Categories
AROUND CHIANG RAI ENVIRONMENT

เชียงราย 2568 สู้ภัยน้ำ-ฝน บททดสอบรับมือโลกเดือด

สถานการณ์น้ำและการจัดการภัยพิบัติเชียงราย ปี 2568 ภัยฝน-ภัยน้ำ กับบททดสอบความพร้อม

เชียงราย, 7 กรกฎาคม 2568 – หลังฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย) รายงานความคืบหน้าในการช่วยเหลือประชาชนและบทเรียนสู่การยกระดับการจัดการทรัพยากรน้ำและภัยพิบัติ ในปีที่ความผันผวนของสภาพภูมิอากาศและคุณภาพน้ำกำลังกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายทั้งภาครัฐและชุมชน

พายุฝนถล่ม – ผลกระทบพื้นที่และการช่วยเหลือ

ในช่วงค่ำวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 พื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย แม่ฟ้าหลวง เวียงชัย พาน เทิง พญาเม็งราย แม่จัน และแม่ลาว เผชิญฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ส่งผลให้ในหลายจุด โดยเฉพาะบ้านด้ายหนองหล่ม ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย เกิดเหตุเสาไฟฟ้าโค่นล้มถึง 3 ต้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเร่งซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องเพื่อคืนระบบไฟฟ้าโดยเร็ว

ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงราย มีน้ำท่วมขังหลายจุด อาทิ ห้าแยกพ่อขุน ชุมชนศรีทรายมูล ชุมชนสันป่าก๊อ ชุมชนสันคอกช้าง และชุมชนบ้านใหม่ เทศบาลระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรช่วยระบายน้ำ คาดว่าสถานการณ์จะกลับสู่ปกติภายในวันที่ 6 กรกฎาคม ทั้งนี้ ปภ.จังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมเครื่องมือและกำลังพลตลอด 24 ชั่วโมง โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ทุกเวลา

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศฝนปีนี้ไม่เหมือนเดิม

การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจากอิทธิพลโลกร้อนส่งผลให้รูปแบบและปริมาณฝนในเชียงรายปี 2568 แตกต่างจากอดีต กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าเดือนกรกฎาคมจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางช่วง สร้างความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำและริมฝั่งแม่น้ำสายหลัก เช่น แม่น้ำกกและแม่น้ำโขง

ตารางสรุปปริมาณฝนและแนวโน้มอากาศ (เมษายน-กรกฎาคม 2568)

เดือน

ปริมาณฝน (มม.)

วันฝนตก (วัน)

อุณหภูมิสูงสุด (°C)

หมายเหตุ

พฤษภาคม

180-230

13-15

34-36

ฝนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

มิถุนายน

130-170

16-19

33-35

เริ่มฝนตกชุก ร้อยละ 40-60

กรกฎาคม

(เฉลี่ย 191.4)*

60-80% ของพื้นที่

29-34

ฝนตกหนัก-หนักมากบางแห่ง

*ข้อมูลค่าเฉลี่ยย้อนหลัง เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาไม่ได้ระบุตัวเลขแน่ชัดสำหรับปีนี้

โครงสร้างภูมิประเทศ – จุดแข็ง จุดเปราะบาง

จังหวัดเชียงรายมีภูมิประเทศที่ซับซ้อน ทั้งพื้นที่ราบ (60%) ริมลุ่มแม่น้ำกก อิง สาย จัน ลาว และแม่น้ำโขง และภูเขาสูง (37%) ที่เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ อ่างเก็บน้ำและเขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนแม่สรวย (ความจุ 73 ล้าน ลบ.ม.) มีน้ำต้นทุนเกือบเต็มความจุในต้นปี 2568 ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งสำหรับรองรับภัยแล้งและการเพาะปลูกฤดูฝน แต่โครงสร้างแบบนี้เองที่ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำเปราะบางต่ออุทกภัยเมื่อต้องรับมือกับฝนตกหนักในระยะเวลาสั้นๆ

คุณภาพน้ำปัญหาซ้อนปัญหาบนวิกฤตภัยธรรมชาติ

แม่น้ำกก แม่น้ำโขง และแม่น้ำสาย พบปัญหาปลามีตุ่มผิดปกติจากสารเคมีปนเปื้อนและโลหะหนัก หน่วยงานรัฐบางแห่งยืนยันว่ายังใช้น้ำได้เพื่อเกษตรกรรม แต่ยังมีการแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำกกในบางพื้นที่ ขณะที่เกษตรกรและชุมชนเรียกร้องให้จัดหาแหล่งน้ำทางเลือกและเน้นการตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง

บทเรียนจากอดีตเชียงรายในวังวนอุทกภัย-ภัยแล้ง

ปี 2567 เชียงรายประสบอุทกภัยใหญ่ช่วงเดือนกันยายน ฝนตกหนักเกิน 200 มม. ทำให้น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ส่งผลให้ 56,469 ครัวเรือนและพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 18,587 ไร่ ได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิต 14 ราย ขณะที่ปี 2566 ก็มีน้ำท่วมซ้ำจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “ยางิ” เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำความเปราะบางของจังหวัดและแนวโน้มความถี่ของสภาพอากาศสุดขั้วที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบโลกร้อน

มาตรการจัดการน้ำและภัยพิบัติความพร้อมและข้อจำกัด

  • กรอบยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการน้ำ

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ขับเคลื่อน 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 ร่วมกับกรมชลประทานและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เน้นติดตามสถานการณ์น้ำ เตรียมเครื่องมือช่วยเหลือ ปรับแผนการจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำ และตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในช่วงฉุกเฉิน

ระดับจังหวัด มีแผนปฏิบัติการภัยพิบัติ 4 ระยะ ได้แก่ การป้องกันและลดผลกระทบ, การเตรียมความพร้อม, การจัดการในภาวะฉุกเฉิน และการฟื้นฟู ซึ่งทุกระยะต้องการความร่วมมือและทรัพยากรที่พร้อมรับสถานการณ์เฉพาะหน้า

งบประมาณและการพัฒนาแหล่งน้ำ

ปี 2568 มีการจัดสรรงบประมาณพัฒนาแหล่งน้ำรวมกว่า 10,000 ล้านบาทในระดับชาติ เพื่อปรับปรุงระบบน้ำดิบ เพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำ ฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายจากอุทกภัย โดยเชียงรายได้รับงบฯ เร่งด่วน 111 ล้านบาท สำหรับโครงการฟื้นฟูใน อ.พาน แต่การเบิกจ่าย-เยียวยา ยังมีความล่าช้า และต้องการโมเดลบริหารจัดการที่คล่องตัวกว่านี้

ผลกระทบและความท้าทายปี 2568 วิเคราะห์สถานการณ์และความพร้อม

  • ผลกระทบต่อการเกษตรและชุมชน

น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำสูง แต่เกษตรกรต้องเผชิญโจทย์ใหม่ คือคุณภาพน้ำที่ปนเปื้อน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผลผลิต-ประมงน้ำจืด และความปลอดภัยผู้บริโภค ภัยน้ำท่วมยังคงเป็นปัญหาในพื้นที่ลุ่มต่ำ และอาจเกิดซ้ำหากฝนตกหนักติดต่อกันในเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน

  • ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและสังคมเมือง

ฝนหนักสร้างความเสียหายต่อถนน สะพาน ระบบประปาและสาธารณูปโภค เมืองเชียงรายต้องเน้นเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำและการสื่อสารแจ้งเตือนล่วงหน้า พร้อมวางระบบขนส่งและอพยพที่พร้อมรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน

  • คุณภาพน้ำ เงื่อนไขความมั่นคงใหม่

การสื่อสารข้อมูลคุณภาพน้ำต้องมีความชัดเจน โปร่งใส และเข้าถึงได้ โดยเฉพาะในชุมชนริมน้ำและพื้นที่เกษตรกรรม หากขาดการแจ้งเตือนที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ความเสียหายทางสุขภาพและเศรษฐกิจโดยไม่รู้ตัว

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายมุ่งสู่การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

  1. พัฒนาระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยแบบเรียลไทม์ โดยติดตั้งโทรมาตรวัดระดับน้ำทั้งในแม่น้ำกกและแม่น้ำโขง ให้ข้อมูลล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและน้ำหลาก
  2. ยกระดับการสื่อสารและสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลน้ำแบบบูรณาการ ที่รายงานทั้งปริมาณและคุณภาพน้ำ พร้อมคู่มือและคำแนะนำต่อชุมชน
  3. ส่งเสริมธรรมาภิบาลน้ำที่ปรับตัวได้ กระจายอำนาจให้องค์กรปกครองท้องถิ่นและชุมชนมีบทบาทบริหารจัดการน้ำและงบประมาณเฉพาะหน้า
  4. เร่งรัดการจัดสรรและเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือ ฟื้นฟู และพัฒนาโครงสร้างน้ำและภัยพิบัติอย่างทันท่วงที
  5. ขยายความร่วมมือข้ามหน่วยงานและประเทศ โดยเฉพาะระบบเตือนภัยข้ามแดนเมียนมา-ไทย สำหรับลุ่มน้ำกกและโขง
เชียงรายบนเส้นทางบริหารจัดการน้ำในยุคใหม่

จังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญบททดสอบใหม่ในการบริหารจัดการน้ำในสภาวะอากาศสุดขั้วและคุณภาพน้ำที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น แม้จะมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่การขาดงบประมาณและระบบข้อมูลที่ทันสมัยคืออุปสรรคสำคัญ การยกระดับระบบแจ้งเตือน การสื่อสาร และการลงทุนใน “โครงสร้างพื้นฐานแบบอ่อน” ร่วมกับการบูรณาการแผนรับมือภัยพิบัติข้ามภาคส่วน จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงน้ำอย่างยั่งยืนและลดผลกระทบต่อชุมชนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย)
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • กรมชลประทาน
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย
  • ข้อมูลจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
  • ศูนย์ข่าวภัยพิบัติและงานวิจัยภาคเหนือ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เยาวชนไทยในสหรัฐฯ คืนถิ่นสานวัฒนธรรม

โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ ครั้งที่ 14 สานสายใยวัฒนธรรม สร้างรากเหง้าในหัวใจลูกหลานไทยโพ้นทะเล

เชียงราย, 5 กรกฎาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นแก่คณะโครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ ครั้งที่ 14 หรือ Thai American Youth Heritage Program 2024 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 13 กรกฎาคม 2568 โดยมีเยาวชนไทยและผู้ปกครองที่เกิดและเติบโตในประเทศสหรัฐอเมริกา เดินทางกลับสู่ประเทศไทย เพื่อทัศนศึกษา ศึกษาวัฒนธรรม และทำกิจกรรมจิตอาสาบนแผ่นดินเกิดของบรรพบุรุษ

การเดินทางมาเยือนจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของโครงการฯ ซึ่งได้รับความสนใจและการต้อนรับจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ วัดวาอาราม ชุมชน และสถานศึกษา โดยคณะเยาวชนได้เยี่ยมชมสถานที่สำคัญหลากหลาย อาทิ วัดห้วยปลากั้ง วัดพระธาตุผาเงา พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเชียงราย และโรงเรียนในอำเภอแม่จัน เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตไทยจากหลายมิติ

ต้นกำเนิดโครงการจากวัดไทยในลอสแอนเจลิส สู่การคืนถิ่นแห่งศรัทธา

จุดเริ่มต้นของโครงการนี้ เกิดขึ้นจากความพยายามของชาวไทยในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการสืบทอดรากวัฒนธรรมไทยสู่รุ่นลูกหลานที่เกิดในต่างแดน โดยริเริ่ม “โครงการวัฒนธรรมไทยคืนถิ่น” ครั้งแรกในปี พ.ศ.2533 ด้วยการนำนักเรียนจากโรงเรียนพุทธศาสนาวัดไทยลอสแอนเจลิส มาเปิดการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยในประเทศไทย และได้เสียงตอบรับอย่างอบอุ่นจากประชาชนชาวไทย

จากจุดเล็ก ๆ ในวัดไทยแห่งหนึ่ง โครงการนี้ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จัดขึ้นทุก 2 ปี ด้วยความร่วมมือจากชุมชนไทยในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกา จนกลายเป็นโครงการระดับชาติที่มีความสำคัญทั้งในด้านการสืบสานวัฒนธรรม และสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตแบบประชาชนสู่ประชาชน

ผู้บริหารโครงการ: แรงใจและความทุ่มเทเพื่อ “รากไทย” ในใจเยาวชน

สำหรับการเดินทางมาเยือนประเทศไทยในครั้งที่ 14 นี้ คณะโครงการประกอบด้วยบุคคลสำคัญ ได้แก่

  • นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานโครงการ
  • นายชนะ เมี้ยนเจริญ กงสุล สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส
  • นายสุรศักดิ์ วงศ์ข้าหลวง ประธานฝ่ายสหรัฐอเมริกา
  • นายดำฤทธิ์ วิริยะกุล เลขานุการโครงการ

โดยมีเป้าหมายในการให้เยาวชนเรียนรู้วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลก รวมถึงสร้างความตระหนักถึงคุณค่าความเป็นไทย พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนสามารถนำความรู้กลับไปเผยแพร่ต่อในชุมชนไทยในสหรัฐอเมริกา

กิจกรรมบนแผ่นดินแม่สัมผัสรากเหง้า บำเพ็ญประโยชน์ด้วยหัวใจ

หนึ่งในกิจกรรมที่เป็นไฮไลต์ของการมาเยือนจังหวัดเชียงราย คือการเข้าเยี่ยมชมวัดห้วยปลากั้งและวัดพระธาตุผาเงา ซึ่งเยาวชนได้มีโอกาสสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศึกษาศิลปกรรมล้านนา และแลกเปลี่ยนความรู้กับพระสงฆ์ในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังได้ไปเยี่ยมชมการเรียนการสอนของโรงเรียนในอำเภอแม่จัน เรียนรู้วิถีชีวิตของเยาวชนในพื้นที่ชนบท และนำบทเรียนกลับไปถ่ายทอดยังชุมชนของตนในต่างประเทศ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเชียงราย หรือบ้านของศิลปินแห่งชาติ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่สร้างความประทับใจให้เยาวชน โดยเฉพาะในแง่ของการนำเสนอความเป็นไทยผ่านมุมมองของศิลปะร่วมสมัย

จากรุ่นสู่รุ่นโครงการแห่งความต่อเนื่อง

ตลอดเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา โครงการนี้ได้ถูกยกระดับเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติในโอกาสสำคัญระดับชาติหลายครั้ง เช่น ปี พ.ศ.2547 ซึ่งจัดเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ในวาระพระชนมพรรษา 6 รอบ และในปี พ.ศ.2549 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ในโอกาสครองราชย์ครบ 60 ปี

แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โครงการจะต้องเว้นช่วงไป แต่ในปี พ.ศ.2566 และปีนี้ (พ.ศ.2568) โครงการได้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง ด้วยรูปแบบที่เข้มข้นและหลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและวิถีชีวิตของเยาวชนยุคใหม่

วิเคราะห์ผลลัพธ์ สายสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ผ่านพลังเยาวชน

โครงการนี้มิได้เป็นเพียงแค่การเดินทางมาเยือนบ้านเกิดของบรรพบุรุษเท่านั้น หากแต่เป็นการ “ลงทุนระยะยาว” เพื่อสร้างเครือข่ายคนไทยในต่างแดนที่มีความผูกพันกับประเทศไทย รู้จักรากเหง้าของตน และพร้อมจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองวัฒนธรรม — ไทยและอเมริกัน — ในอนาคต

นอกจากนี้ ยังถือเป็นแนวทางหนึ่งของ “Soft Power” ที่มีผลจริงในระดับปัจเจก ผ่านความผูกพันทางอารมณ์และการมีส่วนร่วมของเยาวชน ซึ่งในระยะยาว จะส่งผลต่อการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กระทรวงการต่างประเทศ: www.mfa.go.th
  • คณะกรรมการโครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่
  • สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส
  • ข้อมูลพื้นฐานจาก วัดไทยนครลอสแอนเจลิส
    (เรียบเรียงโดยทีมข่าว นครเชียงรายนิวส์)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 จัด Open House ทหารใหม่

มณฑลทหารบกที่ 37 จัดกิจกรรม “เปิดบ้านทหารใหม่ Open House” เชื่อมสายใยครอบครัว – ทหาร – สังคม เสริมศักยภาพกองทัพแห่งอนาคต

เชียงราย, 5 กรกฎาคม 2568 – มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) จังหวัดเชียงราย เปิดบ้านต้อนรับครอบครัวทหารใหม่ในกิจกรรม “เปิดบ้านทหารใหม่ Open House” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ณ สนามฝึกหน้ากองร้อย มทบ.37 โดยมี พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการ มทบ.37 เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมเป็นเจ้าภาพ ถ่ายทอดความอบอุ่น ความภาคภูมิใจ และการมีส่วนร่วมของครอบครัวในเส้นทางของชายชาติทหาร

 

เปิดบ้านครั้งนี้ไม่ใช่แค่พิธี แต่คือการ “สื่อสารใจ” ระหว่างครอบครัวกับกองทัพ

ภายใต้แนวนโยบายของผู้บัญชาการทหารบกที่มุ่งให้กองทัพเป็นที่พึ่งของประชาชนและยึดโยงกับสังคม “กิจกรรมเปิดบ้านทหารใหม่” จึงไม่ใช่เพียงพิธีการ แต่คือพื้นที่ที่เปิดให้ครอบครัวของทหารใหม่ ได้มาสัมผัสชีวิตและวิถีของกองทัพด้วยสายตาตนเอง

เนื่องในโอกาสวันเสร็จสิ้นการฝึกทหารใหม่ ผลัดที่ 1/2568 การเปิดบ้านครั้งนี้ไม่เพียงต้อนรับครอบครัวและญาติพี่น้องของทหารใหม่ แต่ยังต้อนรับประชาชนทั่วไปให้เข้ามามีส่วนร่วมกับบทบาทของกองทัพบกในสังคมผ่านกิจกรรมหลากหลายที่ผสานทั้งความรู้ ความสนุก และการเรียนรู้ด้านทหารอย่างรอบด้าน

 

โชว์ศักยภาพทหารใหม่ – ผสมผสานมิติฝึกวินัยและความเป็นคน

บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเริ่มจากการนำเสนอผลการฝึกของทหารใหม่ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ความอดทน และระเบียบวินัย ผ่านการแสดง 3 ชุดหลัก ได้แก่

  • การยิงปืนฉับพลัน
  • การแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทย
  • การร้องเพลงประสานเสียง “เพื่อผืนดินไทย”

นอกจากนี้ ยังมีการแสดงของหมวดดุริยางค์มณฑลทหารบกที่ 37 การสาธิตยุทโธปกรณ์ การแสดงของชุด Robocop และทหารสารวัตรที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารในทุกสถานการณ์

 

สานสัมพันธ์ครอบครัว – เปิดมุมมองใหม่สู่ “ชีวิตทหาร”

สิ่งที่โดดเด่นในงานนี้ คือกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ครอบครัวได้ร่วมเยี่ยมชมหน่วยงานต่าง ๆ เช่น โครงการทหารพันธุ์ดี นิทรรศการวิถีชีวิตและวิชาชีพของทหารใหม่ เช่น การซ่อมจักรยานยนต์ งานช่าง การเกษตร ตลอดจนบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสมาคมแม่บ้านทหารบกฯ

นอกจากนี้ยังมีบริการทางการแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช และครัวสนามที่เปิดให้ครอบครัวร่วมรับประทานอาหารกับบุตรหลานทหารใหม่ สะท้อนถึงความเอาใจใส่ในมิติด้านสุขภาพและสังคมที่กองทัพบกได้เตรียมไว้

 

ปลายทางไม่ใช่แค่การฝึกสำเร็จ แต่คือการเติบโตเป็น “พลเมืองดีของชาติ”

เสียงสะท้อนจากผู้ปกครองจำนวนมากให้ความเห็นตรงกันว่า บุตรหลานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ โดยเฉพาะการมีระเบียบวินัย ความอดทน การรู้จักกตัญญู และการเสียสละเพื่อส่วนรวม

หนึ่งในผู้ปกครองกล่าวว่า “สิ่งที่ลูกชายได้จากกองทัพ ไม่ใช่แค่กล้ามแขนหรือความแข็งแรง แต่คือความเป็นผู้ใหญ่ รู้หน้าที่ รู้คุณพ่อแม่ และมองชีวิตด้วยมุมใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้น”

 

กองทัพไทยในศตวรรษที่ 21 – ทหารกับบทบาทใหม่ในสังคมประชาธิปไตย

กิจกรรม “Open House” ครั้งนี้ สะท้อนทิศทางใหม่ของกองทัพไทยที่ต้องการลดช่องว่างระหว่างหน่วยทหารกับประชาชน และเน้นการมีส่วนร่วมกับสังคมอย่างเป็นระบบ ผ่านการเปิดบ้าน พัฒนาโครงการร่วมกับชุมชน และสร้างภาพลักษณ์ของกองทัพที่ยึดโยงกับสันติภาพ ความมั่นคง และมนุษยธรรม

จากงานที่ดูเหมือนเล็กในพื้นที่หนึ่งของเชียงราย กลับมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาแนวคิดกองทัพไทยให้ “รับใช้ประชาชน” อย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองประชาสัมพันธ์ มณฑลทหารบกที่ 37
  • สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มทบ.37
  • โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ หรูหรากลางขุนเขา

ลักชัวรีกลางขุนเขา” ที่คุณเอื้อมถึงได้ — เปิดประสบการณ์พักผ่อนสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย ลดสูงสุด 35% กับข้อเสนอ ‘Exclusive Resident Offer’ วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2568 เท่านั้น

ณ ชายแดนแห่งธรรมชาติอันเงียบสงบของประเทศไทย บริเวณ “สามเหลี่ยมทองคำ” ที่แม่น้ำโขงหลอมรวมวัฒนธรรมสามชาติ อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่แห่งการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์สุดหรู ที่พร้อมให้คนไทยและผู้พำนักในประเทศไทย ได้พักผ่อนท่ามกลางป่าเขาอย่างมีสไตล์ ในราคาที่จับต้องได้ พร้อมกิจกรรมระดับเวิลด์คลาสที่รวมอยู่ในแพคเกจ

จากรีสอร์ทบนยอดเขาที่เงียบสงบท่ามกลางป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์ สู่อาณาจักรที่พักสุดเอ็กซ์คลูซีฟ — ข้อเสนอสุดพิเศษนี้ไม่ได้เพียงมอบความหรูหรา แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจในการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และวัฒนธรรมผ่านประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

 

ประสบการณ์ “เหนือระดับ” ที่ยากจะลืมเลือน

ในยุคที่การท่องเที่ยวไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่คือการสร้างประสบการณ์ชีวิตที่มีความหมาย อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย จึงได้เปิดตัวแพคเกจ “Exclusive Resident Offer” สำหรับผู้พำนักในประเทศไทยโดยเฉพาะ ให้คุณสัมผัสประสบการณ์ระดับโลกได้ในราคาสุดคุ้ม พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 35% สำหรับห้องพักทุกประเภท

แพคเกจนี้ประกอบด้วย:

  • แพคเกจ 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นที่ 60,000++ บาท พร้อมรับสิทธิ์เลือก 1 กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟฟรี
    • Canopy Dining — รับประทานอาหารเหนือทิวเขา บนกระเช้าลอยฟ้า พร้อมวิวแม่น้ำโขงและชายแดน 3 ประเทศ
    • Sky Bike Adventure — ปั่นจักรยานบนสายสลิงท่ามกลางแมกไม้ สัมผัสความสูง 40 เมตรเหนือพื้นดิน
  • แพคเกจ 4 วัน 3 คืน เริ่มต้นที่ 90,000++ บาท รับสิทธิ์พักฟรี 1 คืนที่ Jungle Bubbles — โดมแก้วสุดหรูกลางป่า ให้คุณนอนมองดาว เคียงข้างโขลงช้าง พร้อมเลือกกิจกรรมพิเศษเพิ่มอีก 1 รายการ

ราคาดังกล่าวรวมสิทธิพิเศษ เช่น อาหารเช้า อาหารเย็น และบริการต่าง ๆ ที่จะทำให้คุณรู้สึกราวกับเป็นแขกวีไอพีตลอดระยะเวลาการเข้าพัก

ท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมหัวใจของการอนุรักษ์

สิ่งที่ทำให้อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แตกต่างจากรีสอร์ททั่วไป ไม่ได้อยู่แค่ในงานบริการระดับห้าดาว แต่คือการที่รีสอร์ทแห่งนี้ผสานแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนไว้ในทุกมิติ — โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับ “ช้าง”

รีสอร์ทแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์ช้างเอเชีย ที่มุ่งเน้นให้ช้างอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างมีความสุข และปราศจากการทารุณกรรม นักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ เรียนรู้พฤติกรรมของช้างอย่างใกล้ชิด และสัมผัสถึงความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์ที่ลึกซึ้งเกินคำบรรยาย

การได้เข้าพักที่นี่จึงไม่ได้เป็นเพียงการซื้อประสบการณ์ แต่ยังเป็นการสนับสนุนการอนุรักษ์สัตว์และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

แรงบันดาลใจจากใจกลาง “สามเหลี่ยมทองคำ”

บริเวณสามเหลี่ยมทองคำมีทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิศาสตร์ที่น่าทึ่ง หลายคนอาจรู้จักในฐานะอดีตแหล่งค้าฝิ่น แต่วันนี้พื้นที่แห่งนี้กลับกลายเป็น “จุดเชื่อมโยงใหม่” ของการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ที่ส่งเสริมความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม พร้อมเปิดมุมมองใหม่ของภาคเหนือที่มากกว่าแค่ความสวยงามของธรรมชาติ

รีสอร์ทอนันตราสามเหลี่ยมทองคำ ได้รับรางวัลระดับนานาชาติทั้งในด้านความหรูหรา ความยั่งยืน และการให้บริการ เช่น

  • รางวัล World Travel Awards: Asia’s Leading Luxury Lodge
  • การรับรองจาก Travelife Gold Certification ด้านความยั่งยืน
  • การรับรองจาก Elephant Welfare Association ด้านสวัสดิภาพสัตว์

ทั้งหมดนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของแบรนด์อนันตราในการเป็น “จุดหมายปลายทางแห่งคุณค่า” ที่ทั้งยั่งยืนและน่าจดจำ

จองก่อน คุ้มก่อน – โอกาสพักผ่อนที่ดีที่สุดของปี

โปรโมชั่น “Exclusive Resident Offer” นี้เปิดให้จองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สำหรับการเข้าพักระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ตุลาคม 2568 เท่านั้น ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือจองโดยตรงได้ที่โทร. 053-784-084 หรือ  เว็บไซต์ www.anantara.com/th/golden-triangle-chiang-rai

สรุป: หากคุณมองหาประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่ใช่แค่การ “พัก” แต่คือการ “เชื่อมโยง” กับธรรมชาติ ชุมชน และตัวตนของคุณเอง — อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปีนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • Anantara Golden Triangle Official Website: Exclusive Residents Offer
  • Thailand Travel News: “Luxury in the Wild: Why Anantara Golden Triangle Redefines Eco-Luxury”, 2024
  • Travelife Sustainability Certification Directory
  • Elephant Welfare Association Accreditation (EWA), 2023
    (จัดทำโดยทีมข่าว นครเชียงรายนิวส์)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 มอบกายอุปกรณ์เสริมทหารผ่านศึกเชียงราย

มทบ.37 ส่งมอบกายอุปกรณ์เสริมและเทียม แก่ทหารผ่านศึกพิการเชียงราย-พะเยา เสริมคุณภาพชีวิตด้วยบริการทางการแพทย์ครบวงจร

เชียงราย, 4 กรกฎาคม 2568 – มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) เดินหน้าเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและศักดิ์ศรีให้กับทหารผ่านศึกพิการในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและพะเยา ผ่านภารกิจ “มอบกายอุปกรณ์เสริมและเทียม” ที่ศาลาอเนกประสงค์ สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย โดยมีพลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการ มทบ.37 ในฐานะหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย เป็นประธานในพิธีครั้งนี้

ภายในงานได้รับเกียรติจาก แพทย์หญิงจิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และ นางมณธิยา กำจาย รองหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากกองออร์โธปิดิกส์และกายอุปกรณ์โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ร่วมลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ภาคสนาม จัดตั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่อให้บริการตรวจประเมินและจัดทำกายอุปกรณ์เสริมและเทียมแก่ทหารผ่านศึกอย่างครบวงจร

เดินหน้านโยบาย “เข้าถึง-ทั่วถึง-อุ่นใจ” สู่ทหารผ่านศึกทุกพื้นที่

ภารกิจในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสำคัญจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ที่เน้นการดูแลแบบเชิงรุก โดยนำหน่วยแพทย์ หน่วยทันตกรรม หน่วยกายภาพบำบัด และหน่วยจัดทำกายอุปกรณ์เคลื่อนที่ ออกให้บริการถึงท้องถิ่น เพื่อให้ทหารผ่านศึกและครอบครัวในพื้นที่ห่างไกลได้รับการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึงทั้งการตรวจรักษาโรคทั่วไป โรคกระดูกและข้อ บริการทันตกรรม ตลอดจนการให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์ช่วยเหลือความพิการและฟื้นฟูสมรรถภาพ

ในการให้บริการครั้งนี้ มีทหารผ่านศึกและครอบครัวเข้ารับบริการทั้งสิ้น 83 ราย แบ่งเป็นผู้ที่มารับคำปรึกษาและประเมินด้านกายอุปกรณ์เสริมและเทียม 16 ราย และผู้ที่ได้รับการสงเคราะห์กายอุปกรณ์แล้ว 67 ราย โดยอุปกรณ์ที่มอบให้ในครั้งนี้มีทั้งขาเทียมใต้เข่าแบบแกนในใช้กับฝ่าเท้าวิจัย S-pace จำนวน 5 ข้าง, ขาเทียมใต้เข่าแบบแกนใน 25 ข้าง, ขาเทียมเหนือเข่าแบบแกนใน 6 ข้าง, รถเข็นสำหรับผู้พิการ 9 คัน รวมถึงอุปกรณ์เสริมและเครื่องช่วยความพิการอื่น ๆ ที่จำเป็นเฉพาะบุคคล

กำลังใจ–ความห่วงใย” ที่ส่งถึงคนกล้า

พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ กล่าวในพิธีว่า “ทหารผ่านศึกทุกคน คือผู้เสียสละที่ควรได้รับการดูแลอย่างสมศักดิ์ศรี กายอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ส่งมอบในวันนี้ไม่ใช่แค่เครื่องมือทางกายภาพ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของกำลังใจและความห่วงใยจากกองทัพ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก และองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกที่ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราตั้งใจให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระและเข้มแข็งในสังคม”

การแพทย์ครบวงจรถึงพื้นที่ – ฟื้นฟูสุขภาพ-จิตใจ-สังคม

กิจกรรมครั้งนี้ตอกย้ำพันธกิจขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกและโรงพยาบาลทหารผ่านศึกที่พร้อมลงพื้นที่ทำงานร่วมกับชุมชน โดยเน้นการฟื้นฟูทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม ด้วยการให้ความรู้ในการดูแลตนเอง การฝึกกายภาพบำบัด การประเมินความต้องการเฉพาะด้าน รวมถึงการให้คำแนะนำด้านสิทธิประโยชน์เพื่อเข้าถึงการรักษาและความช่วยเหลือต่อเนื่อง

ผู้รับกายอุปกรณ์ในวันนี้ต่างแสดงความซาบซึ้งในน้ำใจและความห่วงใยจากทุกภาคส่วน มีเสียงสะท้อนจากครอบครัวทหารผ่านศึกหลายรายว่า อุปกรณ์ที่ได้รับช่วยให้ผู้พิการสามารถกลับมาเคลื่อนไหวและมีชีวิตที่มั่นใจอีกครั้ง

วิเคราะห์ความสำคัญ–การขยายผลในอนาคต

การจัดกิจกรรมมอบกายอุปกรณ์และบริการทางการแพทย์เชิงรุกในพื้นที่ห่างไกล ไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตทหารผ่านศึก แต่ยังสะท้อนถึงการขับเคลื่อนนโยบายรัฐในการสร้างสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตลอดจนเป็นต้นแบบความร่วมมือข้ามหน่วยงานทั้งด้านสาธารณสุข สังคมสงเคราะห์ และชุมชนในพื้นที่

อนาคต การดำเนินโครงการในลักษณะนี้จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น ตามจำนวนผู้พิการสูงวัยและทหารผ่านศึกที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ ทั้งในมิติการรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการคืนคุณภาพชีวิตอย่างสมศักดิ์ศรี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย

  • โรงพยาบาลทหารผ่านศึก

  • องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สาธารณสุขเชียงรายลุย เร่งตรวจคัดกรองสารหนู แม่น้ำกก-แม่น้ำสาย หลังพบปนเปื้อน

เชียงรายเดินหน้าเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยงสารหนูปนเปื้อนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย วางระบบเชิงรุก–บูรณาการเครือข่าย เตรียมตรวจคัดกรองกว่า 1,600 ราย ย้ำมาตรฐานปลอดภัยต่อชีวิต

เชียงราย, 1 กรกฎาคม 2568 – สถานการณ์ปัญหาสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จังหวัดเชียงราย สร้างความห่วงกังวลต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ผนึกกำลังกับภาคีเครือข่ายทั้งในระดับท้องถิ่นและส่วนกลาง จัดระบบเฝ้าระวังเชิงรุก ตรวจคัดกรองสุขภาพประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ตั้งเป้าครอบคลุม 1,600 รายใน 7 อำเภอสำคัญ

จุดเริ่มต้นของมาตรการเชิงรุก

ความตื่นตัวของหน่วยงานภาครัฐต่อภัยสารหนูในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานการตรวจพบสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติ ส่งผลให้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กรมควบคุมโรค และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้ระดมกำลังประชุมหารือวางแผนร่วมกัน เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 โดยนายณรงค์ ลือชา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมคณะทำงานจากกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ และสาธารณสุขอำเภอทั่วพื้นที่

การตรวจคัดกรองสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยง

การดำเนินการระยะแรก ลงพื้นที่บ้านรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ตรวจคัดกรองประชาชนกลุ่มแรก 30 ราย ที่อาศัยในรัศมี 1 กิโลเมตรจากแม่น้ำ พบว่า มีความเสี่ยงสัมผัสสารหนูสูง 2 ราย (6.67%) เสี่ยงปานกลาง 10 ราย (33.33%) และเสี่ยงต่ำ 18 ราย (60%) โดยการตรวจเน้นที่การสัมภัสและอุปนิสัยการใช้น้ำในครัวเรือน

สำหรับแผนงานต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 1 – 10 กรกฎาคม 2568 จะขยายการคัดกรองไปยัง 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองเชียงราย, เวียงชัย, เวียงเชียงรุ้ง, แม่สาย, แม่จัน, เชียงแสน และดอยหลวง ครอบคลุม 40 หมู่บ้าน ๆ ละ 40 ราย รวมทั้งสิ้น 1,600 ราย พร้อมเก็บข้อมูลแบบสอบถามประเมินความเสี่ยง หลังจากนั้น วันที่ 22 – 24 กรกฎาคม 2568 จะมีการตรวจปัสสาวะของประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงและปานกลางจำนวน 400 ราย เพื่อวิเคราะห์ค่าความเข้มข้นของสารหนูและใช้ประเมินแนวโน้มสุขภาพในระยะยาว

ผลตรวจเชิงวิชาการและมาตรฐานความปลอดภัย

ข้อมูลผลตรวจปัสสาวะกลุ่มเสี่ยง ในพื้นที่ลุ่มน้ำกกและแม่น้ำสาย เมื่อวันที่ 5 – 6 มิถุนายน 2568 ระบุว่า

  • กลุ่มประชาชนที่อยู่ใกล้แม่น้ำกก จำนวน 5 ราย พบค่าความเข้มข้นของสารหนูระหว่าง 45.7 – 93.2 มิลลิกรัม/ลิตร อยู่ในระดับไม่เกินมาตรฐาน (ค่ามาตรฐาน 100 มิลลิกรัม/ลิตร)
  • กลุ่มประชาชนที่อยู่ใกล้แม่น้ำสาย 5 ราย พบค่าความเข้มข้นของสารหนูระหว่าง 27.1 – 43.6 มิลลิกรัม/ลิตร อยู่ในระดับปลอดภัย
    ทั้งนี้ ผลดังกล่าวช่วยสร้างความเชื่อมั่นในเบื้องต้นต่อประชาชนในพื้นที่ว่าระบบเฝ้าระวังสามารถตรวจจับความผิดปกติได้อย่างทันท่วงที

วิเคราะห์ผลลัพธ์และทิศทางต่อไป

การบูรณาการหน่วยงานระดับพื้นที่และส่วนกลางร่วมกันขับเคลื่อนการเฝ้าระวังเชิงรุก นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ยั่งยืน ข้อมูลการตรวจวิเคราะห์จะนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายและปรับปรุงแผนป้องกันในระยะยาว โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมในชุมชนลุ่มน้ำที่มีความเสี่ยงสูงสุดของจังหวัดเชียงราย

นอกจากมาตรการคัดกรองและวินิจฉัยโรคในประชาชนกลุ่มเสี่ยงแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเดินหน้าทำงานเชิงรุกด้านการสื่อสาร ให้ความรู้ สร้างความตระหนักรู้ในประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงการประเมินข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต

สรุป

วิกฤตการณ์สารหนูในลุ่มน้ำกกและแม่น้ำสาย เป็นบททดสอบสำคัญของระบบสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายในการสร้างมาตรการป้องกันเชิงรุกที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ การบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น จะเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ประชาชาติธุรกิจ: รายงานสถานการณ์สุขภาพจากสารหนูปนเปื้อน
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

เชียงรายเปิดประตูยาง นำร่องส่งตรงจีน ภาษีเหลือศูนย์ ดันคุณภาพชีวิตเกษตรกร

เชียงรายเตรียมเป็นประตูการค้าผ่านโขง เจรจาจีนซื้อตรงยางพารา 300 ตัน ลดภาษีเหลือ 0% สร้างจุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมยางพาราไทย

เชียงราย, 1 กรกฎาคม 2568 – สถานการณ์การส่งออกยางพาราของไทยกำลังเปลี่ยนผ่านจุดสำคัญ หลังเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศเปิดเผยความคืบหน้าการเจรจาโรงงานจีน เตรียมนำร่องซื้อยางพาราจากเกษตรกรไทยโดยตรง 300 ตัน พร้อมสิทธิประโยชน์ภาษี 0% ผ่านลุ่มแม่น้ำโขงเข้าสู่มณฑลยูนนาน จีน เสริมบทบาทเชียงรายในฐานะ “จุดยุทธศาสตร์การค้าภาคเหนือ” สะท้อนนัยยะเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจทั้งจังหวัดและประเทศ

จุดเริ่มเปลี่ยนสมดุลการค้าชายแดนเหนือ

จุดเด่น ของโครงการนี้คือการส่งออกยางโดยตรงผ่าน “ด่านเชียงของ” จังหวัดเชียงราย ลดต้นทุนภาษีจาก 20% เหลือ 0% สอดคล้องกับกลุ่มประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง เช่น เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบโลจิสติกส์ที่เคยเน้นภาคใต้ ซึ่งแต่เดิมพ่อค้าจีนรับยางผ่าน 6 ด่านหลักในภาคใต้ของไทย ต้องแบกภาษีนำเข้าราว 7,500 บาท/ตัน รวมถึงภาษีแวตและค่าขนส่งที่สูงขึ้น ส่งผลให้ยางจากเชียงรายและภาคเหนือกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ได้เปรียบเชิงภาษีและโลจิสติกส์

ปัจจุบัน เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศมีสมาชิกกระจายทั่วประเทศ โดย ภาคเหนือและอีสาน เป็นกลุ่มใหญ่ เมื่อรวมศักยภาพการรวมกลุ่ม เกษตรกรไทยจะมีโอกาสขายยางในราคาดีขึ้น ลดการถูกกดราคาจากโรงงาน หรือหักค่าหัวคิวจากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการผลักดันโดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และกระทรวงเกษตรฯ

บทบาทใหม่ “เชียงรายฮับยางไทย” ผลักดันเศรษฐกิจชุมชน

เชียงรายในฐานะ “ประตูการค้าภาคเหนือ” กำลังขยายบทบาทจากเดิมที่เป็นจุดผ่านแดนสำคัญ สู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมแปรรูปยางในภูมิภาค ซึ่งขณะนี้มีความพร้อมทั้งเครือข่ายเกษตรกร ระบบขนส่งทางน้ำผ่านโขง และความร่วมมือระดับนโยบายกับจีนโดยตรง

ประเด็นสำคัญ ที่ตามมาคือ หากโครงการนี้นำร่องสำเร็จ ราคายางในพื้นที่จะมีเสถียรภาพมากขึ้น เกษตรกรได้รับผลตอบแทนสูง ลดแรงกดดันจากภาวะราคาตกต่ำ ส่วนผู้ประกอบการในภาคใต้ที่เคยได้เปรียบด้านโรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ อาจต้องปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงของเส้นทางและรูปแบบการค้าระหว่างประเทศ

อีกด้านหนึ่ง โรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ในจีนและลาวที่เคยลงทุนเพื่อรองรับยางจากภูมิภาคนี้อาจมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลจีนสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานเข้ามาลงทุนร่วมกับท้องถิ่น ส่งเสริมการขยายกำลังผลิตและสร้างโอกาสการจ้างงานใหม่ในภาคเหนือ

วิเคราะห์ผลกระทบและอนาคตอุตสาหกรรมยางพารา

การเปลี่ยนแปลงเส้นทางการส่งออกยางผ่านเชียงราย นอกจากจะลดภาษีให้เกษตรกร ยังเปิดโอกาสการรวมกลุ่มขนาดใหญ่ สร้างอำนาจต่อรองในการกำหนดราคายางกับต่างประเทศ ลดการผูกขาดโดยนายหน้า การดำเนินโครงการนี้ยังมีส่วนช่วยให้การตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานยางพาราไทยโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งจีนให้ความสำคัญกับคุณภาพยางพาราไทยมากกว่ายางจากประเทศอื่นในอาเซียน

ขณะเดียวกัน ภาครัฐต้องเดินหน้าแก้ไขอุปสรรคเชิงระบบ เช่น การสนับสนุนค่าขนส่ง โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ในภาคเหนือ และการดูแลมาตรฐานการผลิตและแปรรูปยางให้สอดคล้องกับตลาดจีน เพื่อรักษาความได้เปรียบเชิงคุณภาพ

ความท้าทาย คือภาคเอกชนและชุมชนจะต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ขยายเครือข่ายความร่วมมือ ทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางอย่างครบวงจร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากเชียงราย ขยายโอกาสการส่งออกไปยังตลาดจีนและประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างยั่งยืน

สรุป

ความคืบหน้าการส่งออกยางผ่านเชียงราย ไม่เพียงเปลี่ยนสมดุลทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมยางไทย แต่ยังตอกย้ำบทบาทของเชียงรายในฐานะ “ศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ของภาคเหนือ” เปิดประตูใหม่สู่ตลาดจีนโดยตรง เสริมรายได้เกษตรกร กระตุ้นการจ้างงาน และสร้างโอกาสการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ประชาชาติธุรกิจ
  • สำนักงานการยางแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • China Daily
  • World Bank Thailand Economic Monitor
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

AOT ปั้นเชียงราย ยกระดับสนามบินแม่ฟ้าหลวง สู่ฮับการบินระดับโลก

“AOT เดินหน้าพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย รองรับ 6 ล้านผู้โดยสารต่อปีในปี 2576 สู่มาตรฐาน World Class”

เชียงราย, 1 กรกฎาคม 2568 – บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ครบรอบ 46 ปี ประกาศเป้าหมายยกระดับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย จากเดิมที่รองรับผู้โดยสาร 3 ล้านคนต่อปี สู่ 6 ล้านคนต่อปี คาดว่าแผนการขยายโครงสร้างพื้นฐานจะแล้วเสร็จภายในปี 2576 เสริมศักยภาพเมืองเชียงรายสู่ศูนย์กลางการบินและประตูท่องเที่ยวภาคเหนือ ตอบรับการเติบโตของผู้โดยสาร-เศรษฐกิจและภาคบริการภายใต้แนวคิด “World Class Hospitality” และคุณภาพการบริการมาตรฐานสากล 

AOT บริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (เดือนตุลาคม 2567 – พฤษภาคม 2568) มีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งรวม 88.53 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 54.24 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.8% และผู้โดยสารภายในประเทศ 34.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.9% ขณะที่มีเที่ยวบิน 544,590 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.9% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 308,777 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.5% และเที่ยวบินภายในประเทศ 235,813 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.9% นอกจากนี้ AOT ได้ประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศในปีงบประมาณ 2569 (เดือนตุลาคม 2568 – กันยายน 2569) คาดว่าจะมีผู้โดยสารรวมกว่า 130 ล้านคน เที่ยวบินรวมกว่า 859,000 เที่ยวบิน และคาดว่าจะมีจำนวนสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ (Cargo) ประมาณ 1.64 ล้านตัน

เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน-รองรับการเติบโต

จากสถิติ 8 เดือนแรกปีงบประมาณ 2568 ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งภายใต้ AOT รองรับผู้โดยสารรวมกว่า 88.53 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9.2% เที่ยวบินกว่า 544,590 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.9% ขณะที่ปีงบประมาณ 2569 คาดยอดผู้โดยสารทั่วประเทศทะลุ 130 ล้านคน เที่ยวบินรวมกว่า 859,000 เที่ยวบิน แนวโน้มนี้สะท้อนความต้องการเดินทางและศักยภาพการเติบโตของเชียงรายในฐานะจุดยุทธศาสตร์

AOT วางแผนพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยจะเร่งก่อสร้างขยายอาคารผู้โดยสาร เพิ่มพื้นที่บริการ สิ่งอำนวยความสะดวก โซนพักผ่อน สนามเด็กเล่น โซนชาร์จไฟและพื้นที่นวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้เดินทางทุกกลุ่มอย่างครบวงจร และเน้นย้ำมาตรฐานความปลอดภัย ความสะอาด และบริการที่เหนือระดับ

AOT กับบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนวัตกรรม

นอกจากบทบาท “ประตูสู่ประเทศ” AOT ยังเดินหน้าสร้างรายได้ใหม่ ๆ เช่น โครงการเชิงพาณิชย์ ศูนย์ซ่อมบำรุง MRO โรงแรม Terminal Attraction และ Logistics Hub ซึ่งมีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศสนใจเข้าร่วมกว่า 28 โครงการแล้ว ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจและโอกาสการจ้างงานในภูมิภาค

สำหรับสนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการภาคเหนือ ซึ่งในอนาคตจะสามารถรองรับทั้งสายการบินระหว่างประเทศ เพิ่มปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสาร ช่วยดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่เชียงรายและเมืองเศรษฐกิจรอบข้าง สร้างโอกาสให้ท้องถิ่นเติบโตอย่างมั่นคง

บทวิเคราะห์และความท้าทาย

การขยายสนามบินเชียงรายไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นการวางรากฐานอนาคตเมืองเชียงรายสู่การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ หากแผนนี้สำเร็จตามเป้าหมาย จะเปลี่ยนโฉมการเดินทางของคนไทยและชาวต่างชาติในภูมิภาคเหนืออย่างสิ้นเชิง พร้อมเชื่อมโยงเมืองเชียงรายกับตลาดโลก ท้าทายสำคัญคือการบริหารจัดการเพื่อคงคุณภาพบริการในขณะที่การใช้งานสนามบินเพิ่มขึ้น การลงทุนและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)
  • ศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการสินค้าเกษตรเชียงราย
  • กระทรวงคมนาคม
  • รายงานสถิติสายการบิน/ผู้โดยสาร 2568-2569
  • ข่าวประชาสัมพันธ์ AOT (1 กรกฎาคม 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัด ‘มหกรรมสินค้าเกษตร 68’ หนุนเกษตรปลอดภัย สร้างผู้ประกอบการเข้มแข็ง

เชียงรายจัด “มหกรรมสินค้าเกษตร 2568” หนุนตลาดปลอดภัย ยกระดับเกษตรกรสู่ผู้ประกอบการมืออาชีพ

เชียงราย, 30 มิถุนายน 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าจัดงาน “มหกรรมสินค้าเกษตรจังหวัดเชียงราย ปี 2568” เพื่อส่งเสริมเกษตรกรท้องถิ่น พร้อมดันสินค้าเกษตรปลอดภัยสู่ตลาดผู้บริโภคและเชื่อมโยงเครือข่ายสู่ความยั่งยืน โดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ ศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการสินค้าเกษตร ตลาดเกษตรกรจังหวัดเชียงราย ภายใต้บรรยากาศคึกคักจากเกษตรกร ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงาน

มุ่งสร้างตลาดเกษตรถาวรและความมั่นคงของเกษตรกร

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวในพิธีเปิดงานว่า จังหวัดเชียงรายมีเป้าหมายสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรด้วยการผลักดันตลาดถาวรสำหรับรองรับผลผลิตคุณภาพดี นำร่องโดยโครงการตลาดเกษตรกรที่ริเริ่มตั้งแต่ปี 2558 ภายใต้การสนับสนุนของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยงานนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานสินค้าและการตลาดให้แก่เกษตรกร เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน

นายเสน่ห์ แสงคำ เกษตรจังหวัดเชียงราย เน้นย้ำถึงบทบาทของตลาดเกษตรกรในฐานะศูนย์กลางเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการสินค้าเกษตร ส่งเสริมการผลิต การแปรรูป บรรจุภัณฑ์ การตลาด และต่อยอดเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการที่เข้มแข็ง สามารถแข่งขันและพึ่งพาตนเองได้

พื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้และตรวจสอบคุณภาพ

ภายในงานมีการแสดงและจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรปลอดภัย ผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร พร้อมบริการตรวจหาสารเคมีตกค้างในพืชผลและให้คำปรึกษาทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการให้ความรู้กับเกษตรกรและประชาชน สร้างความเข้าใจถึงมาตรฐานความปลอดภัย ตลอดจนส่งเสริมการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างเกษตรกร สถาบันการเกษตร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนในระยะยาว

ผลลัพธ์และบทวิเคราะห์

การจัด “มหกรรมสินค้าเกษตรจังหวัดเชียงราย ปี 2568” ถือเป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการภาคเกษตรสมัยใหม่ที่เน้นสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกรทั้งระบบ จากการผลิตไปจนถึงตลาดผู้บริโภค ด้วยกลยุทธ์ส่งเสริมตลาดถาวร สร้างความมั่นคง และเปิดโอกาสให้เกษตรกรปรับบทบาทสู่ผู้ประกอบการมืออาชีพ ซึ่งจะเป็นต้นแบบที่สำคัญในการพัฒนาการเกษตรไทยในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย
  • กรมส่งเสริมการเกษตร
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • ศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการสินค้าเกษตร ตลาดเกษตรกรเชียงราย
  • งานมหกรรมสินค้าเกษตรจังหวัดเชียงราย ปี 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พลังเยาวชนเชียงราย อบจ.ระดมจิตอาสา คืนห้องเรียนให้น้อง หลังน้ำท่วม

ศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ระดมจิตอาสา “CR-PAO Youth Power คืนห้องเรียนให้น้อง” ฟื้นฟูโรงเรียนบ้านแม่เปา หลังเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก

เชียงราย, 30 มิถุนายน 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังท่ามกลางสถานการณ์อุทกภัยจากน้ำป่าไหลหลากที่สร้างความเสียหายให้กับหลายพื้นที่ในอำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย หนึ่งในจุดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือโรงเรียนบ้านแม่เปา ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ที่ร่วมกับสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย จิตอาสา และเครือข่ายภาคประชาสังคม ลงพื้นที่ฟื้นฟูโรงเรียนบ้านแม่เปาอย่างเร่งด่วน ผ่านกิจกรรม “CR-PAO Youth Power: คืนห้องเรียนให้น้อง”

คืนชีวิตให้โรงเรียน คืนโอกาสให้น้องนักเรียน

วันที่ 29 มิถุนายน 2568 ทีมศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย พร้อมสภาเยาวชนและกลุ่มจิตอาสา ได้รวมพลังกันทำความสะอาดห้องเรียน ห้องสมุด อาคารเรียน สนามเด็กเล่น และพื้นที่โดยรอบโรงเรียนบ้านแม่เปา ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย ที่ได้รับความเสียหายและมีโคลนทับถมหลังเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อให้น้อง ๆ นักเรียนและคุณครูกลับมาใช้ชีวิตและดำเนินการเรียนการสอนได้ตามปกติในเร็ววัน

ภารกิจครั้งนี้นับเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่น้อง ๆ และครอบครัวในชุมชนที่ต่างเผชิญความยากลำบากหลังประสบภัย โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาคีเครือข่าย มูลนิธิภาคประชาสังคมในพื้นที่ รวมถึงการมีส่วนร่วมของชาวบ้านและผู้ปกครอง ที่มาร่วมมือช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะอาดสำหรับเด็ก ๆ

การบูรณาการเพื่อฟื้นฟูพื้นที่การศึกษา

กิจกรรม “CR-PAO Youth Power: คืนห้องเรียนให้น้อง” เป็นภาพสะท้อนความเข้มแข็งของพลังเยาวชนท้องถิ่นที่ไม่เพียงตระหนักถึงคุณค่าของการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล แต่ยังแสดงถึงการร่วมแรงร่วมใจของคนทุกวัย ที่พร้อมใจลุกขึ้นมาฟื้นฟูและเยียวยาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยให้ความสำคัญต่อโอกาสในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ที่จะไม่ขาดตอน

ในขณะที่ภาคส่วนราชการ อบจ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค และเยียวยาความเสียหาย กำลังของกลุ่มเยาวชนและจิตอาสาได้เข้ามาช่วยเสริมในระดับพื้นที่เล็ก ๆ แต่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางสังคม เพื่อให้เด็กทุกคนสามารถกลับไปใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อีกครั้งอย่างมีความสุขและปลอดภัย

บทวิเคราะห์สถานการณ์และผลลัพธ์

เหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอพญาเม็งรายสะท้อนถึงความท้าทายของชุมชนต่อการรับมือกับภัยธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ภารกิจของหน่วยงานรัฐ แต่ต้องอาศัยพลังและความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

การรวมพลังจิตอาสาเพื่อฟื้นฟูโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงคืนโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก ๆ แต่ยังเป็นการปลูกฝังจิตสาธารณะและสร้างความภาคภูมิใจให้กับชุมชนในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สภาเยาวชน อบจ.เชียงราย
  • โรงเรียนบ้านแม่เปา
  • ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย (30 มิถุนายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News