Categories
TOP STORIES

รัฐบาลเล็งใช้เวทีแม่โขง-ล้านช้าง ผลักดันกำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

 

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยย้ำว่า เป็นวาระที่สำคัญ พร้อมได้มอบหมายให้นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประสานร่วมกับประเทศเพื่อบ้าน เพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเปิดเผยว่า ตนเองมีกำหนดการเข้าร่วมประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation : MLC ครั้งที่ 9 ด้วยตนเอง ระหว่างวันที่ 15-16 สิงหาคมนี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเน้นย้ำความมุ่งมั่นใจการปราบปรามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติร่วมกัน

ขณะที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ำว่า ความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาค เป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งการลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปได้ เพราะจำเป็นต้องมีความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ

ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลของกัมพูชา, สปป.ลาว, จีน และอินเดีย ต่างให้ความสำคัญ และคำมั่นที่จะทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น ไทยในฐานะประเทศศูนย์กลางในลุ่มน้ำโขง จึงพร้อมผลักดันวาระดังกล่าวร่วมกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ที่กำลังจะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศในช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่

นายมาริษยังขอบคุณฝ่าย สปป.ลาว โดยเฉพาะนายทองจัน มะนีไซ เจ้าแขวงบ่อแก้วคนใหม่ ที่ได้ประกาศกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกกิจการภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวในทุกระดับ พร้อมมั่นใจว่า ฝ่ายลาว ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมาก และยืนยันว่า ทางการไทย ก็พร้อมร่วมมือกับ สปป.ลาวในระดับพื้นที่ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดเข้าร่วมกำหนดการในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation : MLC) ครั้งที่ 9 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรมแมริออท เชียงใหม่ โดยนายกรัฐมนตรี จะการกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “Towards Safer and Cleaner Mekong Lancang” และจะมีการแถลงข่าวร่วมกัน (Joint Press Conference)

หลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 9 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศประจำพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน

สำหรับกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และจีน ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือที่ริเริ่มโดยประเทศไทย ในปี 2555 เพื่อพัฒนากรอบความร่วมมือในเขตเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง เน้นให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมกระบวนการพัฒนาอาเซียน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวสื

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
ECONOMY

นายกฯ สั่งติดตามการค้าชายแดน 6 เดือน ส่งออก 534,316 ล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดำเนินนโยบายระหว่างประเทศด้วยความเป็นมิตร ส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อเพิ่มตัวเลขมูลค่าการค้าชายแดน-ผ่านแดน โดยให้ติดตามสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าเป็นตลาดที่สำคัญของการส่งออกสินค้าของไทย เพื่อต่อยอดเพิ่มพูนประโยชน์ทางด้านการค้าระหว่างประเทศกับเพื่อนบ้านและประเทศคู่ค้าและความสัมพันธ์ที่ดีของประชาชนในพื้นที่ และเพิ่มมูลค่าการค้าให้เศรษฐกิจไทย

โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 การค้าชายแดน-ผ่านแดน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งสัญญาณบวก ขยายตัวที่ 3.6% จึงสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าชายแดนในงานมหกรรมการค้าชายแดนปี 2567 กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน สร้างพันธมิตรทางการค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศคู่ค้า สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไทย

นายชัยกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินนโยบายตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนอย่างใกล้ชิด จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2567 ที่มีสัญญาณที่ดี อยู่ในแดนบวก มีมูลค่าการค้ารวม 912,283 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออก 534,316 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการนำเข้าของไทยอยู่ที่ 377,968 ล้านบาท โดยที่ไทยได้ดุลการค้า 156,348 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ ในช่วงครึ่งปีแรก มีมูลค่าการค้ารวม 493,470 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าสูงสุดตามลำดับ ได้แก่ ลาว มีมูลค่าสูงสุด 150,697 ล้านบาท มาเลเซีย 149,361 ล้านบาท เมียนมา 106,630 ล้านบาท และกัมพูชา 86,783 ล้านบาท ซึ่งจากมูลค่าการค้ารวมทั้งหมด แบ่งเป็นการส่งออก 305,452 ล้านบาท ในส่วนของการนำเข้าอยู่ที่ 188,019 ล้านบาท ทำให้ไทยได้ดุลการค้ารวม 117,433 ล้านบาท จากสินค้าส่งออกชายแดนที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล 23,109 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ 10,432 ล้านบาท และน้ำยางข้น 8,221 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม ช่วงครึ่งปีแรก มีมูลค่าการค้ารวม 418,813 ล้านบาท โดยการค้าผ่านแดนไปจีนมีมูลค่าสูงสุดที่ 244,175 ล้านบาท สิงคโปร์ 53,137 ล้านบาท และเวียดนาม 36,269 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งจากมูลค่าการค้ารวมทั้งหมด แบ่งเป็นการส่งออก 228,864 ล้านบาท และการนำเข้า 189,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.0% โดยสินค้าส่งออกผ่านแดนสำคัญ ได้แก่ ทุเรียนสด 67,601 ล้านบาท ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ 40,957 ล้านบาท และยางแท่ง TSNR 19,500 ล้านบาท

นายชัยกล่าวว่า มูลค่าทางการค้าเพิ่มมากขึ้น เป็นข้อพิสูจน์ถึงการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดกิจกรรม ส่งเสริมการค้าชายแดน-ผ่านแดน งานมหกรรมการค้าชายแดนปี 2567 ระหว่างวันที่ 15-18 ส.ค.ที่ จ.สงขลา บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการค้าภายใน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เข้าร่วม โดยจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า ประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน เจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ และสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

รัฐบาลเดินหน้าฟื้นฟูประเทศ 3 เดือน ลดรายจ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

 

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหา เสริมขีดความสามารถให้กับประชาชนผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าในระหว่างที่รัฐบาลกำลังดำเนินการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ในช่วงไตรมาส 4 โครงการนี้จะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพิ่มช่องทางการซื้อขาย ซึ่งเป็นการบรรเทาค่าใช้จ่ายที่ประชาชนจับต้องได้ในช่วงเวลานี้ จัดทำ 3 โครงการร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน


     นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ได้จัดทำโครงการฯ ด้วยแนวความคิดตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือแบ่งเบา ผู้ประกอบการรายเล็ก เติมเงินในกระเป๋าให้กับประชาชน และลดภาระค่าครองชีพครั้งใหญ่ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยจะขับเคลื่อนโครงการฯ กำหนดระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 20 สิงหาคม – 20 พฤศจิกายน 2567 แบ่งเป็น 3 โครงการ ดังนี้ 


 1. ลดต้นทุนผู้ประกอบการรายเล็ก จะร่วมกับภาครัฐทุกกระทรวง ทำการลดค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าแผงตลาด กว่า 30,000 แผง โดยมีตลาดที่อยู่ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่สำคัญ รวมทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ เจรจากับกระทรวงมหาดไทยใช้ศาลากลางจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์ประสานงาน มีพาณิชย์จังหวัดขับเคลื่อน และใช้สถานที่ท่องเที่ยว ตลาดใหญ่ ต่างๆ ทั่วประเทศ กระทรวงกลาโหมมีพื้นที่ 3,000 กว่าแห่งที่สามารถเข้าไปใช้ได้ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขายสินค้าเป็นกรณีพิเศษกระทรวงสาธารณสุขจะใช้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ลงพื้นที่ประสานงานท้องที่ และสำหรับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีรถธงฟ้า จะส่งเสริมให้ประชาชนขายผ่านรถพุ่มพวง โดยจะส่งสินค้า อาทิ หมู ไก่ น้ำตาล น้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน


 2. จัดตลาดนัดพาณิชย์ทั่วประเทศ กำหนดไว้ 4 รูปแบบ คือ 
1) ตลาดพาณิชย์ ให้ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 76 จังหวัด จะร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนจัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันในราคาถูก อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ทั้ง 76 จังหวัด ระยะเวลา 3 เดือน 
2) ตลาดนัดพาณิชย์บวกการจำหน่ายสินค้าธงฟ้า เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายเล็กได้ขายสินค้าและให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูก กำหนดจัดในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ศาลากลางจังหวัด สถานที่ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ปั๊มน้ำมัน มหาวิทยาลัย ลานหน้าห้างค้าส่ง-ปลีก ลานหน้าห้างท้องถิ่น หมู่บ้านจัดสรร 
3) ตลาดพาณิชย์ บวกธงฟ้า และหอการค้าแฟร์ จะเป็นงานใหญ่ ลดทั้งจังหวัด 
4) ตลาดพาณิชย์เคลื่อนที่ บวกรถโมบายธงฟ้า จะส่งเข้าถึงพื้นที่ชุมชนห่างไกลทั่วประเทศ


    3. ร่วมมือผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่ จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ ภายใต้ Campaign “ลดกระหน่ำทั้งประเทศ” และในช่วงเทศกาล โดยมีผู้ประกอบการเอกชนพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการส่วนนี้กับรัฐบาล 
ประเมินลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนได้ 7,000 ล้านบาท


    หลังจากวันที่ 20 สิงหาคม 2567 จะเปิดพร้อมกันทั่วประเทศ ทุกจังหวัด เป็นความร่วมมือกันของภาครัฐ กระทรวงต่างๆ ภาคเอกชนและสมาคมต่างๆ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย กลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้า ยูนิลิเวอร์ ไทยเบฟเวอเรจ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยให้ไม่กระทบกับร้านค้ารายย่อย และจะดึงร้านค้ารายย่อยให้มีส่วนร่วมในโครงการฯ “ประเมินขั้นต้นว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท จะเป็นพื้นฐานก่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตออก ให้ประชาชนสามารถเพิ่มการลงทุน ค้าขายได้ทั่วประเทศ ถือเป็นมติให้ดำเนินการและกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานทั้งหมด” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

เปิดยุทธการ ‘ระเบิดสะพานโจร’ เครือข่าย AIS DTAC TRUE NT

 

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน เข้ามาหลอกลวง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดยุทธการ ‘ระเบิดสะพานโจร’ โดยปฏิบัติการร่วมกับสำนักงาน กสทช., ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย AIS DTAC TRUE NT และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ โดยให้ตัดสัญญาณโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวข้อง ของไทยทั้งหมดที่คนร้ายลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวง ที่คนร้ายลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวงอย่างเด็ดขาด

พล.ต.ท.ธัชชัยกล่าวว่า จะเริ่มกดปุ่มปฏิบัติการแรก ‘ระเบิดสะพานโจร’ ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งคนร้ายได้มีฐานปฏิบัติการในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณโดยรอบคิงส์โรมัน ประเทศลาว โดยปัจจุบัน คิงส์โรมันเป็นสถานบันเทิงครบวงจรพร้อมมีสนามบินรองรับนักท่องเที่ยวจากไทย ลาว และเมียนมา ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อสุจริตชนตามแนวชายแดนไทย นอกจากนี้ จะมีการขยายผลจับกุมดำเนินคดีกับผู้ให้บริการที่ผิดกฎหมาย เช่น ตู้ซิมที่ช่วยเหลือกลุ่มคนร้ายในการลงทะเบียนซิมมาหลอกลวงประชาชน รวมทั้งจัดการกับกลุ่มคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติและคนไทยที่ร่วมกันมาหลอกลวงทำร้ายคนไทยด้วยกันให้ถึงที่สุด

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามอาชญากรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

คาด ร่างพ.ร.บ.ชาติพันธุ์ จบเดือนนี้ ใช้เวลาพิสูจน์สัญชาติ 180 วัน เหลือ 5 วัน

 

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 67  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางสาวจิราพร  สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นายจุลพันธ์  อมรวิวัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  พร้อมคณะ และน.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย ลงพื้นที่ บ้านโป่งป่าแขม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยทันทีที่มาถึงตัวแทนชนเผ่าได้มอบเสื้อชนเผ่าอิ้วเมี่ยน หรือ เย้า ให้กับนายกฯ ซึ่งนายกฯได้สวมเสื้อดังกล่าวทันที จากนั้น ผู้นำชุมชนได้ต้อนรับตามประเพณีของชนเผ่า พร้อมเชิญนายกฯ และคณะ เข้าบ้านเพื่อจิบชาต้อนรับตามประเพณี ซึ่งอาหารที่ต้อนรับประกอบด้วยข้าวปุกงาหรือโมจิดอยซึ่งถือเป็นขนมจากสวรรค์ โดยผู้นำชุมชนหรือพ่อหลวง กล่าวว่า เป็นเกียรติซึ่งหมู่บ้านนี้อยู่มา 70 ปี เพิ่งมีผู้นำมาเยี่ยมถึงหมู่บ้าน และขออวยพรให้เป็นนายกฯไปนานๆ อยู่กับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ไปนานๆ และขอให้เดินทางปลอดภัยมีสวัสดิภาพ ขณะที่นายกฯ ระบุว่า เป็นเกียรติที่ได้รับการต้อนรับ โดยบอกว่ามาในฐานะคนไทยไม่ได้มาในฐานะนายกฯ หรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้พร้อมรับฟังปัญหา เพื่อนำไปสู่การแก้ไข 

 

     จากนั้น นายกฯ ได้พบปะแลกเปลี่ยนปัญหาในพื้นที่ โดย ผู้นำชุมชนได้สะท้อนถึงปัญหาว่าชนเผ่าชาติพันธุ์ในพื้นที่ 77,729 ราย มี 19,432 ราย ไม่มีสัญชาติทำให้ถูกจำกัดสิทธิ์ ขณะที่เรื่องของสาธารณูปโภคพบว่าบางหมู่บ้านยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนระบบสาธารณสุข ในส่วนของโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง อยากให้มีการเพิ่มบุคลากรโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง เพราะไม่เพียงพอต่อการบริการประชาชน 

 

ด้าน นายกรัฐมนตรี กล่าวกับชาวบ้านว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือน ซึ่งได้การต้อนรับที่อบอุ่นได้เข้าบ้านของผู้นำชุมชน ประเพณีไทยถือว่าการต้อนรับให้เข้ามาอยู่ในบ้านถือเป็นเกียรติสูงสุด และถือว่าเราเป็นพวกเดียวกัน สำหรับปัญหาหลักเรื่องความไม่เสมอภาคเท่าเทียมที่พี่น้องชาติพันธุ์ถูกดูแลอย่างไม่ทั่วถึงมาโดยตลอด แต่ภายใต้การผลักดันของสส.ปิยะรัฐชย์ ที่มีความมุ่งมั่นในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ชาติพันธุ์ที่ให้ความสำคัญเรื่องของสิทธิขั้นพื้นฐานเรื่องของสัญชาติ เพราะหากได้สัญชาติแล้วก็จะได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุข การศึกษา และเรื่องต่างๆ ซึ่งรัฐบาลสัญญาว่าจะให้การพิสูจน์ทราบสัญชาติให้จบภายใน 5 วัน ไม่ใช่ 180 วัน แต่ขอเวลาอีกสักระยะและคาดว่าจะพิจารณาจบได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ 

 

    นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนโรงพยาบาลที่ไม่เพียงพอแน่นอนว่าทุกที่ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือภาคใต้หรืออีสาน โรงพยาบาลก็ไม่พออยู่แล้ว รัฐบาลพยายามจัดสรรงบประมาณดูแลให้ทั่วถึง ส่วนเรื่องของไฟฟ้าสามารถยืนยันได้เลยว่าจะจัดการให้ เพราะถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทุกคนพึงจะได้รับ เรื่องของการบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการเกษตรเป็นเรื่องปัจจัยปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ทั้งจากการบริโภคและการค้าขาย วันนี้มีหน่วยงานราชการมาเยอะก็ขอฝากให้ดูแลพี่น้องชาติพันธุ์ให้มีความเสมอภาค และเท่าเทียมกับพี่น้องคนไทยทุกคน ขอย้ำว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และคิดว่าคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะได้มา หวังว่าในระยะเวลาอันสมควรจะได้กลับมาอีกเพื่อมาดูความก้าวหน้า แต่ตอนนี้ให้พี่น้องข้าราชการปฏิบัติงานกันไปก่อน และหวังว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดีเหมือนที่เคยมา 

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ รับฟังปัญหาในพื้นที่อำเภอแม่จัน และพบปะประชาชน ณ บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมเน้นย้ำให้ดูแลกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเท่าเทียม 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เคาะ 3 โครงการ งบประมาณ 111 ล้าน แก้ปัญหาแหล่งน้ำหนองฮ่าง อ.พาน

 

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 ที่โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองฮ่าง ต.ทานตะวัน อ.พาน จ.เชียงราย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และ และ น.ส.วิสาระดี เตชะธีระวัฒน์ น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ ตำบลทานตะวัน อ.พาน จ. เชียงราย พบปะชาวบ้านพูดคุยประเด็นปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองฮ่าง

 

เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีชาวบ้านในพื้นที่ให้การต้อนรับจำนวนมาก และมีนักเรียนจากโรงเรียนป่าแดงวิทยา ตีกลองสะบัดชัยเพื่อเป็นการต้อนรับนายกฯ พร้อมมอบภาพวาดให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบลายเซ็นต์ และ ขอให้เก็บไว้เป็นที่ระลึก

 

 

จากนั้น ประชาชนในพื้นที่ ต.ทานตะวัน อได้สะท้อนปัญหาในพื้นที่ ว่า 40 กว่าปีก่อน พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ทำมาหากินของปู่ย่าตายาย แต่เมื่อปี 2545 มีการขุดเกาะน้ำเป็น 3 เกาะ ทำให้ ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างมากทั้งน้ำท่วมซ้ำซาก และน้ำแล้ง อีกทั้งไม่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เพราะน้ำตื้นเขิน วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่นายกฯ และคณะลงพื้นที่เพื่อที่จะได้ช่วยพัฒนาพื้นที่ เพราะปี 67 ได้งบ 10 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอ ส่วนปี 68 ไม่มีงบ จึงอยากขอความเมตตาจากนายกฯ และคณะ ช่วยผลักดันงบประมาณให้ชาวบ้าน และขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ

 

ด้าน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาที่นี่ครั้งแรกในบรรยากาศที่สบายๆ วันนี้เรามาครบทั้งกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และฝ่ายที่ดูแลเรื่องงบประมาณ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเรื่องของน้ำเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลให้ความมุ่งมั่นที่จะต้องดูแลให้ดีทุกพื้นที่ ซึ่งเรื่องน้ำท่วมน้ำแล้งตนได้ส่งทีมงานลงมาคุยในพื้นที่ก่อนล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นเรื่องของการที่เราจะพัฒนาสนับสนุนเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค หรือการพัฒนาให้บริเวณนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเราจะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของงบประมาณที่บอกว่ามีแค่ 10 ล้านบาท ส.ส.ในพื้นที่ก็ได้มีการมาพูดคุยกับตนหลายครั้งแล้ว เรื่องของงบประมาณเราเข้าใจว่า 10 ล้านบาท คงไม่เพียงพอ แต่เรามี 3 โครงการในพื้นที่จึงขอให้เติมศูนย์อีกตัวที่ไม่ใช่ 10 ล้านบาท แต่เป็น 110 ล้านบาท เราไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามจะทำให้ดีต่อไป

 

หลังจากนายกฯ พูดคุยกับชาวบ้านเสร็จ น.ส.วิสาระดี ได้เซอร์ไพรส์วันเกิดนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ซึ่งเป็นบิดาที่จะมีอายุครบ 68 ปีในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.) โดยได้มอบเค้กและ ขอถ่ายรูปกับนายกฯ จากนั้น นายกฯ ได้เดินเยี่ยมชมบูธโอทอป ผลิตภัณฑ์ชุมชน และสินค้าทางการเกษตร ที่ชาวบ้านในพื้นที่นำมาแสดง และจำหน่าย ก่อนที่จะมอบพันธุ์ปลารับฟังบรรยายสรุปจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติงบกลางล่าสุดซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์กว่า 20,000 ไร่ โดยใช้น้ำระบบท่อ จากนั้นนายกฯ ได้ปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 เพื่อเป็นที่ระลึกกับชาวบ้าน ต.ทานตะวัน ด้วย

 

ทั้งนี้ นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้กล่าวกับนายกฯ ด้วยว่า จากที่ฝ่ายค้านเคยพูดโจมตีนายกฯ ว่างบกลางไม่ได้ประโยชน์ อันนี้ล่ะครับท่านเพิ่งอนุมัติพี่น้องชาว อ.พาน ได้ประโยชน์ทันที ซึ่งมี 3 โครงการ เดือนนี้จะประกาศจัดซื้อจัดจ้าง

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ เยี่ยมชม ข่วงเรียนรู้เยาวชนโรงเรียนเทิงวิทยาคม เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 เวลา 12:50 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังโรงเรียนเทิงวิทยาคม ร่วมเวทีเสวนา “เด็กคิด เด็กทำ ผู้ใหญ่หนุนเสริมเพื่อการป้องกันยาเสพติดอย่างยั่งยืน” ตามแนวทางสร้างเยาวชนแก้ไขปัญหายาเสพติดต้นน้ำ เชื่อมประสานเครือข่ายสู่การสร้างชุมชนที่มีศักยภาพอย่างยั่งยืน เพื่อการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนเพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ ผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันนักดื่ม นักสูบ และนักเสพหน้าใหม่ ในมิติที่หลากหลาย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด ที่มีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งในปัจจุบันที่ผู้คนสามารถเข้าถึงยาเสพติดได้ง่ายขึ้น ผ่านทางโลกออนไลน์สามารถทำการติดต่อซื้อขายกันได้โดยตรง ทำให้ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการใช้ยาเสพติดในช่วงวัยเด็กและเยาวชน ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับทุกคนเพราะไม่เพียงแต่ประเทศจะต้องสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นทรัพยากรอันมีค่าที่สุดของประเทศไปแล้ว ยังนำมาซึ่งปัญหาอื่นอีกมากมายทั้งในการก่ออาชญากรรม ปล้นจี้ ปัญหาทางจิต ปัญหาด้านสุขภาพ และปัญหาด้านเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหา มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวสังคม  

 

โดยตัวแทนเยาวชน ได้เสนอตามความสนใจและความต้องการของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ อาทิ การแก้ไขปัญหายาเสพติดในมุมมองของเยาวชน โดยการจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันสร้างความตระหนักรู้และการเฝ้าระวังสอดส่องพฤติกรรมจากปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นในโรงเรียนและสังคม สร้างจิตสำนึกที่ดี และปลูกฝังจิตใจของเยาวชนให้มีจิตอาสาช่วยเหลือสังคมและเอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมโลก และก่อสร้างโดมคลุมลานอเนกประสงค์โรงเรียนเทิงวิทยาคม เพื่อใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน และกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนมีความสมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา และให้บริการแก่ชุมชนสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ

 

สำหรับโรงเรียนเทิงวิทยาคม มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ อาทิ ได้รับรางวัลนักเรียนพระราชทาน ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมส่งผลงานการทดลองไปอวกาศ โดยองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่นและสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จำนวนสองทีม  รางวัลระดับประเทศหนึ่งโรงเรียนหนึ่งนวัตกรรมจากกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การพัฒนาระบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้วยระบบ E-student Care โรงเรียนเทิงวิทยาคม นักเรียนมีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ระดับชั้น ม.3 วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาคณิตศาสตร์ เต็ม 100 คะแนน รางวัลชนะเลิศการประกวดสื่อสร้างสรรค์คลิปสั้น โรงเรียนคุณภาพพิเศษ แห่งสพม.เชียงราย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครูผู้สอนยอดเยี่ยม กลุ่มสาระศิลปะรางวัลทรงคุณค่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ ศึกษาแนวทางแก้ไขระบบ ชลประทานขาดแคลนน้ำ อ.เชียงแสน

 

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์  อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 และคณะ ลงพื้นที่ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาระบบชลประทานและพบปะประชาชน ณ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง เขตเชียงรายย อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมีประชาชนชาวเชียงแสนให้การต้อนรับ

 

โดยนายกรัฐมนตรี พบปะประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาและรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน และฟังการนำเสนอโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำเชียงแสน จากนั้น ได้ร่วมรับฟังแผนพัฒนาจังหวัดเชียงราย จากหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่

 

สำหรับโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำเชียงแสน  จะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับปรุงพื้นที่เกษตรกรรมจำนวน 2,100 ไร่ รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ให้แก่ราษฎรบ้านห้วยเกี๋ยง ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน และหมู่บ้านข้างเคียงรวม 5 หมู่บ้าน จำนวน 5,246 ครัวเรือน ประชากรจำนวน 9,583 คน ให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี ทั้งยังเป็นการรักษาระบบนิเวศของคูเมืองโบราณ เพิ่มทัศนียภาพ และส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวของเมืองโบราณเชียงแสนอีกด้วย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

นายกฯ สั่งปราบยาเสพติดระดมตรวจฉี่กลุ่มเสี่ยง-เด็ก 16 ขึ้น ปีไปทั่วประเทศ

 

เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2567 ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายการบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน

 

โดยมีนายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกฯ หัวหน้าส่วนราชการ และนักศึกษาใหม่ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เข้ารับฟังนโยบาย

 

นายกฯ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า การแก้ปัญหายาเสพติด ถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งตั้งแต่เข้าสู่การเมือง หาเสียงพบประชาชนเกือบทุกจังหวัด นอกจากปัญหาปากท้อง ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้ามีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน แม้รัฐบาลจะจัดการผู้ค้ายา จับยาบ้าได้มากกว่า 4 เท่าในช่วงที่ผ่านมา แต่การใช้ยายังมีต่อเนื่อง ราคายาบ้ายังไม่ขึ้น การที่ราคาคงที่แสดงว่ามีซัพพลายเยอะมาก ฉะนั้น เรื่องนี้ถือว่าสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ ยาเสพติดเป็นต้นตอความสูญเสียหลายอย่าง ทั้งอาชีพ การถูกจำคุก หรือสูญเสียชีวิต จึงขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันอย่างเต็มที่ ปราบยาเสพติดให้หมดไป ร่วมมือกันขจัดยาเสพติดให้สิ้นซากไปจากพื้นที่ที่เรารับผิดชอบกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมใจกันแก้ไขปัญหาผ่านนโยบายบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน 3 เดือน ดังนี้ 1.ให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัดเป็น CEO ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นายก อบจ. ทำให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่เกิดการขับเคลื่อนงานป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน

 

2.ตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ เอ็กซเรย์ทุกพื้นที่ด้วยการระดมกำลังตรวจปัสสาวะของกลุ่มเสี่ยงตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปทุกหมู่บ้าน และแยกผู้เสพออกมาให้ได้รับการบำบัด

ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกระทรวงกลาโหม ขยายผลการจับกุมผู้ขายเพื่อดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจังและเด็ดขาด

นายเศรษฐา กล่าวว่า ร่วมกันค้นหาผู้มีอาการจิตเวชจากยาเสพติดและให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม นำเข้าบำบัดรักษาและให้มีระบบติดตามดูแลช่วยเหลือเฝ้าระวัง หลังจากรักษาอาการและกลับเข้ามาสู่ชุมชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมสนับสนุนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดูแลไม่ให้บุคคลเหล่านั้นกลับไปสู่วงจรยาเสพติดอีก

ให้ควบคุมปัจจัยเสี่ยงจากระเบียบสังคมในพื้นที่สถานบันเทิง สถานบริการ สถานประกอบการ คล้ายสถานบันเทิง และบริเวณรอบสถานศึกษา ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแรงในการแพร่ระบาดยาเสพติด สร้างมาตรฐานในชุมชนและมาตรฐานทางสังคมให้เป็นพลังต่อต้านยาเสพติดอย่างกว้างขวาง

“การแก้ไขปัญหายาเสพติด ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้ ร่วมกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องแจ้งเบาะแส เฝ้าระวัง ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะ 25 จังหวัดเร่งด่วน”นายเศรษฐา กล่าว

ขณะที่ตัวแทนนักศึกษา กล่าวขอบคุณนายกฯ ที่ได้ให้เกียรติมามอบนโยบายการบูรณาการการแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วนแก่นักศึกษา ซึ่งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือการใช้ยาเสพติด เป็นภัยร้ายแรงที่อยู่ใกล้ตัวนักศึกษา โดยนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จะนำนโยบายของนายกฯ ไปปฏิบัติเพื่อผลดีต่อตนเอง ครอบครัว และประเทศต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ผลโพลนิด้า คะแนนนิยมการเมือง “พิธา-พรรคก้าวไกล” อันดับ 1

 

มื่อวันที่ 30 มิถุนายน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 2/2567” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคะแนนนิยมทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น 97%

 

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า 

  • อันดับ 1 ร้อยละ 45.50 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ ชื่นชอบอุดมการณ์ทางการเมือง มีความรู้ และความสามารถรอบด้าน 
  • อันดับ 2 ร้อยละ 20.55 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 
  • อันดับ 3 ร้อยละ 12.85 ระบุว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีความเป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ และมีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ 
  • อันดับ 4 ร้อยละ 6.85 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ การทำงานมีความซื่อสัตย์ สุจริต 
  • อันดับ 5 ร้อยละ 4.85 ระบุว่าเป็น นางสาวแพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีวิสัยทัศน์ มีความเป็นผู้นำ และมีความรู้ ความเข้าใจปัญหาของประเทศ 
  • อันดับ 6 ร้อยละ 3.40 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารที่โดดเด่น และมีความน่าเชื่อถือ
  • อันดับ 7 ร้อยละ 2.05 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีประสบการณ์ทำงานด้านการบริหาร เข้าถึงประชาชน และชื่นชอบนโยบายที่ผ่านมา 

ร้อยละ 3.40 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน (พรรคประชาธิปัตย์) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายชัยธวัช ตุลาธน (พรรคก้าวไกล) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) พลตำรวจเอกทวี สอดส่อง (พรรคประชาชาติ) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร (พรรคก้าวไกล) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) และร้อยละ 0.55 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า 

อันดับ 1 ร้อยละ 49.20 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล 

อันดับ 2 ร้อยละ 16.85 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย 

อันดับ 3 ร้อยละ 15.00 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 

อันดับ 4 ร้อยละ 7.55 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ 

อันดับ 5 ร้อยละ 3.75 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ 

อันดับ 6 ร้อยละ 2.20 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย 

อันดับ 7 ร้อยละ 1.75 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ 

อันดับ 8 ร้อยละ 1.55 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย 

ร้อยละ 1.05 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคไทยภักดี 

และร้อยละ 1.10 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News