Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นวัตกรรม NbS และพลังศิลปะ ทางรอดใหม่ของเชียงรายท่ามกลางปัญหาน้ำท่วมและ PM2.5 ปี 2568

ส่องความร่วมมือ IKI-RECOFTC ปั้นเชียงรายต้นแบบเมืองยืดหยุ่นด้วยธรรมชาติและงานศิลป์

เชียงราย, 20 ธันวาคม 2568 –เดือนธันวาคมที่ลมหนาวพัดผ่านตัวเมืองเชียงราย เสียงฝีเท้าผู้คนหลั่งไหลเข้าสู่ Central Art Gallery ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ไม่ใช่เพียงเพื่อชมงานศิลปะทั่วไป แต่คือการมองหาคำตอบว่า “เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้จะอยู่รอดอย่างไรท่ามกลางภัยโลกรวน” ในนิทรรศการที่มีชื่อยาวแต่คมชัดว่า
“Urban Resilience Art Exhibition ธรรมชาติ นิเวศ วิถี ผู้คน เมืองเชียงราย”

นิทรรศการศิลปะเชิงสังคมครั้งนี้จัดแสดงระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2568 ถึง 6 มกราคม 2569 เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี และถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าพื้นที่จัดแสดงภาพวาดหรือผลงานศิลป์ หากแต่เป็น “ห้องทดลองทางความคิด” ของทั้งศิลปิน นักวิชาการ ภาคประชาชน และหน่วยงานท้องถิ่น ที่ต้องการหาทางออกให้เมืองเชียงรายท่ามกลางวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและถี่ขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ศิลปะในห้างสรรพสินค้า ด่านหน้าใหม่ของการสื่อสารเรื่องภัยสภาพภูมิอากาศ

นิทรรศการ Urban Resilience Art Exhibition เกิดจากความร่วมมือของ รีคอฟ ประเทศไทย (RECOFTC Thailand) ภายใต้โครงการ Urban Resilience Building and Nature (URBAN) ร่วมกับกลุ่มศิลปินขัวศิลปะ เครือข่ายศิลปินเชียงราย และองค์กรภาคีในจังหวัด โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก แผนงานป้องกันสภาพภูมิอากาศระดับสากล (International Climate Initiative: IKI) สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี

ท่ามกลางโถงกว้างของห้างสรรพสินค้า ผลงานศิลปะกว่า 50 ชิ้น จากศิลปินเชียงรายมากกว่า 30 คน รวมถึงผลงานของศิลปินแห่งชาติ ถูกจัดวางอย่างประณีต ทั้งภาพวาด จิตรกรรม ประติมากรรม และงานศิลปะจัดวาง (installation) ที่เล่าเรื่องเดียวกันในหลากหลายมุมมอง – เรื่องของสายน้ำ ป่าเขา ความหลากหลายทางชีวภาพ และชีวิตผู้คนที่พึ่งพาธรรมชาติ

ศิลปะแต่ละชิ้นไม่ได้หยุดอยู่เพียงความงามของภูมิทัศน์เมืองเหนือ หากยังสะท้อน “รอยแผล” จากน้ำท่วมใหญ่ ไฟป่า หมอกควัน PM2.5 และเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เชียงรายเผชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพของถนนสายหลักที่กลายเป็นทางน้ำ ภาพโครงสร้างพื้นฐานที่เบียดบังพื้นที่ชุ่มน้ำ และเงาร่างของคนตัวเล็ก ๆ ที่ต้องรับภาระจากการพัฒนาที่ละเลยต้นทุนทางธรรมชาติ ถูกเล่าออกมาด้วยภาษาศิลปะที่ตรงไปตรงมาแต่ทรงพลัง

นิทรรศการจึงทำหน้าที่เป็น “สื่อกลาง” ระหว่างวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมกับความรู้สึกของผู้คน – ทำให้คำที่ดูไกลตัวอย่าง “การปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ (adaptation)” หรือ “แนวทางแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-based Solutions: NbS)” กลายเป็นสิ่งที่มองเห็นและเข้าใจได้ผ่านภาพ สี และเรื่องเล่า

URBAN ใช้ต้นทุนธรรมชาติกู้เมืองเชียงราย

เบื้องหลังนิทรรศการนี้ คือโครงการ เสริมสร้างขีดความสามารถเมืองและธรรมชาติในการตั้งรับปรับตัวต่อผลกระทบจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศ” หรือ URBAN ที่ดำเนินงานในตัวเมืองเชียงรายตั้งแต่ปี 2567 โดยร่วมกับภาคีหลายฝ่ายศึกษาข้อมูลพื้นที่สีเขียว พื้นที่ชุ่มน้ำ แม่น้ำ และพื้นที่สาธารณะที่ยังเหลืออยู่ในเมือง

ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่ URBAN รวบรวม – ตั้งแต่แนวลำน้ำสาขาของแม่น้ำกก แหล่งน้ำประจำชุมชน พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดเล็ก ไปจนถึงสวนสาธารณะและเกาะกลางถนน – ถูกใช้เป็นฐานในการออกแบบ แนวทาง NbS เพื่อทำให้เมืองมี “ความยืดหยุ่น” (resilience) ต่อภัยพิบัติ เช่น การใช้แนวต้นไม้ริมลำน้ำช่วยชะลอน้ำหลาก การอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำเป็นแก้มลิงธรรมชาติ หรือการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในชุมชนเพื่อลดอุณหภูมิในเมือง

นิทรรศการจึงไม่ใช่เพียงการประชาสัมพันธ์โครงการ แต่เป็นการชวนชุมชนเมืองเชียงรายมามีส่วนร่วม “ตีความเมืองของตนเองใหม่” เห็นคุณค่าของต้นทุนทางธรรมชาติที่ยังเหลืออยู่ และคิดร่วมกันว่าจะใช้มันอย่างไรให้เมืองอยู่รอดในยุคโลกร้อน

ในวันเปิดนิทรรศการ ยังมีวงเสวนา เมืองในธรรมชาติ ธรรมชาติในเมือง” ที่นำโดยตัวแทนจากชุมชนดอยพระบาท นักวิชาการจากมหาวิทยาลัย ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศอย่าง IUCN ตัวแทนจากมูลนิธิมดชนะภัย รวมถึงผู้แทนเทศบาลนครเชียงราย มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติด้วย NbS โดยมีรีคอฟ ประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินรายการ

หนึ่งในสารสำคัญจากวงเสวนา คือการย้ำว่าการสร้างเมืองที่ทนทานต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ไม่สามารถทำได้ด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพียงอย่างเดียว แต่ต้องผสาน วิทยาศาสตร์–สังคมวัฒนธรรม–การพัฒนาเมือง–และการสื่อสาร เข้าด้วยกัน และเปิดพื้นที่ให้ชุมชนมีส่วนร่วมตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการลงมือทำ

เสียงจากศิลปินและผู้นำท้องถิ่น เมื่อศิลปะไม่ใช่แค่ “ภาพสวย” แต่คือคำประกาศเจตจำนงของเมือง

บรรยากาศในห้องแสดงงานเงียบสงบแต่เต็มไปด้วยการสนทนา หลายคนยืนนิ่งอยู่หน้าภาพวาดหมู่บ้านริมแม่น้ำที่กำลังเผชิญน้ำท่วม บ้างหยุดดูประติมากรรมที่ใช้เศษวัสดุจากเมืองมาจัดวางให้กลายเป็นภูเขาที่ถูกตัดหัว ทั้งหมดนี้สะท้อนมุมมองของศิลปินต่อเมืองที่ตนรัก

นายสุวิทย์ ใจป้อม ที่ปรึกษาสมาคมขัวศิลปะและหนึ่งในศิลปินที่ร่วมจัดแสดงผลงาน อธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัญหาที่เชียงรายเผชิญไม่ใช่เพียงเรื่องสิ่งแวดล้อม

“มันเกี่ยวข้องกับปากท้อง สุขภาพ เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และความมั่นคงของชุมชนทั้งหมด นิทรรศการนี้จึงไม่ใช่แค่การโชว์ศิลปะ แต่คือการประกาศเจตจำนงร่วมกันของศิลปินเชียงรายว่า เราจะลุกขึ้นมาพูด ลุกขึ้นมาทำ และชวนชุมชนให้ลุกขึ้นมาร่วมกัน เพราะเชียงรายคือบ้านของเรา และธรรมชาติไม่ใช่ของที่มีไว้ใช้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งที่เราต้องดูแลและส่งต่อให้ดีกว่าเดิม”

คำกล่าวของเขาชี้ให้เห็นว่าศิลปินไม่ได้มองตนเองเป็นเพียงผู้สร้างผลงาน แต่เป็น “ผู้ส่งสัญญาณเตือนภัย” ต่อสังคม ผ่านภาษาที่เข้าถึงอารมณ์ของผู้ชมโดยตรง

ด้าน นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย มองบทบาทของศิลปะในมิติของการสร้างการมีส่วนร่วมและผู้นำรุ่นใหม่

“ผมมั่นใจว่าศิลปะจากพี่น้องศิลปินเชียงรายจะช่วยจูงใจคน ทำให้เกิดปราชญ์ชาวบ้านและเยาวชนรุ่นใหม่ที่รักธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และคิดวางแผนจัดการปัญหาได้สอดคล้องกับตัวตนของเชียงราย เมืองของเราจำเป็นต้องปรับตัวให้เป็นเมืองน่าอยู่ในสภาวะโลกที่กำลังเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว”

มุมมองดังกล่าวสะท้อนว่าท้องถิ่นไม่ได้มองศิลปะเป็นเพียงงานวัฒนธรรมที่อยู่ปลายทาง หากแต่เป็นเครื่องมือหนึ่งในการบริหารจัดการเมืองและสร้าง “จิตสำนึกสาธารณะ” ให้กับคนในชุมชน

เมืองเปลี่ยน ธรรมชาติเปลี่ยน แต่โอกาสในการปรับตัวก็เปลี่ยนเช่นกัน

ตัวแทนจากโครงการ URBAN อย่าง ภัคเกษม ธงชัย เจ้าหน้าที่แผนงานด้านน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ (ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเวทีเสวนา) ชี้ให้เห็นความคาดหวังระยะยาวว่า แม้โครงการจะมีกำหนดสิ้นสุดในปี 2571 แต่สิ่งที่หวังคือ “ต้นทุนทางความรู้และต้นทุนทางสังคม” ที่จะถูกส่งต่อให้เมืองขับเคลื่อนได้เอง

สารที่ถูกย้ำในเวที คือ

  • วิทยาศาสตร์สามารถช่วยให้เรารู้ว่าเมืองกำลังเผชิญอะไร และมีความเสี่ยงอย่างไร
  • ศิลปะและการสื่อสารหลากรูปแบบช่วยให้ผู้คน “รู้สึก” กับปัญหา และพร้อมลุกขึ้นมาร่วมมือ
  • องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเทศบาลนครเชียงราย มีบทบาทสำคัญในการประสานการทำงานของทุกภาคส่วน ให้เห็นเป้าหมายเดียวกันเรื่องการลดความเสี่ยงภัยพิบัติและอนุรักษ์ธรรมชาติในเมือง

เมื่อผนวกกับการสนับสนุนจากองค์กรภายนอก ทั้ง IUCN, ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง, ศูนย์เตรียมความพร้อมภัยพิบัติแห่งเอเชีย, สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, กรมทรัพยากรน้ำ และหน่วยงานด้านทรัพยากรธรรมชาติระดับจังหวัด ภาพของ “ห้องทดลองเชียงราย” จึงเริ่มชัดขึ้นว่า เมืองนี้กำลังใช้ทั้ง องค์ความรู้–ศิลปะ–และพลังชุมชน เพื่อออกแบบเส้นทางสู่ความยั่งยืนของตนเอง

นิทรรศการที่ไม่จบลงแค่วันที่ปิดงาน

แม้นิทรรศการ Urban Resilience Art Exhibition จะมีกำหนดปิดในวันที่ 6 มกราคม 2569 แต่โจทย์สำคัญที่งานพยายามตั้งคำถามต่อผู้เข้าชม คือ “หลังจากเดินออกจากห้องจัดแสดงแล้ว เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อลดความเปราะบางของเมืองและเพิ่มความยืดหยุ่นให้เชียงราย”

การเลือกจัดงานในศูนย์การค้าใจกลางเมือง ทำให้กลุ่มเป้าหมายไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะคนรักศิลปะหรือผู้สนใจสิ่งแวดล้อมโดยตรง แต่เปิดกว้างถึงครอบครัว คนทำงาน และเยาวชนที่มาเดินห้างในวันหยุด เมื่อนิทรรศการตั้งอยู่ในเส้นทางการสัญจรประจำวัน ภาพของสายน้ำ ป่าเขา และเมืองที่กำลังเปลี่ยนไปจึงแทรกซึมสู่สายตาผู้คนโดยไม่ต้อง “ตั้งใจมาหา”

ในมุมเศรษฐกิจ นิทรรศการอาจไม่ได้สร้างเม็ดเงินโดยตรงมากเท่ากับงานเทศกาลขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่า คือการสร้าง “ทุนทางสังคมและทุนทางความคิด” ให้คนเชียงรายมองเห็นว่า เมืองที่น่าอยู่ในยุคโลกรวนต้องเริ่มต้นจากการเคารพต้นทุนทางธรรมชาติที่มีอยู่ และพร้อมร่วมมือกันดูแลให้ยั่งยืน

ในระดับนโยบาย ผลของการศึกษาและบทเรียนจากโครงการ URBAN ที่ผนวกเข้ากับการรับฟังเสียงชุมชนผ่านกระบวนการศิลปะ อาจกลายเป็นฐานข้อมูลสำคัญสำหรับการวางผังเมือง การจัดการพื้นที่สีเขียว การอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ และการเตรียมความพร้อมด้านภัยพิบัติของเชียงรายในอนาคต

นิทรรศการจึงไม่ใช่จุดจบของโครงการ หากแต่เป็น “จุดเชื่อมต่อ” ระหว่างงานวิจัยเชิงเทคนิคกับชีวิตจริงของผู้คน และเป็นเวทีประกาศว่า เมืองเชียงรายพร้อมจะก้าวสู่การเป็นเมืองที่ “ธรรมชาติอยู่ได้ เมืองอยู่รอด คนอยู่ดี” ด้วยพลังของทั้งศิลปะและความรู้ทางวิทยาศาสตร์

ศิลปะกู้เมืองในยุคโลกรวน

เมื่อโลกเผชิญวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เมืองต่าง ๆ ทั่วโลกต่างเร่งเตรียมความพร้อมด้วยเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และแผนบริหารจัดการความเสี่ยง แต่กรณีของเชียงรายแสดงให้เห็นว่า “ศิลปะและวัฒนธรรม” ก็สามารถเป็นอีกหนึ่งเสาหลักของความยืดหยุ่นเมืองได้เช่นกัน

Urban Resilience Art Exhibition ไม่ได้ให้คำตอบสำเร็จรูปว่าเชียงรายควรเดินไปทางไหน หากแต่ตั้งคำถามชัดเจนว่า หากเราไม่เริ่มลงมือวันนี้ เมืองที่เรารักอาจกลายเป็นพื้นที่เปราะบางยิ่งขึ้นในอนาคต การรวมพลังของศิลปิน ภาคีเครือข่าย นักวิชาการ หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน ผ่านนิทรรศการในห้างใจกลางเมือง จึงเป็นสัญญาณว่าเชียงรายเลือก “หันหน้าเข้าหากัน” เพื่อออกแบบอนาคตร่วมกัน มากกว่าจะยอมปล่อยให้ภัยพิบัติและการพัฒนาที่ไม่คำนึงถึงธรรมชาติเป็นผู้กำหนดทิศทาง

สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเดินเข้าไปใน Central Art Gallery ชั้น G เซ็นทรัล เชียงราย นิทรรศการที่เปิดให้ชมฟรีจนถึงวันที่ 6 มกราคม 2569 อาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราจะมีส่วนอย่างไรในการทำให้เมืองและธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน” และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยิ่งกว่าผลงานศิลปะชิ้นใดในห้องจัดแสดงก็เป็นได้

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • เทศบาลนครเชียงราย
  • องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN), กรมทรัพยากรน้ำ, ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง, ศูนย์เตรียมความพร้อมภัยพิบัติแห่งเอเชีย, สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย, สมาคมขัวศิลปะ, พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย, กลุ่มศิลปินสายน้ำกก และมูลนิธิมดชนะภัย
  • Central Art Gallery ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ZINEWICH นิทรรศการศิลปะเชียงราย ดึงอดีต สู่เรื่องเล่าใหม่ สร้างแรงบันดาลใจเยาวชน

เชียงราย เมืองศิลปะที่ไม่หยุดนิ่ง กับบทบาทของ “ZINEWICH” นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย เชื่อมอดีต สร้างเรื่องเล่าใหม่ของเชียงราย

เชียงราย, 6 กรกฎาคม 2568 – ในขณะที่โลกหมุนไปข้างหน้าและวัฒนธรรมท้องถิ่นเสี่ยงต่อการจางหาย จังหวัดเชียงรายกลับเลือกขับเคลื่อนอดีตให้เป็นส่วนหนึ่งของปัจจุบันและอนาคต ผ่านนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย “ZINEWICH” แอ่วของเก่า เล่าของใหม่ ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย ใจกลางเมืองเชียงราย งานนี้ไม่ใช่แค่การเปิดพื้นที่ให้ศิลปินรุ่นใหม่ แต่เป็น “การปักหมุด” ให้เชียงรายบนแผนที่เมืองศิลปะของไทยอย่างแท้จริง

ที่ผ่านมา นิทรรศการ “ZINEWICH” ได้รับเกียรติจากนายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย ผู้แทนนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เข้าร่วมในกิจกรรมท่ามกลางนักเรียน นักประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยว ศิลปิน และผู้หลงใหลศิลปะท้องถิ่นที่หลั่งไหลเข้าร่วมอย่างคึกคัก งานนี้ไม่เพียงแต่เติมสีสันให้เมืองเชียงรายในช่วงฤดูฝน แต่ยังสร้างบทสนทนาระหว่าง “อดีต” และ “ปัจจุบัน” ผ่านสายตาของคนรุ่นใหม่ที่ไม่จำกัดอยู่ในกรอบเดิม

บ้านสิงหไคลจากเรือนเก่า สู่ศูนย์กลางศิลปะร่วมสมัย

บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย เป็นมากกว่าบ้านโบราณหรือพิพิธภัณฑ์ ด้วยภารกิจส่งเสริมการเรียนรู้และรณรงค์เรื่องสถาปัตยกรรมกับภัยพิบัติ ที่แห่งนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นจุดนัดพบของกิจกรรมทางสังคมและศิลปวัฒนธรรม บ้านสิงหไคลยืนหยัดเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักสร้างสรรค์ท้องถิ่นและนักเรียน นักศึกษา เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้สัมผัสผลงานศิลปะหมุนเวียนตลอดปีและเป็นจุดตั้งต้นของการสืบสานวัฒนธรรมด้วยวิธีใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัล

“Illus Illy” พลังใหม่ของวงการสร้างสรรค์เชียงราย

เบื้องหลังนิทรรศการ “ZINEWICH” คือกลุ่ม “Illus Illy” ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของศิลปินรุ่นใหม่ในเชียงรายเมื่อปี 2565 พวกเขาเชื่อว่าศิลปะคือสะพานที่เชื่อมอดีตและอนาคต โดยไม่ผูกติดกับขนบเดิม กลุ่มนี้เคยสร้างชื่อในเทศกาลสำคัญอย่าง Chiangrai Sustainable Design Week (CRSDW) และงาน Collateral event ในมหกรรม Thailand Biennale, Chiangrai 2023 จุดยืนสำคัญของ Illus Illy คือการผลักดัน “ศิลปะที่เล่าเรื่องท้องถิ่น” ให้กลายเป็นสิ่งร่วมสมัย ผ่านงานวาด ภาพประกอบ และหนังสือทำมือขนาดเล็ก (Zine)

“ZINEWICH”หนังสือเล่มเล็กกับการเล่าเรื่องใหญ่

ไฮไลต์ของนิทรรศการนี้อยู่ที่ Zine หรือหนังสือทำมือขนาดเล็กและภาพประกอบจาก 16 นักสร้างสรรค์ ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตเชียงรายในมุมมองร่วมสมัย “ZINEWICH” ไม่เพียงเป็นเวทีให้ศิลปินท้องถิ่นทดลองและถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ แต่ยังเชิญชวนให้ผู้ชมโดยเฉพาะเยาวชน “อ่าน” และ “สัมผัส” ประวัติศาสตร์ในรูปแบบที่จับต้องได้

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “อิล-ลี-ลี้ อิลัสเชียงราย แอ่วของเก่า เล่าของใหม่” ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม สะท้อนถึงการบูรณาการนโยบายของรัฐกับพลวัตศิลปะร่วมสมัยในพื้นที่จริง

นายวิญญู ทองทัน ตัวแทน อบจ.เชียงราย กล่าวว่า “นิทรรศการนี้เป็นการผสานอดีตกับปัจจุบันอย่างสร้างสรรค์ ช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรม ไม่ใช่แค่เรียนจากตำรา แต่ได้สัมผัสผ่านมุมมองร่วมสมัย ซึ่ง อบจ. พร้อมสนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์เช่นนี้ให้ต่อเนื่อง”

ศิลปะร่วมสมัยพลังขับเคลื่อนเมืองและผู้คน

ความสำคัญของ “ZINEWICH” ไม่ได้อยู่แค่ในตัวผลงานศิลปะ แต่ยังอยู่ที่การขยายพื้นที่ศิลปะในสังคมเชียงราย ศิลปินและนักเรียนที่เข้าร่วม ได้เรียนรู้การสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกัน และการเล่าเรื่องอดีตให้คนรุ่นใหม่สนใจ

การใช้ Zine เป็นสื่อกลางในครั้งนี้ช่วยลดช่องว่างระหว่างประวัติศาสตร์กับผู้ชม ศิลปะจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับนักเรียนหรือประชาชนอีกต่อไป นิทรรศการนี้เปิดให้เข้าชมฟรี กลางเมืองเชียงราย ทำให้ทั้งนักท่องเที่ยว นักเรียน และชุมชนเข้าถึงได้ง่าย ส่งผลดีต่อการสร้างเมืองศิลปะและท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ผลลัพธ์และความยั่งยืนศิลปะกับการพัฒนาเมืองเชียงราย

นิทรรศการ “ZINEWICH” เป็นตัวอย่างของการนำอดีตมาหลอมรวมกับปัจจุบันอย่างสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายมากกว่าการโชว์ผลงาน นั่นคือการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้เยาวชนเชียงรายตระหนักถึงรากเหง้าของตนเอง พร้อมเปิดกว้างรับความคิดใหม่ๆ จากศิลปะร่วมสมัย เชียงรายในวันนี้กำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนผ่านของการเป็น “เมืองศิลปะ” ที่เชื่อมโยงรากวัฒนธรรมกับโลกสมัยใหม่

นิทรรศการ “ZINEWICH” แอ่วของเก่า เล่าของใหม่ จัดแสดงระหว่างวันที่ 6 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2568 ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย เปิดให้ชมฟรี (เว้นวันจันทร์) 10.00-16.00 น.

ข้อคิดและคำถามถึงสังคม

“คุณคิดว่าการนำเสนอประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมผ่านศิลปะที่เข้าถึงง่ายเช่นนี้ จะกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่สนใจรากเหง้าของตนเองได้หรือไม่ และเชียงรายจะก้าวเป็นเมืองศิลปะอย่างยั่งยืนได้อย่างไร?”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย
  • กลุ่ม Illus Illy
  • กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“ฅนพาน” โชว์ศิลป์! นิทรรศการใจกลางเซ็นทรัลเชียงราย

เชียงรายเปิดนิทรรศการ “ความในใจ ของ ฅนพาน” สะท้อนพลังศิลปะท้องถิ่นสู่เวทีสาธารณะ

เชียงราย, 3 เมษายน 2568 – กลุ่มศิลปินพานร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย เปิดนิทรรศการศิลปะ “ความในใจ ของ ฅนพาน” (PHAN ARTIST Art Exhibition) อย่างเป็นทางการ ณ Central Art Gallery ชั้น G โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานศิลปะจากศิลปินในอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย พร้อมเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้สนใจร่วมสัมผัสพลังความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินท้องถิ่น ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม 2568

เปิดงานอย่างเป็นทางการโดยวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

พิธีเปิดนิทรรศการจัดขึ้นในวันที่ 3 เมษายน 2568 โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ได้แก่ นายสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย และนายพิชิต สิทธิวงศ์ ผู้อำนวยการ Central Art Gallery ร่วมให้การต้อนรับ

ภายในงานยังมีศิลปินชื่อดังร่วมจัดแสดงผลงานในฐานะศิลปินรับเชิญ ได้แก่ สุวิทย์ ใจป้อม, กำธร สีฟ้า และทนงศักดิ์ ปากหวาน ร่วมด้วยศิลปินกลุ่มพานจำนวน 19 ท่าน ที่นำเสนอผลงานรวมทั้งหมด 69 ชิ้น สะท้อนความหลากหลายทางแนวคิดและเทคนิคการสร้างสรรค์

กลุ่มศิลปินพาน: พลังสร้างสรรค์จากชุมชนสู่ศิลปะเมือง

กลุ่มศิลปินพานได้รวมตัวกันจากความตั้งใจของศิลปินในอำเภอพาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศิลปินกระจายตัวอยู่เป็นจำนวนมาก ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์งานศิลป์ เพื่อยกระดับอัตลักษณ์ท้องถิ่น” โดยเน้นการแสดงออกถึงรากเหง้าวัฒนธรรม วิถีชีวิต และมุมมองของคนในพื้นที่ผ่านงานจิตรกรรม ประติมากรรม และศิลปะร่วมสมัย

หนึ่งในสมาชิกกลุ่มศิลปินพาน กล่าวว่า “พวกเราต้องการให้พื้นที่ศิลปะในเชียงรายเปิดกว้าง ไม่เฉพาะแค่ศิลปินชื่อดังระดับประเทศเท่านั้น แต่ศิลปินท้องถิ่นก็มีสิทธิ์แสดงออกและมีเวทีเพื่อพูดความในใจของตนเองผ่านผลงานศิลป์”

เชียงราย: เมืองศิลปะที่เติบโตจากรากฐานวัฒนธรรม

จังหวัดเชียงรายได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองศิลปะ” มาโดยตลอด โดยมีศิลปินจำนวนมากอาศัยอยู่ในจังหวัดและมีชื่อเสียงระดับประเทศ อาทิ อ.ถวัลย์ ดัชนี, อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และศิลปินร่วมสมัยอีกมากมาย ทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ และการสนับสนุนทางศิลปวัฒนธรรม

การจัดนิทรรศการ “ความในใจ ของ ฅนพาน” ครั้งนี้ จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของการส่งเสริมให้ศิลปะกระจายตัวจากเมืองสู่ชนบท และเปิดโอกาสให้ศิลปินหน้าใหม่ได้แสดงศักยภาพต่อสายตาสาธารณะชน

สนับสนุนโดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย: พื้นที่แห่งโอกาส

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ในฐานะเจ้าภาพจัดงาน ได้จัดพื้นที่ Central Art Gallery ให้เป็นเวทีแสดงผลงานศิลปะจากท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับสังคมเมือง ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และเป็นศูนย์กลางกิจกรรมวัฒนธรรมของจังหวัด

นายพิชิต สิทธิวงศ์ ผู้อำนวยการ Central Art Gallery กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับกลุ่มศิลปินพานเข้าสู่นิทรรศการในครั้งนี้ เพราะนี่คือศิลปะที่มีชีวิต สะท้อนความเป็นตัวตนของชาวพานได้อย่างแท้จริง”

เปิดประตูให้คนทั่วไปเข้าถึงศิลปะ

นิทรรศการ “ความในใจ ของ ฅนพาน” เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตลอดช่วงเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่อาจไม่คุ้นเคยกับโลกศิลปะ ได้สัมผัสงานศิลป์คุณภาพใกล้ชิด และเรียนรู้ความหลากหลายของมุมมองที่แฝงอยู่ในผลงานแต่ละชิ้น

หนึ่งในผู้เข้าชมงานให้ความเห็นว่า “ผลงานแต่ละชิ้นบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างลึกซึ้ง แม้ไม่ใช่คนพานก็สามารถเข้าใจและสัมผัสความรู้สึกที่ศิลปินต้องการถ่ายทอดได้”

ความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย: มุมมองที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์

ฝ่ายสนับสนุน นิทรรศการเห็นว่าเป็นการเปิดพื้นที่ให้ศิลปินท้องถิ่นได้มีเวที และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในจังหวัด อีกทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนหันมาสนใจศิลปะมากขึ้น

ฝ่ายที่มีข้อกังวล บางส่วนแสดงความเห็นว่านิทรรศการควรมีแนวทางส่งเสริมการขายผลงาน หรือจัดอบรมศิลปะควบคู่เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจแก่ศิลปินท้องถิ่นในระยะยาว มิใช่แค่การจัดแสดงเพียงครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า การเปิดพื้นที่ศิลปะควรดำเนินต่อไป และมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับความต้องการของศิลปินและประชาชน

บทสรุป

นิทรรศการ “ความในใจ ของ ฅนพาน” นับเป็นอีกหนึ่งหลักฐานของความเข้มแข็งของศิลปะท้องถิ่นที่กำลังเติบโตในจังหวัดเชียงราย แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ศิลปิน และชุมชน ในการขับเคลื่อนศิลปวัฒนธรรมสู่ประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัด และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในระดับที่จับต้องได้ ซึ่งจะส่งผลต่อความยั่งยืนในระยะยาวของภาคศิลปะในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • จำนวนศิลปินในจังหวัดเชียงราย: มากกว่า 1,200 คน (ข้อมูลจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, 2566)
  • มูลค่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในภาคเหนือ: กว่า 3,500 ล้านบาท/ปี (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์, 2566)
  • จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าชมงานนิทรรศการศิลปะในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ปี 2566: กว่า 85,000 คน (ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เซ็นทรัลเชียงราย)
  • จำนวนศิลปินในอำเภอพานที่ร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานรัฐและเอกชนในรอบ 5 ปี: 178 คน (ข้อมูลจากกลุ่มศิลปินพาน, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)
  • ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย
  • กลุ่มศิลปินพาน
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ศิลปินเชียงรายจัดนิทรรศการ Red Mud, Green Shoots ฟื้นฟูหลังน้ำท่วม

นิทรรศการ “Red mud, Green shoots” เชียงราย เปิดตัวผลงานศิลปะ 28 ศิลปินแม่ญิง สะท้อนความหวังท่ามกลางโคลนตม

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.00 น. ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ Red mud, Green shoots (Resilience and regrowth) โดยกลุ่มศิลปิน Maeying Artists Collective ซึ่งประกอบด้วยศิลปินหญิง 28 คนจากเชียงรายและพื้นที่อื่นๆ นิทรรศการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสะท้อนความหวังและความเข้มแข็งของชุมชนที่เผชิญกับ อุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2567

แนวคิดและแรงบันดาลใจของนิทรรศการ

นิทรรศการ Red mud, Green shoots เกิดขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เชียงรายและพื้นที่ภาคเหนือในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2567 ทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงทั้งต่อพื้นที่การเกษตร บ้านเรือน และธุรกิจในท้องถิ่น เมื่อน้ำลดลง พื้นที่หลายแห่งถูกปกคลุมไปด้วยโคลนสีแดง แต่ท่ามกลางความสูญเสีย กลับมี ความหวัง ที่ผลิบานขึ้นจากน้ำใจและการช่วยเหลือของผู้คน

ศิลปินหญิงจากกลุ่ม Maeying Artists Collective ได้นำเอาความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้พบเจอระหว่างเหตุการณ์น้ำท่วม มาสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะหลากหลายเทคนิค ทั้งภาพวาด จิตรกรรม และสื่อผสม เพื่อถ่ายทอดความเข้มแข็งและการฟื้นฟูจิตใจของชุมชน

กิจกรรมและการแสดงผลงานศิลปะ

นิทรรศการจัดแสดงผลงานตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน ถึง 21 ธันวาคม 2567 เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. ยกเว้นวันจันทร์ โดยมีผลงานกว่า 28 ชิ้นจากศิลปินหญิงที่มีชื่อเสียงของเชียงราย เช่น สมลักษณ์ ปันติบุญ และ สมพงษ์ สารทรัพย์ รวมถึงการเสวนาและการแสดงผลงานศิลปะเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ที่เข้าชมงาน

สะท้อนความหวังผ่านศิลปะ

ศิลปินผู้เข้าร่วมแสดงงานเล่าว่า การสร้างผลงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสะท้อนถึงเหตุการณ์น้ำท่วม แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง ความสามัคคี และการฟื้นฟูของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ ศิลปินหญิงทั้ง 28 คนได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานที่เต็มไปด้วยพลังบวก เพื่อส่งต่อกำลังใจให้กับผู้ที่เผชิญความยากลำบาก

ส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมในท้องถิ่น

นิทรรศการครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงผลงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย โดยมีการเชิญชวนนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเข้าชมงาน เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนและสนับสนุนการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่า “นิทรรศการครั้งนี้เป็นการรวมพลังของชุมชนและศิลปินในการสร้างความหวังและกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัย เราหวังว่าการจัดแสดงผลงานศิลปะในครั้งนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้กับทุกคน”

ข้อมูลเพิ่มเติม

นิทรรศการจัดขึ้น ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย เชียงราย ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณพจวรรณ พันธ์จินดา โทร. 084-115-0396

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. นิทรรศการนี้จัดขึ้นเพื่ออะไร?
    เพื่อสะท้อนความหวังและการฟื้นฟูจิตใจของชุมชนหลังเผชิญอุทกภัยที่เชียงราย

  2. สามารถเข้าชมงานได้เมื่อใด?
    ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม 2567 เวลา 10.00-16.00 น. ยกเว้นวันจันทร์

  3. นิทรรศการนี้มีผลงานของศิลปินกี่ท่าน?
    มีผลงานจากศิลปินหญิงทั้งหมด 28 ท่าน

  4. มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมหรือไม่?
    ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม

  5. นิทรรศการจัดขึ้นที่ไหน?
    บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย ถนนสิงหไคล อำเภอเมืองเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ชมจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 ณ เชียงราย

เชิญชมผลงานนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 ณ เชียงราย

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ได้มีพิธีเปิดนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 อย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจากนายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี ร่วมกับผู้ชมและผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการที่มาร่วมเยี่ยมชมผลงานจิตรกรรมที่ได้รับการคัดเลือกจากการประกวดถึง 81 ผลงาน

ภายในงานนี้ยังได้มีการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “กว่า 4 ทศวรรษ จิตรกรรมบัวหลวง” โดยศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติที่มอบความรู้และแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะไทย นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ส่งเสริมการสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยในท้องถิ่นเชียงราย และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่สนใจงานศิลปะ

การประกวดจิตรกรรมบัวหลวง: เวทีสำหรับศิลปินรุ่นใหม่

มูลนิธิบัวหลวงได้จัดการประกวดจิตรกรรมบัวหลวงมาตั้งแต่ปี 2517 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานจิตรกรรมให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีและมีคุณค่า การประกวดครั้งนี้ถือเป็นปีที่ 45 ซึ่งจัดขึ้นในปี 2567 โดยมีการประกวดในสามประเภท ได้แก่ จิตรกรรมไทยแบบประเพณี จิตรกรรมไทยแนวประเพณี และจิตรกรรมร่วมสมัย ซึ่งมีศิลปินเข้าร่วมส่งผลงานทั้งสิ้น 117 ราย จำนวนรวม 148 ภาพ

ผลงานที่ชนะเลิศในแต่ละประเภทของการประกวด

สำหรับประเภทจิตรกรรมไทยแบบประเพณี ผลงานที่ได้รับรางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงได้แก่ “โลกวิวรณปาฏิหาริย์” ของนายสิปปภาส แก้สรากมุข ซึ่งเป็นผลงานที่สะท้อนเรื่องราวทางวัฒนธรรมได้อย่างลึกซึ้ง ส่วนรางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงได้แก่ “มโนราห์บูชายัญ” ของนายณัฐดนัย ทองเติม และ “พุทธเจ้าโปรดเท้าพญามหาชมพูบดี” ของนายสุริวัฒน์ แดงประดับ

ในประเภทจิตรกรรมไทยแนวประเพณี รางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงตกเป็นของผลงาน “ประตูเปิดแล้ว” ของนายเจษฎา กีรติเสวี ที่แสดงถึงความสำคัญของประเพณีและศิลปะไทย ส่วนรางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงได้แก่ผลงานชื่อ “ยมกปาฏิหาริย์” ของรองศาสตราจารย์นิโรจน์ จรุงจิตวิทวัส และรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวง ได้แก่ผลงาน “ชุมชนมัสยิดมหานาค” ของนายอัซมาวีย์ การี

สำหรับประเภทจิตรกรรมร่วมสมัย รางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงตกเป็นของผลงาน “ตนิจิต 1/2567” ของนายระพีพัฒน์ ผลรัตนไพบูลย์ ซึ่งเป็นผลงานที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และความร่วมสมัย ส่วนรางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงได้แก่ผลงาน “มายาแห่งความคิด” ของนายจรัญ พานอ่อนตา และรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวงได้แก่ผลงาน “พื้นที่จินตนาการแห่งความสุข” ของนายจตุพล สีทา

เงินรางวัลและสิทธิพิเศษสำหรับศิลปินผู้ชนะการประกวด

ผู้ชนะที่ได้รับรางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงในแต่ละประเภท จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 200,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษในการรับทุนทัศนศึกษางานศิลปะในต่างประเทศ รางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงจะได้รับเงินรางวัลรางวัลละ 150,000 บาท และรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวงจะได้รับเงินรางวัลรางวัลละ 100,000 บาท

เชิญชมนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45

นิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 จัดแสดงผลงานของศิลปินที่ผ่านการคัดเลือกจากการประกวด โดยนิทรรศการจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน – 16 ธันวาคม 2567 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ซึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 18.00 น.

การจัดแสดงผลงานครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจในศิลปะและวัฒนธรรมไทยที่จะได้สัมผัสกับผลงานจิตรกรรมที่ทรงคุณค่าและสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความสามารถของศิลปินรุ่นใหม่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

‘ดร.สืบสกุล’ ชวนฟื้นฟูจิตใจหลังน้ำท่วม “มหาอุทกภัยเชียงราย 2567

เชียงรายจัดนิทรรศการศิลปะสะท้อนเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ 2567

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ศิลปินจากจังหวัดเชียงรายและศิลปินจากทั่วประเทศจะร่วมกันจัดนิทรรศการศิลปะชื่อว่า “มหาอุทกภัยเชียงราย 2567 (Chiangrai Disaster Archives 2024)” เพื่อสะท้อนภาพเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เชียงรายผ่านผลงานศิลปะหลากหลายประเภท

งานนิทรรศการที่จัดโดย ศิลปินแห่งชาติ ชลามชัย โฆษิตพิพัฒน์ จะเปิดเผยผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย วิดีโออาร์ต และอินสตอลเลชัน มากกว่า 100 ชิ้น จากศิลปินทั้งภายในจังหวัดเชียงรายและจากต่างจังหวัดทั่วประเทศ

รายละเอียดงานนิทรรศการ

นิทรรศการ “มหาอุทกภัยเชียงราย 2567” จะจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2567 โดยมีการเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 ตุลาคม 2567

งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นการจดบันทึกเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่เชียงรายผ่านมุมมองของประชาชนและศิลปิน ทำให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับความรู้สึกและประสบการณ์จากเหตุการณ์น้ำท่วมผ่านงานศิลปะที่สร้างสรรค์

สัมภาษณ์พิเศษจาก ดร. สืบสกุล กิจนุกูล

ดร. สืบสกุล กิจนุกูล อาจารย์สำนักนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์เกี่ยวกับโครงการศิลปะนี้ ว่า:

“น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในเชียงรายไม่เพียงแต่ทำลายทรัพย์สินและบ้านเรือนเท่านั้น แต่ยังสร้างขยะน้ำท่วมจำนวนมหาศาลภายในตัวเมือง โดยมีการประเมินขยะที่เกิดขึ้นประมาณ 50,000 ตัน ซึ่งขยะเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นตุ๊กตาที่คนใช้เป็นที่ระลึกหรือของเล่นที่กลายเป็นขยะหลังน้ำท่วม”

ดร.สืบสกุลกล่าวต่อว่า:

“ในขณะที่เราไปช่วยเก็บขยะและช่วยเหลือทางบ้าน เราได้นำตุ๊กตาที่ถูกทิ้งมาใช้ในโครงการนี้ โดยนำมาตกแต่งและฟื้นฟูให้กลับมาเป็นศิลปะ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและการฟื้นฟูจิตใจของผู้คนหลังน้ำท่วม เราต้องการให้ตุ๊กตาเหล่านี้เป็นตัวแทนในการส่งต่อความรักและความทรงจำของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม”

เป้าหมายของโครงการศิลปะ

โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างพื้นที่ในการเยียวยาจิตใจและฟื้นฟูความหวังของชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยการนำสิ่งของที่กลายเป็นขยะกลับมาสร้างสรรค์ใหม่เป็นงานศิลปะที่มีความหมายและคุณค่า นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของศิลปินและประชาชนในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงประสบการณ์และความรู้สึกในช่วงวิกฤต

ดร.สืบสกุลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า:

“เราต้องการให้ตุ๊กตาเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างแรงบันดาลใจและความหวังให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เราหวังว่าผู้ที่เป็นเจ้าของตุ๊กตาเหล่านี้จะกลับมารับของที่พวกเขาเคยรัก และได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการฟื้นฟูนี้”

กิจกรรมพิเศษภายในนิทรรศการ

ในงานนิทรรศการจะมีการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม เช่น การจัดเวิร์กช็อปศิลปะ การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการฟื้นฟูชุมชนหลังน้ำท่วม และการแสดงผลงานศิลปะสดจากศิลปินที่เข้าร่วมงาน

นอกจากนี้ยังมีการจัดจำหน่ายสินค้าพิเศษ เช่น เสื้อยืดที่ออกแบบด้วยตุ๊กตาที่ถูกฟื้นฟูจากขยะน้ำท่วม ซึ่งเป็นที่ระลึกให้กับผู้ที่มาร่วมงานและสนับสนุนโครงการนี้

สรุป

นิทรรศการ “มหาอุทกภัยเชียงราย 2567” เป็นโอกาสที่ดีในการร่วมกันระลึกถึงเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเชียงรายผ่านมุมมองของศิลปะ และเป็นพื้นที่ในการเยียวยาจิตใจและสร้างความหวังใหม่ให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบ โครงการนี้ยังเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของศิลปินและประชาชนในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าและความหมาย

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมงานได้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 2567 ถึงวันที่ 20 ธ.ค. 2567 และสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางช่องทางต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM)
ที่อยู่: https://maps.app.goo.gl/cszwdfWMKmgEqvBQ7
โทรศัพท์: 0884185431
เปิด อังคาร – อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00 น. – 17.00 น.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News