Categories
SOCIETY & POLITICS

พช.เวียงป่าเป้า รับตรวจการ ติดตามงานลงชุมชน อ.เวียงป่าเป้า

 
วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 เวลา 15.00 น. นางสาวทัศนาภรณ์ จันทร์ดง พัฒนาการอำเภอเวียงป่าเป้า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ร่วมให้การต้อนรับ ท่านกัมปนาทจักรวาล
วิเวศ ศรีพุทธา หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน ในโอกาสที่ท่านได้เดินทางมาติดตามการดำเนินงานพัฒนาชุมชนในพื้นที่อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ดังนี้
 
1. รับฟังการนำเสนอผลการดำเนินงานพัฒนาชุมชน ของ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเวียงป่าเป้า ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเวียงป่าเป้า (ชั้น 2)
2. ติดตามการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน กิจกรรมสนับสนุนการขับเคลื่อนกิจกรรมแผนพัฒนาตำบลของผู้นำ อช.ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตครัวเรือน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ผู้นำ อช.เวียงป่าเป้า ส่งเสริมการลดรายจ่าย ร่วมแก้จนอย่างยั่งยืน) ณ ศาลาเอนกประสงค์บ้านโชคชัยพัฒนา หมู่ที่ 9 ตำบลสันสลี อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหมู่บ้านเป้าหมายตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
3. ติดตามการดำเนินงานโครงการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่ปฏิบัติการปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร กิจกรรมทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน และกิจกรรมบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง ณ บ้านโป่งเทวี หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านโป่ง
4. ติดตามกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรชาเวียงกาหลง (ชากาขาวเวียงกาหลง) ณ วัดพระยอดขุนพลเวียงกาหลง
ทั้งนี้ท่านหัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน ได้ให้กำลังใจ และขอบคุณผู้นำ ที่มีส่วนในการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนให้สำเร็จด้วยดีตลอดมา
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเวียงป่าเป้า

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

พช.เชียงราย ร่วมงานประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา”

 
วันที่ 19 สิงหาคม 2566 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธานการดำเนินกิจกรรมโครงการยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชน การประกวดผ้าลายพระราชทาน ผ้าลายดอกรักราชกัญญา และงานหัตถกรรม โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน นายกัมปนาท จักรวาล วิเวศ ศรีพุทธา หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมงาน
 
ในการนี้ นายวิทยา ชุมภูคำ พัฒนาการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายปรีชา ปวงคำ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน ได้เข้าร่วมงาน ดังกล่าว จังหวัดเชียงราย โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ได้ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ส่งผลงานประเภทผ้าและงานหัตถกรรมเข้าร่วมการประกวดในครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้น 154 ชิ้น แยกเป็น ประเภทผ้า จำนวน 114 ผืน ประเภทงานหัตถกรรม จำนวน 40 ชิ้น
 
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “นับเป็นความโชคดีของประชาชนคนไทย ที่ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่พระองค์ทรงมีความรักความเมตตาและความห่วงใย ทรงได้ทุ่มเทพระสติปัญญาและพระวรกายเพื่อที่จะ “สืบสาน รักษาและต่อยอด” พระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทำให้ชีวิตของคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงได้สืบสานงานแบ่งเบาพระราชภาระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการสืบสานและอนุรักษ์ผ้าไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 3 ปีที่ผ่านมา 
 
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงได้ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” รื้อฟื้นอนุรักษ์ผ้าไทยให้กลับมาอีกครั้ง โดยการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการผ้า ผู้ผลิตผ้า พัฒนาลายผ้าใหม่ ๆ ให้มีความทันสมัย เหมาะสมกับการสวมใส่ในทุกวัยและทุกโอกาส แสดงให้เห็นการฟื้นคืนชีพของผ้าไทยไปสู่ความรุ่งเรืองจนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจัยสำคัญแห่งการขับเคลื่อนผ้าไทยที่พระองค์ได้พระราชทาน คือ “คน” ซึ่งประกอบไปด้วยข้าราชการ คณะทำงาน และพี่น้องประชาชน
 
กระทรวงมหาดไทย น้อมนำแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการเป็นแฟชั่นที่ยั่งยืน (Sustainable Fashion) โดยสวมใส่ผ้าไทยที่ย้อมสีธรรมชาติ ร่วมกันรณรงค์อนุรักษ์โลก ลดภาวะโลกร้อน และอนุรักษ์ภูมิปัญญาผ้าไทย สวมใส่ได้ทุกโอกาส ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ตามโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก”
นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวต่ออีกว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงริเริ่มผลักดันผ้าไทยให้เกิดแฟชั่นใหม่ที่ยังคงภูมิปัญญาเดิมของคนไทย โดยการพระราชทานแบบลายผ้า “ลายขอสิริวัณณวรี” ให้ประชาชนคนไทยได้นำไปพัฒนาและออกแบบจนเกิดเป็นความนิยมเกิดขึ้นในประเทศไทย 
 
ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในผ้า แต่ยังเกิดขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ จากนั้นต่อมาได้พระราชทาน “ลายขิดนารีรัตนราชกัญญา” “ลายดอกรักราชกัญญา” และลายบาติกพระราชทานอื่น ๆ อีกมากมาย ทรงแสดงให้เห็นว่าแฟชั่นลายใหม่นั้นทำให้เกิดเป็นที่นิยม เป็นที่ต้องการ สามารถสร้างรายได้สร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน โดยเริ่มจากให้ผู้ผลิตผ้า ผู้ประกอบการผ้า ออกแบบใส่จินตนาการเพื่อให้เกิดชิ้นงานใหม่ ดังคำว่า “ต่อยอด” ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำด้วยการปลูกฝ้าย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ใช้สีธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการส่งเสริม สนับสนุนให้มีความรู้ในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 
 
การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ผ้าไทย เพื่อให้ได้รับการอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความตระหนักให้รู้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนทอผ้า คนย้อมผ้า และอาจส่งไปถึงผู้สวมใส่หากใช้ สารเคมีในการย้อมผ้า อีกทั้งยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
 
“การจัดประกวดลายพระราชทาน มีจุดประสงค์หลัก คือ การกระตุ้นให้ผู้ประกอบการผ้าได้มีการฝึกฝนพัฒนาทักษะในการทอผ้าอีกทั้งเป็นเวทีให้แสดงความเป็นศิลปหัตถกรรม สร้างความใส่ใจในผลิตภัณฑ์ชุมชน ส่งเสริมการแข่งขันและความเป็นเลิศ นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ดีขึ้นต่อไป ดังนั้นผู้ที่เป็นข้าราชการในฐานะข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องทำหน้าที่เป็นคนเชื่อมโยงนำสิ่งที่ดีไปสู่พี่น้องประชาชน และช่วยผลักดันภารกิจหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้เกิดความสำเร็จ ด้วยการช่วยกันทำสิ่งที่ดี ด้วยความแน่วแน่มุ่งมั่นตั้งใจ มีแรงปรารถนา (Passion) ช่วยกันและกันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Fashion) พร้อมส่งเสริมผลักดันร่วมกับภาคีเครือข่าย ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการก้าวเดินร่วมกันต่อไปโดยเฉพาะงานหัตถศิลป์หัตถกรรม 
 
โครงการผ้าไทย เพราะเราอยากเห็นคนไทยทุกคนมีความสุข บนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง พร้อมช่วยกันดูแลสังคมดูแลโลกใบนี้ ทำให้ประชาชนคนไทยได้อยู่ในชุมชนยั่งยืน เพื่อให้ 76 จังหวัด ในประเทศไทยทุกจังหวัดเป็นประเทศไทยที่ยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว
 
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน ได้ดำเนินโครงการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา” โดยมีเป้าหมายกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ช่างทอผ้า และงานหัตถกรรม ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ร่วมโครงการฯ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชน โดยดำเนินการพัฒนาผ่านการประกวด ผ้าลายพระราชทาน แบ่งเป็น 4 กิจกรรม ประกอบด้วย 
 
1) กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ด้านผ้าไทย และงานหัตถกรรม (Coaching) “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา” 
2) กิจกรรมประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา” และงานหัตถกรรม 
3) กิจกรรมบันทึกและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานผ้าและงานหัตถกรรมที่ได้รับการคัดเลือก 
และ 4) กิจกรรมสนับสนุนการพัฒนาผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในการพัฒนาผ้าและงานหัตถกรรม 
 
โดยจะดำเนินการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายดอกรักราชกัญญา” และงานหัตถกรรม ในพื้นที่ 4 ภูมิภาค ได้แก่ 
1) ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ณ โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 
2) ภาคกลาง จังหวัดราชบุรี ในวันที่ 26 สิงหาคม 2566 ณ โรงแรม ณ เวลา ตำบลดอนตะโก อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี 
3) ภาคใต้ จังหวัดสงขลา ในวันที่ 2 กันยายน 2566 ณ โรงแรมลากูน่า แกรนด์ โฮเทล แอนด์ สปา ตำบลพะวง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และ 
4) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 10 – 11 กันยายน 2566
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กลุ่​มงาน​ส่งเสริม​การพัฒนา​ชุมชน​ สำนักงาน​พัฒนา​ชุมชน​จังหวัด​เชียงราย​

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

ห่วงไทยถอยหลังความคุ้มครองความยากจนผู้สูงอายุ

 

เหตุผลหลักที่ต้องการตัดลดงบประมาณ “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” ก็เพราะว่า รัฐบาลไม่ต้องการแตะโครงสร้างความเหลื่อมล้ำ นั่นคือ ไม่ต้องการเก็บภาษีจากคนรวย เพื่อทำให้สังคมเป็นธรรมมากขึ้น ทั้งที่มีข้อเสนอเรียกร้องจากทั้งจากภาคประชาชน ภาควิชาการ และ ภาคการเมือง ก็ถูกตีตก หรือ รัฐบาลเจตนานั่งทับไว้ เพราะกลัวว่า คนกลุ่มน้อยที่กอบโกยผลประโยชน์บนยอดปีรามิด จะเสียประโยชน์ โดยไม่ได้คำนึงว่า อนาคตประเทศไทยจะอยู่กันต่อไปอย่างไร

ศูนย์กลางเครือข่ายระบอบอำนาจของไทยจะไม่คิดแบ่งปันออกมาให้คนส่วนใหญ่ในประเทศอย่างเป็นธรรมบ้างหรือ? ไม่กี่ตระกูลกอบโกยไปอย่างมหาศาลในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ผ่านการสมประโยชน์กันของเครือข่าย กลุ่มทุน และ ภาครัฐที่ยึดกุมอำนาจอยู่ โดยมีการควบคุมความคิดผ่านสื่อที่สนับสนุนจีนและรัสเซีย จนทำให้กลุ่มคนเสียงดังในสังคมมีข้อมูลที่บิดเบือน เช่น ทั้งประเทศจ่ายภาษีแค่ 4 ล้านคน

แน่นอนว่า เราไม่สามารถแยกเรื่องโครงสร้างระบอบอุปถัมภ์ออกจากการเมืองเรื่องจัดตั้งรัฐบาล และ การกดขี่ขูดรีดแรงงานและการเอารัดเอาเปรียบทางเศรษฐกิจจากคนไทย ดังนั้น คงจะไม่แปลกใจหากวันหนึ่งความโกรธแค้นของประชาชนเรื่องความเหลื่อมล้ำและความอยุติธรรม จะปะทุออกมาในที่สุด

ประเด็นความสัมพันธ์เรื่อง “ความเหลื่อมล้ำ” และ “ความขัดแย้งทางการเมือง” นี้ ผู้เขียนได้เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนในการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักข่าวกรองแห่งชาติ จึงขอนำเรียนตรงนี้อีกครั้งด้วยความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพเศรษฐศาสตร์ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้โปรดตระหนักว่า ตามประวัติศาสตร์มนุษยชาติได้พิสูจน์แล้ว “เมื่อความเหลื่อมล้ำรุนแรงมาก สักวันหนึ่งก็ต้องเผชิญวิกฤตขัดแย้งรุนแรง”

เรื่องระบบสวัสดิการคุ้มครองความยากจนผู้สูงอายุ แม้จะมีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ถึงจะเป็นเบี้ยยังชีพเดือนละ 3 พันบาท ก็ยังใช้งบประมาณน้อยกว่างบบำนาญข้าราชการในระยะยาว ในที่สุดแล้ว เมื่องบประมาณสำหรับบำนาญข้าราชการจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วน่ากังวล เราก็ควรที่จะใช้โอกาสนี้ในการจัดสรรทรัพยากรให้เป็นธรรม ตามข้อเสนอทางเศรษฐศาสตร์ที่มีมากมาย เพื่อให้มีงบประมาณสามารถคุ้มครองความยากจนผู้สูงอายุได้ทั้งสังคม แต่ข้อเท็จจริง คือ รัฐบาลไม่ยอมทำ ดังนั้น การตั้งเป้าหมายตัดลดงบประมาณเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จึงเป็นการเดินถอยหลังของประเทศ

ท้ายสุดนี้ ขอชวนอ่านบทความหรือการนำเสนอก่อนหน้านี้ของผู้เขียนเองเกี่ยวเรื่องความยากจนผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้เรากำลังอยู่ตรงช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อว่า จะปล่อยให้ประเทศเต็มไปด้วยคนจนผู้สูงอายุเต็มประเทศในอีก 10-20 ปีข้างหน้า และเต็มไปด้วยปัญหาสังคมที่เกิดจากคนจนล้นประเทศ หรือ รัฐบาลอยากจะวางรากฐานมั่นคงแข็งแรงให้เป็นสังคมที่ปรองดองและเป็นธรรม

 

ชวนอ่านเพิ่มเติม

EAT THE RICH เพื่อระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรม

http://www.setthasarn.econ.tu.ac.th/blog/detail/645

ความยากจนผู้สูงอายุ: ปัญหาท้าทายของประเทศไทย

https://prachatai.com/journal/2023/05/104376

ระบบบำนาญแห่งชาติที่มีความเป็นธรรมและยั่งยืน

https://mgronline.com/qol/detail/9660000034574

เวทีเสวนาฯชงรีดภาษีมั่งคั่ง-ขึ้นVat หางบโปะ‘บำนาญแห่งชาติ’-ห่วง‘รุ่นเกิดล้าน’แก่แล้วจน

https://www.isranews.org/article/isranews-news/117305-suggestion-national-pension-forum-news.html

จี้เลิกลดหย่อนภาษีคนรวย-เจ้าสัว! ‘ภาคปชช.’เคลื่อนไหวผลักดัน‘บำนาญถ้วนหน้า’ 3 พันบาท/ด.

https://www.isranews.org/article/isranews-news/115194-TCC-universal-pension-news.html

แหล่งรายได้สำหรับระบบหลักประกันรายได้เพื่อป้องกันวิกฤตสังคมผู้สูงอายุ

https://www.tcijthai.com/news/2023/5/article/12963

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ดร.ทีปกร จิร์ฐิติกุลชัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตามวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม 2566

คลิกที่ภาพ

Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตามวันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566

คลิกที่ภาพ

Categories
ECONOMY

เตรียมจัดงานแสดงสินค้าไทยครั้งแรกในซาอุฯขยายตลาดสู่ตะวันออกกลาง

 

วันนี้ (17 สิงหาคม 2566) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมจัดงาน Thai Trade Exhibition Saudi Arabia 2023 ระหว่างวันที่ 27-30 สิงหาคม 2566 ณ Riyadh International Convention & Exhibition Center กรุงริยาด เพื่อเพิ่มช่องทางการค้าให้แก่สินค้าไทยที่มีศักยภาพในตลาดที่มีกำลังซื้อสูงจากซาอุดีอาระเบียและประเทศแถบตะวันออกกลาง ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทยและภาคเอกชนไทยในการส่งเสริมการค้าและการลงทุน
 
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า งานแสดงสินค้าและนิทรรศการของไทยครั้งนี้ เป็นความร่วมมือหลักระหว่างสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด และ Saudi General Authority of Foreign Trade โดยนับเป็นงานที่จัดขึ้นครั้งแรกในซาอุดีอาระเบีย เนื่องในโอกาสที่ทั้งไทยและซาอุดีอาระเบียได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์และกระชับความความร่วมมือทุกด้าน นับตั้งแต่ที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะทั้งภาครัฐและเอกชนเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการในปี 2565 ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี และมีการฟื้นความสัมพันธ์และความร่วมมือที่มีผลสำเร็จอย่างมีนัยสำคัญในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน

สำหรับงาน Thai Trade Exhibition Saudi Arabia 2023 เป็นการจัดงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแถบตะวันออกกลาง โดยมีผู้ผลิตสินค้าหรือบริการจากประเทศไทยในกลุ่มธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าแฟชั่น สุขภาพ ความงาม เครื่องประดับ การบริการทางด้านการแพทย์และโรงพยาบาล รวมถึงด้านสปาและการท่องเที่ยวของไทย มากกว่า 100 บริษัทเข้าร่วมงาน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก SME ชาวซาอุดิอาระเบีย และประเทศใกล้เคียงทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งมีกำลังซื้อสูง โดยเชื่อมั่นว่าจะมีผู้ให้ความสนใจเข้าชมงานมากกว่า 2 หมื่นคน และจะมีผู้ซื้อรับเชิญ อาทิ ผู้ค้าส่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต กลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า อีกจำนวนมาก 

“การฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทยกับซาอุดีอาระเบีย นับจากการเยือนของท่านนายกรัฐมนตรี ถือเป็นประตูสู่โอกาสทางการค้า การลงทุน ความร่วมมือต่างๆ และการสร้างความสัมพันธ์ต่อประเทศมุสลิมอื่นในภูมิภาค โดยเฉพาะเรื่องการค้า รัฐบาลแสวงหาตลาด เปิดช่องทางการค้าที่มีศักยภาพให้กับสินค้าไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภูมิภาคตะวันออกกลางนับว่ามีกำลังซื้อสูง โดยมีความสนใจและคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยเป็นอย่างดี งานแสดงสินค้าและนิทรรศการของไทยในซาอุดีอาระเบีย จึงเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการไทยที่จะได้ขยายช่องทางการขายสินค้าและบริการ รวมถึงได้สร้างเครือข่ายธุรกิจใหม่ ๆ ได้มากขึ้น” นางสาวรัชดาฯ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

สธ.- สบช.- มูลนิธิ รพร. จับมือร่วมผลิตแพทย์ รองรับระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ

 

 กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สถาบันพระบรมราชชนก และมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ผลิตแพทย์รองรับระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ โดยจัดการเรียนการสอนชั้นคลินิกหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต พร้อมฝึกภาคปฏิบัติและจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับนักศึกษาแพทย์ในโรงพยาบาลเครือข่าย เพื่อช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์


          วันนี้ (17 สิงหาคม 2566) ที่ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โดยศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช, สถาบันพระบรมราชชนก โดยศาสตราจารย์พิเศษ ดร.นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร อธิการบดีสถาบัน
พระบรมราชชนก และสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข 


          นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการผลิตและพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกสาขาวิชาชีพ เพื่อเพิ่มกำลังคนในระบบสาธารณสุขที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาระบบบริการสุขภาพของประเทศ และตอบสนองความต้องการบริการสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยได้เห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก และสภาสถาบันพระบรมราชชนก ได้อนุมัติให้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์เป็นส่วนราชการของสถาบันพระบรมราชชนก เพื่อผลิตแพทย์เข้าสู่ระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์ในพื้นที่ ซึ่งในการจัดการเรียนการสอนได้พัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ และโรงพยาบาลที่เป็นเครือข่าย ในการเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิชาการ สถานที่ฝึกภาคปฏิบัติและจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับนักศึกษาแพทย์ โดยโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลระดับอำเภอขนาดใหญ่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ถือว่ามีความพร้อมอย่างมากในการเป็นแหล่งฝึกภาคปฏิบัติและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับการเรียนการสอนชั้นคลินิก


          สำหรับบันทึกข้อตกลงฯ ทั้ง 3 ฝ่ายจะร่วมมือด้านวิชาการพัฒนาหลักสูตรและผลิตบัณฑิตแพทย์ให้มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตราฐานผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และทัศนคติที่ดีในการปฏิบัติงานในชุมชน สนับสนุนแหล่งการเรียนรู้ ฝึกประสบการณ์แก่นักศึกษาและอาจารย์ครูพี่เลี้ยงแหล่งฝึก (Faculty Practice) โดยมี ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกของโรงพยาบาล 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช โรงพยาบาลราชบุรี และโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่ง เป็นสถาบันร่วมผลิตแพทย์ในการเรียนการสอน ฝึกภาคปฏิบัติและประสบการณ์ 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

SME D Bank อัดฉีด 500 ล้านบาท เปิดตัวสินเชื่อใหม่ ‘Micro OK’

 

SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย คลอดสินเชื่อใหม่ “Micro OK” วงเงินรวม 500 ล้านบาท  เพิ่มโอกาสผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อยเข้าถึงแหล่งทุน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ควบคู่พัฒนากระบวนการอำนวยสินเชื่อ สะดวกสบายผ่านระบบออนไลน์ กู้ง่าย รับเงินทันใจ วงเงินสูงสุด 500,000 บาทต่อราย เปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึง 30 ธ.ค. 66 นี้ มาก่อนได้ก่อน

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย เดินหน้าทำงานเชิงรุก  พัฒนาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ และกระบวนการอำนวยสินเชื่อ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการเงินให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่ม Micro ที่มีศักยภาพเข้าถึงเงินทุนได้ง่าย รวดเร็ว ผ่านสินเชื่อใหม่ “Micro OK” วงเงินรวม 500 ล้านบาท แจ้งความประสงค์ได้ง่ายด้วยระบบออนไลน์  สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งลงทุน ขยาย ปรับปรุง ปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจการ หรือหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง ช่วยต่อยอดยกระดับธุรกิจเดินหน้าไม่มีสะดุด  

จุดเด่นสินเชื่อ “Micro OK” เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่ม Micro (รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี) ที่มีศักยภาพทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคผลิต ภาคค้าปลีกค้าส่งและภาคบริการ ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล   วงเงินกู้สูงสุด 500,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.29% ต่อเดือน  (MLR +8% ต่อปี) ระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 5 ปี ที่สำคัญ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2566 หรือเมื่อเต็มวงเงินโครงการ

อีกทั้ง พัฒนากระบวนการอำนวยสินเชื่อ ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่าย รวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา โดยแจ้งความประสงค์ผ่านออนไลน์ และพิจารณาคุณสมบัติด้วยระบบ Credit Scoring มีขั้นตอน ได้แก่ 1. สแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ หรือคลิกผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ของ SME D Bank เช่น เว็บไซต์ www.smebank.co.th หรือ LINE Official Account : SME Development Bank เป็นต้น 2. กรอกรายละเอียดเบื้องต้น เช่น ข้อมูลการดำเนินธุรกิจ วงเงินที่ต้องการกู้ เป็นต้น และ 3. เจ้าหน้าที่ธนาคารจะติดต่อกลับ เพื่อนัดหมายเข้าเยี่ยมสถานประกอบการ และพิจารณาอนุมัติสินเชื่อต่อไป หรือกรณีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน เจ้าหน้าที่จะแนะนำเข้าสู่กระบวนการพัฒนาผู้ประกอบการ ช่วยเตรียมความพร้อม เพื่อพาเข้าถึงแหล่งทุนได้ในอนาคตต่อไป

ผู้ประกอบการที่สนใจใช้บริการสินเชื่อ “Micro OK” และบริการด้านการพัฒนา สามารถแจ้งความประสงค์ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของ SME D Bank เช่น  เว็บไซต์ www.smebank.co.th , LINE Official Account : SME Development Bank  และสาขาของ  SME D Bank ทั่วประเทศ เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

นับถอยหลังสู่การจัดงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

 

วันนี้ (17 สิงหาคม 66) เวลา 10.00-12.00 น. ณ The Jim Thompson Art Center กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย จัดพิธีแถลงข่าวโครงการการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale,Chiangrai Rai 2023 ครั้งที่ 2 โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม คณะอนุกรรมการ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ และคณะภัณฑารักษ์ ศิลปินเครือข่ายจากจังหวัดเชียงราย สมาคมขัวศิลปเชียงราย และสื่อมวลชน เข้าร่วมแถลงข่าวฯ เปิดตัวศิลปิน รอบสอง 20 คน pavilions แสดงงานของกลุ่มศิลปินต่าง ๆ 10 Pavilions อาทิ Korean Paivilion,MOMA Warsaw,Production Zamia ,สล่าขิ่น,กลุ่มศิลปินสีน้ำนานาชาติ และกิจกรรมคู่ขนานต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์โครงการการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale,Chiangrai Rai 2023 สู่สาธารณชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความก้าวหน้าของการดำเนินงานของโครงการ ดังกล่าว

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายสุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปเชียงราย ผู้แทนมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กลุ่มศิลปินเชียงราย ร่วมในพิธีแถลงข่าว
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

พัชรนันท์ แก้วจินดา : รายงาน
ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย: ภาพ
อภิชาต กันธิยะเขียว :บรรณาธิการ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ปศุสัตว์เชียงราย จัดพิธีมอบโคพระราชทาน ให้เกษตรกร อ.แม่สาย

 
วันนี้ (17 สิงหาคม 66) นายศรัญยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีมอบโคพระราชทาน ตามโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ ณ อาคารอเนกประสงค์ประชารัฐ บ้านป่าแดงหลวง หมู่ที่ 11 ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ให้แก่ นายสนิท ก๋องคำ เกษตรกรชาวตำบลเกาะช้าง โดยมี นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย ปลัดอำเภอแม่สาย หัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมพิธี ซึ่งเป็นโครงการที่สำคัญและครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศ มีหน่วยงานของกรมปศุสัตว์ที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 
 
มีการบริหารโครงการในรูปแบบของคณะกรรมการซึ่งมีอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นประธาน และได้มอบอำนาจให้ปศุสัตว์เขตเป็นผู้กำกับดูแลในพื้นที่ 9 เขต ปศุสัตว์ทั่วประเทศ ในการช่วยส่งเสริมด้านปศุสัตว์เพื่อแก้ปัญหาความยากจนให้แก่เกษตรกร ทำให้มีโอกาสได้รับโค-กระบือ เป็นกรรมสิทธิ์ มีทรัพย์สิน มีอาชีพ และมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งโคเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์มหาศาลต่อวิถีชีวิตของเกษตรกรไทย ผลผลิตที่เป็นลูกเป็นเสมือนเงินฝากประจำปี ที่จะสร้างรายได้มั่นคงแก่ผู้เลี้ยง การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะมูลของโคจะช่วยลดรายจ่าย เพิ่มเป็นรายได้รายวันที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ จนสิ้นอายุของโคตัวนั้น สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกร ฟื้นฟูสภาพธรรมชาติสิ่งแวดล้อม สืบสานวิถีชีวิตวัฒนธรรมที่ดีงามของชนบทไทย
 
นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์ จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ด้วยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระราชประสงค์ปล่อยชีวิตโคเพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 1 ตัว เพื่ออุทิศบุญกุศลและเสริมความเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 และทรงพระราชทานโคดังกล่าวไปให้ความช่วยเหลือเกษตรกร คือ นายสนิท กองคำ อยู่บ้านเลขที่ 107/4 หมู่ที่ 11 ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยโคพระราชทานที่ได้รับมอบในวันนี้ ได้รับการตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนป้องกันโรคเรียบร้อยแล้ว และได้ขนย้ายมาจากคอกกักสัตว์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังความปราบปลื้มปีติยินดีให้แก่นายสนิท ก๋องคำ และครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News