Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลแม่ยาวเร่งซ่อมอ่างเก็บน้ำและฝายหลังอุทกภัย

เทศบาลตำบลแม่ยาว เร่งตรวจซ่อมโครงสร้างสาธารณูปโภคหลังอุทกภัยหนัก

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่ยาว ได้มอบหมายให้ นายวรวุฒิ บัววัฒนา รองปลัดเทศบาลตำบลแม่ยาว พร้อมเจ้าหน้าที่กองช่าง ลงพื้นที่ตรวจสอบและควบคุมการซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในหลายพื้นที่ของตำบล โดยเฉพาะที่ หมู่ 8 บ้านทรายมูล ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากน้ำท่วม

ในช่วงเช้าของวัน นายวรวุฒิและทีมงานได้ลงพื้นที่เพื่อควบคุมการซ่อมแซมคันอ่างเก็บน้ำบ้านทรายมูล ซึ่งถูกน้ำท่วมจนคันดินพังเสียหาย ทีมงานได้ดำเนินการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงของคันอ่างเก็บน้ำ เพื่อให้สามารถรองรับน้ำได้อย่างปลอดภัย โดยมีการใช้รถแมคโครในการวางท่อระบายน้ำเพิ่มเพื่อป้องกันน้ำล้นในอนาคต

จากนั้น เวลา 11.00 น. – 12.00 น. นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง ได้ลงพื้นที่พร้อมทีมบริหารเพื่อตรวจสอบงานซ่อมแซมฝายน้ำล้นที่บ้านสองแควพัฒนา และบ้านหนองผักหนาม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก ฝายน้ำล้นที่ชำรุดถูกซ่อมแซมเพื่อฟื้นฟูระบบการจัดการน้ำให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง ทั้งนี้ ฝายดังกล่าวเป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำคัญที่ใช้สำหรับการเกษตรและอุปโภคบริโภคของชุมชนในพื้นที่บริวารของบ้านห้วยขมนอก หมู่ที่ 10

ในช่วงบ่ายเวลา 13.00 น. – 14.00 น. นายอภิรักษ์ พร้อมด้วยผู้อำนวยการทรัพยากรธรณีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและสำรวจปัญหาดินสไลด์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านลอบือและบ้านพนาสวรรค์ รวมถึงโรงเรียนผาขวางวิทยา จากเหตุฝนตกหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เกิดดินสไลด์หลายจุด ส่งผลให้ถนนในชุมชนและทางเข้าสถานศึกษาได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ได้ทำการสำรวจความเสี่ยงและวางแผนซ่อมแซมเพื่อให้การเดินทางของประชาชนและนักเรียนกลับมาเป็นปกติ

นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้เป็นการเร่งแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและดินสไลด์ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เทศบาลตำบลแม่ยาวได้วางแผนการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคอย่างเร่งด่วน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดสรรงบประมาณและเครื่องจักรสำหรับการซ่อมแซม นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการซ่อมแซม

ทั้งนี้ ทางเทศบาลตำบลแม่ยาวยังได้เรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและดินสไลด์ แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมมายังสำนักงานเทศบาลเพื่อเร่งประสานงานและให้ความช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนต่อไป

การตรวจสอบและซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเทศบาลในการดูแลและให้บริการประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดเหตุภัยพิบัติ เพื่อให้ทุกคนในชุมชนสามารถฟื้นฟูและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลตำบลแม่ยาว 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

สุวรรณภูมิ ติดอันดับสนามบินสวยที่สุดในโลกปี 2567

 

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับเกียรติจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ยกย่องให้เป็นหนึ่งในสนามบินที่สวยที่สุดในโลกประจำปี 2567 โดยติดอันดับ 1 ใน 6 สนามบินที่โดดเด่นทั้งด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมและความคิดสร้างสรรค์ สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

การออกแบบที่โดดเด่นของอาคาร SAT-1

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญที่ทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับการยกย่อง คือ อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ซึ่งมีพื้นที่กว่า 216,000 ตารางเมตร และมีชั้นใต้ดิน 2 ชั้น และชั้นบนอีก 4 ชั้น ภายในมีประตูทางออกกว่า 28 หลุมจอด โดยอาคาร SAT-1 ถูกออกแบบให้มีความสวยงามทั้งภายในและภายนอก สะท้อนความเป็นไทยผ่านการตกแต่งด้วยศิลปะและประติมากรรมพื้นเมือง เช่น ประติมากรรมช้างคชสาร และรูปสัตว์หิมพานต์ตามความเชื่อโบราณของชาวไทย

นอกจากนี้ อาคาร SAT-1 ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสถาปัตยกรรม Prix Versailles จากคณะกรรมการ UNESCO ซึ่งจะประกาศผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ธันวาคม 2567 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยรางวัลนี้พิจารณาจากเกณฑ์ด้านความสวยงาม นวัตกรรม และการผสมผสานกับบริบททางสังคมและสิ่งแวดล้อม

การออกแบบเพื่อความยั่งยืนและการอนุรักษ์พลังงาน

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่เพียงแค่เน้นความสวยงามเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบเพื่อความยั่งยืน โดยมีการนำระบบบำบัดน้ำเสียมาใช้ใหม่ ใช้แสงธรรมชาติเพื่อลดการใช้ไฟฟ้า ติดตั้งแผง Solar Cell เพื่อลดการปล่อยมลพิษ และมีการออกแบบหลังคากันความร้อนเพื่อช่วยลดการใช้พลังงานในการทำความเย็น

ภายในอาคาร SAT-1 ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การเดินทางของผู้โดยสาร เช่น พื้นที่พักผ่อน จุดจอดรถบัสรับ-ส่ง ห้องละหมาด ห้องปฐมพยาบาล และโซนสำหรับผู้โดยสารพิเศษ รวมถึง Sky Lounges ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของสนามบินได้อย่างสวยงาม

การสะท้อนอัตลักษณ์และศิลปะไทย

อาคาร SAT-1 ได้รับการออกแบบให้ผสานความเป็นไทยเข้ากับความทันสมัย โดยใช้ฝ้าลายจักสาน ผนังลายผ้าไหม และการตกแต่งด้วยประติมากรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นหุ่นละครเล็ก หัวโขน และว่าวไทย ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและแสดงถึงอัตลักษณ์ไทยให้ผู้มาเยือนประทับใจ

นอกจากนี้ยังมีการจัดสวนภายในอาคาร เช่น สวนตกแต่งด้วยสัตว์หิมพานต์ และสวนภูมิทัศน์ที่ผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรมไทย เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายสำหรับผู้โดยสารที่รอขึ้นเครื่อง โดยเฉพาะโซนผู้โดยสารขาออกที่ตกแต่งด้วยสัตว์หิมพานต์ เช่น กินนร กินรี และหงสา เพิ่มความวิจิตรให้กับสถานที่

ผลการจัดอันดับ 6 สนามบินที่สวยที่สุดในโลกปี 2567

จากการประกาศของเว็บไซต์ www.prix-versailles.com ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของไทยติดอันดับ 1 ใน 6 สนามบินที่สวยที่สุดในโลกประจำปี 2567 ร่วมกับสนามบินอื่นๆ ได้แก่

  1. อาคาร SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ประเทศไทย)
  2. อาคารผู้โดยสาร E ท่าอากาศยานนานาชาติโลแกน (สหรัฐอเมริกา)
  3. อาคารผู้โดยสารที่ 2 ท่าอากาศยานชางงี (สิงคโปร์)
  4. ท่าอากาศยานนานาชาติซายิด (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
  5. ท่าอากาศยานนานาชาติเฟลิเป แองเจเลส (เม็กซิโก)
  6. ท่าอากาศยานนานาชาติแคนซัสซิตี้ (สหรัฐอเมริกา)

อนาคตของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

การได้รับการยกย่องจากยูเนสโกและการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Prix Versailles ครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเน้นทั้งความสวยงาม สถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และความยั่งยืน สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระดับโลก

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงไม่เพียงเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังเป็นจุดหมายที่สะท้อนถึงศิลปวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของไทยให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Prix Versailles

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ค่าครองชีพสูง หนี้พุ่ง MK รายได้ลดลงกว่า 10%

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดของประเทศไทย ซึ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น หนี้สินครัวเรือนที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และการใช้จ่ายที่ลดลงในหลายภาคส่วน โดยล่าสุด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MK แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3 ของปี 2567 ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุมาจากการหดตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภค และค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายได้ MK ลดลง ผลกระทบจากภาระหนี้ครัวเรือน

จากรายงานผลประกอบการของ MK พบว่ารายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 3,683 ล้านบาท ลดลง 10.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมลดลงถึง 12.7% เนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย โดยยอดขายสะสมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 11,735 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และกำไรสุทธิลดลงเหลือ 1,088 ล้านบาท ลดลง 7.2%

หนี้ครัวเรือนไทยสูงขึ้น สถิติใหม่ที่น่ากังวล

รายงานจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยว่าหนี้ครัวเรือนไทยในปี 2567 มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 606,378 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 8.4% จากปี 2566 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เริ่มสำรวจในปี 2552 สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย รวมถึงภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ข้อมูลล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังระบุว่าหนี้ครัวเรือนไทยต่อ GDP ในไตรมาสแรกของปี 2567 อยู่ที่ 90.8%

การใช้จ่ายและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง

ผลสำรวจพบว่าครัวเรือนไทย 46.3% มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และเกือบ 55% แก้ปัญหาด้วยการกู้ยืมจากแหล่งต่างๆ เช่น บัตรเครดิต และการกู้เงินจากธนาคาร ขณะเดียวกัน แม้ว่าสินค้าฟุ่มเฟือยจะลดลง แต่ผู้บริโภคชาวไทยยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อประสบการณ์ เช่น การท่องเที่ยวและการรับประทานอาหารมากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย

ผลสำรวจการใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจซบเซา

จากการสำรวจร่วมระหว่างบริษัท บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (BCG) และวีซ่า ประเทศไทย พบว่าผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น โทรศัพท์มือถือ และเครื่องประดับ ขณะที่กลุ่มเจนซี (Gen Z) และเจนวาย (Gen Y) กลับให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ใหม่ๆ มากกว่าสินค้าเครื่องใช้ส่วนตัว

นายปุณณมาส วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวนี้ ผู้บริโภคมีการปรับตัวเพื่อลดการใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น และมุ่งเน้นการใช้จ่ายที่ให้คุณค่าทางประสบการณ์มากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในยุคที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน”

แนวทางการปรับตัวของภาคธุรกิจและผู้บริโภค

ในยุคที่เศรษฐกิจไทยเผชิญกับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจต่างๆ ควรเตรียมความพร้อมในการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค การสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมการใช้จ่ายจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางกลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างเหมาะสม

การเตรียมความพร้อมทางการเงินของผู้บริโภค

เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ บริษัทต่างๆ ควรมุ่งเน้นการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงิน และสนับสนุนการสร้างสุขภาพการเงินที่ดีแก่ผู้บริโภคในระยะยาว

ข้อสรุป

การเพิ่มขึ้นของภาระหนี้สินและค่าครองชีพที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยที่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องตระหนักและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

เปิด 15 อำเภอเมืองเจริญที่สุด เชียงรายติดอันดับ 12

เปิดอันดับ 15 อำเภอเมืองที่เจริญที่สุดในประเทศไทย เชียงรายติดอันดับ 12

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ได้มีการจัดอันดับอำเภอเมืองที่มีความเจริญที่สุดในประเทศไทย ซึ่งการจัดอันดับในครั้งนี้เป็นผลการสำรวจโดย The Ranking โดยพิจารณาจากหลายเกณฑ์ ได้แก่ ความเป็นเมือง เศรษฐกิจ งบประมาณ ขนส่งในเมือง การศึกษา การแพทย์ ความบันเทิง และการค้าขาย ผลการจัดอันดับเผยให้เห็นว่า อำเภอเมืองเชียงรายสามารถติดอันดับที่ 12 จากทั้งหมด 15 อำเภอเมืองทั่วประเทศ ซึ่งไม่รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ความสำคัญของ “อำเภอเมือง” ในการพัฒนาแต่ละจังหวัด

อำเภอเมืองของแต่ละจังหวัดมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นศูนย์กลางในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้า การศึกษา การแพทย์ รวมถึงการเป็น แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ และความสะดวกสบายต่าง ๆ อำเภอเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมักมี โครงสร้างพื้นฐานที่ดี ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนและพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ทำให้ประชาชนในจังหวัดได้รับ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับอำเภอเมือง

The Ranking ได้ใช้ปัจจัยหลายด้านในการประเมินว่า อำเภอเมืองไหนเจริญที่สุด โดยเน้นที่:

  1. ความเป็นเมือง (Urbanization): การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ
  2. เศรษฐกิจ (Economy): การลงทุน การเจริญเติบโตของธุรกิจ และรายได้ต่อหัวประชากร
  3. งบประมาณ (Budget): การจัดสรรงบประมาณของท้องถิ่นในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ
  4. ขนส่งในเมือง (Transportation): ความสะดวกในการเดินทาง ระบบขนส่งสาธารณะ
  5. การศึกษา (Education): คุณภาพของสถานศึกษาและการเข้าถึงการเรียนรู้
  6. การแพทย์ (Healthcare): ความพร้อมของสถานพยาบาลและการให้บริการสุขภาพ
  7. ความบันเทิง (Entertainment): สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า
  8. การค้าขาย (Commerce): ความหลากหลายของร้านค้า ศูนย์การค้า และตลาดนัด

เปิด 15 อันดับ อำเภอเมืองที่เจริญที่สุด

จากการประเมินและวิเคราะห์ข้อมูล The Ranking ได้เผยรายชื่อ 15 อำเภอเมืองที่เจริญที่สุด ดังนี้:

  1. เมืองเชียงใหม่ (เชียงใหม่) – ศูนย์กลางทางการศึกษาและการท่องเที่ยวในภาคเหนือ
  2. เมืองขอนแก่น (ขอนแก่น) – จุดเชื่อมต่อการค้าสำคัญในภาคอีสาน
  3. เมืองนครราชสีมา (นครราชสีมา) – เมืองเศรษฐกิจที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
  4. เมืองชลบุรี (ชลบุรี) – เมืองอุตสาหกรรมและท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก
  5. เมืองอุดรธานี (อุดรธานี) – แหล่งรวมธุรกิจและการค้าชายแดน
  6. เมืองภูเก็ต (ภูเก็ต) – เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  7. เมืองระยอง (ระยอง) – แหล่งอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจที่สำคัญในภาคตะวันออก
  8. เมืองพิษณุโลก (พิษณุโลก) – เมืองประวัติศาสตร์ที่มีการพัฒนาด้านการศึกษาและการท่องเที่ยว
  9. เมืองสุราษฎร์ธานี (สุราษฎร์ธานี) – ประตูสู่เกาะสมุยและแหล่งท่องเที่ยวภาคใต้
  10. เมืองอุบลราชธานี (อุบลราชธานี) – เมืองสำคัญในด้านการศึกษาและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
  11. เมืองนครศรีธรรมราช (นครศรีธรรมราช) – เมืองศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรมภาคใต้
  12. เมืองเชียงราย (เชียงราย) – เมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์และเป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
  13. เมืองนครสวรรค์ (นครสวรรค์) – ศูนย์กลางการค้าและขนส่งในภาคเหนือ
  14. เมืองสงขลา (สงขลา) – เมืองท่าเรือและการค้าชายแดนที่มีความสำคัญ
  15. เมืองลำปาง (ลำปาง) – เมืองที่มีความสงบและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

อำเภอเมืองเชียงใหม่: ผู้นำในการพัฒนาเมือง

อันดับที่หนึ่งตกเป็นของ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาคเหนือ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน มีสนามบินนานาชาติ สถานศึกษาชั้นนำ และสถานพยาบาลที่ทันสมัย ทำให้เชียงใหม่กลายเป็น จุดหมายปลายทางยอดนิยม ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

อำเภอเมืองขอนแก่น: เมืองใหญ่แห่งอีสาน

สำหรับ อำเภอเมืองขอนแก่น ถือเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาที่สำคัญของภาคอีสาน มีมหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำในระดับประเทศ และยังมีระบบขนส่งที่สะดวก ทำให้การเดินทางและการค้าขายในพื้นที่นี้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อำเภอเมืองเชียงราย: เมืองแห่งศักยภาพในภาคเหนือ

เชียงรายติดอันดับที่ 12 ซึ่งถือเป็นอำเภอเมืองที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ด้วยทำเลที่ตั้งเป็น ประตูสู่อาเซียน เชียงรายมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน

ปัจจัยที่ทำให้เชียงรายเจริญเติบโตขึ้น

  1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม
    เชียงรายมีการลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งอย่างต่อเนื่อง ทั้งสนามบินและถนนสายหลัก ทำให้การเข้าถึงเมืองสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุนจากภาคเอกชน

  2. แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย
    เชียงรายมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ดอยตุง วัดร่องขุ่น และภูชี้ฟ้า ทำให้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีเทศกาลและกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว

  3. ศูนย์กลางการค้าชายแดน
    ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนเมียนมาและลาว เชียงรายจึงเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนที่สำคัญ มีด่านชายแดนที่สำคัญอย่างแม่สายและเชียงของ ทำให้เกิดการค้าขายและการลงทุนข้ามพรมแดนมากขึ้น

ทำไมเชียงรายเจริญขึ้นจนติดอันดับ 12 ของประเทศ?

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีการพัฒนาต่อเนื่องในหลาย ๆ ด้านในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถก้าวขึ้นมาติดอันดับในระดับประเทศได้ มาดูกันว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้เชียงรายเจริญขึ้นคืออะไร

  1. สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์
    เชียงรายเป็นเมืองที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น ดอยตุง ดอยแม่สลอง วัดร่องขุ่น หรือสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างหมู่บ้านชนเผ่า ทำให้เชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศนิยมเดินทางมาเยือน ส่งผลให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

  2. การลงทุนจากภาครัฐและเอกชน
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เชียงรายได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ระบบขนส่ง โรงพยาบาล และโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีโครงการสนับสนุนด้านการเกษตรและการค้าชายแดนที่ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดให้แข็งแกร่งขึ้น

  3. การเป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคมในภูมิภาค
    เชียงรายตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม เนื่องจากอยู่ใกล้ชายแดนไทย-ลาว และไทย-เมียนมา ทำให้สามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนได้ มีด่านชายแดนที่สำคัญ เช่น ด่านแม่สาย และด่านเชียงของ ซึ่งเชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ

  4. การพัฒนาสถาบันการศึกษาและสถานพยาบาล
    เชียงรายมีการพัฒนาด้านการศึกษาและสถานพยาบาลที่ดี มีมหาวิทยาลัยและโรงเรียนที่มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลชั้นนำที่สามารถให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัยได้ ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ขีดจำกัดและความท้าทายของเชียงราย

แม้เชียงรายจะมีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีขีดจำกัดและความท้าทายหลายประการที่ควรพิจารณาในการพัฒนาต่อไป ได้แก่

  1. การขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี
    แม้เชียงรายจะมีการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน แต่การเข้าถึงเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตในบางพื้นที่ยังคงจำกัด ซึ่งส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ชนบทขาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลและบริการต่าง ๆ ที่ทันสมัย

  2. การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
    เชียงรายเป็นเมืองที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติอย่างมาก โดยเฉพาะในการท่องเที่ยวและการเกษตร หากไม่มีการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อาจเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของประชาชน

  3. การกระจายรายได้อย่างไม่เท่าเทียม
    แม้เศรษฐกิจของเชียงรายจะเติบโต แต่รายได้ยังคงกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่และพื้นที่เมือง ขณะที่พื้นที่ชนบทยังคงมีปัญหาด้านความยากจนและการขาดแคลนโอกาสในการพัฒนา

แนวทางการพัฒนาเชียงรายให้เจริญมากยิ่งขึ้น

เพื่อให้เชียงรายสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง มีแนวทางที่ควรดำเนินการดังนี้

  1. พัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร
    ควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิทัลได้ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลและการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล

  2. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและชุมชน
    ควรส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่และช่วยกระจายรายได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น

  3. เพิ่มการลงทุนในภาคการศึกษาและสุขภาพ
    การพัฒนาโรงเรียน มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลที่มีคุณภาพจะช่วยสร้างบุคลากรที่มีความรู้และทักษะ รวมทั้งเสริมสร้างสุขภาพของประชาชนให้ดีขึ้น

  4. สร้างโอกาสให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
    การส่งเสริมธุรกิจ SMEs ในพื้นที่จะช่วยกระจายรายได้และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะการสนับสนุนให้เกิดการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ

  5. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง
    ควรพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงเชียงรายกับจังหวัดใกล้เคียงและประเทศเพื่อนบ้านให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างโอกาสในการค้าและการลงทุน

สรุป: ความสำคัญของการพัฒนาอำเภอเมือง

การจัดอันดับครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า อำเภอเมือง แต่ละแห่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การที่อำเภอเมืองต่าง ๆ พยายามพัฒนาตนเองให้เป็น ศูนย์กลางความเจริญของจังหวัด จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศไทย

เชียงรายแม้จะเป็นจังหวัดที่มีความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงมีขีดจำกัดและความท้าทายที่ต้องเผชิญ การพัฒนาจังหวัดให้เจริญยิ่งขึ้นจำเป็นต้องมีการวางแผนและดำเนินการอย่างรอบคอบ ทั้งในด้านการศึกษา เทคโนโลยี การท่องเที่ยว และการกระจายรายได้ การร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเชียงรายให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงราบนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“องคมนตรีเยี่ยมโรงเรียนบ้านเทอดไท เชียงราย ยกระดับการศึกษาเชิงคุณธรรม”

องคมนตรีตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านเทอดไท เชียงราย พร้อมติดตามการพัฒนาทางการศึกษา

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 นายนุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี ในฐานะกรรมการโครงการกองทุนการศึกษา พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนบ้านเทอดไท อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามผลการพัฒนาทางการศึกษาของโรงเรียน ตามแนวทาง 3 เสาหลักและ 5 กลยุทธ์ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากคณะครูและนักเรียน

การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินงาน


การเยี่ยมเยือนครั้งนี้ได้รับการต้อนรับจากนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ ดร.สุธีรัตน์ อริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 โดยนายเกรียงศักดิ์ ฝึกฝน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเทอดไท ได้นำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของโรงเรียนตลอดปีการศึกษา 2567 พร้อมกับนำเสนอความต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อการพัฒนาการศึกษาให้กับนักเรียนในพื้นที่

พบปะพูดคุยกับนักเรียนทุนพระราชทานและตัวแทนนักเรียน


ในโอกาสนี้ องคมนตรีได้พูดคุยกับนักเรียนทุนพระราชทานและตัวแทนนักเรียน เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากนักเรียน โดยเน้นถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะด้านการเรียนรู้และการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับนักเรียน เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นคนดี มีคุณภาพ และมีความรู้พร้อมเผชิญกับความท้าทายในอนาคต

การตรวจเยี่ยมโรงเรียนและชมนิทรรศการ


หลังจากพูดคุยกับนักเรียนและคณะครู องคมนตรีและคณะได้เดินชมโรงเรียน โดยเฉพาะโครงการ “Learning with fun” ซึ่งเป็นนิทรรศการส่งเสริมคุณธรรมนักเรียนที่จัดขึ้นภายในห้องสมุดของโรงเรียน โดยนิทรรศการนี้มุ่งเน้นให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ความสำคัญของโรงเรียนบ้านเทอดไทและเครือข่ายคุณธรรม


โรงเรียนบ้านเทอดไทเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษในเขตตำบลเทอดไท อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เปิดสอนตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนนี้ให้บริการการศึกษาแก่เด็กในพื้นที่ชายแดนใกล้ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งครอบคลุม 6 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านเทอดไท, บ้านสามเต้า, บ้านเมืองสอง, บ้านพะน้อย, บ้านเลาจาง และบ้านพะมูเซอ โดยโรงเรียนนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการกองทุนการศึกษา รุ่นที่ 4 และได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนคุณธรรมต้นแบบ

การขยายเครือข่ายคุณธรรมสู่โรงเรียนอื่นๆ


ในปัจจุบัน โรงเรียนบ้านเทอดไทยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมคุณธรรม โดยมีโรงเรียนเครือข่ายคุณธรรมอีก 1 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านห้วยอื้น ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณธรรมเป้าหมาย โดยการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำโครงการคุณธรรมแก่ครูและนักเรียนของโรงเรียนเครือข่าย และมีแผนที่จะขยายการส่งเสริมคุณธรรมไปยังโรงเรียนอื่นๆ ในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาการศึกษาเทอดไทในอนาคต เพื่อให้เด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลได้รับโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน

การพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามแนวทาง 3 เสาหลัก 5 กลยุทธ์


นายนุรักษ์ มาประณีต ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ โดยใช้แนวทาง 3 เสาหลัก คือ การพัฒนาครู การเสริมสร้างคุณธรรม และการส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ พร้อมทั้งมีกลยุทธ์ 5 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาผู้เรียน การส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม การสนับสนุนการเรียนรู้นอกห้องเรียน การเสริมสร้างความร่วมมือกับชุมชน และการพัฒนาสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน เพื่อให้การศึกษามีความยั่งยืนและมีผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะยาว

สรุป


การตรวจเยี่ยมครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการติดตามผลการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากนักเรียนและคณะครู เพื่อนำมาพัฒนาการศึกษาต่อไปให้มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่ต้องการความช่วยเหลือและการสนับสนุนเพิ่มเติม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เปิดตัวแหล่งเรียนรู้ป่าดอยสะเก็น จุดเช็คอินใหม่กลางเมืองเชียงราย

เทศบาลนครเชียงรายเดินหน้า “โครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งเรียนรู้ BIRDS OF DOI SAKEN” ป่าดอยสะเก็นเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการศึกษา

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทศบาลนครเชียงรายได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยว “BIRDS OF DOI SAKEN” โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมให้ป่าดอยสะเก็น หรือที่รู้จักกันในชื่อ “คีรีชัยยามะ” เป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวระดับโลกที่ยูเนสโก้ (UNESCO) ได้ให้การรับรอง

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้มอบหมายให้ ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรี เป็นประธานในโครงการนี้ โดยมีสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงรายและ พ.จ.อ. อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการ

ป่าดอยสะเก็น: ปอดสีเขียวกลางเมืองเชียงราย

โครงการนี้มุ่งเน้นการพัฒนาป่าดอยสะเก็นให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงนิเวศและการศึกษานอกห้องเรียนสำหรับโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงรายทั้ง 8 แห่ง โดยมีการปรับปรุงเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติให้เป็นระบบ รวมถึงการจัดกิจกรรมเข้าค่ายพักแรมและการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ นก แมลง สมุนไพร และการทำเกษตรปลอดภัย

หนึ่งในไฮไลท์ของโครงการคือการก่อสร้างสกายวอล์ค (Sky Walk) บนยอดดอยสะเก็น ซึ่งตั้งอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 400 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวเมืองเชียงรายแบบพาโนรามาได้อย่างชัดเจน พร้อมกับจุดชมวิวที่เป็นสัญลักษณ์ของดอยสะเก็น

แหล่งท่องเที่ยวและการเรียนรู้ที่ไม่ควรพลาด

ดอยสะเก็นถือเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญ ซึ่งนอกจากการเดินป่าศึกษาธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมีเอกลักษณ์พิเศษคือผึ้งหลวงที่มาทำรังบนต้นยวนผึ้งกว่า 1,000 รังในแต่ละปี ทำให้ผู้เข้าชมสามารถศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของผึ้งหลวงได้

โครงการนี้ยังรวมถึงการพัฒนาชุมชนโดยรอบ โดยการส่งเสริมให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายสินค้าวิสาหกิจชุมชน เช่น ผลิตภัณฑ์จากเกษตรปลอดสารพิษ และผลิตภัณฑ์จากผึ้งหลวง นอกจากนี้ยังมีศูนย์เรียนรู้นอกห้องเรียนเพื่อให้เยาวชนได้สัมผัสและเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

จุดเช็คอินใหม่ใจกลางเมือง: Sky Walk ดอยสะเก็น

Sky Walk ดอยสะเก็นไม่เพียงแต่เป็นจุดชมวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการศึกษา นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการเดินชมวิวธรรมชาติและศึกษาระบบนิเวศของป่าดอยสะเก็น นอกจากนี้ยังสามารถสักการะขอพรที่พระธาตุดอยสะเก็นเพื่อความเป็นสิริมงคล

การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

โครงการ “BIRDS OF DOI SAKEN” เป็นการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการเรียนรู้ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นและสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งปีเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกพื้นที่

เทศบาลนครเชียงรายคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจในธรรมชาติและการศึกษาให้มาสัมผัสความงามของป่าดอยสะเก็น และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: งานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลนครเชียงราย โทร. 053-711952

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

นิทรรศการศิลปะ “ศิลปะแห่งการให้ของขวัญ” ที่ Doowall Hotel เชียงราย

โรงแรมดูวอลลล์ร่วมกับศิลปินเชียงรายจัดนิทรรศการ “ศิลปะแห่งการให้ของขวัญ” ต่อยอดความงามทางศิลปะและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงราย

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 โรงแรม Doowall Hotel ร่วมกับศิลปินจากจังหวัดเชียงราย จัดงานนิทรรศการ “ศิลปะแห่งการให้ของขวัญ” (The Art of Gift-Giving Exhibition 2024) ณ Doowall Hotel Gallery ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมเป็นพื้นที่สำหรับศิลปินท้องถิ่นในการแสดงผลงานให้กับผู้ที่สนใจเข้าชมอย่างเต็มอิ่ม

บรรยากาศในงานเปิดนิทรรศการ

ในวันเปิดนิทรรศการได้รับเกียรติจาก ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ มาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ นายวิสูต บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย รวมถึง นายโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย เข้าร่วมงานพร้อมด้วยผู้สนใจจำนวนมาก

รายละเอียดนิทรรศการ

นิทรรศการครั้งนี้ได้จัดแสดงผลงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนถึง ความงดงามทางวัฒนธรรม โดยมีผลงานมากถึง 48 ชิ้น จากศิลปินที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงรายกว่า 20 ท่าน อาทิ คุณกำธร สีฟ้าคุณพานทอง แสนจันทร์คุณเสงี่ยม ยารังสีคุณสุจินตน์ สุริยะนภาฤกษ์ และ ท่านภัทราวดี สุทธิธนกูล อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ที่ได้มาร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการครั้งนี้

นิทรรศการเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. ณ Doowall Hotel Gallery ซึ่งเป็นพื้นที่แสดงผลงานศิลปะที่โดดเด่นแห่งใหม่ของเชียงราย

การจัดนิทรรศการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและศิลปวัฒนธรรม

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวในงานเปิดนิทรรศการว่า การจัดนิทรรศการ “ศิลปะแห่งการให้ของขวัญ” นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริม ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ และส่งเสริมเศรษฐกิจของเชียงรายในช่วงเทศกาลปลายปี ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเยือนเชียงรายเพื่อชมความงามของธรรมชาติและศิลปะในช่วงนี้

ความสำคัญของนิทรรศการ

งานนิทรรศการครั้งนี้มุ่งเน้นในการ แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ และ การให้ของขวัญที่มีความหมาย ผ่านผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน โดยศิลปินแต่ละท่านได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวในชีวิตประจำวันและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้งานศิลปะที่จัดแสดงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

การเดินทางเข้าชมนิทรรศการ

ผู้ที่สนใจสามารถเดินทางมายัง Doowall Hotel ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook ของโรงแรม Doowall Hotel หรือดูเส้นทางได้ที่ Google Maps

ความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ

การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน รวมถึงสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยมีนางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม นายวรพล จันทร์คง นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ และนางสาวอัมพิกา จิณะเสน นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เข้าร่วมในงานเปิดนิทรรศการ เพื่อสนับสนุนการส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ปศุสัตว์เชียงรายเร่งตรวจสอบสาเหตุควายตายจำนวนมากในเวียงหนองหล่ม

ปศุสัตว์เชียงรายเร่งตรวจสอบสาเหตุควายตายจำนวนมากในพื้นที่เวียงหนองหล่ม

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 นายสัตวแพทย์พืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย นำทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เวียงหนองหล่ม ซึ่งเป็นพื้นที่ทุ่งหญ้าและแหล่งน้ำสาธารณะที่ครอบคลุมหลายตำบล ได้แก่ ตำบลจันจว้า ตำบลจันจว้าใต้ ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน และตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย หลังจากได้รับรายงานว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ควายของเกษตรกรในพื้นที่ป่วยและตายจำนวนมากกว่า 200 ตัว นับตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน 2567

การตรวจสอบและสันนิษฐานเบื้องต้น

จากการลงพื้นที่และเก็บตัวอย่างเลือดไปตรวจสอบ ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนบน จังหวัดลำปาง ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ไม่พบโรคระบาดที่ชัดเจน พบเพียงอาการ เลือดจาง ตับวาย และพยาธิในกระเพาะอาหาร สาเหตุที่สันนิษฐานเบื้องต้นคือ การขาดแคลนอาหาร เนื่องจากพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งต่อเนื่องกับน้ำท่วม ทำให้แหล่งอาหารและระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป

นายสัตวแพทย์พืชผล กล่าวว่า เวียงหนองหล่ม เป็นพื้นที่เลี้ยงควายขนาดใหญ่ มีจำนวนควายกว่า 2,000 ตัว ที่เกษตรกร 51 รายเลี้ยงอยู่ เมื่อมีการขุดลอกพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทุ่งหญ้าที่เคยใช้เลี้ยงสัตว์กลายเป็นพื้นที่ที่ถูกขุดลอก ส่งผลให้ควายขาดแหล่งอาหารและน้ำดื่ม

ความพยายามในการช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆ

ตั้งแต่ปี 2565 ทาง กรมปศุสัตว์ ชลประทาน และเทศบาลตำบลจันจว้า ได้ร่วมมือกันจัดโครงการสนับสนุนเกษตรกร เช่น จัดหาหญ้าแห้งเป็นอาหารสัตว์ ฉีดวัคซีน และถ่ายพยาธิ อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 พื้นที่กลับต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมเพิ่มเติม ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง เกษตรกรหลายรายรายงานว่าควายของพวกเขาป่วยและตายจากการขาดแคลนอาหารและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม

ในครั้งนี้ นายสัตวแพทย์พืชผลได้นำทีมเข้าตรวจเลือดควายเพิ่มเติมเพื่อ ตรวจสอบโรคระบาดและอาการแทรกซ้อน ที่อาจเกิดจากพยาธิในทางเดินอาหาร พร้อมทั้งทำการถ่ายพยาธิและให้ยาบำรุงเพื่อรักษาสัตว์ที่ป่วย

แผนการแก้ไขปัญหาและการติดตามช่วยเหลือ

นายสัตวแพทย์พืชผล ยืนยันว่า ทางหน่วยงานปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยตั้งแต่เกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดหาหญ้าแห้งและส่งหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่เข้าไปดูแลฝูงควายที่ป่วยแต่ละตัวอย่างใกล้ชิด

นายพืชผลกล่าวเพิ่มเติมว่า อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ส่งทีมสัตวแพทย์เคลื่อนที่เข้ามาเพื่อให้การรักษาควายที่ป่วย และติดตามการฟื้นฟูสุขภาพของสัตว์อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการรักษาเป็นรายกรณีเพื่อให้ควายสามารถกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง

มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด

เนื่องจากพื้นที่เวียงหนองหล่มเป็นพื้นที่เปิดที่กว้างใหญ่ ทำให้การควบคุมการเข้าออกของคนและสัตว์เป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม ทางด่านกักกันสัตว์เชียงรายได้ เข้ามาทำความสะอาดและพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วพื้นที่ รวมถึงการจัดการให้พื้นที่มีความปลอดภัยในการเลี้ยงสัตว์ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาดที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสัตว์และเกษตรกรในระยะยาว

ความหวังในการฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน

นายพืชผลกล่าวสรุปว่า เป้าหมายของการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยังเป็นการวางแผนเพื่อ ฟื้นฟูระบบนิเวศ และแหล่งอาหารให้กลับมาเป็นปกติในระยะยาว เพื่อให้เกษตรกรสามารถกลับมาเลี้ยงสัตว์ได้อย่างยั่งยืน และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาในอนาคต

“การรักษาควายแต่ละตัวที่ป่วย เราจะให้การดูแลเฉพาะรายไป และหวังว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เราจะสามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้” นายพืชผลกล่าวปิดท้าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สํานักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายจัดงานลอยกระทง ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง สืบสานวัฒนธรรม

เทศบาลนครเชียงรายเตรียมพร้อมจัดงานลอยกระทง “ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง” สืบสานประเพณีท้องถิ่น กระตุ้นการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เทศบาลนครเชียงรายได้ประกาศจัดงาน ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง” โดยมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 ณ สวนสาธารณะริมน้ำกก (ฝั่งหมิ่น) เพื่อสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวเชียงราย พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

เน้นความปลอดภัยและรักษาสิ่งแวดล้อม

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า เทศบาลได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการจัดงานครั้งนี้ โดยเน้นการ รักษาความปลอดภัย และการ ควบคุมมาตรการด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมงานได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ นอกจากนี้ยังได้จัดทำความสะอาดพื้นที่สวนสาธารณะและริมน้ำกก พร้อมตรวจสอบระบบไฟฟ้าและไฟส่องสว่าง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้เข้าร่วมงาน

กำหนดการจัดกิจกรรม

งานลอยกระทงปีนี้จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยมีกิจกรรมที่หลากหลายให้ประชาชนได้เข้าร่วม ดังนี้:

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567

  • เวลา 17.00 น. เริ่มกิจกรรม ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง ณ วิหารวัดฝั่งหมิ่น
  • เวลา 18.30 น. พิธีเปิดโครงการจัดงานประเพณีลอยกระทง ณ สวนสาธารณะริมน้ำกก (ฝั่งหมิ่น)
  • เวลา 19.00 น. การประกวด หนูน้อยนพมาศ และการแสดงศิลปะวัฒนธรรมจากโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567

  • เวลา 17.00 น. เริ่มกิจกรรมลอยกระทง
  • เวลา 18.00 น. การประกวด กระทงใหญ่ ณ สวนสาธารณะริมน้ำกก (ฝั่งหมิ่น)
  • เวลา 19.00 น. การประกวด เทพีนพมาศ และการแสดงจากศิลปินชื่อดัง เต็นท์ พิชญา ยอดแสง และแพรว รัตนาพร นอสูงเนิน พร้อมด้วยวงดนตรีจากวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย

กิจกรรมพิเศษ: ประกวดคลิปสั้นส่งเสริมการท่องเที่ยว

เทศบาลนครเชียงรายยังได้จัดกิจกรรม ประกวดคลิปวิดีโอสั้น ภายใต้หัวข้อ “แอ่วลอยกระทง ฮิมน้ำกก” โดยให้ประชาชนส่งผลงานความยาว 60-180 วินาทีเข้าร่วมประกวด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างสรรค์กิจกรรมที่น่าสนใจ ผลงานที่ชนะจะได้รับ เงินรางวัล ดังนี้:

  • รางวัลที่ 1: 10,000 บาท
  • รางวัลที่ 2: 7,000 บาท
  • รางวัลที่ 3: 5,000 บาท
  • รางวัลที่ 4: 3,000 บาท
  • รางวัลที่ 5: 2,000 บาท
  • รางวัลชมเชย 5 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร

ผู้ที่สนใจสามารถสมัครและส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 โดยปิดรับผลงานในเวลา 16.00 น.

ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจ

งานลอยกระทงในปีนี้ นอกจากจะเป็นการสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวเชียงรายแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเยี่ยมชมงานลอยกระทงที่จัดขึ้นอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการจำหน่ายสินค้าและของฝากจากชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมในช่วงเทศกาล

มาตรการรักษาความปลอดภัยและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เทศบาลนครเชียงรายได้วางแผนการจัดการเพื่อ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเก็บขยะและกำจัดขยะหลังจบงาน โดยเน้นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้ กระทงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น กระทงจากใบตองหรือวัสดุธรรมชาติ เพื่อลดขยะพลาสติกและปกป้องแม่น้ำกกให้คงความสวยงาม

เทศบาลยังเน้นการ จัดระเบียบการจราจรและการจัดพื้นที่จอดรถ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอดงาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

งานดอกบัวตองบานที่ไม้ยา เชียงราย ชมวิวธรรมชาติสุดงดงาม

เชียงรายเปิดงาน “ดอกบัวตองบานที่ไม้ยา” กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเศรษฐกิจชุมชน

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ตำบลไม้ยา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดงานเปิดตัวโครงการ “ดอกบัวตองบานที่ไม้ยา” ประจำปี 2567 โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการ นายก อบจ.เชียงราย และ นายนิคม ยะป๊อก ส.อบจ.เชียงราย ร่วมงาน ในการนี้ นายชูสวัสดิ์ สวัสดี นายอำเภอพญาเม็งราย ได้กล่าวต้อนรับ และ นายบรรจง จอมศิลา นายกเทศมนตรีตำบลไม้ยา ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน

จุดประสงค์ของการจัดงาน

การจัดงานในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง เทศบาลตำบลไม้ยา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานราชการ และประชาชนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงสุขภาพ และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จัก ทั้งในและนอกจังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังมุ่งเน้นการ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมการจ้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้าน รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนและสินค้า OTOP ของตำบลไม้ยา

ความงดงามของดอกบัวตองและจุดชมวิวที่ไม้ยา

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมของทุกปี ดอกบัวตอง จะบานสะพรั่งสองข้างทางขึ้นไปยังจุดชมวิว ทำให้พื้นที่ตำบลไม้ยาเต็มไปด้วยสีเหลืองสดใสที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ จุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ตั้งอยู่ระหว่าง หลักกิโลเมตรที่ 7 ถึง 8 บนถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 4017 ซึ่งเป็นถนนสายบ้านห้วยก้างถึงบ้านสันม่วงคำ โดยจุดชมวิวดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณ บ้านห้วยก้างตลาด หมู่ 12 ตำบลไม้ยา อำเภอพญาเม็งราย

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบและอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางทิวทัศน์ของดอกบัวตองที่บานสะพรั่งอย่างเต็มที่ งานดอกบัวตองในปีนี้ยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมยาวนานถึง 2 เดือน ทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสมาเยี่ยมชมได้อย่างต่อเนื่อง

ส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

การจัดงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการ ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเชิงนิเวศ ซึ่งนอกจากจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการจำหน่ายสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เช่น อาหารพื้นบ้าน ของฝากจากชุมชน และงานหัตถกรรมต่างๆ

นายก อบจ.เชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวว่า งานดอกบัวตองบานที่ตำบลไม้ยาถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มีความสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเน้นการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและยั่งยืน

เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัสความงดงามของธรรมชาติที่ไม้ยา

งานดอกบัวตองบานที่ตำบลไม้ยาปีนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว โดยมีการจัดกิจกรรมหลากหลายให้ผู้เข้าร่วมงานได้สนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมวิว การถ่ายภาพ การจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน รวมถึงการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเดินทางมายังตำบลไม้ยาได้ตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม เพื่อสัมผัสความงดงามของดอกบัวตองที่บานสะพรั่ง และเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติและเงียบสงบ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News