Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเร่งช่วย พายุถล่ม 300 หลัง ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน หลังพายุฤดูร้อนถล่มเสียหายกว่า 300 ครัวเรือน

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย และนายสุรเชษฐ์ พุ้ยน้อย นายอำเภอพาน ได้นำคณะผู้แทนจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานด้านการบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจเยี่ยม ติดตามสถานการณ์ และให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัยที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

โดยมีการเดินทางไปยังอาคารอเนกประสงค์ประจำหมู่บ้าน หมู่ที่ 17 บ้านแม่แก้วพัฒนา ซึ่งเป็นจุดรวบรวมข้อมูลและศูนย์ประสานการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์ล่าสุดจากผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นให้แก่ครัวเรือนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุพายุฤดูร้อนในครั้งนี้

บ้านเรือนเสียหายกว่า 300 ครัวเรือนในตำบลแม่อ้อ

จากรายงานขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่อ้อ พบว่าผลกระทบจากพายุฤดูร้อนซึ่งมีลมกระโชกแรงในช่วงค่ำวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ตำบลแม่อ้อได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมจำนวนกว่า 300 ครัวเรือน กระจายอยู่ในหลายหมู่บ้าน โดยเฉพาะในเขตบ้านแม่แก้วพัฒนา บ้านใหม่สามัคคี และบ้านใหม่ห้วยทราย ซึ่งมีบ้านเรือนที่หลังคาถูกลมพัดปลิว ไม้กระเบื้องและอุปกรณ์ภายในบ้านได้รับความเสียหาย บางหลังเสียหายทั้งหลังจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้

ขณะเดียวกันยังมีรายงานความเสียหายด้านสาธารณูปโภค เช่น สายไฟฟ้าหลุดขาด เสาไฟฟ้าหักโค่น ถนนบางเส้นมีต้นไม้ล้มขวางทางจราจร รวมถึงมีโรงเรือนเกษตรและแปลงเพาะปลูกที่ถูกกระแสลมทำลายจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติมโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานภาครัฐเร่งสำรวจและฟื้นฟูความเสียหายอย่างเร่งด่วน

ในเบื้องต้น หน่วยงานท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อ้อ ได้ประสานกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย) เพื่อเร่งจัดส่งกำลังพลและเครื่องมือเข้าเคลียร์พื้นที่ซากปรักหักพัง และจัดหาที่พักชั่วคราวให้กับครัวเรือนที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ พร้อมเร่งประเมินความเสียหายรายครัวเรือนเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบของทางราชการ

ขณะเดียวกันเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และเครือข่ายภาคประชาชน ได้ลงพื้นที่นำถุงยังชีพ ซึ่งประกอบด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่ม แจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยโดยตรง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤต

ผู้ว่าฯ ย้ำความห่วงใย พร้อมสั่งการให้ช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

ในการพบปะประชาชน นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวให้กำลังใจชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างครอบคลุมโดยไม่ตกหล่น

“เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ แต่เราต้องร่วมกันฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ โดยเน้นการทำงานที่โปร่งใส ทันต่อสถานการณ์ และเข้าถึงประชาชนในทุกครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยติดเตียง และผู้พิการ” นายชรินทร์กล่าว

ภัยพิบัติกับแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในเขตภาคเหนือ

จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนของทุกปี คือช่วงฤดูเปลี่ยนผ่าน ซึ่งมักเกิดพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีความเสี่ยงสูงจากกระแสลมร้อนและกระแสลมเย็นปะทะกัน ส่งผลให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้

กรณีตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศอย่างฉับพลันในช่วงต้นปี 2568 โดยเหตุวาตภัยครั้งนี้นับเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 ปี หลังจากเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันที่เคยเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งทำให้บ้านเรือนเสียหายกว่า 250 หลังคาเรือน

ความคิดเห็นจาก 2 มุมมอง: บทบาทรัฐและความเข้มแข็งของชุมชน

ฝ่ายสนับสนุนภาครัฐ มองว่า การลงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการแสดงความห่วงใยต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยอมรับว่าในภาวะวิกฤต รัฐมีบทบาทสำคัญในการระดมสรรพกำลังและงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันเวลา ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมของระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติของไทยในระดับหนึ่ง

ขณะที่ฝ่ายวิจารณ์ ชี้ให้เห็นว่าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยยังคงเผชิญปัญหาการสำรวจที่ล่าช้า การขาดแคลนเครื่องมือหนักและบุคลากรในพื้นที่ และบางรายที่ยังตกหล่นจากการได้รับความช่วยเหลือในระยะเริ่มต้น จึงเสนอให้มีการวางระบบสำรองฉุกเฉินแบบถาวร เช่น การจัดตั้งคลังยังชีพในแต่ละตำบล การฝึกอบรมอาสาสมัครให้สามารถช่วยเหลือเบื้องต้นได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง

เสียงสะท้อนจากทั้งสองฝ่ายชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้าง “ความพร้อมเชิงระบบ” ทั้งในเชิงโครงสร้าง การสื่อสาร และกลไกความร่วมมือระหว่างรัฐกับชุมชน เพื่อให้การจัดการภัยพิบัติในอนาคตมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยในตำบลแม่อ้อ ครั้งล่าสุด (มีนาคม 2568): กว่า 300 ครัวเรือน
    ที่มา: องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อ้อ, รายงานสถานการณ์ ณ วันที่ 20 มีนาคม 2568
  • เหตุวาตภัยที่เกิดขึ้นในอำเภอพาน ปี 2566 มีบ้านเรือนเสียหายรวม 251 ครัวเรือน
    ที่มา: สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย), รายงานภัยพิบัติประจำปี 2566
  • ช่วงเวลาที่เกิดพายุฤดูร้อนในประเทศไทยส่วนใหญ่: เดือนมีนาคม–เมษายน ของทุกปี
    ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา, รายงานแนวโน้มสภาพอากาศประจำปี 2567
  • จังหวัดเชียงรายมีครัวเรือนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงวาตภัยกว่า 12,000 ครัวเรือน
    ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, ฐานข้อมูลแผนที่ภัยพิบัติแห่งชาติ พ.ศ. 2566

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย,สำนักงานจังหวัดเชียงราย, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อ้อ, กรมอุตุนิยมวิทยา, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

เชียงราย รับโล่เชิดชูเกียรติ คุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ปี 66

 
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 09.00 –  13.30 น. ณ ห้องประชุมนิทรรศการ 5 ชั้น 1 อาคารหอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รองประธานกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ มอบหมายให้ นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในงานพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติชุมชน องค์กร อำเภอ และจังหวัดคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนจากชุมชน องค์กร  อำเภอ และจังหวัด เข้าร่วมพิธีดังกล่าว ณ ห้องนิทรรศการ 5 ชั้น 1 อาคารหอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ

 

       ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายมีผู้เข้ารับโล่เชิดชูเกียรติชุมชน องค์กร อำเภอคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จากนางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ดังนี้

  • นายวุฒิกร คำมา นายอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เข้ารับโล่รางวัล “อำเภอคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น”
  • นายรัฐกานต์ ปาระมี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่จัน เข้ารับโล่รางวัล “องค์กรคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น”
  • พระครูปิยวรรณพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เข้ารับโล่รางวัล “ชุมชนคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น” และนางพรศิริ คำมา เข้าร่วมพิธีดังกล่าวด้วย

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรในสังกัดสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมรับชมพิธีดังกล่าวผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระบบ Facebook Live

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“ชลน่าน” “พวงเพ็ชร” ลงพื้นที่ สถานชีวาภิบาล วัดหัวฝาย อ.พาน

 

เมื่อวันอังคาร ที 19 มีนาคม 2567 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อม ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ คณะผู้บริหารฯ ได้ลงพื้นที่ วัดหัวฝาย ต.สันกลาง จ.เชียงราย เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานสถานชีวาภิบาล วัดหัวฝาย ต.สันกลาง อ.พาน โดยมี พระครูปิยวรรณพิพัฒน์ ดร.เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ประธานมูลนิธิปิยวรรณพิพัฒน์เพื่อสังคม และประธานเครือข่ายโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย นำเยี่ยมชมโครงการ และบรรยายการดำเนินงานในรูปแบบศูนย์บริการฯ โดยมีกลุ่มผู้สูงอายุอำเภอพาน อสม.อำเภอพาน ให้การต้อนรับ

 

ในการนี้รัฐมนตรีพร้อมคณะฯ ได้รับฟังการดำเนินงานในรูปแบบศูนย์บริการ ทางสังคมแบบเบ็ดเสร็จ เป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร ดำเนินการภายในวัดหัวฝาย อ.พาน จ.เชียงราย นำโดยพระครูปิยวรรณพิพัฒน์ ดร.เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคม ประธานเครือข่ายโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย มีการดำเนินงานยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มวัย ทุกมิติ ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รวมถึงการดูแลรักษา ตลอดจนการฟื้นฟูสภาพร่างกาย โดยการบูรณาการทุกเครือข่ายในพื้นที่ มีการเตรียมความพร้อมการจัดตั้งชีวาภิบาลให้เป็นไปตามมาตรฐาน ด้านอาคารสถานที่ จำนวน 10 ห้อง ด้านความปลอดภัย ระบบการบริการรักษาพยาบาลฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพบุคลากรในการดูแลผู้สูงอายุ 
 
 
โดย “บ้านกลาง” ดำเนินการมุ่งเน้นการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้ยากไร้รวมถึงผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียง ให้ได้รับการดูแลอย่างเป็นองค์รวมครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ อย่างต่อเนื่องจากโรงพยาบาลสู่บ้าน ชุมชน โดยไม่ถูกทอดทิ้งเพียงลำอย่าง ลูกหลานสามารถทำมาหากินได้ตามปกติ อันเป็นการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตผู้ป่วยนับจนวาระสุดท้ายของชีวิต
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กมธ.ที่ดิน ลงพื้นที่ อ.พาน ตรวจสอบ ที่ตั้งโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะป่าหุ่ง

 

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 67  ที่ผ่านมานายอภิชาติ ศิริสุนทร ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ตั้งโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะ ขององค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่ง ในพื้นที่ตำบลป่าหู่ง หมู่ที่ 12 ตำบลป่าหุ่ง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายวุฒิกร คำมา นายอำเภอพาน ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับที่ตั้งโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะ รวมถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน ตลอดจนปัญหาด้านสุขภาพ สุขนามัย และวิถีชีวิตของชุมชนที่อาจเปลี่ยนไปในอนาคต โดยมีตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่มารวมตัวกันคัดค้านการก่อสร้างโครงการดังกว่า 300 คน

 

ทั้งนี้องค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่ง ได้เล็งเห็นปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนที่นับวันจะมีปริมาณที่มากขึ้น และ พื้นที่หรือวิธีการกำจัดที่ไม่พอเพียงและมีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนข้อมาตรการ ที่ระบุตามแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ ในการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายโดยส่งเสริมให้ อปท. จังหวัด มีระบบจัดเก็บ รวบรวม ขนส่ง และกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่ง จัดตั้งโครงการบริหารและจัดการขยะมูลฝอยชุมชน เป็นพลังงานไฟฟ้าระบบปิด ที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม ดังกล่าวนี้ขึ้นมา
 
 
ปัจจุบันทางองค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่ง ได้ดำเนินการจัดการขยะโดยเลือกวิธีแบบเทกอง ซึ่งไม่มีความเป็นระเบียบ ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และด้วยการบริหารจัดการที่ไม่ดี งบประมาณไม่เพียงพอของภาครัฐจึงเห็นควรว่า ให้เอกชนมาเป็นผู้ลงทุนในกิจการบริการสาธารณะของภาครัฐ จึงได้มีการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาและการเดินทางศึกษาดูงานเพื่อที่ได้นำข้อมูลต่าง ๆ มาเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินการโครงการดังกล่าว เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทางราชการสูงสุด ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่ง ได้นำแบบอย่าง ขอบเขตงานของเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินโครงการด้วย
 
 
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวสภาองค์การบริหารส่วนตำบลป่าหุ่งได้เห็นชอบในคราวประชุมสภา และได้ร่วมทำข้อตกลง กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (MOU) ที่ได้เข้าร่วมโครงการซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มพื้นที่ในการจัดการขยะมูลฝอย อย่างไรก็ตาม หากจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ตำบลป่าหุ่ง หมู่ 12 จริง จะต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์ขอความเห็นจากประชาชนในพื้นที่อีกหนึ่งรอบ ซึ่งหากประชาชนในพื้นที่ไม่ต้องการให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ก็สามารถคัดค้านได้ในขั้นตอนต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ยกช่อฟ้าอุโบสถ ฉลองวัดครบ 111 ปี วัดป่าแขม ต.ป่าหุ่ง อ.พาน จ.เชียงราย

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 15.00 น. นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ ในพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ เนื่องในวันฉลองวัดครบ 111 ปี วัดป่าแขม ต.ป่าหุ่ง อ.พาน จ.เชียงราย พร้อมด้วย นายทัศพงษ์ สุวรรณมงคล เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย ว่าที่ ร.ต.ปภาวิน ปวงใจ สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขต 1 อ.พาน โดยมีพระครูพิพิธ พัฒนโกวิท เจ้าคณะอำเภอพาน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายกฤษณะ แก้วดี นายก อบต.ป่าหุ่ง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และมีคณะผู้บริหาร อบต.ป่าหุ่ง ผู้นำชุมชน ประชาชนในพื้นที่ มาร่วมทำบุญกันอย่างคับคั่ง

การห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อพระพุทธเจ้า และเพื่อทะนุถนอมสิ่งที่บรรพชนสร้างพระธาตุเจดีย์มา ให้คงอยู่ยั่งยืน แสดงถึงความรัก ความห่วงใยมีไมตรีจิต มีความห่วงหาอาลัยในพระพุทธเจ้า มีสายสัมพันธ์อันอบอุ่นกับพระพุทธเจ้า อยากที่จะทะนุถนอมให้พระธาตุฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า เพื่อให้จูงจิตตนเองและผู้อื่นให้เกิดความศรัทธาในพระพุทธองค์ ซึ่งจะนำไปสู่การศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา ศรัทธาในเหตุดีที่เราได้กระทำ และเป็นการสืบพระศาสนา สืบคุณงามความดีต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ผู้ว่าฯ เชียงรายหวั่นเกิดเหตุซ้ำรอยสั่งเจ้าหน้าที่ยึดสารตั้งต้นทำดอกไม้ไฟ อ.พาน

 

เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2567 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัด นายวุฒิกร คำมา นายอำเภอพาน จ.เชียงราย นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับ พ.ต.อ.จิตรกร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สภ.พาน และทหารมณฑลทหารบกที่ 37 เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.37 ชุดชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดหรือ E.O.D ภ.จว.เชียงราย นำหมายค้นของศาลแขวง จ.เชียงราย เข้าตรวจค้นที่อาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้นครึ่ง 2 คูหา พื้นที่หมู่ 1 ต.เมืองพาน อ.พาน จ.เชียงราย ภายหลังได้รับแจ้งว่ามีการเก็บสะสมวัตถุที่อาจก่อให้เกิดอันตราย เพราะตั้งอยู่หลังตลาด อ.พาน ซึ่งเป็นชุมชนหนาแน่น

จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบเจ้าของร้านเป็นชายวัยกว่า 84 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งหมายค้นให้ทราบและเข้าไปตรวจสอบภายในพบว่าภายในพื้นที่บ้านเป็นอาคารคอนกรีตสูง 2 ชั้นครึ่ง จำนวน 2 คูหา ตรงชั้นล่างเป็นเหมือนที่เก็บของพบดอกไม้เพลิงหลายชนิดจำนวนมากคาดว่าใส่รถกระบะได้ 4 คัน สารตั้งต้นที่ใช้ประกอบการทำวัตถุดอกไม้เพลิง เช่น โพแทสเซียมคลอไรด์ โพแทสเซียมคลอเรต ดินประสิว กำมะถัน โซดาไฟ ฯลฯ จำนวนประมาณ 1 คันรถบรรทุก ทั้งหมดถูกวางกองกันไว้โดยไม่มีการแยกประเภท
 
 
จากการสอบถามเจ้าของบอกว่า เก็บวัตถุทั้งหมดไว้เพื่อจะขายให้กับลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ตรวจสอบและนำของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.พาน เบื้องต้นดำเนินคดีในข้อหาหน่ายดอกไม้เพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาต และอยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานว่ามีความผิดอื่นหรือไม่ต่อไป
สีของพลุมาจากไหนจากข้อมูลอ้างอิง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
 

ไส้พลุเดินทางขึ้นสู่ท้องฟ้า ชนวนควบคุมเวลาการระเบิดจะเกิดการเผาไหม้ เมื่อสัมผัสกับส่วนผสมต่าง ๆ ภายในไส้พลุ และระเบิดออก ทำให้เม็ดดาวแตกกระจายให้สีสันอย่างที่เห็นบนท้องฟ้า

สารเคมีแต่ละชนิดจะให้สีสันต่าง ๆ กัน เช่น

– สตรอนเชียมคาร์บอเนต (SrCO3) ให้ สีแดง

– ลิเทียมคาร์บอเนต (Li2CO3) ให้ สีแดง

– แบเรียมคลอเรต (BaClO3) ให้ สีเขียว

– คอปเปอร์ซัลเฟต (CuSO4) ให้ สีฟ้า

– แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ให้ สีเหลือง

– โซเดียมออกซาเลต (Na2C2O4) ให้ สีเหลือง

– แคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) ให้ สีส้ม

ขณะที่ สีสันจากดอกไม้ไฟเกิดจากสารเคมีที่อยู่ในส่วนให้สี โดยสารประกอบโลหะแต่ละชนิดจะมีการปลดปล่อยแสงสีที่แตกต่างกันเมื่อได้รับความร้อน ดังนี้

 

 

สีเหลือง – โซเดียม การเผาไหม้ของโซเดียมจากความร้อนจะทำให้เกิดการระเบิดสีเหลืองที่สดใส

แสงสีแดง – โลหะสตรอนเชียม สตรอนเซียมถูกนำมาใช้ในหน้าจอแก้วของโทรทัศน์สีรุ่นเก่า เพราะมันจะช่วยป้องกันรังสีเอกซ์ที่จะมากระทบคนดู ถึงแม้ว่าตัวของสารจะเป็นสีเหลือง แต่เวลาเผาไหม้มันกลับให้สีแดงแทน

สีเขียว – โลหะแบเรียม พลุดอกไม้ไฟสีเขียวส่วนใหญ่ทำมาจากแบเรียมไนเตรทซึ่งเป็นพิษต่อการสูดดมดังนั้นสารนี้จึงไม่นิยมใช้สำหรับสิ่งอื่น ๆ

สีน้ำเงิน – ทองแดง เฉดสีน้ำเงินถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของการผลิตพลุดอกไม้ไฟ เพราะมันมีข้อจำกัดด้านฟิสิกส์และเคมี และต้องมีอุณหภูมิที่แม่นยำจึงจะทำให้เกิดเฉดสีน้ำเงินบนท้องฟ้า

สีขาว – อะลูมิเนียม หรือแมกนีเซียม องค์ประกอบทางเคมีเหล่านี้มีอุณหภูมิการเผาไหม้ที่สูงที่สุด และการเพิ่มสารที่สร้างสีขาวนี้กับสีอื่น ๆ ก็จะทำให้เกิดเฉดสีที่อ่อนลง

 

 

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News