Categories
ECONOMY NEWS UPDATE

จากโลกออนไลน์สู่ยอดจอง! เปิดยุทธศาสตร์คว้าโอกาส เมื่อเชียงรายถูกค้นหามากที่สุด

เชียงรายคว้าอันดับ 1 เมืองน่าเที่ยวจาก Google Trends—แรงดันดีมานด์ปลายปีหนุนเมืองรองโดดเด่น รับสัญญาณไฮซีซันและมาตรการรัฐ

เชียงราย, 24 ตุลาคม 2568 — เสียงลมหนาวเริ่มแตะยอดดอยพอดี ขณะที่ “เชียงราย” ผงาดขึ้นอันดับ 1 เมืองน่าเที่ยวจากการค้นหาใน Google Trends (ข้อมูล ณ 24 กันยายน 2568) พร้อมแรงเสริมจากบทวิเคราะห์แนวโน้มการท่องเที่ยวของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ชี้ว่าดีมานด์เดินทางช่วงไฮซีซันยังแข็งแรง โดยเฉพาะกลุ่มเมืองรองในภาคเหนือ สัญญาณทั้งหมดกำลังสอดรับกันอย่างลงตัว ทั้งสภาพอากาศเย็นสบาย เทศกาลปลายปี กิจกรรมเชิงวัฒนธรรม และแพ็กเกจการตลาดที่ถูกจังหวะ

ภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียง “กระแสออนไลน์” หากสะท้อนการตัดสินใจจริงของผู้เดินทาง ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่กำลังล็อกเส้นทางปลายปี ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการท่องเที่ยวและชุมชนเจ้าบ้านเริ่มเร่งเครื่องรับลูก เพื่อเปลี่ยนยอดค้นหาให้เป็น “ยอดจอง–ยอดใช้จ่าย” ที่วัดได้ในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น

เศรษฐกิจดีมานด์ปลายปีมาแรง เมืองรองได้อานิสงส์ชัด

การติดอันดับ 1 ใน Google Trends ชี้ให้เห็น “อุปสงค์แฝง” ที่กำลังจะปลดล็อกสู่การเดินทางจริง โดยบทวิเคราะห์ แนวโน้มการท่องเที่ยวตลาดในประเทศ เดือนตุลาคม 2568 ของ ททท. ประเมินว่า เดือนนี้จะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยราว 16.28 ล้านคน–ครั้ง และสร้างรายได้ท่องเที่ยวราว 93,857 ล้านบาท แม้ภาพรวมจะชะลอเล็กน้อยเมื่อเทียบปีก่อน แต่สัดส่วนการเดินทางสู่ “เมืองท่องเที่ยว” นอกเมืองหลักขยับขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับโมเมนตัมของเชียงรายที่ขึ้นแท่นเมืองน่าเที่ยวอันดับต้นในโลกออนไลน์

ฝั่ง “ปัจจัยสนับสนุน” ททท.ระบุข้อได้เปรียบสำคัญไว้ 3 มิติ

  1. มาตรการกระตุ้นช่วง Green Season และเทศกาลต่อเนื่องปลายปี
    งานวัฒนธรรมและกิจกรรมดนตรีช่วยกระจายผู้คนสู่เมืองรอง ขณะที่คอนเทนต์เชิงท้องถิ่นดึงดูดเจเนอเรชันใหม่ได้ดี
  2. ฤดูกาลท่องเที่ยวเริ่มหนาวเย็น
    อุณหภูมิที่ลดลงทำให้กิจกรรมกลางแจ้งเป็นที่นิยม การเดินป่า กางเต็นท์ และล่าสายหมอกช่วยต่อยอดที่พักและบริการชุมชน
  3. อีเวนต์ดนตรีและกิจกรรมเอาต์ดอร์
    เทศกาลดนตรีและงานวิ่งปลายปีดึงเม็ดเงินท่องเที่ยวคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y–Z ที่เน้นประสบการณ์และพร้อมจ่าย

ในอีกด้านหนึ่ง ปัจจัยอุปสรรค ยังมีให้จับตา ทั้งค่าครองชีพที่ยังสูง ภาระครัวเรือน และการท่องเที่ยวต่างประเทศที่กลับมาคึกคักในบางตลาด ทว่าเมื่อซ้อนทับกับจุดแข็งเชิงภูมิอากาศและคอนเทนต์เฉพาะถิ่น เมืองรองที่เตรียมตัวดีจะ “รับแรงส่ง” ได้มากกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งเชียงรายอยู่ในจังหวะนั้นพอดี

เชียงรายในเลนส์ข้อมูล ความสนใจพุ่ง–จุดขายชัด–แบรนด์ชุมชนแข็ง

1) สัญญาณความสนใจชัดเจน
การขึ้นอันดับ 1 เมืองน่าเที่ยวใน Google Trends สะท้อนการค้นหาที่เข้มข้น ทั้งคำหลักเกี่ยวกับ วัดร่องขุ่น–บ้านดำ–ไร่ชาฉุยฟง–ขุนน้ำนางนอน–ถนนคนเดิน รวมถึงกิจกรรมฤดูหนาว เช่น ลานดอกไม้–งานแสงสี–วิ่งเทรล ข้อมูลระดับพื้นที่ยังชี้ว่าการค้นหา “ที่พักเชียงราย” และ “คาเฟ่วิวภูเขา” เพิ่มขึ้นต่อเนื่องช่วงปลายกันยายน–ตุลาคม

2) จุดแข็งด้านความปลอดภัยและไลฟ์สไตล์
เชียงรายถูกยกให้เป็นหนึ่งในเมืองที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวเดี่ยวและกลุ่มผู้หญิง/ดิจิทัลโนแมดในเอเชีย จุดเด่นนี้เสริมความเชื่อมั่นด้านการเดินทางคนเดียวและการทำงานระยะไกล (Work from Anywhere) ที่กำลังเป็นกระแส

3) Soft Power เชิงพื้นที่
เมืองศิลปะและกาแฟคือภาพจำที่ชัด วัดร่องขุ่นของเฉลิมชัย–พิพิธภัณฑ์บ้านดำของถวัลย์–ย่านคาเฟ่กาแฟพิเศษจากดอยแม่สลอง–แม่จัน–แม่ฟ้าหลวง เชื่อมโยงวัฒนธรรม–ธรรมชาติ–วิถีหมอกหนาวได้ลื่นไหล เหมาะกับการออกแบบเส้นทาง 2–3 คืน ที่จับคู่ได้ทั้งเมือง–ชานเมือง–ชายแดน

4) ความพร้อมรองรับดีมานด์จริง
สนามบิน การคมนาคมข้ามจังหวัด และคลัสเตอร์ที่พักระดับกลาง–เล็กของชุมชน เติบโตควบคู่กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เน้นประสบการณ์และมาตรฐานสะอาดปลอดภัย ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่นักท่องเที่ยวยุคหลังโควิดให้ความสำคัญ

ภาพใหญ่ในประเทศ โครงสร้างการเดินทางเดือนตุลาคม 2568

รายงานทิศทางตลาดในประเทศของ ททท. ชี้ว่า เมืองท่องเที่ยว นอกกลุ่ม “เมืองหลัก” กำลังแย่งส่วนแบ่งผู้เยี่ยมเยือนได้ดีขึ้น โดยแรงขับมาจาก 4 ตัวแปร

  • งานเทศกาล–วัฒนธรรม–ดนตรี ที่เกิดถี่ขึ้น
  • แพ็กเกจโปรโมชันร่วมเอกชน ที่ลด Pain Point ค่าเดินทางและที่พัก
  • คอนเทนต์สื่อออนไลน์ ที่ลงพื้นที่จริง ทำให้ “หมุดหมายรอง” โดดเด่น
  • สภาพอากาศเย็นลง ที่เร่งให้คนอยากออกนอกเมืองใหญ่

ในเชิงอุปทานฝั่งที่พักและเที่ยวบิน เดือนตุลาคมยังมีที่นั่งรวมราว 4 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่สัดส่วนเส้นทางบินสู่ภาคเหนือยังแข็งแรง ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างเชียงราย–เชียงใหม่–แพร่–น่าน สามารถออกแบบทริปเชื่อมโยงแบบ “Multi-City” ได้คล่องตัว

นักท่องเที่ยวต่างชาติ โกลเดนวีกหนุนหน้าเอเชีย–ไฟลต์ใหม่ช่วยกระจายตัว

ด้านตลาดต่างชาติ รายงาน แนวโน้มเดือนตุลาคม 2568 คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 2.62 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน แต่มี “แรงหนุนเฉพาะจังหวะ” ที่สำคัญ ได้แก่

  • เทศกาล China Golden Week ช่วงปลายกันยายนถึงต้นตุลาคม ที่ดันการจองล่วงหน้าขึ้น
  • Forward Booking รวม เติบโต +1.8% โดยตลาดที่โตเด่น คือ อิสราเอล–สหราชอาณาจักร–จีน
  • เส้นทางบินใหม่ 50 เส้นทาง ในหลายภูมิภาค ที่ช่วยเพิ่มความถี่และกระจายผู้โดยสาร

กลุ่ม Short-haul Top 5 ยังนำโดย มาเลเซีย–จีน–อินเดีย–เกาหลีใต้–อินโดนีเซีย ส่วน Long-haul Top 5 ได้แก่ รัสเซีย–สหราชอาณาจักร–สหรัฐฯ–เยอรมนี–ฝรั่งเศส นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขึ้นเหนือมักจัดแพ็กเกจ “เชียงใหม่–เชียงราย” ในทริปเดียว เน้นธรรมชาติ ศิลปะ วัดดัง และคาเฟ่วิวขุนเขา ทำให้เชียงรายได้ส่วนแบ่ง “คืนพัก” เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงโลว์ซีซัน

เชียงรายต้องรับมืออะไร ค่าครองชีพ–โลจิสติกส์–คุณภาพบริการ

แม้สัญญาณเชิงบวกมีมาก แต่ ปัจจัยอุปสรรค ยังเป็นโจทย์ต้องติดตาม

  • ค่าครองชีพและค่าเดินทาง ที่กดดันการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปของนักท่องเที่ยวไทย
  • การดึงคนออกนอกเมืองใหญ่ ที่ยังต้องพึ่งอีเวนต์คุณภาพสูงและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์
  • การแข่งขันจากต่างประเทศ เมื่อหลายประเทศอาเซียนเร่งแคมเปญราคาช่วงปลายปี
  • บริหารความหนาแน่น ในจุดท่องเที่ยวยอดนิยม ช่วงไพรม์ไทม์เช้า–เย็น เพื่อรักษาประสบการณ์

เชียงรายจึงต้อง “เก็บดีเทล” ให้ครบ โดยเฉพาะการจัดการคิวจุดชมวิว การจราจรในวันพีก สัญญาณอินเทอร์เน็ตในแหล่งท่องเที่ยว และการสื่อสารหลายภาษาในย่านท่องเที่ยวหลัก เพื่อคงมาตรฐานเมืองท่องเที่ยวคุณภาพในช่วงที่ดีมานด์พุ่งขึ้นอย่างพร้อมกัน

การบ้านเชิงนโยบาย–เอกชน–ชุมชน เปลี่ยนการค้นหาเป็นการจอง

1) นโยบาย–หน่วยงานท้องถิ่น
ควรวาง แผนปฏิบัติการ 60 วัน รับไฮซีซันครอบคลุม ความปลอดภัย–จราจร–สิ่งแวดล้อม–สื่อสารแบบเรียลไทม์ พร้อมตั้งจุดข้อมูลภาษาไทย–อังกฤษในย่านหลัก และเตรียมจุดปฐมพยาบาลในงานเทศกาล

2) เอกชน–ผู้ประกอบการ
ปรับแพ็กเกจ เที่ยวยาว–ใช้จ่ายยาว” ผ่านดีลที่พัก + ร้านอาหาร + คาเฟ่ + กิจกรรมท้องถิ่น เพิ่มมูลค่าต่อบิล แนะนำสินค้าชุมชนและทัวร์ครึ่งวัน เพื่อลด “เวลาว่าง” ในทริป และขยายการใช้จ่ายสู่ชุมชนรอบนอก

3) ชุมชน–ผู้ประกอบการรายย่อย
ยกระดับ Content–Commerce ให้เดินคู่กัน เน้นเรื่องเล่าท้องถิ่น บริการที่เป็นมิตร และมาตรฐานความสะอาด–ปลอดภัย พร้อมระบบจองง่ายบนแพลตฟอร์มยอดนิยม เพื่อลดขั้นตอนตัดสินใจ

ปลายฝนต้นหนาว หนึ่งวันในเชียงรายที่พูดด้วยตัวเอง

เริ่มเช้าด้วยหมอกบางๆ เหนือทุ่งชา นักท่องเที่ยวแวะจิบกาแฟดริปจากเมล็ดดอยแม่สลอง ก่อนมุ่งหน้าไป วัดร่องขุ่น แสงเช้าสะท้อนผิววิจิตรสีขาวโพลน จบช่วงสายที่ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ซึ่งเล่าเรื่องลึกของล้านนาในภาษาศิลป์ พอเที่ยงก็สลับไปร้านอาหารท้องถิ่นริมกก บ่ายแก่ๆ แวะ คาเฟ่วิวภูเขา ที่ชุมชนเจ้าบ้านลงมือชงด้วยใจ

ยามเย็นเดินควงแขนกันที่ ถนนคนเดินเชียงราย ดนตรีเปิดหมวกดังคลอ ผู้คนเลือกผ้าทอไทลื้อ ข้าวจี่ร้อนๆ ควันกรุ่น ช่วงเวลานี้อาจเป็น “จุดตัดสินใจ” ที่สำคัญที่สุด เพราะประสบการณ์จริงจะทำให้ทุกไลก์–ทุกการค้นหา กลายเป็น “รีวิวปากต่อปาก” ที่พาเพื่อนอีกหลายคนกลับมาในฤดูกาลหน้า

โอกาสของเมืองรองในหน้าหนาว ต้องคว้าด้วยคุณภาพ

การคว้าอันดับ 1 เมืองน่าเที่ยวใน Google Trends ไม่ใช่จุดหมาย แต่เป็น “จุดเริ่ม” เชียงรายมีทรัพยากรพร้อมทั้งธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม กาแฟ และความปลอดภัย แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจจับต้องได้ ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการอย่างมีวินัย ตั้งแต่คิวจุดชมวิวจนถึงห้องน้ำสาธารณะ ตั้งแต่มาตรฐานที่พักจนถึงถังขยะรีไซเคิล ตั้งแต่ข้อมูลเรียลไทม์จนถึงเจ้าบ้านที่ยิ้มต้อนรับอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ปลายปีนี้ “เมืองรองดาวรุ่ง” จึงไม่ได้ชนะกันที่แสงสีที่ดังที่สุด แต่ชนะกันที่รายละเอียดและความสม่ำเสมอที่สุด หากเชียงรายรักษาคุณภาพเสมอต้นเสมอปลายและต่อยอด Soft Power ให้คมชัด เชียงรายจะไม่ใช่เพียง “คำค้นหายอดนิยม” แต่จะเป็น “คำตอบ” ของนักเดินทางคุณภาพในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • Google Trends
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • ททท. แนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดือนตุลาคม 2568
  • OAG / ระบบ ForwardKeys
  • ข้อมูลสาธารณะด้านความปลอดภัยนักเดินทาง/ผู้หญิงและดิจิทัลโนแมด
  • TAT Intelligence Center
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

นักท่องเที่ยวต่างชาติสิงหาคม “ชะลอแรง” เชียงรายรับโจทย์ใหญ่ช่วงไฮซีซัน

นักท่องเที่ยวต่างชาติสิงหาคม “ชะลอแรง” เหลือ 2.58 ล้านคน รายได้ 1.19 แสนล้าน ลดสองหลัก—ถอดบทเรียนทั้งประเทศและโจทย์ใหญ่สำหรับเชียงรายรับไฮซีซัน

เชียงราย, 13 กันยายน 2568 – เช้าตรู่ปลายฤดูฝนที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เครื่องบินเที่ยวแรกแตะรันเวย์พร้อมผู้โดยสารต่างชาติกลุ่มเล็กๆ ที่ยิ้มให้หมอกขาวเหนือดอยตุง—ภาพเรียบง่ายที่สะท้อนความจริงอันซับซ้อนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในเดือนสิงหาคม: นักท่องเที่ยวต่างชาติ “ยังมา” แต่ “มาน้อยลง” ข้อมูลทางการยืนยันว่า 1–31 สิงหาคม 2568 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.58 ล้านคน ลดลง 12.81% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 119,000 ล้านบาท ลดลง 13.40% สถานการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขเชิงมหภาค แต่กำลังกลายเป็นโจทย์ปลายเปิดให้ทุกจังหวัด โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม–ธรรมชาติอย่าง เชียงราย ต้องวางหมากรับไฮซีซันทันที

ภาพใหญ่ทั้งประเทศ เอเชียยังนำ, ยุโรปหนุน, อเมริกา–แอฟริกายังเล็ก

แผนที่แหล่งตลาดเดือนสิงหาคมสะท้อนทิศทางที่คุ้นเคยแต่เปราะบาง:

  • เอเชียและแปซิฟิก ครองสัดส่วนสูงสุด 72.77%
  • ยุโรป 19.17%
  • ตะวันออกกลาง 4.18%
  • อเมริกา 3.23%
  • แอฟริกา 0.65%

ความหมายเชิงนโยบายคือ ไทยยังพึ่งพาตลาดระยะใกล้เป็นหลัก ซึ่งตอบสนองไวต่อปัจจัย “ต้นทุน–ความสะดวก–ความเชื่อมั่น” (ค่าโดยสาร เที่ยวบินตรง มาตรการอำนวยความสะดวก และภาพลักษณ์ความปลอดภัย) หากหนึ่งในตัวแปรสะดุด ยอดทั้งระบบสะเทือนทันที ดังเช่นเดือนสิงหาคมที่ตัวเลขภาพรวมถดถอยสองหลัก

5 ชาติหลักยังขับเคลื่อนตลาด—จีนและมาเลเซียยืนหนึ่ง แต่พฤติกรรมเปลี่ยน

รายการ 5 ประเทศที่เดินทางเข้าไทยมากสุด เดือนสิงหาคม ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น (ตามลำดับ) พร้อมเม็ดเงินจับจ่ายที่ยังทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย

  • จีน 409,691 คน รายได้ 22,723 ล้านบาท
  • มาเลเซีย 391,777 คน รายได้ 7,742 ล้านบาท
  • อินเดีย 190,604 คน รายได้ 7,368 ล้านบาท
  • เกาหลีใต้ 133,995 คน รายได้ 5,449 ล้านบาท
  • ญี่ปุ่น 128,178 คน รายได้ 5,642 ล้านบาท

ตัวเลขยืนยันภาพ “ตลาดยังมา แต่ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น” สะท้อนจากรายได้รวมประเทศที่ลดลงมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว (หดตัว 13.40% เทียบกับ 12.81%) แปลว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัว/ทริปลดลงหรือโครงสร้างนักท่องเที่ยวเอียงไปสู่กลุ่มระยะสั้น–คุ้มค่า (value-seeking) มากขึ้น

 “เหตุชะลอ” ในมุมโครงสร้าง

  1. ความสามารถในการบิน (Air Capacity) – เที่ยวบินตรงยังกลับมาไม่เต็มที่ในหลายเส้นทางรอง ทำให้ค่าโดยสารสูงกว่าช่วงก่อนโควิด นักท่องเที่ยวระดับกลาง–ล่างชะลอการตัดสินใจ
  2. อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจประเทศต้นทาง – ตลาดเอเชียบางแห่งเผชิญกำลังซื้อหดตัว ผู้เดินทางเน้นโปรโมชั่นและฤดูกาลพีคที่แน่นอน
  3. การแข่งขันภูมิภาค – ประเทศเพื่อนบ้านเร่งนโยบายวีซ่า–เที่ยวบิน–แคมเปญราคาดึงดูดกลุ่มเดียวกัน ส่งผลให้นักเดินทางกระจายจุดหมาย

ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าศักยภาพไทยลดลง หากแต่ “สูตรเดิม” ไม่พอในปีที่ผู้บริโภคชั่งน้ำหนัก “ความคุ้มค่า + ความสะดวก + ความปลอดภัย + ความต่าง” มากกว่าที่เคย

เชื่อมโยงสู่เชียงราย เมืองปลายทางภาคเหนือที่มีทั้ง “ข้อได้เปรียบ” และ “ช่องโหว่”

ข้อได้เปรียบ

  • ภูมิทัศน์และฤดูกาลเด่น—หมอกหนาว งานไม้ดอก เดือนพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ คือทราฟฟิกหลัก
  • อัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม—วัดร่องขุน, วัดร่องเสือเต้น, บ้านดำ, ชุมชนชาติพันธุ์, วิถีชา–กาแฟดอย
  • ทำเล สามเหลี่ยมทองคำ–เชียงแสน เชื่อมลาว–เมียนมา เสริมประสบการณ์ลุ่มน้ำโขง

ช่องโหว่ที่ต้องอุด

  • เที่ยวบินตรงจากตลาดหลักยังจำกัด (จีน/เกาหลี/ญี่ปุ่น) ทำให้พึ่ง “บินต่อเชียงใหม่” ซึ่งเพิ่มเวลาและต้นทุน
  • โครงสร้างบริการรายย่อยยังไม่สม่ำเสมอ—ภาษา, การชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดน, ป้ายสื่อสารหลายภาษา, ห้องน้ำ–ความสะอาดมาตรฐานสากล
  • ไนท์อีโคโนมีและกิจกรรมช่วงเย็นยังมีช่องว่าง เมื่อเทียบเมืองท่องเที่ยวหลัก

บทสรุปเชิงกลยุทธ์ คือ เชียงรายต้อง “บีบความได้เปรียบให้สุด และลดแรงเสียดทานเล็กๆ ให้หายไป” เพื่อเปลี่ยนผู้โดยสารต่อเครื่อง/ทัวร์ข้ามจังหวัด ให้กลายเป็น “พักเชียงรายเพิ่ม 1 คืน” ให้ได้มากที่สุดในไฮซีซัน

จากตัวเลขระดับชาติ สู่ “แผนเล่นจริง” ของเชียงราย โฟกัส 5 ตลาดตามโครงสร้างเดือนสิงหา

1) จีน – ฐานใหญ่ที่ต้องชนะ ด้วยความสะดวก+ความเชื่อมั่น

  • สินค้า: แพ็กเกจ “หิมะแรกเหนือเมฆ”/“ชา–กาแฟ–ศิลปะใน 48 ชั่วโมง”, จุดถ่ายรูปและคาเฟ่โทนอบอุ่น, ประสบการณ์ชุมชนปลอดโรแมนซ์สแกม–ปลอดทัวร์บังคับซื้อ
  • บริการ: ป้าย–เมนูจีน, ไกด์จีน, รองรับ Alipay/WeChat Pay และ QR ข้ามแดน (ผ่านธนาคารไทย), ระบบขอคืนภาษีและชิปป์สินค้าถึงบ้าน
  • การสื่อสาร: ใช้โซเชียลจีน (WeChat/RED/Weibo) อินฟลูเอนเซอร์ “ทริปสั้นคุ้มค่า” เน้นเดินทางคู่เชียงใหม่หรือบินเข้าเชียงราย–ออกเชียงใหม่

2) มาเลเซีย – กลุ่มครอบครัว–เพื่อน เน้น “ความคุ้มค่าและฮาลาล”

  • สินค้า: เส้นทาง ฮาลาล–มุสลิม–โรดทริปเหนือ ร้านอาหารฮาลาล, มัสยิด, พื้นที่ละหมาดในแหล่งท่องเที่ยว
  • บริการ: ภาษา มาเลย์/อังกฤษ, ระบบจ่าย e-wallet ที่ชาวมาเลย์คุ้นเคย, โปรโมชั่น Long weekend ผูกกับสายการบินโลว์คอสต์
  • การสื่อสาร: คอนเทนต์ “หนาวใกล้–งบคุมได้” จุดขายวิวดอย–ชา–กาแฟ–ไนท์มาร์เก็ต

3) อินเดีย – กลุ่มรุ่นใหม่–ครอบครัว เน้น “ประสบการณ์และอาหาร”

  • สินค้า: เซ็ต Vegetarian/Jain-friendly, คาเฟ่วิวสวย–กิจกรรมถ่ายภาพ–แฟชั่น, โปรแกรมโรแมนติก/พรีเวดดิ้ง
  • บริการ: ภาษาอังกฤษคล่อง, ช่องทางชำระเงินสะดวก (UPI ยังไม่แพร่ในไทย—ใช้บัตร/QR), ทีมซัพพอร์ตเหตุฉุกเฉิน
  • การสื่อสาร: รีล–คลิปสั้น “อากาศเย็น–วิวอลัง–ถ่ายรูปสวยทุกมุม” บน Instagram/YouTube/Shorts

4) เกาหลีใต้ – ไลฟ์สไตล์–ธรรมชาติ–คาเฟ่

  • สินค้า: เส้นทาง Hygge in Chiang Rai คาเฟ่นั่งยาว–เส้นทางวิ่ง/ปั่น–ออนเซ็น/สปา–โฮมสเตย์อบอุ่น
  • บริการ: ป้าย–เมนูเกาหลี, พนักงานรู้วัฒนธรรมเกาหลี (เวลาอาหาร, รสชาติ, การเซอร์วิส)
  • การสื่อสาร: ใช้ Naver/Instagram, ภาพนิ่งโทนอบอุ่น–มินิมอล

5) ญี่ปุ่น – ความเรียบร้อย–มาตรฐาน–ความหมาย

  • สินค้า: ทัวร์เชิงวัฒนธรรมเล็กๆ คุณภาพสูง, ชิมชา–เซรามิก–งานฝีมือทำเองได้, เส้นทาง “เงียบ–สงบ”
  • บริการ: ความตรงเวลา–ความสะอาด–เสียงเบาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์, พนักงานกล่าวทักภาษาญี่ปุ่นพื้นฐาน
  • การสื่อสาร: รีวิวละเอียด, คู่มือภาษา/มารยาทในวัด–ชุมชน

10 มาตรการ “ทำได้ทันที” เพื่อการประทับใจในปีที่แรงซื้อหดตัว

  1. ป้ายหลายภาษา + QR คู่มือเมือง (ไทย–อังกฤษ–จีน–เกาหลี–ญี่ปุ่น) รวมแผนที่–เวลาเปิด–เลขฉุกเฉิน
  2. ยกระดับห้องน้ำสาธารณะ ตามมาตรฐาน TAT Hygienic Restroom ในทุกจุดท่องเที่ยวหลักและสถานีรถ–ท่าเรือ
  3. Payment Friendly – รับบัตร–QR ข้ามแดน (PromptPay Cross-Border, Alipay/WeChat Pay) พร้อมป้ายราคาชัดทุกเมนู
  4. Tourist Help Desk ฤดูกาลพีค – จุดช่วยเหลือ 2 ภาษาในไนท์บาซาร์/ท่าเรือเชียงแสน/วัดร่องขุน ช่วยแปล–ร้องเรียน–ตามของหาย
  5. Night Economy แบบครอบครัว – โซนดนตรีเบา–ศิลปินพื้นบ้าน–เวิร์กช็อปช่างฝีมือ เพิ่มกิจกรรมหลัง 18.00 น. ให้ “มีเหตุผลค้างเพิ่ม 1 คืน”
  6. Green Rules ชัดเจน – แนวทางท่องเที่ยวรับผิดชอบ (แยกขยะ–ลดพลาสติก–ไม่ไล่จับสัตว์–เคารพวิถีชุมชน) พร้อมการสื่อสารหลายภาษา
  7. ขนส่งเชื่อมจุดเด่น – รถชัทเทิลไลน์ “สนามบิน–เมือง–วัดร่องขุน–บ้านดำ–ไร่ชา–ไนท์มาร์เก็ต” รัดกุมต่อเวลา
  8. มาตรฐานความปลอดภัยกิจกรรม – ตรวจอุปกรณ์/ใบอนุญาตเรือ–รถ–แอดเวนเจอร์ขึ้นทะเบียน โปร่งใส
  9. ดาต้าเรียลไทม์ – เก็บ Occupancy–Visitor Flow ช่วงพีค เพื่อจัดระเบียบคิว–เปิด–ปิดทางเข้าอย่างยืดหยุ่น
  10. โปรแกรมฝึกพนักงาน 20 ชั่วโมง – ภาษา/มารยาทข้ามวัฒนธรรม/การจัดการข้อร้องเรียน เร่งร่วมกับสถาบันในพื้นที่

 “ให้เขารู้สึกว่าอยู่บ้านเดียวกัน”

ในปีที่นักท่องเที่ยว “เลือกมาก” เมืองที่ชนะไม่ใช่เมืองที่มีสถานที่สวยสุดเสมอไป แต่คือเมืองที่ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเป็นคนในพื้นที่ชั่วคราว สำหรับเชียงราย นี่คือเสน่ห์ที่มีอยู่แล้ว—โฮมสเตย์ชุมชนชาวเขา ชา–กาแฟที่เจ้าของไร่ชงเอง งานศิลป์ร่วมสมัยที่เกิดขึ้นจากคนในท้องถิ่น—เพียงต้องเล่าเรื่องให้ถูกตลาดและเพิ่มความสะดวกให้ไร้รอยต่อ

ลองจินตนาการ “ทริป 48 ชั่วโมง” สำหรับคู่รักจีนหรือครอบครัวมาเลเซีย: ลงเครื่องเช้า–รับชัทเทิลไปคาเฟ่ไร่ชา–บ่ายเข้าพิพิธภัณฑ์ศิลป์ร่วมสมัย–เย็นเดินไนท์มาร์เก็ตฮาลาลเฟรนด์ลี่–เช้าวันถัดไปทำเวิร์กช็อปย้อมผ้าชุมชน–บ่ายล่องเรือโขง–ค่ำชมแสงเมืองเก่าเชียงแสน แล้วระบบจ่ายเงิน–การสื่อสาร–ความปลอดภัย ลื่นไหลไร้สะดุด พวกเขาจะบอกต่อโดยไม่ต้องขอ

มุมเศรษฐกิจท้องถิ่น “เม็ดเงินน้อยลง ต้องกระจายในเมืองให้ได้นานขึ้น”

เมื่อค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวมีแนวโน้มลดลง กลยุทธ์ของเชียงรายควรย้ายจาก “ไล่ล่าปริมาณ” สู่ “ขยายเวลาพัก + เพิ่มกิจกรรมสร้างมูลค่า”:

  • จาก 1–2 คืนเป็น 2–3 คืน ผ่าน Night Economy, เวิร์กช็อปทำจริง, ทริปชายแดน
  • เพิ่มสัดส่วนรายได้ชุมชน เช่น แพ็กเกจ ชา–กาแฟ–เซรามิก–สิ่งทอ ที่นักท่องเที่ยว “ลงมือทำและซื้อกลับ”
  • ใช้ บัตรเมือง (City Pass) รวมรถ–ค่าเข้า–คูปองร้านท้องถิ่น เพื่อทั้งเพิ่มความคุ้มค่าและกระจายเม็ดเงิน

การสื่อสารเชิงความเชื่อมั่น ความปลอดภัย–ความเป็นระเบียบคือสินค้าที่ขายได้

ในยุคที่โลกโซเชียลตัดสินใจเร็วกว่าป้ายบอกทาง เมืองต้องขาย “ความสบายใจ” ไปพร้อมกับวิวสวย:

  • ช่องทางทางการสองภาษา (Facebook/Line/WeChat/Naver) รายงานสภาพอากาศ–คุณภาพอากาศ–ถนน–งานเทศกาล แบบวันต่อวัน
  • ระบบรับแจ้งเหตุ–ของหาย One Touch ผ่าน QR เดียว แล้วกระจายไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • การสื่อสาร มารยาทในวัด–หมู่บ้าน ให้เข้าใจง่าย (เช่น แต่งกาย/ระดับเสียง/ถ่ายภาพ) ลดความขัดแย้งเล็กๆ ที่ทำลายประสบการณ์

ไฮซีซันใกล้เข้ามา เชียงรายควร “จัดทัพ 90 วัน”

30 วันแรก – เก็บกวาดพื้นฐาน: ห้องน้ำ–ป้าย–ซ่อมไฟ–ตรวจความปลอดภัยกิจกรรม, อบรมหน้าบ้าน (โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ไกด์)
60 วันถัดมา – เปิดชัทเทิลรูท, ทดลอง Night Economy ทุกสุดสัปดาห์, เปิด Help Desk สองภาษา, เปิด City Pass รุ่นทดลอง
90 วัน – ลุยแคมเปญตลาดเป้าหมาย 5 ประเทศผ่านอินฟลูเอนเซอร์/เอเจนซี, เสนอแพ็กเกจ “เชียงใหม่–เชียงราย 4 วัน 3 คืน” เน้นภาพลักษณ์ “ภาคเหนือสะอาด–สงบ–ปลอดภัย–ชำระเงินง่าย”

ประเด็นนโยบายที่ควรหารือร่วมจังหวัด

  1. อำนวยความสะดวกเที่ยวบินตรงฤดูกาลหนาว จากเมืองรองในจีน–เกาหลี–ญี่ปุ่น พร้อมกำกับคุณภาพทัวร์
  2. มาตรฐานโฮมสเตย์–แอดเวนเจอร์ ระดับจังหวัดเดียวกัน ลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ
  3. ข้อมูลท่องเที่ยวแบบเปิด (Open Data) ให้ผู้ประกอบการเข้าถึง เพื่อวางแผนราคา–บุคลากรอย่างมีข้อมูล
  4. สิ่งแวดล้อมเป็นวาระท่องเที่ยว – จัดการขยะในแหล่งท่องเที่ยว/เส้นทางยอดนิยม พร้อมมาตรการชัดเจนช่วงเทศกาล

ตัวเลขประเทศ “เตือนให้เข้ม” แต่ไม่ใช่เหตุให้ถอย

2.58 ล้านคนและรายได้ 1.19 แสนล้านบาทในสิงหาคมที่หดตัวสองหลัก เป็นสัญญาณเตือนว่า “การแข่งขันท่องเที่ยวปี 2568 ดุเดือด” เมืองที่ไปต่อได้ต้องอ่านเกมไว ปรับสินค้า–บริการให้เข้ากับความคาดหวังนักเดินทางยุคใหม่ และสร้างความสะดวก–สบายใจแบบไร้รอยต่อ

สำหรับ เชียงราย เมืองที่มีทั้งภูมิทัศน์งดงาม วัฒนธรรมเข้ม และเส้นเลือดใหญ่ชายแดน—หากทำการบ้านตามขั้นตอน (พื้นฐานแน่น/สินค้าแตกต่าง/จ่ายเงินง่าย/สื่อสารสองภาษา/ปลอดภัยรู้สึกดี) โอกาสพลิก “ผู้โดยสารต่อเครื่อง” ให้กลายเป็น “ผู้พัก 2–3 คืน” อยู่ไม่ไกล และเมื่อเขากลับบ้านพร้อมคำว่า “รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเดียวกัน” เม็ดเงินที่หายไปย่อมมีทางกลับมา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (มท.): อินโฟกราฟิก “Tourism Situation in August 2025 – Inbound August” และสรุปสถานการณ์ท่องเที่ยว (ข้อมูล ณ 7 กันยายน 2568) ใช้ประกอบตัวเลขสำคัญ ได้แก่ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.58 ล้านคน (-12.81% YoY), รายได้ 1.19 แสนล้านบาท (-13.40% YoY), สัดส่วนภูมิภาค และ 5 ประเทศแหล่งตลาดหลักพร้อมรายได้.
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News