Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“ทปษ.บุญสิงห์” เปิดการประกวดโคเนื้อ “โคบาลล้านนา ครั้งที่ 3” จังหวัดเชียงราย

 
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2567 ที่หาดทรายเทียมหนองหลวง ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จ.เชียงราย นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดการประกวดโคเนื้อ “โคบาลล้านนา ครั้งที่ 3” ณ บริเวณหาดทรายเทียมหนองหลวง ตำบลเวียงชัย อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย โดยมีนายญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอเวียงชัย นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้การต้อนรับ
 
นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การงานจัดการประกวดโคเนื้อในครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์ขยายผลการสร้างมูลค่าเพิ่มโคเนื้อ การยกระดับและเพิ่มศักยภาพมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพอาหารปลอดภัย โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและสร้างเครือข่ายการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพอาหารปลอดภัยอย่างสร้างสรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพ ในจังหวัดเชียงราย 
 
 
เพื่อพัฒนาศักยภาพการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ การคัดเลือกพันธุ์สัตว์ เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ การผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มโคเนื้อ เพิ่มช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรได้เชื่อมโยงเครือข่ายกัน และมีการจัดประกวด 2 ประเภท ได้แก่ โคลูกผสมยุโรปทั่วไป และโคลูกผสมบีฟมาสเตอร์ รวมทั้งหมด 12 รุ่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียงในกลุ่มภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) และผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์ด้านปศุสัตว์ ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่มีการจัดประกวดโคเนื้อเกิดขึ้น ตั้งแต่มีการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อมาระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา 
 
 
ซึ่งผลผลิตโคเนื้อที่ได้พัฒนาปรับปรุงพันธ์โดยพ่อพันธุ์สายเลือดยุโรป เริ่มเจริญเติบโตและขยายเพิ่มขึ้น จังหวัดเชียงราย มีเป้าหมายในการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อ โดยการยกระดับสายเลือดพันธุ์โคเนื้อยุโรป เน้นโคเนื้อสายพันธุ์ บีฟมาสเตอร์ เป็นหลัก
 
 
การจัดงานประกวดโคเนื้อในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ห้างร้าน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการเลี้ยงโคเนื้อ กลุ่มเกษตรกรวิสากิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อต่างๆ เครือข่ายโคเนื้อล้านนา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและเชี่ยวชาญการเลี้ยงโคเนื้อ ตลอดจนเกษตรกรเจ้าของโคเนื้อที่ส่งโคเนื้อเข้าร่วมประกวดทั้งจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง
 
 
ทางด้าน นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่านับว่าเป็นสิ่งน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับทุกคนที่มีโอกาสได้เข้าร่วมงานการประกวดโคเนื้อในครั้งนี้ การประกวดถือได้ว่าเป็นการประชาสัมพันธ์อย่างหนึ่ง ที่จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาและขยายตลาดเนื้อโคคุณภาพ เป็นการแสดงถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์โคเนื้อที่ได้พัฒนามาระดับหนึ่ง ทราบว่าจังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพ มาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เริ่มมีผลผลิตโคเนื้อพันธุ์ดี ที่ได้ดำเนินการปรับปรุงพันธุ์มาในระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า กว่าจะได้ผลผลิตโคเนื้อออกมาต้องใช้เวลานานเป็นแรมปี 
 
 
ทำให้สินค้าโคเนื้อมีโอกาสของเวลาที่สามารถวางแผนการผลิตและการตลาดได้ล่วงหน้า แต่อย่างไรก็ตามผลผลิตโคเนื้อคุณภาพก็ยังมีปริมาณไม่เพียงพอในการบริโภคภายในประเทศ ยังคงมีการนำเข้าโคมีชีวิตและเนื้อโคอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบัน ประเทศไทยต้องเจอภาวะการแข่งขันภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยและนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ซึ่งมีผลบังคบใช้ 
 
 
ในวันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นมานั้น โดยมีการลดภาษี เป็น 0% หากเราไม่มีการเร่งรัดพัฒนาทั้งในด้านการผลิต การแปรรูป การตลาด ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรกร จะทำให้ไม่สามารถแข่งขันทางการค้าทั้งในและต่างประเทศได้ การพัฒนาขยายช่องทางการตลาดโดยเน้นการประชาสัมพันธ์ การจัดการผลผลิตให้ได้คุณภาพ ซึ่งก็มีหลายปัจจัย โดยเฉพาะในเรื่องของพันธุ์สัตว์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ต้องเร่งพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงได้ โคเนื้อที่มีลักษณะพันธุ์ดี มีอัตราการแลกเนื้อสูง และจากงานวิจัยทางวิชาการ เนื้อที่มีคุณภาพดี ก็ต้องเป็นเนื้อที่ได้จากโคลูกผสมยุโรป พันธุ์ต่างๆ ซึ่งทราบว่า จังหวัดเชียงราย เป็นแหล่งผลิตโคเนื้อสายพันธุ์ บีฟมาสเตอร์ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่เลี้ยงง่ายปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมบ้านเรา 
 
 
ถือเป็นเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่จังหวัดเชียงราย ได้เล็งเห็นความสำคัญ และได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการ โดยต้องการส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ได้พัฒนาการเลี้ยงของตนเอง ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น สามารถที่จะพัฒนาเป็นอาชีพหลักได้ต่อไป และการประกวดโคเนื้อ โคบาลล้านนา ครั้งที่ 3 ในวันนี้จึงนับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ให้ประโยชน์พี่น้องแก่เกษตรกร โดยในจังหวัดเชียงราย ทราบว่า มีการรวมตัวของพี่น้องเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในอำเภอต่างๆ เป็นเครือข่ายโคเนื้อล้านนา ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มเครือข่ายของเราเข้มแข็ง มีพลังต่อรองในเรื่องต่างๆ และทำให้เชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตและการตลาดโคเนื้อ กับเครือข่ายอื่นๆในห่วงโซ่าการผลิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นคง ในอาชีพต่อไป
 
 
นายบุญสิงห์ กล่าวด้วยว่า หลังจากผ่านการประกวดโคในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้องเกษตรกรผู้เข้าร่วมงานจะได้ประโยชน์ หรือประสบการณ์ดีๆ ที่ได้เห็นโคเนื้อที่มีวิวัฒนาการปรับปรุงพันธุ์ จนได้ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ต่อครอบครัว และหวังว่ากลุ่มเครือข่ายผู้เลี้ยงโคเนื้อล้านนาจะเติบโตและเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ และขอให้มีการจัดงาน “โคบาลล้านนาครั้งที่ 4” ให้เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต.
 
 
 สำหรับการจัดการประกวดโคเนื้อ “โคบาลล้านนา ครั้งที่ 3” นี้ ดำเนินงานโดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและสร้างเครือข่ายการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพอาหารปลอดภัยอย่างสร้างสรรค์ กิจกรรมการยกระดับและเพิ่มศักยภาพมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพอาหารปลอดภัย ประจำปี 2567 โดยประชาสัมพันธ์ขยายผลการสร้างมูลค่าเพิ่มโคเนื้อ จัดให้มีการประกวดโคเนื้อขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพในจังหวัดเชียงราย และพัฒนาศักยภาพการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ การคัดเลือกพันธุ์สัตว์ และมีการจัดประกวด 2 ประเภท ได้แก่ โคลูกผสมยุโรปทั่วไป และโคลูกผสมบีฟมาสเตอร์ รวมทั้งหมด 12 รุ่น 
 
 
โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียงในกลุ่มภาคเหนือตอนบน 2 (จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน) และผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์ด้านปศุสัตว์ ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่มีการจัดประกวดโคเนื้อเกิดขึ้น ตั้งแต่มีการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อมาระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งผลผลิตโคเนื้อที่ได้พัฒนาปรับปรุงพันธ์โดยพ่อพันธุ์สายเลือดยุโรปเริ่มเจริญเติบโตและขยายเพิ่มขึ้นในจังหวัดเชียงราย มีเป้าหมายในการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อ โดยการยกระดับสายเลือดพันธุ์โคเนื้อยุโรป เน้นโคเนื้อสายพันธุ์ บีฟมาสเตอร์ เป็นหลัก
 
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ปศุสัตว์เชียงราย เร่งแก้ปัญหา กระบือขาดแหล่งอาหาร “เวียงหนองหล่ม”

 

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย สำนักงานปศุสัต์อำเภอแม่จัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เชียงราย เทศบาลตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย สำนักงานชลประทานเชียงราย และฝ่ายปกครองอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นำหญ้าอัดก้อน จำนวน 8,000 กิโลกรัม ส่งมอบให้กับ กลุ่มปางควายผู้เลี้ยงกระบือในพื้นที่เวียงหนองหล่ม ณ ปางควายบ้านต้นบาง หมู่ที่ 7 ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มปางควายฯ

 

เนื่องจากในพื้นที่ประสบปัญหาจากภัยแล้งอย่างรุนแรง และ ในพื้นที่เวียงหนองหล่ม มีการก่อสร้างแหล่งเก็บกักน้ำ ของกรมชลประทาน จึงทำให้แหล่งอาหาร หรือหญ้าสำหรับเลี้ยงกระบือไม่เพียงพอต่อจำนวนกระบือที่มากถึง 1,700 ตัว
 
 
ทั้งนี้ทางทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีทำการขนลำเลียงหญ้าอัดก้อน จาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ยังพื้นที่ประสบปัญหา หลังจากที่ได้รับการร้องขอจาก กลุ่มปางควายผู้เลี้ยงกระบือในพื้นที่เวียงหนองหล่ม
 
 
นายพืชผล น้อยยาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน หลังจากที่ทางส่วนงานที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการประชุมวางแผน เพื่อช่วยเหลือกระบือทันที และอนาคตเตรียมดำเนินการแก้ไขปัญหาระยะยาวในการที่จะสร้างแหล่งอาหารใหม่ ให้กับกระบือ ด้วยการทำแปลงสาธิตการปลูกหญ้ารูซี่ จากนั้นจะกระจายไปในพื้นที่ เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนประชากรของกระบือ ซึ่งการแก้ไขปัญหาระยะยาวก็จะติดปัญหาเรื่องกระบือขาดแคลนอาหารลงได้
 
 
อย่างไรก็ตามทุกหน่วยงานในพื้นที่ มุ่งที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ที่กระบือขาดแหล่งอาหาร ซึ่งจะได้มีการประสานงานกับทาง กลุ่มปางควายผู้เลี้ยงกระบือในพื้นที่เวียงหนองหล่ม เพื่อเข้าถึงปัญหาโดยเร็ว.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ปศุสัตว์เชียงราย จัดพิธีมอบโคพระราชทาน ให้เกษตรกร อ.แม่สาย

 
วันนี้ (17 สิงหาคม 66) นายศรัญยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีมอบโคพระราชทาน ตามโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ ณ อาคารอเนกประสงค์ประชารัฐ บ้านป่าแดงหลวง หมู่ที่ 11 ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ให้แก่ นายสนิท ก๋องคำ เกษตรกรชาวตำบลเกาะช้าง โดยมี นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย ปลัดอำเภอแม่สาย หัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมพิธี ซึ่งเป็นโครงการที่สำคัญและครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศ มีหน่วยงานของกรมปศุสัตว์ที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 
 
มีการบริหารโครงการในรูปแบบของคณะกรรมการซึ่งมีอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นประธาน และได้มอบอำนาจให้ปศุสัตว์เขตเป็นผู้กำกับดูแลในพื้นที่ 9 เขต ปศุสัตว์ทั่วประเทศ ในการช่วยส่งเสริมด้านปศุสัตว์เพื่อแก้ปัญหาความยากจนให้แก่เกษตรกร ทำให้มีโอกาสได้รับโค-กระบือ เป็นกรรมสิทธิ์ มีทรัพย์สิน มีอาชีพ และมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งโคเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์มหาศาลต่อวิถีชีวิตของเกษตรกรไทย ผลผลิตที่เป็นลูกเป็นเสมือนเงินฝากประจำปี ที่จะสร้างรายได้มั่นคงแก่ผู้เลี้ยง การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะมูลของโคจะช่วยลดรายจ่าย เพิ่มเป็นรายได้รายวันที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ จนสิ้นอายุของโคตัวนั้น สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกร ฟื้นฟูสภาพธรรมชาติสิ่งแวดล้อม สืบสานวิถีชีวิตวัฒนธรรมที่ดีงามของชนบทไทย
 
นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์ จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ด้วยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระราชประสงค์ปล่อยชีวิตโคเพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 1 ตัว เพื่ออุทิศบุญกุศลและเสริมความเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 และทรงพระราชทานโคดังกล่าวไปให้ความช่วยเหลือเกษตรกร คือ นายสนิท กองคำ อยู่บ้านเลขที่ 107/4 หมู่ที่ 11 ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยโคพระราชทานที่ได้รับมอบในวันนี้ ได้รับการตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนป้องกันโรคเรียบร้อยแล้ว และได้ขนย้ายมาจากคอกกักสัตว์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังความปราบปลื้มปีติยินดีให้แก่นายสนิท ก๋องคำ และครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

มอบกระบือ 2 ตัว ให้เกษตรกร บ้านตีนดอย อ.แม่สรวย

มอบกระบือ 2 ตัว ให้เกษตรกร บ้านตีนดอย อ.แม่สรวย

Facebook
Twitter
Email
Print

 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ที่คอกกักสัตว์บ้านเหล่าตีนดอย หมู่ที่ 8 ตำบลแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบกระบือพระราชทาน โครงการอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย โดยมีนายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอแม่สรวย และนายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนบ้านตีนดอยเข้าร่วม ซึ่งในพิธีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบแม่พันธุ์กระบือได้รับพระราชทานมาจาก พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้นายสวัสดิ์ ยาวิลาด เกษตรกรบ้านตีนดอย จำนวน 2 ตัว เพื่อลดรายจ่าย และสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อผู้เลี้ยง


นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอแม่สรวย กล่าวว่าประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่อำเภอแม่สรวยประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทั้งปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และยังได้รับการสนับสนุน ช่วยเหลือจากโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ จำนวน 338 ราย และชาวเกษตรกรบ้านตีนดอย ยังเป็นหมู่บ้านตามโครงการ 1 ตำบล 1 หมู่บ้านยั่งยืนของกระทรวงมหาดไทยอีกด้วย

ด้านนายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำเนินโครงการอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย พระราชทานกระบือที่ทรงไถ่ชีวิต และพระราชทานกระบือดังกล่าวไปให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกร คือนายสวัสดิ์ ยาวิลาด อยู่บ้านเลขที่ 283 หมู่ที่ 8 ตำบลแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย และกล่าวต่อไปว่า กระบือพระราชทานที่นำมามอบในวันนี้ ได้รับการตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนป้องกันโรคเรียบร้อย และได้ขนย้ายจากคอกกักสัตว์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่ารู้สึกยินดีกับผู้ได้รับมอบกระบือพระราชทานในวันนี้ ซึ่งกระบือเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์มหาศาลต่อวิถีชีวิตของเกษตรกรไทย ลูกกระบือเปรียบเสมือนเงินฝากประจำรายปี ปุ๋ยที่ได้จากมูลกระบือ จะช่วยลดรายจ่ายและสร้างรายได้ที่มั่นคงแก่ผู้เลี้ยง จึงควรแก่ความภาคภูมิใจที่ได้รับ จึงขอให้เกษตรกรที่ได้รับกระบือเลี้ยงดูกระบืออย่างดี เสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว และปฏิบัติตามระเบียบของโครงการฯอย่างเคร่งครัดต่อไป

ทั้งนี้ผู้ที่รับมอบกระบือพระราชทาน ต้องกล่าวปฏิญาณตน ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ โดยจะต้องไม่ฆ่า ไม่ขาย พร้อมเลี้ยงดูอย่างดีจนกว่ากระบือจะสิ้นอายุขัย รวมถึงประกอบอาชีพ ที่สุจริตไม่ผิดศีลธรรมหรือจารีตประเพณีที่ดีงาม เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเพิ่มขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News