Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“ศิลปะเพื่อแผ่นดิน” เชียงราย พู่กันและหัวใจประชาชนหลอมรวมเป็นพลังใจ

ศิลปะเพื่อแผ่นดิน กำลังใจสู่ชายแดน” เชียงราย เมื่อพู่กันสีและหัวใจประชาชนหลอมรวมเป็นพลังใจให้ผู้พิทักษ์อธิปไตย

เชียงราย, 13 กันยายน 2568 – บ่ายวันเสาร์ที่แสงเหนือดอยสะท้อนกระจกใสของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย พื้นที่ชั้นโถงกลางถูกเปลี่ยนเป็นแกลเลอรีชั่วคราว ผู้คนหลากวัยทยอยยืนล้อมกรอบภาพที่สะท้อน “ชีวิตทหาร” ในมุมที่ไม่ค่อยถูกเล่า—สีสันของเหงื่อ, ความอ่อนโยนของการโอบเด็กชายแดน, ประกายตาของคนเฝ้าดินแดนยามค่ำคืน งานที่มีชื่อว่า ศิลปะเพื่อแผ่นดิน กำลังใจสู่ชายแดน” เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ โดย พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) เป็นประธานเปิดงาน ขนานไปกับเสียงปรบมือยาวของชาวเชียงราย นักท่องเที่ยว และคณะศิลปินที่มารวมตัวกันแน่นขนัด

ภาพในพิธีเปิดชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อบุคคลสำคัญจากแวดวงศิลปะเชียงรายก้าวขึ้นเวที—อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้ริเริ่มแนวคิดและพลังใจให้เกิดกิจกรรม, อาจารย์นคร พงษ์น้อย, อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการระดมเครือข่ายศิลปินทั่วประเทศ พร้อมตัวแทนหน่วยงานรัฐ–เอกชน โดยเฉพาะ นายสายัญห์ นักบุญ ผู้อำนวยการเซ็นทรัล เชียงราย ผู้สนับสนุนพื้นที่จัดแสดงให้ศิลปะ “ออกมาหาผู้คน” มากกว่าจะรอให้ผู้คน “เดินเข้าหาศิลปะ” นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าที่เชื่อม พลังนุ่ม” ของศิลปะ เข้ากับ ภารกิจเข้ม” ของการพิทักษ์ชายแดน อย่างงดงาม

ศิลปะในฐานะ “พลังใจสาธารณะ” เหตุผลและเป้าหมายของงาน

บนเวทีเปิดงาน พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ สะท้อนเจตนารมณ์ของผู้จัดอย่างตรงไปตรงมา “กิจกรรมศิลปะเพื่อแผ่นดินจัดขึ้นเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่กำลังพลที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ” พร้อมย้ำความสำคัญของการยกย่องบทบาทศิลปินเชียงราย ซึ่งมีชื่อเสียงระดับประเทศในฐานะผู้ร่วมขับเคลื่อน “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ด้วยภาษาแห่งความงาม

หัวใจของงาน จึงไม่ได้มีเพียงการจัดแสดงผลงาน แต่คือการ ส่งต่อกำลังใจ จากพลเมืองสู่ทหารกล้าที่ยืนอยู่ด่านหน้า สื่อสารด้วยภาพที่มีทั้งแววตา ความหวัง และความอ่อนโยน—ภาพทหารในชุดสนามที่ห่มแสงเย็นของป่าชายแดน ภาพมือที่ยื่นขนมให้เด็กน้อยโรงเรียนตะเข็บแดน ภาพธงชาติที่พริ้วไหวคู่ภูมิประเทศขรุขระ เพื่อนิยาม “อธิปไตย” ให้จับต้องได้และเดินทางสู่ใจผู้ชม

งานครั้งนี้ยังสะท้อน “โมเดลการมีส่วนร่วมแบบเชียงราย” จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่ามีชุมชนศิลปินเข้มแข็ง—จากวัดร่องขุนสู่ขัวศิลปะ จนถึงสตูดิโอเล็กๆ ในชุมชน ซึ่งต่างหลอมรวมความคิดสร้างสรรค์ให้เป็น Soft Power ที่มีรากในท้องถิ่น และนำมาสนับสนุนภารกิจของรัฐด้านความมั่นคงในภาคประชาชนได้อย่างพอดี

เชียงราย เมืองศิลปิน” พบ “เมืองชายแดน” เมื่อสองภูมิทัศน์มาเจอกัน

เชียงราย มีเอกลักษณ์ของเมืองศิลปะและเมืองชายแดนอยู่ในตัว—เมืองศิลปะ ด้วยคลื่นผลงานร่วมสมัยที่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง และ เมืองชายแดน ด้วยภูมิศาสตร์เชื่อมลุ่มน้ำโขง–สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งการดูแลความสงบเรียบร้อยคือพันธกิจประจำวันของทหารและหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ความงดงามของงานครั้งนี้อยู่ที่ การทำให้สองภูมิทัศน์มา “พยุงกัน” ไม่ใช่เดินคนละทาง

บนผนังแกลเลอรีชั่วคราว ภาพชุด “ทหาร–ประชาชน–ชุมชน” กำลังเล่าเรื่องว่า ความมั่นคงไม่ใช่เพียงรั้วลวดหนามหรือป้อมยาม แต่คือ ความไว้วางใจ ที่หล่อเลี้ยงกันได้ด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์และการสื่อสารที่ทำให้คนตัวเล็กๆ รู้สึกว่า “บ้านมีคนดูแล” ขณะเดียวกันศิลปินเองก็ได้ย้ำว่า “ศิลปะไม่ได้มีไว้เพียงประดับเมือง แต่มีไว้ ประคองใจเมือง” ประโยคนี้กลายเป็นคำอธิบายสั้นๆ ของความหมายทั้งงาน

เสียงสะท้อนจากผู้มีส่วนร่วมประเด็นเด่นและประเด็นรอง

  • พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ระบุว่า งานนี้เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน และหวังให้กำลังพลรับรู้ว่าคนเมืองยืนอยู่ข้างเขา “กองทัพบกธำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิของแผ่นดินไทย และเราต้องการให้ทุกคนเห็นภารกิจนั้นผ่านสายตาศิลปิน”
  • อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เน้นว่า ศิลปินเชียงรายมีหน้าที่ต่อสังคมไม่แพ้หน้าที่ต่อศิลปะ “ศิลปะต้องออกไปอยู่ท่ามกลางผู้คน จุดประกายความภาคภูมิใจในผืนแผ่นดิน และช่วยเยียวยาความแตกต่างให้กลับมาปรองดอง”
  • อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม ในนามสมาคมขัวศิลปะ อธิบายบทบาทเครือข่าย “เราระดมผลงานจากศิลปินหลายรุ่น–หลายแนวทาง เพื่อให้เห็นว่าความต่างอยู่ร่วมกันได้บนเป้าหมายเดียวคือ กำลังใจให้ชายแดน
  • นายสายัญห์ นักบุญ ผู้แทนภาคเอกชน ระบุเหตุผลของการเปิดพื้นที่สาธารณะกลางศูนย์การค้า “เพราะอยากให้คนทั่วไป—โดยเฉพาะเด็กและนักท่องเที่ยว—เข้าถึงศิลปะได้ง่าย พร้อมรับรู้งานของทหารที่พวกเขาอาจไม่เคยเห็นใกล้ๆ”

ประเด็นเด่น คือการใช้พื้นที่สาธารณะให้ศิลปะเข้าถึงมวลชน ก่อให้เกิด “เศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับจุลภาค” ทันที: ผู้ชมเดินทางมาเพิ่มขึ้น ร้านค้า–คาเฟ่ท้องถิ่นได้ลูกค้าเพิ่ม และเมล็ดพันธุ์แห่งความภูมิใจในท้องถิ่นถูกหว่านในใจเยาวชน ส่วน ประเด็นรอง ที่ผู้ร่วมงานสนทนากันคือความต่อเนื่อง—ทำอย่างไรให้แรงกระเพื่อมไม่หยุดที่พิธีเปิด แต่ต่อยอดเป็นกิจกรรมหมุนเวียนตลอดปี และขยายผลไปยังโรงเรียน–ชุมชนชายแดนที่ต้องการ “พื้นที่ศิลปะ” เท่าๆ กับ “สนามกีฬา”

โครงสร้างงาน จากภาพบนผนังสู่บทสนทนากลางเมือง

แม้ผู้จัดจะไม่ได้ตั้งกรอบตายตัว แต่เมื่อเดินชมโดยรอบจะเห็นแนวคิด 3 ชั้นที่ซ่อนอยู่ในผลงานและการจัดแสดง

  1. ชั้นของหน้าที่ – ภาพทหารในชุดสนาม, ภาพลาดตระเวน, ภาพช่วยเหลือชุมชน ภาพเหล่านี้ลดช่องว่างระหว่าง “เครื่องแบบ” กับ “ประชาชน” ให้เหลือเพียงความเป็นมนุษย์
  2. ชั้นของความทรงจำ – สีสันที่ร้อน–เย็นสลับกันเหมือนภูมิอากาศชายแดน ถ่ายทอดความรู้สึกของ “คืนที่ยาวนาน” และ “เช้าที่ทุกคนรอ” ให้กลายเป็นเรื่องเล่าที่ผู้ชมพกกลับบ้านได้
  3. ชั้นของการเชื่อมโยง – การจัดแสดงใจกลางเมืองและการเปิดกว้างให้ถ่ายภาพ–แบ่งปันบนสื่อสังคม สร้างบทสนทนาใหม่ในวงกว้างว่า “กำลังใจต่อชายแดน” ไม่ใช่หน้าที่ของทหารหรือรัฐเท่านั้น แต่คือ หน้าที่พลเมืองร่วมกัน

น้ำหนักเชิงนโยบายท้องถิ่น ทำไมงานนี้ “สำคัญกว่าโชว์”

เชียงรายเป็นจังหวัดที่ “ศิลปินมากที่สุด” ตามคำที่คนในวงการศิลปะมักพูดถึงกัน บวกกับสถานะจังหวัดชายแดน การผสานสองคุณลักษณะนี้จึงเป็น นโยบายเชิงวัฒนธรรมที่จับต้องได้—ศิลปะไม่เพียงเพิ่มความสวยงามให้เมือง แต่ช่วยยกระดับ ความรู้สึกเป็นเจ้าของเมือง (Sense of Belonging) ซึ่งเกี่ยวพันโดยตรงกับความสงบเรียบร้อยของสังคม

หากมองในเชิง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ งานลักษณะนี้ยังเป็น “แพลตฟอร์มฝึกงาน” สำหรับศิลปินรุ่นใหม่ ให้ได้สัมผัสกระบวนการทำงานจริง ตั้งแต่การคัดเลือกผลงาน การสื่อสารกับผู้ชมที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ไปจนถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐ–เอกชน ทั้งหมดนี้ช่วยต่อสายใยอาชีพ และเพิ่มโอกาสเศรษฐกิจฐานรากให้ชุมชนศิลปินต่อเนื่อง

บทเรียนจากวันเปิดงานสิ่งเล็กๆ ที่ทำให้คนดู “อยู่ต่อ” และ “บอกต่อ”

ในยุคที่ผู้ชมตัดสินใจภายในไม่กี่วินาที งานที่ตั้งใจ “ให้กำลังใจชายแดน” จึงต้องใส่ใจรายละเอียดระดับไมโครเพื่อให้ ประสบการณ์โดยรวม สมบูรณ์—ป้ายสองภาษา, เสียงประกอบที่ไม่รบกวน, มุมให้เด็กนั่งระบายสี, QR สำหรับอ่านเรื่องราวเบื้องหลังผลงาน, ช่องทางร่วมเขียน “จดหมายถึงทหาร” แล้วส่งถึงหน่วยชายแดน สิ่งเล็กๆ เหล่านี้ทำให้ผู้ชม ใช้เวลาเพิ่มขึ้น (อยู่ต่อ) และ อยากแชร์ (บอกต่อ) ซึ่งคือ “ตัวคูณกำลังใจ” ให้เดินทางจากกลางห้างสรรพสินค้าไปสู่แนวชายแดนได้จริง

ขยายความหมายของ “กำลังใจ” ให้กว้างกว่าพื้นที่จัดงาน

แม้งานครั้งนี้จะสร้างแรงสะเทือนได้ชัดเจน แต่คำถามต่อไปคือ ความยั่งยืน ผู้มีส่วนร่วมหลายฝ่ายจับมือกันหยิบยกแนวคิดที่ทำได้ทันที เช่น

  • นิทรรศการสัญจร นำบางส่วนของผลงานไปจัดที่โรงเรียนแนวชายแดน–สถานีรถไฟเชียงราย–สนามบิน เพื่อให้ “พลเมือง–นักเดินทาง” ได้เห็นเรื่องราวเดียวกัน
  • เวิร์กช็อปศิลปะกับเยาวชนชายแดน ให้ศิลปินสลับผลัดไปสอนศิลปะขั้นพื้นฐาน และเปิดพื้นที่ให้เด็กๆ ถ่ายทอดภาพบ้านเกิดในมุมของตนเอง
  • คลังภาพสาธารณะ (Open Gallery Online) สแกนผลงานเป็นดิจิทัลพร้อมคำบอกเล่าจากศิลปิน ให้สื่อ–ครู–นักเรียนเข้าถึงได้โดยไม่ติดผนังห้าง
  • จดหมายถึงชายแดน ต่อเนื่องเป็นกิจกรรมประจำเดือน รวบรวมคำให้กำลังใจไปถึงหน่วยปฏิบัติการจริง

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ภารกิจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากแต่เป็น พันธกิจร่วม” ที่ทำให้คำว่า “เพื่อแผ่นดิน” จากชื่อกิจกรรมลงหลักปักฐานในชีวิตประจำวันของผู้คน

เมื่อสีพู่กันแต้มบนผืนแผ่นดินเดียวกัน

ภาพสุดท้ายก่อนปิดงานวันแรก คือวงกลมเล็กๆ ของนักท่องเที่ยวที่หยุดยืนหน้าภาพทหารกางเสื้อคลุมให้เด็กชายที่ตัวสั่นเพราะสายลมหนาว ทุกคนเงียบไปชั่วครู่ก่อนมีใครสักคนกระซิบว่า “สวย…และอบอุ่น” นี่แหละคือ ภาษากลาง ของศิลปะ—ไม่ดัง ไม่ดุ แต่กระทบใจลึก

ศิลปะเพื่อแผ่นดิน กำลังใจสู่ชายแดน” จึงไม่ได้เป็นเพียงนิทรรศการ หากเป็น เครื่องเตือนใจร่วมกัน ว่า ในดินแดนที่ชื่อว่าไทย ยังมีผู้คนสวมเครื่องแบบยืนเฝ้าแนวชายแดน และยังมีพลเมือง—ศิลปิน–นักธุรกิจ–ประชาชน—คอยส่งกำลังใจไปให้ พู่กันหนึ่งด้ามอาจหยุดกระสุนไม่ได้ แต่สามารถ เยียวยาหัวใจ ที่ต้องยืนรับแรงสั่นสะเทือนของหน้าที่ได้อย่างงดงาม และเมื่อหัวใจเข้มแข็ง เมืองก็เข้มแข็ง—นี่คือความหมายที่เชียงรายส่งออกไปสู่ประเทศทั้งประเทศในวันนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) 
  • สมาคมขัวศิลปะ จังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เริ่มแล้ว “ลิ้นจี่เมืองเชียงราย” งานดีที่เซ็นทรัล ถึง 20 พ.ค. นี้

ลิ้นจี่ของดีเมืองเชียงราย” เปิดพื้นที่กลางเมืองช่วยเหลือเกษตรกร สู้ราคาตกช่วงผลผลิตล้นตลาด

เชียงรายระดมทุกภาคส่วน เปิดพื้นที่จำหน่ายลิ้นจี่คุณภาพจากสวนโดยตรง

เชียงราย, 15 พฤษภาคม 2568 – ท่ามกลางสถานการณ์ผลผลิตลิ้นจี่จังหวัดเชียงรายออกสู่ตลาดพร้อมกัน ส่งผลให้ราคาผลไม้ฤดูร้อนชนิดนี้ตกต่ำลงกว่าทุกปี หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่เร่งหามาตรการรองรับ โดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เกษตรกรสามารถส่งตรงลิ้นจี่คุณภาพดีถึงมือผู้บริโภคโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง

ล่าสุด สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย และสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย ร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผลผลิตลิ้นจี่ ภายใต้ชื่องาน ลิ้นจี่ของดีเมืองเชียงราย” ระหว่างวันที่ 15 – 20 พฤษภาคม 2568 ณ ชั้น G โซนทางเชื่อมกาดจริงใจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการกระจายผลผลิตคุณภาพสู่ผู้บริโภคในราคาที่เป็นธรรม และสร้างการรับรู้ให้กับลิ้นจี่จังหวัดเชียงรายในฐานะผลไม้คุณภาพของประเทศ

ผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ เกษตรกรได้รับผลกระทบหนัก

จากข้อมูลของสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย ระบุว่า ในปี 2568 จังหวัดเชียงรายมีผลผลิตลิ้นจี่รวมกว่า 2,145 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ากว่า 89.9% เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยและพื้นที่ปลูกขยายตัว ผลผลิตจำนวนมากจึงออกสู่ตลาดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ราคาลิ้นจี่ลดลงเฉลี่ยเหลือเพียง 25 – 40 บาท/กิโลกรัม ในบางพื้นที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต

สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับเกษตรกรในหลายอำเภอ เช่น แม่จัน แม่สาย พาน เวียงแก่น และเวียงป่าเป้า ที่ถือเป็นพื้นที่ปลูกหลักของจังหวัดเชียงราย จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนในด้านการตลาดอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันความเสียหายจากผลผลิตล้นตลาด

กิจกรรมส่งเสริมการขาย เพิ่มช่องทางกระจายผลผลิต

กิจกรรม “ลิ้นจี่ของดีเมืองเชียงราย” จึงเป็นความร่วมมือเชิงบูรณาการที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยเปิดพื้นที่จำหน่ายผลผลิตสดจากสวนโดยตรงจำนวน 2 จุดหลัก ได้แก่

  1. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ระหว่างวันที่ 15 – 20 พฤษภาคม 2568 โดยมีเกษตรกรเข้าร่วม 10 ราย แบ่งพื้นที่ออกเป็นบูทขายผลผลิตแบบคละเกรด ราคาเริ่มต้น 35 – 80 บาท/กิโลกรัม ตามคุณภาพ
  2. บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย ภายใต้ตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน คนเชียงราย เน้นจำหน่ายผลผลิตแบบคัดคุณภาพ AA และ A ในราคาคงที่ 50 บาท/กิโลกรัม

ภายในงานยังมีกิจกรรมเสริม เช่น ลิ้นจี่ชิมฟรี โปรโมชั่นลดราคา และการจำหน่ายลิ้นจี่ของฝาก ซึ่งช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาเดินจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง

การรับคำสั่งซื้อล่วงหน้า เสริมรายได้เกษตรกรแบบไม่ต้องตั้งร้าน

อีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรคือระบบรับคำสั่งซื้อแบบ Pre Order ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงรายจัดทำขึ้น โดยมีการรวบรวมคำสั่งซื้อจากหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่

ในรอบแรกของการจำหน่ายเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ลิ้นจี่คุณภาพ AA+A ถูกบรรจุในตะกร้าน้ำหนัก 5 กิโลกรัม จำหน่ายในราคาตะกร้าละ 250 บาท และมีการส่งมอบที่หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยสามารถระบายผลผลิตได้กว่า 1.6 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 80,000 บาท

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ สนับสนุนพื้นที่ฟรี ดึงกลุ่มผู้บริโภคเข้าถึงผลผลิต

การดำเนินงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ที่เปิดพื้นที่ให้เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ถือเป็นการแบ่งเบาภาระด้านต้นทุนให้กับผู้ปลูกลิ้นจี่ และเพิ่มโอกาสการขายในทำเลศูนย์กลางเมืองซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน

ขณะเดียวกัน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ยังร่วมกันประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามาซื้อผลผลิตผ่านกิจกรรมดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจให้เกษตรกรฝ่าวิกฤตครั้งนี้ได้

ความร่วมมือที่เป็นต้นแบบการจัดการผลผลิตเกษตรกรรม

สถานการณ์ราคาผลไม้ตกต่ำในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกัน เป็นปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นทุกปี หากไม่มีมาตรการรองรับเชิงระบบ อาจทำให้เกษตรกรสูญเสียรายได้และขาดแรงจูงใจในการพัฒนาคุณภาพผลผลิต

กิจกรรม “ลิ้นจี่ของดีเมืองเชียงราย” สะท้อนให้เห็นว่า ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ เอกชน และประชาชน สามารถบรรเทาผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่การตลาดตรงถึงผู้บริโภค ช่วยลดความเสี่ยงจากการขายผ่านพ่อค้าคนกลาง และยังเสริมสร้างแบรนด์ผลไม้ของจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่จดจำ

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ผลผลิตลิ้นจี่จังหวัดเชียงรายปี 2568: 2,145 ตัน (เพิ่มจากปี 2567 เกือบ 90%)
  • ราคาเฉลี่ยลิ้นจี่ตกต่ำบางพื้นที่ต่ำกว่า 30 บาท/กิโลกรัม
  • ยอดจำหน่ายวันที่ 15 พฤษภาคม 2568: 1.6 ตัน มูลค่า 80,000 บาท
  • จุดจำหน่ายหลัก: 2 จุด ได้แก่ เซ็นทรัลเชียงราย และศาลากลางจังหวัดเชียงราย
  • ราคา Pre Order แบบคัดคุณภาพ: 50 บาท/กิโลกรัม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย

  • สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย

  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

  • รายงานผลผลิตและราคาตลาดลิ้นจี่: กรมส่งเสริมการเกษตร ปี 2568

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

โครงการ “สอนน้องสู้ไฟ” ปีที่ 4 จัดโดย ‘เซ็นทรัลเชียงราย’

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 นายสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ทีมไฟร์แมน (Fireman) และพนักงานอาสาจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ได้จัดโครงการ “สอนน้องสู้ไฟ” ปีที่ 4 ขึ้น ณ โรงเรียนวัดจอเจริญสุขุมวาท ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดเอกชน ในระบบประเภทสามัญศึกษา ตั้งอยู่ในบ้านจอเจริญ ตำบลดอนศิลา อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย กิจกรรมนี้มุ่งเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันเพลิงไหม้และการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงให้กับเด็กนักเรียนและบุคลากรของโรงเรียน

กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านความปลอดภัย

โครงการ “สอนน้องสู้ไฟ” ที่จัดขึ้นในปีนี้ถือเป็นการดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยมีเป้าหมายสำคัญในการสร้างความรู้และความเข้าใจในการป้องกันเพลิงไหม้ให้กับเยาวชน บุคลากรทางการศึกษา รวมถึงชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้ทีมงานจากเซ็นทรัล เชียงราย ได้นำเสนอทั้งในส่วนของภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งรวมถึงการสาธิตวิธีการใช้ ถังดับเพลิง ประเภทต่างๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

การเรียนรู้ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยในโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังมุ่งให้เด็กๆ ได้รับทักษะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดอุบัติการณ์เพลิงไหม้ นักเรียนและบุคลากรจะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง

การสอนและการปฏิบัติจริง

ในภาคทฤษฎี ทีมงานได้ให้ความรู้เกี่ยวกับสาเหตุของเพลิงไหม้ การป้องกันเหตุการณ์อัคคีภัยในสถานที่ต่างๆ เช่น ในบ้านหรือโรงเรียน และการใช้ ถังดับเพลิง อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะการใช้ถังดับเพลิงในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้เบื้องต้น นอกจากนี้ ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับประเภทของถังดับเพลิง เช่น ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง ชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และชนิดน้ำยาโฟม รวมถึงวิธีการเลือกใช้ถังดับเพลิงที่เหมาะสมกับประเภทของเพลิงไหม้แต่ละชนิด

ในภาคปฏิบัติ นักเรียนและครูได้ร่วมเรียนรู้ผ่านการทดลองใช้งานถังดับเพลิงจริง โดยทีมงานไฟร์แมนได้สาธิตการใช้งานทีละขั้นตอน พร้อมอธิบายวิธีการจับและใช้ถังดับเพลิงอย่างปลอดภัย การฝึกซ้อมนี้มุ่งเน้นให้ทุกคนสามารถจัดการกับเหตุการณ์เพลิงไหม้เบื้องต้นได้อย่างมั่นใจ และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มอบสิ่งของเพื่อสนับสนุนการป้องกันภัยในโรงเรียน

นอกจากการสอนและสาธิตการป้องกันเพลิงไหม้แล้ว ทีมงานจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ยังได้มอบสิ่งของที่จำเป็นสำหรับโรงเรียน เพื่อสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุและอัคคีภัยในอนาคต โดยของที่มอบให้ ได้แก่ ถังดับเพลิง ชนิดต่างๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันเพลิงไหม้ และหลอดไฟเพื่อการใช้งานในพื้นที่ของโรงเรียน ตลอดจนสิ่งของอุปโภคบริโภคเพื่อสนับสนุนการดำรงชีวิตประจำวันของนักเรียน

การรับมอบสิ่งของในครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก อาจารย์โชติวิทย์ ปัญโญ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดจอเจริญสุขุมวาท พร้อมด้วยคณะครูและนักเรียนที่ให้การต้อนรับทีมงานเซ็นทรัล เชียงรายอย่างเป็นกันเอง งานนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความรู้ด้านความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความร่วมมือและความรับผิดชอบขององค์กรเอกชนในการส่งเสริมสังคมที่ปลอดภัยและน่าอยู่

ความสำคัญของโครงการ “สอนน้องสู้ไฟ” ต่อสังคม

โครงการ “สอนน้องสู้ไฟ” เป็นโครงการที่สะท้อนถึงความใส่ใจขององค์กรเอกชนอย่างเซ็นทรัล เชียงราย ที่มุ่งสร้างสรรค์สังคมที่ปลอดภัยและมีความพร้อมในการรับมือกับอัคคีภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นโรงเรียนและชุมชนที่มีเด็กๆ อาศัยอยู่ โครงการนี้ไม่เพียงแค่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันเพลิงไหม้เท่านั้น แต่ยังเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนได้เรียนรู้การจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยความรอบคอบและถูกต้อง

ในยุคที่สังคมต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการ ความรู้ด้านความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรมี โครงการนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างความรู้ให้กับเด็กๆ และชุมชน เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะในการป้องกันตนเองและสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้อย่างมั่นใจ

สรุป

โครงการ “สอนน้องสู้ไฟ” ปีที่ 4 ของเซ็นทรัล เชียงราย ได้ดำเนินการเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคมและชุมชน โดยการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันเพลิงไหม้ และการใช้ถังดับเพลิงอย่างถูกต้องให้กับนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนวัดจอเจริญสุขุมวาท การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์กรเอกชนและชุมชนในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เซ็นทรัลพัฒนา จับมือกรมป่าไม้ปลูกต้นไม้ป่าสงวนแห่งชาติ อ.เชียงของ

 
เมื่อวันพุธที่ 5 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนา ร่วมกับ กรมป่าไม้ จัดกิจกรรมปลูกป่า “One million trees movement” เพื่อเพิ่มพื้นที่ดูดซับคาร์บอน ลงพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยหลวง ป่าน้ำยาว และป่าน้ำซ้อ ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ปลูกต้นไม้ จำนวน 200 ไร่ 40,000 ต้น พร้อมมอบหลอดไฟ ฟลูออเรสเซนต์ จำนวน 50 หลอด ให้กับโรงเรียนบ้านเวียงหมอก ณ บริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยหลวง ป่าน้ำยาว และป่าน้ำซ้อ ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย  มอบพื้นที่สีเขียวให้กระจายทั่วประเทศ
 

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย นำโดยคุณสายัณห์ นักบุญ พร้อมด้วยคณะทำงาน CSR สำนักงานใหญ่, สาขา และกลุ่มจิตอาสา ประจำศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมจัดกิจกรรมสานต่อโครงการปลูกป่า “One million tress movement” ปลูกป่าซับคาร์บอนตามโครงการ The Journey to NetZero เพิ่มพื้นที่ดูดซับคาร์บอนตามเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ และมอบพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ  สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Imagining better futures for all โดยได้รับเกียรติจากคุณจีระ ทรงพุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) กล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยคุณธิดานันท์ สรินา ปลัดอำเภอเชียงราย กล่าวต้อนรับ,คุณสุรินทร์ วงค์อิ่นแก้ว  นายกเทศมนตรีตำบลห้วยซ้อ, คุณไสว ปัญญาสุข รองนายเทศมนตรีตำบลห้วยซ้อ, คุณเฉลิม เงินสม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเวียงหมอก และคุณวราวุฒิ ไชยวงค์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมงาน

 

เซ็นทรัลพัฒนา เชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนโครงการ ‘One Million Trees Movement – ปลูกป่าซับคาร์บอน นั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีของสิ่งแวดล้อมในอนาคต เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งพันธมิตร ชุมชน และคนในองค์กรได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูป่าไปด้วยกัน สร้างสมดุลระหว่าง People และ Planet ด้วยการเป็น  Center of Life เพื่อเป้าหมาย Sustainable Ecosystem และ NET ZERO  ภายในปี 2050

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศิลปกรรม “ต๋ามฮอยศิลป์” รุ่นที่ 42. ส่วนหนึ่ง Thailand Biennale,Chiang Rai

 

วันที่ 1-5 มีนาคม 2567 ณ ชั้น 1 หน้าร้านซุปเปอร์สปอร์ต ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงรายร่วมเป็นส่วนหนึ่ง Thailand Biennale,Chiang Rai กับนิทรรศการผลงานศิลปกรรม “ต๋ามฮอยศิลป์” รุ่นที่ 42

โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ขอเชิญร่วมชมนิทรรศการผลงานศิลปกรรม “ต๋ามฮอยศิลป์” รุ่นที่ 42 กับการแสดงผลงานของนักเรียน สาขาศิลปกรรมแผนกวิชาวิจิตรศิลป์ จากวิทยาลัยอาชีวะศึกษาเชียงราย ระหว่างวันที่ 1-5 มีนาคม 2567 ณ ชั้น 1 หน้าร้านซุปเปอร์สปอร์ต ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาส พร้อมร่วมผลักดัน แลพัฒนาศักยภาพนักเรียนนักศึกษา ให้มีสมรรถนะอาชีพด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ส่งเสริมทักษะการจัดนิทรรศการแสดงผลงานศิลปกรรมของนักเรียน นักศึกษาสู่สาธารณชน ตอกย้ำภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงราย ให้เป็นเมืองของศิลปะจากผลงานศิลปินรุ่นใหม่ อย่างต่อเนื่อง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ครั้งที่ 3 ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย Thailand Biennale,Chiang Rai 2023 – เปิดโลก (The Open World)

ทั้งนี้กิจกรรมแสดงนิทรรศการดังกล่าว มีจำนวนนักเรียน นักศึกษา ผู้ร่วมแสดงผลงานนิทรรศการ “ต๋ามฮอยศิลป์” รุ่นที่ 42 จำนวนทั้งสิ้น 33 คน เป็นนักเรียนระดับ ปวช. จำนวน 20 คน, ระดับ ปวส.จำนวน 13 คน จำนวนผลงานทั้งสิ้น 67 ชิ้น โดยแบ่งเป็น ประเภท จิตรกรรมเทคนิคสีน้ำมัน จำนวน 40 ชิ้น ,จิตรกรรมเทคนิคสีอะคิลิก จำนวน 8 ชิ้น และงานวาดเส้น เทคนิคดินสอดำ จำนวน 14 ชิ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL VIDEO

(มีคลิป) จัดเต็มแลนด์มาร์ค สืบสานศิลปะล้านนา “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” เซ็นทรัล เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 เซ็นทรัลพัฒนา สืบสานศิลปะทรงคุณค่าแห่งล้านนา ในงาน“เทศกาลสีสันกาสะลอง 2023” รับเทศกาลแห่งความสุขด้วย “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” จัดเต็มแลนด์มาร์ค สุดอลังการ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ม.ค. 67 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

 

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง), จังหวัดเชียงราย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย, การท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย,กระทรวงวัฒนธรรม, วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, ขัวศิลปะ และ Thailand Biennale จัดงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2023” สร้างสีสันต้อนรับลมหนาว ด้วยการรังสรรค์ ผสานเรื่องราวทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ชวนนักท่องเที่ยวรื่นเริงส่งท้ายปีไปกับเมืองแห่งอัตลักษณ์ทางการสร้างสรรค์ทางศิลปะอันทรงคุณค่าแห่งล้านนา สร้างลวดลาย สีสัน และ อัตลักษณ์แห่งเชียงรายอย่างงดงาม ก่อกำเนิดเป็นภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 8 พ.ย. 66 – 31 ม.ค. 67 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย 

 

 

โดยพิธีเปิดงานสีสันกาสะลอง 2023 จัดขึ้นพร้อมงานเปิดไฟต้นคริสต์มาสสุดอลังการ เนรมิตหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงรายให้เป็นแลนด์มาร์คจุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดในเชียงราย พบกับการ แสดงสุด ยิ่งใหญ่จากวงเดอะระมิงค์ The Raming Lanna Contemporary Music ที่ประพันธ์บทเพลงใหม่เพื่องานเทศกาลสีสันกาสะลองโดยเฉพาะ โดยเพลง Highlight ”มาลา มาเก่อปอด“ คือเพลงที่มีความหมายว่า เฉลิมฉลอง เพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากนักดนตรีชนเผ่าแห่งยอดดอยเชียงราย เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านดนตรี และร่วมบรรเลงเพลงในชนเผ่า ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์ของดนตรีชนเผ่า ซึ่งเครื่องดนตรีชนเผ่า ที่ใช้ประกอบในการบรรเลงเพลง ซือบือ เครื่องดนตรีอาข่า, เตหน่า เครื่องดนตรีปกาเกอะญอ, ขับลื้อ เครื่องดนตรี ลื้อ ,เค่ง เครื่องดนตรี ม้ง , ซึง เครื่องดนตรี ลัวะ ผสมผสานเครื่องดนตรีชนเผ่า ผสมผสานกับดนตรีตะวันตก เรียบเรียงเป็นชุดเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อใช้ในการเฉลิมฉลองของชนเผ่าร่วมกับงานครั้งนี้ 

 

ผ่านเครื่องดนตรีประจำเผ่าและวงออร์เคสตรา เพื่อเล่าเรื่องราวของคนในชนเผ่าให้ทุกคนได้รับฟังโชว์ที่ผนวกการแสดงจากชนเผาชาติพันธุ์ ผสมผสานการแสดงสากลจนกลายมาเป็น Contemporary Show ที่แปลกใหม่ สวยงาม และไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน และชมพลุสุดตระการตา งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง” ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างสีสันและต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมารับลมหนาวภาคเหนือในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะ มาถึง พร้อมเผยแพร่ เรื่องราวทางวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ทรงคุณค่าแห่งล้านนาให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น 

 

โดยได้นำเทคนิคต่างๆ เข้ามาผสมผสาน โดยแต่ละปีจะมีไฮไลท์สุดพิเศษแตกต่างกันออกไป โดยล่าสุด UNESCO ได้ยกย่องให้จังหวัดเชียงราย เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ(City of Design) ทางศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการมอบประสบการณ์แปลกใหม่ ให้กับชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมงาน สำหรับปีนี้ สร้างสรรค์ขึ้นในคอนเซ็ปต์ The Spirit of Chiangrai : The Pride of Northern Thailand ผสมผสานเรื่องราวจากวัฒนธรรมเครื่องประดับเงิน จาก 6 ชนเผ่า และความอุดมสมบูรณ์ของป่าสนบนดอยตุง เหนือสุดแดนสยามที่แรกที่เดียวในประเทศไทย สื่อถึงความงดงามและวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับธรรมชาติ ออกแบบและสร้างสรรค์โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง) และได้รังสรรค์ผลงานให้เป็นส่วนหนึ่งสำหรับจุดแลนด์มาร์คของงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023’ 

 

งานมหกรรมศิลปะนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ไฮไลท์หลักของงานคือ “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” สร้างสรรค์โดย ดอยตุง ที่จำลองแบบต้นสนด้วย กลีบจำนวน 19 ชั้นซ้อนกัน แต่ละชั้นตกแต่งด้วยเครื่องเงินจากแรงบันดาลใจชนเผ่าประดับไฟ หยดน้ำทอประกายระยิบระยับสวยงาม ตระการตา โดยตั้งชื่อตามความยาวของงานผ้าทอมือขนาด 1,000 วา หรือ 2,000 เมตร ที่เกิดจากการร่วมมือกันของชาวบ้าน กลุ่มชนเผ่าบนพื้นที่ดอยตุงที่ใช้ เวลาว่างมาร่วมแรงร่วมใจถักทอผ้า โดยใช้ระยะเวลากว่า 3 เดือน ส่วนคำว่า “หมอก” มาจากการที่ จังหวัดเชียงรายจะเกิดปรากฏการณ์ชมหมอกที่สวยงาม 

 

ในช่วงต้นเทศกาลคริสต์มาสคือตั้งแต่ เดือน พฤศจิกายน ถึง มกราคมเป็นประจำทุกปี “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” ถักทอด้วยผ้าธรรมชาติ และวัสดุในท้องถิ่นสื่อถึงการใช้ชีวิตทีเรียบง่ายและผูกพันกับธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ เถาสน ไหมย้อมสี ผ้าฝ้าย และหญ้าแฝก ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ แห่งชาติพันธุ์ของเชียงราย สู่ลายปักผ้าและของตกแต่งบนเครื่องแต่งกายสีสันสดใส ของ 6 ชาติ พันธุ์เชียงราย ได้แก่ อาข่า ลาหู่ ลัวะ ไทใหญ่ ไทลื้อ และจีนยูนนาน สอดประสานกันแต่ละชั้น เพื่อแสดงถึงความหลากหลายที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมเกลียว

 

นื่องด้วย จังหวัดเชียงราย เป็นดินแดนวัฒนธรรมเครื่องประดับเงินแห่งชนเผ่า แต่ละชั้นกลีบประดับ ต้นคริสต์มาส จึงได้นำเอาลวดลายเครื่องประดับเงิน ที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละชนเผ่าชาติพันธุ์มา ตกแต่งร่วมกับลายผ้าทอ ร้อยเรียงต้นคริสต์มาสให้มีอัตลักษณ์ แต่ละลวดลายล้วนเกี่ยวข้องกับการ ดำเนินชีวิต โดยนัยที่เป็นพลังเชิงบวก เช่น ลายปลา สื่อถึงความมั่งมีและอุดมสมบูรณ์, ลายผีเสื้อ สื่อถึงความงดงามและอุดมสมบูรณ์, ดอกเบญจมาศ สื่อถึงความมีชีวิตชีวาและความเจริญรุ่งเรือง, การทำภู่ เงินห้อยระย้า สื่อถึงความมีชื่อเสียงและความดีงามยังมีการทำเครื่องเงินในลักษณะของ กระดุม ลูกกระพรวน และลูกปัด เพื่อใช้ตกแต่งลงบนผ้าพื้นเมือง สำหรับชนเผ่าเย้า (เมี่ยน) มีการ ผลิตเครื่องประดับเงิน ทำเป็นสร้อยคอ กระดุมเสื้อ และเครื่องประดับเงิน ที่มีลักษณะเป็นแผงมีพู่ ห้อยเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมการแต่งกายของชนเผ่า สนุกกับกิจกรรมพิเศษทุกวันหยุดยาว ไม่ว่าจะเป็น แขวนโคมล้านนา, เทศกาลดนตรีแจ๊ส, ฟรีเวิร์คช็อปงานคราฟท์, มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ชมการแสดงตลอดเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับ ปีใหม่ การแสดงเปิดหมวกโชว์จากน้องๆ ในเชียงราย สิทธิพิเศษ 

 

สำหรับสมาชิก The1 รับ ฟรี! ของที่ระลึกสุดพิเศษ เมื่อกิน ช้อป ภายในโซนพลาซา ครบ 10,000 บาทขึ้นไป พร้อมเลือกซื้อ สินค้าในกาดสีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต ลิ้มลองเมนูหาทานยากจากพี่น้อง 6 ชนเผ่าชาติพันธุ์เมือง เชียงราย และอิ่ม อร่อยกับร้านค้าเด็ดเมนูดังในเชียงราย พร้อมช้อปสินค้า ART & CRAFT เป็นของ ที่ระลึกมากมาย 

 

สำหรับพิธีเปิดได้รับเกียรติจากคุณสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาด Chief Marketing Officer บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงาน โดยมี คุณประเสริฐ ตรงเจริญเกียรติ ประธานสายปฎิบัติการธุรกิจเพื่อสังคม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์, คุณอรชร จันทร์วิวัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มงานปฎิบัติการสาขาเขตภาคเหนือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ, คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้จัดการ ทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย, คุณเสริฐ ไชยยานันตา ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและ กีฬาจังหวัดเชียงราย, คุณวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.เชียงราย, อาจารย์นคร พงศ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยาน ศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมงาน บริเวณ ด้านหน้า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

 

ตื่นตากับ “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” แห่งเดียวในไทย ในคอนเซ็ปต์ The Spirit of Chiangrai : The Pride of Northern Thailand ผสมผสานเรื่องราวจากวัฒนธรรมเครื่องประดับเงิน จาก 6 ชนเผ่า และความอุดมสมบูรณ์ของป่าสนบนดอยตุง แห่งเดียวในไทย ผลงานร่วมระหว่างเซ็นทรัลเชียงรายและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง)

 

กาดสีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต ลิ้มลองเมนูหาทานยากจากพี่น้อง 6 ชนเผ่าชาติพันธุ์เมืองเชียงราย และอิ่มอร่อยกับร้านค้าเด็ดเมนูดังในเชียงราย พร้อมช้อปสินค้า ART & CRAFT เป็นของที่ระลึก

 

ม่วนใจ๋ไปกับบทเพลงเพราะๆ ชมการแสดงเชิงวัฒนธรรม Shimmer and Shine จากน้องๆ เยาวชนชาวเชียงราย ถ่ายรูปจุใจกับจุดเช็คอินเก๋ๆ กว่า 10 แลนด์มาร์กให้ได้โพสต์สดใสกันทั้งกลางวัน และงดงามกันในยามค่ำคืน

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เซ็นทรัล เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News