Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

วิกฤตรายได้ท่องเที่ยว! เมืองรองดึงคนได้ แต่ค่าใช้จ่ายต่ำ เชียงรายต้องเร่งสร้างมูลค่า

ท่องเที่ยวในประเทศครึ่งปีแรก 2568 โตชะลอตัว คนไทยเมินเมืองหลัก แห่เที่ยวเมืองรอง เชียงรายเนื้อหอม แต่รายได้ยังไม่ปัง!

สถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวในประเทศ โตแต่ชะลอตัว เหตุปัจจัยลบหลายด้าน

เชียงราย, 10 กรกฎาคม 2568 – ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยระบุว่าการท่องเที่ยวในประเทศยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยจำนวนการเดินทาง 101 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และสร้างรายได้รวม 574,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% (YoY) อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเติบโตเริ่มแผ่วลงกว่าที่คาดไว้ และยังคงเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวในบางพื้นที่ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และพฤติกรรมของคนไทยที่นิยมเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกัน กำลังซื้อของผู้บริโภคบางกลุ่มยังคงอ่อนแอจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น

เมืองหลักซบเซา เมืองรองรับอานิสงส์แต่รายได้ยังห่าง

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ว่า หลายจังหวัดท่องเที่ยวหลัก เช่น กรุงเทพฯ กระบี่ อยุธยา และจันทบุรี กลับมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยลดลงในครึ่งปีแรก 2568 เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนแรงฉุดจากปัจจัยภายนอกทั้งเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้ความเชื่อมั่นและรายได้ของผู้บริโภคลดลง ส่งผลให้เมืองหลักไม่สามารถรักษาฐานลูกค้าภายในประเทศได้เหมือนเดิม

ขณะเดียวกัน “เมืองรอง” หรือจังหวัดท่องเที่ยวรอง อาทิ เชียงราย สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม และอุบลราชธานี กลับได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเชียงรายที่กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับคนไทยที่ต้องการหลีกหนีความแออัดและแสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ

ตลาดท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง ยังโตแต่โตช้าลง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าการเดินทางในประเทศครึ่งปีหลังจะเติบโตเพียง 1.4% (YoY) แม้มีมาตรการส่งเสริมจากรัฐ เช่น โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่รัฐบาลสนับสนุนค่าโรงแรมและคูปองดิจิทัล แต่ผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว และปัจจัยการเมือง ยังคงฉุดกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในวงกว้าง

เที่ยวต่างประเทศฮิต แพ็กเกจคุ้มค่า – “วีซ่าฟรี” ดึงคนไทยออกนอก

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเติบโตของท่องเที่ยวในประเทศชะลอตัว คือแนวโน้มที่คนไทยนิยมเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น สืบเนื่องจากมาตรการวีซ่าฟรีของหลายประเทศและกลยุทธ์ของบริษัทนำเที่ยวที่เสนอแพ็กเกจราคาถูกและคุ้มค่า ตัวอย่างเช่น ทริปเกาหลีใต้ 4 วัน 2 คืน ราคาเฉลี่ยเพียง 6,000 บาท หรือเวียดนาม 7,000 บาท ซึ่งมีราคาดึงดูดใจเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายการเที่ยวในประเทศที่สูงขึ้นทุกปี

เชียงรายขึ้นแท่นเมืองรองยอดนิยม แต่รายได้ยังน้อยกว่าเมืองหลัก

แนวโน้มใหม่ของตลาดท่องเที่ยวไทย คือการเที่ยว “เมืองรอง” ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเชียงรายที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่นักท่องเที่ยวไทย สาเหตุสำคัญคือความต้องการหลีกเลี่ยงความแออัดในเมืองหลัก การค้นหาสถานที่เที่ยวใหม่ ๆ และการรีวิวผ่านโซเชียลมีเดียที่ช่วยผลักดันกระแส

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า สัดส่วนคนไทยเที่ยวเมืองรองปีนี้จะอยู่ที่ 41.4% เพิ่มจาก 41.3% ใน 5 เดือนแรก และเติบโตขึ้นถึง 32.3% เทียบกับก่อนโควิด-19 หลายจังหวัดเมืองรองมีนักท่องเที่ยวเกิน 2 ล้านคน อาทิ เชียงราย สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม และอุบลราชธานี ตัวเลขนี้สูงกว่าเมืองหลักบางแห่ง เช่น สงขลา หรือพังงา

อย่างไรก็ตาม รายได้จากการท่องเที่ยวเมืองรองยังน้อยกว่าเมืองหลักมาก โดยรายได้จากเมืองรองอยู่ที่ 28% ของรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่เมืองหลักคิดเป็น 72% ของรายได้ทั้งหมด

ค่าใช้จ่ายต่อทริปต่ำกว่าก่อนโควิด พฤติกรรมเปลี่ยน “ไปเช้า-เย็นกลับ”

แม้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเมืองรองจะสูงขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อครั้งยังไม่ฟื้นตัวเท่าช่วงก่อนโควิด-19 ข้อมูลคาดว่าการใช้จ่ายในประเทศตลอดปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 1.14 ล้านล้านบาท เติบโต 2% ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 4,100 บาท/คน/ครั้ง ซึ่งยังต่ำกว่าปี 2562 อย่างมีนัยสำคัญ

สาเหตุหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจชะลอตัว พฤติกรรมการท่องเที่ยวแบบ “ไปเช้า-เย็นกลับ” ที่เพิ่มขึ้นจนคิดเป็น 51% ของการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในเมืองรองก็ต่ำกว่ามาก เฉลี่ย 2,800 บาท/คน/ครั้ง เมื่อเทียบกับเมืองหลักที่ 5,000 บาท/คน/ครั้ง ค่าที่พักในเมืองรอง เช่น เชียงราย เฉลี่ย 1,850 บาทต่อคืน ต่ำกว่ากรุงเทพฯ หรือภูเก็ตที่ 3,500 บาทต่อคืน ขณะที่ค่าอาหารและของที่ระลึกก็ถูกกว่า

โอกาสและความท้าทาย เมืองรองดึงคนได้ แต่รายได้ต้องเร่งสร้างมูลค่าเพิ่ม

สถานการณ์นี้สะท้อนทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะเมืองรองอย่างเชียงรายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถสร้างรายได้ต่อหัวได้เท่าเมืองหลัก

ความท้าทายสำคัญคือการออกแบบแคมเปญและประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายคนไทย พร้อมกับส่งเสริมให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่นมากขึ้น ทั้งจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวใหม่ การยกระดับที่พัก อาหาร การบริการ และการส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่น ควบคู่กับมาตรการของรัฐที่ช่วยจูงใจให้คนไทย “อยู่เที่ยว” เมืองรองนานขึ้นและใช้จ่ายมากขึ้น

เชียงรายกับเส้นทางการท่องเที่ยวไทยใหม่

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทย เมืองรองอย่างเชียงรายยิ่งกลายเป็นจุดหมายที่ได้รับความสนใจสูง แต่ยังต้องเน้นพัฒนา “มูลค่า” ไม่ใช่แค่ “จำนวน” เพื่อเปลี่ยนการเติบโตเชิงปริมาณให้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของพื้นที่อย่างยั่งยืน การสร้างกิจกรรมพิเศษ เทศกาล วัฒนธรรมท้องถิ่น และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ จะเป็นหัวใจของกลยุทธ์ในอนาคตของ “เมืองรอง” เพื่อให้สมดุลทั้งจำนวนและรายได้ที่ยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
  • สำนักงานเศรษฐกิจการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวครึ่งปีแรก 2568
  • ข้อมูลจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวและสื่อเศรษฐกิจไทย
  • หลงฮักเขาแคมป์ปิ้ง ภูชี้ฟ้า
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ไทยสูญเสียตลาดจีน! เวียดนามผงาด เหตุเงินบาทแข็ง-ความปลอดภัย-เศรษฐกิจจีน

นักท่องเที่ยวจีนเมินไทย แห่ไปเวียดนาม วิกฤต “ปีทอง” การท่องเที่ยวไทยที่ต้องเร่งปรับตัว

วิกฤตใหม่ไทยสูญเสียตำแหน่งเจ้าตลาดท่องเที่ยวจีนในภูมิภาค

เชียงราย, 10 กรกฎาคม 2568 – ในอดีตประเทศไทยเคยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีน แต่วันนี้ภูมิทัศน์การท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเผยว่า ในครึ่งแรกของปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยลดลงเหลือ 16 ล้านคน ลดลง 4.2% จากปีที่ผ่านมา ที่น่าตกใจคือ สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเคยสูงถึง 28% ในปี 2562 และ 19% ในปี 2567 ลดเหลือไม่ถึง 14% ในปีนี้

ขณะที่เวียดนามกลับผงาดขึ้นเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 78% ในไตรมาสแรกปี 2568 แซงหน้าไทยด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นกว่า 200,000 คน ทะลุเป้าหมายในเวลาอันสั้น ดานังและญาจางคือหัวเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุด จากรีสอร์ตหรูไปจนถึงชายหาดที่เงียบสงบ

ปัจจัยฉุดรั้งประเทศไทยเงินบาทแข็ง-ความปลอดภัย-เศรษฐกิจจีน

สาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดความสนใจประเทศไทยมีหลายปัจจัย ทั้งการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินหยวนซึ่งลดความน่าสนใจในด้านราคาสินค้าและบริการ ในทางกลับกัน เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดองของเวียดนามและรูเปียห์ของอินโดนีเซีย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนรู้สึกว่าได้ “ความคุ้มค่า” มากกว่าในสองประเทศนี้

อีกปัจจัยสำคัญคือปัญหาด้านความปลอดภัย ภาพยนตร์และข่าวในสื่อจีน เช่น “No More Bets” ที่นำเสนอเรื่องราวการหลอกลวงในภูมิภาคนี้ การกราดยิงในห้างสยามพารากอน เหตุการณ์แผ่นดินไหว และกรณีลักลอบค้ามนุษย์ ล้วนแต่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของประเทศไทยในสายตาชาวจีน

นอกจากนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่ซบเซาทำให้นักท่องเที่ยวจีนต้องรัดเข็มขัด งบประมาณการเดินทางลดลง 23% จากปีที่แล้ว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่มองหาประสบการณ์ที่ “สดใหม่” และ “ราคาประหยัด” มากกว่าการเดินทางแบบเดิม

ยุทธศาสตร์ใหม่ “คุณภาพมากกว่าปริมาณ” ทางรอดหรือเพียงความหวัง?

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ประกาศปรับกลยุทธ์จาก “เน้นจำนวนนักท่องเที่ยว” เป็น “เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ” โดยพยายามดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และเน้นเจาะตลาดใหม่ ๆ เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และการท่องเที่ยวรูปแบบเฉพาะทาง เช่น กีฬา งานเทศกาล และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่าการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบิน รถไฟความเร็วสูง ระบบวีซ่าดิจิทัล แม้จะเอื้อต่อกลุ่มพรีเมียม แต่ยังไม่มีหลักประกันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทดแทนการหายไปของตลาดจีนที่สำคัญได้

ตลาดจีนยังสำคัญไทยไม่สามารถละเลยได้

แม้การปรับกลยุทธ์จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นตรงกันว่า ไทยยังไม่สามารถละเลยตลาดจีนซึ่งเคยสร้างรายได้สูงสุดแก่ประเทศ ในปี 2568 นักท่องเที่ยวจีนมาไทยไม่ถึง 2 ล้านคน ลดลงเกือบ 1 ใน 3 จากปี 2567 และลดฮวบจาก 11.1 ล้านคนในปี 2562

ททท. ยังเดินหน้าทำตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการร่วมมือกับ Baidu ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำแคมเปญ “สวัสดี หนีห่าว” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและกระตุ้นให้ชาวจีนกลับมาเที่ยวไทย แต่ผลลัพธ์ยังห่างไกลจากเป้าหมายที่เคยตั้งไว้

นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่เจาะ “ใจ” คือทางรอด

รศ.ดร.กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่า นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ไม่ต้องการประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบแพ็กเกจ พวกเขาแสวงหา “ประสบการณ์แท้จริง” (authentic experiences) ที่เชื่อมโยงกับท้องถิ่น มีส่วนร่วมกับชุมชน และให้ความสำคัญกับคอนเทนต์โซเชียลมีเดีย ไทยควรผลักดัน “ท่องเที่ยวชุมชน” อย่างจริงจัง ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมทั้งในแง่ประสบการณ์และการกระจายรายได้

นอกจากนี้ คุณภาพในสายตานักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ไม่ใช่เพียงความหรูหรา แต่หมายถึงบริการที่ใส่ใจ ความสะดวกสบาย และความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช่สินค้า “แมส” ที่หาได้จากทุกประเทศ

สงครามท่องเที่ยวในอาเซียนเวียดนาม-มาเลเซียรุกหนัก ไทยต้อง “ล็อกประตูหลัง”

ขณะนี้อาเซียนกลายเป็นสมรภูมิแข่งขันที่เข้มข้น เวียดนามและมาเลเซียเร่งปลดล็อกมาตรการวีซ่า ขยายเส้นทางบินตรง เปิดบริการรถไฟและพัฒนาคอนเทนต์การท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ขณะที่ไทยยังต้องแข่งขันทั้งเรื่องความปลอดภัย ราคา และประสบการณ์ใหม่ ๆ

นายแกรี โบเวอร์แมน นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกล่าวเตือนว่า ประเทศไทยต้องทำงานหนักขึ้น ต้อง “ล็อกประตูหลัง” หมายถึงการสร้างความภักดีและประสบการณ์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนอยากกลับมาเยือนซ้ำ

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยความท้าทายใหญ่ที่รอวันพลิกฟื้น

การหายไปของตลาดจีนส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก ททท. ต้องปรับลดเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวเหลือ 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2568 ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังมีสัดส่วนถึง 12% ของ GDP ไทย นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังเตือนว่า หากไทยยังพึ่งพาการท่องเที่ยวโดยไม่มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ความเสี่ยงจะสูงขึ้นในระยะยาว

ไทยต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ไม่ใช่แค่พึ่งจำนวนนักท่องเที่ยว แต่มุ่งสร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ยั่งยืน เพื่อทวงคืนความเป็น “ไข่มุกแห่งเอเชีย” ในใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News