Categories
TOP STORIES

เจาะมาตรา 151 หลังกกต. จัดหนัก สอบ “พิธา” ตั้งธงปมถือหุ้นสื่อ

 

หลังเมื่อวันนศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา กกต. มีมติเอกฉัทน์ 6 เสียง ไม่รับ 3 คำร้องที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส. จากกรณีการถือหุ้น บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น เหตุคำร้องยื่นเกินระยะเวลาตามกฎหมายกำหนด

โดยเห็นว่าคำร้องที่ได้ยื่นมาของทั้ง 3 คน เป็นคำร้องที่ยื่นเกินระยะเวลาที่จะสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา กรณีที่ร้องว่าผู้สมัครรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จึงเห็นควรพิจารณาสั่งไม่รับคำร้องไว้ตามระเบียบ

แต่ยังไม่จบเพียงแค่นั้นเพราะจากกรณีคำร้องดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์และมีหลักฐานพอสมควร และมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนต่อไปว่า นายพิธา เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามแต่ได้สมัครรับเลือกตั้ง อันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 42(3) และมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

ดังนั้น จึงเห็นควรพิจารณาสั่งให้ดำเนินการไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฎ โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนที่ได้รับแต่งตั้ง จะดำเนินการไต่สวนตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในระเบียบต่อไป

ซึ่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 พบว่า มาตรา 151 ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรค 1 เป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่ง ดังกล่าวให้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย

สรุปถ้าผิดจริงจะมีโทษจำคุกสูงสุด 1-10 ปี ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง 20 ปีนอกจากและยังขอให้ศาลเรียกคืน “เงินเดือน” จากการเป็นส.ส.ได้ทุกบาท ทุกสตางค์อีกด้วย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
TOP STORIES

กกต.สั่งนับใหม่ 47 หน่วยเลือกตั้ง หลังพบบัตรเขย่งเคาะนับใหม่ 11 มิ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2566 มีรายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งให้มีการนับคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ใหม่ จำนวน 31 หน่วยเลือกตั้ง และนับคะแนน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ จำนวน 16 หน่วยเลือกตั้ง รวม 47 หน่วย จากการลงคะแนนการเลือกตั้งทั้งหมด 95,000 หน่วย  แต่ไม่มีการเปิดเผยว่า จำนวน 47 หน่วยเลือกตั้งที่ให้มีการนับคะแนนใหม่นั้นคือหน่วยเลือกตั้งใด ในจังหวัดใดบ้าง 

โดยการนับคะแนนใหม่ครั้งนี้ เป็นไปตามที่สำนักงาน กกต. เสนอว่า เนื่องจากพบว่ามีปัญหาบัตรออกเสียงเลือกตั้ง และจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมีจำนวนตรงกัน แต่ผลคะแนนที่ออกมาไม่ตรงกับจำนวนดังกล่าว หรือคะแนนเขย่ง และกกต.เห็นว่าอาจมีผลต่อจำนวนคะแนนเสียงที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ และมีผลต่อลำดับของผู้ได้รับเลือกตั้งส.ส.

โดยตามแผนของสำนักงาน กกต. ต้องการให้มีการนับคะแนนใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 11 มิ.ย. 2566 เนื่องจากเมื่อได้ผลคะแนนแล้วจะต้องนำมาคิดคำนวนสัดส่วน ส.ส.ใหม่ เพื่อให้ทันกับแผนงานที่ กกต. ตั้งใจว่าจะมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งภายในเดือนนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News