต่งขึ้นมาใหม่

“คือมันไหม้ไปแล้ว แต่ทีนี้เหมือนเรามีพลัง มีกำลังใจ วันแรกที่เกิดไฟไหม้ก็คือเราได้กำลังใจจากทุกคนที่ส่งเข้ามาเยอะมาก คือถ้าเราจมอยู่ตรงนี้นาน มันจะไม่มีอะไรดีขึ้น มันเคยเหนื่อยหนักกว่านี้มาแล้วก็เคยเจอ”

ในการทำใหม่ครั้งนี้คือ คุณแมคและทีมก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากกว่าเดิม ของเก่าแม้จะถูกไฟไหม้ไปก็เหลือแค่ความทรงจำ ก็เก็บความทรงจำที่ดีเหล่านั้นไว้ที่เดิม ที่เหลือก็มาเริ่มต้นกันใหม่

“เราก็เลยเกิดเป็นกิมมิคขึ้นมาใหม่ เป็นเหมือนนกฟินิกซ์ ก็คือว่าพันดาวฟื้นขึ้นมาจากกองเถ้าถ่าน ขึ้นมาเปล่งแสงอีกครั้งนึง ธีมสีใหม่ของร้านก็จะเป็นโทนส้ม ส้มอิฐ ส้มขาว ส้มทอง แสดงถึงความรุ่นเรือง ความรุ่งโรจน์ แล้วก็ความเปล่งประกายของแสงดาว”

ซึ่งทางพันดาว ก็ยังวางคาแรคเตอร์เอาไว้ว่าพันดาวไม่ใช่ร้านกาแฟที่คนมาซื้อแค่กาแฟแล้วก็กลับ ทุกคนมาที่นี่จะได้รับการดูแลเหมือนเวลาได้กลับบ้าน จะนั่งมุมไหนก็ได้ ทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านของเรา และพนักงานทุกคนที่นี่ก็จะคอยดูแล ส่วนในขั้นต่อ ๆ ไปทางพันดาวก็จะต่อยอดในเรื่องของชาวบ้าน เพื่อช่วยสนับสนุนชาวบ้านต่อไป

“เพราะว่าถ้าเราไม่มีชาวบ้านเราก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน พันดาวคือใช้ในเรื่องของดอกไม้ในการตกแต่ง แล้วก็ไปส่งเสริมชาวบ้านว่าให้ปลูกดอกไม้ชนิดนี้หน่อย เดี๋ยวผมจะมาช่วยนะ เพราะดอกไม้ต้องใช้ในเรื่องการตกแต่งเค้ก ตกแต่งอาหาร ชาวบ้านเขาก็โอเค เพราะทุกทีเขาก็ปลูกดอกไม้อยู่แล้วแหล่ะ เราแค่แปลให้เขาว่าสิ่งที่เขาทำตอนนี้เขาเริ่มเห็นมูลค่าของมันแล้ว เราก็ไปให้ความรู้และส่งเสริมเขา แล้วก็เราอยากพัฒนาต่อในเรื่องของการทำ Box set แล้วก็เรื่องของ Break แล้วก็การทำเป็นเซ็ตต่าง ๆ กิมมิคต่าง ๆ แล้วก็เรื่องของการจัดสถานที่เรื่องงานแต่ง”

และแน่นอนว่าทางพันดาว ก็มีโครงการที่จะทำอะไรต่อไปอีกในทุก ๆ เทศกาล

“อย่างที่ใกล้ ๆ จะถึงนี้ก็คือลอยกระทง เราก็คุยกับน้อง ๆ พนักงานว่าลอยกระทงนี้อยากทำอะไร พนักงานที่ร้านก็บอกว่าอยากทำกระทง เพราะฉะนั้นเราก็จะจัดบูธทำกระทงและสอนลูกค้าทำกระทงไว้ โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ใบไม้ใบหญ้า เอามาตกแต่งทำกระทง แต่ในส่วนของปีใหม่คริสมาสต์ก็จะมีการจัดธีม อย่างปีนี้ก็จะเป็นต้นคริสมาสต์จากต้นข้าวโพดสีทอง ข้าวโพดนี่เป็นข้าวโพดที่เอามาจากชาวบ้านที่อำเภอพญาเม็งราย และจะสามารถเปลี่ยนมูลค่าจากวัตถุดิบเหล่านี้ได้ แล้วชาวบ้านเขาก็ดีใจด้วยที่เราไปช่วยเหลือเขา”

และสำหรับใครที่อยากติดตามข่าวสารจากพันดาว ก็สามารถไปติดตามกันได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊กพันดาว(1000stars) โดยพันดาวตั้งอยู่ที่อ่างเก็บน้ำห้วยสัก จ.เชียงราย อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาน 20 กม. เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนถึงหกโมงเย็น

“และนอกจากในส่วนของคาเฟ่แล้ว เราก็ยังมีที่พักแบบวิลล่าด้วย ซึ่งหลังจากหกโมงเย็นเป็นต้นไป เราก็อยากให้พื้นที่แบบส่วนตัวกับลูกค้าที่พักวิลล่า ลูกค้าที่พักวิลล่าก็จะมีพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น คนไม่พลุกพล่าน จัดเป็นส่วน ๆ ให้เขา”

“สุดท้ายนี้ทางพันดาวก็อยากจะขอขอบคุณลูกค้าทุกคนที่สนับสนุนพันดาว ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่อยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ ที่ทุกคนตั้งใจมาเที่ยวที่พันดาว คือพันดาวไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่ทุกคนมาง่ายมากนัก ค่อนข้างไกลเหมือนกัน บางทีขับรถเข้ามาอยู่ในป่าในเขา ก็ขอบคุณมาก ๆ เลยครับที่ตั้งใจมา แล้วก็มาให้กำลังใจพันดาว อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่มีแผนอยากจะมาเที่ยวที่เชียงรายก็อยากจะให้ตั้งใจให้มาเที่ยวที่พันดาวกันได้เลย ขอให้พันดาวเป็นตัวเลือกแรกในใจเลยนะครับ หรือใครที่มีแผนหรือมีเพื่อนอยากจะแนะนำให้มาเที่ยวที่พันดาว พันดาวก็ยังเป็นสถานที่ที่จะส่งต่อในเรื่องของพลังบวก แล้วก็ส่งต่อในเรื่องของความรู้สึกดี ๆ ให้กับทุกคน แล้วก็อยากจะให้ทุกคนมาเที่ยวที่พันดาวได้รับความสุข และความประทับใจกลับไปครับ”

และในขณะนี้ร้านพันดาวก็ได้กลับมาเปิดบริการตามปกติแล้ว

พิกัดร้าน : https://goo.gl/maps/pgguWWLaYBAZ4mqL7

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : พันดาว 1000 Stars

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
NEWS UPDATE
Categories
SPORT

มทบ.37 เชียงราย ส่งนักกีฬาเยาวชน ร่วมแข่ง “นครสวรรค์เกมส์“

มทบ.37 เชียงราย ส่งนักกีฬาเยาวชน ร่วมแข่ง “นครสวรรค์เกมส์“

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 พล.ต.ประพัฒน์ พบสุวรรณ มทบ.37 ร่วมให้การสนับสนุน ด.ญ. กชกร กลิ่นแก้วณรงค์ บุตรของ ส.อ. วีระยุทธ กลิ่นแก้วณรงค์ กำลังพล มว.ดย.มทบ.37 เป็นตัวแทนเยาวชน เข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 38 “นครสวรรค์เกมส์” ประเภทกีฬาเอ็กซ์ตรีม(อินไลน์สตั๊น) ได้อันดับที่ 13 จากผู้แข่งขัน จำนวน 28 คน รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ตามนโยบาย ผบ.มทบ.37 ที่ต้องการผลักดันให้บุตรของกำลังพลที่มีความรู้ความสามารถ ได้เข้าร่วมแข่งขัน พัฒนาทักษะ และเปิดโอกาสให้ได้แสดงศักยภาพความสามารถของตนเอง จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับหน่วย และครอบครัวได้ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
EDITORIAL NEWS

เศรษฐศาสตร์การเมืองของการพัฒนาระบบคุ้มครองความยากจนผู้สูงอายุ

เศรษฐศาสตร์การเมืองของการพัฒนาระบบคุ้มครองความยากจนผู้สูงอายุ โดย ดร.ทีปกร จิร์ฐิติกุลชัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Facebook
Twitter
Email
Print

เศรษฐศาสตร์การเมืองของการพัฒนาระบบคุ้มครองความยากจนผู้สูงอายุ

 

โดย ดร.ทีปกร จิร์ฐิติกุลชัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

รายจ่ายด้านสวัสดิการผู้สูงอายุ กำลังจะเผชิญกับข้อจำกัดงบประมาณ อันเนื่องจากผลกระทบของโควิด ปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก และสงครามรุกรานประเทศยูเครน ตลอดจนปัญหาเชิงโครงสร้างภายในของเราเองที่ปรับตัวไม่ทันโลก จะส่งผลต่อความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยระยะยาว ทำให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บรายได้เข้าคลังตามเป้าหมาย ซ้ำยังมีภาระจ่ายคืนหนี้เงินกู้มหาศาลในอนาคต ดังนั้น ประเทศไทยควรจะต้องหาทางออกสำหรับงบประมาณรายจ่ายที่เพียงพอและยั่งยืนสำหรับระบบความคุ้มครองความยากจนสำหรับผู้สูงอายุในอนาคต

แม้จะมีความพยายามโดยภาคประชาสังคมและภาคการเมือง เพื่อผลักดันทางกฎหมายและการเมืองในการขับเคลื่อนร่างพระราชบัญญัติบำนาญผู้สูงอายุ แต่ทุกฉบับล้วนถูกตีตกด้วยเหตุผลหลัก คือ “เป็นภาระงบประมาณ” ทั้งที่หากผู้กำหนดนโยบายมีเจตจำนงทางการเมืองที่จะให้ความคุ้มครองด้านสวัสดิการต่อประชาชน ก็ควรที่จะผลักดันให้สามารถเกิดขึ้นได้ เหมือนอย่างระบบบัตรทองหรือระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

โดยหลักการพื้นฐานแล้ว แนวคิด “รัฐสวัสดิการ” หรือ สวัสดิการสังคมถ้วนหน้า ซึ่งครอบคลุมถึงระบบ “บำนาญแห่งชาติ” เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการมีชีวิตที่มั่นคง และเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องจัดสวัสดิการ โดยควรจะเป็นเป้าหมายทั้งทางเศรษฐศาสตร์และทางการเมืองที่เป็นฉันทามติของสังคมไทย สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยการลดความเหลื่อมล้ำจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ และ ช่วยลดความเสี่ยงจากความขัดแย้งรุนแรงทางการเมือง

เราไม่สามารถจะนำตัวแปรความเหลื่อมล้ำออกจากสมการของการพัฒนาระบบสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย เพราะประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำทั้งด้านรายได้และด้านทรัพย์สิน เป็นปัญหาติดอันดับต้น ๆ ในโลก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตระกูลที่รวยที่สุด 50 ตระกูล มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20 – 30% หรือ เพิ่มขึ้น 6-8 เท่า มีทรัพย์สินรวมเพิ่มขึ้นจากประมาณ 1 ใน 10 ของ GDP เพิ่มเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของ GDP ซึ่งตระกูลที่รวยที่สุดตระกูลหนึ่ง มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเพียงปีเดียวเกือบ 1 แสนล้านบาท ในปี 2563 ที่ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัสจากปีแรกของโควิด

หลายตระกูลบนยอดปิรามิดที่ความมั่งคั่งเติบโตรวดเร็วติดจรวด เพราะได้เปรียบจากการประกอบธุรกิจสัมปทาน หรือ ธุรกิจกึ่งผูกขาด เช่น โทรคมนาคม หรือ พลังงาน ตลอดจนกลไกภาครัฐเอื้อให้สามารถมีอำนาจเหนือตลาด และได้รับยกเว้นภาษีแบบที่ผู้ประกอบการ SME ไม่ได้รับโอกาส

ในขณะที่ ช่องว่างระหว่างคนรวยที่สุด 10% และคนส่วนใหญ่ในประเทศ ยิ่งขยายกว้างเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนจนระดับล่าง 10% แทบจะไม่ได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ตามข้อมูลสำรวจสภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติ

คงไม่น่าแปลกใจที่ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ตามที่ ศ.ดร.เมธี ครองแก้ว (2522) เคยระบุไว้ว่า  “รัฐบาลไม่ต้องการใช้นโยบายการคลังเพื่อผลทางการกระจายรายได้ เพราะนโยบายดังกล่าวกระทบต่อฐานะของคนกลุ่มน้อยที่มีอิทธิพลหรือมีอำนาจ ซึ่งรัฐบาลต้องช่วยรักษาผลประโยชน์หรือมีประโยชน์ผูกพันอยู่ด้วย”

ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ เป็นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ได้มีข้อเสนอมากมายในการแก้ปัญหาที่เรื้อรังมายาวนาน เช่น ผศ.ดร.ดวงมณี เลาวกุล (2556) ได้เสนอว่า การสร้างความเสมอภาคได้มากขึ้นวิธีหนึ่งก็คือ การกระจายการถือครองทรัพย์สินใหม่

ในขณะที่ ศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร (2560) ได้ระบุว่า การที่สินค้าและบริการสาธารณะของเรา รวมทั้งระบบรัฐสวัสดิการ มีไม่เพียงพอและคุณภาพย่ำแย่ ส่วนหนึ่งเพราะว่ารัฐมีงบประมาณจํากัด ซึ่งเกิดจากการเก็บภาษีได้น้อย  ดังนั้น จึงควรที่จะพัฒนาประสิทธิภาพและความเป็นธรรมทางภาษี ซึ่งภาษีที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ภาษีมรดกและภาษีทรัพย์สินต่างๆ

ประเทศไทยมีรายได้จากภาษีคิดเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะอัตราภาษีที่ต่ำเกินไป และเพราะการลดหย่อน/ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อส่งเสริมการลงทุน โดยในปี พ.ศ. 2558 ประมาณ 1 ใน 4 ของภาษีเงินได้นิติบุคคลได้รับการลดหย่อน (Pitidol, 2018) 

ดร.สมชัย จิตสุชน และคณะ (2554) ได้เสนอว่า ประเทศไทยควรมีการปฏิรูปโครงสร้างภาษี เพื่อยกระดับรายได้ภาษีให้ใกล้เคียงกับ “ศักยภาพในการเสียภาษี” และช่วยให้ระบบภาษีมีความเป็นธรรมและเสมอภาคมากขึ้น สอดคล้องกับ Kwaja and Iyer (2014) ซึ่งระบุว่า หากประเทศไทยสามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีให้สูงขึ้น รายได้ภาษีจะเพิ่มได้ถึง 20-30% ของ GDP

Solt (2019) ได้แสดงให้เห็นว่า มาตรการภาษีและเงินสวัสดิการของไทย ช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ค่อนข้างน้อย ซึ่งแสดงถึงศักยภาพที่จำกัดของประเทศไทยในการใช้เครื่องมือทางการคลังเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ในขณะที่การใช้จ่ายด้านรัฐสวัสดิการของรัฐไทย สามารถช่วยลดความยากจน ตามที่ Sondergaard et al. (2016) ได้แสดงให้เห็นว่า การใช้จ่ายภาครัฐด้านสวัสดิการ มีบทบาทสูงขึ้นในการช่วยลดความยากจนของครัวเรือนไทย

ยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นที่สำคัญ คือ คนจำนวนมากยังต้องทำงานทั้งชีวิตโดยที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าครองชีพ ยิ่งทำงานก็ยิ่งจนลงเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยได้พัฒนาเศรษฐกิจโดยการกดค่าจ้างในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ดังที่ ดร.นพดล บูรณะธนัง และพรเกียรติ ยั่งยืน (2556) ได้แสดงให้เห็นว่า ค่าจ้างขั้นต่ำและค่าจ้างทั่วไป เพิ่มขึ้นช้ากว่าผลิตภาพแรงงาน และ GDP ในช่วงปี พ.ศ. 2544-2553 (หรือ ค.ศ.2001 – 2010) ดังนั้น มูลค่า (แรงงาน) ส่วนเกิน หรือ surplus value ที่เกิดจากผลิตภาพแรงงานที่เพิ่มขึ้น กลับหายไปอยู่ที่นายทุนที่ได้รับประโยชน์เหล่านั้นไป

ดังนั้น ด้วยเหตุผลทั้งทางเศรษฐศาสตร์ (technical analysis) และทางศีลธรรม (ethical analysis) จึงควรเร่งพิจารณาและผลักดันให้มีการหาทางแหล่งรายได้สำหรับระบบบำนาญแห่งชาติ รวมทั้งการจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณใหม่ (budget reprioritization) เพื่อมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายบำนาญผู้สูงอายุที่จะเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการใช้จ่ายในทางที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้เสียภาษี เช่น รัฐสวัสดิการ

ดังที่ ศ.ดร.นพ.ศุภสิทธิ์ พรรณนารุโณทัย ได้เสนอไว้ว่า “บรรยากาศทั่วไปที่สังคมไทยพัฒนาถึงขั้นควรจัดระบบสวัสดิการสังคมถ้วนหน้า มีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเพิ่มขึ้น เพิ่มการจัดบำนาญถ้วนหน้าเพื่อผู้สูงอายุ เงินชดเชยรายได้การตกงาน ฯลฯ นโยบายทั้งหมดนี้ต้องมาจากแหล่งเงินของรัฐที่มีขนาดใหญ่และยั่งยืนขึ้น การปฏิรูปภาษีโดยเฉพาะภาษีที่เกี่ยวกับรายได้และความมั่งคั่งต้องเพิ่มฐานจำนวนผู้เสียและขนาดของการจัดเก็บมากขึ้น ผสมผสานด้วยระบบการคลังอื่น ๆ แบบมีส่วนร่วม” (ทีปกร จิร์ฐิติกุลชัย, 2564)

ศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร และ ดร.คริส เบเคอร์ (Phongpaichit and Baker, 2015) ได้ชี้แนะว่า การทำให้สังคมไทยมีความเท่าเทียมกันมากขึ้นเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะทำให้สังคมไทยมีสันติสุขและความปรองดองในระยะยาว

ระบบบำนาญผู้สูงอายุ ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเกื้อกูลกันแบบสมัยใหม่ที่ทุกคนมีส่วนร่วม โดยคนรวยจ่ายมากกว่าตามกำลังความสามารถ หรือ ability to pay ตามหลักพื้นฐานของระบบภาษีอากร (ศ.ดร.เอื้อมพร พิชัยสนิธ, 2557) ซึ่งเป็นการแสดงน้ำใจในการโอบอุ้มกันในสังคมไทยในลักษณะของการ “เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข” เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากความยากจนผู้สูงอายุ

แน่นอนว่า “ระบบบำนาญแห่งชาติ” มีความท้าทายสำหรับประเทศในแง่ของทรัพยากรที่มีจำกัดสำหรับการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งถึงแม้งานวิจัยต่าง ๆ ก่อนหน้าได้แสดงให้เห็นแล้วว่า สามารถเป็นไปได้ในทางเศรษฐศาสตร์ (Suwanrada and Wesumperuma, 2012; Schmitt et al., 2013; และ และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย, 2558) แต่ก็ชัดเจนว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายในทางการเมือง

แม้กระนั้นก็ตาม สมัยเริ่มต้นระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง ก็ได้มีการคัดค้านว่า ประเทศไทยไม่มีงบประมาณ แต่ความก้าวหน้าของประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า “การเปลี่ยนแปลงในทิศทางบวก สำหรับประเทศไทย สามารถที่จะเกิดขี้นได้” ซึ่งสองทศวรรษต่อมา การดูแลสุขภาพถ้วนหน้า หรือ UHC ได้กลายเป็นเป้าหมายและเจตนารมณ์ร่วมกันของมนุษยชาติ

ดังนั้น หลังวิกฤตโควิด ประเทศไทยควรจะมี “ระบบบำนาญที่พึงปรารถนา” โดยกำหนดเป้าหมายทำให้ผู้สูงอายุทุกคนมีรายได้ยามชราภาพเพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่ง ก. การเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Increase), ข. การปฏิรูปภาษีทั้งระบบเพื่อระบบสวัสดิการสังคมถ้วนหน้า (Tax Reform for Universal Welfare System) และ ค. การจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณใหม่ (Budget Reprioritization) เป็นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศได้สนับสนุนมานานแล้ว และเป็นนโยบายปกติที่ทำกันในประเทศพัฒนาแล้ว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS TOP STORIES

พรรคก้าวไกลแถลงขอโทษปม พรรคชาติพัฒนากล้า ยันฟังเสียงประชาชน

พรรคก้าวไกลแถลงขอโทษปม พรรคชาติพัฒนากล้า ยันฟังเสียงประชาชน

Facebook
Twitter
Email
Print
วันนี้ (19 พฤษภาคม) เมื่อเวลาประมาณ 23.35 น. พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีพรรคก้าวไกลแถลงขอโทษปมพรรคชาติพัฒนากล้า ยืนยันฟังเสียงประชาชนไม่ร่วมรัฐบาลชาติพัฒนากล้า
 
กรณีดังกล่าว ได้ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวางจากประชาชน เจ้าหน้าที่พรรค คณะทำงานจังหวัด และสมาชิกพรรค ส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าไม่สามารถยอมรับการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคชาติพัฒนากล้าได้ นอกจากนี้ ในที่ประชุมร่วมของว่าที่ผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ก็มีมติสอดคล้องกับประชาชนว่าไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน
 
ด้วยเหตุนี้ กรรมการบริหารพรรค จึงน้อมรับมติดังกล่าวมาปฏิบัติ เราจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคชาติพัฒนากล้า และจะเดินหน้าพูดคุยและทำความเข้าใจเพื่อขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้ได้เสียงพอในการโหวตนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด
 
พรรคก้าวไกลขอน้อมรับคำวิจารณ์ทั้งหมด และกราบขออภัยประชาชน ที่ทำให้ทุกท่านผิดหวัง พรรคก้าวไกลยืนยันว่าการจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล จะทำบนพื้นฐานจุดยืนทางการเมือง นโยบายหลักของพรรคตามที่ได้เคยหาเสียงไว้ รวมถึงขอโทษพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ต้องยุติการเจรจาครั้งนี้
 
และสุดท้ายนี้ ขอบคุณพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่พรรค และว่าที่ผู้แทนราษฎรก้าวไกลทุกคน ที่คอยตรวจสอบ ท้วงติงการทำงานของผู้บริหารพรรค เพื่อให้พรรคยืนหยัดในจุดยืน อุดมการณ์เดิมอย่างมั่นคง
พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรคก้าวไกลแถลงขอโทษปมพรรคชาติพัฒนากล้า ยืนยันฟังเสียงประชาชน ไม่ร่วมรัฐบาลชาติพัฒนากล้า
 
โดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว โดยในเวลา 17.00 น. วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคมนี้ นายสุวัจน์ จะเข้าร่วมงานราตรี “ร้อยดวงใจ 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา” และจะมีการแถลงประเด็นดังกล่าว จนทำให้กระแสดังกล่าวทำให้ในทวิตเตอร์แห่ติดแฮชแท็ก #ชาติพัฒนากล้า และ #มีกรณ์ไม่มีกู จนติดอันดับ 1 ใน 5 เทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทย เป็นผลให้ก้าวไกลแถลงขอโทษปมพรรคชาติพัฒนากล้า ยืนยันฟังเสียงประชาชน ไม่ร่วมรัฐบาลชาติพัฒนากล้า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : พรรคก้าวไกล – Move Forward Party

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS TOP STORIES

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วม ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. รวบนายอำเภอแม่วงก์ เรียกรับส่วยใบอนุญาตบ่อนไก่ชน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วม ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. รวบนายอำเภอแม่วงก์ เรียกรับส่วยใบอนุญาตบ่อนไก่ชน

Facebook
Twitter
Email
Print
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท., ป.ป.ช. และ ป.ป.ง. ร่วมกันจับกุม นายประสิทธิ์ฯ (นายอำเภอแม่วงก์) อายุ 60 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” มาตรา 157
 
สถานที่จับกุม บริเวณห้องทำงาน อาคารที่ทำการปกครองอำเภอแม่วงก์ ต.แม่วงก์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์
 
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าผู้เสียหายได้รับอนุญาตเป็นผู้เปิดบ่อนไก่ชน ในเขตอำเภอแม่วงก์ (โดยมีใบอนุญาตเป็นรายปี) แต่จะต้องมีการขอใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนัน (พ.น.4) ซึ่งเอกสารดังกล่าวจะต้องมีการยื่นคำขอเป็นรายเดือน โดยวิธีการขออนุญาต คือ ผู้ขอจะต้องไปยื่นใบคำขออนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนัน (ยื่นคำร้องต่อนายอำเภอ) เพื่อให้นายอำเภอเป็นผู้ลงนามในใบคำร้องเพื่อยื่นต่อในระดับจังหวัด ถ้านายอำเภอไม่ลงนามในเอกสารดังกล่าว ก็จะไม่ยื่นเรื่องขออนุญาตในระดับจังหวัดได้
 
ซึ่งทางผู้ต้องหา ได้พยายามทวงถามเงินค่าดูแลจากผู้เสียหาย และข่มขู่ว่าถ้าไม่จ่ายก็ปิดบ่อนไก่ชนไปเลย ผู้เสียหายจึงพยายามหาเงินมาจ่ายให้ โดยนัดจ่ายเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2566 จำนวน 2 เดือน เป็นเงิน 6,000 บาท และในวันที่ 19 พ.ค.2566 นัดหมายจะจ่ายที่เหลือและจ่ายล่วงหน้า อีก 3 เดือน (รวมเป็น 4 เดือนเป็นเงิน 12,000 บาท)
.
ก่อนถูกเจ้าหน้าที่วางแผนเข้าทำการจับกุมตัวได้พร้อมเงินของกลางที่ตัวผู้ต้องหา จึงได้แจ้งพฤติการณ์ในการกระทำผิด และแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปปป. เพื่อทำการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)
มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ตำรวจสอบสวนกลาง

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS TOP STORIES

ตำรวจไซเบอร์ ทลายแหล่งผลิตซิมผี ขายชายแดนแม่สอด ส่งออกแล้วกว่าหมื่นซิม

ตำรวจไซเบอร์ ทลายแหล่งผลิตซิมผี ขายชายแดนแม่สอด ส่งออกแล้วกว่าหมื่นซิม

Facebook
Twitter
Email
Print
สืบเนื่องจากการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมลูกจ้างชาวเมียนมาอีก 2 คน เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2566 พร้อมของกลางซิมการ์ดที่ได้ลงทะเบียนพร้อมใช้งานกว่า 346 ซิม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 จึงได้สืบสวนขยายผลไปถึงตัวการใหญ่ในการส่งซิมการ์ดโทรศัพท์ที่พร้อมใช้งานขายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน จนทราบว่าเฟสบุ๊คชื่อ “นู๋นุช ธรรศธนพร” มียอดผู้ติดตามกว่า 3.5 พันคน เป็นตัวการในการโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพขณะที่กำลังนั่งลงทะเบียนเปิดใช้งาน (Activate) ประกาศขายซิมการ์ดโทรศัพท์
.
พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 ยังกล่าวอีกว่าปรากฏจากการสืบสวนเจ้าของบัญชีเฟสบุ๊คดังกล่าว คือ น.ส.ธรรศธนพร อายุ 38 ปี ชาวอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีพฤติกรรมในการนำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่นและบัตรบุคคลต่างด้าว (บัตรสีชมพู) มาลงทะเบียนซิมการ์ดเปิดใช้งาน (Activate) ส่งขายให้แก่บุคคลทั่วไปหรือพวกมิจฉาชีพ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) ที่กบดานอยู่ตามประเทศเพื่อนบ้าน นำไปใช้โทรหลอกกลวงประชาชนในประเทศไทย หรือพวกที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์นำไปใช้ติดต่อในการชักชวนให้ประชาชนทั่วไปมาเล่นพนันออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ นำมาซึ่งความเสียหายมหาศาล
 
กระทั่งในวันที่ 18 พ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 นำทีมสืบสวนพร้อมหมายค้นเข้าค้นบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดย น.ส.ธรรศธนพร แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านนำตรวจค้น พบซิมการ์ดโทรศัพท์ที่พร้อมใช้งาน กว่า 4,397 ซิม, โทรศัพท์เคลื่อนที่, สายแพรวงจรสำหรับต่อโทรศัพท์, อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ขนาด.22 พร้อมกระสุนอีกกว่า 50 นัด จึงได้จับกุม น.ส.ธรรศธนพร ในความผิดฐาน “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆเพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
 
 เบื้องต้นผู้ต้องหารับว่าตนได้นำบัตรของบุคคลต่างด้าว (บัตรสีชมพู) มาลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์จริง โดยประกอบอาชีพขายซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนแล้วเป็นเวลากว่า 6 ปี และได้ขายไปแล้วหลายหมื่นซิม ก่อนที่กฎหมายประกาศใช้ แต่เมื่อได้ประกาศใช้แล้วและตนทราบว่าจะมีการกวดขันจับกุมซิมผี จึงเตรียมจะนำซิมผีดังกล่าวไปโยกย้ายซุกซ่อนไว้ที่อื่น หากแต่มาถูกจับเสียก่อน
 
ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

โครงการจิตอาสา “ตำรวจไซเบอร์ปันน้ำใจ เด็กไทยห่างไกลภัยดิจิทัล”

โครงการจิตอาสา “ตำรวจไซเบอร์ปันน้ำใจ เด็กไทยห่างไกลภัยดิจิทัล”  โรงเรียนดอนทองราษฎร์วิทยา อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566  เวลา 09.00 – 13.00 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท./ประธาน, พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2,

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. พร้อมด้วย คุณโยทะกา วัฒน์นครบัญชา ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจ บช.สอท. พร้อมคณะแม่บ้านตำรวจฯ และจิตอาสาในสังกัด บช.สอท. ร่วมกันจัดกิจกรรมจิตอาสา “ตำรวจไซเบอร์ปันน้ำใจ เด็กไทยห่างไกลภัยดิจิทัล”
.
โดยได้จัดวิทยากรบรรยายความรู้ในการป้องกันทางภัยไซเบอร์ให้แก่เด็กนักเรียน ร่วมกันมอบครื่องอุปโภคบริโภค เนื้อสัตว์แช่แข็ง อุปกรณ์ทำความสะอาด ถังเก็บน้ำขนาด 2,000 ลิตร กระดาษA4 เครื่องปั๊มลมยาง สิ่งของจำเป็นต่างๆ และร่วมกันทำความสะอาดบริเวณโรงเรียนและทาสีอาคารในส่วนที่ชำรุด
.
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกันประกอบอาหารกลางวันและจัดเลี้ยงเป็นมื้อพิเศษแก่เด็กนักเรียน ได้แก่ ข้าวหมูกรอบ ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ ไอศกรีม และเครื่องดื่มอีกด้วย
.
ก่อนเสร็จสิ้นกิจกรรม ทางโรงเรียนได้จัดการแสดงท้องถิ่นของชาวเผ่าม้งจำนวน 2 ชุดการแสดงให้คณะจิตอาสาดูเพื่อแทนคำขอบคุณในกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการสร้างความประทับใจให้แก่คณะจิตอาสาและเหล่าผู้ร่วมกิจกรรม
.
โดยจัดกิจกรรมขึ้น ณ โรงเรียนดอนทองราษฎร์วิทยา อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS NEWS UPDATE TRAVEL

เชียงรายชวนเที่ยวฟินกินผลไม้ งานสับปะรดลิ้นจี่และของดี นครเชียงราย

เชียงรายชวนเที่ยวฟินกินผลไม้ งานสับปะรดลิ้นจี่และของดี นครเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 เทศบาลนครเชียงราย โดยนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงรายร่วมกับจังหวัดเชียงราย จัดงานสับปะรดลิ้นจี่ และของดีนครเซียงรายประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 19-26 พฤษภาคม 2566 ณ ลานรำวงย้อนยุค สวนตุงและโคมเทศบาลนครเชียงราย โดยจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรกรชุมชนโดยเฉพาะลิ้นจี่และสับปะรด ผลิตภัณฑ์เกษตรปลอดภัย ผักผลไม้ ผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสินค้าโอทอป โดยเปิดโอกาสให้ชาวสวนนำผลผลิตทางการเกษตรสับปะรดนางแลภูแลลิ้นจี่ฤดูกาลแรก ของสวนในเขตอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่จันมาจัดจำหน่ายโดยตรง 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตรผลไม้และสินค้าประจำจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย สามารถกระตุ้นการบริโภคและการขยายธุรกิจอันจะนำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับเกษตรกร ชุมชนและผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ส่งเสริมการจำหน่ายผลไม้ตามฤดูกาลและสินค้าพื้นเมืองประจำจังหวัดเชียงราย ไห้เป็นที่รู้จักและดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว กระตุ้นสภาพเศรษฐกิจของภาคการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดเชียงรายให้เติบโตสูงขึ้น เพื่อสร้างพื้นที่ให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายมา

พบกันอย่างเป็นธรรมชาติตามแนวทางตลาดประชารัฐและช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายตามแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19
 
ขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดเชียงราย นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่เดินทางมาเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ได้มาร่วมชม ชิม ชอป งานลิ้นจี่ สับปะรดและของดีนครเชียงราย พร้อมสินค้าโอทอป 5 ดาว”โครงการร่วมค้าเพื่อพัฒนาเศรษกิจชุมชน” มาจำหน่าย นอกจากนี้ยังได้ชมการแสดงแสง สี เสียงสุดยิ่งใหญ่กับงาน “วิจิตร 5 ภาค @เชียงราย หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” ที่จะพาทุกท่านหลงใหลไปกับเส้นทางแห่งกาลเวลาบนท้องถนนที่สว่างไสวด้วยแสงแห่งประวัติศาสตร์ ของเมืองเชียงราย ถ่ายทอดผ่านสถาปัตยกรรมของเมืองอันทรงคุณค่า
ณ ลานรำวงย้อนยุค สวนตุงและโคมเทศบาลนครเชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

วัฒนธรรมเชียงราย สำรวจอุทยานแห่งชาติ ถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน

จังหวัดเชียงราย จัดการประชุมคณะอนุกรรมการสำรวจและบริหารจัดการระบบถ้ำในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.30 – 16.00 น. ณ อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดการประชุมคณะอนุกรรมการสำรวจและบริหารจัดการระบบถ้ำในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมี นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นประธานการประชุมฯ เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ในการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ในการสำรวจ ศึกษา วิจัย หรือการทดลองเชิงวิชาการ รวมทั้งการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนในท้องถิ่น และหารือการจัดงานรำลึก 5  ปี กู้ภัยถ้ำหลวง ณ อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ)
 
โดยมี Mr. Vern Unsworth MBE Consullant-Extenstion and Survey นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ นางรุ่งศรัณย์ บันลือศักดิ์ชัย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายเสริฐ ไชยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนนายอำเภอแม่สาย ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นคณะกรรมการฯ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมดังกล่าว
 
 ในการนี้ นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และนายวิชชากรณ์ กาศโอสถ นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ ผู้ประสานงานวัฒนธรรมอำเภอแม่สาย เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

พระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวปทุมธานี 1 แก่ผู้ประสบอุทกภัย จ.เชียงราย

พระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวปทุมธานี 1 แก่ผู้ประสบอุทกภัย จ.เชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวปทุมธานี 1 ของมูลนิธิชัยพัฒนา แก่เกษตรกรและราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย
 
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี องค์นายกกิตติมศักดิ์ และองค์ประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา พระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวปทุมธานี 1 ของมูลนิธิชัยพัฒนา แก่เกษตรกรและราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในตำบลป่าแดด อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย โดยมีนายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ รองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธี ในวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.15 น. ณ หอประชุมหมู่บ้าน หมู่ที่ 2 ตำบลป่าแดด อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายอำเภอป่าแดด เกษตรจังหวัดเชียงราย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแดด ประชาชนอำเภอป่าแดด เข้าร่วมพิธี
 
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีรับสั่งให้มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการผลิตพันธุ์ข้าว เพื่อสำรองไว้เป็นพันธุ์ข้าวพระราชทานแก่ราษฎรที่ประสบภัยพิบัติ มูลนิธิชัยพัฒนาจึงมอบหมายให้ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดเชียงราย เป็นผู้ดำเนินงานผลิตพันธุ์ข้าวปทุมธานี 1 ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีเกษตรกรในตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เข้าร่วมโครงการผลิตพันธุ์ข้าวพระราชทาน ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทาน ‘”เพื่อนช่วยเพื่อน’ ของมูลนิธิชัยพัฒนา จะต้องตั้งคณะกรรมการบริหารงานภายในกลุ่ม เพื่อดำเนินกิจกรรมของกลุ่มให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด มีคณะกรรมการควบคุมคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว ดูแลกันตั้งแต่เตรียมแปลงนาจนถึงการเก็บเกี่ยว มูลนิธิชัยพัฒนาจะมีการตรวจแปลงนาและตรวจสอบพันธุ์ข้าว มีกรรมการควบคุมคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว คือ มีเจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริประธานกลุ่ม สมาชิกกลุ่ม และเจ้าของแปลงนา ร่วมกันตรวจสอบ
 
ในวันนี้ได้พระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวปทุมธานี 1 จำนวน 3,480 กิโลกรัม แก่เกษตรกร 21 ราย จาก 3 หมู่บ้าน ในตำบลป่าแดด อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน 2565 มีพื้นที่นาได้รับความเสียหาย 232 ไร่ เพื่อให้ราษฎรใช้เป็นเมล็ดพันธุ์นำไปเพาะปลูกในฤดูกาลผลิตปี 2566 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพันธุ์ข้าวปทุมธานี 1 คุณภาพดีของมูลนิธิชัยพัฒนาแก่เกษตรที่ประสบอุทกภัยในฤดูกาลปลูกข้าวปีที่ผ่านมา เพื่อฟื้นฟูให้ก้าวเดินต่อไปในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง ด้วยเมล็ดพันธุ์อันเป็นมงคลยิ่ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE