“ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชน” มทบ.37 ผนึกกำลังจิตอาสาฯ ตั้งจุดบริการรับปีใหม่ 2569 ดูแลความปลอดภัย–อำนวยความสะดวกนักเดินทางสู่เชียงราย
เชียงราย,30 ธันวาคม 2568 – บริเวณหน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 อำเภอเมืองเชียงราย เต็นท์สีเหลือง–ฟ้าที่มีตราสัญลักษณ์จิตอาสาพระราชทาน และธงหน่วยงานความมั่นคงโบกสะบัดอยู่เคียงข้างกระแสจราจรที่หนาแน่นขึ้นต่อเนื่อง ภาพเหล่านี้กลายเป็น “ด่านแรกของความอุ่นใจ” ให้กับผู้ขับขี่ที่กำลังมุ่งหน้ากลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยวสู่ภาคเหนือในโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่ปีใหม่ 2569
ภายใต้นโยบาย “ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส” ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) ร่วมกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มทบ.37 และหน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ–การศึกษา–โครงสร้างพื้นฐาน ร่วมกันจัดตั้ง “จุดบริการประชาชน” ชั่วคราวขึ้น ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ถึง 5 มกราคม 2569 เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เส้นทางสายสำคัญที่มุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงราย
จุดบริการเล็ก ๆ บนถนนใหญ่ ในช่วงเวลาที่ความเสี่ยงพุ่งสูง
เวลา 10.00 น. ของวันเดียวกัน พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37 และผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มทบ.37 ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลและอาสาสมัครที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดบริการหน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1
การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงพิธีการตามวาระเทศกาล แต่คือการ “เช็กความพร้อมทุกจุดสัมผัส” ทั้งด้านบุคลากร ระบบการแพทย์ขั้นต้น การจัดระเบียบจราจร และการให้ข้อมูลเส้นทางแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อให้จุดบริการแห่งนี้ทำงานได้จริงในฐานะ “ด่านลดความเสี่ยง” บนถนนช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สถิติอุบัติเหตุของประเทศพุ่งสูงขึ้นทุกปี
ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระบุว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 เกิดอุบัติเหตุทางถนนรวม 2,288 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 2,307 คน และเสียชีวิต 284 คน โดยยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ และสาเหตุหลักมาจากขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ และตัดหน้ากระชั้นชิด
ขณะที่ข้อมูลจากสำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ระบุว่า ในช่วงต้นการรณรงค์ “10 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2568” (27–28 ธันวาคม 2567) จังหวัดเชียงรายมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้ว 15 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 15 ราย และเสียชีวิต 1 ราย โดยสาเหตุหลักยังคงมาจากขับรถเร็วเกินกำหนด ดื่มแล้วขับ และหลับใน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์
สถิติเหล่านี้สะท้อนว่าจังหวัดเชียงรายไม่เพียงเป็น “ปลายทางท่องเที่ยวฤดูหนาว” แต่ยังเป็นพื้นที่ที่รัฐต้องลงทุนมาตรการด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้การเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่จบลงด้วยการสูญเสีย
บูรณาการทุกกำลัง ทหาร–แพทย์–เยาวชน–ช่างเทคนิค บนฐานทางหลวง
การจัดตั้งจุดบริการประชาชนครั้งนี้ มทบ.37 เลือกใช้พื้นที่หน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์บนเส้นทางสายหลักเข้าสู่ตัวเมืองเชียงรายและเชื่อมต่อไปยังอำเภอ สำคัญต่าง ๆ ในภาคเหนือ
ภายในจุดบริการ มีการบูรณาการกำลังจากหลายหน่วยงาน ได้แก่
- จิตอาสาพระราชทาน และกำลังพล มทบ.37 ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการต้อนรับประชาชน ดูแลความเรียบร้อยโดยรวม และอำนวยความสะดวกในการใช้พื้นที่จอดพัก
- ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มทบ.37 สนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์และกำลังพลสำหรับรับมือเหตุฉุกเฉิน ทั้งอุบัติเหตุจราจรและเหตุภัยพิบัติอื่นที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพอากาศ
- โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช ส่งเจ้าหน้าที่เสนารักษ์และบุคลากรทางการแพทย์มาประจำจุด เพื่อช่วยตรวจคัดกรองอาการผิดปกติของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเกิดเหตุไม่คาดคิด
- กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 ในพระองค์ฯ (ร.17 พัน 3) เสริมกำลังด้านความปลอดภัยในภาพรวม และพร้อมเข้าช่วยเหลือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
- นักศึกษาวิชาทหาร มทบ.37 และนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย เข้าร่วมในฐานะเยาวชนจิตอาสา ช่วยงานด้านการประสานงาน การให้ข้อมูล การตรวจเช็กสภาพเบื้องต้นของยานพาหนะ และการสร้างบรรยากาศการรณรงค์ที่เป็นมิตรกับประชาชน
- แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 ทำหน้าที่เจ้าของพื้นที่ สนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการจราจร และการติดตั้งป้ายเตือน–ป้ายให้ข้อมูลเส้นทาง
การทำงานร่วมกันของหน่วยงานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง “โมเดลจุดบริการเชิงเครือข่าย” ที่ไม่ได้มีเพียงทหารหรือสำนักงานทางหลวงลุยเดี่ยว แต่เป็นการใช้ศักยภาพของทุกภาคส่วนมาสนับสนุนเป้าหมายเดียวกัน คือ การทำให้ผู้ใช้ถนน “ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย”
บริการเล็ก ๆ ที่ช่วยชีวิตคนได้มากกว่าที่คิด
แม้จุดบริการประชาชนจะเป็นพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่ แต่ภายในก็ถูกจัดสรรให้รองรับฟังก์ชันสำคัญหลายด้าน
- จุดพักรถ–พักคน
มีการจัดโต๊ะ–เก้าอี้สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ต้องการพักผ่อนระหว่างทาง พร้อมบริการน้ำดื่มสะอาด ลูกอม และผ้าเย็น เพื่อช่วยลดความล้าและเพิ่มความสดชื่นให้ผู้ขับขี่ การเปิดพื้นที่ให้คนได้ “ยืดเส้นยืดสาย” มีส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงจากอาการหลับใน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลตามรายงานของหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนนหลายแห่ง - การแพทย์ขั้นต้นและปฐมพยาบาล
การมีเสนารักษ์จากโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราชประจำจุด ทำให้ประชาชนที่เริ่มมีอาการผิดปกติ เช่น เวียนหัว หน้ามืด หรือมีโรคประจำตัว สามารถขอรับคำแนะนำและการตรวจเบื้องต้นได้ทันที ช่วยลดโอกาสที่ผู้มีภาวะเสี่ยงจะฝืนขับรถต่อไป จนกลายเป็นเหตุร้ายบนท้องถนน - ศูนย์ข้อมูลเส้นทางและเตือนภัย
เจ้าหน้าที่ที่จุดบริการทำหน้าที่ให้ข้อมูลเส้นทาง จุดเสี่ยงบนถนนช่วงต่อไป รวมถึงแนะนำจุดพักอื่น ๆ และเบอร์ติดต่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งสอดรับกับแนวทางระดับประเทศที่เน้นใช้ข้อมูลจราจรและจุดเสี่ยงเพื่อวางมาตรการเชิงป้องกันในช่วงเทศกาลปีใหม่
แม้บริการเหล่านี้จะดูเรียบง่าย แต่ในเชิงสถิติ การเปิดจุดพัก–จุดบริการประชาชนในเส้นทางระยะไกล ถูกใช้เป็นมาตรการหนึ่งในการลดอุบัติเหตุในหลายประเทศ โดยช่วยให้ผู้ขับขี่มีจุดพักที่ปลอดภัย ไม่ต้องจอดในที่มืดหรือพื้นที่เสี่ยง และสามารถประเมินสภาพร่างกายตนเองก่อนออกเดินทางต่อ
กองทัพบกกับบทบาท “ที่พึ่งทางใจ” บนท้องถนน
ในระดับประเทศ กองทัพบกไทยจัดตั้งจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่กว่า 210 แห่งทั่วประเทศ และระดมกำลังพลหลายพันนายเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ ทั้งการสนับสนุนข้อมูล การแพทย์ และการช่วยเหลืออุบัติเหตุ รวมถึงการป้องกัน–บรรเทาสาธารณภัยในภาพรวม
จุดบริการของ มทบ.37 ที่หน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 จึงเป็น “จิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่ง” ในเครือข่ายความปลอดภัยที่กองทัพบกกำลังปูพรมทั่วประเทศในช่วงปีใหม่ 2569 แต่สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือการใช้ “จิตอาสาพระราชทาน” เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน
การมีเยาวชน นักศึกษาวิชาทหาร และนักศึกษาช่างจากวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลประชาชน ทำให้จุดบริการไม่ใช่พื้นที่ราชการที่เคร่งขรึม หากแต่เป็น “เวทีเรียนรู้พลเมือง” ที่เยาวชนได้สัมผัสกับการทำงานจิตอาสาในสถานการณ์จริง ได้เรียนรู้ความสำคัญของความปลอดภัยทางถนน และได้ร่วมเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ในการรักษาชีวิตเพื่อนร่วมสังคม
สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว ภาพของกำลังพลทหารและเยาวชนจิตอาสาที่คอยต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ให้ข้อมูลเส้นทาง และยื่นผ้าเย็น–น้ำดื่มให้ในวันที่อากาศเย็นจัดและถนนเต็มไปด้วยรถ ก่อให้เกิด “ความรู้สึกมั่นใจ” ว่าระหว่างทางยังมีหน่วยงานของรัฐที่คอยมองเห็นและพร้อมช่วยเหลืออยู่เสมอ
เชียงราย จากประตูการท่องเที่ยว สู่สนามทดสอบมาตรการความปลอดภัย
เชียงรายไม่ได้เป็นเพียงปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาว แต่ยังเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างหลายจังหวัดในภาคเหนือ และเส้นทางข้ามแดนไปเมียนมา–สปป.ลาว ส่งผลให้ปริมาณรถยนต์และรถโดยสารเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาล
ในหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดเชียงรายจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลร่วมกับหน่วยงานด้านคมนาคม ตำรวจ ทหาร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุจาก ปภ. และศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ ThaiRSC เป็นฐานการวางมาตรการ ทั้งจุดตรวจเมาไม่ขับ จุดพักรถ และการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในชุมชน
การที่ มทบ.37 ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมจังหวัดชายแดนภาคเหนือ เข้ามาจัดตั้งจุดบริการประชาชนร่วมกับแขวงทางหลวงฯ จึงถือเป็นส่วนสำคัญของ “แนวป้องกันอุบัติเหตุเชิงยุทธศาสตร์” เพราะทหารไม่เพียงมีศักยภาพด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ แต่ยังสามารถบูรณาการเข้ากับระบบสาธารณสุขและโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างยืดหยุ่นในช่วงเวลาที่ทรัพยากรของหน่วยงานอื่นถูกใช้งานอย่างเต็มที่
จากงานเทศกาลสู่การลงทุนด้านความปลอดภัยระยะยาว
หากพิจารณาในมุมกว้าง ปฏิบัติการตั้งจุดบริการประชาชนของ ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.37 และภาคีเครือข่ายครั้งนี้ สามารถตีความได้อย่างน้อยสามมิติสำคัญ คือ
- มิติด้านความปลอดภัยทางถนน (Road Safety)
การเพิ่มจุดพักและศูนย์ข้อมูลบนเส้นทางหลัก ช่วยให้ผู้ขับขี่มีทางเลือกหยุดพักอย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงจากความเหนื่อยล้าสะสม และเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ได้ประเมินสภาพร่างกาย–ยานพาหนะของผู้เดินทางบางส่วนก่อนกลับขึ้นถนนอีกครั้ง - มิติด้านความมั่นคงทางสังคม (Social Cohesion)
การมีทหารและจิตอาสาพระราชทานในพื้นที่บริการสร้าง “สะพานเชื่อม” ระหว่างสถาบันความมั่นคงกับชุมชนในเชิงบวก ภาพของทหารถือถังน้ำ แจกผ้าเย็น หรือช่วยเข็นรถเสียริมทาง สร้างความทรงจำที่แตกต่างจากการมองกองทัพในมิติการปฏิบัติการทางทหารเพียงอย่างเดียว - มิติด้านการพัฒนาเยาวชน (Civic Education)
การเปิดพื้นที่ให้เยาวชน นักศึกษาวิชาทหาร และนักศึกษาช่างจากวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย เข้ามามีบทบาทด้านบริการสาธารณะ ช่วยสร้าง “บทเรียนพลเมือง” นอกห้องเรียน ทำให้เยาวชนมองเห็นผลลัพธ์ของการทำงานอาสาอย่างเป็นรูปธรรม และมีแนวโน้มจะเติบโตเป็นพลเมืองที่ตระหนักถึงความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นในอนาคต
ในระยะยาว หากจังหวัดเชียงรายและหน่วยงานระดับชาติสามารถเก็บข้อมูลผลลัพธ์จากการตั้งจุดบริการประชาชน ทั้งด้านจำนวนผู้ใช้บริการ ความพึงพอใจ และแนวโน้มสถิติอุบัติเหตุบนเส้นทางที่มีจุดบริการเมื่อเทียบกับเส้นทางที่ไม่มี ก็จะสามารถใช้บทเรียนจาก “จุดเล็ก ๆ” เหล่านี้ไปพัฒนานโยบายความปลอดภัยทางถนนในระดับประเทศต่อไปได้จุดบริการเล็ก ๆ กับภารกิจใหญ่ “พาคนไทยถึงบ้านอย่างปลอดภัย”
ตลอดช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ถึง 5 มกราคม 2569 จุดบริการประชาชนหน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 จะยังคงทำหน้าที่เป็นทั้ง “จุดพักกาย” และ “จุดพักใจ” ให้กับผู้คนที่สัญจรผ่านไป–มา บนเส้นทางสู่เชียงรายและภาคเหนือ
สำหรับหลายคน การแวะดื่มน้ำ เปลี่ยนคนขับ หรือขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูสภาพรถเพียงไม่กี่นาที อาจเป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ ระหว่างทาง แต่ในมุมของเจ้าหน้าที่ ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.37 และภาคีเครือข่าย ทุกการแวะพักคือ “โอกาสทอง” ที่จะลดความเสี่ยงและป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นข้างหน้า
เมื่อเสียงพลุและดอกไม้ไฟในคืนส่งท้ายปีเก่าดังขึ้น หลายครอบครัวอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า การที่ทุกคนได้ยืนอยู่พร้อมหน้ากันในค่ำคืนนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานเงียบ ๆ ของเจ้าหน้าที่ตามจุดบริการประชาชนเหล่านี้
ในมุมมองข่าวเชิงลึก ปฏิบัติการของ มทบ.37 ครั้งนี้ อาจไม่ได้แก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนของประเทศได้ทั้งหมดในทันที แต่เป็น “ก้าวเล็ก ๆ ที่จำเป็น” บนเส้นทางยาวไกลของการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน และย้ำเตือนให้สังคมเห็นว่า กองทัพยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะ “ที่พึ่งของประชาชน” ในทุกโอกาสและทุกสถานการณ์จริง ๆ
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37
- ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 37
- โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช
- แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1
- วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย (ข้อมูลผู้ให้ข่าวของผู้ใช้)
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
- สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
- กองทัพบก
- ข้อมูลอุบัติเหตุ ThaiRSC






































