Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 ผนึกกำลังจิตอาสาฯ ตั้งจุดบริการประชาชนรับปีใหม่ 2569 หน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1

ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชน” มทบ.37 ผนึกกำลังจิตอาสาฯ ตั้งจุดบริการรับปีใหม่ 2569 ดูแลความปลอดภัย–อำนวยความสะดวกนักเดินทางสู่เชียงราย

เชียงราย,30 ธันวาคม 2568 – บริเวณหน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 อำเภอเมืองเชียงราย เต็นท์สีเหลือง–ฟ้าที่มีตราสัญลักษณ์จิตอาสาพระราชทาน และธงหน่วยงานความมั่นคงโบกสะบัดอยู่เคียงข้างกระแสจราจรที่หนาแน่นขึ้นต่อเนื่อง ภาพเหล่านี้กลายเป็น “ด่านแรกของความอุ่นใจ” ให้กับผู้ขับขี่ที่กำลังมุ่งหน้ากลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยวสู่ภาคเหนือในโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่ปีใหม่ 2569

ภายใต้นโยบาย “ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส” ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) ร่วมกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มทบ.37 และหน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ–การศึกษา–โครงสร้างพื้นฐาน ร่วมกันจัดตั้ง “จุดบริการประชาชน” ชั่วคราวขึ้น ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ถึง 5 มกราคม 2569 เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เส้นทางสายสำคัญที่มุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงราย

จุดบริการเล็ก ๆ บนถนนใหญ่ ในช่วงเวลาที่ความเสี่ยงพุ่งสูง

เวลา 10.00 น. ของวันเดียวกัน พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37 และผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มทบ.37 ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลและอาสาสมัครที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดบริการหน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1

การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงพิธีการตามวาระเทศกาล แต่คือการ “เช็กความพร้อมทุกจุดสัมผัส” ทั้งด้านบุคลากร ระบบการแพทย์ขั้นต้น การจัดระเบียบจราจร และการให้ข้อมูลเส้นทางแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อให้จุดบริการแห่งนี้ทำงานได้จริงในฐานะ “ด่านลดความเสี่ยง” บนถนนช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สถิติอุบัติเหตุของประเทศพุ่งสูงขึ้นทุกปี

ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระบุว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 เกิดอุบัติเหตุทางถนนรวม 2,288 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 2,307 คน และเสียชีวิต 284 คน โดยยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ และสาเหตุหลักมาจากขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ และตัดหน้ากระชั้นชิด

ขณะที่ข้อมูลจากสำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ระบุว่า ในช่วงต้นการรณรงค์ “10 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2568” (27–28 ธันวาคม 2567) จังหวัดเชียงรายมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้ว 15 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 15 ราย และเสียชีวิต 1 ราย โดยสาเหตุหลักยังคงมาจากขับรถเร็วเกินกำหนด ดื่มแล้วขับ และหลับใน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์

สถิติเหล่านี้สะท้อนว่าจังหวัดเชียงรายไม่เพียงเป็น “ปลายทางท่องเที่ยวฤดูหนาว” แต่ยังเป็นพื้นที่ที่รัฐต้องลงทุนมาตรการด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้การเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่จบลงด้วยการสูญเสีย

บูรณาการทุกกำลัง ทหาร–แพทย์–เยาวชน–ช่างเทคนิค บนฐานทางหลวง

การจัดตั้งจุดบริการประชาชนครั้งนี้ มทบ.37 เลือกใช้พื้นที่หน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์บนเส้นทางสายหลักเข้าสู่ตัวเมืองเชียงรายและเชื่อมต่อไปยังอำเภอ สำคัญต่าง ๆ ในภาคเหนือ

ภายในจุดบริการ มีการบูรณาการกำลังจากหลายหน่วยงาน ได้แก่

  • จิตอาสาพระราชทาน และกำลังพล มทบ.37 ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการต้อนรับประชาชน ดูแลความเรียบร้อยโดยรวม และอำนวยความสะดวกในการใช้พื้นที่จอดพัก
  • ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มทบ.37 สนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์และกำลังพลสำหรับรับมือเหตุฉุกเฉิน ทั้งอุบัติเหตุจราจรและเหตุภัยพิบัติอื่นที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพอากาศ
  • โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช ส่งเจ้าหน้าที่เสนารักษ์และบุคลากรทางการแพทย์มาประจำจุด เพื่อช่วยตรวจคัดกรองอาการผิดปกติของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเกิดเหตุไม่คาดคิด
  • กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 ในพระองค์ฯ (ร.17 พัน 3) เสริมกำลังด้านความปลอดภัยในภาพรวม และพร้อมเข้าช่วยเหลือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • นักศึกษาวิชาทหาร มทบ.37 และนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย เข้าร่วมในฐานะเยาวชนจิตอาสา ช่วยงานด้านการประสานงาน การให้ข้อมูล การตรวจเช็กสภาพเบื้องต้นของยานพาหนะ และการสร้างบรรยากาศการรณรงค์ที่เป็นมิตรกับประชาชน
  • แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 ทำหน้าที่เจ้าของพื้นที่ สนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการจราจร และการติดตั้งป้ายเตือน–ป้ายให้ข้อมูลเส้นทาง

การทำงานร่วมกันของหน่วยงานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง “โมเดลจุดบริการเชิงเครือข่าย” ที่ไม่ได้มีเพียงทหารหรือสำนักงานทางหลวงลุยเดี่ยว แต่เป็นการใช้ศักยภาพของทุกภาคส่วนมาสนับสนุนเป้าหมายเดียวกัน คือ การทำให้ผู้ใช้ถนน “ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย”

บริการเล็ก ๆ ที่ช่วยชีวิตคนได้มากกว่าที่คิด

แม้จุดบริการประชาชนจะเป็นพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่ แต่ภายในก็ถูกจัดสรรให้รองรับฟังก์ชันสำคัญหลายด้าน

  1. จุดพักรถ–พักคน
    มีการจัดโต๊ะ–เก้าอี้สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ต้องการพักผ่อนระหว่างทาง พร้อมบริการน้ำดื่มสะอาด ลูกอม และผ้าเย็น เพื่อช่วยลดความล้าและเพิ่มความสดชื่นให้ผู้ขับขี่ การเปิดพื้นที่ให้คนได้ “ยืดเส้นยืดสาย” มีส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงจากอาการหลับใน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลตามรายงานของหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนนหลายแห่ง
  2. การแพทย์ขั้นต้นและปฐมพยาบาล
    การมีเสนารักษ์จากโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราชประจำจุด ทำให้ประชาชนที่เริ่มมีอาการผิดปกติ เช่น เวียนหัว หน้ามืด หรือมีโรคประจำตัว สามารถขอรับคำแนะนำและการตรวจเบื้องต้นได้ทันที ช่วยลดโอกาสที่ผู้มีภาวะเสี่ยงจะฝืนขับรถต่อไป จนกลายเป็นเหตุร้ายบนท้องถนน
  3. ศูนย์ข้อมูลเส้นทางและเตือนภัย
    เจ้าหน้าที่ที่จุดบริการทำหน้าที่ให้ข้อมูลเส้นทาง จุดเสี่ยงบนถนนช่วงต่อไป รวมถึงแนะนำจุดพักอื่น ๆ และเบอร์ติดต่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งสอดรับกับแนวทางระดับประเทศที่เน้นใช้ข้อมูลจราจรและจุดเสี่ยงเพื่อวางมาตรการเชิงป้องกันในช่วงเทศกาลปีใหม่

แม้บริการเหล่านี้จะดูเรียบง่าย แต่ในเชิงสถิติ การเปิดจุดพัก–จุดบริการประชาชนในเส้นทางระยะไกล ถูกใช้เป็นมาตรการหนึ่งในการลดอุบัติเหตุในหลายประเทศ โดยช่วยให้ผู้ขับขี่มีจุดพักที่ปลอดภัย ไม่ต้องจอดในที่มืดหรือพื้นที่เสี่ยง และสามารถประเมินสภาพร่างกายตนเองก่อนออกเดินทางต่อ

กองทัพบกกับบทบาท “ที่พึ่งทางใจ” บนท้องถนน

ในระดับประเทศ กองทัพบกไทยจัดตั้งจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่กว่า 210 แห่งทั่วประเทศ และระดมกำลังพลหลายพันนายเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ ทั้งการสนับสนุนข้อมูล การแพทย์ และการช่วยเหลืออุบัติเหตุ รวมถึงการป้องกัน–บรรเทาสาธารณภัยในภาพรวม

จุดบริการของ มทบ.37 ที่หน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 จึงเป็น “จิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่ง” ในเครือข่ายความปลอดภัยที่กองทัพบกกำลังปูพรมทั่วประเทศในช่วงปีใหม่ 2569 แต่สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือการใช้ “จิตอาสาพระราชทาน” เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน

การมีเยาวชน นักศึกษาวิชาทหาร และนักศึกษาช่างจากวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลประชาชน ทำให้จุดบริการไม่ใช่พื้นที่ราชการที่เคร่งขรึม หากแต่เป็น “เวทีเรียนรู้พลเมือง” ที่เยาวชนได้สัมผัสกับการทำงานจิตอาสาในสถานการณ์จริง ได้เรียนรู้ความสำคัญของความปลอดภัยทางถนน และได้ร่วมเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ในการรักษาชีวิตเพื่อนร่วมสังคม

สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว ภาพของกำลังพลทหารและเยาวชนจิตอาสาที่คอยต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ให้ข้อมูลเส้นทาง และยื่นผ้าเย็น–น้ำดื่มให้ในวันที่อากาศเย็นจัดและถนนเต็มไปด้วยรถ ก่อให้เกิด “ความรู้สึกมั่นใจ” ว่าระหว่างทางยังมีหน่วยงานของรัฐที่คอยมองเห็นและพร้อมช่วยเหลืออยู่เสมอ

เชียงราย จากประตูการท่องเที่ยว สู่สนามทดสอบมาตรการความปลอดภัย

เชียงรายไม่ได้เป็นเพียงปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาว แต่ยังเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างหลายจังหวัดในภาคเหนือ และเส้นทางข้ามแดนไปเมียนมา–สปป.ลาว ส่งผลให้ปริมาณรถยนต์และรถโดยสารเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาล

ในหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดเชียงรายจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลร่วมกับหน่วยงานด้านคมนาคม ตำรวจ ทหาร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุจาก ปภ. และศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ ThaiRSC เป็นฐานการวางมาตรการ ทั้งจุดตรวจเมาไม่ขับ จุดพักรถ และการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในชุมชน

การที่ มทบ.37 ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมจังหวัดชายแดนภาคเหนือ เข้ามาจัดตั้งจุดบริการประชาชนร่วมกับแขวงทางหลวงฯ จึงถือเป็นส่วนสำคัญของ “แนวป้องกันอุบัติเหตุเชิงยุทธศาสตร์” เพราะทหารไม่เพียงมีศักยภาพด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ แต่ยังสามารถบูรณาการเข้ากับระบบสาธารณสุขและโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างยืดหยุ่นในช่วงเวลาที่ทรัพยากรของหน่วยงานอื่นถูกใช้งานอย่างเต็มที่

จากงานเทศกาลสู่การลงทุนด้านความปลอดภัยระยะยาว

หากพิจารณาในมุมกว้าง ปฏิบัติการตั้งจุดบริการประชาชนของ ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.37 และภาคีเครือข่ายครั้งนี้ สามารถตีความได้อย่างน้อยสามมิติสำคัญ คือ

  1. มิติด้านความปลอดภัยทางถนน (Road Safety)
    การเพิ่มจุดพักและศูนย์ข้อมูลบนเส้นทางหลัก ช่วยให้ผู้ขับขี่มีทางเลือกหยุดพักอย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงจากความเหนื่อยล้าสะสม และเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ได้ประเมินสภาพร่างกาย–ยานพาหนะของผู้เดินทางบางส่วนก่อนกลับขึ้นถนนอีกครั้ง
  2. มิติด้านความมั่นคงทางสังคม (Social Cohesion)
    การมีทหารและจิตอาสาพระราชทานในพื้นที่บริการสร้าง “สะพานเชื่อม” ระหว่างสถาบันความมั่นคงกับชุมชนในเชิงบวก ภาพของทหารถือถังน้ำ แจกผ้าเย็น หรือช่วยเข็นรถเสียริมทาง สร้างความทรงจำที่แตกต่างจากการมองกองทัพในมิติการปฏิบัติการทางทหารเพียงอย่างเดียว
  3. มิติด้านการพัฒนาเยาวชน (Civic Education)
    การเปิดพื้นที่ให้เยาวชน นักศึกษาวิชาทหาร และนักศึกษาช่างจากวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย เข้ามามีบทบาทด้านบริการสาธารณะ ช่วยสร้าง “บทเรียนพลเมือง” นอกห้องเรียน ทำให้เยาวชนมองเห็นผลลัพธ์ของการทำงานอาสาอย่างเป็นรูปธรรม และมีแนวโน้มจะเติบโตเป็นพลเมืองที่ตระหนักถึงความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นในอนาคต

ในระยะยาว หากจังหวัดเชียงรายและหน่วยงานระดับชาติสามารถเก็บข้อมูลผลลัพธ์จากการตั้งจุดบริการประชาชน ทั้งด้านจำนวนผู้ใช้บริการ ความพึงพอใจ และแนวโน้มสถิติอุบัติเหตุบนเส้นทางที่มีจุดบริการเมื่อเทียบกับเส้นทางที่ไม่มี ก็จะสามารถใช้บทเรียนจาก “จุดเล็ก ๆ” เหล่านี้ไปพัฒนานโยบายความปลอดภัยทางถนนในระดับประเทศต่อไปได้จุดบริการเล็ก ๆ กับภารกิจใหญ่ “พาคนไทยถึงบ้านอย่างปลอดภัย”

ตลอดช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ถึง 5 มกราคม 2569 จุดบริการประชาชนหน้าแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 จะยังคงทำหน้าที่เป็นทั้ง “จุดพักกาย” และ “จุดพักใจ” ให้กับผู้คนที่สัญจรผ่านไป–มา บนเส้นทางสู่เชียงรายและภาคเหนือ

สำหรับหลายคน การแวะดื่มน้ำ เปลี่ยนคนขับ หรือขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูสภาพรถเพียงไม่กี่นาที อาจเป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ ระหว่างทาง แต่ในมุมของเจ้าหน้าที่ ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.37 และภาคีเครือข่าย ทุกการแวะพักคือ “โอกาสทอง” ที่จะลดความเสี่ยงและป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นข้างหน้า

เมื่อเสียงพลุและดอกไม้ไฟในคืนส่งท้ายปีเก่าดังขึ้น หลายครอบครัวอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า การที่ทุกคนได้ยืนอยู่พร้อมหน้ากันในค่ำคืนนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานเงียบ ๆ ของเจ้าหน้าที่ตามจุดบริการประชาชนเหล่านี้

ในมุมมองข่าวเชิงลึก ปฏิบัติการของ มทบ.37 ครั้งนี้ อาจไม่ได้แก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนของประเทศได้ทั้งหมดในทันที แต่เป็น “ก้าวเล็ก ๆ ที่จำเป็น” บนเส้นทางยาวไกลของการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน และย้ำเตือนให้สังคมเห็นว่า กองทัพยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะ “ที่พึ่งของประชาชน” ในทุกโอกาสและทุกสถานการณ์จริง ๆ

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37
  • ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 37
  • โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช
  • แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1
  • วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย (ข้อมูลผู้ให้ข่าวของผู้ใช้)
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
  • สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กองทัพบก
  • ข้อมูลอุบัติเหตุ ThaiRSC
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

นครเชียงรายนิวส์ จับมือศิลปิน “อิ๋ม พุทธรักษ์” มอบรายได้ขายกระเป๋าดูแลโรงเรียนบ้านป่าตึงตลอดปี

36 ปี นครเชียงรายนิวส์ เปลี่ยนศิลปะสู่โอกาส มอบความมั่นคงให้โรงเรียนป่าตึงตลอดปี

เชียงราย,29 ธันวาคม 2568 – เมื่อกระเป๋าผืนหนึ่งกลายเป็นมื้ออาหารหนึ่งปีเต็ม และความรักจากศิลปินกลายเป็นพลังต่อลมหายใจให้โรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งบนดินแดนล้านนา บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าตึง ตำบลเจริญเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เมื่อทีมงานจากสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ นำโดยคุณกันณพงศ์ และคุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร พร้อมด้วยศิลปินหญิงชื่อดัง “อิ๋ม-พุทธรักษ์ ดาษดา” และคุณพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เดินทางมาส่งมอบความสุขในวันพิเศษที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย

กิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปี (ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2532) ของสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ แต่แทนที่จะเป็นงานเลี้ยงฉลองตามปกติ ผู้ก่อตั้งกลับเลือกที่จะเปลี่ยนวาระแห่งความสุขนี้ให้กลายเป็นการสร้างโอกาสที่ยั่งยืนแก่เยาวชนในพื้นที่

เมื่อศิลปะกลายเป็นสะพานแห่งการให้

หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ กระเป๋าสะพาย Limited Edition ที่ออกแบบโดยศิลปินหญิงชาวเชียงราย “อิ๋ม-พุทธรักษ์ ดาษดา” ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานภาพวาดฝาผนัง 7-Eleven เชียงราย ผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่า รัก – Luck” สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคสีอะครีลิคบนกระดาษ โดยได้แรงบันดาลใจจาก “ผีเสื้อใบรัก” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความปรารถนาดี

กระเป๋าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะนี้ถูกจำหน่ายในราคา 336 บาท (จำกัดการซื้อท่านละไม่เกิน 5 ใบ) และได้รับความสนใจจากผู้ใหญ่ใจดีทั่วประเทศอย่างล้นหลาม สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นคือ รายได้จากการขายกระเป๋า ได้ถูกนำมาใช้เพื่อดูแลนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าตึงตลอดทั้งปี 2569

นายธีร์ ชมเชย รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตึง เปิดเผยถึงสภาพของโรงเรียนว่า “เด็กๆ ที่นี่ผูกพันกับพื้นที่มาก และครอบครัวส่วนใหญ่มีทุนทรัพย์จำกัดเพียงพอแค่การใช้จ่ายในท้องถิ่นเท่านั้น เราและคณะครูจึงเห็นตรงกันว่าจะเปิดทำการสอนจนกว่าจะไม่มีนักเรียนเหลืออยู่ และจะดูแลพวกเขาอย่างเต็มกำลังเท่าที่มี”

คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของคณะครูที่จะไม่ทิ้งเด็กๆ ไว้ข้างหลัง แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของสังคมจะทำให้โรงเรียนขนาดเล็กหลายแห่งต้องปิดตัวลง แต่โรงเรียนบ้านป่าตึงยังคงยืนหยัดดูแลเยาวชนในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง

วันแห่งความสุขที่โรงเรียนบ้านป่าตึง

เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม 2568 คณะผู้มาเยือนพิเศษได้มาถึงโรงเรียนบ้านป่าตึง กิจกรรมวันนี้เริ่มต้นด้วยการจัดเตรียมอาหารกลางวันมื้อพิเศษ ซึ่งทางสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้จัดหามาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน

เวลา 12.00-13.00 น. เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุด เมื่อเด็กๆ นั่งรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาสะท้อนให้เห็นถึงความสุขง่ายๆ ที่เกิดจากการได้รับประทานอาหารอร่อยร่วมกับผู้ใหญ่ใจดีที่เดินทางมาไกลเพื่อมอบความห่วงใยให้พวกเขา

หลังจากนั้น ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. กิจกรรมระบายสีได้เริ่มขึ้น เด็กๆ ได้แสดงออกถึงจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ผ่านสีและพู่กัน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน ซึ่งศิลปิน “อิ๋ม-พุทธรักษ์” ได้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด คอยให้กำลังใจและแบ่งปันประสบการณ์ทางศิลปะแก่นักเรียน

ในช่วงท้ายของกิจกรรม เวลา 14.00-14.30 น. เป็นช่วงเวลาแห่งการมอบของและการถ่ายภาพร่วมกัน ซึ่งนอกจากอาหารและกิจกรรมแล้ว ทางสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ยังได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการศึกษาให้กับทางโรงเรียน โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างโอกาสให้เด็กๆ

เครือข่ายความดีจากทั่วทุกสารทิศ

สิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในกิจกรรมครั้งนี้คือการมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของการรวมตัวเพื่อสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคม โรงเรียนสกุลศึกษา (Sakulsuksa School) โรงเรียนเอกชนที่ตั้งอยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ได้เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนกิจกรรมอย่างใกล้ชิด ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจและเห็นคุณค่าของการให้โอกาสแก่เยาวชนในทุกพื้นที่ของประเทศ

คุณพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรมและอยู่ร่วมตลอดทั้งวัน เพื่อส่งต่อความสุขและกำลังใจให้แก่นักเรียนและคณะครู ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของหน่วยงานภาครัฐในการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมในพื้นที่ ส่วนบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้สนับสนุนสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการศึกษา ซึ่งเป็นการเสริมสร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนอย่างเป็นรูปธรรม

เสียงจากผู้ให้และผู้รับ ความหมายที่ลึกซึ้งกว่าตัวเลข

คุณกันณพงศ์ และคุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ กล่าวถึงความตั้งใจในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า “ยินดีที่ได้มาส่งความสุขให้กับน้องๆ นักเรียน เพราะเคยได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีอย่างโรงเรียนสกุลศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ที่เห็นความสำคัญของกิจกรรมเหล่านี้ เราก็อยากส่งต่อ และเชื่อว่าน้องๆ ที่ได้รับ เมื่อได้รับเต็มที่แล้ว สิ่งที่เหลือก็จะส่งต่อกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ต่อไป”

คำกล่าวนี้สะท้อนถึงปรัชญาการให้ที่มิใช่เพียงแค่การบริจาคครั้งเดียว แต่เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกการส่งต่อความดีให้เกิดขึ้นเป็นวัฏจักรที่ไม่สิ้นสุด การได้รับโอกาสในวันนี้จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เหล่านี้เติบโตขึ้นและส่งต่อโอกาสให้คนรุ่นต่อไปเมื่อพวกเขามีความพร้อม ศิลปิน “อิ๋ม-พุทธรักษ์ ดาษดา” กล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “ยินดีและขอบคุณนครเชียงรายนิวส์ ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ซึ่งตัวเธอไม่คิดค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมครั้งนี้ และยังส่งต่อความสุข ความตั้งใจผ่านผลงานชิ้นนี้ การมาเห็นทำให้รู้สึกชื่นใจและมีกำลังใจในการทำงานต่อไป”

คำพูดจากศิลปินสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของศิลปะ ซึ่งมิใช่เพียงแค่งานสร้างสรรค์เพื่อความสวยงาม แต่คือสื่อกลางในการส่งต่อความรักและความหวังดีจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง การได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ

ด้านตัวแทนจากคณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าตึง ได้กล่าวขอบคุณถึงกิจกรรมในครั้งนี้อย่างสุดซึ้ง พวกเขารู้สึกดีใจที่โรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้ได้รับความเอาใจใส่ และนักเรียนได้สัมผัสกับอาหารและโอกาสที่ทุกคนมอบให้ ซึ่งเป็นกำลังใจอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้พวกเขามีแรงสู้ต่อไปในการพัฒนาเยาวชนในพื้นที่

การให้ที่ยั่งยืน มากกว่าหนึ่งมื้ออาหาร

สิ่งที่โดดเด่นของโครงการ “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” คือการมองไปไกลกว่าการช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว ทางสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้ตัดสินใจมอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการดูแลนักเรียนนาน 1 ปีเต็ม ซึ่งประกอบด้วย

  1. อาหารกลางวันมื้อพิเศษ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เพื่อเสริมสร้างพลังกายและพลังสมองในการเรียนรู้
  2. วัตถุดิบและเครื่องปรุงสำหรับการประกอบอาหารในโรงเรียน เพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดหาอาหารที่มีคุณภาพให้นักเรียนได้อย่างต่อเนื่อง
  3. ค่าประกันอุบัติเหตุสำหรับนักเรียนทุกคน เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับครอบครัวและลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

การมอบความช่วยเหลือแบบครอบคลุมและยั่งยืนนี้ ทำให้คณะครูและผู้บริหารโรงเรียนสามารถมุ่งความสนใจไปที่การจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณในการดูแลเด็กๆ ตลอดทั้งปี 2569

ทีมผู้บริหารนครเชียงรายนิวส์ย้ำว่า “เราไม่ได้ต้องการช่วยเพื่อให้จบ แต่ต้องการให้การช่วยเหลือคือการต่อยอด การต่อลมหายใจ ให้มีเวลาในการต่อสู้ต่อไป การช่วยที่ดีคือช่วยให้ดำเนินดำรงชีวิตตัวเองต่อไปได้”

แนวคิดนี้สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า การช่วยเหลือที่แท้จริงมิใช่การให้ปลา แต่คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ผู้รับสามารถยืนหยัดและสู้ต่อไปได้ด้วยตัวเอง การมอบความมั่นคงด้านอาหารและสวัสดิการเป็นเวลา 1 ปี จึงเป็นการให้โอกาสแก่โรงเรียนในการวางแผนพัฒนาด้านอื่นๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความอยู่รอดขั้นพื้นฐาน

บทเรียนจาก “รัก – Luck” เมื่อ 336 บาทกลายเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง

กระเป๋าสะพายราคา 336 บาท อาจดูเป็นเพียงสินค้าชิ้นเล็กๆ แต่เมื่อมีผู้ใหญ่ใจดีทั่วประเทศร่วมมือกัน มูลค่าที่เกิดขึ้นไม่ได้วัดด้วยตัวเลขเงิน แต่คือความหวังและโอกาสที่มอบให้แก่เด็กๆ ในโรงเรียนบ้านป่าตึงตลอดทั้งปี

การจำกัดการซื้อท่านละไม่เกิน 5 ใบ เป็นการกระจายโอกาสในการทำบุญและสร้างความรู้สึกร่วมเป็นเจ้าของโครงการให้กับผู้สนับสนุนจำนวนมากที่สุด ทุกคนที่ถือกระเป๋า “รัก – Luck” ใบนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงผู้บริโภคสินค้า แต่คือหนึ่งในผู้สร้างโอกาสให้เด็กๆ ในชนบทได้มีอนาคตที่ดีขึ้น

ความพิเศษของกระเป๋าชิ้นนี้ยังอยู่ที่การเป็น Limited Edition คอลเลกชันเดียวในโลก ที่ออกแบบโดยศิลปินระดับประเทศ และมีเรื่องราวความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ทุกครั้งที่เจ้าของกระเป๋าหยิบใช้ จะได้นึกถึงรอยยิ้มของเด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านป่าตึง และรู้สึกภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคม

36 ปี แห่งการเป็นสื่อมวลชนที่รับผิดชอบต่อสังคม

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2532 ตลอดระยะเวลา 36 ปี ได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการนำเสนอข่าวสารที่ถูกต้อง เป็นกลาง และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในจังหวัดเชียงรายและภาคเหนือ

แต่การเป็นสื่อมวลชนที่ดีมิใช่เพียงแค่การรายงานข่าว หากแต่คือการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้น กิจกรรม CSR ครั้งนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของสำนักข่าวในการก้าวข้ามบทบาทสื่อมวลชนไปสู่การเป็น “ผู้สร้างสังคม” (Social Creator) ที่ได้รับการยอมรับจากสังคม

กิจกรรมในครบรอบปีนี้จึงไม่ใช่การเฉลิมฉลองเพียงแค่ภายในองค์กร แต่คือการส่งต่อคุณค่าที่สำนักข่าวได้รับจากสังคมกลับคืนสู่ชุมชน เพื่อให้เด็กๆ ที่เป็นอนาคตของชาติได้รับโอกาสที่ดีกว่า และเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของสังคมไทย

โรงเรียนบ้านป่าตึง จุดยืนแห่งความมุ่งมั่นท่ามกลางความท้าทาย

โรงเรียนบ้านป่าตึง ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเจริญเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งในโรงเรียนขนาดเล็กที่ยังคงเปิดทำการสอนแม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากร และข้อจำกัดด้านงบประมาณ นายธีร์ ชมเชย รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ชี้ให้เห็นถึงเหตุผลสำคัญที่โรงเรียนยังคงเปิดให้บริการว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีความผูกพันกับพื้นที่อย่างลึกซึ้ง และครอบครัวของพวกเขามีทุนทรัพย์เพียงพอแค่ใช้จ่ายในท้องถิ่น หากต้องส่งบุตรหลานไปเรียนในเมือง ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะกลายเป็นภาระหนักที่รับไม่ไหว

ด้วยเหตุนี้ คณะครูจึงตัดสินใจร่วมกันว่าจะเปิดทำการสอนต่อไปจนกว่าจะไม่มีนักเรียนเหลืออยู่ และจะดูแลพวกเขาอย่างเต็มกำลังเท่าที่มี ความมุ่งมั่นนี้สะท้อนถึงจิตวิญญาณของครูที่แท้จริง ซึ่งไม่ได้มองการศึกษาเป็นเพียงอาชีพ แต่คือพันธกิจในการสร้างอนาคตที่ดีให้แก่เยาวชนในพื้นที่

การได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ในครั้งนี้ จึงเป็นเสมือนลมหายใจใหม่ที่จะช่วยให้โรงเรียนสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและสวัสดิการของนักเรียนตลอดทั้งปี

ระบบนิเวศแห่งการแบ่งปัน บทเรียนจากความสำเร็จของโครงการ

ความสำเร็จของกิจกรรม “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” สะท้อนให้เห็นถึงการทำ CSR ที่มีประสิทธิภาพใน 3 มิติสำคัญ

  1. มิติภาพลักษณ์องค์กร นครเชียงรายนิวส์ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่เกินกว่าการเป็นสื่อมวลชน แต่คือผู้นำในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม การที่องค์กรใช้วาระครบรอบปีมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมแทนการจัดงานเลี้ยงฉลอง สะท้อนถึงคุณค่าและหลักการดำเนินงานที่ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม
  2. มิติความยั่งยืน การมอบทุนที่ครอบคลุมทั้งอาหาร วัตถุดิบ และค่าประกันอุบัติเหตุตลอด 1 ปี ช่วยลดภาระทางเศรษฐกิจของโรงเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้บริหารและคณะครูสามารถมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความอยู่รอดขั้นพื้นฐาน
  3. มิติทางจิตวิทยา การได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ใจดีทั่วประเทศส่งผลต่อทัศนคติของเด็กๆ ในชนบท ให้รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง และพร้อมจะส่งต่อความสุขนี้ต่อไปในอนาคต ดังที่คุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหารสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ กล่าวว่า เมื่อน้องๆ ได้รับอย่างเต็มที่แล้ว วันหนึ่งพวกเขาจะส่งต่อโอกาสนี้ให้คนอื่นไปเรื่อยๆ เป็นวัฏจักรการให้ที่ไม่สิ้นสุด 

ข้อคิดสำหรับองค์กรและผู้ประกอบการ

โครงการ “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” เป็นต้นแบบของการทำ CSR ที่มีความหมายและสร้างผลกระทบที่แท้จริง ซึ่งมีหลายบทเรียนที่องค์กรอื่นๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ การร่วมมือกับศิลปินและผู้สร้างสรรค์ การเชิญศิลปินระดับประเทศมาออกแบบสินค้าเพื่อการกุศล ไม่เพียงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงศิลปะกับการทำความดี ทำให้ผู้สนับสนุนรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของงานศิลปะที่มีความหมาย

การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ การระบุว่ารายได้จะนำไปใช้ดูแลนักเรียนตลอด 1 ปี พร้อมรายละเอียดที่ครอบคลุมทั้งอาหาร วัตถุดิบ และประกัน ทำให้ผู้สนับสนุนเห็นภาพชัดเจนว่าเงินของตนจะไปช่วยเหลืออะไรบ้าง การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ การเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาจากต่างจังหวัด เป็นการขยายพลังในการทำความดีและสร้างแรงบันดาลใจให้หน่วยงานอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วม การลงพื้นที่จริง การที่ทีมผู้บริหารเดินทางไปมอบความช่วยเหลือด้วยตนเอง ทำกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ และถ่ายทอดบรรยากาศผ่านสื่อ สร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้สนับสนุน การสื่อสารที่โปร่งใส การเปิดเผยรายละเอียดการใช้จ่ายและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน สร้างความมั่นใจให้ผู้สนับสนุนว่าเงินของพวกเขาไปถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ แนวทางการส่งต่อความดีและการพัฒนาต่อยอด จากความสำเร็จของกิจกรรมในครั้งนี้ สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้วางรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาต่อยอดในอนาคต ซึ่งอาจรวมถึง

การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง การกลับไปเยี่ยมเยียนและติดตามพัฒนาการของนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าตึง เพื่อดูว่าความช่วยเหลือที่มอบไปส่งผลอย่างไรต่อคุณภาพชีวิตและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กๆ การขยายเครือข่ายความช่วยเหลือ การเชื่อมโยงโรงเรียนบ้านป่าตึงกับแหล่งทุนและความช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับโรงเรียนในระยะยาว การสร้างแรงบันดาลใจ การนำเสนอเรื่องราวของเด็กๆ และคณะครูที่โรงเรียนบ้านป่าตึง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้สังคมเห็นคุณค่าของการให้โอกาสแก่เยาวชนในพื้นที่ห่างไกล การพัฒนาโมเดลที่ทำซ้ำได้ การรวบรวมบทเรียนและแนวทางดำเนินงานจากโครงการนี้ เพื่อให้องค์กรอื่นๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการช่วยเหลือโรงเรียนและชุมชนในพื้นที่อื่นๆ

ความหมายของการให้ที่ยิ่งใหญ่

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 ณ โรงเรียนบ้านป่าตึง ตำบลเจริญเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เกิดเรื่องราวพิเศษที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมิใช่การให้เงินจำนวนมาก หากแต่คือการให้โอกาสและความหวังที่ยั่งยืน กระเป๋า “รัก – Luck” ได้กลายเป็นสะพานเชื่อมโยงความรักและความปรารถนาดีจากผู้ใหญ่ใจดีทั่วประเทศ สู่รอยยิ้มและโอกาสของเด็กๆ ในชนบท รายได้ที่ได้รับไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่คือมื้ออาหารที่อิ่มท้อง ความมั่นคงด้านสุขภาพ และที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง

ความสำเร็จของโครงการ “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” คือบทพิสูจน์ว่า การช่วยเหลือที่ดีที่สุดคือการช่วยให้คนอื่นสามารถยืนหยัดและดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยตนเอง การต่อลมหายใจให้โรงเรียนบ้านป่าตึงครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การจัดเลี้ยงอาหารเพียงหนึ่งมื้อ แต่คือการวางรากฐานความมั่นคงทางร่างกายและจิตใจให้เยาวชนเชียงรายตลอดทั้งปี 2569 สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ ในนามของสื่อมวลชนที่มีอายุครบ 36 ปี ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทใหม่ของสื่อในศตวรรษที่ 21 ที่มิใช่เพียงแค่ผู้รายงานข่าว แต่คือผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม การที่สำนักข่าวเลือกใช้วาระครบรอบปีมาสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับชุมชน สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจขององค์กร

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ สัญญาว่าจะมุ่งมั่นเป็นกระบอกเสียงและเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมเชียงรายให้เข้มแข็ง สดใส และยั่งยืนเช่นนี้สืบต่อไป เพราะเชื่อมั่นว่าการสร้างอนาคตที่ดีให้กับเยาวชน คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของสังคม

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ โครงการ “36 ปี นครเชียงรายนิวส์ ปันน้ำใจ ให้น้องอิ่ม” กิจกรรมวันที่ 29 ธันวาคม 2568 ณ โรงเรียนบ้านป่าตึง ตำบลเจริญเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
  • นายธีร์ ชมเชย รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตึง
  • คุณกันณพงศ์ และคุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์
  • คุณอิ๋ม-พุทธรักษ์ ดาษดา ศิลปินผู้ออกแบบกระเป๋า “รัก – Luck”

หน่วยงานที่ร่วมสนับสนุน:

  • โรงเรียนสกุลศึกษา (Sakulsuksa School) อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
  • บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME