ขัวศิลปะจัด “นิทรรศการประจำปี ครั้งที่ 14” ที่ CCAM ตอกย้ำเชียงรายในฐานะเมืองศิลปะ และเวทีหลักของศิลปินไทยร่วมสมัย
เชียงราย, 7 ธันวาคม 2568 – ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (Chiang Rai Contemporary Art Museum – CCAM) สมาคมขัวศิลปะจัดพิธีเปิด “นิทรรศการประจำปีขัวศิลปะ ครั้งที่ 14” อย่างเป็นทางการ บรรยากาศภายในงานคึกคักด้วยขบวนศิลปิน สถาปนิก นักออกแบบ ภาคีเครือข่ายด้านวัฒนธรรม ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง สะท้อนให้เห็นว่า “ศิลปะ” ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวของสังคมเชียงรายอีกต่อไป
พิธีเปิด 6 ธันวาคม 2568 ได้รับเกียรติจาก นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วยศิลปินแห่งชาติ อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ และคณะศิลปินเชียงรายร่วมเป็นสักขีพยาน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า
“เชียงรายเป็นเมืองที่มีศิลปินพำนักอยู่มากที่สุดในประเทศไทย เป็นหลักฐานชัดเจนว่าเชียงรายคือเมืองแห่งศิลปะ และเมืองแห่งศิลปินอย่างแท้จริง”
คำกล่าวนี้ไม่เพียงเป็นถ้อยแถลงเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังสะท้อนทิศทางนโยบายจังหวัดที่เลือก “ศิลปะและวัฒนธรรม” เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
14 ปีของเจตนารมณ์ “เชื่อมคน เชื่อมศิลปะ เชื่อมวัฒนธรรม”
นายนิพนธ์ ใจนนท์ถี นายกสมาคมขัวศิลปะ ระบุว่า การจัดนิทรรศการประจำปีครั้งนี้ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 14 แล้ว สะท้อนความมั่นคงของสมาคมในฐานะองค์กรศิลปะที่เติบโตจากภาคประชาชนและศิลปินเอง ไม่ใช่โครงการระยะสั้นที่เกิดขึ้นแล้วจบไป
ภายใต้เจตนารมณ์ “เชื่อมคน เชื่อมศิลปะ เชื่อมวัฒนธรรม” สมาคมขัวศิลปะทำหน้าที่เสมือน “ขัว” หรือ “สะพาน” ตามคำในภาษาเหนือ ที่เชื่อมต่อสามมิติสำคัญเข้าด้วยกันคือ
- เชื่อมศิลปินกับสังคม – ทำให้ผลงานและตัวตนของศิลปินเข้าถึงผู้ชมทั่วไป ไม่จำกัดอยู่ในวงแคบของนักสะสม
- เชื่อมวัฒนธรรมดั้งเดิมกับศิลปะร่วมสมัย – เปิดพื้นที่ให้ศิลปินตีความเมืองเชียงรายด้วยภาษาศิลปะสมัยใหม่ แต่อิงรากทางวัฒนธรรมเดิม
- เชื่อมท้องถิ่นกับเวทีประเทศและนานาชาติ – ผ่านการเชิญศิลปินรับเชิญจากหลายภูมิภาค และการใช้พื้นที่อย่าง CCAM เป็นเวทีมาตรฐานระดับประเทศ
การที่สมาคมสามารถยืนหยัดมาถึงปีที่ 14 ได้ แสดงให้เห็นว่า โมเดลองค์กรศิลปะที่นำโดยศิลปิน (Artist-led Organization) สามารถบริหารจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน หากมีวิสัยทัศน์ชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่นจากภาคส่วนอื่นได้อย่างต่อเนื่อง
โครงสร้างนิทรรศการ มากกว่า 150 ผลงาน และเทศกาลศิลปะตลอด 3 เดือน
นิทรรศการประจำปีครั้งนี้จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยกว่า 150 ชิ้น ครอบคลุมสื่อหลากหลายประเภท ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม สื่อผสม ภาพถ่าย และศิลปะแบบสื่อใหม่ จากศิลปินเชียงราย ศิลปินรุ่นใหม่ และศิลปินรับเชิญจากทั่วประเทศ
ตลอดระยะเวลา 3 เดือน การจัดงานไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการ “เดินชมภาพ” ภายในห้องจัดแสดง แต่ถูกออกแบบให้เป็นลักษณะ เทศกาลศิลปะต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมคู่ขนาน เช่น
- Artist Talk ให้ศิลปินเล่าที่มาของผลงานด้วยตนเอง
- เวิร์กช็อปศิลปะ สำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไป
- กิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัว เพื่อปลูกฝังการมองศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
- การแสดงดนตรีและศิลปะการแสดง เพิ่มมิติทางประสบการณ์ให้ผู้เข้าชม
- ตลาดศิลปะและโซนอาหารพื้นเมือง เชื่อมศิลปะกับเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน
สมาคมขัวศิลปะตั้งเป้าผู้เข้าชมไว้ไม่ต่ำกว่า 15,000 คน ตลอด 3 เดือนของการจัดแสดง ซึ่งหากบรรลุเป้าหมาย ตัวเลขดังกล่าวจะไม่ใช่เพียง “จำนวนคนเดินชมงาน” แต่หมายถึงเม็ดเงินที่ไหลเวียนสู่ร้านอาหาร ที่พัก ร้านกาแฟ แท็กซี่ท้องถิ่น และผู้ค้าชุมชนรอบพื้นที่ CCAM ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างชัดเจน
จากที่ดิน 5 ไร่ สู่พิพิธภัณฑ์ร่วมสมัย พลังการลงทุนของศิลปิน
หนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้เชียงรายโดดเด่นเหนือเมืองอื่น คือการมี “ศิลปินชั้นนำระดับชาติ” ลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางศิลปะด้วยตนเอง
- อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง ได้มอบที่ดินจำนวน 5 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) และเคยเป็นผู้มอบทุนตั้งต้นในการจัดตั้งกองทุนศิลปินเชียงราย
- อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินแห่งชาติ เจ้าของ “ดอยดินแดง” และนายกสมาคมขัวศิลปะคนแรก ทำหน้าที่วางรากฐานการรวมตัวของศิลปินเชียงรายและสร้างมาตรฐานงานสร้างสรรค์ที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ
บทบาทของศิลปินทั้งสองท่าน ทำให้ขัวศิลปะไม่ได้เป็นเพียงหอศิลป์ขนาดกลางในจังหวัด แต่กลายเป็น “โครงสร้าง/ระบบ” ที่มีทั้งหอศิลป์ดั้งเดิม ร้านอาหาร (เช่น ครัวศิลปิน) พื้นที่เวิร์กช็อป และ CCAM เป็นปลายทางของงานระดับชาติ–นานาชาติ
ด้วยเหตุนี้ นิทรรศการประจำปีครั้งที่ 14 ที่ย้ายไปจัดที่ CCAM จึงสะท้อน “การยกระดับสถานะ” ของงานจากกิจกรรมของสมาคม ไปสู่การเป็น “กิจกรรมหลักของเมือง” อย่างชัดเจน
CCAM พื้นที่ศิลปะของเมือง และจังหวะเวลาที่สอดรับฤดูท่องเที่ยว
CCAM เปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์ ทำหน้าที่เสมือน “ประตูเมืองทางวัฒนธรรม” ของเชียงราย ที่นักท่องเที่ยวสามารถบรรจุไว้ในโปรแกรมการเดินทางควบคู่ไปกับจุดหมายสำคัญอื่น ๆ เช่น วัดร่องขุน ดอยตุง หรือถนนคนเดินในตัวเมือง
การกำหนดช่วงเวลาจัดนิทรรศการระหว่าง พฤศจิกายน 2568 – กุมภาพันธ์ 2569 ถือเป็นการวางจังหวะเชิงกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับฤดูกาลท่องเที่ยวหลักของจังหวัด ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นและมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่จำนวนมาก การจัดงานศิลปะขนาดใหญ่ในช่วงนี้ จึงช่วยเพิ่ม “เหตุผลใหม่” ให้ผู้คนมาใช้เวลานานขึ้นในเมืองเชียงราย ไม่เพียงเพื่อชมธรรมชาติ แต่เพื่อสัมผัสประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมที่ลึกขึ้น
ผสานพลังนิทรรศการระดับชาติ สร้าง “ความหนาแน่นทางศิลปะ” ให้เชียงราย
หนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจในช่วงปลายปี 2568 คือ การจัดนิทรรศการสำคัญของประเทศให้ “ซ้อนทับ” อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับงานประจำปีขัวศิลปะ ณ พื้นที่ CCAM เช่น นิทรรศการ “I AM FINE สัญจร ครั้งที่ 2” ที่รวบรวมผลงานและเรื่องเล่าชีวิตของศิลปินแถวหน้าของไทยหลายคน
การจัดนิทรรศการระดับชาติและกิจกรรมประจำปีของสมาคมในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้เชียงรายมี “ความหนาแน่นของเหตุการณ์ทางศิลปะ” สูงเป็นพิเศษในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดทั้งนักสะสม ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ สื่อมวลชน และนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เดินทางขึ้นเหนือในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินและการประชาสัมพันธ์ไปพร้อมกัน
เปลี่ยนผู้ชมให้เป็น “ผู้ร่วมสร้างประสบการณ์ศิลปะ”
ต่างจากภาพจำของ “หอศิลป์เงียบ ๆ” นิทรรศการครั้งนี้ถูกออกแบบให้ผู้เข้าชมมีบทบาทมากกว่าผู้สังเกตการณ์ ผ่านกิจกรรมเชิงโต้ตอบ (Interactive) หลายรูปแบบ เช่น
- เวิร์กช็อปสำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อให้การเรียนรู้ศิลปะเกิดขึ้นผ่านการลงมือทำ
- เวทีสนทนาศิลปะ (Artist Talk) ที่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับศิลปินโดยตรง
- การใช้พื้นที่นอกห้องจัดแสดงเป็นลานกิจกรรม เปิดเพลง ขับกล่อมด้วยดนตรี และการแสดงในบรรยากาศสบาย ๆ ยามเย็น
แนวทางนี้ทำให้ “ศิลปะร่วมสมัย” ซึ่งมักถูกมองว่ายากและเข้าถึงลำบาก กลายเป็นประสบการณ์ที่จับต้องได้ เข้าใจได้ และสนุกกับได้ในทุกวัย เป็นการยกระดับ “สายตาศิลปะ” (Art Literacy) ของชุมชนอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต่อเนื่องและเป็นระบบ
Artbridge Young Artist และศิลปะเพื่อสังคม เมื่องานศิลป์เดินออกจากผนังห้องจัดแสดง
อีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนิทรรศการ คือโครงการสำหรับศิลปินรุ่นใหม่อย่าง Artbridge Young Artist ที่เน้นให้ศิลปินไม่เพียงสร้างผลงานเพื่อจัดแสดง แต่ยังต้องออกแบบโครงการที่ใช้ศิลปะเข้าไป “เปลี่ยนพื้นที่จริง” และตอบโจทย์สังคมร่วมสมัย
ตัวอย่างกิจกรรมเช่น การออกแบบทางม้าลายร่วมกับโรงเรียนและชุมชน เพื่อนำลายเส้นจากจินตนาการของเด็ก ๆ ไปใช้จริงในพื้นที่ตลาดและเขตชุมชน โครงการลักษณะนี้ชี้ให้เห็นว่า สำหรับขัวศิลปะแล้ว ศิลปะไม่ใช่เพียงภาพแขวนผนัง แต่เป็นเครื่องมือในการทำให้เมืองน่าอยู่ ปลอดภัย และมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด
บทบาทดังกล่าวช่วยขยายภาพของขัวศิลปะจาก “ผู้จัดนิทรรศการ” ไปสู่การเป็น “ผู้พัฒนาพื้นที่ด้วยศิลปะ” ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาเมืองเชิงสร้างสรรค์ (Creative City) ในระดับสากล
Art Market และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เมื่อการดูงานศิลป์เชื่อมต่อกับรายได้ของชุมชน
ภายในนิทรรศการมีการจัด “ตลาดศิลปะ” ควบคู่กับโซนจำหน่ายอาหารและของที่ระลึกท้องถิ่น เป้าหมายไม่ใช่เพียงให้ศิลปินมีพื้นที่วางขายงานของตนเอง แต่เป็นการทดลองโมเดล “ตลาดศิลปะที่เข้าถึงได้” เพื่อพิสูจน์ว่า งานศิลปะสามารถเป็นสินค้าที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ไม่จำกัดแค่กลุ่มนักสะสมรายใหญ่
เมื่อเชื่อมต่อกับเป้าหมายผู้เข้าชม 15,000 คนตลอดระยะเวลา 3 เดือน นิทรรศการประจำปีขัวศิลปะจึงกลายเป็น “จุดยุทธศาสตร์” สำคัญของเศรษฐกิจสร้างสรรค์เชียงราย ที่เชื่อมสามเส้นเลือดคือ ศิลปิน–ผู้ประกอบการท้องถิ่น–นักท่องเที่ยว ให้ไหลเวียนถึงกันอย่างเป็นรูปธรรม
โมเดล Public–Private–Artist Partnership รัฐ–เอกชน–ศิลปิน ร่วมกันขับเคลื่อนเมืองศิลปะ
จากโครงสร้างการดำเนินงาน สามารถมองเห็นได้ชัดว่า นิทรรศการประจำปีครั้งที่ 14 ยืนอยู่บนโมเดลความร่วมมือแบบ Public–Private–Artist Partnership (PPAP) ได้แก่
- ภาครัฐ (Public) – ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานด้านวัฒนธรรมร่วมให้การรับรอง สนับสนุน และบรรจุงานไว้ในปฏิทินกิจกรรมสำคัญของจังหวัด
- ภาคเอกชน (Private) – ผู้ประกอบการท้องถิ่น ผู้สนับสนุนต่าง ๆ และเครือข่ายธุรกิจที่เข้ามาร่วมสนับสนุนด้านงบประมาณและการประชาสัมพันธ์
- ภาคศิลปิน (Artist) – สมาคมขัวศิลปะ ศิลปินเชียงราย ศิลปินรับเชิญ และศิลปินรุ่นใหม่ ที่เป็นผู้ลงมือสร้างสรรค์ผลงานและกิจกรรมเชิงเนื้อหา
โมเดลนี้ทำให้ขัวศิลปะไม่ต้องพึ่งพิงงบประมาณรัฐเพียงด้านเดียว ในขณะเดียวกัน ภาครัฐก็สามารถใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือสื่อสารภาพลักษณ์จังหวัดและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Creative City ได้อย่างมีน้ำหนักและความน่าเชื่อถือ เพราะตั้งอยู่บนฐานชุมชนจริง ไม่ได้เกิดจากโครงการชั่วคราวที่ “สร้างเสร็จแล้วเงียบหาย”
รักษามาตรฐานและความต่อเนื่องในวันที่เชียงรายถูกจับตามองมากขึ้น
เมื่อเชียงรายถูกยกให้เป็น “เมืองแห่งศิลปะและเมืองแห่งศิลปิน” ความคาดหวังจากทั้งสังคมในประเทศและต่างประเทศก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย ความท้าทายสำคัญที่ตามมาคือ
- การรักษาคุณภาพและมาตรฐานของผลงาน – เมื่อจำนวนกิจกรรมและศิลปินเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องมีกลไกคัดสรรและดูแลคุณภาพอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้ “ปริมาณ” กลบ “คุณภาพ”
- การบริหารจัดการเชิงวิชาชีพ – การเติบโตของ CCAM และสมาคมขัวศิลปะต้องมาพร้อมการเสริมทักษะด้านบริหารหอศิลป์ การเงิน การสื่อสาร และการตลาด เพื่อรองรับงานระดับนานาชาติในอนาคต
- การยึดโยงกับชุมชนฐานราก – ยิ่งงานเติบโตมากเท่าใด ยิ่งต้องระวังไม่ให้ศิลปะถูกจำกัดอยู่ในวงการเฉพาะกลุ่ม เป้าหมายเรื่อง “เชื่อมคน เชื่อมศิลปะ เชื่อมวัฒนธรรม” จึงต้องถูกย้ำอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการที่ลงไปทำงานกับโรงเรียน ชุมชน และกลุ่มเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม
“เชียงรายเมืองศิลปะ” จากคำขวัญสู่ข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้
นิทรรศการประจำปีขัวศิลปะ ครั้งที่ 14 ที่จัดขึ้น ณ CCAM ในปี 2568 ไม่ได้เป็นเพียงหมุดหมายในปฏิทินกิจกรรมศิลปะของจังหวัด หากแต่เป็น “หลักฐานเชิงประจักษ์” ว่าเชียงรายกำลังพัฒนาไปสู่การเป็นเมืองศิลปะระดับสากลด้วยกระบวนการที่มีระบบ มีฐานชุมชน และมีการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง
ผลงานกว่า 150 ชิ้น กิจกรรมต่อเนื่อง 3 เดือน เป้าหมายผู้เข้าชม 15,000 คน บทบาทของศิลปินแห่งชาติ การลงทุนที่ดินและทุนตั้งต้นของศิลปินชั้นนำ การสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัด และโครงการพัฒนาศิลปินรุ่นใหม่ ล้วนผสานกันเป็น “โครงสร้าง” ที่ทำให้คำว่า “เชียงรายเมืองศิลปะ” ไม่ใช่เพียงคำขวัญสวยหรู แต่เป็นข้อเท็จจริงที่มองเห็นได้ ลงแตะพื้นที่เมือง และสัมผัสได้ในชีวิตคนเชียงรายอย่างเป็นรูปธรรม
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
- สมาคมขัวศิลปะ (Art Bridge Chiang Rai)
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (Chiang Rai Contemporary Art Museum – CCAM)













































