Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รองผู้ว่าฯ เชียงรายนำทีมตรวจ ปั๊มน้ำมันก่อนเทศกาลสงกรานต์

 

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 67 นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดเชียงราย พลังงานจังหวัดเชียงราย ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย และนายช่างตวงวัดกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่สุ่มตรวจสถานีบริการน้ำมันในเขตอำเภอเมืองเชียงราย จำนวน 3 แห่ง โดยการตรวจวัดปริมาณน้ำมันด้วยอุปกรณ์เครื่องตวงวัด พบว่าทุกสถานี ได้ปริมาณอยู่ในเกณฑ์ทุกปั้ม เชื่อมั่นว่าผู้บริโภคได้น้ำมันครบตามจำนวนอย่างแน่นอน สร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวเชียงราย นักท่องเที่ยว และผู้ที่ใช้เส้นทางสัญจรผ่านไปมา โดยเฉพาะช่วงการเดินทางเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 นี้

 

นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน ช่างตวงวัดกรมการค้าภายใน และ อปท. ในพื้นที่ ทำการสุ่มตรวจสถานีบริการน้ำมันก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ชาวเชียงราย นักท่องเที่ยว และผู้ที่ใช้เส้นทางสัญจรผ่านไปมา ได้มีความมั่นใจสถานีบริการน้ำมันในจังหวัดเชียงราย หลังสุ่มตรวจยังไม่พบปริมาณน้ำมันต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งทุกสถานีบริการน้ำมันจะต้องผ่านการตรวจและได้รับเครื่องหมายสติ๊กเกอร์สีน้ำเงินติดอยู่หัวจ่ายหรือตัวเครื่องอย่างชัดเจน
 
 
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงราย จะมีการตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันอย่างเข้มงวดและต่อเนื่องต่อไป โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันและผู้ค้าน้ำมันยี่ห้อต่าง ๆ เป็นอย่างดี ซึ่งจากการตรวจสอบมาตรวัดหัวจ่ายทั้ง 3 สถานีบริการน้ำมัน โดยการใช้ถังตวงขนาด 5 ลิตร แสดงค่าถูกต้องตามเกณฑ์ทุกเครื่อง หากกรณีที่มีค่าความคลาดเคลื่อนก็ต้องไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด (น้ำมัน 5 ลิตร คลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน 50 มล.) และยังพบว่า ทุกมาตรวัดหัวจ่ายที่สถานบริการทุกแห่งมีเครื่องหมายคำรับรองถูกต้อง
 
 
แนะนำประชาชนที่ไปใช้บริการสถานีบริการน้ำมันให้สังเกตมิเตอร์ที่ตู้เติมน้ำมัน ต้องเริ่มต้นที่เลขศูนย์ รวมทั้งสังเกตป้ายราคาน้ำมันที่หน้าปั๊ม และที่ตู้เติมน้ำมันต้องตรงกัน และเมื่อเติมเสร็จควรตรวจสอบยอดขายและปริมาณน้ำมันที่เติม หากสงสัยว่าได้น้ำมันไม่เต็มลิตร สามารถแจ้งสถานีบริการน้ำมันขอให้ตรวจสอบโดยใช้อุปกรณ์เครื่องตวงวัดมาตรฐานขนาด 5 ลิตร ซึ่งมีไว้ประจำทุกสถานีบริการ กรณีพบความผิดปกติหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเติมน้ำมัน หรือจากการใช้เครื่องชั่งตวงวัดใด ๆ ในการซื้อขายสินค้า สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

จ.เชียงราย ร่วมมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. ส่งเสริมผู้ประกอบการเยาวชน

 

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 ที่ศูนย์การเรียนรู้ ซี.ซี.เอฟ.เชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย ดร.บรรจงเศก ทรัพย์โสภา ผู้อำนวยการมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และนายไชยรัตน์ จินะราช รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 ร่วมกันลงนาม MOU

ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมผู้ประกอบการเยาวชนในจังหวัดเชียงราย (ทักษะอาชีพเด็กในโรงเรียน) ระหว่าง มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 เพื่อร่วมกันส่งเสริมรูปแบบการศึกษาด้านธุรกิจและชมรมทักษะอาชีพในโรงเรียน เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวและยั่งยืนสำหรับเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสที่แสวงหาทางเลือกอาชีพสำหรับอนาคต เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพทางเลือก รวมทั้งปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่ออาชีพที่มีคุณค่าให้กับนักเรียน ส่งเสริมให้ครูมีทักษะเป็นผู้ประกอบการในการขยายองค์ความรู้เพิ่มเติม สร้างรายได้เพิ่มและลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของครอบครัว โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ และจัดตั้งกลุ่มอาชีพชมรมอาชีพเพื่อการสำรวจและปฏิบัติของรุ่นน้องในอนาคต โดยมี ผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะผู้บริหาร บุคคลากรครู และทางมูลนิธิฯ ร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย

ดร.บรรจงเศก ทรัพย์โสภา ผู้อำนวยการมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯ กล่าวว่า มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถือเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนด้านการพัฒนาเด็ก ให้ความช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส จำนวน 34 จังหวัด 35 โครงการฯ มีเด็กในความดูแลของมูลนิธิฯ จำนวน 44,000 คนทั่วประเทศ ให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษา ทุนการศึกษาประจำปี ด้านสุขภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะชีวิตและทักษะอาชีพแก่เด็กและเยาวชน

โดยครั้งนี้ทางมูลนิธิฯ ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 จะดำเนินโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการเยาวชนในจังหวัดเชียงราย (ทักษะอาชีพเด็กในโรงเรียน) จำนวน 10 โรงเรียนในสังกัดพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย งบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 745,600 บาท (เจ็ดแสนสี่หมื่นห้าพันหกร้อยบาทถ้วน) ซึ่งโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกสำหรับโครงการนี้ จำนวน 10 โรงเรียน โดยระยะเวลาดำเนินโครงการ 12 เดือน ได้แก่ 1. กลุ่มไส้อั่วยูนนานท้องถิ่นของโรงเรียนบ้านแม่หม้อ 2. พวงกุญแจผ้าทอชาวเขา โรงเรียนบ้านห้วยผึ้ง 3. คุกกี้ดอกไม้/ผ้าพิมพ์ลายใบไม้ ชุมชนศึกษา โรงเรียนบ้านแม่สะแลป 4. คุกกี้ชาเขียว/งาขี้ม่อน โรงเรียนบ้านกลาง 5. ผลิตภัณฑ์แกะสลักเลซิ่ง โรงเรียนพญาไพรไตรมิตร 6. ผลิตภัณฑ์ตุ๊กตาดินเผา โรงเรียนบ้านพญาไพร 7. คุ๊กกี้หว่านหอมแดง โรงเรียนบ้านจะตี 8. ของที่ระลึกจากเครื่อง CNC โรงเรียนดอยแสนใจ (ตชด.อนุสรณ์) 9. ของที่ระลึกจากเครื่องเลเซอร์ โรงเรียนบ้านปางมะหัน และ 10. หมอนรองคอ ผ้าปักชนเผ่า โรงเรียนบ้านมนตรีวิทยา

ดังนั้น มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.เพื่อเด็กและเยาวชน มุ่งเน้นในการพัฒนาส่วนที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด  อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย จึงได้รับการคัดเลือกโดยพิจารณาจากความยากจน ความขาดแคลนในการดำรงชีวิต และความซับซ้อนทางสังคม โดยการแสวงหาความร่วมมือกับองค์กรภาคีเครือข่ายในพื้นที่ให้บรรลุเป้าหมายต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ระดมผู้ประกอบการ 17 จังหวัดภาคเหนือ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนภาคเหนือ 2024

 

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานแถลงข่าว โครงการ “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนภาคเหนือ 2024 NORTHERN BORDER ECONOMY ACCELERATION 2024 ภายใต้ โครงการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก ด้วยเศรษฐกิจมูลค่าสูงภาคเหนือ ประจำปีงบประมาณ 2566 ไปพลางก่อน” โดยมี นางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย พร้อมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดเชียงราย หอการค้าจังหวัดเชียงราย และผู้ประกอบการธุรกิจในภาคเหนือ 17 จังหวัดเข้าร่วม

 

นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศ เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ มีนักท่องเที่ยวมาเยือนสูงถึง 5 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 34,400 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของภาคเหนือ ทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา, และสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้มีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมจากเชียงรายสู่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ โดยมีด่านการค้าชายแดน 4 ด่าน ใน 3 อำเภอ ได้แก่ แม่สาย, เชียงของ, และเชียงแสน ซึ่งมีปริมาณการค้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มียอดมูลค่าการส่งออกปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท รัฐบาลจึงกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ โดยจังหวัดเชียงราย, เชียงใหม่, ลำปาง, และลำพูน ถูกกำหนดให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ หรือ Northern Economic Corridor: NEC – Creative LANNA เพื่อพัฒนาเป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลักของประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เมื่อโครงสร้างพื้นฐานพัฒนา การค้าเติบโตเศรษฐกิจก็จะดี คนต้องพัฒนาตาม

 

ซึ่งการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว ประกอบด้วย 4 กิจกรรมหลักดังนี้

  1. การอบรมสัมมนาผู้ประกอบการ Boost Up Trader to Overseas วันที่ 21-22 มีนาคม 2567 ณ โรงแรม ไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์
  2. การศึกษาดูงานการค้าชายแดน ที่จังหวัดหนองคาย และ จังหวัดตากในเดือนเมษายน 2567
  3. การประชุม/ สัมมนาร่วมภาครัฐ และเอกชนกลุ่มภาคเหนือของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านระหว่างวันที่ 1-2 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรมเฮอริเทจ แกรนด์ คอนเวนชั่นเชียงราย
  4. กิจกรรม Focus Group การอภิปรายหารือ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาทางการค้า ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรมเฮอริเทจ แกรนด์คอนเวนชั่น เชียงราย

 

ทางด้านนางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายมีจุดผ่านแดนถาวร 6 จุด และจุดผ่อนปรนทางการค้าติดกับชายแดนเมียนมา 5 จุด ติดกับ สปป.ลาว อีก 5 จุดเป็นด่านการค้าที่เชื่อมกับเส้นทาง R3B และ R3A จุดหมายปลายทางของการส่งสินค้าจะส่งเข้าสู่ประเทศจีนทำให้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ เป็นจุดเชื่อมโยงการค้าชายแดนที่สำคัญ เป็นประตูการค้าชายแดนโดยตรงกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และยังเป็นช่องทางการผ่านแดนที่สำคัญในการเชื่อมโยงกับสาธารณรัฐประชาชนจีน มีศักยภาพในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าชายแดน-ผ่านแดน จากการเปิดเสรีทางการค้า กรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคต่าง ๆ ที่บรรลุข้อตกลงระหว่างกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขความพิการแต่กำเนิด

 

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ณ ห้องประชุมประจวบ ภิรมย์ภักดี ชั้น 6 อาคารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขความพิการแต่กำเนิด และความพิการจากอุบัติเหตุทั่วไป จากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก 

 

โดยสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิ พอ.สว. เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี โดยมีนพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย รศ. ชุษณะ รุ่งปัจฉิม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมพิธี

 

หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว เป็นหน่วยแพทย์ที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2512 โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดหาแพทย์ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือให้การรักษาพยาบาล ป้องกันโรค ส่งเสริม และฟื้นฟูสุขภาพอนามัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ ในท้องถิ่นทุรกันดาร ที่มีอาการเจ็บป่วย แต่ไม่มีโอกาสได้รับการรักษาจากแพทย์หรือเข้ารับบริการทางการแพทย์ ซึงในครั้งนี้ หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว ได้จัดทำโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขความพิการแต่กำเนิด และความพิการจากอุบัติเหตุทั่วไปจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก 
 
 
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสุขภาพจิตที่ดีขึ้น สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพได้ จนสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
 
 
โดยครั้งนี้ได้ดำเนินโครงการในระหว่างวันที่ 20 – 22 มีนาคม 2567 ณ โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีจำนวนผู้ป่วยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่ร่วมโครงการในครั้งนี้ จำนวน 46 ราย
ทั้งนี้สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิ พอ.สว. ได้จัดทำโครงการฯ ในปี 2567 ทั้งหมด 3 โรงพยาบาล ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 20 – 22 มีนาคม 2567 ณ โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ครั้งที่ 2 วันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2567 ณ โรงพยาบาลหนองคาย และครั้งที่ 3 วันที่ 7 – 9 สิงหาคม 2567 ณ โรงพยาบาลยะลา 
 
 
เพื่อให้ผู้ป่วยปากแหว่ง – เพดานโหว่ ผู้พิการจากอุบัติเหตุทั่วไป และผู้พิการจากไฟไหม้น้ำร้อนลวก ในท้องถิ่นทุรกันดาร ห่างไกล ได้รับการทำศัลยกรรมตกแต่ง แก้ไขความพิการ ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น มีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย ตั้งเป้าลดไฟป่า 50% จัดทีมป้องกันก่อนการประกาศห้ามเผา

 

เมื่อวันที่ 24 ม.ค.67 นาย ประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและPM2.5 จังหวัดเชียงราย โดยมี พ.อ.จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร.(ท.) พร้อมด้วยผู้แทนส่วนราชการ คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติหมอกควันไฟป่าและPM2.5 จังหวัดเชียงราย และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมฯ เพื่อหารือแนวทางการดำเนินงานการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน ของจังหวัดเชียงราย ณ ศูนย์ปฏิบัติหมอกควันไฟป่าและPM2.5 จังหวัดเชียงราย ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย อ.เมืองเชียงราย

 
ในที่ประชุมฯ คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติหมอกควันไฟป่าฯ เชียงราย ได้หารือด้านการกำหนดแผนการปฎิบัติการ แผนเผชิญเหตุ และแผนการฟื้นฟู โดยตั้งค่าเป้าหมายกำหนดเป็นตัวชี้วัด เน้นการประชาสัมพันธ์ การลงพื้นที่เชิงรุก ให้เข้าถึงประชาชนทุกภาคส่วน ทางด้านเกษตรมีการทำแผนบริหารเครื่องอัดฟางในพื้นที่ การขึ้นทะเบียนนาปรัง โดยให้ทางอำเภอบริหารจัดการ และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่เกษตรกร รวมถึงการส่งเสริมเทคโนโลยีลดการเผาโดยการใช้นวัตกรรมเตาเผาถ่านไบโอชาร์ เป็นการเผาถ่านแบบไร้ควัน โดยเป็นการเผากิ่งไม้ที่ก่อให้เกิดมลพิษน้อย ซึ่งจะได้ถ่านที่มีคุณภาพ และลดการเผาในที่โล่ง
 
 
อีกทั้งในที่ประชุมได้หารือด้านการใช้มาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ มาตรการการให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม มาครการการจัดชุดลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยง การจัดระเบียบการเข้าใช้พื้นที่ป่า รวมถึงการประกาศปิดป่าอนุรักษ์ในช่วงห้ามเผาของจังหวัด ซึ่งกำหนดจุดเป้าหมาย จุดความร้อน(HOT SPOT) ลดลง 50% จากปีที่ผ่านมา รวมถึงการจัดตั้งศูนย์บัญชาการส่วนหน้า สนธิกำลังฝ่ายปกครอง ผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน มูลนิธิ ร่วมบูรณาการการปฎิบัติงาน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและPM 2.5 ของจังหวัดเชียงราย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

UNDP – เชียงราย เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตอบสนองมิติเพศ

 

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 67 นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การสร้างขีดความสามารถในการบูรณาการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิที่ตอบสนองต่อมิติเพศและการมีส่วนร่วมทางสังคมในการจัดทำแผนและงบประมาณของหน่วยงานส่วนภูมิภาค จังหวัด และท้องถิ่น” ที่โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ (UNDP) ร่วมกับจังหวัดเชียงราย ที่ต้องการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยการบูรณาการแบบองค์รวมและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วน และด้วยสถานการณ์ความเสี่ยงและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย อันส่งผลต่อแต่ละกลุ่มในสังคมไม่เท่ากัน 

 

ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ ทำให้การวางแผนการพัฒนาจำเป็นต้องคำนึงถึงมิติดังกล่าว ถึงผลกระทบที่เกิดทางเศรษฐกิจ สุขภาพ ตลอดจนการเข้าถึงทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดในสถานการณ์ภัยพิบัติอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยนำมาประกอบกันในการวางแผน และนโยบายเพื่อตอบสนองปัญหาเหล่านี้ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP หน่วงานภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคีเครือข่ายในทุกภาคส่วน ให้ความสนใจเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย

 

นางสุกันยา ทองธำรง นักวิเคราะห์การบูรณาการโครงการ UNDP ไทยแลนด์ กล่าวว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งนี้ ทุกภาคส่วนจะได้ทราบถึงปัญหาที่จังหวัดเชียงรายต้องเผชิญอยู่เป็นประจำ และต่อเนื่องทุกปี นั้นก็คือปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนทุกเพศและวัย และเป็นปัญหาที่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไข ซึ่งในเดือนมีนาคม 2566 สถานการณ์ของฝุ่นควันในจังหวัดเชียงรายมีค่าสูงมากถึง 523 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ และภายในอาทิตย์เดียว มีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลจากโรคทางเดินหายใจถึง 3,478 คน ปัญหาฝุ่นควันและมลพิษทางอากาศนี้ ส่งผลต่อสภาพสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดเชียงราย ปัญหาดังกล่าวมีความสำคัญยิ่ง และในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ COP28 ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีขนาดใหญ่ระดับรัฐบาลที่เน้นเรื่องการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2566 นั้น ได้มีการบรรจุประเด็นปัญหามลพิษทางอากาศ และ PM 2.5 เป็นวาระสำคัญในการหารือในที่ประชุมอีกด้วย
 
 
 
ด้วยเหตุนี้โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP จึงสนับสนุนขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยการบูรณาการแบบองค์รวม และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วน ซึ่งในปี 2566 โครงการได้สนับสนุนและสร้างเครือข่ายทางการเงินเพื่อการดำเนินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศ จึงได้จัดทำคู่มือการบูรณาการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (CC) และมิติเพศ และการมีส่วนร่วมทางสังคม (GSI) ในการวางแผนและการจัดทำงบประมาณในประเทศ (CC-GSI Handbook) เพื่อให้หน่วยงานในระดับต่างๆ ใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนงาน และงบประมาณที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มิติเพศและความมีส่วนร่วมทางสังคม อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต จึงเป็นที่มาของการร่วมมือกับโครงการ SDG Localization และสำนักงานจังหวัดเชียงราย ในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย
 
 
UNDP มีความมุ่งมั่นที่จะรักษาและพัฒนาความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานรัฐบาล ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคีเครือข่ายในทุกภาคส่วน โดยจะประสานเชื่อมโยงการทำงานระหว่างหน่วยงานในภาคส่วนต่างๆ ตลอดจนแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีในพื้นที่การทำงานต่างๆ ให้เกิดความต่อยอดความสำเร็จของหน่วยงานหรือจังหวัดนั้นๆ ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” เชียงรายจัดกิจกรรมถนนอย่างปลอดภัย

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2567 ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์เนื่องใน “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาคประชาสังคม เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ ภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนน มูลนิธิ และคณะครู นักเรียนวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย เข้าร่วม พร้อมถ่ายทอดสดการจัดกิจกรรมรณรงค์ฯ ร่วมกับส่วนกลาง ผ่านระบบ Zoom Meeting พร้อมกันทั่วประเทศ

ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 กำหนดให้วันที่ 21 มกราคมของทุกปีเป็นวันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดเชียงราย จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน ประจำปี พ.ศ. 2567 ของจังหวัดเชียงรายขึ้น เพื่อเป็นการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน
 
 
การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อลดการบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต จากอุบัติเหตุทางถนน โดยการสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัย เมื่อถึงทางข้าม ทางม้าลาย และสื่อสารวันความปลอดภัย ของผู้ใช้ถนนไปยังประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ให้ระลึกถึงความสูญเสียจากอุบัติเหตุ และร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ใช้ถนน เพื่อไปถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนไม่เกิน 12 คน ต่อประชากรแสนคนในปี พ.ศ. 2570
 
 
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนยังคงเป็นประเด็นที่น่ากังวล ซึ่งสร้างความสูญเสียในทุกระดับ ตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ การขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน จึงจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม อีกทั้งจำเป็นต้องเร่งสร้างการร่วมแรง ร่วมใจให้เกิดความตระหนักรู้สู่สาธารณชน
 
 
การที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ใช้รถใช้ถนนนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดำเนินการผลักดัน ประชาสัมพันธ์ และกำหนดมาตรการให้กับประชาชนทุกช่วงวัย ให้มีองค์ความรู้ในด้านการใช้รถ ใช้ถนนที่ปลอดภัยควบคู่กันไป และขอให้หน่วยงาน และภาคีเครือข่าย ได้กำหนดมาตรการให้กับบุคลากรในสังกัดปฏิบัติตามกฎจราจรเพื่อสร้างกระแสให้เกิดเป็นวัฒนธรรม ในการใช้รถ ใช้ถนนอย่างปลอดภัย และเพื่อประชาชนจะได้นำไปเป็นแบบอย่างที่ดี ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

“ครูเชียงรายเกมส์ ครั้งที่ 15” กีฬาเชื่อมความสามัคคี ‘สหพันธ์ครูเชียงราย’“ครูเชียงรายเกมส์ ครั้งที่ 15”

 

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2567  นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาสหพันธ์ “ครูเชียงรายเกมส์ ครั้งที่ 15” ณ สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย

 

โอกาสนี้ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ได้กล่าวในพิธีเปิด “การแข่งขันกีฬา ครูเชียงรายเกมส์ ครั้งที่ 15 ว่า “การแข่งขันกีฬาของสหพันธ์ครูเชียงราย เป็นการรวมพลังกลุ่มของข้าราชกาครูในจังหวัดเชียงรายให้เป็นหนึ่งเดียว ครู ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนการจัดการศึกษา ยกระดับคุณภาพการศึกษาที่มีตัวนักเรียนเป็นตัวขับเคลื่อน ด้วยร่างกายที่มีความพร้อมสมบูรณ์แข็งแรง สุขภาพจิตที่ดี มีน้ำใจ รู้รัก สามัคคี จึงมีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง จึงขอให้สหพันธ์ครูเชียงราย ดำเนินกิจกรรมนี้ให้ลุล่วงและประสบความสำเร็จไปด้วยนี้ทั้งครั้งที่ 15 และครั้งต่อๆ ไป
ทางด้าน ดร.อนวัช อุ่นกอง ประธานสหพันธ์ครูเชียงราย เปิดเผยว่า “การจัดการแข่งขันกีฬาสหพันธ์ “ครูเชียงราย เกมส์ ครั้งที่ 15” วัตถุประสงค์เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง มีระเบียบวินัย ระเบียบ ตามข้อปฏิบัติของข้าราชการครูแบะบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงเชื่อมความรัก ความสามัคคี สร้างขวัญกำลังใจ รวมถึงได้พบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน รวมถึงขับเคลื่อนภารกิจของสหพันธ์ครูเชียงราย ภายใต้สโลแกนที่ว่า “เรื่องของครูเราดูแล”
 
 
การจัดการแข่งขันกีฬาครูเชียงรายเกมส์ ครั้งที่ 15 ได้รับเงินสนับสนุนจ่ก สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเชียงราย จำกัด เป็นเงิน จำนวน 250,000 บาท นักกีฬาเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จากเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1-4, สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดเชียงราย, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 500 คน แบ่งเป็น 4 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล เซปักตระกร้อ และ เปตอง โดยได้รับความร่วมมือจากสมาพันธ์ครูจาก สพป.เชียงราย เขต 1-4 ในการฝึกซ้อมและคัดเลือกตัวแทนนักกีฬาทั้ง 4 ประเภทเข้าร่วมการแข่งขัน และร่วมชมร่วมเชียร์ ใช้สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย และสนามโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย เป็นสนามแข่งขัน
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เชียงราย พร้อมเปิดใช้ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 ที่ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ชั้น2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม เพื่อรายงานความคืบหน้าโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และการเตรียมความพร้อมในการเปิดใช้ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ อีกทั้งเพื่อรับทราบผลการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรค พร้อมทั้งร่วมวิเคราะห์แนวทางในการเปิดใช้ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวด้านการค้าชายแดน รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนของจังหวัดเชียงราย

 
 
สำหรับโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ ณ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ ติดกับด่านพรมแดนเชียงของ บริเวณสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่4 (เชียงของ – ห้วยทราย) มีเนื้อที่กว่า 335 ไร่ จัดตั้งขึ้นเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งระหว่างประเทศ ไปสู่ภายในประเทศ รองรับการเชื่อมต่อโครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ รองรับการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทาง R3a (ไทย – ลาว – จีนฝั่งตะวันตก) และเป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ อีกทั้งจะเป็นศูนย์ One Stop Service ดำเนินพิธีการที่เกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก รวมไว้ในจุดเดียว
 
 
ปัจจุบันโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าอำเภอเชียงของ มีการก่อสร้างระยะที่1 แล้วเสร็จและเปิดให้บริการ (Soft Opening) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2064 และก่อสร้างระยะที่2 เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2566 และจะมีการดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน (PPP) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาร่างสัญญาร่วมทุน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย ครั้งที่2 / 2567 ได้เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานเตรียมพร้อมการกำหนดแนวทางในการเปิดใช้ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งอำเภอเชียงของ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวด้านการค้าชายแดน รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนของจังหวัดเชียงรายต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

เชียงรายสรุป 3 วัน อุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2567 เสียชีวิตรวม 6 ราย บาดเจ็บรวม 22 ราย

 
วันที่ 1 มกราคม 2567 นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 ประจำวันที่ 1 มกราคม 2567 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อสรุปข้อมูลการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ณ ห้องประชุมอูหลง ชั้น3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย
 
 
โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้รายงานสถิติการเกิดอุบัติเหตุช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 29-31 ธันวาคม 2566 จังหวัดเชียงรายเกิดอุบัติเหตุรวม 28 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บรวม 22 ราย (เพศชาย 17 ราย หญิง 5 ราย) มีผู้เสียชีวิตรวม 6 ราย (เพศชาย 6 ราย ) สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกกันน็อก ประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดได้แก่รถจักรยานยนต์ และผู้ประสบอุบัติเหตุส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่
 
 
สำหรับผลการดำเนินงานตามมาตรการ 1ร. 2ส. 3ข. 4ม. (10 รสขม) มีผู้ถูกดำเนินคดีไม่สวมหมวกนิรภัยรวม 998 ราย ดื่มแล้วขับ จำนวน 80 ราย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จำนวน 21 ราย ไม่มีใบขับขี่ จำนวน 756 ราย และมาตรการอื่นๆรวมทั้งหมด 10 มาตรการ มีผู้ถูกดำเนินคดี จำนวนรวม 2,057 ราย
 
 
จากนั้นที่ประชุมได้สรุปผลการปฏิบัติงานของการชุมชน ชุดเคลื่อนที่เร็ว และข้อมูลของด่านชุมชน ผลการรักษา รวมถึงการเยียวยาผู้ประสบเหตุ พร้อมกันนี้ในที่ประชุมได้ร่วมวิเคราะห์หาสาเหตุ ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมทั้งได้ร่วมกันกำหนดแนวทางป้องกันการแก้ไข เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 นี้
 
 
ด้านนางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประธานการประชุม ได้เน้นย้ำให้ผู้ปฏิบัติงานเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติหน้าที่ ช่วยกันดูแลและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้มากที่สุด
 

โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 หรือศปถ. สรุปอุบัติเหตุ 3 วันปีใหม่ ยอดเสียชีวิตรวม 128 คน พร้อม กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดูแลกวดขันการจราจร และเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน อย่างต่อเนื่อง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการรณรงค์ ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ โดยวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุ 424 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 416 คน ผู้เสียชีวิต 51 ราย

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์

ทั้งนี้สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วันของการรณรงค์ คือ 29 – 31 ธันวาคม เกิดอุบัติเหตุรวม 1,150 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 1,151 คน ผู้เสียชีวิต รวม 128 คน

จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ กาญจนบุรี 44 ครั้ง ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร รวม 8 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือตายเป็นศูนย์ มี 22 จังหวัด

สำหรับวันนี้ ยังอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ประชาชนบางส่วนยังคงเดินทางท่องเที่ยวและทำบุญตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงประชาชนส่วนใหญ่เดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจในภาคต่าง ๆ ทำให้เส้นทางหลักและเส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด มีปริมาณรถหนาแน่น

ศปถ. จึงได้ประสานจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องในเส้นทางสายต่าง ๆ โดยเฉพาะเส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านและอำเภอ ซึ่งประชาชนใช้เป็นทางลัดออกสู่ถนนสายหลัก พร้อมคุมเข้มผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย รวมถึงประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการขับรถเร็วและง่วงหลับใน นอกจากนี้ ให้ดูแลความปลอดภัยของประชาชนบริเวณสถานีขนส่ง ตรวจสอบพนักงานขับรถและสภาพรถโดยสารให้มีความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News