Categories
TOP STORIES

กรมศุลกากรชี้แจง จับทุเรียนลักลอบนำเข้า 8,420 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

 

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการนำทุเรียนลักลอบนำเข้าจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณ ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงขอให้เจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจค้นจับกุม โดยสายลับจะเป็นผู้นำชี้ให้ทำการตรวจค้นด้วยตนเอง จนกระทั่งเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่ารถบรรทุกที่ขนทุเรียนลักลอบได้ออกจากพื้นที่แนวชายแดนแล้ว มุ่งหน้าไปทางถนนหมายเลข 317 เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่บริเวณที่สายลับแจ้ง จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.45 น. ได้พบรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 68-2537 กทม. มีผ้าใบคลุมทับ ตามที่ได้รับแจ้งที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลวังสมบูรณ์ ต.วังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงให้สัญญาณหยุดรถเพื่อขอทำการตรวจค้น และได้พบคนขับรถ เจ้าหน้าที่ได้แสดงตนพร้อมแจ้งเหตุแห่งความสงสัยให้ทราบ

 

ผลการตรวจค้นพบทุเรียนสดบรรจุอยู่ภายในกระบะบรรทุก เจ้าหน้าที่ได้สอบถามคนขับรถถึงที่มาซึ่งของที่ตรวจพบ และได้รับคำชี้แจงว่าตนเป็นคนขับรถรับจ้าง โดยได้รับการว่าจ้างให้นำรถบรรทุกมารับทุเรียน น้ำหนัก 8,420 กิโลกรัม ที่บริเวณหลังวัดเขาน้อย ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อไปถึงสถานที่ดังกล่าวมีชาวกัมพูชาเป็นผู้ขนถ่ายทุเรียนขึ้นรถให้ ซึ่งผู้ว่าจ้างได้สั่งให้นำทุเรียนไปส่งที่ล้งใน จ.จันทบุรี โดยได้รับจ้าง 6,000 บาท โดยไม่มีเอกสารการผ่านพิธีการศุลกากรมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ทั้งนี้ ตนจะติดต่อผู้ว่าจ้างให้มาพบเจ้าหน้าที่ต่อไป เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้คนขับรถทราบ และนำของกลางพร้อมคนขับรถ และรถบรรทุกคันดังกล่าวส่งด่านฯ อรัญประเทศ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

 

ต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น. ในวันเดียวกันเจ้าของสินค้าได้มาพบเจ้าหน้าที่ โดยแสดงตนเป็นเจ้าของทุเรียนที่ตรวจพบ และได้ให้การรับสารภาพว่าตนได้รับซื้อทุเรียนมาจากชาวกัมพูชาโดยทราบว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 246 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 โดยเจ้าของสินค้าให้การรับสารภาพตลอด ข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวเจ้าของสินค้าส่งงานคดี ด่านศุลกากรอรัญประเทศเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

ส่วนประเด็นเรื่องทุเรียนรับซื้อมาจากจังหวัดศรีสะเกษ กรมศุลกากรได้ตรวจสอบเส้นทางของรถยนต์คันดังกล่าวแล้ว พบว่าในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 21-23 มิถุนายน 2566 รถยนต์คันดังกล่าวมิได้มีการเดินทางเข้าไปในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษแต่ได้มีการใช้รถอยู่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและสระแก้วเท่านั้น

 

สำหรับในกรณีทำการจับกุมและควบคุมตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมได้เข้าจับกุมโดยสุภาพ มิได้มีการขู่เข็ญบังคับแต่อย่างใด และเจ้าของสินค้าก็มาแสดงตนยอมรับด้วยตนเอง และได้มีการบันทึกคำให้การโดยสมัครใจตามหลักเกณฑ์ของทางราชการ ซึ่งภายหลังจากที่เป็นข่าว ผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าของทุเรียนได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภอ.คลองลึก โดยมิได้โต้แย้งการจับกุม หรือการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการตรวจสอบความถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวกับของกลางเท่านั้น

 

กรมศุลกากรยังคงดำเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรเพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิตภายในประเทศ และเป็นการป้องกันการสวมสิทธิผลไม้ไทยที่ส่งออกไปต่างประเทศ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกษตรกรไทยและผู้ประกอบการที่สุจริต ต่อไป

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมศุลกากร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
FEATURED NEWS

“กรุงไทย” ร่วมงาน Thailand Future Careers 2023 มุ่งพัฒนา “คน” ตอบโจทย์ทักษะแห่งอนาคต

 

ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนาทรัพยากรบุคคล ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นแรงผลักดันองค์กรก้าวสู่เป้าหมายของการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุด ธนาคารเข้าร่วมงาน Thailand Future Careers 2023 

 

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดขึ้นเพื่อพัฒนาตลาดแรงงานของประเทศในทุกมิติ ทั้งการสำรวจและศึกษาความต้องการของภาคธุรกิจ เพื่อให้สถาบันการศึกษานำไปพัฒนาหลักสูตรผลิตบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชน ตอบโจทย์โลกและสร้างทักษะแห่งอนาคต ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของประเทศ และถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ที่ภาครัฐ ภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยมี  ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย ร่วมเสวนาหัวข้อ “Future Banking Careers” สะท้อนภาพรวมของทักษะที่จำเป็นสำหรับงานธนาคารในปัจจุบันและเทคโนโลยีที่จะมีความสำคัญในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ตลอดจนแนวโน้มความต้องการทักษะใหม่ ๆ รวมทั้ง Soft Skills ที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต

 

 

ธนาคารกรุงไทย มุ่งเน้นการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน (Financial Innovation Technology) และเปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสร้างสรรค์ผลงานด้านนวัตกรรมอย่างเต็มที่ โดยมีการปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานด้านการบริหารบุคลากรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการ Upskill และ Reskill เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของพนักงานอยู่เสมอ โดยเฉพาะทักษะด้านเทคโนโลยีให้พร้อมก้าวสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ด้วยโปรแกรมการฝึกอบรมและกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ โครงการ Krungthai Hackathon ที่มุ่งเน้นให้พนักงานจากทุกสายงานและกลุ่มอายุร่วมกันคิดค้นนวัตกรรมทางการเงินผ่านกระบวนการ Design Thinking ตลอดจนสนับสนุนให้พนักงานทุกคน กล้าเปลี่ยนเพื่อก้าวนำ และมีพันธกิจร่วมกัน คือ พร้อมปรับตัว พร้อมเติบโต และพร้อมเรียนรู้ เพื่อร่วมแรงร่วมใจก้าวทันการเปลี่ยนแปลง 

 

โดยธนาคารเปิดรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความก้าวหน้า ด้วยงานที่ท้าทาย มีโอกาสร่วมงานกับบุคลากรชั้นนำ พร้อมความภาคภูมิใจที่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ที่มีส่วนยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น ตลอดจนมีความยืดหยุ่นในการทำงานด้วยคอนเซ็ปต์ “Flexible Workplace” และสวัสดิการที่ครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์ เช่น สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับพนักงาน และทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ ผู้ที่สนใจร่วมงานกับธนาคารกรุงไทย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://hr.krungthai.com/Home/JoinUs

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารกรุงไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดกิจกรรม วันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2566

 

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ที่อาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติกลุ่มประเทศ GMS อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย นายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดเชียงราย ประจำปี 2566. ตามมติการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ เมื่อเดือนมิถุนายน 2530 ซึ่งกำหนดให้วันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี เป็น“ วันต่อต้านยาเสพติดโลก” ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้ถือปฏิบัติและจัดกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่องมาทุกปี โอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้มอบโล่แก่บุคคลและองค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมและดีเด่นในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของจังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดต่อไป

 

สำหรับปัญหายาเสพติด จัดอยู่ในปัญหาด้านความมั่นคงที่ต้องได้รับการแก้ไขในระดับสำคัญเร่งด่วน ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ยังส่งผลกระทบแก่บุคคลรอบข้าง ครอบครัว ชุมชน และสังคมเช่นกัน ที่ใดที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ที่นั้นย่อมทำให้คนในชุมชนรู้สึกหวาดระแวงและไม่ปลอดภัย อาจนำไปสู่การมั่วสุมเพื่อทำสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการลักขโมย การใช้ความรุนแรง รวมถึงปัญหาอาชญากรรม ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลและทรัพย์สินในชุมชนได้
 
 
จังหวัดเชียงราย ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ทั้งในเชิงป้องกัน ปราบปรามและบำบัดรักษา เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้พี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงและยั่งยืนพร้อมขับเคลื่อนให้ชุมชน สังคมปลอดภัยจากยาเสพติด โดยขอให้ทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือกัน เพื่อเร่งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติดดำเนินการค้นหาผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกหมู่บ้านชุมชน ทั้งผู้ใช้ ผู้เสพ และผู้ค้าด้วยการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน หากพบเบาะแสยาเสพติด สามารถแจ้งหน่วยงานของรัฐเข้าไปดำเนินการ หรือแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 และอีกหนึ่งกลไกที่สำคัญคือการบำบัดรักษาและให้โอกาสผู้ที่ก้าวพลาดไปใช้ยาเสพติด ให้มองว่าผู้เสพคือผู้ป่วย แม้การบำบัดยาเสพติดจะเป็นเรื่องยากแต่เชื่อว่าทุกคนสามารถกลับตัวกลับใจได้ ต้องพร้อมจุดประกายและขัดเกลาศักยภาพของผู้ผ่านการบำบัดทุกคนให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและยั่งยืนต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

‘เชียงราย’ ทำบุญตักบาตรถวายพระกุศล ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระสังฆราช

 

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 เวลา 07.30 น. ที่ บริเวณสวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมืองเชียงราย นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระกุศล ฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาน สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก 26 มิถุนายน 2566 โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธี ในการนี้ พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ประธานฝ่ายสงฆ์ นำพระสงฆ์ สามเณร รวม 97 รูป ออกรับบิณฑบาตร

 

ทั้งนี้ หน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ในจังหวัดเชียงราย ได้จัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระรูปสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก พร้อมประดับตกแต่งสถานที่ประดับตราสัญลักษณ์ ธงตราสัญลักษณ์และประดับผ้าระบายสีเหลืองร่วมกับผ้าระบายสีขาว บริเวณอาคารสำนักงาน ระหว่างวันที่ 15-30 มิถุนายน 2566 อีกทั้งเชิญชวนบริษัท ห้างร้าน และประชาชนในจังหวัดประดับพระรูป บริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย ตั้งแต่วันที่ 15-30 มิถุนายน 2566 รวมทั้งประดับไฟบริเวณอาคารสำนักงานและที่พักอาศัยให้สวยงามในระยะเวลาตามความเหมาะสม
 
 
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระนามเดิม อัมพร ประสัตถพงศ์ ฉายา อมฺพโร ทรงเป็นบุตรคนโตในจำนวน บุตรธิดา 9 คน ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2470 ที่บ้านตำบลบางป่า อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี และเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 มีพระบรมราชโองการ โปรดสถาปนาให้สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรรมการมหาเถรสมาคม แม่กองงานพระธรรมทูต นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัยฯลฯ ดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายกพระองค์แรกในรัชกาลปัจจุบัน เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย เปิด “ศูนย์ดิจิทัลชุมชนโรงเรียนบ้านป่าแดง”

เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566 เวลา 09.29 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนโรงเรียนบ้านป่าแดง ณ ห้องสมุดประชาชนรวมใจ โรงเรียนบ้านป่าแดง ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมี ร.ต.อ.เด่นวุฒิ จันต๊ะขัติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้าง นายเด่นชัย ลาวิชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีเมืองชุม นางวรรณมาศ จันทรา ผู้อำนวยการโรงเรียนป่าแดง กำนัน คณะครูและนักเรียนโรงเรียนป่าแดง ให้การต้อนรับ

การจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน เพื่อดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มโอกาสสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น ให้สามารถพัฒนาต่อยอดเข้าสู่การค้าออนไลน์ ลดต้นทุน ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ขยายตลาด และเพื่อสร้างวิทยากรดิจิทัลชุมชนจิตอาสาหรืออินเตอร์เน็ตอาสาชุมชนขึ้นในตำบลเกาะช้าง เพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานงาน และส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัล ให้กับประชาชนและชุมตำบลเกาะช้างต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

MY DANCE ส่งน้อง “หมีพูห์-เปีย” คว้าอันดับสอง พร้อมลุยรอบชิงแชมป์ประเทศไทย

เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566 ที่ พันธุ์ทิพย์ฮอลล์ โครงการพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น. เป็นการแข่งขันกีฬาเชียร์ชิงแชมป์ภาคเหนือ ครั้งที่ 2 จากจังหวัดเชียงใหม่ โดยสมาคมกีฬาเชียร์แห่งประเทศไทย

โดยสถาบัน MY DANCE ACADEMY ส่งหมีพูห์-เปีย คว้ารองชนะเลิศอันดับ 1 “เหรียญเงิน” Senior Double HIPHOP อายุ 19+ รุ่นนี้มีการแข่งขันทั้งหมด 9 ทีมทั่วภาคเหนือ ซึ่งจัดการแข่งขันกีฬาเชียร์ชิงแชมป์ภาคเหนือ ครั้งที่ 2 ปี 2566 ของ catcheerthailand จ.เชียงใหม่

Dancer นักกีฬา
1.นายณภัทร บุญประกอบ 19 ปี รร.เทศบาล6 นครเชียงราย
2.นางสาววชิรญาณ์ นามวงค์ 19 ปี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
 
(ครูผู้ช่วย-ครูฝึกสอน) สถาบันMYDANCEACADEMY
1.โค้ชและออกแบบท่าเต้นโดย ครูสายเมฆ
2.ครูผู้ช่วย ครูยุ้ย ภัทรศยา
3.ครูซัพพอร์ต ครูกร้อ
 
ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพาทุกคนไปสู่โลกกีฬาเชียร์ ทั้งเชียร์ลีดดิ้งและเพอร์ฟอร์แมนซ์เชียร์ทุกรูปแบบ และร่วมสัมผัสประสบการณ์การเป็นนักกีฬาเยาวชนไทยไปกับ สมาคมกีฬาเชียร์แห่งประเทศไทย Cheer Association of Thailand – CAT เมื่อการเต้น Hiphop Jazz เป็นกีฬา ได้รับการรับรองโดยสมาพันธ์กีฬาโอลิมปิก สู่ระดับประเทศ และระดับโลก
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

โครงการกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ การใช้เครื่องมือ 7 ชิ้น วันที่ 11

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 (โครงการกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการการใช้เครื่องมือ 7 ชิ้น วันที่ 11)

จังหวัดเชียงราย โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่จัดทำฐานข้อมูลชุมชน กลุ่มชาติพันธุ์ระดับตำบล องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโป่ง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 (โดยใช้เครื่องมือ 7 ชิ้น) โดยลงพื้นที่ บ้านลังกา หมู่ที่ 4 โดยมีนางกัลยา วรรณธิกูล ผู้ใหญ่บ้านลังกา หมู่ 4 และนายวรโชติ รักชาติ บ้านเลขที่ 244 หมู่ 4 บ้านลังกา ตำบลบ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ร่วมให้ข้อมูลการปั้นผลิตภัณฑ์ดินเผาและลงพื้นที่จัดทำฐานข้อมูลชุมชนฯ
 
เพื่อจัดทำแผนข้อมูลพื้นฐานขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ในการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ และเผยแพร่ข้อมูล ตลอดจนเป็นฐานข้อมูลชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ระดับตำบล องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโป่ง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ภายใต้โครงการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ต่อไป
 
ในการนี้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้นายยุทธนา สุทธสม นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ และนายอภิชาต กันธิยะเขียว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ ลงพื้นที่ จัดทำข้อมูลดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ราชกิจจานุเบกษา โปรดเกล้าฯ เปิดสภาตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. นี้

 

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2566 ความว่า

 
“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน
 
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
 
โดยที่ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 แล้ว และตามความในมาตรา 121 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กําหนดให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาภายในสิบห้าวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการเลือกตั้งทั่วไป โดยให้ถือเป็นวันเริ่มสมัยประชุมสามัญประจําปีครั้งที่หนึ่ง
.
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 121 มาตรา 122 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
 
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
 
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี”

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

นายกฯ ดันส่งออกต้นไม้ ไปยังซาอุดีอาระเบีย

 

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตาม ขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างไทย – ซาอุดีอาระเบียอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันการส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุดีฯ ขยายพื้นที่สีเขียว และสร้างรายได้เพิ่มให้คนไทยจากการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ หลังส่งออกแล้วกว่า 2 แสนต้น 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ภายหลังการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานพิจารณาแนวทางที่จะเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างกันเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะภาครัฐและภาคเอกชน ได้เดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 6 – 10 มิถุนายน 2566 เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคี และส่งเสริมการเจรจาการค้าและการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของไทยและซาอุดีฯ โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยซึ่งเดินทางร่วมคณะด้วยครั้งนี้พบว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุดีฯ ตามข้อริเริ่มซาอุดีอาระเบียสีเขียว (Saudi Green Initiative) และข้อริเริ่มตะวันออกกลางสีเขียว (Middle East Green Initiative) ซึ่งซาอุดีฯ มีแผนจะนำเข้าต้นไม้ไปปลูกทั่วประเทศ จำนวน 1 หมื่นล้านต้น เพื่อฟื้นฟูให้เกิดพื้นที่สีเขียวตามธรรมชาติ รวมถึงจะร่วมมือกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ และประเทศหุ้นส่วนอื่น ๆ ในการปลูกต้นไม้ในภูมิภาคเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านต้น โดยปัจจุบันประเทศไทยได้ส่งต้นไม้ไปยังซาอุดีฯ แล้วกว่า 2 แสนต้น และสามารถขยายการส่งออกได้อีกมากในอนาคต

ด้านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 146,860 ต้น มูลค่ารวม 138,048,597.02 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2566) ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ผลักดันการรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการนำไม้ยืนต้นที่มีค่ามาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ และโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS) รวมทั้งได้มอบวงเงินสินเชื่อให้เกษตรกรจากการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ และมอบประกาศเกียรติคุณแก่ธนาคารต้นไม้ของชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ 

“นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันพิจารณาเพิ่มโอกาสการค้า การส่งออกให้กับคนไทย ยินดีที่ความสำเร็จจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์เพิ่มโอกาสค้าขาย ส่งออก เพิ่มอาชีพให้คนไทย และเกษตรกรไทย ประกอบกับ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และความยั่งยืนของระบบนิเวศ ทั้งนี้ ด้วยความสอดคล้องกันของนโยบายของซาอุดีฯ ในการส่งเสริมการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวในประเทศ และภูมิภาค จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยควรร่วมสนับสนุน เพื่อร่วมกันดำรงชีวิตในโลกอย่างยั่งยืน สมดุล ส่งต่อโลกที่ดีขึ้นให้กับคนรุ่นต่อไป” นายอนุชาฯ กล่าว

โดยลิสต์ 38 ต้นไม้ไทย โอกาสส่งออกตลาดซาอุฯ ตามเป้าหมาย “Saudi Vision 2030” ของซาอุดีอาระเบีย มีแผนที่จะนำเข้าต้นไม้จากทั่วโลกเพื่อให้บรรลุตามนโยบายซาอุดีอาระเบียสีเขียว (The Saudi Green Initiative) เพื่อเปลี่ยนพื้นที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีชีวิตชีวา โดยการปลูกต้นไม้ 10,000 ล้านต้น และร่วมสนับสนุนผลักดันโครงการปลูกต้นไม้ 50,000 ล้านต้น ทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง ปัจจุบันประเทศไทยได้ส่งต้นไม้ไปยังซาอุฯ แล้วกว่า 200,000 ต้น และถือว่ายังมีโอกาสให้ไทยส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุฯ ได้อีกมาก ซึ่งซาอุฯ จะร่วมมือกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ หรือกลุ่มประเทศ GCC (Gulf Cooperation Council) และประเทศหุ้นส่วนอื่น ๆ ในการปลูกต้นไม้ในเอเชียตะวันตกเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านต้น

1. ชมพูพันธุ์ทิพย์ (Tabebuia rosea)
2. นนทรี (Peltophorum pterocarpum, Yellow poinciana)
3. พุทราจีน (Ziziphus jujuba)
4. ศรีตรัง (Jacaranda mimosifolia)
5. หูกวาง (Terminalia catappa)
6. อรชุน (Terminalia arjuna, Arjuna Tree)
7. ไทรย้อยใบแหลม (Ficus benjamina, Weeping fig)
8. พฤกษ์ (Albizia lebbeck)
9. ยี่เข่ง (Lagerstroemia indica)
10. งิ้ว (Bombax cebia, Red kapok tree)
11. หางนกยูงฝรั่ง (Delonix regia)
12. มัลเบอร์รี (Morus nigra, Blackberry)
13. มะรุม (Moringa oleifera)
14. เลี่ยน (Melia azedarach)
15. มะเดื่อ (Ficus carica, Fig)
16. เลมอน (Citrus limon)
17. ส้มซ่า (Citrus aurantium)
18. คารอบ (Ceratonia siliqua, Carob Tree)
19. ส้มแมนดาริน (Citrus reticulata, Mandarin orange)
20. มะตูมซาอุ (Schinus terebinthifolius)
21. กระถินเทพา (Acacia mangium)
22. หยีน้ำ (Millettia pinnata)
23. นิโครธ (Ficus benghalensis)
24. ชัยพฤกษ์ (Cassia javanica)
25. ก้ามปู (Albizia saman)
26. ปีบ (Millingtonia hortensis, Tree jasmine)
27. เสี้ยวดอกขาว (Bauhinia variegate)
28. ชงโค (Bauhinia purpurea)
29. ราชพฤกษ์ (Cassia fistula)
30. มะขามเทศ (Pithecellobium dulce)
31. มะกอกโอลีฟ (Olea europaea, Olive)
32. โพ (Ficus religiosa, Sacred fig)
33. สะเดา (Azadirachta indica)
34. มะขาม (Tamarindus indica)
35. โพทะเล (Thespesia populnea)
36. กร่าง (Ficus altissima)
37. ปอทะเล (Hibiscus tiliaceus, Seacoast mallow)
38. ทามาริสก์ (Tamarix aphylla, Athel pine)

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

รัฐบาลเร่งพัฒนาไทย เตรียมรองรับ การลงทุนอุตสาหกรรม “เซมิคอนดักเตอร์”

 

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญในการเร่งสร้างและพัฒนากำลังคนของประเทศไทยในด้านต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศด้วยอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve & New S Curve) และทันกับการเปลี่ยนแปลงและทิศทางการพัฒนาของโลก โดยเฉพาะเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ เช่น สมาร์ทโฟน แทบเล็ต ยานยนต์สมัยใหม่ ตลอดจนอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ที่ต้องอาศัย AI และคาดว่าความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ยังจะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ แม้ประเทศไทยมีการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนการประกอบและทดสอบ (assembly and testing) และเริ่มมีในส่วนของการออกแบบ (IC Design) บ้าง แต่ยังขาดในส่วนการผลิต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ ดังนั้น รัฐบาลโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จึงได้มีการแสวงหาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศและภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำทั้งในและนอกประเทศ เพื่อให้เกิดการผลิตกำลังคนด้านนี้ให้รวดเร็วและมีปริมาณมากเพียงพอสำหรับการพัฒนาขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

นายอนุชาฯ กล่าวว่า ล่าสุดข้อมูลของ อว. ระบุว่า ขณะนี้ มีมหาวิทยาลัยไทย 9 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เกษตรศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ม.ขอนแก่น ม.สงขลานครินทร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ให้ความสนใจในการทำหลักสูตรในการผลิตกำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์ โดยได้มีการร่วมหารือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 6 แห่งของไต้หวัน ที่มีการเรียนการสอนและทำวิจัยร่วมกับภาคเอกชนในด้านเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึง Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อร่วมมือกันในการผลิตกำลังคนและงานวิจัย โดยในการผลิตกำลังคนจะมีการจัดทำหลักสูตรในระดับ ปริญญาตรี ปริญญาโท ด้าน Semiconductor ร่วมกัน โดยมหาวิทยาลัยไทยจะใช้วิธีการ Higher Education Sandbox ในการพัฒนาหลักสูตร ที่ไม่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานอุดมศึกษา เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการผลิตบัณฑิตให้ตอบสนองต่อการผลิตคนที่มีคุณภาพ ที่มีปริมาณมากและรวดเร็ว โดยตั้งเป้าให้มีนักศึกษาที่มีศักยภาพสูงในโปรแกรมไม่น้อยกว่า 200 คน/ปี ในสาขาที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ด้านเครื่องมือ ด้านวัสดุ ด้านการออกแบบ IC ด้านกระบวนการผลิต ด้านการทดสอบและแพ็กกิ้ง เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง ทั้งนี้ นอกจากหลักสูตรในระดับปริญญาแล้ว มหาวิทยาลัยไต้หวันบางแห่งจะช่วยในการดำเนินการจัดฝึกอบรมระยะสั้นให้แก่บุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยไทย เพื่อเพิ่มพูนทักษะในด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การส่งเสริมให้นักศึกษาไทยได้มีโอกาสในการฝึกปฏิบัติงานใน บริษัท Semiconductor ชั้นนำของโลกที่ไต้หวัน รวมถึงส่งเสริมให้นักวิจัยไทย ได้ทำวิจัยร่วมกับนักวิจัยของไต้หวันทางด้าน Semiconductor เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในการวิจัยและพัฒนาในด้านนี้ด้วย 

“การดำเนินการและความร่วมมือดังกล่าวที่เกิดขึ้น รัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่เป็นอุตสาหกรรมขั้นสูงและมีความสำคัญในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การพัฒนาอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนด้วยอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve & New S Curve) เช่น เครื่องมือแพทย์ ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เศรษฐกิจชีวภาพ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ซึ่งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของประเทศไทยด้วย” นายอนุชาฯ กล่าว 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News