Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล. นำบุญถวายผ้าพระกฐิน สืบสานประเพณี

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นำชุมชนร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน สืบสานประเพณีอันดีงาม

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 บรรยากาศแห่งความศรัทธาและความสามัคคีเปี่ยมล้น ณ วัดเชตวัน (วัดพระนอน) อำเภอเมืองเชียงราย เมื่อมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2567 โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นประธานในพิธี และนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน

สืบทอดประเพณีอันดีงาม

พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ ถือเป็นประเพณีอันดีงามที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสนับสนุนพระพุทธศาสนา และส่งเสริมให้บุคลากร นักศึกษา และชุมชนได้ร่วมกันทำบุญกุศล นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

พระราชทานผ้าพระกฐินจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า

ผ้าพระกฐินที่นำมาถวายในครั้งนี้ เป็นพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพุทธศาสนิกชนชาวไทย และเป็นเกียรติอย่างสูงแก่ชาวจังหวัดเชียงราย

ยอดเงินบริจาคสูงเกินเป้าหมาย

จากการร่วมแรงร่วมใจของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คณะศรัทธาวัดเชตวัน และพุทธศาสนิกชน ทำให้ยอดเงินบริจาคในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้สูงถึง 1,515,824.29 บาท ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยแบ่งเป็นเงินบริจาคจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จำนวน 753,240.29 บาท และจากคณะศรัทธาวัดเชตวัน และพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา จำนวน 762,584 บาท

ความสำคัญของการทำบุญ

การทำบุญถวายผ้าพระกฐิน เป็นการสร้างกุศลแก่ตนเองและครอบครัว นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนพระภิกษุสามเณรในการปฏิบัติธรรม และช่วยให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสืบไป

เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมพิธี

นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง และขอชื่นชมมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงที่ได้จัดกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมเช่นนี้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า การจัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการพัฒนาคน พัฒนาสังคม และพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้บุคลากร นักศึกษา และชุมชน ได้ตระหนักถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนา และร่วมกันทำบุญกุศล

บทส่งท้าย

พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ไม่เพียงแต่เป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของชุมชน และความตั้งใจในการทำความดีของทุกคน ซึ่งจะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญ และความสงบสุขแก่ทุกหมู่เหล่า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

‘ตุ๊กตาหมีเกย’ วาดหวัง ฟื้นฟู ชูใจ เจียงฮายบ้านเฮา โดย อ.สืบสกุล

 

อาจารย์สืบสกุล กิจนุกร จากสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติเชียงราย ได้ริเริ่มโครงการ “หมีเกย วาดหวัง” เพื่อฟื้นฟูจิตใจของผู้ประสบภัยหลังเกิดมหาอุทกภัยในตัวเมืองเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2567 โดยโครงการนี้เริ่มต้นจากการเก็บตุ๊กตาหมีตัวแรกที่ถูกทิ้งไว้ริมขอบกำแพง จากนั้นขยายเป็นการรวบรวมตุ๊กตาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมดกว่า 200 ตัวเพื่อนำมาทำความสะอาดและหาวิธีส่งคืนเจ้าของเดิม

 “ผมตระหนักดีว่าจะมีหนทางใดที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจผู้สูญเสียให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง”
 จากหมีเกยสู่การสร้างความหวัง

ผลงานที่อาจารย์ได้ริเริ่มเป็นท่านแรกนี้ ทางโครงการ “วาดหวัง” จะขอนำไปเสนอในงาน UCCN (UNESCO Creative Cities Network) ที่จัดขึ้น ณ เมืองอาซาฮิกาวะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 21-25 ตุลาคม 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงถึงการฟื้นฟูจิตใจและการสร้างความหวังให้กับเด็กๆ และครอบครัวในเชียงรายที่สูญเสียข้าวของสำคัญหลังน้ำท่วม

“ผมจะเล่าผ่านเรื่องราวของตุ๊กตาหมีเกย วาดหวัง ฟื้นฟู ชูใจ เจียงฮาย บ้านเฮา”

อาจารย์สืบสกุลเล่าว่า ตุ๊กตาหลายตัวที่เก็บได้มักอยู่ในสภาพเปื้อนโคลน บางตัวเปรอะเปื้อนจนแทบจำไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ตุ๊กตาได้รับการทำความสะอาดและจัดแสดง ผู้คนที่พบเห็นกลับมีความยินดีและซาบซึ้งกับสิ่งเล็กๆ ที่ถูกสร้างขึ้นจากสิ่งของที่เคยสูญเสีย

พลังของชุมชนและการมีส่วนร่วม
 

นอกจากการเก็บและทำความสะอาดตุ๊กตา โครงการยังมีการเชิญชวนแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาและนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครกว่า 600 คน ช่วยกันล้างบ้านและฟื้นฟูชุมชนในพื้นที่ประสบภัยทั่วเชียงราย รวมถึงช่วยกันจัดเก็บขยะน้ำท่วมกว่า 50,000 ตัน เพื่อให้บ้านและชุมชนกลับมามีสภาพพร้อมใช้งานอีกครั้ง

โครงการนี้ไม่ได้เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการคืนสภาพบ้านเรือน แต่ยังเน้นการฟื้นฟูจิตใจและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่

 ตุ๊กตากลับบ้านและการประมูลเพื่อฟื้นฟูชุมชน
 

โครงการได้กำหนดจัดแสดงตุ๊กตาที่เก็บมาได้ทั้งหมดในงาน “จดหมายเหตุฉบับประชาชน มหาอุทกภัยเชียงราย 2567” ที่ขัวศิลปะ จ.เชียงราย ในวันที่ 19 ตุลาคม 2567 เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของเดิมมาตามหาตุ๊กตาของตนเอง โดยจะมีการเก็บรักษาและตามหาเจ้าของจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 หากยังมีตุ๊กตาที่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ โครงการจะนำตุ๊กตาเหล่านั้นไปประมูลเพื่อนำรายได้เข้าสู่กองทุนฟื้นฟูชุมชนและเมืองเชียงรายต่อไป

อาจารย์สืบสกุลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้จะไม่หยุดเพียงแค่การฟื้นฟูชุมชนเท่านั้น แต่ยังมีแผนในการพัฒนาความร่วมมือกับกลุ่มศิลปิน นักธุรกิจ และหน่วยงานท้องถิ่นในเชียงราย เพื่อสร้างเครือข่ายการช่วยเหลือและการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมและสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ผมตระหนักดีว่าจะมีหนทางใดที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจผู้สูญเสียให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง”

อาจารย์สืบสกุลเล่าให้ฟังอีกว่า ทุกวันๆ ที่ออกไปทางานร่วมกับอาสาสมัคร ผมพบว่าประชาชนจ่อมจมอยู่ในความเศร้าโศก ท้อแท้ และสิ้นหวัง เนื่องจากการล้างบ้านเป็นงานหนักและใช้เวลานานหลายวัน อีกทั้งขยะน้าท่วมคือข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจาวัน ตั้งแต่ของชิ้นใหญ่เช่นทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เตียง โซฟา ที่นอนไปจนถึงของชิ้นเล็กๆ เช่น ของเล่น และตุ๊กตาผ้า ข้าวของทั้งหมดที่จมน้าและกองโคลนคือทรัพย์สิน ความรัก และความผูกพันของผู้คน นอกเหนือจากการล้างบ้านแล้ว

 การร่วมมือระดับสากลและแนวทางในอนาคต
 

การนำเสนอ “โครงการวาดหวัง” ในเวที UCCN ณ ประเทศญี่ปุ่น ช่วยให้เชียงรายได้รับการยอมรับในระดับสากลและกลายเป็นเมืองตัวอย่างในการฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัยหลังภัยพิบัติ โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากองค์กรท้องถิ่น เช่น Chiang Rai Creative City Network, มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติเชียงราย และกลุ่มศิลปินเชียงราย

อาจารย์สืบสกุลสรุปว่า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เพียงแค่การจัดการภัยพิบัติ แต่คือการสร้างขวัญกำลังใจและความหวังให้กลับคืนสู่ผู้ประสบภัย เพราะทุกคนต่างมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูชุมชนและสร้างอนาคตใหม่ให้กับบ้านเกิดของตนเอง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อาจารย์สืบสกุล กิจนุกร สำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

รองผู้ว่าฯ เชียงราย ร่วมพิธีวันมหิดล วางพวงมาลาถวายสักการะ

 

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ปรีชา สุนทรานันท์ คณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ ผู้แทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะเนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2567 ณ ห้องประชุม ชั้น 15 อาคารสำนักวิชาแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย วางพวงมาลาถวายสักการะ พร้อมด้วยหน่วยงานส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ แพทย์ พยาบาล เข้าร่วมพิธี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน และการสาธารณสุขของไทย” 
    
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (สมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์) ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2434 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2472 พระชนมายุ 38 พรรษา ทรงเป็นต้นราชสกุล มหิดล ณ อยุธยา

          เมื่อครั้งยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยอย่างไพศาล โดยเฉพาะในด้านการแพทย์และการสาธารณสุขทรงอุทิศกำลังพระวรกายและพระหฤทัย ตลอดจนทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อการแพทย์ไทยอย่างมากมาย ทรงเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ ทรงช่วยเหลือในการขยายกิจการของโรงพยาบาลศิริราช พระราชทานเงินสร้างตึกคนไข้ พระราชทานทุนส่งนักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาลไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เป็นผลทำให้กิจการแพทย์และสาธารณสุขของไทยเจริญก้าวหน้า บรรดาผู้ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณได้พร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญาว่า “พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย” และเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นวันครบ 100 ปี วันพระราชสมภพ องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ การแพทย์ การพยาบาลและการสาธารณสุข ต่อมาวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เนื่องในโอกาสวันพระราชสมภพครบ 120 ปี กระทรวงศึกษาธิการได้ถวายพระราชสมัญญาว่า “พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ยกระดับบริการนวดเพื่อสุขภาพ ศูนย์ส่งเสริมอาชีพชุมชนเกาะทอง

 

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 การเสริมสร้างสุขภาพชุมชนเขตเมืองสู่สุข 3 มิติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่พี่น้องชาวจังหวัดเชียงรายในการสร้างรายได้ สร้างความมั่นคง นายวันชัย จงสุทธามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ขับเคลื่อน ยกระดับส่งเสริมให้ประชาชนที่ต้องการประกอบอาชีพและทักษะในการนวดเพื่อสุขภาพ โดยบูรณาการร่วมกับสำนักวิชาการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดย อาจารย์ดร. แพทย์แผนไทยประยุกต์ จิตรลดา ปัญจากุล จัดอบรม หลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.

.
โดยการอบรมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน 20 คน โดยผู้เข้ารับการอบรมได้รับใบประกาศนียบัตรในการประกอบวิชาชีพการนวดเพื่อสุขภาพ โดยผู้เข้าร่วมการอบรมสามารถเป็นแกนนำในการร่วมพัฒนาขับเคลื่อนและเป็นผู้ช่วยแพทย์แผนไทยในงานศูนย์บริการบริการสาธารณสุขเทศบาลนครเชียงราย ทั้ง 4 แห่ง สำหรับให้บริการประชาชนในพื้นที่
.
ปัจจุบันเทศบาลเทศบาลนครเชียงราย ได้จัดตั้งอาคารนวดเพื่อสุขภาพ เทศบาลนครนครเชียงราย และศูนย์ส่งเสริมอาชีพชุมชนเกาะทอง เพื่อให้ผู้ผ่านการอบรมให้บริการนวดเพื่อสุขภาพ ประกอบอาชีพเป็นรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวการเพิ่มการเข้าถึงบริการนวดเพื่อสุขภาพให้กับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว เปิดบริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17-00 น. โทร.083-762-6699
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ม.แม่ฟ้าหลวง อบรมการท่องเที่ยว โดยชุมชนเพื่อเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

 

เมื่อวันที่ 21 – 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดย อ.ดร.ธนิกุล จันทรา คณบดีสำนักวิชานวัตกรรมสังคม และ อ.ดร.ประดิษฐ์ ชินอุดมทรัพย์ หัวหน้าศูนย์วิจัยนวัตกรรมสังคมเชิงพื้นที่ ได้จัดโครงการอบรม Train the Trainers: Community-Based Tourism under the BCG Economy Model ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากกองความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและแบ่งปันความรู้ความเข้าใจในเรื่องการท่องเที่ยวโดยชุมชน ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีผู้เข้ารับการอบรมทั้งข้าราชการและนักธุรกิจจากประเทศเมียนมาร์ กัมพูชา และลาว จำนวน 18 ราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมุ่งหวังให้โครงการนี้เป็นการสร้างความประทับใจและ Soft Power ให้กับประเทศไทย รวมทั้งส่งเสริมมิตรภาพและความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน

ในระหว่างโครงการ คณะผู้เข้ารับการอบรมได้เข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงาน ณ ไร่รื่นรมย์ บ้านแม่กำปอง และบ้านท่าขันทอง รวมทั้งเข้าพักและเรียนรู้เนื้อหาภาคบรรยายที่โรงแรมไดมอนด์ปาร์คอินน์รีสอร์ท จังหวัดเชียงราย การจัดกิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้และเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงราย แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงชุมชนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ตลอดระยะเวลาของโครงการ ผู้เข้ารับการอบรมมีความประทับใจในโครงการและจังหวัดเชียงราย โดยได้รับความรู้และประสบการณ์ที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนาประเทศของตนได้ต่อไปในอนาคต การเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การท่องเที่ยว หรือการพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

มิตรภาพที่ยั่งยืนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมาร์ กัมพูชา และลาว เป็นสิ่งที่ต้องรักษาและพัฒนาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน และการสร้างสรรค์โมเดลเศรษฐกิจที่ยั่งยืนจะเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือและพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยการนำความรู้ที่ได้รับจากโครงการนี้กลับไปใช้ ผู้เข้ารับการอบรมจะสามารถพัฒนาประเทศของตนในด้านการท่องเที่ยวเชิงชุมชนและเศรษฐกิจที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต การเสริมสร้างความร่วมมือและมิตรภาพระหว่างประเทศเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน และโครงการอบรมนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำแนวคิดดังกล่าวมาปฏิบัติให้เกิดผลในทางที่เป็นรูปธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักวิชานวัตกรรมสังคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

เปิดตัวคาเฟ่ Department of Tea by Singha Park x MFU เรียนรู้ชา

 

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ นายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง  ผศ.ดร.ภาณุพงษ์  ใจวุฒิ รองอธิการบดี นายชัยภัฏ จาตุรงคกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด นายชวาล คงทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด นายภุชคฤน ตั้งตรงเจตนา นายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกัน เปิดตัวคาเฟ่ “Department of Tea by Singha Park x MFU” ภายในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย

 

โดยนายชัยภัฏ จาตุรงคกุล  รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด กล่าวว่า ทางสิงห์ปาร์ค เชียงราย ได้เดินหน้ารีโนเวทร้านใหม่ เปิดตัวคาเฟ่สุดพิเศษ “Department of Tea by Singha Park x MFU” ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ไม่เพียงแต่เป็นคาเฟ่สำหรับนั่งชิลและเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มอันหลากหลาย แต่ยังเป็นศูนย์รวมแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับชา ที่จะเป็นแรงผลักดันให้คุณภาพชาไทยก้าวไกลสู่ระดับสากล

 

ซึ่งคาเฟ่แห่งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนการดื่มชาแบบ specialty tea โดยในร้านมีมุมสวยงามที่ออกแบบมาเพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งมีโซน slow bar ที่ให้บริการชาพรีเมียมและมัทฉะที่ตอบโจทย์วัยรุ่น การตกแต่งภายในร้านเน้นความโมเดิร์นและอบอุ่น สร้างบรรยากาศที่เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อน การชวนเพื่อนมาอ่านหนังสือและการเรียนรู้

 

สำหรับการร่วมมือระหว่างสิงห์ปาร์คและมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในครั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาสามารถมีส่วนร่วมในการเข้ามาฝึกทดลองทำงานจริง หารายได้เสริมระหว่างเรียน อีกทั้งยังมี Zone ที่สามารถมาทำ Workshop เกี่ยวกับชาได้อีกด้วยทั้งนี้ เพื่อผลักดันวงการชาไทยไปสู่ความยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

 

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเยี่ยมชมคาเฟ่ “Department of Tea by Singha Park x MFU” ได้แล้ววันนี้ที่ตึก M-Square มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 – 17.00 น. ติดต่อได้ที่เบอร์ 065-924-0486 พบกับประสบการณ์ใหม่ของการดื่มชาและการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนใคร

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : MFU TODAY

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล. แถลงความสำเร็จ ศูนย์ฝึกอบรม กำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ

 

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 67 ณ ห้องประชุมประดู่แดง 1 อาคารพลเอกสำเภา ชูศรี (E4) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้จัดแถลงข่าวความสำเร็จโครงการ “ศูนย์ฝึกอบรมกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะโดยใช้ Mixed Reality Simulation เพื่อรองรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เพื่อเชื่อมโยง GMS” โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ดรุณี วัฒนศิริเวช รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรวิศิฎฐ์ เลาหะเพ็ญแสง คณบดีสำนักวิทยาเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สันติชัย วิชา หัวหน้าโครงการฯ นายณัฐกฤต แก้วประทุม นักวิชาการขนส่งชํานาญการ คุณสรนพ บ้านใหญ่ SCGJWD Academy ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้

 

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินการจัดทำโครงการ “ศูนย์ฝึกอบรมกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะโดยใช้ Mixed Reality Simulation เพื่อรองรับ ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เพื่อเชื่อมโยง GMS” มุ่งพัฒนากำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ เสริมสร้าง ศักยภาพ รองรับการขยายตัวของศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เชื่อมโยง Greater Mekong Subregion (GMS)

 

โดยได้รับความร่วมมือจาก กรมการขนส่งทางบก โรงเรียนทักษะพิพัฒน์หรือ SCGJWD Academy บริษัท แอดวานซ์ อิน โฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยพะเยา ร่วมขับเคลื่อนและได้จัดตั้งศูนย์ฝึกกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจริยะ (Mixed Reality Center of Excellence) จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ ที่ผ่านมาทางโครงการฯ ได้ดำเนินการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ อาทิ ผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้าและส่งออก พนักงานขับรถยกและรถบรรทุก เจ้าหน้าที่คลังสินค้า และนักศึกษารวมทั้งสิ้นกว่า 300 ราย และกำลังจะดำเนินการฝึกอบรมเพิ่มเติมทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดพะเยา ให้มีความรู้ความสามารถที่ทันสมัย ผ่านหลักสูตรทั้งหมด 5 หลักสูตร ซึ่งรองรับรูปแบบการเรียนแบบผสมผสาน (Hybrid) ทั้งออนไลน์และห้องเรียน ตลอดจนให้ประสบการณ์เรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริง (Simulation) ที่ได้มีการประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยี Mixed Reality ผ่านแว่น HoloLens ภายใต้โครงการ ทั้งหมด 9 ตัว ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดข้อผิดพลาด ยกระดับการฝึกอบรมด้านโลจิสติกส์อัจริยะเพื่อรองรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมทั้งช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันต่อไป

 

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มั่นใจว่าโครงการนี้จะบรรลุเป้าหมาย ส่งผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และประโยชน์ต่อประเทศชาติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาค ดึงดูดนักลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้าขาย เชื่อมโยง GMS การค้าขายการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยว ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงต่อไป.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ป.ป.ช. เชียงราย จัดประชุมเชิง ปฏิบัติการ ชมรมเยาวชน STRONG

 

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2567 ณ ห้องประชุม อาคารพลเอก สำเภา ชูศรี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงราย (นายกิตติศักดิ์ พิมสาร) มอบหมายให้ กลุ่มงานป้องกันการทุจริต นำโดยนายนั้ง แสงเพชรไพบูรณ์ เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่งานป้องกันฯ และ ชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดเชียงราย นำโดยนางวันดี ราชชมภู ประธานชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการฯ ดำเนินกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการสมาชิกชมรมเยาวชน STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดเชียงราย โดยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงร่วม 100 กว่าคนเข้าร่วมกิจกรรม

 

ทั้งนี้ นายนั้ง แสงเพชรไพบูรณ์ เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ ได้กล่าวเปิดกิจกรรมและพูดถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม คือ เพื่อรณรงค์ป้องกันการทุจริต และสร้างจิตสำนึก รวมถึงการมีส่วนร่วมในการปลูกฝังค่านิยมให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป เพื่อส่งเสริมสังคมไทยไร้การทุจริตอย่างยั่งยืน ซึ่ง ระบบการศึกษาจึงเป็นกลไกสำคัญ ในการบ่มเพาะจิตสำนึกของเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ แนวทางการพัฒนาและแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นที่สำคัญและยั่งยืนที่สุด คือปลูกและปลุกจิตสำนึกการเป็นพลเมืองที่ดี
 
 
มีวัฒนธรรมสุจริตในกลุ่มเด็กและเยาวชนทุกช่วงวัย มุ่งเน้นการปรับพฤติกรรมตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงระดับอุดมศึกษา เพื่อปฏิรูปพลเมืองไทยในอนาคตให้มีความเป็นพลเมืองเต็มขั้น ประชาชนต้องมีความตื่นรู้ ไม่ยอม ไม่ทน ไม่เฉย ต่อการทุจริตทุกรูปแบบ อีกทั้งหน่วยงานทุกภาคส่วนในสังคมต้องร่วมกันสร้างสังคมที่ไร้การทุจริต ตระหนักรู้ร่วมกันถึงปัญหาการทุจริต เพื่อสร้างค่านิยมสุจริต และขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายเดียวกันคือ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต”
 
 
ด้านนางวันดี ราชชมภู ประธานชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดเชียงราย ได้บรรยายพิเศษ “บทบาทของภาคประซาซนกับการป้องกันการทุจริต” และได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการปลูกฝังค่านิยมในกลุ่มเด็กและเยาวชน เพื่อร่วมกันต่อต้านการทุจริต จึงมอบหมายให้นางสาวพรทิวา วงค์วิชัย นำทีมคณะกรรมการ ชมรม STRONG – จิตพอเพียงฯ จัดกิจกรรมกลุ่ม “การมีส่วนร่วม และบทบาทของเยาวชนต่อการป้องกันการทุจริต” โดยเน้นการสื่อสารที่สนุกสนาน พร้อมสอดแทรกเนื้อหาการสร้างความตระหนักรู้ ผลเสียความรุนแรงของการทุจริต รวมถึงสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ การมีจิตสาธารณะ และให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการต่อต้านทุจริต การคอร์รัปชัน ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ชมรม Strong – จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ENTERTAINMENT

สุดอลังการมหกรรมดนตรีเทิดพระเกียรติ ม.แม่ฟ้าหลวง

 

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ผศ. ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นประธานเปิดงาน”มหกรรมดนตรีเทิดพระเกียรติ 69 พรรษา มหาจักรีสิรินธร” โดยมีนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ นายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงผู้แทนผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และนักศึกษาเข้าร่วมอย่างคึกคัก

 

ผศ. ดร.มัชฌิมา กล่าวว่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วน ทั้งจังหวัดเชียงราย มณฑลทหารบกที่ 37 สมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกฝ่าย จัดงานมหกรรมดนตรีเทิดพระเกียรติ 69 พรรษา มหาจักรีสิรินธร เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มีต่อปวงชนชาวไทยและเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงอย่างหาที่สุดมิได้
 
 
โดยภายในงานได้นำบทเพลงอันทรงคุณค่าจำนวนกว่า 21 บทเพลง ซึ่งจะเริ่มต้นด้วย บทเพลงในองค์โหมโรง : นำเอาบทเพลงไทยโบราณและเพลงไทยที่ได้แต่งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นำมาบรรเลงประโคมในองค์โหมโรงองค์ราษฎร์รวมใจรักษ์ : เป็นการนำเอาบทเพลงพระราชนิพนธ์ ของ ร.9 และเพลงพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาเรียบเรียงใหม่พร้อมกับบทเพลงที่สื่อถึงชาวไทยเชื้อสายจีนที่อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร โดยมีสามาคมรักเสียงเพลงแม่สายเข้ามาร่วมแสดงในองค์นี้
 
องค์น้อมรําลึก : ในองค์นี้ได้ถ่ายทอดบทเพลงคิดถึงพ่อ ผ่านบทเพลงต่างๆ
องค์รวมไทยใจหนึ่งเดียว : ได้นำบทเพลงที่เกี่ยวกับความสมัครสามัคคีของคนไทยรวมถึงนำเอาเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน เพลงที่มีความหมายเป็นการเทิดพระเกียรติที่ทรงมีคุณูปการต่อชาติบ้านเมืองในด้านต่างๆ ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
 
 
ปิดจบการแสดงด้วย บทเพลงเจ้าฟ้าของคนเดินดิน ขับร้องและบรรเลงโดย ชมรมดนตรีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง MFU Band ชมรมดนตรีไทย-พื้นเมือง และชมรมนาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มณฑลทหารบกที่ 37 และนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงราย พร้อมแขกรับเชิญพิเศษที่มาร่วมสร้างความประทับใจภายในงานอีกด้วย
 
 
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้รับการสถาปนาขึ้นในรัชสมัยของในหลวง รัชกาลที่ 9 และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ยังได้น้อมนำแนวพระราชปณิธาน “ปลูกป่า สร้างคน” ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มาประยุกต์ใช้ และได้น้อมนำแนวพระราชดำริในการปลูกป่าของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาเป็นหลักในการปฏิบัติตั้งแต่แรกเริ่ม นอกจากนี้มหาวิทยาลัย ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา มาใช้ในการทำงานร่วมกับชุมชนโดยรอบ เพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้รับพระเมตตาจากพระบรมวงศานุวงศ์ราชจักรีวงศ์เป็นล้นพ้นเสมอมา ทั้งในการเสด็จมาทรงประกอบพระราชกรณียกิจ พระกรณียกิจ และประทานพระราชวินิจฉัย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
 
 
โดยเฉพาะสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระกรุณาต่อมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงอย่างยิ่ง โดยได้เสด็จพระราชดำเนินมายังมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในโอกาสต่างๆ ตลอดมา ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นประจำทุกปี
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

Micro Nano Bubble Technology ช่วยยืดอายุและเพิ่มคุณภาพสับปะรดภูแล

 
ประเทศไทยมีชื่อเสียงในฐานะประเทศผู้ส่งออกสับปะรด และผลิตภัณฑ์สับปะรดบรรจุกระป๋องไทยเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล มกราคม 2566) สับปะรดภูแลเป็นสับปะรดขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงรายเป็นพืชเฉพาะถิ่นในตำบลนางแล ตำบลท่าสุด ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งปัจจุบันสับปะรดภูแล ได้เป็นสินค้าจีไอของจังหวัดเชียงราย ถือเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายที่มีศักยภาพ ด้วยลักษณะเด่นของสับปะรดภูแล คือ ผลมีขนาดเล็ก เนื้อสีทอง รสชาติหวานปานกลาง แกนกรอบ จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อนำมาปอกและตัดแต่งเพื่อรับประทนสด หรือที่เรียกว่า ผลไม้ตัดแต่งพร้อมบริโภค กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากของผู้บริโภคชาวจีน และปัจจุบันมีการส่งออกไปจำหน่ายที่ประเทศจีนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ อีกทั้งสับปะรดนั้นมีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบสูงทำให้เชื้อจุลินทรีย์เจริญเติบโตได้ดี ผลิตภัณฑ์สับปะรดภูแลตัดแต่งพร้อมบริโภคจึงมีโอกาสเน่าเสียและสูญเสียคุณภาพได้ง่ายระหว่างการขนส่งก่อนถึงมือผู้บริโภค
 
 
ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วยแก้ปัญหาการส่งออกสัปปะรดภูแลตัดแต่งพร้อมบริโภค จึงเป็นที่มาของการนำงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ล หรือเทคโนโลยีฟองอากาศที่มีขนาดเล็กระดับไมโครและนาโน มาใช้ยืดอายุและรักษาคุณภาพให้กับผลิตภัณฑ์สับปะรดภูแลตัดแต่งพร้อมบริโภคเพื่อการส่งออก โดยทีมวิจัยได้รับทุนสนับสนุนถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยเป็นผลงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) เพื่อทำการวิจัยและถ่ายทอดองค์ความรู้การใช้เทคโนโลยีดังกล่าวให้กับผู้ประกอบบการแปรรูปสับปะรดภูแลและเกษตรกรในพื้นที่ จ.เชียงราย และพื้นที่ใกล้เคียง
 
 
รศ. ดร.ณัฐชัย พงษ์ประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มจธ. ในฐานะหัวหน้าทีมนักวิจัยและผู้พัฒนาเครื่องล้างผัก ผลไม้ ด้วยเทคโนโลยีฟองก๊าซไมโครนาโนบับเบิ้ล กล่าวว่า กระบวนการผลิตผักผลไม้ตัดแต่งพร้อมบริโภคนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้มั่นใจว่าผักและผลไม้นั้นสะอาดและปลอดภัยต่อการบริโภค โดยเฉพาะปลอดภัยต่อการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ที่ก่อโรค นอกจากนี้เนื่องจากผักสลัดตัดแต่งพร้อมบริโภคนั้น ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ได้แก่ การฉีก การหั่น การตัดแต่ง ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวทำให้เกิดบาดแผล ซึ่งสารต่างๆภายในเซลล์ออกมาบริเวณบาดแผดที่เกิดจากการตัดแต่ง ส่งผลต่อการเร่งการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาและชีวเคมี และเกิดการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพที่เร็วส่งผลให้อายุการวางจำหน่ายสั้นลง และส่งผลเสียหายทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการส่งออกไปยังต่างประเทศ
 
 

สำหรับการนำเทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ล หรือเครื่องผลิตฟองอากาศที่มีขนาดเล็กระดับไมโครนาโนมาใช้กับสับปะรดภูแล รศ. ดร.ณัฐชัย กล่าวว่า เนื่องจากผลิตภัณฑ์ประเภทผักหรือผลไม้ตัดแต่งพร้อมทานจะต้องไม่มีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์หรือเชื้อที่ก่อโรค เกินกว่ามาตรฐานที่ อย.กำหนด เช่น เชื้ออีโคไล เชื้อยีสต์ ซาโมเนลล่า เป็นต้น เพราะเป็นสิ่งที่บริโภคทันที ฉะนั้นจึงต้องผ่านกระบวนการล้างทำความสะอาดเป็นอย่างดี ซึ่งคุณสมบัติเด่นของไมโครนาโนบับเบิ้ล คือ ฟองอากาศที่เกิดจากไมโครนาโนบับเบิ้ลนั้น มีขนาดที่เล็กมาก มีความคงตัวสามารถกระจายอยู่ในน้ำได้เป็นเวลานาน และมีพื้นที่ต่อปริมาตรสูงช่วยเพิ่มความสามารถในการละลายสารหรือก๊าซใดๆ ที่ใช้ฆ่าเชื้อใส่ลงไปในน้ำล้าง เช่น สารประกอบคลอรีน ก๊าซโอโซน เป็นต้น  ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการล้างทำความสะอาดได้ดีและมีประสิทธิภาพ ลดการใช้สารเคมี และลดการสิ้นเปลืองน้ำที่ใช้ล้างอีกด้วย 

 

“การใช้ไมโครนาโนบับเบิ้ลล้างผักผลไม้ที่อาจมีสิ่งสกปรกติดอยู่ตามร่องเปลือกผิวหรือเปลือกของผักผลไม้ ฟองอากาศที่กระจายอยู่ในน้ำนั้น จะช่วยนำสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนพื้นผิวของผักผลไม้ให้หลุดลอยออกมาจากพื้นผิว และโอกาสที่เชื้อจุลินทรีย์หลุดออกมาจะไปสัมผัสกับสารฆ่าเชื้อที่เราใส่เข้าไปได้มากกว่า จึงทำให้ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น โดยในกรณีสับปะรดภูแลตัดแต่งปกติจะนิยมใช้วิธีล้างด้วยน้ำใส่สารคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อ แต่ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าที่ควรและยังต้องใช้น้ำในปริมาณมากต่อการล้างแต่ละครั้ง เราจึงเลือกเทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ลนี้เข้าไปช่วยเพิ่มประสิธิภาพในการล้าง ซึ่งไม่ใช่แค่การล้างผักหรือผลไม้เท่านั้น เทคโนโลยีนี้ยังสามารถนำไปใช้ประยุกต์ใช้ในงานได้หลากหลาย เช่น ด้านการเกษตร ด้านประมง ยกตัวอย่างเช่น กรณีการเลี้ยงปลาในระบบปิดที่มีความหนาแน่นของปลาสูง ซึ่งปกติจะใช้วิธีการปั๊มออกซิเจนเข้าไป 

 

แต่ประสิทธิภาพยังไม่เพียงพออาจทำให้ปลาตายเพราะออกซิเจนไม่เพียงพอ จึงมีการนำไมโครนาโนบับเบิ้ลไปใช้ เพื่อความสามารถในการละลายก๊าซออกซิเจน ช่วยให้ออกซิเจนอยู่ในน้ำได้นานและมีปริมาณออกซิเจนสูงมากกว่าฟองอากาศทั่วไป ทำให้ปลาเจริญเติบโตได้ดีลดการสูญเสีย นอกจากนี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานด้านการบำบัดน้ำเสียที่มีการปนเปื้อนไขมันจากครัวเรือนหรืออุตสาหกรรม โดยไมโครนาโนบับเบิ้ลจะสามารถจับไขมันที่กระจายอยู่ในน้ำเสียขึ้นมาบนผิวทำให้สามารถแยกไขมันออกจากน้ำเสียและแยกไปบำบัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็น application หรือการนำมาใช้งานทางด้านสิ่งแวดล้อม” รศ. ดร.ณัฐชัย กล่าว

 

ความแตกต่างของเครื่องล้างผัก ผลไม้ ด้วยเทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลที่พัฒนาขึ้น รศ. ดร.ณัฐชัย กล่าวว่า เนื่องจาก มจธ.มีความถนัดและเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว เรามีงานวิจัยมากมายจึงรู้วิธีการใช้งานและการนำมาประยุกต์ใช้กับผลผลิตทางการเกษตร เช่น พืชชนิดนี้ควรใช้สารเคมีชนิดใดหรือก๊าซอะไรถึงจะเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อปนเปื้อนและรักษาคุณภาพของผักผลไม้ได้สูงสุด 

 

“เครื่องไมโครบับเบิ้ล ไม่ใช่เรื่องใหม่ในปัจจุบันใครก็สามารถสร้างเครื่องได้ หรือจะซื้อจากต่างประเทศก็ได้ แต่ application หรือวิธีการการใช้งาน คือ สิ่งที่เป็นองค์ความรู้เป็นสิ่งที่กลุ่มวิจัยของเราเราศึกษามานานกว่า 10 ปี ที่ผ่านมามีการถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับบริษัทเอกชนหลายแห่ง และจุดเด่นอีกประการคือ ทีมวิจัยมีองค์ความรู้ว่าผักหรือผลไม้อะไร ควรต้องใช้สภาวะแบบไหน ต้องใช้ก๊าซชนิดใดหรือสารเคมีอะไร ล้างเป็นเวลานานเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อปนเปื้อนได้ดีโดยไม่ทำลายคุณภาพของผักผลไม้ 

 

นี่คือจุดเด่นของเครื่องที่เราพัฒนาขึ้น แต่สำหรับคนที่ไม่ประสบผลสำเร็จจากการใช้เทคโนโนโลยีไมโครบับเบิ้ล เพราะส่วนใหญ่เป็นการซื้อเฉพาะเครื่องแต่ไม่รู้วิธีใช้ว่าควรจะใช้อย่างไรและมีการนำไปใช้ผิดกันค่อนข้างมากทำให้ผู้ประกอบส่วนใหญ่ของไทยจึงล้างผักผลไม้ตัดแต่งด้วยวิธีการไม่ถูกต้องซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคอีกด้วย” 

 

สำหรับเครื่องล้างผักผลไม้ไมโครบับเบิ้ลต้นแบบที่พัฒนาขึ้น มีขนาดความจุ 100 ลิตร เพื่อใช้ในการสาธิตและทดลองการล้างสับปะรดภูแลตัดแต่งพร้อมบริโภคของโรงงานแปรรูปสับปะรด บริษัท เบตเตอร์ ฟรุ๊ตส์ จำกัด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในฐานะผู้ร่วมวิจัยซึ่งมีองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการตัดแต่งผักผลไม้พร้อมบริโภคและเป็นโหนดในการถ่ายทอดเทคโนโลยี และเปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่และใกล้เคียงได้เข้ามาทดลองใช้เทคโนโลยีนี้ด้วย 

 

ประโยชน์ของเทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลที่เด่นชัด คือสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิต, ลดการใช้แรงงาน, ลดระยะเวลาการล้าง, ลดปริมาณการใช้น้ำจากปกติการล้างจะต้องเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกครั้ง แต่น้ำที่ใช้เทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลจะสามารถใช้ซ้ำได้บ่อยๆ ทำให้ลดการใช้ทรัพยากรลงได้, ลดการใช้สารเคมีลงครึ่งหนึ่งจากเดิมที่ต้องใส่สารคลอรีนในน้ำเพื่อการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ในสัดส่วน 100% แต่ถ้านำเทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลเข้าไปร่วมจะใช้สารคลอรีนเพียง 50% ขณะที่ค่าใช้จ่ายของเทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลเป็นต้นทุนคงที่และเมื่อเทียบกับเครื่องล้างผักผลไม้นำเข้าที่ไม่ใช้เทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลแล้วยังมีราคาถูกกว่าการน้ำเข้าเครื่องล้างผักผลไม้จากต่างประเทศครึ่งหนึ่ง

 

ทั้งนี้จากองค์ความรู้เทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ลที่มจธ.ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องมากกว่าสิบปี นอกจากการถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าวให้กับหน่วยงานและผู้ที่สนใจตามภูมิภาคต่างๆ แล้ว ยังได้พัฒนาเครื่องและวิธีการใช้งานเทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลให้กับภาคเอกชน อาทิ บริษัทส่งออกกล้วยไม้ และบริษัทล้างผักตัดแต่งพร้อมบริโภค นำไปใช้เพื่อยืดอายุความสดให้กับผลผลิต ซึ่งผลลัพธ์พบว่า บริษัทที่รับถ่ายทอดเทคโนโลยีสามารถลดต้นทุนจากกระบวนการล้างและการสูญเสียของผลิตภัรฑ์ลงได้กว่า 1 ล้านบาท ต่อปี 

 

จากความสำเร็จดังกล่าวจึงนำมาขยายผลกับโรงงานแปรรูปสับปะรดภูแล จ.เชียงราย เพื่อเป็นการนำร่องในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งจากผลการทดลองกับบริษัท เบตเตอร์ ฟรุ๊ตส์ จำกัด ระยะเวลา 2 ปี พบว่าเทคโนโลยีนี้สามารถช่วยลดปริมาณเชื้อจุลินทีย์ปนเปื้อนในสัปปะรดภูแลตัดแต่งกร้อมบริโภคได้ 30% เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการดั้งเดิม และลดปริมาณการใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อกว่า 50%ซึ่งทางคณะวิจัยคาดหวังว่าหลังจากนี้ เทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ลจะถูกนำไปสู่การใช้จริงกับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News