Categories
ECONOMY NEWS UPDATE

จากโลกออนไลน์สู่ยอดจอง! เปิดยุทธศาสตร์คว้าโอกาส เมื่อเชียงรายถูกค้นหามากที่สุด

เชียงรายคว้าอันดับ 1 เมืองน่าเที่ยวจาก Google Trends—แรงดันดีมานด์ปลายปีหนุนเมืองรองโดดเด่น รับสัญญาณไฮซีซันและมาตรการรัฐ

เชียงราย, 24 ตุลาคม 2568 — เสียงลมหนาวเริ่มแตะยอดดอยพอดี ขณะที่ “เชียงราย” ผงาดขึ้นอันดับ 1 เมืองน่าเที่ยวจากการค้นหาใน Google Trends (ข้อมูล ณ 24 กันยายน 2568) พร้อมแรงเสริมจากบทวิเคราะห์แนวโน้มการท่องเที่ยวของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ชี้ว่าดีมานด์เดินทางช่วงไฮซีซันยังแข็งแรง โดยเฉพาะกลุ่มเมืองรองในภาคเหนือ สัญญาณทั้งหมดกำลังสอดรับกันอย่างลงตัว ทั้งสภาพอากาศเย็นสบาย เทศกาลปลายปี กิจกรรมเชิงวัฒนธรรม และแพ็กเกจการตลาดที่ถูกจังหวะ

ภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียง “กระแสออนไลน์” หากสะท้อนการตัดสินใจจริงของผู้เดินทาง ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่กำลังล็อกเส้นทางปลายปี ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการท่องเที่ยวและชุมชนเจ้าบ้านเริ่มเร่งเครื่องรับลูก เพื่อเปลี่ยนยอดค้นหาให้เป็น “ยอดจอง–ยอดใช้จ่าย” ที่วัดได้ในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น

เศรษฐกิจดีมานด์ปลายปีมาแรง เมืองรองได้อานิสงส์ชัด

การติดอันดับ 1 ใน Google Trends ชี้ให้เห็น “อุปสงค์แฝง” ที่กำลังจะปลดล็อกสู่การเดินทางจริง โดยบทวิเคราะห์ แนวโน้มการท่องเที่ยวตลาดในประเทศ เดือนตุลาคม 2568 ของ ททท. ประเมินว่า เดือนนี้จะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยราว 16.28 ล้านคน–ครั้ง และสร้างรายได้ท่องเที่ยวราว 93,857 ล้านบาท แม้ภาพรวมจะชะลอเล็กน้อยเมื่อเทียบปีก่อน แต่สัดส่วนการเดินทางสู่ “เมืองท่องเที่ยว” นอกเมืองหลักขยับขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับโมเมนตัมของเชียงรายที่ขึ้นแท่นเมืองน่าเที่ยวอันดับต้นในโลกออนไลน์

ฝั่ง “ปัจจัยสนับสนุน” ททท.ระบุข้อได้เปรียบสำคัญไว้ 3 มิติ

  1. มาตรการกระตุ้นช่วง Green Season และเทศกาลต่อเนื่องปลายปี
    งานวัฒนธรรมและกิจกรรมดนตรีช่วยกระจายผู้คนสู่เมืองรอง ขณะที่คอนเทนต์เชิงท้องถิ่นดึงดูดเจเนอเรชันใหม่ได้ดี
  2. ฤดูกาลท่องเที่ยวเริ่มหนาวเย็น
    อุณหภูมิที่ลดลงทำให้กิจกรรมกลางแจ้งเป็นที่นิยม การเดินป่า กางเต็นท์ และล่าสายหมอกช่วยต่อยอดที่พักและบริการชุมชน
  3. อีเวนต์ดนตรีและกิจกรรมเอาต์ดอร์
    เทศกาลดนตรีและงานวิ่งปลายปีดึงเม็ดเงินท่องเที่ยวคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y–Z ที่เน้นประสบการณ์และพร้อมจ่าย

ในอีกด้านหนึ่ง ปัจจัยอุปสรรค ยังมีให้จับตา ทั้งค่าครองชีพที่ยังสูง ภาระครัวเรือน และการท่องเที่ยวต่างประเทศที่กลับมาคึกคักในบางตลาด ทว่าเมื่อซ้อนทับกับจุดแข็งเชิงภูมิอากาศและคอนเทนต์เฉพาะถิ่น เมืองรองที่เตรียมตัวดีจะ “รับแรงส่ง” ได้มากกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งเชียงรายอยู่ในจังหวะนั้นพอดี

เชียงรายในเลนส์ข้อมูล ความสนใจพุ่ง–จุดขายชัด–แบรนด์ชุมชนแข็ง

1) สัญญาณความสนใจชัดเจน
การขึ้นอันดับ 1 เมืองน่าเที่ยวใน Google Trends สะท้อนการค้นหาที่เข้มข้น ทั้งคำหลักเกี่ยวกับ วัดร่องขุ่น–บ้านดำ–ไร่ชาฉุยฟง–ขุนน้ำนางนอน–ถนนคนเดิน รวมถึงกิจกรรมฤดูหนาว เช่น ลานดอกไม้–งานแสงสี–วิ่งเทรล ข้อมูลระดับพื้นที่ยังชี้ว่าการค้นหา “ที่พักเชียงราย” และ “คาเฟ่วิวภูเขา” เพิ่มขึ้นต่อเนื่องช่วงปลายกันยายน–ตุลาคม

2) จุดแข็งด้านความปลอดภัยและไลฟ์สไตล์
เชียงรายถูกยกให้เป็นหนึ่งในเมืองที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวเดี่ยวและกลุ่มผู้หญิง/ดิจิทัลโนแมดในเอเชีย จุดเด่นนี้เสริมความเชื่อมั่นด้านการเดินทางคนเดียวและการทำงานระยะไกล (Work from Anywhere) ที่กำลังเป็นกระแส

3) Soft Power เชิงพื้นที่
เมืองศิลปะและกาแฟคือภาพจำที่ชัด วัดร่องขุ่นของเฉลิมชัย–พิพิธภัณฑ์บ้านดำของถวัลย์–ย่านคาเฟ่กาแฟพิเศษจากดอยแม่สลอง–แม่จัน–แม่ฟ้าหลวง เชื่อมโยงวัฒนธรรม–ธรรมชาติ–วิถีหมอกหนาวได้ลื่นไหล เหมาะกับการออกแบบเส้นทาง 2–3 คืน ที่จับคู่ได้ทั้งเมือง–ชานเมือง–ชายแดน

4) ความพร้อมรองรับดีมานด์จริง
สนามบิน การคมนาคมข้ามจังหวัด และคลัสเตอร์ที่พักระดับกลาง–เล็กของชุมชน เติบโตควบคู่กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เน้นประสบการณ์และมาตรฐานสะอาดปลอดภัย ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่นักท่องเที่ยวยุคหลังโควิดให้ความสำคัญ

ภาพใหญ่ในประเทศ โครงสร้างการเดินทางเดือนตุลาคม 2568

รายงานทิศทางตลาดในประเทศของ ททท. ชี้ว่า เมืองท่องเที่ยว นอกกลุ่ม “เมืองหลัก” กำลังแย่งส่วนแบ่งผู้เยี่ยมเยือนได้ดีขึ้น โดยแรงขับมาจาก 4 ตัวแปร

  • งานเทศกาล–วัฒนธรรม–ดนตรี ที่เกิดถี่ขึ้น
  • แพ็กเกจโปรโมชันร่วมเอกชน ที่ลด Pain Point ค่าเดินทางและที่พัก
  • คอนเทนต์สื่อออนไลน์ ที่ลงพื้นที่จริง ทำให้ “หมุดหมายรอง” โดดเด่น
  • สภาพอากาศเย็นลง ที่เร่งให้คนอยากออกนอกเมืองใหญ่

ในเชิงอุปทานฝั่งที่พักและเที่ยวบิน เดือนตุลาคมยังมีที่นั่งรวมราว 4 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่สัดส่วนเส้นทางบินสู่ภาคเหนือยังแข็งแรง ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างเชียงราย–เชียงใหม่–แพร่–น่าน สามารถออกแบบทริปเชื่อมโยงแบบ “Multi-City” ได้คล่องตัว

นักท่องเที่ยวต่างชาติ โกลเดนวีกหนุนหน้าเอเชีย–ไฟลต์ใหม่ช่วยกระจายตัว

ด้านตลาดต่างชาติ รายงาน แนวโน้มเดือนตุลาคม 2568 คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 2.62 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน แต่มี “แรงหนุนเฉพาะจังหวะ” ที่สำคัญ ได้แก่

  • เทศกาล China Golden Week ช่วงปลายกันยายนถึงต้นตุลาคม ที่ดันการจองล่วงหน้าขึ้น
  • Forward Booking รวม เติบโต +1.8% โดยตลาดที่โตเด่น คือ อิสราเอล–สหราชอาณาจักร–จีน
  • เส้นทางบินใหม่ 50 เส้นทาง ในหลายภูมิภาค ที่ช่วยเพิ่มความถี่และกระจายผู้โดยสาร

กลุ่ม Short-haul Top 5 ยังนำโดย มาเลเซีย–จีน–อินเดีย–เกาหลีใต้–อินโดนีเซีย ส่วน Long-haul Top 5 ได้แก่ รัสเซีย–สหราชอาณาจักร–สหรัฐฯ–เยอรมนี–ฝรั่งเศส นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขึ้นเหนือมักจัดแพ็กเกจ “เชียงใหม่–เชียงราย” ในทริปเดียว เน้นธรรมชาติ ศิลปะ วัดดัง และคาเฟ่วิวขุนเขา ทำให้เชียงรายได้ส่วนแบ่ง “คืนพัก” เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงโลว์ซีซัน

เชียงรายต้องรับมืออะไร ค่าครองชีพ–โลจิสติกส์–คุณภาพบริการ

แม้สัญญาณเชิงบวกมีมาก แต่ ปัจจัยอุปสรรค ยังเป็นโจทย์ต้องติดตาม

  • ค่าครองชีพและค่าเดินทาง ที่กดดันการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปของนักท่องเที่ยวไทย
  • การดึงคนออกนอกเมืองใหญ่ ที่ยังต้องพึ่งอีเวนต์คุณภาพสูงและการสื่อสารเชิงกลยุทธ์
  • การแข่งขันจากต่างประเทศ เมื่อหลายประเทศอาเซียนเร่งแคมเปญราคาช่วงปลายปี
  • บริหารความหนาแน่น ในจุดท่องเที่ยวยอดนิยม ช่วงไพรม์ไทม์เช้า–เย็น เพื่อรักษาประสบการณ์

เชียงรายจึงต้อง “เก็บดีเทล” ให้ครบ โดยเฉพาะการจัดการคิวจุดชมวิว การจราจรในวันพีก สัญญาณอินเทอร์เน็ตในแหล่งท่องเที่ยว และการสื่อสารหลายภาษาในย่านท่องเที่ยวหลัก เพื่อคงมาตรฐานเมืองท่องเที่ยวคุณภาพในช่วงที่ดีมานด์พุ่งขึ้นอย่างพร้อมกัน

การบ้านเชิงนโยบาย–เอกชน–ชุมชน เปลี่ยนการค้นหาเป็นการจอง

1) นโยบาย–หน่วยงานท้องถิ่น
ควรวาง แผนปฏิบัติการ 60 วัน รับไฮซีซันครอบคลุม ความปลอดภัย–จราจร–สิ่งแวดล้อม–สื่อสารแบบเรียลไทม์ พร้อมตั้งจุดข้อมูลภาษาไทย–อังกฤษในย่านหลัก และเตรียมจุดปฐมพยาบาลในงานเทศกาล

2) เอกชน–ผู้ประกอบการ
ปรับแพ็กเกจ เที่ยวยาว–ใช้จ่ายยาว” ผ่านดีลที่พัก + ร้านอาหาร + คาเฟ่ + กิจกรรมท้องถิ่น เพิ่มมูลค่าต่อบิล แนะนำสินค้าชุมชนและทัวร์ครึ่งวัน เพื่อลด “เวลาว่าง” ในทริป และขยายการใช้จ่ายสู่ชุมชนรอบนอก

3) ชุมชน–ผู้ประกอบการรายย่อย
ยกระดับ Content–Commerce ให้เดินคู่กัน เน้นเรื่องเล่าท้องถิ่น บริการที่เป็นมิตร และมาตรฐานความสะอาด–ปลอดภัย พร้อมระบบจองง่ายบนแพลตฟอร์มยอดนิยม เพื่อลดขั้นตอนตัดสินใจ

ปลายฝนต้นหนาว หนึ่งวันในเชียงรายที่พูดด้วยตัวเอง

เริ่มเช้าด้วยหมอกบางๆ เหนือทุ่งชา นักท่องเที่ยวแวะจิบกาแฟดริปจากเมล็ดดอยแม่สลอง ก่อนมุ่งหน้าไป วัดร่องขุ่น แสงเช้าสะท้อนผิววิจิตรสีขาวโพลน จบช่วงสายที่ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ซึ่งเล่าเรื่องลึกของล้านนาในภาษาศิลป์ พอเที่ยงก็สลับไปร้านอาหารท้องถิ่นริมกก บ่ายแก่ๆ แวะ คาเฟ่วิวภูเขา ที่ชุมชนเจ้าบ้านลงมือชงด้วยใจ

ยามเย็นเดินควงแขนกันที่ ถนนคนเดินเชียงราย ดนตรีเปิดหมวกดังคลอ ผู้คนเลือกผ้าทอไทลื้อ ข้าวจี่ร้อนๆ ควันกรุ่น ช่วงเวลานี้อาจเป็น “จุดตัดสินใจ” ที่สำคัญที่สุด เพราะประสบการณ์จริงจะทำให้ทุกไลก์–ทุกการค้นหา กลายเป็น “รีวิวปากต่อปาก” ที่พาเพื่อนอีกหลายคนกลับมาในฤดูกาลหน้า

โอกาสของเมืองรองในหน้าหนาว ต้องคว้าด้วยคุณภาพ

การคว้าอันดับ 1 เมืองน่าเที่ยวใน Google Trends ไม่ใช่จุดหมาย แต่เป็น “จุดเริ่ม” เชียงรายมีทรัพยากรพร้อมทั้งธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม กาแฟ และความปลอดภัย แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจจับต้องได้ ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการอย่างมีวินัย ตั้งแต่คิวจุดชมวิวจนถึงห้องน้ำสาธารณะ ตั้งแต่มาตรฐานที่พักจนถึงถังขยะรีไซเคิล ตั้งแต่ข้อมูลเรียลไทม์จนถึงเจ้าบ้านที่ยิ้มต้อนรับอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ปลายปีนี้ “เมืองรองดาวรุ่ง” จึงไม่ได้ชนะกันที่แสงสีที่ดังที่สุด แต่ชนะกันที่รายละเอียดและความสม่ำเสมอที่สุด หากเชียงรายรักษาคุณภาพเสมอต้นเสมอปลายและต่อยอด Soft Power ให้คมชัด เชียงรายจะไม่ใช่เพียง “คำค้นหายอดนิยม” แต่จะเป็น “คำตอบ” ของนักเดินทางคุณภาพในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • Google Trends
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • ททท. แนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดือนตุลาคม 2568
  • OAG / ระบบ ForwardKeys
  • ข้อมูลสาธารณะด้านความปลอดภัยนักเดินทาง/ผู้หญิงและดิจิทัลโนแมด
  • TAT Intelligence Center
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายสตาร์ทไฮซีซัน! มาตรการ “เที่ยวดี มีคืน” คูณสิทธิ 1.5 เท่า ดันเงินสะพัดชุมชน

เชียงรายสตาร์ทไฮซีซัน “เที่ยวดี มีคืน” เมืองรองคูณ 1.5 เท่า เปิดเกมภาษี–MICE–รัฐเร่งเบิกจ่าย หนุนเงินสะพัดชุมชน

เชียงราย, 22 ตุลาคม 2568 – เชียงรายยืนด่านหน้าฤดูท่องเที่ยวปลายปีอีกครั้ง. มาตรการ “เที่ยวดี มีคืน” ถูกเคาะโดย ครม. เพื่ออัดฉีดกำลังซื้อช่วง 29 ตุลาคม–15 ธันวาคม 2568. เมืองรองได้คูณสิทธิ 1.5 เท่า. ภาคธุรกิจสัมมนาในเชียงรายหักรายจ่ายได้ 2 เท่า. หน่วยงานรัฐถูกตั้ง KPI เร่งเบิกจ่ายอย่างน้อย 60% ภายในมกราคม 2569. สัญญาณทั้งหมดชี้ว่าเม็ดเงินกำลังมุ่งสู่ชุมชน. ผู้ประกอบการต้องพร้อมรับดีมานด์ และชุมชนต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี. มาตรการนี้มีเป้าหมายเป็น Quick Big Win เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนทันเวลา. ข้อมูลหลักยืนยันจากหน่วยงานรัฐและสื่อสาธารณะหลากหลายแหล่ง

โครงสร้างมาตรการ 5 คันเร่งหนุนดีมานด์–ซัพพลาย

มาตรการของรัฐแบ่งเป็น 5 แกนหลัก. แกนแรกคือภาษีบุคคลธรรมดาสำหรับค่าที่พักและร้านอาหาร. วงเงินลดหย่อนตามจ่ายจริงไม่เกิน 20,000 บาท. เมืองรองได้คูณ 1.5 เท่า สูงสุด 30,000 บาท. 10,000 บาทแรกใช้ใบกำกับแบบกระดาษหรือ e-Tax ได้. ส่วน 10,000 บาทถัดไป ต้องเป็น e-Tax เท่านั้น. เงื่อนไขครอบคลุมผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบ VAT. ส่วนค่าตั๋วเดินทางและของฝากไม่เข้าเกณฑ์. รายละเอียดออกโดยกรมสรรพากรในเอกสารทางการ

แกนที่สองคือมาตรการภาษีนิติบุคคลด้าน MICE. จัดอบรมหรือสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยว “เมืองรอง” หักรายจ่ายได้ 2 เท่า. พื้นที่อื่นหักได้ 1.5 เท่า. นี่คือแรงจูงใจสำคัญให้บริษัทเลือกเชียงราย. แกนที่สามคือเร่งรัดการเบิกจ่ายภาครัฐ. เป้าหมายการใช้จ่ายฝึกอบรม–ประชุม–สัมมนา ปีงบ 2569 ไม่น้อยกว่า 60% ภายในมกราคม 2569. ทั้งหมดถูกสื่อสารโดยหน่วยงานสื่อสารภาครัฐ

แกนที่สี่คือภาษีสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรม. อนุญาตให้หักรายจ่ายการต่อเติม เปลี่ยนแปลง หรือขยายพื้นที่ได้ 2 เท่า. ช่วงเวลามาตรการคือ 29 ตุลาคม 2568 ถึง 31 มีนาคม 2569. แกนที่ห้าคือการขยายเวลาลดภาษีกิจการบันเทิงจาก 10% เหลือ 5% อีก 1 ปี. ช่วยเพิ่มสีสันท่องเที่ยวกลางคืนและกิจกรรมผ่อนคลาย

ทำไม “เชียงราย” ได้เปรียบ

เชียงรายคือเมืองปลายทางที่มีเอกลักษณ์. ภูมิประเทศหลากหลายและวัฒนธรรมเข้มข้น. โครงสร้างพื้นฐานท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง. ข้อมูลทางการระบุว่า ปี 2566 เชียงรายมีนักท่องเที่ยวกว่า 6.14 ล้านคน. รายได้ท่องเที่ยวทะลุ 46,000 ล้านบาท. ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนศักยภาพฐานลูกค้าจริง. หากผนวกแรงคูณภาษี 1.5 เท่า ดีมานด์ปลายปีนี้จึงมีโอกาสเร่งตัว. หน่วยงานรัฐในพื้นที่ยังยืนยันบทบาทเชียงรายในยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว

เมื่อพิจารณาจากนโยบายรัฐปัจจุบัน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้นำคณะขับเคลื่อนมาตรการเศรษฐกิจ. ความเคลื่อนไหวล่าสุดสะท้อนบทบาทเชิงรุกด้านการคลังในเวทีระหว่างประเทศและภายในประเทศ. สอดรับทิศทางนโยบายที่ต้องการผลเร็ว และกระจายโอกาสสู่เมืองรอง

จาก “นโยบาย” สู่ “ชุมชน”

นโยบายจะสำเร็จเมื่อกลไกหน้างานทำงานจริง. ภาพแรกคือครอบครัวจากกรุงเทพฯ. พวกเขาเลือกเชียงรายเพราะต้องการธรรมชาติและศิลปะ. สิทธิภาษีช่วยตัดสินใจเร็วขึ้น. โรงแรมในเมืองรองทำแพ็กเกจที่พักพร้อมอาหารท้องถิ่น. ร้านอาหารเตรียม e-Tax ครบถ้วนเพื่อลูกค้ายื่นภาษีได้ทันที. ทริปสั้นๆ เปลี่ยนเป็น 3 คืน. งบประมาณเฉลี่ยต่อทริปเพิ่ม. เงินกระจายสู่โชห่วยและรถสองแถวในชุมชน.

ภาพต่อมาคือฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทเอกชน. งบสัมมนาปลายปีถูกปรับแผนจากเมืองหลักไปสู่เชียงราย. แพ็กเกจห้องประชุมครึ่งวัน บวกกิจกรรมทีมบิลดิ้งกลางไร่ชา. บริษัทได้หักรายจ่าย 2 เท่า. โรงแรมมีอัตราเข้าพักสูงขึ้น. วิสาหกิจชุมชนได้รับงานจัดกิจกรรมกลางแจ้ง. ผู้ให้บริการท้องถิ่นมีรายได้เพิ่ม.

ภาพสุดท้ายคือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น. งานอบรมบุคลากรย้ายมาจัดในพื้นที่ตัวเอง. โรงแรมขนาดกลางได้คิวเช่าเต็ม. ผู้ประกอบการรถตู้และร้านอาหารรับอานิสงส์. ระบบ e-Tax เตรียมพร้อม. เมื่อรวมกับ KPI เร่งเบิกจ่าย รายนัดหมายจึงเกิดขึ้นเร็วและถี่. สิ่งเหล่านี้ขับเคลื่อนตัวคูณทางเศรษฐกิจในระดับชุมชน.

เงื่อนไขสำคัญที่ต้องรู้เล่นให้ถูกกติกา ได้สิทธิเต็มจำนวน

ผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องเก็บใบกำกับภาษีให้ครบถ้วน. 10,000 บาทแรก ใช้ใบกำกับแบบกระดาษหรือ e-Tax ได้. 10,000 บาทถัดไป ต้องเป็น e-Tax เท่านั้น. ค่าใช้จ่ายที่นำไปลดหย่อนได้ ครอบคลุมค่าที่พักและค่าบริการร้านอาหารในระบบ VAT. ค่าบริการนำเที่ยวของบริษัททัวร์ที่จดทะเบียนก็เข้าเกณฑ์. ส่วนค่าน้ำมัน ทางด่วน ตั๋วเครื่องบิน และของฝาก ไม่เข้าหลักเกณฑ์. ทั้งหมดอ้างอิงตามประกาศและอินโฟกราฟิกของหน่วยงานรัฐ

นิติบุคคลที่จัดสัมมนาในเชียงราย สามารถหักรายจ่าย 2 เท่า. การวางแผนเอกสารภาษีจึงสำคัญยิ่ง. ฝ่ายบัญชีควรตรวจสอบข้อมูลผู้เสียภาษีบนใบกำกับ. โรงแรม ร้านอาหาร และผู้ให้บริการ ต้องออกเอกสารครบ. การเตรียมระบบ e-Tax ที่ไหลลื่นจะช่วยปิดการขาย. รัฐได้วางเงื่อนไขเวลาชัดเจน จึงควรดำเนินการให้ทันกรอบ

โอกาสของผู้ประกอบการเชียงรายยกระดับสู่มาตรฐานและความยั่งยืน

มาตรการปรับปรุงโรงแรม 2 เท่า เปิดโอกาสลงทุนระยะเร่งด่วน. ผู้ประกอบการควรโฟกัสงานที่ยกระดับประสบการณ์แขก. เช่น ปรับฟังก์ชันห้องพักเพื่อรองรับครอบครัว. พัฒนา Co-working zone สำหรับนักท่องเที่ยวทำงานไกล. ติดตั้งโซลาร์เพื่อลดต้นทุนพลังงานระยะยาว. โรงแรมควรเพิ่มระบบจองตรงพร้อม e-Tax อัตโนมัติ. เมื่อรวมกับส่วนลดภาษีฝั่งลูกค้า ความน่าสนใจจะยิ่งเพิ่ม

ภาคบันเทิงและกิจกรรมกลางคืนได้แรงหนุนจากการลดภาษีเหลือ 5%. ผู้ประกอบการผับ บาร์ และโชว์พื้นเมืองควรจัดตารางการแสดงรองรับไฮซีซัน. ควรประสานงานกับชุมชนเรื่องเสียงและความปลอดภัย. ความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตคือหัวใจ. หากบริหารดี เมืองจะ “เที่ยวได้ทั้งปี” อย่างเป็นรูปธรรม

เชียงรายมีฐานแข็ง พร้อมสปริงตัว

ตัวเลขปี 2566 สะท้อนศักยภาพหลักของจังหวัด. นักท่องเที่ยวรวมกว่า 6.14 ล้านคน. รายได้สูงกว่า 46,000 ล้านบาท. อัตราฟื้นตัวหลังวิกฤตเป็นไปอย่างมั่นคง. แนวโน้มปี 2567 ภาคบริการยังขยายตัวเด่น. ปัจจัยคือการกลับมาของกิจกรรมและการเชื่อมโยงคมนาคม. เม็ดเงินท่องเที่ยวช่วยดันค้าปลีกและภาษีมูลค่าเพิ่ม. เมื่อผนวกมาตรการ “เที่ยวดี มีคืน” โอกาสจึงชัดเจน

ข้อมูลระดับประเทศยังชี้ว่าดีมานด์ท่องเที่ยวภายในและต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี. นักท่องเที่ยวต่างชาติและไทยเที่ยวไทยยังเป็นเสาหลัก. ภาคเหนือได้แรงขับจากเมืองรองที่เติบโต. เชียงรายได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้โดยตรง. ผู้เล่นท้องถิ่นจึงควรวางกลยุทธ์ “ยืดเวลาพำนัก” และ “เพิ่มมูลค่าต่อทริป”

แผนปฏิบัติสำหรับ 8 สัปดาห์ทอง

สัปดาห์ที่ 1–2: โรงแรมจัดแพ็กเกจ “เมืองรอง 1.5 เท่า”. รวมห้องพัก อาหารเช้า เมนูท้องถิ่น และกิจกรรมชุมชน. ออก e-Tax ได้ทันที. ทำสื่อสั้น 15 วินาที เน้นคีย์เวิร์ด “หักภาษีเพิ่มได้”.
สัปดาห์ที่ 3–4: เจาะตลาดองค์กร. เสนอห้องประชุมครึ่งวันพร้อมทีมบิลดิ้ง. จับมือวิสาหกิจชุมชนทำเวิร์กช็อปชา กาแฟ หรืองานคราฟต์. ระบุสิทธิ “หัก 2 เท่า” ให้ชัดเจน.
สัปดาห์ที่ 5–6: จัด “เทศกาลอาหารชุมชน”. โปรโมตผ่านเพจท้องถิ่นและพาร์ตเนอร์ OTA. ทุกบูธออก e-Tax ได้. เชื่อมแผนที่เดินเที่ยวในระยะ 1 กิโลเมตร.
สัปดาห์ที่ 7–8: ผลักดันตลาดครอบครัวและสายสุขภาพ. นำเสนอสปาและออนเซ็นธรรมชาติ. สร้างโปรแกรม “เดินป่าเบาๆ” กับไกด์ชุมชน. ปิดแคมเปญด้วยคอนเสิร์ตท้องถิ่นภายใต้กติกาความปลอดภัย.

เจ้าบ้านที่ดีและกระบอกเสียงที่เชื่อถือได้

ททท. เน้นบทบาท “เจ้าบ้านที่ดี” อย่างต่อเนื่อง. การต้อนรับที่อบอุ่นสร้างประสบการณ์และการกลับมา. ชุมชนควรจัดทำลิสต์แหล่งท่องเที่ยวที่รับผิดชอบ. สื่อท้องถิ่นช่วยคัดกรองข้อมูลที่ถูกต้อง. ผู้ประกอบการควรทำคู่มือ “ใช้สิทธิอย่างไร” แจกลูกค้า. เมื่อข้อมูลครบถ้วน นักท่องเที่ยวจะมั่นใจและใช้สิทธิได้จริง

 

คำกล่าวจากภาครัฐ ทิศทาง–เป้าหมาย–กลไก

ปลัดกระทรวงการคลัง แถลงหลัง ครม. มีมติว่า มาตรการชุดนี้ตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจสั้น และเพิ่มขีดความสามารถระยะยาว. นโยบายเน้นการกระจายพื้นที่ โดยโฟกัสเมืองรอง. โครงสร้างภาษีถูกออกแบบให้จูงใจทุกภาคส่วน. ภาครัฐย้ำกรอบเวลาชัดเจน และย้ำการใช้ e-Tax เพื่อความโปร่งใส. สาระสำคัญถูกสื่อสารผ่านสื่อสาธารณะและเอกสารทางการ

ในมุมการคลังระดับนโยบาย บทบาทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีความสำคัญ. ท่าทีเชิงรุกในเวทีระหว่างประเทศย้ำความพร้อมด้านเสถียรภาพ. นี่คือบริบทที่หนุนความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวและนักลงทุน. ความมั่นใจคือหัวใจของการใช้จ่ายปลายปี

ความเสี่ยงที่ต้องบริหาร เอกสาร–ดีมานด์–สมดุลชุมชน

ความเสี่ยงแรกคือเอกสารภาษีไม่ครบ. ผู้ประกอบการต้องกำกับคุณภาพใบกำกับ. ลูกค้าต้องตรวจชื่อ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี และวันที่จ่าย. ความเสี่ยงที่สองคือดีมานด์กระจุกในสุดสัปดาห์. โรงแรมควรกระจายโปรโมชันไปวันธรรมดา. เสนอสิทธิพิเศษสำหรับ “สัปดาห์ทำงานยืดหยุ่น”. ความเสี่ยงที่สามคือผลกระทบชุมชนจากการท่องเที่ยวหนาแน่น. ควรจัดการเรื่องเสียงและขยะ. สร้างกติกา “ท่องเที่ยวรับผิดชอบ” ในทุกกิจกรรม.

หน้าต่างเวลาสั้น แต่ผลลัพธ์ยาว

เชียงรายมีฐานท่องเที่ยวแข็งแรงและชุมชนเข้มแข็ง. มาตรการ “เที่ยวดี มีคืน” เติมเชื้อไฟฝั่งดีมานด์. มาตรการภาษี MICE และ KPI เบิกจ่ายภาครัฐ ช่วยย้ำความแน่นอน. ซัพพลายที่ยกระดับมาตรฐานจะรับโอกาสได้เต็มที่. หากทุกฟันเฟืองเดินพร้อมกัน เงินจะหมุนสู่ร้านเล็ก ร้านใหญ่ และครัวเรือน. หน้าต่างเวลา 29 ตุลาคม–15 ธันวาคม 2568 จึงสำคัญยิ่ง. ผู้เกี่ยวข้องควรลงมือทันที. ทำให้สิทธิถูกใช้จริง ทำให้ประสบการณ์ดีจริง. แล้วผลลัพธ์ระยะยาวจะตกผลึกเป็นความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ “เชียงราย” ทั้งปี.

เช็กลิสต์ “ใช้สิทธิอย่างมืออาชีพ”

  1. วางแผนเดินทางให้ตรงกรอบเวลา.
  2. เลือกผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบ VAT.
  3. เก็บใบกำกับภาษีครบถ้วน โดยเฉพาะ e-Tax ส่วนเกิน 10,000 บาท.
  4. หากเป็นองค์กร ให้ขอใบเสนอราคาและเอกสารภาษีที่สอดคล้อง.
  5. ใช้สิทธิเมืองรองคูณ 1.5 เท่าให้คุ้ม.
  6. ยื่นแบบภาษีช่วง ก.พ.–มี.ค. 2569 พร้อมแนบหลักฐาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมสรรพากร
  • กรมการคลัง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เชียงรายคว้าอันดับ 1 เมืองรองท่องเที่ยวไทย ครึ่งปีแรก 2568 รายได้ทะลุเป้า

เชียงรายผงาดแชมป์เมืองรองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของประเทศ สร้างรายได้เกือบ 2.6 หมื่นล้านบาท

เชียงราย, 16 กรกฎาคม 2568 – อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมีข่าวดีเป็นอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เมื่อจังหวัดเชียงรายก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเมืองรองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของประเทศ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาถึง 3.38 ล้านคน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 25,958 ล้านบาท ตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมของนโยบายกระจายการท่องเที่ยวสู่ภูมิภาคและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจฐานรากในท้องถิ่น

ข้อมูลสถิติเผยความสำเร็จที่น่าประทับใจ

ข้อมูลล่าสุดจากเพจ The Rankings ซึ่งอ้างอิงตัวเลขทางการจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2568 แสดงให้เห็นภาพความสำเร็จที่ชัดเจนของเชียงราย โดยจังหวัดนี้สามารถครองตำแหน่งอันดับ 12 จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศในด้านจำนวนผู้เยี่ยมเยือนสูงสุด และยืนหยัดในอันดับ 9 สำหรับรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด

เมื่อจำกัดขอบเขตการพิจารณาเฉพาะภาคเหนือ 17 จังหวัด เชียงรายยิ่งโดดเด่นมากขึ้นเมื่อขึ้นสู่ตำแหน่งรองแชมป์ รองจากเชียงใหม่เท่านั้น ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 3,378,757 คน และรายได้ 25,958 ล้านบาท ความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเชียงรายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภาคเหนือให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

การแข่งขันในกลุ่มเมืองรองที่ทวีความเข้มข้น

ภาพรวมของการแข่งขันในกลุ่มเมืองรองแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจของแผนที่การท่องเที่ยวไทย โดยเชียงรายสามารถทิ้งห่างคู่แข่งในกลุ่มเมืองรองได้อย่างชัดเจน จากสถิติ 5 อันดับแรกเมืองรองที่มีผู้เยี่ยมเยือนสูงสุด ประกอบด้วย เชียงราย (3,378,757 คน) นำหน้าสุพรรณบุรี (3,344,043 คน) สมุทรสงคราม (3,046,131 คน) อุดรธานี (2,559,369 คน) และอุบลราชธานี (2,413,180 คน) ตามลำดับ

การที่เชียงรายสามารถเก็บเกี่ยวผลสำเร็จเช่นนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น ที่ร่วมกันสร้างสรรค์และพัฒนาเชียงรายให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

คุณนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ

กลยุทธ์การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวที่ประสบความสำเร็จ

คุณนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการท่องเที่ยวใน 17 จังหวัดของภาคเหนือ เผยให้เห็นถึงปัจจัยเบื้องหลังความสำเร็จของเชียงรายในครั้งนี้

“สิ่งหนึ่งที่เราต้องการให้แต่ละจังหวัดขับเคลื่อนและผลักดันในการนำนักท่องเที่ยวเข้ามา คือการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการประสานงานกับสายการบินต่างๆ ให้เห็นถึงความสำคัญของแต่ละจังหวัด” คุณนงเยาว์กล่าว

คุณนงเยาว์ชี้ให้เห็นว่า ช่วงกรีนซีซัน (ฤดูฝน) ซึ่งเป็นช่วงที่ธรรมชาติเขียวขจีและสวยงามที่สุดของเชียงราย กำลังกลายเป็นจุดขายสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ “ในช่วงกรีนซีซัน ภูเขาและที่พักต่างๆ จะมีความสวยงามมาก เราจึงมุ่งเน้นการอัดแคมเปญให้นักท่องเที่ยวทั่วประเทศและทั่วโลกได้มาสัมผัสวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ต่างๆ ในเชียงราย รวมถึงชา-กาแฟคุณภาพสูงท่ามกลางบรรยากาศที่บริสุทธิ์”

กลยุทธ์นี้เป็นการเปลี่ยนแปลงมุมมองจากการมองว่าฤดูฝนเป็นช่วงท่องเที่ยวต่ำ (Low Season) มาเป็นจุดขายพิเศษที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากช่วงอื่นๆ การเน้นย้ำถึงเอกลักษณ์ด้านความหลากหลายทางชาติพันธุ์ การปลูกชา-กาแฟในพื้นที่ดอยสูง และบรรยากาศที่เงียบสงบ ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าจดจำให้กับนักท่องเที่ยว

ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่กว้างไกล

ความสำเร็จของเชียงรายในฐานะเมืองรองท่องเที่ยวอันดับ 1 มีผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กว้างไกลกว่าตัวเลขรายได้ 25,958 ล้านบาท การหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวกว่า 3.3 ล้านคนในครึ่งปีแรก ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นในหลายมิติ

เงินที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายไม่ได้กระจุกตัวเฉพาะในธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ไหลลงสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ค่าที่พักในรีสอร์ทและโรงแรมท้องถิ่น ค่าอาหารในร้านอาหารและแผงลอย ค่าการเดินทางและขนส่ง ค่าซื้อสินค้าหัตถกรรมและของฝากจากชุมชน ค่าบริการไกด์ท้องถิ่น และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

การเจริญเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในเชียงรายยังกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก และการยกระดับคุณภาพการบริการ ซึ่งจะสร้างประโยชน์ต่อเนื่องแก่ประชาชนในพื้นที่และธุรกิจที่เกี่ยวข้องในระยะยาว

การกระจายรายได้สู่ภูมิภาคที่เป็นจริง

ผลสำเร็จของเชียงรายสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของนโยบายกระจายการท่องเที่ยวสู่ภูมิภาคที่เริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม การที่จังหวัดซึ่งไม่ใช่เมืองหลักทางการท่องเที่ยวสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 3 ล้านคน และสร้างรายได้เกือบ 2.6 หมื่นล้านบาท เป็นสัญญาณที่ดีของการลดการกระจุกตัวในกรุงเทพมหานครและเชียงใหม่

การเติบโตนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระจากเมืองหลักที่อาจเกิดปัญหาการท่องเที่ยวล้นเมือง (Over-tourism) แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้จังหวัดอื่นๆ ได้เรียนรู้และปรับใช้แนวทางที่ประสบความสำเร็จ เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวของตนเองให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ความท้าทายและโอกาสในอนาคต

แม้ว่าเชียงรายจะประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจในปัจจุบัน แต่การรักษาและพัฒนาต่อยอดความสำเร็จนี้ให้ยั่งยืนจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ความท้าทายสำคัญประการแรกคือการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นจุดขายหลักของเชียงราย การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ คุณภาพอากาศ และความสงบเงียบที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม

ความท้าทายด้านที่สองคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทั้งในเรื่องของเส้นทางคมนาคม ที่พัก ระบบสาธารณูปโภค และบริการต่างๆ ที่จำเป็นต้องขยายขีดความสามารถอย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายเหล่านี้ก็มาพร้อมกับโอกาสมากมาย เชียงรายมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง การที่ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนกับเมียนมารและลาวเป็นจุดแข็งสำคัญในการสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ

นอกจากนี้ การมีฐานทางการเกษตรที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการปลูกชาและกาแฟคุณภาพสูง ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและการท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

เพื่อให้เชียงรายสามารถรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มเมืองรองท่องเที่ยวและพัฒนาต่อยอดความสำเร็จอย่างยั่งยืน ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานในหลายมิติ

ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยว ควรมุ่งเน้นการสร้างความหลากหลายของกิจกรรมท่องเที่ยวให้ครอบคลุมทุกกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงวัฒนธรรม เชิงผจญภัย และเชิงสุขภาพ เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างจุดขายที่แข็งแกร่งมากขึ้น

ด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ควรใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสื่อสังคมออนไลน์ในการสร้างการรับรู้และประสบการณ์ที่น่าประทับใจ การเล่าเรื่องราว (Storytelling) ที่มีเอกลักษณ์และสร้างความผูกพันทางอารมณ์จะช่วยให้เชียงรายติดอยู่ในความทรงจำของนักท่องเที่ยวและกลายเป็นแรงบันดาลใจในการกลับมาเยือนอีกครั้ง

ด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคล จำเป็นต้องยกระดับความรู้และทักษะของผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งด้านการบริการ ภาษาต่างประเทศ และการเข้าใจวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ

ก้าวใหม่ของการท่องเที่ยวไทย

ความสำเร็จของเชียงรายในการขึ้นสู่ตำแหน่งเมืองรองท่องเที่ยวอันดับ 1 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 3.3 ล้านคนและรายได้เกือบ 2.6 หมื่นล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 2568 เป็นมากกว่าตัวเลขทางสถิติ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในแผนที่การท่องเที่ยวไทย

การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและการสร้างโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลัก ขณะเดียวกันก็เป็นแรงบันดาลใจให้จังหวัดอื่นๆ ในการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวของตนเอง

การที่เชียงรายสามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ เกิดจากการผสมผสานระหว่างทรัพยากรธรรมชาติที่งดงาม ความหลากหลายทางวัฒนธรรม การวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ และการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ในขณะที่ประเทศไทยเตรียมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำเร็จของเชียงรายจึงเป็นส่วนหนึ่งของจิ๊กซอว์ใหญ่ที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เพจ The Rankings
  • กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  • สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ
  • สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News