
เชียงรายเตรียมรับมือฝุ่น PM2.5 เทศบาลนครเชียงรายลงนาม MOU ร่วมกับเทศบาลนครปากเกร็ดและภาคีเครือข่าย
เชียงราย, 4 มีนาคม 2568 – เทศบาลนครเชียงรายเร่งรับมือปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่นครเชียงราย โดยล่าสุดได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมแนวทางป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และนายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด เป็นตัวแทนของทั้งสองเทศบาลในการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านความปลอดภัยจากฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานภาคเอกชน ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) มหาวิทยาลัยเชียงราย สภาเยาวชน อบจ.เชียงราย และบริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับฝุ่น PM2.5
ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในเชียงราย และความจำเป็นในการแก้ไข
ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายนของทุกปี ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ การเผาพื้นที่การเกษตร การจราจรที่หนาแน่น และมลพิษจากภาคอุตสาหกรรม โดยจากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษพบว่า ในช่วงต้นปี 2568 ค่าเฉลี่ยของฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่เชียงรายสูงเกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนด ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องเผชิญกับปัญหาทางสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจ
ด้วยเหตุนี้ เทศบาลนครเชียงรายจึงเห็นความจำเป็นในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน เพื่อพัฒนาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
เนื้อหาสำคัญของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)
บันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่ลงนามในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในหลายมิติ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้:
- การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยี
- มหาวิทยาลัยเชียงรายจะเป็นศูนย์กลางด้านวิชาการในการพัฒนาระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศและแจ้งเตือนประชาชนแบบเรียลไทม์
- เทศบาลนครเชียงรายจะร่วมมือกับเทศบาลนครปากเกร็ดในการใช้โมเดลการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร
- การลดมลพิษจากแหล่งกำเนิด
- รณรงค์ให้เกษตรกรลดการเผาในที่โล่งและหันมาใช้วิธีการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในระบบขนส่งสาธารณะและอุตสาหกรรม
- การพัฒนาระบบเตือนภัยคุณภาพอากาศ
- ติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่เสี่ยง
- ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์และแอปพลิเคชันแจ้งเตือนคุณภาพอากาศให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก
- การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
- ส่งเสริมโครงการ “เชียงรายเมืองปลอดฝุ่น” โดยสนับสนุนให้ประชาชนปลูกต้นไม้และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง
- จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป
- การสนับสนุนด้านงบประมาณและทรัพยากร
- บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณในการจัดหาหน้ากากกันฝุ่น PM2.5 ให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง
- องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) สนับสนุนการจัดหารถพ่นละอองน้ำเพื่อช่วยลดฝุ่นละอองในอากาศ
ความคิดเห็นจากทั้งสองฝั่ง
ฝ่ายที่สนับสนุนมาตรการนี้ มองว่าการลงนาม MOU เป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรม การบูรณาการความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาจะช่วยให้เกิดการพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชนและภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อมของเชียงราย
ฝ่ายที่มองว่ายังมีข้อจำกัด ชี้ว่า แม้ว่าการลงนาม MOU จะเป็นก้าวที่ดี แต่ยังคงมีข้อจำกัดในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการเผาพื้นที่การเกษตร รวมถึงปัญหาทรัพยากรบุคคลและงบประมาณที่อาจไม่เพียงพอในการดำเนินโครงการในระยะยาว นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาถึงการให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างยั่งยืน
สถิติที่เกี่ยวข้องกับปัญหาฝุ่น PM2.5
- จากรายงานของ กรมควบคุมมลพิษ ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568 พบว่า ค่าเฉลี่ย PM2.5 ในพื้นที่เชียงรายสูงถึง 75-100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานของไทยที่กำหนดไว้ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และสูงกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่กำหนดไว้ที่ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- สาเหตุหลักของฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือ มาจากการเผาพื้นที่เกษตรกรรมเป็นสัดส่วนสูงถึง 55% รองลงมาคือการจราจรและอุตสาหกรรม 25% และสาเหตุอื่น ๆ เช่น การก่อสร้างและการเผาขยะ 20%
- ผลกระทบต่อสุขภาพ ศูนย์วิจัยด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยเชียงราย รายงานว่า อัตราผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจในเชียงรายเพิ่มขึ้น 18% ในช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 สูงขึ้น โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ
บทสรุป
การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างเทศบาลนครเชียงรายและเทศบาลนครปากเกร็ด พร้อมภาคีเครือข่าย ถือเป็นแนวทางที่มีศักยภาพในการป้องกันและลดปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการติดตามและปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง เพื่อให้เชียงรายสามารถก้าวสู่การเป็นเมืองที่มีคุณภาพอากาศดีขึ้นในอนาคต
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย