Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘วันชัย’ ดันกลไกชุมชนแก้ปัญหา”จากล่างขึ้นบน” คือ “ชุมชนสู่ระดับประเทศ”

 

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ จัดเวที “สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน ปี 2567” วาระ: ชุมชนท้องถิ่นร่วมแก้ปัญหาประเทศ” มุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น ร่วมแก้ไขปัญหาจากชุมชนสู่ระดับประเทศ โดยมี ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย  ดร.นุชากร มาศฉมาดล รองนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด นายประทุม ไทรแช่มจันทร์ ประธานชุมชนหน้าสมาคมธรรมศาสตร์ กทม. นายประภัสสร ผลวงษ์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี และ นางเยาวลักษณ์ บุญตามชู นักวิชาการสาธารณสุขเทศบาลหาดใหญ่ ร่วมเสวนาในหัวข้อ “อัตลักษณ์การเสริมสร้างความเข็มแข็งของชุมชนท้องถิ่นร่วมแก้ปัญหาประเทศ”

 

ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย  กล่าวว่า เชียงรายเป็นเมืองที่มีปัญหาน้ำเสีย ปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆมากมาย การที่มาทำงานจากการสัมผัสด้วยตัวเอง มองว่าการจะแก้ปัญหาสู่การพัฒนาสิ่งสำคัญที่สุดคือเป็นการสร้างภาคีเครือข่ายสร้างมุมมองคนร่วมคิดร่วมทำ การที่เราจะสะท้อนปัญหาและแก้ไขที่ชัดเจนหรือภาคประชาชนสร้างมุมมองสู่ท้องถิ่น รวมถึงการจัดวางแผนงบประมาณ เชื่อมั่นว่ากระทรวง ทบวง กรม ต่างมีงบประมาณค่อนข้างมากและกระบวนการที่เราจะคิดและปัญหาที่เราจะแก้ไขได้ เราจะเชิญชวนดึงมาปรับแผนเข้าหากัน มองว่าอยากสร้างให้เป็นชุมชนท้องถิ่นที่ยั่งยืนชุมชนที่เป็นเมืองแห่งความสุขเป็นเมืองสุขภาพดี ดังนั้นการขับเคลื่อนรวมถึงการร่วมมือกับหน่วย อสม.จึงสำคัญ

 

นอกจากนี้ ยังมีการเสริมสร้างสุขภาพและพัฒนาในเรื่องของอาหารปลอดภัย “เชื่อมั่นว่าถ้าเราปลอดภัยแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้ป่วยไม่ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่าย” ทำให้คนในครอบครัวไม่ต้องกังวลใจในภาระต่างๆ เชียงรายโชคดีเมื่อทำงานเรามีภาคีเครือข่ายที่เป็นท้องถิ่นต่างๆรวมถึงเทศบาลและโรงพยาบาลเชียงราย โรงพยาบาลภาคเอกชน รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข การที่มีสุขภาพวะตามทิศทางของนโยบาย กลยุทธ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดสิ่งต่างๆสะท้อนออกมาเมื่อขับเคลื่อนไปจะทำให้เกิดภาคประชาชนแข็งแรง

 

ดร.นุชากร มาศฉมาดล รองนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การทำงานคือคิดจากข้างล่างไปข้างบน เพราะการทำงานจากข้างล่างไปข้างบนชุมชนมีส่วนร่วมความยั่งยืนเกิดขึ้นแน่นอน  ร้อยเอ็ดทำ 8 เรื่อง ทั้ง สิ่งแวดล้อม ผู้สูงอายุ เด็กและเยาวชน เศรษฐกิจ เป็นต้น อย่างเรื่องปัญหาเด็กและเยาวชนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะปัจจุบันพบมีเด็กออกนอกระบบการศึกษาประมาณ 1,025,115 คน แต่ปี 66 ออกนอกระบบประมาณ 1,000,000 คน  โดยจังหวัดร้อยเอ็ดมีเด็กออกนอกระบบ 6,000 คน ซึ่งเรามีการพาเด็กกลุ่มนี้ไปเรียนฝึกอาชีพซึ่งผลปรากฎว่า เด็กกลุ่มนี้สามารถเปิดร้านเสริมสวยได้ เปิดร้านซ่อมรถได้ ฯลฯ ทุกวันนี้เด็กไม่อยากไปโรงเรียนเพราะไม่รู้เรียนไปแล้วจะทำอาชีพอะไร ฉะนั้นชุมชนจึงสำคัญ  และต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้เด็กกับชุมชนอยู่ด้วยกันได้ 

 

นายประทุม ไทรแช่มจันทร์ ประธานชุมชนหน้าสมาคมธรรมศาสตร์ กทม. กล่าวว่า ตอนนี้ในประเทศไทย กลุ่มผู้สูงอายุมีเยอะมาก ในพื้นที่เรามีการประชาสัมพันธ์กับผู้สูงอายุว่า “การชราภาพเป็นเรื่องปกติ แต่เราจะชราภาพให้มีคุณภาพอย่างไร” ซึ่งเรามีการทำกิจกรรมออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการพบปะสังสรรค์ ใช้แบบสังคมบำบัด นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกัน 5-10 นาที และสำหรับกลุ่มเปราะบางกับผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้พิการจะออกกำลังกายในกลุ่มของเราไม่ได้ เราก็ต้องให้ผู้สูงอายุมาเยี่ยมพบปะพูดคุย

 

อีกเรื่องคือกลุ่มเยาวชน กลุ่มเยาวชนในชุมชนปทุมธานีเป็นพื้นที่สีแดงรองจากคลองเตย เป็นชุมชนที่ยาเสพติดค่อนข้างรุนแรงจนไม่มีใครเอาอยู่คณะกรรมการไม่มีใครเอาอยู่ จึงมีการเข้าห้ามปรามได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง เยาวชนเก่าหายไปหมดติดคุกบ้างไปเล่นยาบ้าง ตอนนี้มีการสร้างเยาวชนรุ่นใหม่เป็นเยาวชนของชุมชนและมีการประชุมการบอกโทษของยาเสพติดหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ยาบ้า กัญชา กระท่อม เฮโรอีน ยาไอซ์ เรามีการประชาสัมพันธ์เรียกกลุ่มเยาวชนมาประชุมเพื่อให้ห่างไกลยาเสพติด เพราะยาเสพติดอันตรายไม่ใช่อันตรายกับชุมชนไม่ใช่อันตรายกับครอบครัวแต่อันตรายต่อประเทศชาติ เราจึงจำเป็นต้องให้เขารับรู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดี  จึงเปิดพื้นที่เขาสร้างกิจกรรมเอง ไม่ว่าจะเป็น การทาสีกำแพงบ้าน เป็นต้น

 

นางเยาวลักษณ์ บุญตามชู นักวิชาการสาธารณสุขเทศบาลหาดใหญ่ กล่าวว่า มีชุมชนทั้งสิ้น 103 ชุมชน มีประชากร 150,000 คน รวมประชากรแฝงที่เข้ามาทำงานเข้ามาเพื่อการศึกษาการท่องเที่ยวประมาณ 150,000 คน   ในพื้นที่หาดใหญ่เป็นพื้นที่หลายวัฒนธรรม ทั้งไทย จีน เมืองหาดใหญ่จะเจอปัญหาต่างๆที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่เหมือนเมืองอื่นๆ ภายใต้การดำเนินนโยบายของเทศบาลนครหาดใหญ่และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนหรือทุนทางสังคมในพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนสู่เมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน ซึ่งมีในพื้นที่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของหน่วยงานภาครัฐในหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่มีโรงพยาบาลเอกชน มีสถาบันการศึกษาต่างๆ

 

นางเยาวลักษณ์ กล่าวต่อว่า หาดใหญ่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยมีผู้สูงอายุร้อยละ 19.19 ซึ่งถ้าไม่มองในเรื่องของดูแลผู้สูงอายุจะทำให้การพัฒนาด้านอื่นเป็นไปไม่ได้ด้วย ฉะนั้นเทศบาลหาดใหญ่มีนโยบายเรื่อง “แก่แต่เก๋า สูงวัยแต่ฉลาด” โดยมีกิจกรรมต่างๆเพื่อทำให้ผู้สูงอายุเป็นผู้สูงอายุที่ทรงพลังทางด้านสุขภาพและการมีความพร้อมช่วยเหลือตนเองได้ ไม่นั่งนึกถึงก่อนวัยอันควรหรือในเรื่องของการส่งเสริมการรวมกลุ่มของชมรมผู้สูงอายุเพื่อให้ดูแลการการสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต การจัดตั้งมีผู้สูงอายุที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง การจัดบริการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 

 

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการสร้างเพิ่มขีดความสามารถอย่างน้อยใน 6 ประการ 1. การพัฒนาภาวะผู้นำของผู้นำและบุคลากรทุกฝ่ายของเทศบาลนครหาดใหญ่และหน่วยงานองค์กรทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง  2. การเพิ่มคุณภาพการจัดระบบข้อมูล  3. การพัฒนาศักยภาพระบบและกลไก 4. การสร้างการมีส่วนร่วมของเทศบาลนครหาดใหญ่   5. การนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้ในการพัฒนาและแอพพลิเคชั่นต่างๆ  6. การสร้างนวัตกรรมโดยบริหารจัดการให้เกิดรูปธรรมการพัฒนาสร้างสรรและความเชี่ยวชาญในการจัดการความรู้

 

สสส.เข้ามาสอนเราในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มและทำให้ค้นพบผู้นำรุ่นใหม่ที่จะต่อยอดการพัฒนาชุมชนซึ่งเราเน้นชุมชนเป็นฐาน นางเยาวลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

The ICONiC Run Fest Thailand เดิน วิ่ง กินเที่ยว เพื่อสุขภาพ

 

เมื่อวันที่  29 มิ.ย. 2567 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า อ.เมือง จ.เชียงราย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (องค์การมหาชน) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าผู้จัดกีฬามวลชน สมาพันธ์เดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย และภาคีเครือข่าย จ.เชียงราย จัดเทศกาลงานวิ่ง The ICONiC Run Fest Thailand Series ChiangRai 2024 กิจกรรม เดิน วิ่ง กิน เที่ยว เพื่อสุขภาพ ภายใต้แนวคิด รวมพลังสร้างสุขภาพดี เศรษฐกิจดี สร้างเมืองสู่ความยั่งยืน ต้นแบบกิจกรรมส่งเสริมกิจกรรมทางกายระดับประเทศ ปลูกฝังค่านิยมลดพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้กับชุมชน

 

โดยมี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต. ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลล์ ผู้จัดการกองทุน สสส. หัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชน ประชาชน เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

 

 

นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานเปิดกิจกรรม กล่าวว่า The ICONiC Run Fest Thailand Series ChiangRai 2024 ถือเป็นมิติใหม่ในการบูรณาการแนวคิดทั้งการเดินวิ่ง และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเชิงเศรษฐกิจ นอกจากช่วยสร้างกระแสส่งเสริม สุขภาพ เพิ่มอัตราการมีกิจกรรมทางกาย ส่งต่อองค์ความรู้การบริโภคอาหารตามหลักโภชนาการ ยังทำให้เกิดประโยชน์กับ จ.เชียงราย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว จ.เชียงราย เป็น 1 ในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญและเป็นที่นิยมของคนไทยและนานาชาติ ทำให้มีผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานกว่า 2,000 คนในเวลาที่รวดเร็วคาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดหลายล้านบาท ซึ่งความสำเร็จการจัดงานครั้งนี้ มาจากการสานพลังความร่วมมือ ทั้งจากหน่วยงานระดับท้องถิ่น ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม โดยเฉพาะคนในชุมชน ช่วยยกระดับ จ.เชียงราย เป็นต้นแบบสร้างเสริมสุขภาพจุดประกายให้เกิดการงานเทศกาลเดินวิ่ง กิน เที่ยว เพื่อสุขภาพใน พื้นที่อื่นๆ และส่งต่อความสำคัญขยายผลไปในระดับประเทศ ถือเป็นก้าวสำคัญสู่เป้าหมายการจัดทำ “แผน ยุทธศาสตร์จังหวัดในการสร้างเศรษฐกิจชุมชนจากการสร้างงานเทศกาลแบบบั่งยืน” ต่อไป

 

 

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลล์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. มุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเด็นสุขภาพให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีทุกมิติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ที่เพียงพอกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 Actives 1.Active People ส่งเสริมให้คนกระฉับกระเฉง 2.Active Environment ส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อกิจกรรมทางกาย และ 3.Active Society สร้างค่านิยมให้สังคมกระฉับกระเฉง ผ่านนวัตกรรม องค์ความรู้ งานวิชาการ จากรายงานสถานการณ์การมีกิจกรรมทางกายของประชากรไทย ปี 2566 โดยศูนย์พัฒนาความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย พบว่า โควิด-19 ทำให้อัตราการมีกิจกรรมทางกายลดลงจาก 74.6% ในปี 2562 เหลือ 54.3% ในปี 2563 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 62.0% ในปี 2565 และ 68.1% ในปี 2566 

 

ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างแนวทางและโอกาสเพิ่ม อัตราของกิจกรรมทางกายในรูปแบบเทศกาล รวมถึงเป็นพื้นที่ต้นแบบสร้างมาตรฐานและขยายผลสู่การพัฒนา คู่มือการจัดงานในรูปแบบของเทศกาลสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพ ลดความเสี่ยงจากโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ในอนาคต

 

 

งาน “The ICONiC Run Fest Thailand Series 2024 ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมโอกาสสร้างรายได้เชิงเศรษฐกิจท่องเที่ยวจากการมีส่วนร่วมของชุมชน ประเดิมสนามแรกที่ จ.เชียงราย สนามต่อไปที่จ.สุโขทัย วันที่ 24-25 ส.ค. 2567 จ.นครราชสีมา วันที่ 7-8 ก.ย. 2567 จ.มุกดาหาร วันที่ 5-6 ต.ค. และจ.นครศรีธรรมราช วันที่ 26-27 ต.ค. 2567 มีเส้นทางการวิ่งระยะทาง 10 กม. และ 5 กม. เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วม 2,000 คน ต่อจังหวัด โดยนักวิ่งจะได้รับเสื้อ BIB และเหรียญที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดเป็นของที่ระลึกสามารถสมัครร่วมกิจกรรมได้ที่ http://thaift ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ theiconicrunfest” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว

 

 

ด้าน ว่าที่ ร.ต. ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นการนำเสนอศิลปวัฒนธรรมของ จ.เชียงราย ในรูปแบบตลาดนัด Healthy Community ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกเพื่อสุขภาพ หมอนใบชา ข้าวอินทรีย์ นมงาขาว ผักและผลไม้ปลอดสาร ซึ่งภายในงานมีการสาธิตเมนูอาหารเพื่อสุขภาพในท้องถิ่น “อ๊อกปลานิลสมุนไพร” และ “แกงแคไก่” ที่มีผักและสมุนไพรไฟเบอร์สูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด มีปริมาณไขมันต่ำ ช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงเส้นทางวิ่งที่ผ่านสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สักการะ สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีตอกย้ำความเป็นเมืองสุขภาวะ (Wellness City) ช่วยเปิดโอกาสเสริมสร้างเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว และเป็นประโยชน์ต่อ ชุมชนในทุกด้านอย่างมหาศาล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

Whoscall เผยคนไทยถูกมิจฉาชีพ โทร-SMS หลอก อันดับ 1 ของเอเชีย

 
เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2567 รายงานประจำปี 2566 ของฮูสคอลล์ (Whoscall) แพลตฟอร์มระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จัก และป้องกันสแปม พบว่า คนไทยถูกมิจฉาชีพหลอกลวงผ่านการโทรศัพท์ และส่งข้อความ 79 ล้านครั้ง เพิ่มมาจากปี 2565 ที่มี 66.7 ล้านครั้ง หรือ ร้อยละ 18
 
 

ข้อมูลนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้นำมาเปิดเผยในเวทีสัมมนา “วันตรวจสอบข่าวลวงโลก ปี 2567” เพื่อสร้างความตระหนักให้กับประชาชน ที่อาจตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพได้ง่าย พร้อมร่วมมือกับภาคีโคแฟค (Cofact) และ กรุงเทพมหานคร เปิดช่องทางสร้างการรับรู้ และให้การช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ

 

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ให้ความสำคัญกับภัยคุกคามออนไลน์ทุกรูปแบบ จึงร่วมโครงการครั้งนี้ เพื่อเร่งสร้างการรับรู้ และแนวทางป้องกันให้ประชาชน ขณะที่เครือข่ายโคแฟค ที่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงผ่านสื่อออนไลน์ตั้งแต่ปี 2563 ช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ถูกหลอกกว่า 5,000 คน โดยให้คำแนะนำผ่านเว็บไซต์ Cofact.org เปิดเผยว่า

 

การหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว จากเดิมที่เป็นการหลอกลวงผ่านข่าวปลอม เป็นการหลอกลวงด้วยการโทร และส่งข้อความหลอกโอนเงินเพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ประชาชนมักถูกหลอกให้ซื้อสินค้าหรือบริการ หลอกโอนเงินเพื่อทำงาน และหลอกให้กู้เงิน ซึ่งเป็นตัวเลขการถูกหลอกที่สูงเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย ส่วนอันดับ 2 คือ ฟิลิปปินส์ และ อันดับ 3 คือ ฮ่องกง

 

ปีนี้ โคแฟค ยังเตรียมที่จะบูรณาการกับภาครัฐและเอกชนอบรมสร้างทักษะการตรวจสอบข้อมูลในยุค AI ทั่วประเทศ พร้อมสร้างคอนเทนต์ในอินฟลูเอนเซอร์สายตรวจสอบข่าว พัฒนาให้เกิดศูนย์ตรวจสอบข่าวลวงภูมิภาคกว่า 7 แห่ง และเปิดรับภาคีใหม่มาทำกิจกรรมตรวจสอบข่าวและสร้างพลเมืองทุกคนให้เป็น fact-checker ต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Whoscall

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI VIDEO

ขี้เหล้าหลวงเล่าเรื่อง : เลือกเหล้าหรือเลือกรอด EP. 4

และวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี 54 ก็เป็นวันที่ลุงเมฆหยุดเหล้าได้ เนี่ยแหละ วันประวัติศาสตร์ของลุงแกเลย

นี่แกเลิกเหล้าได้นะ จนนายอำเภอยกให้แกเป็นคนหัวใจเพชรหัวใจแกร่ง 2 สมัย ในตำบล แกภูมิใจมากเลยนะ พูดให้เราฟังตลอด ยังไงนะลุง?

แต่เดี๋ยวนี้ ชีวิตประจำวันของลุงไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ เพราะตื่นเช้ามาก็รีบไปตลาดไปซื้อวัตถุดิบมาให้เมียแกทำกับข้าวให้

เมื่อก่อนสมัยแกติดเหล้านะ ไม่เคยได้นั่งกินข้าวด้วยกันกับเมียแกเลย ดูสิ ตอนนี้นะ เราไม่กล้าขัดจังหวะเลย

ถ้าตอนนี้นะ ลุงเมฆไม่ใช้ใจของเขา แกบอกกับเราว่า แกเผาไปนานแล้วถ้ายังไม่เลิกเหล้า

 

ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหม การกระทำของคน ๆ นึง สามารถช่วยชีวิตคนอีกคนไว้ได้

รู้ป่ะ นี่เป็นประโยคที่ดีที่สุดของ “ขี้เหล้าหลวงเล่าเรื่อง” ในตอนนี้ (EP) เลยแหละ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ ว่าคน ๆ นึง จะไปกำหนดเส้นทางชีวิตของอีกคนนึงได้ เราว่าเหตุผลลึก ๆ ของการเลิกเหล้าของลุงเมฆในครั้งนี้ ก็คงอยากมีชีวิตอยู่กับคน ๆ นี้ที่อยู่ข้างกายไปชั่วชีวิตนั่นแหละ

แล้วคุณหละ อยู่ในชีวิตตอนไหนของลุงในเรื่องนี้ คุณเลือกเองได้ … ไปลองเช็คตัวเองได้ที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI VIDEO

ขี้เหล้าหลวงเล่าเรื่อง : เลือกเหล้าหรือเลือกรอด EP. 3

วันนี้จะมาเล่าเรื่องลุงคนนึงให้ฟัง ลุงคนเนี้ย! ชื่อลุงสนั่น แกเป็นขี้เหล้าหลวงแห่งเมืองเจียงฮาย บ้านอยู่แถวๆ อำเภอเวียงชัย แต่ก่อนแกเป็นคนดื่มเก่ง เมาทู๊กกกกวัน อายุประมาน 14-15 ก็เริ่มดื่มแล้ว พออายุมากขึ้นเริ่มหาเงินเองได้ก็ยิ่งดื่มหนักเข้าไปใหญ่ นี่แหละ ที่มาของเรื่องเล่าในวันนี้ “ขี้เล่าหลวง …. เล่าเรื่อง”


และนี่ พระเอกของเรา ลุงสนั่น อายุ 65 ปี แต่ก่อนวันๆนึงลุงดื่มเหล้าเกือบ 2 ขวด ดื่มวันค่ำ (หมายถึง ดื่มมันทั้งวันนั่นแหละ)

แกเล่าว่าเริ่มแรกก็ไปดื่มตอนช่วยกันปลูกข้าว พอตกเย็นมาก็มีคนเอามาให้ดื่ม พอฝนตกมาก็ดื่มอีก แก้หนาว ว่างั้น! พอเลิกทำนาก็หยุดได้หน่อย แต่พอถึงช่วงเทศกาล ก็จะเลี้ยง จะดื่มกันยาวไปจน 3 วัน 3 คืนก็มี

-แต่ที่แปลกคืออะไรรู้มั้ย? มันเป็นความเคยชินของสังคมบ้านเราตามต่างจังหวัด บางทีไปช่วยงานกัน พอเสร็จงานจบงาน ก็จะเลี้ยงเหล้ากันเป็นการตอบแทน

จริงๆแล้ว นอกจากจะต้องแก้ที่ตัวคนดื่ม ยังต้องไปแก้ที่ตัวคนเลี้ยงเป็นเจ้าภาพด้วยรึเปล่า

ส่วนเมียลุงหรอ โอโห ป้าแกบ่นว่าแต่ก่อนนี้ เบื่อมากเลย รู้สึกไม่มีความสุข รู้สึกกระวนกระวาย เพราะเมื่อไหร่ที่ลุงดื่มมา จะมาอาละวาดตลอด และที่สำคัญนะ มีเรื่องพีคกว่านั้นอีก

ทุกคนสงสัยใช่มั้ยว่า คุณป้า เขาไม่ขอให้ลุงเลิกเหล้าหรอ?

แล้วจุดเปลี่ยน มันก็อยู่ตรงนี้ ปี 57 ลุงสนั่นแกเมาแล้วขับ จนรถยนต์ไปชนกับเสาไฟฟ้า หลังจากนั้นลูกชายของลุงก็เกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ

มาถึงตอนนี้น่าจะเป็นจุดพีคของเรื่องลุงแล้วสินะ ว่าแต่เรื่องราวต่อไปจะเป็นยังไง อย่าลืมติดตามต่อ บอกใบ้ให้นิดนึงชีวิตลุงเขา หวานมาก แล้วคุณหล่ะลองเช็คตัวเองดูก่อนมั้ย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI VIDEO

ขี้เหล้าหลวงเล่าเรื่อง : มือถือแก้ว เลิกเหล้าแล้วมาเลี้ยงไก่ EP. 2

 

จนวันที่ 15 ม.ค. 59 แกตัดสินใจเลิกเหล้าแบบเด็ดขาด

มาถึงตอนนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาลุงเลิกเหล้ายากมากเลยใช่มั้ยหล่ะ และในตอนนี้ของ “ขี้เหล้าหลวง เล่าเรื่อง” ก็จะมาดูว่า ลุงสนั่นเลิกเหล้าแล้ว แกหันไปทำอะไร?

เป็นไง ชีวิตลุงตอนนี้ดี๊ดีเลยนะ เดี๋ยวนี้ก็หันไปทำมาหากิน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแบบเรียบง่าย เห็นมั้ยความสุขของลุงก็ไม่ได้อยู่ที่การดื่มเหล้าเสมอไป

จากมือถือแก้ว ถือขวดเหล้า ก็กลายเป็นมาโปรยให้อาหารไก่ ถือไม้ไล่ไก่เข้าเล้าบ้าง โยนอาหารให้ปลาบ้าง แหน่ะ! ใช้มือรดน้ำต้นไม้ก็มี ช่วยที่บ้านจุดเตาไฟ เตรียมของไปขายที่ตลาด แถมยังช่วยป้าทำขนม ห่อขนมอีก นี่ไงที่บอก ดูแล้วหวานมั้ยหละ? ขนมอะ

พอลุงสนั่นเลิกเหล้าได้ คนที่บ้านแกก็ดีใจสุด ๆ ไปเลย อย่างลูกสาวแกนะบอกว่า ดีมากเลยตั้งแต่พ่อเลิกเหล้า สุขภาพก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วถ้าถามความรู้สึกของเมียแกตอนนี้อะเหรอ?

แล้วลุงสนั่น มีอะไร อยากจะบอกกับคนที่ยังติดเหล้ามั้ย?

จริง ๆ แล้วการเลิกเหล้า มันไม่ได้ยากขนาดนั้นนะ มันอยู่ที่ใจของเราล้วน ๆ มันไม่ต้องรอให้เจอเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ร้ายแรงแบบลุงสนั่นหรอก และรางวัลของคนที่เลิกเหล้าได้ มันก็ได้ใจกลับมาด้วยเช่นกัน เห็นรอยยิ้มของคนในเรื่องนี้มั้ย? นี่แหล่ะ “รางวัลของคนเลิกเหล้า” กับเรา “ขี้เหล้าหลวง … เล่าเรื่อง”

แล้วคุณหล่ะ อยู่ในชีวิตตอนไหนของลุงในเรื่องนี้ คุณเลือกเองได้ … ไปลองเช็คตัวเองได้ที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI VIDEO

ขี้เหล้าหลวงเล่าเรื่อง : มือถือแก้ว เลิกเหล้าแล้วมาเลี้ยงไก่ EP. 1

 

วันนี้จะมาเล่าเรื่องลุงคนนึงให้ฟัง ลุงคนเนี้ย! ชื่อลุงสนั่น แกเป็นขี้เหล้าหลวงแห่งเมืองเจียงฮาย บ้านอยู่แถวๆ อำเภอเวียงชัย แต่ก่อนแกเป็นคนดื่มเก่ง เมาทู๊กกกกวัน อายุประมาน 14-15 ก็เริ่มดื่มแล้ว พออายุมากขึ้นเริ่มหาเงินเองได้ก็ยิ่งดื่มหนักเข้าไปใหญ่ นี่แหละ ที่มาของเรื่องเล่าในวันนี้ “ขี้เล่าหลวง …. เล่าเรื่อง”


และนี่ พระเอกของเรา ลุงสนั่น อายุ 65 ปี แต่ก่อนวันๆนึงลุงดื่มเหล้าเกือบ 2 ขวด ดื่มวันค่ำ (หมายถึง ดื่มมันทั้งวันนั่นแหละ)

แกเล่าว่าเริ่มแรกก็ไปดื่มตอนช่วยกันปลูกข้าว พอตกเย็นมาก็มีคนเอามาให้ดื่ม พอฝนตกมาก็ดื่มอีก แก้หนาว ว่างั้น! พอเลิกทำนาก็หยุดได้หน่อย แต่พอถึงช่วงเทศกาล ก็จะเลี้ยง จะดื่มกันยาวไปจน 3 วัน 3 คืนก็มี

แต่ที่แปลกคืออะไรรู้มั้ย? มันเป็นความเคยชินของสังคมบ้านเราตามต่างจังหวัด บางทีไปช่วยงานกัน พอเสร็จงานจบงาน ก็จะเลี้ยงเหล้ากันเป็นการตอบแทน

จริงๆแล้ว นอกจากจะต้องแก้ที่ตัวคนดื่ม ยังต้องไปแก้ที่ตัวคนเลี้ยงเป็นเจ้าภาพด้วยรึเปล่า

ส่วนเมียลุงหรอ โอโห ป้าแกบ่นว่าแต่ก่อนนี้ เบื่อมากเลย รู้สึกไม่มีความสุข รู้สึกกระวนกระวาย เพราะเมื่อไหร่ที่ลุงดื่มมา จะมาอาละวาดตลอด และที่สำคัญนะ มีเรื่องพีคกว่านั้นอีก

ทุกคนสงสัยใช่มั้ยว่า คุณป้า เขาไม่ขอให้ลุงเลิกเหล้าหรอ?

แล้วจุดเปลี่ยน มันก็อยู่ตรงนี้ ปี 57 ลุงสนั่นแกเมาแล้วขับ จนรถยนต์ไปชนกับเสาไฟฟ้า หลังจากนั้นลูกชายของลุงก็เกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ

มาถึงตอนนี้น่าจะเป็นจุดพีคของเรื่องลุงแล้วสินะ ว่าแต่เรื่องราวต่อไปจะเป็นยังไง อย่าลืมติดตามต่อ บอกใบ้ให้นิดนึงชีวิตลุงเขา หวานมาก แล้วคุณหล่ะลองเช็คตัวเองดูก่อนมั้ย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News