
ทหารช่างเร่งสร้างพนังกั้นน้ำลำน้ำสาย รับมืออุทกภัยซ้ำซาก แม่สายหวังเห็นผลก่อนฤดูฝนมาเยือน
เชียงราย,10 มิถุนายน 2568 – ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณลำน้ำสาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ขณะนี้เข้าสู่ช่วงสำคัญของโครงการก่อสร้าง “แนวป้องกันน้ำท่วมถาวร” โดย หน่วยทหารช่างจากจังหวัดราชบุรี ได้ระดมเครื่องจักรและกำลังพลลงพื้นที่ก่อสร้างกำแพงกันน้ำแบบเสาเหล็กเสียบแผ่นคอนกรีต และกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กบริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งให้ทันฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นจุดเสี่ยงอุทกภัยซ้ำซาก โดยเฉพาะตลาดสายลมจอย แหล่งค้าขายหลักของแม่สาย ที่เคยได้รับความเสียหายรุนแรงจากน้ำหลากในหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ และโครงสร้างพื้นฐานของชุมชน ทำให้ภารกิจครั้งนี้เป็นมากกว่างานช่างทั่วไป แต่คือความหวังในการรักษาความมั่นคงของชีวิตชาวบ้าน
ชาวบ้านเฝ้าติดตามใกล้ชิด วางใจใน “แนวเหล็ก-คอนกรีต” ว่าเอาอยู่
ตลอดแนวลำน้ำสาย บรรยากาศการทำงานของทหารช่างเต็มไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนจากพื้นที่ใกล้เคียงเดินทางมาดูความคืบหน้าของโครงการด้วยความหวังและกำลังใจ โดยเฉพาะในช่วงวางเสาเข็ม วางคาน และติดตั้งแผ่นคอนกรีต ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการเสริมความมั่นคงของโครงสร้าง
“ทุกปีเราต้องยกของหนีน้ำ จนเหนื่อยใจ ปีนี้ขอให้กำแพงนี้เสร็จก่อนฝนมาเถอะ” เสียงจากแม่ค้าในตลาดสายลมจอยที่สะท้อนความรู้สึกของชุมชนได้อย่างชัดเจน
โครงสร้างแนวกั้นน้ำในครั้งนี้ เป็นแบบผสมผสานระหว่าง เสาเหล็กเสียบแผ่นคอนกรีต กับ กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก มีจุดเด่นคือรับแรงดันน้ำได้สูง และลดแรงกระแทกของตะกอนและวัสดุที่ไหลตามกระแสน้ำ นอกจากนี้ยังมีการวางแผนเชื่อมต่อโครงสร้างกับถนนและพื้นที่ชุมชน เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึมเข้าพื้นที่ด้านหลัง

แรงงานเมียนมาร่วมเก็บเศษเหล็กหารายได้ ท่ามกลางเครื่องจักรที่ทำงานต่อเนื่อง
อีกด้านของโครงการก่อสร้าง คือภาพของแรงงานชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ฝั่งไทย ซึ่งเข้ามามีบทบาทแบบไม่เป็นทางการในพื้นที่ก่อสร้าง โดยอาศัยช่วงเวลาที่รถแม็คโครของทหารขุดเปิดหน้าดินบริเวณริมตลิ่ง ร่วมกันเก็บเศษเหล็กจากโครงสร้างเก่าใต้ดิน โดยบางคนใช้ค้อนทุบแผ่นคอนกรีตเดิมเพื่อดึงเหล็กเส้นออกไปขายในตลาดท้องถิ่น
แม้กิจกรรมนี้จะไม่ได้อยู่ในแผนงานของภาครัฐ แต่สะท้อนให้เห็นถึงอีกมิติหนึ่งของ “การอยู่รอด” ในพื้นที่ชายแดนที่ยังขาดโอกาสทางเศรษฐกิจ แรงงานเหล่านี้ไม่รบกวนงานหลักของทหารช่าง และได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ที่มองเห็นว่า “ความยากจนไม่ใช่อาชญากรรม” หากอยู่ภายใต้ขอบเขตของความปลอดภัย
ทหารช่างเดินหน้าภารกิจต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ท่ามกลางฝุ่น โคลน และความหวัง
จากการลงพื้นที่ของทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ พบว่าหน่วยทหารช่างได้จัดแบ่งกำลังเป็น 2 ผลัด ปฏิบัติงานทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่หยุดพัก โดยมีเป้าหมายเร่งรัดโครงการให้เสร็จในระยะเวลาที่กำหนด ก่อนพยากรณ์อากาศจะยืนยันแนวโน้มฝนตกหนักในช่วงปลายเดือนมิถุนายน
เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เผยว่า ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมชลประทาน สำนักงานโยธาธิการฯ และองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อเร่งเบิกงบประมาณในส่วนของวัสดุและการขนส่ง รวมถึงร่วมกันวางแผนสำรองรับมือหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจากฝนตกก่อนเสร็จสิ้นโครงการ
พนังกั้นน้ำ…มากกว่าการป้องกัน แต่คือการฟื้นความมั่นใจของคนชายแดน
สิ่งที่กำลังก่อสร้างขึ้นริมลำน้ำสาย ไม่ใช่เพียงแค่ “พนังกั้นน้ำ” หากแต่เป็น “เส้นแบ่ง” ระหว่างความสูญเสียซ้ำซากกับโอกาสในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของชุมชน ความร่วมมือระหว่างทหาร วิศวกร และชาวบ้าน สะท้อนให้เห็นว่าภารกิจเชิงวิศวกรรมอาจกลายเป็นเครื่องมือของการฟื้นฟูสังคม
อีกด้านหนึ่ง ปฏิกิริยาของแรงงานเมียนมาที่เข้าเก็บเศษเหล็ก ยังชี้ให้เห็นว่า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายแดนควรพิจารณาเรื่อง “เศรษฐกิจรายย่อย” ควบคู่ไปด้วย เพื่อไม่ให้ความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ยิ่งทวีความรุนแรง



เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- หน่วยทหารช่างราชบุรี
- กองทัพภาคที่ 3
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
- สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย
- รายงานสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา