Categories
WORLD PULSE

รัฐบาลทหารเมียนมาสกัดคนหนีเกณฑ์ทหาร ประกาศสั่งห้ามพลเมืองชายไปทำงานต่างประเทศ

 

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 สำนักข่าว Myanmar Now รายงานว่า การเตรียมการในพม่ากำลังมีการห้ามชายที่มีอายุระหว่าง 18 – 35 ปี ซึ่งต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ไม่อนุญาตให้ออกจากประเทศเพื่อมุ่งหางานทำต่อไป คำสั่งนี้ได้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 แต่มีการยืนยันจากนายยุ้นวิน ปลัดกระทรวงแรงงานของรัฐบาลทหารพม่าว่าคำสั่งดังกล่าวจะไม่มีผลต่อบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากประเทศก่อนหน้านี้ และจะยกเลิกคำสั่งนี้เมื่อสถานการณ์ในประเทศอนุญาตให้เช่นนั้น แม้ว่ายังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ

 

Myanmar Now รายงานว่า แม้ว่ายังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ได้รับรายงานจากบุคคลที่เข้าร่วมประชุมระหว่างนายมิ้นหน่อง รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของพม่า และเจ้าหน้าที่ของสมาคมจัดหางานในย่างกุ้งต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างการประชุม รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของพม่าได้ระบุว่า เตรียมที่จะออกกฎห้ามผู้ชายเดินทางออกจากประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นทหาร โดยมาจากเบื้องบน

ในระหว่างนี้ ผู้ชายหนุ่มจากเขตอิระวดีกล่าวว่า กองทัพกำลังทำให้คนหนุ่มสาวมีทางเลือกเพียงอย่างเดียว คือการเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้าน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า คำสั่งนี้จะเพิ่มจำนวนผู้ออกจากประเทศอย่างผิดกฎหมายเพื่อหางานทำอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า (Assistance Association for Political Prisoners) ระบุว่า ตั้งแต่เผด็จการทหารยึดอำนาจมา กองทัพพม่าได้สังหารพลเรือนทั้งสิ้น 4,957 คน ในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว ซึ่งมีจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 121 คน เป็นชาย 88 ราย และหญิงอีก 33 ราย  ซึ่งรวมไปถึงเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีและผู้สูงอายุ ผู้ร้องขอความช่วยเหลือกล่าวว่า การประชุมระหว่างนายมิ้นหน่อง รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของพม่า และเจ้าหน้าที่ของสมาคมจัดหางานในย่างกุ้งได้สร้างความกังวลในประเทศอย่างมาก และเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่จะเสริมสร้างความเจ็บปวดในชุมชนนั้น ซึ่งสถานการณ์ยังคงเป็นอย่างวิกฤตต่อไป โดยจำนวน 42 รายนั้นเสียชีวิตจากสาเหตุปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโดยกองทัพพม่า และเขตสะกาย ซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายต่อต้านกองทัพพม่าและเป็นพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด กองทัพพม่าที่กำลังสูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมาก เนื่องจากต้องรับมือสงครามกับฝ่ายต่อต้านทั่วประเทศ ทำให้กองทัพพม่าตอบโต้ด้วยการโจมตีและสังหารพลเรือน

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักข่าว Myanmar Now

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

ถวายเพลิงสรีระครูบาแสงหล้า ศรัทธามหาชน ชาวพุทธร่วมส่ง

 

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2567 ที่วัดพระธาตุสายเมือง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา คณะศิษยานุศิษย์ของครูบาแสงหล้า ธัมมสิริ หรือ หลวงปู่เจ้าคุณพระรัตนรังษี ได้เคลื่อนสรีระของครูบาแสงหล้าไปยังสถานที่ชั่วคราวใน จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อประกอบถวายเพลิงสรีระ หลังจากครูบาแสงหล้าได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2567 ด้วยอายุ 96 ปี 76 พรรษา ณ วัดพระธาตุสายเมือง

 

โดยในพิธีมีครูบาบุญชุ่ม ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร อรัญวาสีภิกขุ พระภิกษุพร้อมคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยขั้นเข้มงวดล่วงหน้าอย่างน้อย 4 วัน โดยมีการปิดถนนสายหลักในท่าขี้เหล็ก ห้ามจำหน่ายอาหารข้างทาง ปิดตลาด สนามบินท่าขี้เหล็ก ฯลฯ รวมทั้งสืบข่าว ตรวจสอบบุคคลและวางกำลังตามจุดต่างๆ อย่างเข้มงวด ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมพิธีหลายพันคน ทั้งนี้มีรายงานว่าหลังเสร็จพิธี พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย จะเดินทางต่อไปยัง จ.เชียงตุง ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของกองทัพภาคสามเหลี่ยมต่อแต่ยังไม่มีความแน่นอนโดยอาจจะเปลี่ยนแปลงด้วยการเดินาทางกลับกรุงเนปิดอว์เลยก็ได้
 
 
ทั้งนี้ บริเวณด่านพรมแดนทางการเมียน มา ได้การประสานมายังฝั่งไทยให้งดการเดินทางเข้าออกของผู้คนและยานพาหนะทุกชนิดเป็นการชั่วคราวตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงวันเป็นต้นไปจนกว่าจะเสร็จพิธี ทั้งตรงจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 และ 2 ส่งผลทำให้บนสะพานไม่มีการสัญจรและผู้คนและรถต่างรออยู่เต็มหน้าด่านพรมแดนในช่วงบ่ายถึงเย็น
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
All

ไฟป่าเริ่มลามจากเมียนมา แม่สายระดมกำลังต้าน เห็นเปลวไฟแต่เข้าดับไม่ได้

 

เมื่อวันที่ 6 มี.ค.67 ได้เกิดไฟไหม้ป่าละเมาะขึ้นบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งไทยคือหมู่บ้านผาฮี้ ต.โป่งงาม และบ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยไฟได้ลุกไหม้มาจากฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และจะเข้าสู่ฝั่งไทยซึ่งมีถนนเลียบชายแดนกั้นอยู่ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารร้อย ม.2 ฉก.ทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ได้ระดมกำลังกันเข้าระงับเหตุโดยเฉพาะบริเวณช่องทางศูนย์บำบัดผาหมีที่มีหญ้าและต้นไม้แห้งปกคลุมอยู่มาก

 
เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องใช้เวลานานประมาณ 5 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แต่ไฟก็ลามเข้ามาไหม้ในฝั่งไทยจนมีพื้นที่ได้รับความเสียหาย ประมาณ 6 ไร่ แต่ไม่มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามหลังไฟลุกลามยังคงมีการคุกรุ่นและลุกไหม้ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านยังคงต้องเฝ้าระวังรวมทั้งพากันทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไฟที่อาจจะลุกลามเข้ามาอีกเพระฝั่งไทยมีต้นไม้โดยเฉพาะต้นสนหนาแน่น รวมทั้งมีบ้านเรือนประชาชนอยู่ด้วย
 
 
วันเดียวกันนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่กำกับติดตามการรับมือไฟป่า หมอกควันในพื้นที่อ.เชียงแสน และอ.เชียงของ หลังเริ่มมีสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ และค่าหมอกควัน ฝุ่นละออง PM2.5 มีความรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว ที่จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน โดยเน้นย้ำให้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นต้องทั่วถึง ทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่รวดเร็ว ถูกต้อง อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าฝุ่นสูงขึ้น คือ หมอกควันข้ามแดน จึงได้สั่งการให้นายอำเภอ ประสานงาน และเจรจาขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านในระดับพื้นที่ เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนอย่างเต็มที่
 
 
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยังได้กล่าวขอบคุณพร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 พร้อมทั้งยังได้แสดงความชื่นชมทุกในการเสียสละแรงกาย และแรงใจ เพื่อชาติ บ้านเมือง และประชาชน โดยเน้นย้ำว่าทางจังหวัดเชียงรายพร้อมให้การสนับสนุนภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 อย่างเต็มที่
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News