ชาวอิ้วเมี่ยนสามอำเภอรวมพลัง ณ ดอยหลวง น้อมรำลึก “พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ด้วยศิลป์ชาติพันธุ์ สะท้อนพลังศิลปาชีพ–ทุนวัฒนธรรมเชียงราย
เชียงราย, 15 พฤศจิกายน 2568 – ภาพรวมเหตุการณ์“หนึ่งสนาม–สามอำเภอ–หนึ่งหัวใจ” จังหวัดเชียงรายร่วมประจักษ์โมเมนต์ “รวมใจต่างเผ่าพันธุ์” เมื่อมูลนิธิอิ้วเมี่ยนไทยและผู้นำชุมชนจากดอยหลวง–เชียงแสน–เวียงเชียงรุ้ง จัดพิธีถวายอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่โรงเรียนบ้านขุนแม่บง วัฒนธรรม–ดนตรี–ฟ้อนรำ–เสภา ตามแบบอัตลักษณ์อิ้วเมี่ยนโอบกอดสนามพิธี สื่อสารความจงรักภักดีและความกตัญญูต่อโครงการพระราชดำริด้านศิลปาชีพและการส่งเสริมภูมิปัญญาชุมชนซึ่งต่อยอดคุณภาพชีวิตบนผืนดอยมายาวนาน. เวลา 09.00 น. สนามโรงเรียนบ้านขุนแม่บงกลายเป็นพื้นที่แห่งการ “ร้อยใจชาติพันธุ์” เมื่อชาวอิ้วเมี่ยน (เย้า) จาก สามอำเภอ ได้แก่ อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงแสน และอำเภอเวียงเชียงรุ้ง พร้อมใจกันจัดพิธีศักดิ์สิทธิ์ถวายความอาลัย และ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พิธีดำเนินโดย มูลนิธิอิ้วเมี่ยนไทย ประสานผู้นำชุมชนและเครือข่ายวัฒนธรรมท้องถิ่น
บนเวทีพิธี เสียงดนตรีชาติพันธุ์คลอไปกับ การฟ้อนรำ และ การขับเสภา ตามวิถีอิ้วเมี่ยน ถ่ายทอดเรื่องราวความกตัญญูและความภาคภูมิใจในรากเหง้าวัฒนธรรม อัตลักษณ์การแต่งกาย–เสียงแคน–จังหวะกลองที่สืบทอดกันมายาวนาน ถูกนำมาร้อยเรียงเป็น “ภาษาแห่งพิธีกรรม” เพื่อแสดงออกถึงความอาลัยและ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรบนผืนดอยตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ผู้แทนภาครัฐด้านวัฒนธรรม เข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายกำพล จาววัฒนาสกุล นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ พร้อมด้วย นายอภิชาต กันธิยะเขียว และ นางสาวอัมพิกา จิณะเสน นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย การเข้าร่วมของภาครัฐสะท้อนบทบาท “พี่เลี้ยงนโยบายวัฒนธรรม” ที่ช่วยเชื่อมพิธีกรรมชุมชนกับระบบการคุ้มครอง–ส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้เดินหน้าบนฐานมาตรฐานและความยั่งยืน
ความหมายที่ลึกกว่าพิธี“ทุนวัฒนธรรม” เชื่อมแผ่นดิน–เชื่อมชุมชน–เชื่อมหัวใจ
พิธีครั้งนี้ไม่ใช่เพียง “งานรำลึก” หากแต่เป็น สัญลักษณ์ของสายใย ระหว่างราชสำนัก–มูลนิธิ/โครงการด้านศิลปาชีพ–ชุมชนชาติพันธุ์ ซึ่งส่งผลจริงต่อชีวิตคนบนภูเขา ทั้งด้านรายได้ อาชีพ และศักดิ์ศรีวัฒนธรรม หลายโครงการภายใต้ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ (SUPPORT) ช่วยสร้างโอกาสให้ชุมชนใช้ฝีมือ–หัตถกรรม–ภูมิปัญญา มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์และประสบการณ์วัฒนธรรม สร้าง “ความภูมิใจและรายได้” ควบคู่กัน กรอบคิดเช่นนี้ถูกเผยแพร่และยืนยันบทบาทไว้โดยหน่วยงานรัฐด้านสื่อสาธารณะ (กรมประชาสัมพันธ์) ซึ่งมีความน่าเชื่อถือในแง่นโยบายสาธารณะ
เชียงรายคือจังหวัดที่ หลากหลายทางชาติพันธุ์ อย่างเด่นชัด ความหลากหลายนี้เป็น “ทุนทางสังคม” ที่สามารถต่อยอดไปสู่การศึกษา วัฒนธรรม และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มีงานภาคสนาม/บทความของ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ที่บันทึกชุมชนอิ้วเมี่ยนในเชียงราย ทั้งมิติพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรม และการจัดการทรัพยากรชุมชน (เช่น “ป่าช้าบ้านห้วยน้ำเย็น” เชียงราย) ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญทางวิชาการว่าชาติพันธุ์นี้ดำรงอยู่–มีอัตลักษณ์–มีระบบความเชื่อของตนเองในโครงสร้างสังคมเชียงราย.
ในระดับประเทศ การสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เมื่อ 24 ตุลาคม 2568 ทำให้เกิดการจัดพิธีน้อมรำลึก–ถวายอาลัยในหลายจังหวัด สื่อสาธารณะและแถลงข่าวอย่างเป็นทางการใช้เป็นพยานหลักฐานยืนยันเส้นเวลาประวัติศาสตร์ร่วมสมัย อันสอดคล้องกับธรรมเนียมการแสดงความอาลัยของประชาชน
พิธีกรรมในสนาม “ศิลป์ชาติพันธุ์” ในฐานะภาษาแห่งความกตัญญู
ผู้เข้าร่วมงานบรรยายว่า โครงสร้างพิธี ตั้งใจยก “ภาษาศิลป์อิ้วเมี่ยน” ขึ้นเป็นแกนกลาง เพื่อสื่อสารความจงรักภักดีในแบบของตนเอง จาก ท่วงทำนองดนตรี ที่มี “จังหวะเรียกขวัญ” ไปจนถึง การฟ้อนรำ ที่แฝงการเคารพบรรพชน และ การขับเสภา ที่เป็นระบบการเล่าเรื่องเชิงวรรณศิลป์ของชนเผ่า พิธีกรรมทั้งหมด “คารวะ” พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงสนับสนุน อาชีพ–ศิลป์–ภูมิปัญญา ให้เติบโตบนพื้นที่ดอยในห้วงเวลาหลายทศวรรษ
ในเวทีสาธารณะของเชียงราย “การแสดงอัตลักษณ์” ไม่ได้หมายถึงการแสดงเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่คือ “ระบบความหมาย” ที่ทำให้คนรุ่นใหม่เห็น คุณค่า ของรากเหง้าตนเอง รู้เท่าทันโลกสมัยใหม่ และ เชื่อมโยงอดีต–ปัจจุบัน–อนาคต เข้าด้วยกันอย่างมีศักดิ์ศรี นี่คือเงื่อนไขของความยั่งยืนด้านวัฒนธรรม เมื่อเยาวชนรู้สึกว่า “บ้านเกิด–ชาติพันธุ์–ภาษา–ศิลป์” เป็นความภูมิใจ เขาจะ อยากสืบสาน มากกว่าเพียง “จำใจรักษา”
เชียงราย ห้องทดลองวัฒนธรรมมีชีวิต
เชียงรายมีการเคลื่อนไหวชุมชนชาติพันธุ์อย่างต่อเนื่อง แปลงสาธารณะในดอยหลวง–เชียงแสน–เวียงเชียงรุ้ง ล้วนเป็น “ชุมชนเรียนรู้” ที่ผสาน วิถีเกษตร–ความเชื่อ–ภาษา–พิธีกรรม เข้าด้วยกัน แนวโน้มใหม่คือการต่อยอดสู่ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผ่านการพัฒนา “งานศิลป์–หัตถกรรม–เครื่องแต่งกาย–ดนตรี–การแสดง” ให้ตอบโจทย์ตลาดร่วมสมัยโดยยังคงมาตรฐาน ความถูกต้องของอัตลักษณ์ (authenticity) ซึ่งกรอบคิดนี้สอดรับกับแนวทางของ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และการทำงานด้านมรดกทางวัฒนธรรมของรัฐไทยที่เผยแพร่ในสื่อทางการ
ชาวอิ้วเมี่ยน เป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์สำคัญของเชียงราย การดำรงอยู่ของชุมชน–พิธีกรรม–พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการบันทึกและอธิบายในฐานข้อมูลของ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ซึ่งมักทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและนักวิชาการ เพื่อ “อ่าน” ความหมายที่อยู่หลังพิธีกรรม ไม่ใช่เพียงกิจกรรม แต่คือ “รัฐธรรมนูญทางวัฒนธรรมของชุมชน” ที่กำกับจริยธรรมการอยู่ร่วมกับคน–ป่า–สิ่งศักดิ์สิทธิ์.
ขณะเดียวกัน งานวิชาการของ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (ตัวอย่างในคลังปริทัศน์/สารสนเทศของสถาบัน) ก็สะท้อนหลักฐานของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนในเชียงราย/เชียงแสน ทั้งด้านชื่อสกุล–มรดกความทรงจำ–เครือข่ายทางสังคม อันเป็นองค์ประกอบของ “ทุนทางวัฒนธรรม” ที่สามารถเชื่อมสู่มิติการเรียนการสอน–การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม–การสื่อสารสาธารณะได้
เชื่อมพิธี–เชื่อมนโยบาย จากสนามโรงเรียนสู่ระบบคุ้มครองมรดก
การเข้าร่วมของ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ในพิธี ไม่เพียงสะท้อน “กัลยาณมิตรภาครัฐ” แต่ยังหมายถึงความพยายาม ผนวกพิธีชุมชนเข้ากับระบบงานของรัฐ เพื่อให้เกิดการคุ้มครองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การ บันทึก–ถอดความ–จัดทำคลังข้อมูล ไปจนถึงการ ให้คำปรึกษาด้านมาตรฐาน เมื่อชุมชนต้องการยกระดับการแสดง/งานหัตถกรรมเข้าสู่ กิจกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ การท่องเที่ยวโดยชุมชน ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐ โดยแกนปรัชญาระดับชาติเรื่อง “ศิลปาชีพ–ภูมิปัญญา–รายได้–ศักดิ์ศรี” มีพยานหลักฐานในสื่อทางการของรัฐที่อธิบายบทบาทของ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตามที่อ้างถึง
ถ้อยคำให้ถูกต้อง กรอบทางการของพระนามและพิธีน้อมรำลึก
สื่อมวลชนและหน่วยงานท้องถิ่นควรยึดตาม กรอบการ พระนามอย่างเป็นทางการ ตามประกาศ–ข้อบังคับที่ตีพิมพ์ใน ราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้เนื้อหาในสื่อสาธารณะสอดคล้องกับมาตรฐานทางพิธีการ โดยเฉพาะการใช้ถ้อยคำ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ในสื่อทางการ/ข่าวพิธีกรรม/เอกสารประชาสัมพันธ์ของรัฐและชุมชน (เอกสารปี 2562 ชี้แนวทางได้อย่างชัดเจน)
เสียงสะท้อนจากสนาม (ประเด็นเด่น–ประเด็นรอง)
ประเด็นเด่น
- ความพร้อมของเครือข่ายชุมชน การรวมตัวของสามอำเภอสะท้อนศักยภาพ “จัดการตนเอง” ของชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการคุ้มครอง–สืบทอดวัฒนธรรม
- การมีส่วนร่วมของภาครัฐ การเข้าร่วมของวัฒนธรรมจังหวัดเสริมแรง “ความถูกต้อง–มาตรฐาน–ความยั่งยืน” ของพิธี และเปิดประตูสู่การพัฒนาต่อยอดเชิงนโยบาย
- กรอบอ้างอิงระดับชาติ งานด้าน ศิลปาชีพ/ภูมิปัญญา ที่อยู่ใต้พระราชดำริยาวนาน ทำให้พิธีรำลึกมิใช่เพียงการไว้อาลัย แต่ยังเป็นการ “ทบทวนพัฒนาการ” ของทุนวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย
ประเด็นรอง
- โอกาสสื่อสารสาธารณะ บันทึกเสียง–ภาพ–คลิปความทรงจำ “พิธี-เพลง-ฟ้อน” โดยเยาวชนในชุมชน เพื่อทำเป็นคลังดิจิทัล (Local Digital Heritage) รองรับการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่
- การเชื่อมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ยกระดับเครื่องแต่งกาย/ลายผ้า/หัตถกรรม/งานดนตรีสู่ “แพ็กเกจประสบการณ์” วัฒนธรรมในเทศกาลท้องถิ่น–การท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยเคารพ ความถูกต้องทางวัฒนธรรม และแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม
- หลักสูตร–ห้องเรียนวัฒนธรรม ใช้สนามโรงเรียนบ้านขุนแม่บงเป็น “พื้นที่การเรียนรู้” ที่บูรณาการประวัติศาสตร์ท้องถิ่น–ชาติพันธุ์ศึกษา–ดนตรี–หัตถกรรม ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ เช่น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ฯลฯ (อ้างอิงคลังวิชาการ MFU ที่เคยศึกษาลักษณะชื่อสกุล/ชาติพันธุ์ในเชียงแสน)
บทสรุปเชิงนโยบายและทางปฏิบัติ
- พิธีรำลึก ครั้งนี้ตอกย้ำว่า “ทุนวัฒนธรรม” คือ พลังเชื่อม รัฐ–ราชสำนัก–ชุมชน เมื่อชุมชนสามารถสื่อสารอัตลักษณ์ตนเองผ่านดนตรี–ฟ้อน–เสภา ได้อย่างภาคภูมิ ศักดิ์ศรีวัฒนธรรมจะงอกงามและคุ้มครองตนเองได้
- ยึดกรอบถ้อยคำทางการ สื่อ/หน่วยงานควรตรวจสอบการใช้พระนามให้ถูกต้องตามราชกิจจานุเบกษาในการร่างข่าว/เอกสาร เพื่อความเรียบร้อยของพิธีการ
- เดินหน้าศิลปาชีพ–เศรษฐกิจสร้างสรรค์ บูรณาการการฝึกทักษะ/ออกแบบผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์/การตลาด ให้สอดคล้องแนวทางที่ภาครัฐเคยเผยแพร่เกี่ยวกับบทบาท มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เพื่อยกระดับรายได้ชุมชนโดยไม่ละทิ้งความถูกต้องของอัตลักษณ์
- ฐานความรู้ชาติพันธุ์ ใช้ฐานข้อมูล–บทความของ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) และงานวิชาการในมหาวิทยาลัยท้องถิ่น เป็น “หลักฐาน–แหล่งเรียนรู้” สนับสนุนการจัดทำคลังดิจิทัล/ทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาวอิ้วเมี่ยนในเชียงราย
จากสนามโรงเรียนบ้านขุนแม่บงสู่ภาพรวมจังหวัด พิธีน้อมรำลึกครั้งนี้ชี้ให้เห็น “พลังเงียบของวัฒนธรรม” ที่เมื่อหยั่งรากในชุมชน ก็สามารถเป็นทั้ง ภาษาแห่งความกตัญญู และ เครื่องมือพัฒนาคุณภาพชีวิต พหุวัฒนธรรมของเชียงรายจึงมิใช่ความต่างที่ต้องจัดระยะห่าง หากคือ “ความงามที่ต้องจัดระเบียบใหม่” ให้ร่วมสร้างอนาคตเดียวกันได้ ด้วยกรอบถ้อยคำที่ถูกต้อง ความจริงเชิงนโยบายที่ตรวจสอบได้ และการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของคนรุ่นใหม่บนผืนดอย
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย










































