
เจเจ–ภพธรรม พรคต ก้าวแรกบนเส้นทางใหญ่ของ “เด็ก ม.4” ที่เขียนชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ไทยลีก และบทเรียนการปั้นเยาวชนฉบับเชียงราย
เชียงราย, 24 กันยายน 2568 — นาทีที่ 88 บนสกอร์บอร์ด “สิงห์ เชียงราย สเตเดียม” ตัวเลขยังชี้ว่าเจ้าถิ่นนำ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 1–0 เสียงเชียร์ดังสลับกับเสียงนกหวีดชี้นำเกม เมื่อชื่อ “ภพธรรม พรคต” ปรากฏบนป้ายเปลี่ยนตัว เด็กหนุ่มหมายเลข 37 ผู้ยังไม่ครบ 16 ปีเต็ม ก้าวข้ามเส้นขาวที่ตัดขอบสนาม เหยียบพื้นหญ้าไทยลีกครั้งแรกช่วงเวลาสั้นๆ แต่หนักแน่นพอจะบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์
ค่ำคืนวันที่ 21 กันยายน 2568 ไม่ได้เป็นเพียงชัยชนะนัดที่ 5 ของไทยลีก 1 ฤดูกาล 2025/26 หากยังเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าชิ้นใหม่ในวัฒนธรรมการสร้างดาวรุ่งของฟุตบอลไทย โดย “เจเจ” ภพธรรม พรคต กลายเป็นนักเตะ อายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่ได้ลงเล่นลีกสูงสุดของประเทศ ด้วยวัย 15 ปี 11 เดือน 16 วัน เป็นรองเพียง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (15 ปี 8 เดือน 22–23 วัน) และ เอกนิษฐ์ ปัญญา (15 ปี 11 เดือน 5 วัน) รุ่นพี่เลือดกว่างโซ้งผู้เคยแจ้งเกิดจากสโมสรเดียวกัน
และใช่หมายเลข 37 บนหลังเสื้อของเขา คือหมายเลขเดียวกับที่เอกนิษฐ์เคยสวมเมื่อตอนเริ่มต้น สัญลักษณ์เล็กๆ ที่ต่อสายใยจากอดีตสู่ปัจจุบัน ชวนให้ตั้งคำถามว่า “เบอร์นี้” จะยิ่งใหญ่เพราะใครสวม หรือ “คนสวม” จะทำให้หมายเลขนี้มีน้ำหนักกว่าเดิม
ก้าวเล็กๆ ที่มีความหมายยิ่งใหญ่นาทีที่ 88 สู่ทำเนียบประวัติศาสตร์
จังหวะเปลี่ยนตัวของ “โค้ชวอ” วรวุฒิ วังสวัสดิ์ ไม่ใช่เพียงการถอด–ใส่เพื่อถนอมแรงกำลังหลัก แต่คือการ “ส่งสัญญาณ” ถึงปรัชญาของสโมสรที่ยืนยันมาตลอดว่า โอกาสของเยาวชน ต้องเกิดขึ้นบนสนามจริง ไม่ใช่เพียงในแผ่นพับโรดแมปการพัฒนา
แม้เวลาบนพรมหญ้าจะมีเพียงไม่กี่นาที แต่มันมากพอสำหรับการจารชื่อ ภพธรรม พรคต เข้าสู่ทำเนียบ “แข้งอายุน้อยสุดที่ลงเล่นไทยลีก” ต่อท้ายสองชื่อใหญ่ของฟุตบอลไทยยุคใหม่ ศุภณัฏฐ์ และ เอกนิษฐ์ ความหมายของสถิติจึงไปไกลกว่าตัวเลข มันคือ “ไฟเขียว” ให้เด็กอีกมากมายเชื่อว่าประตูสู่ลีกสูงสุดไม่ได้ถูกล็อกด้วยอายุ หากแต่ด้วย มาตรฐานฝีเท้า–วินัย–ความพร้อมทางใจ
เส้นทางไม่ธรรมดาจากอะคาเดมี–โรงเรียนเครือข่าย สู่ทีมชาติชุดเล็ก
เบื้องหลัง “ก้าวแรก” บนไทยลีกของเจเจ มีเส้นทางเตรียมการที่ต่อเนื่อง หลายปี ผ่านระบบพัฒนาแบบ “สามประสาน” ระหว่าง อะคาเดมีสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด, สโมสรเชียงราย ซิตี้ & StarPower Academy และ โรงเรียนทวีเอสซี วิทยา สถาบันการศึกษาที่ทำงานเคียงข้างสโมสรในบทบาท “โรงเรียน–ทีม” เพื่อยกระดับทั้งทักษะในสนามและวินัยนอกสนาม


- ผลงาน–เวทีเยาวชน เจเจเคยคว้ารางวัล MVP (Man of the Match) ในการแข่งขันฟุตบอล 11 คน รายการ “รวมโชค Youth Fighter #U16” สะท้อนให้เห็นถึง “อิมแพ็กต์” ในระดับรุ่นอายุที่สม่ำเสมอ
- การเปิดโลก–คัดตัวต่างประเทศ เขามีชื่อเข้าร่วมคัดเลือกในกิจกรรม “PPTV ร่วมกับ BDMS Presents Bundesliga Dream เตะ ล่า ฝัน” เพื่อเฟ้นหาทีมตัวแทนเยาวชนไปสัมผัสประสบการณ์ฟุตบอลเยอรมนี (คัดเลือกที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอล ม.กรุงเทพธนบุรี เมื่อ 28 กรกฎาคม 2567)
- เส้นทางทีมชาติ–ค้นหาช้างเผือก รายชื่อ 44 คนสุดท้าย ภายใต้โครงการ FIFA TDS Talent ID 2025 “ค้นป่าหาช้างเผือก” และการเข้าเก็บตัวกับ ทีมชาติไทย U17 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมสู่ศึก AFC U-17 Asian Cup 2026 Qualifiers คืออีกสองหมุดหมายที่ยืนยันว่าเขาอยู่ในเรดาร์การพัฒนาเยาวชนของประเทศ
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วย “โชค” หากเกิดจาก การฝึกซ้อมเข้ม–วิถีชีวิตมืออาชีพตั้งแต่วัยมัธยม และ “ระบบสนับสนุน” ที่ชัด—ทั้งสโมสรและโรงเรียน โดย คุณสุธาสินี เหล่ารุ่งโรจน์ ผู้บริหารโรงเรียนทวีเอสซี วิทยา ถึงกับโพสต์แสดงความภูมิใจว่า
“ขึ้นยานแม่ไปอีก 1 คน~ Wonderkid U16 เจเจ 16ปี รุ่น52 อยู่กินนอนด้วยกันมา 3-4 ปี ภูมิใจมากค่ะ ขอบคุณประธานฮั่น ที่ให้โอกาสน้องได้ลงนัดแรกค่ะ”
ข้อความสั้นๆ แต่สะท้อน 3 แกนคิดชัดเจน เวลา (3–4 ปีของการบ่มเพาะ), วัฒนธรรมร่วม (อยู่–กิน–ซ้อมเป็นทีม), และ โอกาส (หน้าที่ของสโมสรคือเปิดประตูสู่ทีมชุดใหญ่)
เชียงราย–เมืองแห่งการปั้น เมื่อหมายเลข 37 มี “ความทรงจำ” เป็นแรงผลัก
สถิติของเจเจหนีไม่พ้นการถูกเทียบกับ เอกนิษฐ์ ปัญญา—ดาวเตะที่เติบโตจากระบบเดียวกัน จนไปไกลถึงทีมชาติชุดใหญ่และเจลีก ความคล้ายคลึงจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็น “ผลลัพธ์เชิงระบบ” ของสโมสรที่ กล้าคืนพื้นที่เกมจริงให้เยาวชน ภายใต้กรอบวินัยและมาตรฐานที่คุมเข้ม
- บทบาทในสนาม: เจเจเป็นกองกลางสไตล์ “เชื่อมเกม” ที่ดูนิ่งเกินวัย จุดเด่นคือการจ่ายบอลสั้น–กลางสะอาด การเลือกตำแหน่งรับ–ส่งเพื่อเปิดมุมเล่น และการไม่ตื่นกับสปีดเกมที่สูงขึ้น
- บทบาทนอกสนาม: นักเรียน ม.4 ที่ต้องจัดสมดุลการเรียน–ซ้อม–แข่งขัน—นี่คือความท้าทายสำคัญของเยาวชนอาชีพ และคือเหตุผลที่ระบบ “โรงเรียน–อะคาเดมี” ของเชียงรายถูกยกเป็นต้นแบบในแง่การ ดูแลทั้งคนและนักกีฬา
นัยสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ “จะเป็นเอกนิษฐ์คนต่อไปหรือไม่” แต่อยู่ที่ เจเจจะเป็น “ภพธรรม พรคต” ในเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเองได้อย่างไร—เส้นทางที่ต้องเดินด้วยวินัย–ตัวเลขการซ้อม–และความมุ่งมั่นมากกว่าภาพจำ

ทำเนียบแข้งอายุน้อยสุดในไทยลีกตัวเลขที่เล่า “ปรัชญา” ของทั้งลีก
การที่ไทยลีกบันทึกชื่อของเจเจในฐานะนักเตะอายุน้อยสุดอันดับ 3 ต่อจาก ศุภณัฏฐ์ และ เอกนิษฐ์ แปลความเป็นสองชั้น
- เชิงสโมสร: สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด รักษาเส้นทางพัฒนาเยาวชนให้เชื่อมกับทีมชุดใหญ่จริง ไม่ใช่เพียงรูปธรรมบนเอกสาร
- เชิงลีก: ไทยลีกพร้อมเปิดโอกาสให้เยาวชนลงเล่น หากผ่านมาตรฐานและสมควรได้เวลา
นี่คือสิ่งที่ สโมสร–ลีก–แฟนบอล ต้องร่วมกันประคับประคอง เพราะสถิติเหล่านี้จะมีค่า ก็ต่อเมื่อ เวลาในสนาม ค่อยๆ งอกเงยเป็น คุณภาพการเล่น ไม่ใช่ “เช็คอินสถิติ” แล้วหายไป
เกมที่มากกว่าชัยชนะ 1–0 บทเรียนการใช้งานเยาวชนในนาทีสำคัญ
การส่งเจเจลงในช่วงนำแบบ “เฉือน” สะท้อนความเชื่อใจของสตาฟฟ์โค้ชต่อความคุมเกมของเด็ก มันคือบททดสอบความนิ่ง—บีจี ปทุมฯ เป็นทีมที่มีแรงปะทะสูงและสปีดยามไล่ตีเสมอ หากเยาวชน “ตกใจจังหวะ” ก็เสี่ยงโดนเพรสแล้วเสียบอลในพื้นที่อันตราย
การผ่านนาทีท้ายๆ แบบไม่เสียรูปทรง จึงเป็น “เคสสตัดดี้” สำหรับการใช้งานเยาวชน ให้เวลาในเงื่อนไขกดดันที่คุมความเสี่ยงได้, ประเมินผลจาก “คุณภาพการตัดสินใจ” มากกว่า “ไฮไลต์จังหวะเดียว” และค่อยๆ ขยายเวลาเมื่อเห็นความพร้อมต่อเนื่อง
ผลสะเทือนเชิงระบบ แรงบันดาลใจ–ความคาดหวัง–มาตรฐานใหม่ของอะคาเดมี
ทุกครั้งที่มี “เด็ก ม.ปลาย” ข้ามขึ้นไทยลีก วงแหวนคลื่นจะวิ่งไปไกลกว่าสโมสร
- ต่อเยาวชนในระบบ: เห็น “ทางขึ้น” ชัดเจน—ซ้อมหนัก = มีโอกาสจริง
- ต่อผู้ปกครอง–โรงเรียน: มั่นใจว่าการเลือกเส้นทางกีฬาไม่ใช่การทิ้งการศึกษา หากไปคู่กันได้
- ต่อตลาดนักเตะ: สโมสรที่ปั้นเก่ง จะมี “ทุนมนุษย์” เป็นสินทรัพย์ สำคัญทั้งในเชิงกีฬาและเศรษฐกิจ (รักษาไว้ใช้เอง หรือกลายเป็นดีลในอนาคต)
- ต่อไทยลีก–ทีมชาติ: ยกระดับฐานกว้างของผู้เล่นอายุ 15–19 ปี ที่มี “เวลาแข่งขันจริง” เร็วขึ้น
ทั้งหมดนี้ต้องพ่วงด้วย มาตรฐานคุ้มครองนักกีฬาเยาวชน—การจัดการภาระซ้อม–เรียน–พักผ่อน, การโภชนาการ, การฟื้นฟูร่างกาย, และ “การสื่อสาร” ที่ไม่กดเด็กด้วยความคาดหวังเกินวัย
ตัวเลขชวนคิด เวลา–คุณภาพ–รอยต่อสู่ฤดูกาลแรกเต็มใบ
แม้การเดบิวต์ของเจเจจะมีเวลาเล่นไม่มาก แต่ในเชิงพัฒนา “นาทีคุณภาพ” (Quality Minutes) สำคัญกว่าจำนวนรวม—นาทีที่ใช้ในเกมจริงกับคู่แข่งแกร่ง มีค่าทางการเรียนรู้มากกว่านาทีจำนวนมากในเกมต่ำแรงกดดัน
สิ่งที่ควรจับตาต่อจากนี้คือ
- จำนวนเกม–นาทีสะสม: สโมสรจะค่อยๆ เปิดพื้นที่แค่ไหน—ถ้วยลีก, ลีกคัพ, เอฟเอคัพ
- บทบาทเชิงแท็กติก: เริ่มจาก “เชื่อมเกมปลอดภัย” ไปสู่ “จ่ายคิลเลอร์–วิ่งสอด–เพรสซิ่ง” ตามพัฒนาการ
- การดูแลภาระเรียน: โรงเรียน–สโมสรจะวางตารางอย่างไรให้ ผลการเรียนไม่สะดุด และ ร่างกายไม่โอเวอร์โหลด
หากองค์ประกอบเหล่านี้ลงล็อก ฤดูกาลหน้าอาจเป็น “ฤดูกาลแรกเต็มใบ” ที่เจเจไต่ระดับไปสู่บทบาทหมุนเวียนอย่างมีนัยสำคัญ
เสียงสะท้อนจากระบบ “โอกาส” ที่ต้องมาพร้อม “แนวทาง”
ในมุมโครงสร้างฟุตบอลไทย “โอกาส” ให้เยาวชนลงเล่นคือจุดเริ่มต้น แต่ต้องตามด้วย “แนวทางพัฒนา” ที่ยึดมั่น ไม่เช่นนั้นเด็กจะติดกับ กับดักสถิติ มากกว่า การเติบโตแท้จริง
- การโค้ชรายบุคคล (Individual Development Plan) — แผนพัฒนารายเดือน–รายไตรมาสที่ชัดเจน
- สภาพแวดล้อมการซ้อมคุณภาพสูง — ซ้อมกับทีมชุดใหญ่, สแคริมเมจสปีดจริง, โค้ชเทคนิคเฉพาะตำแหน่ง
- การส่งเสริมด้านจิตวิทยาการกีฬา — รับมือความคาดหวัง สื่อสารกับสังคม–สื่อ–แฟนคลับอย่างเป็นมืออาชีพ
- พี่เลี้ยงในทีม — รุ่นพี่สายเดียวกันคอยแนะนำ ทั้งในและนอกสนาม
ระบบแบบนี้คือความต่างระหว่าง “ดาวรุ่งวูบวาบ” กับ “ตัวหลักระยะยาว”
เชียงราย–แบบเรียนของการเชื่อม “โรงเรียน–อะคาเดมี–สโมสร”
หากถอดบทเรียนจากเคสเจเจ สิ่งที่เห็นเด่นชัดคือ โมเดลความร่วมมือ โรงเรียนที่เข้าใจภารกิจพัฒนา “คน+นักกีฬา”, อะคาเดมีที่จัดหลักสูตรฝึกซ้อมสอดคล้องกับคาแรกเตอร์สโมสร, และทีมชุดใหญ่ที่เปิดทางให้เด็กได้สัมผัสเกมจริงอย่างมีกรอบ
นี่คือ “สามเหลี่ยม” ที่หลายสโมสรอยากทำ แต่ไม่ง่าย—ต้องมี ความต่อเนื่อง, ความไว้วางใจ, และเป้าหมายร่วม ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเชียงรายพิสูจน์มาแล้วกับ เอกนิษฐ์ และกำลังเริ่มบทใหม่กับ ภพธรรม
จากนาทีที่ 88 สู่เส้นทาง 10 ปีข้างหน้า—ใครๆ ก็พูดถึง “พรสวรรค์” แต่สิ่งชี้ชะตาคือ “พรแสวงที่ทำทุกวัน”
เมื่อเสียงนกหวีดจบเกมดังขึ้น สถิติถูกบันทึกเรียบร้อย—สิงห์ เชียงรายฯ 1–0 บีจี ปทุมฯ และชื่อ ภพธรรม พรคต ถูกเติมลงในทำเนียบฟุตบอลไทยอย่างภาคภูมิ แต่หลังจากนี้คือ “ชีวิตจริง” ของดาวรุ่งวัย 15 ปี 11 เดือน 16 วัน ที่ต้องเผชิญการซ้อมหนักกว่าวันก่อน, ต้องรักษาความนิ่งท่ามกลางแววตาคาดหวัง, และต้องเติบโตทั้งในฐานะนักเตะ–นักเรียน–ลูกหลานของชุมชนฟุตบอลเชียงราย
สำหรับสโมสร–โรงเรียน–และลีก ค่ำคืนนี้ย้ำชัดว่า ระบบที่ดี สร้าง “โอกาส” ให้เกิดขึ้นได้จริง ส่วน “ปลายทาง” จะไปไกลแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ วินัยและรายละเอียดเล็กๆ ที่เก็บทุกวัน
สำหรับแฟนบอล—เก็บชื่อ “เจเจ” ภพธรรม พรคต ไว้ในสมุดเช็คชื่อดาวรุ่งของคุณ เขาอาจไม่การันตีว่าเป็น “เอกนิษฐ์ 2” แต่ถ้าเดินต่อบนเส้นทางที่ใช่ เราอาจได้เห็น “ภพธรรม” ในเวอร์ชันที่ทำให้หมายเลข 37 หนักแน่นขึ้นอีกชั้น—ด้วยผลงานของเขาเอง
ไทม์ไลน์–ข้อมูลสำคัญ (สรุป)
- ชื่อ–อายุ: ภพธรรม พรคต (“เจเจ”) — 15 ปี 11 เดือน 16 วัน ตอนเดบิวต์ไทยลีก
- สโมสร: สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (หมายเลข 37)
- เกมเดบิวต์: ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2025/26 นัดที่ 5 — 21 ก.ย. 2568
- ผลการแข่งขัน: สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ชนะ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 1–0
- ทำเนียบอายุน้อยสุดไทยลีก (Top 3):
- ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา — 15 ปี 8 เดือน 22–23 วัน
- เอกนิษฐ์ ปัญญา — 15 ปี 11 เดือน 5 วัน
- ภพธรรม พรคต — 15 ปี 11 เดือน 16 วัน
- เส้นทางเยาวชน: StarPower Academy / อะคาเดมีสิงห์เชียงรายฯ / สโมสรเชียงราย ซิตี้ / โรงเรียนทวีเอสซี วิทยา
- เวทีคัดตัว–ทีมชาติ: FIFA TDS Talent ID 2025 (44 คนสุดท้าย), เก็บตัวทีมชาติไทย U17 (มิถุนายน 2568)
- รางวัลสำคัญ: MVP รายการ “รวมโชค Youth Fighter #U16”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (Singha Chiangrai United)
- ไทยลีก (Thai League Co., Ltd.)
- สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ (FA Thailand)
- FIFA – Talent Development Scheme (TDS)
- โรงเรียนทวีเอสซี วิทยา
- StarPower Academy / สโมสรเชียงราย ซิตี้
- PPTV x BDMS Presents Bundesliga Dream