Categories
AROUND CHIANG RAI WORLD PULSE

เชียงรายจับมือท่าขี้เหล็ก ลอกน้ำ แก้พิษ คุยเปิดด่าน

ไทย-เมียนมา เร่งจับมือแก้ปัญหาสารปนเปื้อนแม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำกก

ประชุมทวิภาคีครั้งสำคัญ ณ ชายแดนแม่สาย

เชียงราย, 9 พฤษภาคม 2568 – ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำทีมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดท่าขี้เหล็กแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อหารือประเด็นเร่งด่วนเกี่ยวกับการขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก รวมถึงการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำกก ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนทั้งสองประเทศ

ความคืบหน้าการขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก

ฝ่ายไทยได้แจ้งว่าการขุดลอกแม่น้ำรวกได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนการขุดลอกแม่น้ำสายยังคงค้างในส่วนของเมียนมา ซึ่งรับผิดชอบโดยตรง โดยฝ่ายเมียนมาได้แจ้งว่า ขณะนี้มีการจัดสรรงบประมาณและเตรียมการแล้ว และจะเร่งดำเนินการตามกรอบเวลาที่กำหนด

สารปนเปื้อนในแม่น้ำวิกฤตที่ต้องเร่งคลี่คลาย

ฝ่ายไทยได้หยิบยกประเด็นสารพิษปนเปื้อนในลำน้ำหลัก 3 สาย ซึ่งพบสารอันตรายอย่างสารหนูและโลหะหนักจากการทำเหมืองฝั่งเมียนมา โดยเฉพาะในเขตเมืองสากซึ่งเป็นแหล่งกิจกรรมเหมืองแร่ ฝ่ายเมียนมาได้แสดงความร่วมมือ โดยแจ้งว่าจะจัดประชุมร่วมกับจังหวัดเมืองสากเพื่อหามาตรการควบคุมมลพิษจากแหล่งต้นตอ

ข้อเรียกร้องจากฝ่ายเมียนมาเกี่ยวกับมาตรการ “3 ตัด”

อีกหนึ่งประเด็นที่ฝ่ายเมียนมาให้ความสำคัญคือผลกระทบจากมาตรการ “3 ตัด” ของฝ่ายไทย ที่มีเป้าหมายจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ฝ่ายเมียนมาแสดงความไม่สบายใจต่อผลกระทบในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก พร้อมแจ้งว่าได้ดำเนินการกวาดล้างและไม่มีฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่แล้ว จึงขอให้ไทยพิจารณาทบทวนมาตรการนี้อย่างเหมาะสม

การพัฒนาจุดผ่านแดนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ฝ่ายไทยได้เสนอการเปลี่ยนแปลงเวลาปิดจุดผ่านแดนถาวรบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จาก 18.30 น. เป็น 21.00 น. เพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว อีกทั้งยังขอความร่วมมือให้เมียนมาพิจารณาเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านปางห้า และบ้านท่าดินดำ ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย ซึ่งฝ่ายเมียนมารับปากว่าจะนำเสนอต่อหน่วยเหนือเพื่อดำเนินการ

แนวโน้มความร่วมมือระยะยาวระหว่างสองประเทศ

การประชุมในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของทั้งสองฝ่ายในการสร้างกลไกความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติ ความมั่นคง และเศรษฐกิจ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเสถียรภาพของพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะประเด็นสิ่งแวดล้อมที่ไม่อาจละเลยได้อีกต่อไป

ปัญหาสารพิษในแม่น้ำคือสัญญาณเตือนภัย

จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าระดับสารหนูในแม่น้ำกกบางจุดเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัยของ WHO ถึง 3 เท่า ส่งผลกระทบต่อประชากรที่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและชาวประมงพื้นถิ่น ที่ยังคงใช้น้ำจากแม่น้ำในการดำรงชีวิตประจำวัน

หากไม่เร่งหามาตรการควบคุมต้นตอของมลพิษ อาทิ การใช้สารเคมีจากการทำเหมืองโดยไม่มีระบบบำบัดที่มีประสิทธิภาพ ปัญหาอาจลุกลามสู่ภาวะวิกฤตสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง และส่งผลต่อความเชื่อมั่นในสินค้าจากพื้นที่ลุ่มน้ำเหล่านี้

ข้อเสนอแนะจากนักวิชาการและองค์กรสิ่งแวดล้อม

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย แนะนำให้ทั้งสองประเทศตั้งคณะกรรมการร่วมถาวรเพื่อกำกับ ติดตาม และรายงานผลกระทบจากเหมืองในระยะยาว โดยควรเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะผ่านช่องทางออนไลน์แบบเรียลไทม์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและป้องกันข่าวลือ

องค์การแม่น้ำเพื่อชีวิตเสนอให้ไทยและเมียนมาร่วมมือพัฒนาระบบเตือนภัยมลพิษในแม่น้ำ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้ความเสี่ยงได้รวดเร็วและปรับตัวทันต่อสถานการณ์

สถิติที่เกี่ยวข้อง (ข้อมูล ณ พฤษภาคม 2568)

  • ค่าระดับสารหนูเฉลี่ยในแม่น้ำกก: 0.052 mg/l (มาตรฐาน WHO ไม่เกิน 0.01 mg/l)
  • ประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำปนเปื้อนในอำเภอแม่สาย: 12,460 คน (ที่มา: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย)
  • มูลค่าการค้าชายแดนสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 (2567): 8,300 ล้านบาท (ที่มา: กรมศุลกากร)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

  • องค์การอนามัยโลก (WHO)

  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย

  • กรมศุลกากร

  • มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

  • สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

  • ที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
WORLD PULSE

ท่าขี้เหล็กกวาดล้างบ่อน-KTV หลังไทยตัดไฟ-น้ำมัน

ทางการเมียนมาปิดบ่อนและ KTV ในท่าขี้เหล็ก หลังไทยงดส่งไฟฟ้าและน้ำมัน

เมียนมา, 23 กุมภาพันธ์ 2568 – Tachileik News Agency รายงานว่า ทางการเมียนมาเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการจัดระเบียบสถานประกอบการใน จ.ท่าขี้เหล็ก และพื้นที่รัฐฉานตะวันออก หลังจากไทยงดส่งกระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์

มาตรการปราบปรามและจัดระเบียบใหม่ในท่าขี้เหล็ก

การดำเนินมาตรการดังกล่าวส่งผลให้มีการ ปิดบ่อนการพนันและ KTV ที่ไม่มีใบอนุญาตทั่วเมืองท่าขี้เหล็ก ขณะที่สถานบันเทิงรายใหญ่ เช่น ผับม้าบิน, วันจีวัน, น้ำเต้าทอง และ KTV ติดโรงแรม 9 ชั้นของกลุ่มทุนว้า ยังคงเปิดให้บริการต่อไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่มีแนวโน้มที่จะดำเนินการตรวจสอบและจัดระเบียบธุรกิจเหล่านี้เพิ่มเติม

แรงกดดันจากไทยและผลกระทบต่อธุรกิจในพื้นที่

นับตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้งดส่ง กระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก ทำให้ผู้ประกอบการในฝั่งเมียนมาต้องหาทางปรับตัว โดยมีการจัดหาไฟฟ้าจาก สปป.ลาว และนำเข้าน้ำมันจากแหล่งอื่น ๆ ควบคู่ไปกับการ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงบ่อนการพนันออนไลน์และการค้ายาเสพติด

คำสั่งปิดบ่อนและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ทางการเมียนมาได้ สั่งปิดบ่อนการพนันที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด รวมถึงบ่อนที่เปิดภายในโรงแรม ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในธุรกิจการพนันและสถานบันเทิงของท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567

นอกจากนี้ บริการคาราโอเกะครบวงจร (KTV) ซึ่งเคยมีอยู่เกือบ 100 แห่งในท่าขี้เหล็ก ก็ถูกสั่งปิดจำนวนมาก แต่ยังคงมีบางแห่งที่สามารถดำเนินกิจการได้ เช่น ธุรกิจที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มทุนใหญ่

การปราบปรามการพนันออนไลน์และการสืบสวนภายในรัฐฉาน

Tachileik News Agency รายงานว่าในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ มีการ จับกุมกิจกรรมการพนันออนไลน์ของชาวไทยในวอร์ดสันทรายของท่าขี้เหล็ก รวมถึงบ่อนภายในโรงแรมหลายแห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่มักแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนการจับกุม ทำให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้งหลังจากชำระค่าธรรมเนียมให้ทางการ

แหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนระบุว่า เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตำรวจเขตได้สั่งให้โรงแรมที่มีบ่อนการพนันปิดบริการชั่วคราว แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการขออนุญาตเปิดดำเนินการอีกครั้งก็ตาม

ผลกระทบและแนวโน้มในอนาคต

มาตรการเข้มงวดของทางการเมียนมาอาจเป็นสัญญาณของ การจัดระเบียบธุรกิจสีเทาในท่าขี้เหล็กและรัฐฉานตะวันออก อย่างจริงจัง โดยเฉพาะหลังจากที่ไทยตัดเส้นทางส่งไฟฟ้าและน้ำมัน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจในพื้นที่

นักวิเคราะห์เชื่อว่า ทางการเมียนมาอาจกำลังใช้โอกาสนี้เพื่อควบคุมอิทธิพลของกลุ่มทุนที่ครอบงำธุรกิจการพนันและสถานบันเทิงในภูมิภาคนี้ พร้อมกับเดินหน้าปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. การสั่งปิดบ่อนการพนันในท่าขี้เหล็กส่งผลกระทบอย่างไร?
    ส่งผลให้ธุรกิจการพนันในพื้นที่ต้องหยุดชะงัก และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจของกลุ่มทุนที่ควบคุมธุรกิจเหล่านี้
  2. ทำไมไทยจึงงดส่งไฟฟ้าและน้ำมันไปยังท่าขี้เหล็ก?
    เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการตัดวงจรอาชญากรรมข้ามชาติและการกดดันให้ทางการเมียนมาปราบปรามเครือข่ายผิดกฎหมายในพื้นที่
  3. KTV ในท่าขี้เหล็กทั้งหมดถูกปิดหรือไม่?
    แม้ว่าจะมีการสั่งปิดหลายแห่ง แต่ KTV รายใหญ่บางแห่งยังคงเปิดให้บริการต่อไปภายใต้การควบคุมของกลุ่มทุนขนาดใหญ่
  4. การลักลอบเปิดบ่อนการพนันในท่าขี้เหล็กยังมีอยู่หรือไม่?
    ยังคงมีอยู่ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในรูปแบบออนไลน์และสถานที่ลับที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
  5. มาตรการจัดระเบียบสถานบันเทิงของเมียนมาจะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน?
    มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปจนกว่ารัฐบาลเมียนมาจะสามารถควบคุมสถานการณ์และลดอิทธิพลของกลุ่มอาชญากรรมในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : mgronline / tachileik

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
WORLD PULSE

วิกฤตการณ์ไฟฟ้าดับท่าขี้เหล็ก ผลกระทบและความท้าทาย

วิกฤตการณ์ไฟฟ้าดับท่าขี้เหล็ก: ผลกระทบจากการตัดไฟของไทย

เชียงราย, 5 กุมภาพันธ์ 2568 – บรรยากาศบริเวณชายแดนแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นไปอย่างคึกคัก แม้จะมีคำสั่งให้ตัดไฟฟ้าที่ส่งไปยังเมียนมาก็ตาม ที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ด่านพรมแดน อำเภอแม่สาย การข้ามไปมาของผู้คนสองฝั่งยังคงเป็นไปอย่างปกติ มีทั้งรถรับส่งนักเรียน พ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่มาซื้อสิ่งของและทำธุระกันอย่างหนาแน่น เจ้าหน้าที่ยังคงตรวจตราการเข้าออกอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมาย

การตัดไฟตามคำสั่งรัฐบาล

เมื่อเวลา 09.00 น. นายณัฏฐ์คเนศ จรัสรวีสิริกุล ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สาย ได้นำเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทำการตัดไฟที่สะพานไฟบริเวณหน้าด่านพรมแดนแห่งที่ 1 ตามคำสั่ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประเด็นการตัดไฟในพื้นที่ชายแดนไทย – เมียนมา เพื่อสกัดการดำเนินการของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีทั้งสิ้น 5 จุด

นายณัฏฐ์คเนศ จรัสรวีสิริกุล กล่าวว่า การตัดไฟในครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบกับทางท่าขี้เหล็ก เนื่องจากใช้ไฟจากไทยเป็นหลัก แต่ก็มีไฟอีกส่วนหนึ่งที่มาจาก สปป.ลาว อย่างไรก็ตาม หลังจากตัดไฟแล้วคาดว่า ทาง สปป.ลาว ต้องมีการแก้ไขในระบบการส่งไฟฟ้า ซึ่งอาจจะติดขัดทำให้ในตัวเมืองท่าขี้เหล็กไม่สามารถใช้งานได้อีกประมาณ 3-5 วัน

ประชาชนท่าขี้เหล็กแห่ซื้อน้ำมัน

ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ประชาชนท่าขี้เหล็ก เมียนมา ต่างพากันออกมาซื้อน้ำมันเพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปั่นไฟ หลังจากเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทำการตัดไฟ การตัดไฟในครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบกับทางท่าขี้เหล็กอย่างหนัก

ประกาศจากทางการเมียนมา

ล่าสุดแหล่งข่าวใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ได้รายงานว่า หลังจากที่มีการตัดไฟฟ้าแล้ว ประชาชนในจังหวัดท่าขี้เหล็กต่างพากันออกมาซื้อน้ำมันเพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิง สำหรับเครื่องปั่นไฟ ทำให้รถติดยาวมากกว่า 1 กิโลเมตร

ด้านทางการเมียนมาได้มีประกาศว่า “ประเด็นเรื่องการจำหน่ายไฟฟ้าทางเลือกคณะกรรมการขับเคลื่อนไฟส่องสว่างในเมือง (ธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้า) ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าของท่าขี้เหล็ก รับและจำหน่ายไฟฟ้า (20 เมกะวัตต์) จากประเทศไทยในอดีต แต่ตอนนี้ได้รับไฟฟ้าเพิ่ม (30 เมกะวัตต์) จากประเทศลาวและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว (50 เมกะวัตต์) เนื่องจากสถานการณ์ล่าสุดไฟฟ้าที่ได้รับจากประเทศไทย (20 เมกะวัตต์) ถูกตัดออกอย่างกะทันหัน แต่เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ตามปกติ จึงจะมีการต่ออายุและทดแทนไฟฟ้าจากลาว (30 เมกะวัตต์) อาจมีไฟฟ้าดับ”

ทางการเมียนมายังระบุว่า จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับโดยเร็วที่สุด

ผลกระทบต่อประชาชน

การตัดไฟฟ้าในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวท่าขี้เหล็กเป็นอย่างมาก หลายครัวเรือนไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติ ธุรกิจต่างๆ ต้องหยุดชะงัก การดำรงชีวิตประจำวันเป็นไปด้วยความยากลำบาก

การแก้ไขปัญหา

ทางการเมียนมาได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับ โดยการเพิ่มปริมาณไฟฟ้าจากประเทศลาว และวางแผนที่จะปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในเมือง เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

ความร่วมมือระหว่างประเทศ

วิกฤตการณ์ไฟฟ้าดับในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและเมียนมาในด้านพลังงาน การแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างสองประเทศ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

สถานการณ์ล่าสุด

สถานการณ์ล่าสุดในท่าขี้เหล็กยังคงตึงเครียด ประชาชนยังคงประสบปัญหาไฟฟ้าดับอย่างต่อเนื่อง การแก้ไขปัญหาของทางการเมียนมายังต้องใช้เวลาอีกสักระยะ

บทสรุป

วิกฤตการณ์ไฟฟ้าดับท่าขี้เหล็ก เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา การแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ และการวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
WORLD PULSE

ถวายเพลิงสรีระครูบาแสงหล้า ศรัทธามหาชน ชาวพุทธร่วมส่ง

 

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2567 ที่วัดพระธาตุสายเมือง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา คณะศิษยานุศิษย์ของครูบาแสงหล้า ธัมมสิริ หรือ หลวงปู่เจ้าคุณพระรัตนรังษี ได้เคลื่อนสรีระของครูบาแสงหล้าไปยังสถานที่ชั่วคราวใน จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อประกอบถวายเพลิงสรีระ หลังจากครูบาแสงหล้าได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2567 ด้วยอายุ 96 ปี 76 พรรษา ณ วัดพระธาตุสายเมือง

 

โดยในพิธีมีครูบาบุญชุ่ม ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร อรัญวาสีภิกขุ พระภิกษุพร้อมคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยขั้นเข้มงวดล่วงหน้าอย่างน้อย 4 วัน โดยมีการปิดถนนสายหลักในท่าขี้เหล็ก ห้ามจำหน่ายอาหารข้างทาง ปิดตลาด สนามบินท่าขี้เหล็ก ฯลฯ รวมทั้งสืบข่าว ตรวจสอบบุคคลและวางกำลังตามจุดต่างๆ อย่างเข้มงวด ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมพิธีหลายพันคน ทั้งนี้มีรายงานว่าหลังเสร็จพิธี พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย จะเดินทางต่อไปยัง จ.เชียงตุง ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของกองทัพภาคสามเหลี่ยมต่อแต่ยังไม่มีความแน่นอนโดยอาจจะเปลี่ยนแปลงด้วยการเดินาทางกลับกรุงเนปิดอว์เลยก็ได้
 
 
ทั้งนี้ บริเวณด่านพรมแดนทางการเมียน มา ได้การประสานมายังฝั่งไทยให้งดการเดินทางเข้าออกของผู้คนและยานพาหนะทุกชนิดเป็นการชั่วคราวตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงวันเป็นต้นไปจนกว่าจะเสร็จพิธี ทั้งตรงจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 และ 2 ส่งผลทำให้บนสะพานไม่มีการสัญจรและผู้คนและรถต่างรออยู่เต็มหน้าด่านพรมแดนในช่วงบ่ายถึงเย็น
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News