Categories
SOCIETY & POLITICS

ดันอุตสาหกรรม Semiconductor ร่วมไต้หวัน วิจัยและผลิตบุคลากรที่เชี่ยวชาญ

 
 
วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งเสริมและผลักดันนโยบายการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ชื่นชมการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และได้ให้ความสำคัญกับการผลิตกำลังคน Semiconductor ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า เมื่อไทยมีความพร้อมด้านกำลังคนมากขึ้น จะผลักดันให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรม Semiconductor ในไทย ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะส่งผลในการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เซมิคอนดักเตอร์ หรือ ชิป เป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีความต้องการในตลาด เพื่อใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยีหลากหลายประเภท โดยประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิต เนื่องจากความพร้อมทางด้านทรัพยากร การจัดตั้งภาคอุตสาหกรรม รวมถึงความสัมพันธ์อันดีกับประเทศอื่นๆ จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมประเภทนี้เป็นอย่างมาก โดยภาคอุตสาหกรรมไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก และเป็นฐานการผลิตสินค้าขั้นสุดท้ายที่ใช้ส่วนประกอบจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เหมาะแก่การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานและการพัฒนาเพื่อใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตที่มีความซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงให้ได้โดยเร็ว อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็นโอกาสสำคัญสำหรับการลงทุนของผู้ประกอบการในประเทศไทย โดยการลงทุนด้านชิปในไทยยังอยู่ในส่วนการประกอบและทดสอบ (assembly and testing) และเริ่มมีการลงทุนในส่วนของการออกแบบ (IC Design) แต่ยังขาดในส่วนของภาคการผลิต (Foundry) จึงเกิดเป็นความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากร ระหว่างหน่วยงานของไทยและไต้หวัน เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมชิป 

สำหรับมหาวิทยาลัยไทย 9 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เกษตรศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ม.ขอนแก่น ม.สงขลานครินทร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยไต้หวัน 6 แห่ง และบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company(TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วมมือวิจัยและผลิตบุคลากร โดยจัดทำหลักสูตรในระดับปริญญาตรี-โท ด้านเซมิคอนดักเตอร์ ตั้งเป้าให้มีนิสิตนักศึกษาที่มีศักยภาพสูงในโครงการไม่น้อยกว่า 200 คน/ปี ในสาขาที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ด้านเครื่องมือ ด้านวัสดุ ด้านการออกแบบวงจรรวม (IC) ด้านกระบวนการผลิต ด้านการทดสอบและpacking เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยไต้หวันบางแห่งจะจัดฝึกอบรมระยะสั้นให้แก่ บุคลากรและนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยไทย เพิ่มพูนทักษะ ส่งเสริมให้นิสิตนักศึกษาไทยได้ฝึกปฏิบัติงานในบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำที่ไต้หวัน เพื่อสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ส่งเสริมการตั้งฐานการผลิตอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทย

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) พบว่า ไทยมีโอกาสที่จะถูกเลือกเป็นประเทศปลายทางในการตั้งฐานการผลิต โดยหลายบริษัทมีแนวโน้มที่จะย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศคู่ขัดแย้งในการแข่งขันทางเทคโนโลยี เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดกับกิจการ ไทยมีศักยภาพที่จะดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเหล่านี้ได้ โดยในปัจจัยด้านห่วงโซ่อุปทานของไทย ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นไทยยังสามารถแข่งขันได้ เนื่องจากคู่แข่งยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีความไม่ซับซ้อนคล้ายคลึงกับไทย รวมถึงภาครัฐของไทยได้เร่งส่งเสริมให้เกิดพันธมิตรทางการค้าใหม่ ๆ เพื่อขยายตลาดให้กับสินค้าและบริการของไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยมีข้อได้เปรียบและได้อานิสงส์ที่จะถูกเลือกเป็นประเทศปลายทางในการเคลื่อนย้ายฐานการผลิต

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในความร่วมมือด้านการศึกษา พัฒนาคนเพื่อพัฒนาประเทศ เห็นถึงศักยภาพ และโอกาสการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ เชื่อว่ากลไกการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรตามความต้องการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย จะเป็นการพัฒนาคนได้ตามความต้องการ สามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมประเภทนี้ได้ครอบคลุม โดยภาครัฐได้เร่งส่งเสริมให้เกิดพันธมิตรทางการค้าใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดภาคอุตสาหกรรม เชื่อมั่นว่าไทยมีศักยภาพการเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมศักยภาพสูง และเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยความพร้อมของไทยที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และพัฒนามาโดยตลอด” นายอนุชาฯ กล่าว
 
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
ECONOMY

รัฐบาลเร่งพัฒนาไทย เตรียมรองรับ การลงทุนอุตสาหกรรม “เซมิคอนดักเตอร์”

 

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญในการเร่งสร้างและพัฒนากำลังคนของประเทศไทยในด้านต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศด้วยอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve & New S Curve) และทันกับการเปลี่ยนแปลงและทิศทางการพัฒนาของโลก โดยเฉพาะเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ เช่น สมาร์ทโฟน แทบเล็ต ยานยนต์สมัยใหม่ ตลอดจนอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ที่ต้องอาศัย AI และคาดว่าความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ยังจะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ แม้ประเทศไทยมีการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนการประกอบและทดสอบ (assembly and testing) และเริ่มมีในส่วนของการออกแบบ (IC Design) บ้าง แต่ยังขาดในส่วนการผลิต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ ดังนั้น รัฐบาลโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จึงได้มีการแสวงหาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศและภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำทั้งในและนอกประเทศ เพื่อให้เกิดการผลิตกำลังคนด้านนี้ให้รวดเร็วและมีปริมาณมากเพียงพอสำหรับการพัฒนาขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

นายอนุชาฯ กล่าวว่า ล่าสุดข้อมูลของ อว. ระบุว่า ขณะนี้ มีมหาวิทยาลัยไทย 9 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เกษตรศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ม.ขอนแก่น ม.สงขลานครินทร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ให้ความสนใจในการทำหลักสูตรในการผลิตกำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์ โดยได้มีการร่วมหารือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 6 แห่งของไต้หวัน ที่มีการเรียนการสอนและทำวิจัยร่วมกับภาคเอกชนในด้านเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึง Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อร่วมมือกันในการผลิตกำลังคนและงานวิจัย โดยในการผลิตกำลังคนจะมีการจัดทำหลักสูตรในระดับ ปริญญาตรี ปริญญาโท ด้าน Semiconductor ร่วมกัน โดยมหาวิทยาลัยไทยจะใช้วิธีการ Higher Education Sandbox ในการพัฒนาหลักสูตร ที่ไม่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานอุดมศึกษา เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการผลิตบัณฑิตให้ตอบสนองต่อการผลิตคนที่มีคุณภาพ ที่มีปริมาณมากและรวดเร็ว โดยตั้งเป้าให้มีนักศึกษาที่มีศักยภาพสูงในโปรแกรมไม่น้อยกว่า 200 คน/ปี ในสาขาที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ด้านเครื่องมือ ด้านวัสดุ ด้านการออกแบบ IC ด้านกระบวนการผลิต ด้านการทดสอบและแพ็กกิ้ง เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง ทั้งนี้ นอกจากหลักสูตรในระดับปริญญาแล้ว มหาวิทยาลัยไต้หวันบางแห่งจะช่วยในการดำเนินการจัดฝึกอบรมระยะสั้นให้แก่บุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยไทย เพื่อเพิ่มพูนทักษะในด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การส่งเสริมให้นักศึกษาไทยได้มีโอกาสในการฝึกปฏิบัติงานใน บริษัท Semiconductor ชั้นนำของโลกที่ไต้หวัน รวมถึงส่งเสริมให้นักวิจัยไทย ได้ทำวิจัยร่วมกับนักวิจัยของไต้หวันทางด้าน Semiconductor เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในการวิจัยและพัฒนาในด้านนี้ด้วย 

“การดำเนินการและความร่วมมือดังกล่าวที่เกิดขึ้น รัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่เป็นอุตสาหกรรมขั้นสูงและมีความสำคัญในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การพัฒนาอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนด้วยอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve & New S Curve) เช่น เครื่องมือแพทย์ ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เศรษฐกิจชีวภาพ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ซึ่งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของประเทศไทยด้วย” นายอนุชาฯ กล่าว 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News