Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กกต. เชียงรายเตรียมความพร้อมเลือก สว. ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด

 
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567  สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย จัดการประชุมคณะกรรมการศูนย์ประสานงานการเลือกสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเชียงรายและผู้เกี่ยวข้อง โดยมี นายชูชาติ  สุขสงวน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 3 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย เพื่อชี้แจง ทำความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติ ตามพระราชกฤษฎีกาการเลือกสมาชิกวุฒิสภา 2567 ทั้งปฏิทินการเลือก สว. กรอบระยะเวลาการดำเนินการเลือก สว. เรื่องการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด ภารกิจตามคำสั่งแต่ละคณะ การมอบหมายเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และคำสั่งการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสนับสนุนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา 2567 ในการนี้ ในที่ประชุมยังได้แนะนำความรู้เกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา กฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง โครงสร้างบุคลากรคณะกรรมการการเลือกระดับอำเภอระดับจังหวัด ผู้ช่วยเหลือและคณะกรรมการประจำสถานที่เลือก สว. รวมถึงขั้นตอนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาและการเตรียมการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด เพื่อให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภาของจังหวัดเชียงรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้กำหนดวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอขึ้นในวันที่ 9 มิถุนายน 2567 และการเลือกระดับจังหวัดขึ้นในวันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศขึ้นในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงรายได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอและระดับจังหวัด โดยได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดเชียงรายขึ้น โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นประธานกรรมการระดับจังหวัด พร้อมทั้งมอบหมายหน้าที่แก่คณะกรรมการประจำศูนย์ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ และพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ก่อนวันเลือกให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

สำหรับผู้สมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเชียงราย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย ได้รายงานจำนวนผู้สมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภาของจังหวัดเชียงราย ที่มีการรับสมัครระหว่างวันที่ 20 ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 โดยมีจำนวนผู้สมัครทั้งสิ้น 833 คน ทั้งนี้ผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอจะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และจะประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ภายในวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 โดยสามารถติดตามข้อมูลผู้สมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภาได้ที่แอพพลิเคชั่น Smart vote และในเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th สำหรับประชาชนสามารถมีส่วนร่วม โดยสามารถร่วมแจ้งเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับการเลือก สว. ได้ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งสำนักงาน กกต. ประจำจังหวัด ผู้ตรวจการเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เพิ่มทักษะด้านอาชีพนักเรียน สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว

 
เมื่อวัน 28 พ.ค. 67  ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานการประชุมติดตาม โครงการศึกษาการดำเนินงานจังหวัดนำร่องป้องกันและลดอัตราความพิการแต่กำเนิด (Birth Defects Sandbox) จังหวัดเชียงราย โดยมีนางสุภาพรรณ  หมั่นเจริญ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกรมอนามัย คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

          นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ในแต่ละปี ประเทศไทยมีเด็กพิการแต่กำเนิดสูงถึง 10,000 กว่าคน การแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องอาศัยการร่วมมือกันของหลายภาคส่วน สำหรับการขับเคลื่อนโครงการศึกษาการดำเนินงานจังหวัดนำร่องป้องกันและลดอัตราความพิการแต่กำเนิด (Birth Defects Sandbox) จังหวัดเชียงราย ถือเป็นการป้องกันก่อนการรักษา ซึ่งจะช่วยลดปัญหาทางสังคม ลดภาระงบประมาณ และช่วยให้ประชาชนชาวไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป

 

          ทั้งนี้ คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ ได้นำเสนอผลการดำเนินงานที่ผ่านมา โดย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย (สวท.เชียงราย) ได้มีการประชาสัมพันธ์การลดอัตราความพิการแต่กำเนิด ผ่านรายการวิทยุเพื่อคนพิการ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย (สปชส.เชียงราย) นำสื่อประชาสัมพันธ์การให้ความรู้เรื่องวิตามินโฟลิก มาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ social media สถานศึกษาหลายแห่งในจังหวัดเชียงราย ได้บรรจุหลักสูตรการให้ความรู้เกี่ยวกับวิตามินโฟลิก ลงไปในหลักสูตรของวิชาสุขศึกษา สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย ได้ส่งต่อสื่อประชาสัมพันธ์วิตามินโฟลิก แก่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของโรงงานต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้พนักงานทราบถึงประโยชน์วิตามิน และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับวิตามินโฟลิกแก่หญิงวัยเจริญพันธุ์ ตลอดจนขับเคลื่อนและประชาสัมพันธ์ในชุมชน ผ่านรพ.สต. ทุกพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย

 

          จากนั้นในช่วงบ่าย ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมคณะเดินทางไปประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จังหวัดเชียงราย โดยมีว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายสมชาติ สุภารี หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และนายเสริมสกุล พจนการุณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 เชียงราย ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมสรุปผลการดำเนินงาน 

 

           นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการติดตามผลการดำเนินงานโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จังหวัดเชียงราย รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการ ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งจากสถิติข้อมูลนักเรียนที่จบฝึกอบรมเมื่อปี 2566 ของกองพัฒนาศักยภาพแรงงานและผู้ประกอบกิจการ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศพบว่ามีจำนวนนักเรียนที่จบการฝึกอบรมโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพฯ กว่า 800 คน ซึ่งปัจจุบันโครงการนี้ดำเนินการต่อเนื่องมาแล้ว 4 ปี และเข้าสู่ปีที่ 5 ใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในส่วนของจังหวัดเชียงรายมีนักเรียนเข้ารับการอบรมหลักสูตรช่างซ่อมและบำรุงรักษารถจักรยานยนต์  จำนวน 20 คน โดยฝึกอบรมในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 เชียงราย ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 28 มิถุนายน 2567 และฝึกภาคปฏิบัติในสถานประกอบกิจการ ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กรกฎาคม 2567 

 

          นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพฯ เปิดรับสมัครนักเรียนจำนวน 2 ประเภท คือ เรียนจบ ม.3 ในปีการศึกษานั้น ๆ แล้วไม่ได้เรียนต่อ และผู้ที่จบ ม.3 ในปีอื่น ๆ แต่มีอายุไม่เกิน 25 ปี ก็สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งจากการติดตามผลดำเนินงานประจำปี 2567 พบว่ายังมีนักเรียนจำนวนมากที่ต้องการเข้าฝึกอบรมแต่ขาดคุณสมบัติ เช่น วุฒิการศึกษาไม่จบ ม.3 หรือจบ ม.3 ไปนานแล้วจนอายุเกิน 25 ปี รวมถึงปัญหาของหน่วยฝึกอบรมที่ยังขาดแคลนทุนในการจ้างวิทยากรนอกมาสอนหลักสูตรที่มีความทันสมัยทำให้ยังไม่สามารถเปิดหลักสูตรที่หลากหลาย จึงยังไม่ตรงกับความต้องการของผู้ที่จะอบรม  

 

ทั้งนี้คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับจังหวัดเชียงราย ได้มีการพิจารณาทบทวนคุณสมบัติทั้งอายุ และวุฒิการศึกษาเพื่อให้ผู้ด้อยโอกาสที่สนใจเข้าร่วมโครงการได้ รวมทั้งหาวิธีในการจัดหาวิทยากรมาสอนเพื่อรองรับวิทยาการที่ทันสมัย ตลอดจนประสานงานกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัด และสถานประกอบกิจการ ในเครือข่ายเพื่อรองรับเด็กที่จบการฝึกอบรมแล้วมีงานทำทันที เช่น บริษัท ทวียนต์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 เชียงราย  

 

สำหรับแนวทางการดำเนินงานต่อ ๆ ไป อาจมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมแนวทางการขับเคลื่อนบางประการ เช่น แนวทางการประชุมชี้แจงครูแนะแนวที่ต้องให้ทราบรายละเอียดอย่างทั่วถึง เพราะครูแนะแนวบางโรงเรียนอาจมีการโยกย้ายหรือไปสู่ตำปหน่งที่สูงขึ้น รวมถึงต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาการประชุมให้เป็นปัจจุบัน สิ่งที่จำเป็นต้องให้ทราบถึงสิทธิประโยชน์ของโครงการอย่างชัดเจน เช่น เรียนฟรี พักฟรี กินฟรี อบรมต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 – 6 เดือน ได้รับเงินสนับสนุนช่วยเหลือระหว่างการฝึกอบรม ประมาณ 6,000 – 8,000 บาทต่อครอบครัว จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  มีงานทำจากแรงงานไร้ฝีมือ กลายเป็น แรงงานที่มีฝีมือได้รับอัตราค่าจ้างสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำโดยทั่วไป เพราะเป็นผู้ที่มีทักษะความสามารถทางวิชาชีพ มีใบประกาศนียบัตรรับรองหลังจบการฝึกอบรมในสายอาชีพ  รวมถึงรู้ช่องทางเพื่อพัฒนาต่อยอดศักยภาพสถานะฝีมือแรงงาน 

 

ซึ่งนอกจากการสร้างความเข้าใจกับครูแนะแนวแล้ว การประชุมชี้แจงโดยตรงกับนักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อและผู้ปกครองเป็นการเฉพาะก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจส่งลูกหลานเข้ารับการอบรมต่อไป เพราะลูกหลานที่เข้าฝึกอบรมทักษะด้านอาชีพตามโครงการเมื่อจบมาแล้ว จะมีตำแหน่งงานว่างรองรับทันที ทำให้มีอาชีพ มีหน้าที่การงาน มีความมั่นคงและสามารถสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวและตนเองได้ และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาทางสังคมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ปัญหาการพนัน ฯลฯ ให้มีจำนวนลดลงได้ในระดับหนึ่ง

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สานสัมพันธ์ น้อง- พี่ สร้างโอกาส ผู้ถูกคุมประพฤติ คืนสู่สังคม

 

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567  นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “สานสัมพันธ์ น้อง- พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด  รุ่นที่ 1 ” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ อาสาสมัครคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม คณะวิทยากร และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วม ณ รังสินี รีสอร์ท ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 

 

ด้วยกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับระบบการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและให้โอกาสแก่ผู้กระทำผิดให้มีโอกาสกลับตัวเป็นคนดี และกลับมาสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคม ตามแนวคิดการเปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง จึงได้น้อมนำโครงการกำลังใจ ในพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา มาปรับประยุกต์ใช้เพื่อสร้างกำลังใจให้กับผู้ถูกคุมความประพฤติในคดียาเสพติด เป็นการให้โอกาส  และช่วยให้ผู้เข้าอบรมสามารถเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้โดยนำกรอบแนวคิดจากโครงการนำร่อง “ศูนย์การเรียนรู้ดอยฮาง” หรือ “ดอยฮาง Model” ที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับสังคม 

 

ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือการปรับทุกข์-ผูกมิตร เป็นขั้นตอนการสร้างความสัมพันธ์ในกลุ่ม เพื่อเรียนรู้ผู้อื่นและสะท้อนตัวเอง การถอดรื้อ-สร้างใหม่ เป็นขั้นตอนการสะท้อนเหตุ ที่นำไปสู่การใช้ยาเสพติดและเสริมสร้างกำลังใจสู่ชีวิตใหม่ และการดูแลต่อเนื่อง โดยภาคีเครือข่าย รวมทั้งบุคคลแวดล้อม  เพื่อให้ผู้ถูกคุมความประพฤติมีความเข้มแข็งทางใจ ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เสริมสร้างแรงจูงใจให้เลิกสารเสพติดได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้รับโอกาส  ในการกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข เป็นส่วนหนึ่งของสังคมส่วนรวม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการยอมรับจากครอบครัวและชุมชน  เป็นการป้องกันการกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก และนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง

 

 

สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย ผู้ถูกคุมความประพฤติที่ศาลมีคำสั่งให้คุมความประพฤติ ตามมาตรา 56 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และตามมาตรา 166 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด กลุ่มความเสี่ยงปานกลาง จำนวน 40 คน 

 

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ทุกคนในที่นี้ล้วนผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมาแล้ว แต่ได้รับโอกาสจากศาลให้รอการลงโทษจำคุกและให้คุมความประพฤติ ซึ่งทุกคนมีโอกาสแก้ไขปรับปรุงตัว เลิกเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การที่ได้เข้าร่วมโครงการฯ  ถือเป็นก้าวแรกในการเอาชนะใจตัวเอง ให้ก้าวผ่านปัญหายาเสพติด ขอให้ทบทวน ใช้ชีวิตอย่างมีสติ เสริมสร้างพลังและกลับไปดำเนินชีวิต โดยการลด ละ เลิก ยาเสพติดอย่างยั่งยืน เพื่อชีวิตและครอบครัวต่อไป

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย จัดกิจกรรม”ค่ายเยาวชน TO BE NUMBER ONE IDOL รุ่นที่ 8

 
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ที่ โรงแรมเชียงรายแกรนด์รูม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีปิดกิจกรรมค่ายเยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE IDOL ประจำปี 2567 โดยมีหัวหน้า สนง.เลขานุการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดเชียงราย (ศอ.ปส.จ.ชร.) คณะทำงานโครงการTO BE NUMBER ONE จังหวัดเชียงราย คณะครู คณะวิทยากร และผู้เข้ารับการฝึกอบรม เข้าร่วมพิธี

 

โครงการ TO BE NUMBER ONE จังหวัดเชียงราย โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ดำเนินการจัดกิจกรรม”ค่ายเยาวชนต้นแบบเก่งและดี TO BE NUMBER ONE IDOL (Pre – IDOL) ประจำปี 2567″ อย่างต่อเนื่องซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการมาเป็น รุ่นที่ 8 โดยกิจกรรมครั้งนี้เป็นการสร้างความเป็นผู้นำให้กับ

แกนนำเยาวชน ตลอดเป็นการยกระดับความสามารถด้านทักษะความสามารถพิเศษเช่น การร้องเพลง การเต้น การเข้าสังคม การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ การสร้างและพัฒนาศักยภาพเยาวชนให้เก่งและดี การเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชนแกนนำ สามารถเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่มีความเสี่ยงในปัจจุบัน ตามคำขวัญสโลแกนของโครงการที่ว่า “เป็นหนึ่ง โดยไม่พึ่งยาเสพติด ” 

 

สำหรับกิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันเสาร์ที่ 25 ถึง วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2567 โดยมีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 100 คน จาก 20 โรงเรียน 

 

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (TO BE NUMBER ONE) ของจังหวัดเชียงราย สามารถผลักดันเยาวชนให้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบระดับประเทศได้ถึง 2 คน เป็นการสร้างและพัฒนาศักยภาพเยาวชนผ่านรูปแบบกิจกรรม TO BE NUMBER ONE IDOL นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากเป็นการส่งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เยาวชน และเป็นรูปแบบกิจกรรมที่เยาวชนให้ความสนใจ ถือว่าเป็น “การใช้สื่อบุคคล” ในการทำหน้าที่เป็นแกนนำเยาวชนในการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด ของโรงเรียน ครอบครัว และชุมชนต่อไป

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“พิเชษฐ์” นำทีมดูศูนย์การบริหารจัดการขยะ ”ทต.แม่สาย อ.แม่สาย

 
เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00 น. นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 นำคณะศึกษาดูงาน การบริหารจัดการเศษขยะ ณ ห้องประชุม ทต.แม่สาย และลงพื้นที่ ศูนย์บริหารจัดการขยะของ ทต.แม่สาย

 

           โดยมี นายอุดม  ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ ท้องถิ่นอำเภอเชียงของ นายก ทต เวียง นายก ทต เวียงเชียงของ สมาชิกสภาเทศบาล เจ้าหน้าที่  กำนัน ผญบ. ท้องที่ตำบลเวียง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

 

           การแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่ มีความจำเป็นที่ต้องมีบ่อกำจัดขยะที่เป็นไปตามหลักวิชาการ และได้มาตรฐาน โดยศึกษารูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการเศษขยะ จาก ทต แม่สาย  

 

           โดยมี นายก ทต.แม่สาย เป็นผู้บรรยายให้ความรู้และแนวทางการดำเนินงาน จากนั้นนำคณะลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ บ่อขยะ ของทต.แม่สาย เพื่อดูกลไกการบริหารกำจัดเศษขยะที่นำมาจากต้นทาง สู่ปลายทาง จนถึงการแปรรูปเศษขยะให้กลายเป็นปุ๋ยหมัก  

 

            การศึกษาดูงานดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อนำรูปแบบของ ทต.แม่สาย มาปรับใช้ในอำเภอเชียงของ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของชุมชน สังคม สถานีรถไฟ การขยายตัวการค้าการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย พื้นที่เชียงของ ที่จะเกิดขึ้นในอนาต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงราย ขับเคลื่อนขบวนการร่วมสร้างเชียงรายนครแห่งความสุข

 

เมื่อวันอังคารที่ 28 พฤษภาคม 2567 ความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองน่าอยู่..นครแห่งความสุข…ต้องสร้างความยั่งยืนให้สอดคล้องกันทั้ง 3 มิติ มิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย แสดงปาฐกถาพิเศษ “การขับเคลื่อนขบวนการร่วมสร้างเชียงรายนครแห่งความสุข” วางหมุดหมายให้ เชียงรายเป็นนครแห่งความสุข มี นโยบายสร้างเมืองเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งความสุข เป็นการพัฒนาที่มองผ่านมิติกาลเวลา อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เราจึงต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเราอยากเห็นเชียงรายพัฒนาไปในทิศ ซึ่งการวางเป้าหมายต้องกำหนด ยุทธศาสตร์ท้องถิ่นเป็นทิศทางการพัฒนา โดยให้ตอบโจทย์กับยุทธศาสตร์ของจังหวัด และยุทธศาสตร์ของชาติไปพร้อมกันการขับเคลื่อนจึงจะประสบความสำเร็จ

 

ทั้งนี้ “โครงการจัดเวทีร่วมสร้างบ้านเมืองของเราให้เป็นนครแห่งความสุข” ร่วมกับสำนัก 3 สสส. และภาคเครือข่าย โดยคุณดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) ร่วมมือกับหุ้นส่วนการพัฒนา กล่าวว่า ถือเป็นจุดแข็งของเทศบาลนครเชียงราย และได้ประโยชน์ร่วมกันขณะที่การทำงานร่วมกับชุมชนสามารถตอบโจทย์ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจต่อชุมชนโดยแนวทางการพัฒนาที่เชื่อมไปกับการ การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนสร้างรายได้รายได้ให้กับคนในชุมชน จากบริการสาธารณะที่ดี มีระบบจัดเก็บขยะที่ดี มีแอพพลิเคชั่นที่ใช้งาน บริการสาธารณสุขที่เข้าถึงและเข้ากลุ่มทุกทุกกลุ่ม รวมทั้งอาหารปลอดภัยที่เชื่อมั่นได้ทัังผู้บริโภคและผู้จำหน่าย ซึ่งจะนำไปสู่การผลักดันในระดับในนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในเขตเมืองให้มีสุขภาพที่ดีโดยถ้วนหน้ากัน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย พบปลากระเบนแม่น้ำโขงหนัก 1.2 กิโล ริมฝั่งแม่น้ำโขง เชียงของ

 

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต (LRA) ได้รับแจ้งจากเครือข่ายชาวประมงแม่น้ำโขง จากบ้านดอนที่ หมู่ที่ 3 บ้านดอนที่ ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ว่าได้จับปลากระเบนแม่น้ำโขงหรือกระเบนลาว ขนาด 1.2 กิโลกรัม จากการไหลมองหหรือไหลตาข่ายดักปลาในแม่น้ำโขง

 

นายสมศักดิ์ นันทรักษ์ นักวิจัยชาวบ้าน บ้านดอนที่ ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้เล่าถึงปลากระเบนที่จับได้ว่า“ปลาฝาไมตัวนี้จับได้ที่ลั้งหาปลาบ้านดอนที่ เช้านี้ ตัวประมาณ 1.2 กิโลกรัม โดยการไหลมองหรือตาข่ายที่ไหลดักปลา เป็นปลาตัวเมีย มีเงี่ยงหนึ่งอัน ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะจับได้จากการไหลมอง ส่วนเบ็ดระแวงไม่ค่อยได้ใส่เนื่องจากไกกำลังหลุด มันชอบไปหวันสายเบ็ด”ปลากระเบนลาว หรือ ปลากระเบนแม่น้ำโขง ชาวบ้านเรียกว่าปลาฝาไม มีชื่ออังกฤษเรียกว่า Mekong stingray, Mekongและ freshwater stingray เป็นปลากระเบนน้ำจืดชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ปลากระเบนธง ปลาฝาไมที่ชาวบ้านจับได้มีรูปร่างส่วนหัวออกเป็นรูปทรงห้าเหลี่ยม ตาโต หางมีริ้วหนังบาง ๆ โคนหางมีเงี่ยงแหลมมีพิษ 2 ชิ้น ลำตัวด้านบนสีน้ำตาลนวล กลางหลังมีเกล็ดเป็นตุ่มหยาบ ๆ ลำตัวด้านล่างสีขาว และมีปื้นสีเหลืองอ่อนหรือส้มปน น้ำหนักมากที่สุดชาวบ้านดอนที่เคยจับได้ประมาณเกือบ 30 กิโลกรัม
 
 
ปัจจุบันปลากระเบนเป็นปลาหายาก ที่ยังมีการจับได้เฉพาะพื้นที่ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ส่วนพื้นที่อื่นๆมีการจับนานๆ ได้ที การลดลงของปลากระเบน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในแม่น้ำโขงทั้งจากการสร้างเขื่อน การระเบิดเกาะแก่ง การเดินเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้ส่งผลให้ระดับน้ำขึ้นลงผิดปกติ ระบบนิเวศน์น้ำโขงเปลี่ยนรูป ส่งผลทำให้ปลาหลายชนิดลดจำนวนลงทั้งชนิดพันธุ์และปริมาณ จากการจับได้ของชาวประมง ปลาลดลงส่งผลโดยตรงต่อวิถีชีวิตชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขง
 
 
ชาวประมงบ้านดอนที่ ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกับทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ร่วมกันศึกษาองค์ความรู้ท้องถิ่นเกี่ยวกับปลากระเบน และเก็บตัวอย่างน้ำ เมือกปลา เพื่อเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมจากน้ำ (EDNA) ไว้เป็นต้นแบบสำหรับการศึกษาสำรวจแหล่งที่อยู่อาศัยของปลากระเบนในระบบนิเวศน์แม่น้ำโขง และทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตได้ดำเนินโครงการเสริมศักยภาพชุมด้วยองค์ความรู้ท้องถิ่นและวิทยาศาสตร์ในการคุ้มครองถิ่นที่อยู่ปลากระเบนน้ำโขง พื้นที่คอนผีหลงและแม่น้ำโขงจังหวัดเชียงราย 
 
 
เพื่อ ศึกษาองค์ความรู้ปลากระเบน เสริมศักยภาพการตั้งรับปรับตัวของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขง โดยการสร้างมูลค่าจากปลาในแม่น้ำโขง เพื่อเพาะขยายพันธุ์เพื่อสร้างรายได้ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกกับทางผู้เชี่ยวชาญด้านประมงในจังหวัดเชียงรายต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

หวั่นลำไยภาคเหนือราคาตกหลังปีนี้ผลผลิตรวมกว่า 9.7 แสนตัน

 

เมื่อวันจันทร์ ที่  27 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 นายธวัชชัย เดชาเชษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่1เชียงใหม่ (สศท.1) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์ผลิตลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ และน่าน) โดย สศก. ร่วมกับคณะทำงานย่อยเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลและโลจิสติกภาคเหนือ จัดทำข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคเหนือ ครั้งที่ 2/2567 (ข้อมูล ณ 14 พฤษภาคม 2567) พบว่าปี 2567 ลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือมีเนื้อที่ยืนต้น จำนวน 1,254,937 ไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว ที่มีจำนวน 1,269,344 ไร่ (ลดลง14,407 ไร่ หรือร้อยละ 1.13เนื่องจากเกษตรกรโค่นต้นลำไยที่มีอายุมากและให้ผลผลิตน้อย โดยปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น ยางพารา ทุเรียน มะม่วง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

 

 ด้านผลผลิตรวม มีจำนวน 978,974 ตันเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 949,473 ตัน (เพิ่มขึ้น 29,501 ตัน หรือร้อยละ 3) ทั้งนี้ผลผลิตลำไยในฤดู จะออกสู่ตลาดช่วงปลายเดือนมิถุนายน และจะออกต่อเนื่องถึงเดือนกันยายน 2567โดยผลผลิตจะออกมากที่สุดในเดือนสิงหาคม 2567 ประมาณ 366,273 ตัน หรือ ร้อยละ 37 ของผลผลิตทั้งหมด

 

   สถานการณ์การผลิตลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ ปี 2567 พบว่าลำไยในฤดู มีจำนวน637,501 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีจำนวน 606,900 ตัน (เพิ่มขึ้น 30,601 ตัน หรือ ร้อยละ 5)เนื่องจากราคาลำไยในปีที่แล้วอยู่ในเกณฑ์ดี จูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาต้นลำไยและราดสารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อชักนำการออกดอก แม้ว่าในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน2567สภาพอากาศจะร้อนจัด ส่งผลให้บางพื้นที่ต้นลำไยขาดน้ำและสลัดลูกทิ้งบางส่วน

 

แต่เนื่องจากการออกดอกและติดผลมีมากกว่าปีที่แล้วทำให้ภาพรวมผลผลิตยังคงเพิ่มขึ้นและลำไยนอกฤดู มีจำนวน 341,473 ตัน ลดลงจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 342,573 ตัน (ลดลง 1,100 ตัน หรือร้อยละ 0.32) ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งและร้อนจัดทำให้ต้นลำไยในบางพื้นที่ไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถราดสารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อชักนำการออกดอกได้

 

ด้านสถานการณ์ราคาลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ ณ เดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่ลำไยนอกฤดู ออกสู่ตลาด (ลำไยนอกฤดูออกตลาด ม.ค. – พ.ค. และ ต.ค. – ธ.ค.)แบ่งตามเกรด ได้แก่ลำไยสดช่อ เกรดAAกิโลกรัมละ 25 บาทส่วนลำไยรูดร่วง เกรดAAกิโลกรัมละ 22 บาท,เกรดAกิโลกรัมละ 15 บาท,เกรดBกิโลกรัมละ 10 บาท และเกรดCกิโลกรัมละ 3 บาทด้านลำไยในฤดู เกษตรกรเริ่มเกี่ยวเก็บตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 คาดว่าราคาที่เกษตรกรขายได้จะอยู่ ในเกณฑ์ดี จากการที่เกษตรกรเอาใจใส่ดูแลทำให้ลำไยมีคุณภาพดียิ่งขึ้นสำหรับสถานการณ์ตลาดลำไยภาคเหนือ ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ จีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าตลาดจีนจะเปิดการซื้อขายแล้วแต่ยังมีมาตรการตรวจคัดกรองที่เข้มงวด ทั้งการตรวจโรคแมลงศัตรูพืช ณ ด่านนำเข้าเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว

 

สำหรับแนวทางการบริหารจัดการลำไยในฤดูของภาคเหนือ ซึ่งคณะทำงานได้ร่วมกันวางแนวทางการบริหารสมดุลDemand-Supplyโดยมีการรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการ สำหรับความต้องการผลผลิตส่วนใหญ่จะเน้นการแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งทั้งเปลือก อบแห้งเนื้อสีทอง น้ำลำไยสกัดเข้มข้น และลำไยกระป๋อง จำนวน 480,725 ตัน บริโภคสดในประเทศจำนวน 60,724 ตัน และส่งออกลำไยสด จำนวน 96,053 ตัน

 

 อย่างไรก็ตาม เดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่ผลผลิตออกกระจุกตัวอาจส่งผลกระทบต่อราคาลำไย ซึ่งหน่วยงานภาครัฐทั้งที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การตลาด ได้เตรียมแผนบริหารจัดการสินค้าและเชื่อมโยงกับตลาดภายนอกจังหวัด เพื่อบริหารจัดการในช่วงที่ผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วงเดือนสิงหาคมนี้เรียบร้อยแล้ว อาทิ การจำหน่ายลำไยเพื่อบริโภคสดในประเทศ โดยมุ่งเน้นกระจายออกนอกแหล่งผลิตผ่านModern Tradeเครือข่ายสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ธ.ก.ส. ไปรษณีย์ และตลาดออนไลน์

 

 “การผลิตลำไยในปีนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากระยะต่อจากนี้เป็นช่วงที่ลำไยเริ่มมีการพัฒนาช่อผล ซึ่งถ้าเกิดภัยแล้งขึ้นช่อผลที่กำลังพัฒนามีการหยุดชะงัก ผลเล็กไม่เจริญเติบโต หรือผลที่เติบโตเต็มที่แล้วจะมีอาการผลแตกในช่อผลได้ เกษตรกรชาวสวนลำไยควรหมั่นสำรวจสวนอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลผลิตให้มีคุณภาพ และให้เฝ้าระวังเพลี้ยแป้ง ซึ่งเป็นศัตรูพืชสำคัญในลำไยเพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด

 

โอกาสนี้ ขอเชิญชวนผู้บริโภคทุกท่านร่วมสนับสนุนผลผลิตลำไยของเกษตรกร ซึ่งพร้อมออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และเป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรในการผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพต่อไป”

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่1เชียงใหม่ (สศท.1) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย พบปะประชุมผู้ปกครอง โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2567 เวลา 08.30 น. และ เวลา 13.00 น. ณ อาคารคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานประชุม ผู้ปกครอง ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 (ช่วงเช้า) ระดับชั้น ม.2 และ ม.5 (ช่วงบ่าย) ระดับชั้น ม.3 และ ม.6 พร้อมด้วย ดร. ศราวุธ สุตะวงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย คณะผู้บริหาร คณะครู และผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายโดยการประชุมผู้ปกครองฯ มีการแสดงความสามารถของนักเรียนในแต่ละโปรแกรมวิชา ที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ให้แก่ผู้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้อีกด้วย

 

พร้อมกันนี้ นายก อบจ.เชียงราย ได้กล่าวพบปะผู้ปกครองและนักเรียน และกล่าวขอบคุณผู้ปกครองที่ได้มอบความไว้วางใจให้กับโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยการส่งบุตรหลานมารับการศึกษาอบรมที่โรงเรียนแห่งนี้ และได้เสียสละเวลาอันมีค่ามาร่วมการประชุมในวันนี้ อีกทั้งประชาสัมพันธ์โครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ สำหรับนักศึกษา นักเรียน ที่ยากจนหรือด้อยโอกาส โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้จัดทุนการศึกษา ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยตั้งงบประมาณตามโครงการไว้ จำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน)
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

โครงการพลังบวรในมิติศาสนา บ่มเพาะความรู้ การฝึกปฏิบัติ

 
เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00 -17.30 น.ณ ห้องประชุมวิทยาลัยสงฆ์เชียงราย ดอยจำปี อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ข้าราชการ ประกอบด้วย นางสาวณพิชญา นันตาดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นางสุพรรณี เตชะตน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ ร่วมประชุมคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย สมัยสามัญ ครั้งที่ 3/2567 

 

โดยได้ชี้แจงสร้างการรับรู้การดำเนินโครงการพลังบวรในมิติศาสนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ดังนี้

  1. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จังหวัดเชียงรายมีวัดและศาสนสถานเข้าร่วมโครงการ จำนวน 54 แห่ง
  2. กรมการศาสนาได้กำหนดให้สำนักงานวัฒนธรรม ร่วมกับชุมชนคุณธรรมฯ ดำเนินการ

ส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม นวัตกรรมทางภูมิปัญญา เพื่อเสริมสร้างอาชีพ รายได้ให้แก่คนในชุมชน One Family One Soft Power (OFOS) ประกอบด้วยกิจกรรม การบ่มเพาะความรู้ การฝึกปฏิบัติ การยกระดับสินค้าและผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์/ตราสัญลักษณ์สินค้า การจำหน่าย ตามนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ทางสำนักงานวัฒนธรรมได้ดำเนินการสำรวจการส่งเสริมอาชีพในชุมชนทั้ง 54 แห่ง มีชุมชนที่ส่งเสริมอาชีพโดดเด่น จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย

  • ชุมชนคุณธรรมวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย ผลิตภัณฑ์แกะสลักหินหยก
  • ชุมชนคุณธรรมวัดดงชัย ต.ทุ่งก่อ อ.เวียงเชียงรุ้ง ผลิตภัณฑ์งานศิลปะแผ่นทองและการแกะสลักกระจก
  • ชุมชนคุณธรรมวัดปางไตรแก้ว ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม

ทั้งนี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้พิจารณาคัดเลือกผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่ซ้ำกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยได้คัดเลือกชุมชนคุณธรรมวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย ซึ่งกำหนดพัฒนาผลิตภัณฑ์หินหยกแกะสลัก ภายในเดือนมิถุนายน 2567

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News