Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายเปิดงบกระตุ้น อปท.ไร้บทบาท งบกระจุกหน่วยงานกลาง ชายแดนโดดเด่น

เปิดแกะไส้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.87 พันล้าน จ.เชียงราย “กรมทางหลวง” คว้าแชมป์ อปท.ไม่ได้แม้แต่บาทเดียว

เชียงราย, 30 มิถุนายน 2568 – ในขณะที่รัฐบาลเร่งปั่นเศรษฐกิจด้วยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมหาศาล 157,000 ล้านบาท ภาพที่ปรากฏในจังหวัดเชียงรายกลับสะท้อนความเหลื่อมล้ำที่น่าตั้งคำถาม เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดกลับไม่ได้รับแม้แต่บาทเดียว ขณะที่หน่วยงานราชการส่วนกลางแบ่งปันงบประมาณกันหมด

เปิดตัวเลขสะเทือน งบ 1.87 พันล้าน แบ่งไป 10 หน่วยงาน

จากการวิเคราะห์เชิงลึกของทางเชียงรายนิวส์ พบว่าจังหวัดเชียงรายได้รับจัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกทั้งสิ้น 1,876,111,500 บาท จาก 191 โครงการ โดยมี “กรมทางหลวง” เป็นตัวจริงคว้าสิงโตงวดไปถึง 713,901,000 บาท จาก 82 โครงการ คิดเป็นสัดส่วนถึง 38% ของงบประมาณทั้งหมด

รองลงมาคือ “กรมทรัพยากรน้ำ” ที่ได้ 327,525,800 บาท จากเพียง 2 โครงการ แต่ละโครงการมีมูลค่าเฉลี่ยโครงการละกว่า 163 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดในรายการ ตามด้วย “กรมชลประทาน” 255 ล้านบาท, “กรมทางหลวงชนบท” 175 ล้านบาท และ “กองทัพบก” 154 ล้านบาท ตามลำดับ

อำเภอเมืองเชียงรายยืนหนึ่ง ชายแดนตามติด

เมื่อมองในมิติของพื้นที่ อำเภอเมืองเชียงรายครองตำแหน่งผู้นำด้วยงบประมาณ 243,601,300 บาท จาก 34 โครงการ สะท้อนความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของจังหวัด ขณะที่อำเภอเวียงชัยติดอันดับสองด้วย 219 ล้านบาท แม้จะมีเพียง 4 โครงการ

น่าสนใจคือ อำเภอชายแดนสำคัญอย่างเชียงแสน เชียงของ และเทิง ได้รับงบประมาณสูงเป็นอันดับต้นๆ ด้วยมูลค่า 214, 185 และ 182 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดนเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน

เจาะลึกโครงการ “มีดีมีเสีย” แบบเดียวกับระดับชาติ

ข้อมูลสำคัญเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่ทำให้เห็นภาพรวมของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น โดยระบุว่า “โครงการที่อนุมัติเหมือนใช้งบกลางปกติ ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นโครงการที่ทำอยู่แล้ว หรือถูกหั่นงบจากงบประมาณ 68”

ตัวอย่างเช่น การซ่อมถนนตามวงรอบปกติของทางหลวง การช่วยผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือการเพิ่มเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ตั้งงบไม่พอ ซึ่งล้วนเป็นภารกิจปกติที่ควรจะดำเนินการอยู่แล้ว

โครงการใหม่น่าจับตา แต่ยังไม่เห็นรายละเอียด

อย่างไรก็ตาม ยังมีโครงการใหม่ที่น่าสนใจ เช่น โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งที่ได้รับจัดสรร 1,760 ล้านบาท (แม้จะขออนุมัติ 3,100 ล้านบาท) สินเชื่อผู้ประกอบการผ่านประกันสังคมหมื่นล้านบาท และโครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (OTOD) รวมถึง OTOD AI ช่วยชาติ แต่ยังไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน

สำหรับในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โครงการที่โดดเด่นและน่าจับตา ได้แก่ การปรับปรุงห้องน้ำสาธารณะตามแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอสำคัญหลายแห่ง เช่น เชียงแสน เวียงแก่น ขุนตาล ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ยังมีโครงการแก้มลิง เขื่อนประตูน้ำ ระบบสูบน้ำไฟฟ้าในหลายพื้นที่ เช่น แม่สาย เชียงแสน เทิง ซึ่งสอดคล้องกับการรับมือภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำซากในพื้นที่

ข้อกังวลที่ต้องจับตา

แม้จะมีโครงการที่น่าสนใจ แต่ก็มีข้อกังวลที่ไม่ควรมองข้าม เริ่มจากการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ได้รับงบประมาณเลย ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดและเข้าใจปัญหาพื้นที่ได้ดี

การกระจุกตัวของงบประมาณในบางพื้นที่ เช่น อำเภอเมืองเชียงรายที่ได้รับงบมากที่สุด ขณะที่อำเภอห่างไกล เช่น แม่สรวย เวียงแก่น แม่ลาว ได้รับงบน้อย อาจเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการพัฒนา

ความซ้ำซ้อนของโครงการบางประเภทในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ห้องน้ำสาธารณะหรือระบบส่งน้ำ ซึ่งหากขาดการบูรณาการ อาจใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ

ผลกระทบระยะสั้น-ยาว ต่อจังหวัดเชียงราย

ในระยะสั้น โครงการเหล่านี้จะสร้างการจ้างงานโดยตรง โดยเฉพาะในภาคก่อสร้าง ทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินในพื้นที่ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แรงงานในท้องถิ่น ร้านค้า และซัพพลายเออร์จะได้รับประโยชน์โดยตรง

ในระยะยาว การลงทุนในระบบน้ำและถนนในพื้นที่ชนบทจะเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร การเดินทาง และการเข้าถึงตลาด พื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติบ่อยจะมีระบบรองรับที่ดีขึ้น

การยกระดับแหล่งท่องเที่ยวด้วยการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพสูง

สำหรับบทบาทของพื้นที่ชายแดน การที่อำเภอเชียงของ-เชียงแสนได้รับงบจำนวนมาก สะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมสู่ศูนย์เศรษฐกิจ CLMVT Corridor ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของจังหวัดในอนาคต

ข้อเสนอแนะต่อการติดตามและพัฒนา

ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ภูมิภาคเสนอแนะว่า ควรมีการเปิดเผยข้อมูลผลสัมฤทธิ์ของแต่ละโครงการเป็นระยะ เพื่อสร้างความโปร่งใสและให้ประชาชนสามารถติดตามได้

การส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบหรือติดตามผลโครงการ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการลงทุนสูง จะช่วยให้โครงการตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ได้มากขึ้น

การใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงรายที่เชื่อมโยงกับลาว-จีน ผ่านเชียงแสนและเชียงของ จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการลงทุนในครั้งนี้

นอกจากนี้ ควรพิจารณาการพัฒนา “Smart Chiang Rai” ที่เชื่อมโยงระบบพื้นฐานเข้ากับการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบน้ำอัจฉริยะ ถนนอัจฉริยะ หรือระบบติดตามผลแบบออนไลน์

โอกาสทองสู่ความยั่งยืน

การใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.87 พันล้านบาทในจังหวัดเชียงรายครั้งนี้ หากดำเนินอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส จะเป็น “โอกาสทอง” ในการเร่งพัฒนาจังหวัดให้ยกระดับจาก “เมืองปลายทางท่องเที่ยว” ไปสู่ “ศูนย์กลางเศรษฐกิจชายแดนภาคเหนือ” ได้ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการจะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ดี การมีส่วนร่วมของประชาชน และการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง หากขาดองค์ประกอบเหล่านี้ โครงการเหล่านี้อาจกลายเป็นเพียงตัวเลขในกระดาษ โดยไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงให้กับประชาชนในพื้นที่ได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนและวิเคราะห์ข้อมูลโดย กันณพงศ์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งนครเชียงรายนิวส์
  • เรียบเรียงโดย มนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ร่วมก่อตั้งนครเชียงรายนิวส์
  • ข้อมูลการจัดสรรงบประมาณโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดเชียงราย
  • ข้อมูลงบประมาณจาก ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568
  • ข้อมูลการจัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชาติ วงเงิน 157,000 ล้านบาท รอบแรก
  • การวิเคราะห์จากกรมพัฒนาชุมชน กรมทางหลวง กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
EDITORIAL

“งบกลาง” 1.2 แสนล้าน โปร่งใสไร้คอร์รัปชัน?

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ เตือนรัฐ! “งบกลาง” เสี่ยงทุจริตสูง จี้ออกมาตรการสร้างโปร่งใสด่วน

ประเทศไทย, 4 มิถุนายน 2568 – ในช่วงที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 โดยมีการจัดสรร “งบกลาง” วงเงินมหาศาลกว่า 6.32 แสนล้านบาท องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ได้ออกโรงเตือนภัยสังคมผ่านบทความและสื่อโซเชียล ถึงความเสี่ยง “สูงมาก” ต่อการทุจริต การใช้จ่ายไม่คุ้มค่า และความไม่โปร่งใส โดยเน้นย้ำว่ารัฐบาลควรเร่งปฏิรูปมาตรการกำกับดูแลงบกลางให้เกิดความโปร่งใส พร้อมเสนอแนะแนวทางที่ควรเร่งดำเนินการ ก่อนที่ปัญหาการใช้จ่ายงบประมาณโดยไร้ประสิทธิภาพจะกลายเป็นวิกฤตซ้ำรอยอดีต

งบกลาง” กับกับดักคอร์รัปชัน จุดเปราะบางของงบประมาณแผ่นดิน

นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เผยแพร่บทความเตือนภัยสังคมผ่านเพจทางการ โดยเน้นย้ำถึงความอ่อนไหวของ “งบกลาง” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งมีวงเงินสูงถึง 1.23 แสนล้านบาทในปีงบประมาณ 2569 และยังมีงบกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 มูลค่า 1.57 แสนล้านบาทเพิ่มเข้ามาอีก

งบกลาง” กลายเป็นแหล่งงบประมาณที่ง่ายต่อการอนุมัติ ใช้จ่ายโดยไม่ต้องมีแผนล่วงหน้า โครงการส่วนใหญ่มักข้ามขั้นตอนตรวจสอบของรัฐสภา และให้อำนาจดุลพินิจกับฝ่ายบริหารโดยตรง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี นำไปสู่การใช้จ่ายที่ขาดความโปร่งใส มีโอกาสสูงที่จะเกิดการบิดเบือนและทุจริต” นายมานะระบุ

3 ปัจจัยเสี่ยง งบกลางไทยทำไม “โกงง่าย”

  1. ความยืดหยุ่นสูง ขาดแผนล่วงหน้า
    งบกลางไม่จำเป็นต้องมีรายละเอียดโครงการล่วงหน้า อนุมัติได้ง่ายและรวดเร็ว โครงการที่ผ่านมักไม่ได้เข้าสู่การกลั่นกรองหรือตรวจสอบโดยรัฐสภาเหมือนงบประมาณปกติ
  2. ดุลพินิจสูง อยู่ในมือผู้มีอำนาจ
    แม้กฎหมายจะกำหนดให้เสนอผ่าน ครม. แต่ในทางปฏิบัติ การตัดสินใจส่วนใหญ่อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรีและพรรคการเมืองหลัก เปิดช่องให้เกิดการจัดสรรงบประมาณตามผลประโยชน์กลุ่มหรือพวกพ้อง
  3. ข้ออ้างฉุกเฉิน เปิดช่องจัดซื้อพิเศษ
    การอ้าง “ภาวะฉุกเฉิน” หรือ “เร่งด่วน” ทำให้สามารถจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษได้ง่ายขึ้น ลดระยะเวลาตรวจสอบ เพิ่มโอกาสหลบเลี่ยงมาตรฐานความโปร่งใส

ตัวอย่างเช่น งบกลางฉุกเฉินในอดีตเคยถูกนำไปใช้ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ งบป้องกันไฟป่า ตลอดจนงบราชการลับหรือโครงการเล็กๆ ที่ไม่มีผู้ติดตาม เช่น ขุดลอกคูคลอง หรือปลูกต้นไม้ ซึ่งล้วนมีความเสี่ยงในการถูกใช้ผิดวัตถุประสงค์

บทเรียนอดีต งบกลางกับคดีทุจริต

ในอดีตเคยมีโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรมวงเงิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งอนุมัติจากงบกลางและกระจายไปให้มหาวิทยาลัย 4 แห่งในภาคอีสาน ปัจจุบันกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกำลังถูกดำเนินคดีโดยดีเอสไอ หลังพบพฤติกรรมทุจริตและใช้เงินผิดวัตถุประสงค์

ไม่เพียงเท่านี้ การใช้งบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2569 จำนวน 1.57 แสนล้านบาท ยังตกอยู่ภายใต้ข้อสังเกตว่าอาจถูกเร่งรัดโดยขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบ หลายโครงการถูกนำเสนอเพราะถูกตัดทิ้งจากการพิจารณางบประมาณปกติหรือเป็น “โครงการแฟ้มเก่า” ที่ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ จึงมีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นโครงการที่ฟุ่มเฟือย ไม่ตรงกับภารกิจหน่วยงาน หรือไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

ตัวอย่างที่ถูกตั้งคำถาม เช่น งบ 50 ล้านบาทในจังหวัดระยอง สำหรับสร้างซุ้มตรวจการและรั้ว หรือการติดตั้งเสาไฟในถนนสายรองที่ขาดความจำเป็นในเชิงยุทธศาสตร์

มาตรการกำกับดูแลที่ควรเร่งดำเนินการ

นายมานะ นิมิตรมงคล เสนอแนะแนวทางแก้ไขไว้ว่า

  • รัฐบาลต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจน กำกับทุกโครงการที่ใช้งบกลางว่าเป็นไปตาม “ความจำเป็นจริง”
  • เปิดเผยทุกขั้นตอนต่อสาธารณะ ให้สื่อและประชาชนเข้าตรวจสอบได้เสรีและทันที
  • ต้องมีระบบประเมินผลหลังการใช้จ่าย ให้ชัดเจนว่าตรงวัตถุประสงค์ มีประสิทธิภาพและโปร่งใส
  • หากเกิดทุจริตต้องมีการเอาผิดอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในสังคม

ความโปร่งใสคือคำตอบ

ปัญหางบกลางมิใช่เพียงเรื่องทุจริตเชิงระบบ หากแต่เกี่ยวพันกับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาล การใช้งบกลางที่ขาดโปร่งใสไม่เพียงทำลายระบบราชการ ยังบั่นทอนศรัทธาต่อรัฐไทยทั้งระบบ การปฏิรูประบบงบประมาณกลางให้โปร่งใส ตรวจสอบได้จึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันผลักดัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ACT: www.anticorruption.or.th
  • กรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th
  • สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

รัฐบาลทุ่ม ‘พันล้าน’ พัฒนา 141 โครงการพลิกโฉม ‘เชียงราย’

จังหวัดเชียงรายเดินหน้า141 โครงการ พัฒนาท้องถิ่น ใช้งบกว่า 1,000 ล้าน ยกระดับคุณภาพชีวิต-เกษตรกรรม-ท่องเที่ยว

เชียงราย,31 พฤษภาคม 2568 – ท่ามกลางเป้าหมายในการสร้างจังหวัดเชียงรายให้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาคเหนือ รัฐบาลกลางได้เปิดโอกาสให้แต่ละจังหวัดจัดทำข้อเสนอแผนพัฒนาพื้นที่เพื่อนำเสนอรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้กรอบวงเงินรวมกว่า 157,000 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้เร่งจัดทำแผนโครงการพัฒนาจำนวน 141 รายการ วงเงินรวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท ครอบคลุม 18 อำเภอทั่วจังหวัด โดยเน้นหนักในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการน้ำ การป้องกันตลิ่ง การส่งเสริมการท่องเที่ยว และความปลอดภัยในชุมชน

การเคลื่อนไหวเชิงนโยบายนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงความตั้งใจของจังหวัดในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืน หากแต่ยังเป็นการต่อยอดจากปัญหาที่มีมานาน ทั้งถนนชำรุด น้ำท่วมซ้ำซาก และการขาดโครงสร้างพื้นฐานรองรับนักท่องเที่ยวที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเชียงรายเริ่มกลายเป็นจุดหมายของนักลงทุนและนักเดินทางจากประเทศเพื่อนบ้าน

จุดเริ่มต้นของการเสนอแผนงบประมาณเชิงพื้นที่

ในช่วงต้นปี 2568 จังหวัดเชียงรายได้จัดประชุมร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการ และภาคประชาสังคม เพื่อรวบรวมปัญหาและความต้องการเร่งด่วนในพื้นที่ ก่อนจะสังเคราะห์เป็นแผนงบประมาณ โดยให้ความสำคัญกับการกระจายงบอย่างเป็นธรรม และเน้นผลสัมฤทธิ์เชิงพื้นที่อย่างแท้จริง

โครงการทั้งหมดถูกรวบรวมและจัดลำดับความสำคัญ โดยสำนักงานจังหวัดเชียงราย และนำเสนอเข้าสู่ระบบงบประมาณตามกรอบของสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

  1. เพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมและสาธารณูปโภค
  2. พัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค
  3. ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติ
  4. สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชน
  5. เสริมความปลอดภัยในพื้นที่และความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว

วิเคราะห์โครงการเด่นและผลประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ

  1. ด้านโครงสร้างพื้นฐานและถนน (วงเงินรวมประมาณ 330 ล้านบาท)
  • ถนน คสล. สาย ชร.ถ.69-146 บ้านโป่งเกลือใต้ อ.เมือง วงเงิน 11,166,000 บาท ครอบคลุมประชาชน 988 คน
  • งานบำรุงทางหลวง 1098 และ 1429 ใน อ.แม่จัน และ อ.เชียงแสน ใช้งบกว่า 30 ล้านบาท
  • ถนนสายรองในพื้นที่ชนบทอีกกว่า 10 โครงการ ครอบคลุมผู้ใช้งานรวมกว่า 100,000 คน
  1. ระบบน้ำเพื่อการเกษตรและชลประทาน (วงเงินรวมกว่า 400 ล้านบาท)
  • สถานีสูบน้ำบ้านสบคำ อ.เชียงแสน วงเงิน 45 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูก 1,500 ไร่
  • ขุดลอกลำห้วยน้ําเหลือง ต.ท่าสุด อ.เมือง วงเงิน 497,500 บาท ได้ประโยชน์กว่า 12,000 คน
  • ปรับปรุงอ่างเก็บน้ำหนองแหวน และอ่างใน ต.นางแล รวมกว่า 10 โครงการ
  1. ป้องกันตลิ่งและภัยธรรมชาติ (รวมกว่า 100 ล้านบาท)
  • เขื่อนริมแม่น้ำกก หลังศูนย์ราชการ อ.เมือง วงเงิน 1,292,000 บาท คุ้มครอง 500 ครัวเรือน
  • เขื่อนริมแม่น้ำลาว บ้านเฟือยไฮ อ.เวียงป่าเป้า งบ 2.8 ล้านบาท ปกป้องพื้นที่เกษตรกว่า 1,500 ไร่
  1. ส่งเสริมการท่องเที่ยวและความปลอดภัย (วงเงินรวมกว่า 25 ล้านบาท)
  • ปรับปรุงสวนญี่ปุ่น – สวนตุง – สวนหิน อ.เวียงเชียงรุ้ง วงเงินรวม 1.5 ล้านบาท
  • รถรางนำเที่ยว บ้านโป่งศรีนคร ต.โรงช้าง งบ 900,000 บาท
  • กล้องวงจรปิด 120 จุด ต.โรงช้าง งบ 1.2 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความมั่นใจนักท่องเที่ยว

ใครได้ประโยชน์จากแผนนี้

จากการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ พบว่าประชาชนกว่า 250,000 คนใน 18 อำเภอจะได้รับประโยชน์โดยตรง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่ขาดแคลนสาธารณูปโภค โดยแบ่งเป็นกลุ่มหลัก ได้แก่:

  • เกษตรกร ได้รับประโยชน์จากระบบน้ำและการชลประทานที่เพิ่มขึ้น
  • ผู้สัญจรและชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล ได้ใช้ถนนใหม่ ปลอดภัยขึ้น และลดเวลาเดินทาง
  • ผู้ประกอบการในชุมชนและภาคการท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากการเพิ่มระบบโครงสร้างและเครื่องมือสนับสนุน
  • ประชาชนทั่วไป มีความมั่นใจในระบบความปลอดภัยมากขึ้นจากกล้อง CCTV และเขื่อนป้องกันน้ำหลาก

วิเคราะห์แนวโน้มและผลลัพธ์เชิงระบบ

แม้งบประมาณที่เสนอยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา แต่โครงการที่นำเสนอมีความเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาจังหวัดและเป้าหมาย BCG Economy ได้แก่

  • การใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ผ่านระบบสูบน้ำและฝายแบบประหยัดพลังงาน
  • การส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการพัฒนาท่องเที่ยวชุมชนและใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น
  • การสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ ผ่านงานก่อสร้างและระบบบริการในแต่ละโครงการ

ในระยะยาว หากโครงการทั้งหมดได้รับงบสนับสนุนและบริหารจัดการได้อย่างโปร่งใส จะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ และเสริมศักยภาพของเชียงรายในการเป็นเมืองเศรษฐกิจชายแดนเต็มรูปแบบ

สถิติประกอบข่าว

  • จำนวนโครงการทั้งหมด 141 โครงการ
  • วงเงินรวม1,226,677,700 บาท
  • ประชาชนที่ได้รับประโยชน์โดยตรง ราว 250,000 คน
  • พื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับการพัฒนา มากกว่า 20,000 ไร่
  • งบโครงสร้างพื้นฐาน 330 ล้านบาท
  • งบระบบน้ำ 400 ล้านบาท
  • งบป้องกันภัยพิบัติ: 100 ล้านบาท
  • งบท่องเที่ยวและความปลอดภัย 25 ล้านบาท

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

เพื่อให้การดำเนินโครงการภายใต้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทของจังหวัดเชียงรายเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ ควรมีแนวทางสนับสนุนเพิ่มเติม

  1. จัดให้มีระบบติดตามและประเมินผลอย่างโปร่งใส
    ควรเผยแพร่ความคืบหน้าการดำเนินโครงการผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มสาธารณะของจังหวัด พร้อมรายละเอียดงบประมาณที่ใช้ในแต่ละช่วง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้
  2. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นระดับอำเภอ
    การจัดประชุมหรือเวทีเสวนาร่วมกับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหรือเกี่ยวข้องกับโครงการ จะช่วยให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน และปรับแผนให้สอดคล้องกับความต้องการจริงของพื้นที่
  3. ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดเก็บข้อมูลและรายงานผล
    เช่น การสร้างระบบฐานข้อมูลกลางหรือแดชบอร์ดออนไลน์ที่แสดงความก้าวหน้าของแต่ละโครงการแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดความล่าช้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
  4. บูรณาการแผนงานร่วมกับส่วนกลางและท้องถิ่น
    การเชื่อมโยงเป้าหมายของจังหวัดกับแผนระดับกระทรวง หน่วยงานรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะช่วยให้การดำเนินงานไม่ซ้ำซ้อนและสามารถต่อยอดเป็นโครงการเชิงระบบในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • เอกสารงบประมาณ “บัญชีโครงการที่เสนอขอภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาทของจังหวัดเชียงราย” จากสำนักงานจังหวัดเชียงราย
  • ข้อมูลสถิติจำนวนประชากร: สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2567)
  • แผนพัฒนาจังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2566 – 2570
  • แนวทางการจัดทำงบประมาณภาครัฐ ประจำปี พ.ศ. 2568 จากสำนักงบประมาณ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE