Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

กลิ่นกาแฟชาหอมฟุ้ง! เชียงรายจัดใหญ่ Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025

 “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2025” เปิดฉากยิ่งใหญ่! เชียงรายนำทัพ 4 จังหวัดล้านนาตะวันออก ชูศักยภาพชา-กาแฟ สู่ศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืน

เชียงราย, 25 กรกฎาคม 2568 – ลานกาสะลองแน่นขนัด “Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025” ชูเสน่ห์กาแฟ-ชาล้านนา สร้างโอกาสใหม่สู่ตลาดโลก กลิ่นหอมของกาแฟคั่วบดและชาชั้นดีล่องลอยคลอเสียงเพลงสดจากศิลปินชื่อดัง ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย สะท้อนความคึกคักและสีสันของ “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2025” (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025) ที่เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ ท่ามกลางผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาติที่เข้าร่วมแน่นขนัด

งานนี้ถือเป็นความร่วมมือบูรณาการของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน เพื่อนำศักยภาพกาแฟและชาคุณภาพระดับโลกของภูมิภาคล้านนาตะวันออก ก้าวสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน พร้อมเชื่อมโยงเรื่องราววัฒนธรรม-วิถีชีวิตกับประสบการณ์ท่องเที่ยว

ล้านนาตะวันออก แหล่งปลูกชา-กาแฟระดับโลก

นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้จัดงาน เปิดเผยว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มีศักยภาพด้านการผลิตชาและกาแฟสูงสุดแห่งหนึ่งของประเทศ เชียงรายเป็นแหล่งปลูกกาแฟอาราบิก้าคุณภาพดี มีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 30% ของประเทศ และสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 721 ล้านบาทต่อปี ขณะที่อุตสาหกรรมชาก็เติบโตโดดเด่น โดยชาและกาแฟเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงพืชเศรษฐกิจสำคัญ แต่ยังมีบทบาทในการอนุรักษ์ป่าไม้ รักษาดุลยภาพระบบนิเวศและสร้างเสถียรภาพให้เกษตรกรในพื้นที่

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภาคเหนือตอนบน 2 มีภูมิประเทศและสภาพอากาศที่เหมาะสม ชาและกาแฟของแต่ละพื้นที่จึงมีรสชาติ กลิ่น และเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ ต่อยอดเป็นอัตลักษณ์การท่องเที่ยวได้ดี” งานนี้จึงเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญผลักดันเศรษฐกิจฐานราก ขยายตลาดใหม่ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยบนเวทีโลก ภายใต้นโยบายชาติว่าด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์และยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก พ.ศ.2561-2580

ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างสุขภาพ สานวัฒนธรรม-การท่องเที่ยว

งาน “Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025” ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแสดงสินค้ากาแฟและชา แต่ยังสร้างการรับรู้ใหม่ให้กับแบรนด์กาแฟท้องถิ่น-ระดับโลกในภูมิภาคล้านนา เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วยกิจกรรมหลากหลาย เช่น การสาธิตชงชา-กาแฟโดยบาริสต้าระดับประเทศ เวิร์กช็อปปลูกและดูแลต้นกาแฟ/ชา การประกวดชงกาแฟ การจับคู่เมล็ดกาแฟกับขนมพื้นเมือง ไปจนถึงเวทีสัมมนาเรื่อง “โอกาสชา-กาแฟไทยสู่ตลาดโลก” โดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันต่างประเทศ

การจัดงานครั้งนี้ ยังช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SME อย่างเป็นรูปธรรม โดยประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อกาแฟ ชา ผลิตภัณฑ์แปรรูปหลากหลาย พร้อมรับคำแนะนำจากผู้ปลูกโดยตรง สัมผัสเสน่ห์ความเป็นล้านนาแท้จริงผ่าน “กาแฟถ้วยโปรด ชาจอกสุขภาพ”

อนาคตเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ของล้านนา

“Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025” เป็นโมเดลสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ สร้างการรับรู้ด้านการท่องเที่ยว และบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ธุรกิจ SME สู่ตลาดสากล กิจกรรมตลอด 4 วัน เปิดให้ชมฟรี พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่แห่งวัฒนธรรมเครื่องดื่มและสุขภาพแก่ผู้ร่วมงาน ทั้งยังเป็นเวทีสร้างความร่วมมือระหว่างภาคประชาสังคม ภาครัฐ เอกชน และกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่

เทศกาลนี้ สะท้อนความพร้อม “เชียงราย-ล้านนาตะวันออก” สู่ศูนย์กลางกาแฟ-ชาเอเชีย

ความสำเร็จของ “Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025” เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพและความพร้อมของเชียงรายและกลุ่มจังหวัดล้านนาตะวันออก ไม่เพียงแต่ในฐานะ “แหล่งปลูกกาแฟ-ชา” ที่ใหญ่ที่สุดของไทย แต่ยังพร้อมก้าวเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ สุขภาพ และวัฒนธรรม” ระดับภูมิภาค สร้างรายได้ เสริมความยั่งยืน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้เกษตรกร-ผู้ประกอบการท้องถิ่น

ข้อเสนอเชิงนโยบาย

  • ส่งเสริมการสร้างแบรนด์ “กาแฟ-ชาล้านนา” และสนับสนุนการตลาดออนไลน์เชิงรุก
  • สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนให้เข้าถึงองค์ความรู้-เทคโนโลยี และตลาดต่างประเทศ
  • พัฒนาเทศกาลนี้ให้เป็นอีเวนต์ประจำปีระดับนานาชาติ ดึงดูดนักท่องเที่ยว-นักลงทุน
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผสานวัฒนธรรม-อาหาร-ภูมิปัญญาล้านนา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย
  • ข่าวประชาสัมพันธ์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2
  • ข้อมูลการปลูกกาแฟ-ชาของกระทรวงเกษตรฯ
  • งานสัมมนา Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2025
  •  
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เอกอัครราชทูตปากีสถานหารือเชียงราย พัฒนาสุขภาวะและแรงงานข้ามชาติ

เอกอัครราชทูตปากีสถานเยือนเชียงราย หารือพัฒนาความสัมพันธ์ด้านแรงงานและการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับนางรุคซานา อัฟซอล (H.E. Ms. Rukhsana Afzaal) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนจังหวัดเชียงราย

การหารือด้านสวัสดิการและการย้ายถิ่นฐานแรงงาน

เอกอัครราชทูตปากีสถานและคณะได้เข้าพบและหารือกับทางจังหวัดเกี่ยวกับประเด็นด้านสวัสดิการ การย้ายถิ่นฐาน และการจ้างงานของชาวต่างชาติในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีแรงงานหลากหลายชาติพันธุ์เข้ามาทำงาน โดยจังหวัดเชียงรายได้รายงานแผนงานการพัฒนาเชียงรายให้เป็น เมืองสุขภาวะ (Wellness City) ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ พร้อมทั้งย้ำถึงความสำคัญของการฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและวัฒนธรรม หลังประสบวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในปีที่ผ่านมา

การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์

เอกอัครราชทูตฯ ได้แสดงความกังวลต่อปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งมีแรงงานถูกหลอกลวงให้ไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการทำงานในกลุ่ม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Scammer) และงานที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่ล่อลวงแรงงานด้วยค่าตอบแทนสูง ทางจังหวัดเชียงรายได้รายงานความคืบหน้าในการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานแรงงานจังหวัด หน่วยงานปกครอง และตำรวจ เพื่อดำเนินการคัดกรอง ช่วยเหลือ เยียวยา และส่งตัวกลับประเทศ

ความสัมพันธ์ไทย-ปากีสถานในมิติการศึกษาและวัฒนธรรม

นอกจากนี้ยังได้หารือถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและปากีสถานในด้านต่าง ๆ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาและวัฒนธรรม มีนักศึกษามุสลิมไทยจำนวนมากที่ไปศึกษาด้านศาสนาในปากีสถาน ขณะที่ปากีสถานยังเป็นจุดหมายปลายทางของผู้แสวงบุญชาวพุทธไทยที่สนใจเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา

ขอบคุณและย้ำความร่วมมือในอนาคต

นางรุคซานา อัฟซอล ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไทยและจังหวัดเชียงรายที่ให้การสนับสนุนและดำเนินการช่วยเหลือในประเด็นที่เกี่ยวข้องได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมแสดงความยินดีที่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และขอยืนยันความร่วมมือในอนาคต โดยเฉพาะการสนับสนุนการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นเมืองสุขภาวะและการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์

ทั้งนี้ การเยือนครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและขยายความร่วมมือในทุกมิติอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
FEATURED NEWS

บพข. หนุน ม.มหิดล และมจท. พร้อมร่วมมือเอกชน เปิดตัวโครงการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

 
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 – ครั้งแรกของประเทศไทยในการก้าวสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล (Accessible Thailand Wellness Tourism: ATWT) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมจากสื่อมวลชนและภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ด้วยฐานงานวิจัยแผนงานท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่สนับสนุนทุนวิจัยโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) งบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.)  จัดขึ้น ณ SIRIRAJ H SOLUTIONS ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการสมดุลชีวิต บริเวณชั้น 5 อาคาร ICS Lifestyle Complex

 

ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และประธานคณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (บพข.) กล่าวว่า โครงการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวลในครั้งนี้ จะเป็นการนำเสนอโครงการวิจัยในรูปแบบใหม่ของประเทศไทยเป็นครั้งแรก ที่มุ่งศึกษาเกี่ยวกับประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวลที่สามารถเข้าถึงได้ทุกคนอย่างแท้จริง บนรากฐานแก่นแท้ของ “ความเป็นไทย” ผ่านการกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส ที่ส่งต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวคุณภาพที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย

 

โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวลด้วยการเพิ่มศักยภาพสินค้าและบริการต่อยอดการพัฒนาการตลาด โดย ผศ.ดร.แก้วตา ม่วงเกษม สังกัด มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) งบประมาณจาก กองทุน ววน. ซึ่งได้มอบทุนสนับสนุนแก่มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับทีมนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล วิทยาลัยนานาชาติ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และผู้ร่วมทุนจากภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท นัตตี้ส์ แอดเวนเจอร์ส์ จำกัด และ บริษัท แพน โฟ จำกัด  ในการพัฒนาโครงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มุ่งเป้า เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นเมืองต้นแบบด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน โดยมีพื้นที่ในการวิจัยภายในประเทศไทยด้วยกัน 3 จังหวัดดังนี้ 1) จังหวัดกรุงเทพฯ 2) จังหวัดนครปฐม 3) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศเป้าหมายทางการตลาด คือ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์  และกลุ่มเป้าหมายทางตลาดแบ่งเป็น 3กลุ่มดังนี้ 1) กลุ่ม Wheelchair กรุงเทพฯ 2) กลุ่มผู้สุงอายุ  3) ผู้พิการทางสายตา

 

ผศ.ดร.แก้วตา ม่วงเกษม หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลในมิติต่างๆอย่างยอดเยี่ยมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามการวิจัยและการพัฒนาในส่วนของ “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล” ยังคงเป็นความต้องการเพื่อให้มั่นใจได้ว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้สามารถมีส่วนร่วม และได้รับประโยชน์จากการบริการในด้านนี้ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการทั้งภายในและต่างประเทศ สร้างความร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับ Wellness Tourism พัฒนาแพลตฟอร์มการบริหารจัดการข้อมูลด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อการเข้าถึงของคนทั้งมวล และพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล

 

ด้านคุณนิธิ สืบพงษ์สังข์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นัตตี้ แอดเวนเจอร์ จำกัด ในฐานะภาคเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนของภาคเอกชนที่ได้มีการดำเนินงานการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลมาอย่างยาวนานกว่า 7 ปี เริ่มจากเมื่อปี พ.ศ. 2561 ได้พานักท่องเที่ยวยุโรปที่บกพร่องทางการมองเห็นเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย ออกแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้รับประสบการณ์เทียบเท่ากับนักท่องเที่ยวทั่วไป มองเห็นการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้สนับสนุนการดำเนินงานในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การนำเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลที่ได้จากผลการวิจัยไปขายจริงในงาน ITB 2024


โดยภายใต้การดำเนินงานของโครงการจะมีกิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบที่ออกแบบและนำเสนอให้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการที่หลากหลาย เพื่อให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสได้รับประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวอันน่าประทับใจเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างของกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในโครงการนี้ ได้แก่ การจัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล การเผยแพร่สูตรอาหารบำบัดสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ การจัดเทศกาลดนตรีนานาชาติ “Szense Music Festival” ที่จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ (2567) และการพัฒนาเว็บไซต์ที่ง่ายต่อการใช้งานเพื่อรวบรวมข้อมูลจากผู้ให้บริการเพื่อนักท่องเที่ยวผู้พิการ หรือผู้สูงอายุ ตามกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ATWT

 

สำหรับการจัดงานเพื่อเปิดตัวโครงการ Accessible Thailand Wellness Tourism (ATWT) ในครั้งนี้ มุ่งหวังที่จะให้ทุกภาคส่วนได้เห็นศักยภาพและความพร้อมของการให้บริการทางการดูแลสุขภาพในระดับแนวหน้าของ SIRIRAJ H SOLUTIONS และโรงพยาบาลในเครือข่ายของศิริราช อีกทั้งได้รับข้อมูลจากบุคคลที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการนี้ เพื่อการจัดทำแผนการพัฒนาสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงแนวทางของการทำการตลาดเพื่อสื่อสารที่ครอบคลุมในทุกกิจกรรมของโครงการ ATWT

 

นอกจากนี้ โครงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ยังได้ถูกกำหนดให้สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประเทศ โดยมีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 100 คนภายในปีพ.ศ. 2567 และมีผลลัพธ์ด้านการเพิ่มรายได้อย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาทสำหรับผู้ประกอบการอย่างน้อย 1 รายภายในปีพ.ศ. 2568 และ 9 รายภายในปีพ.ศ. 2570

 

โครงการนี้คาดว่าจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ของจังหวัดหลักอย่างกรุงเทพมหานครและภูเก็ต รวมถึงจังหวัดเมืองรองด้านการท่องเที่ยวอย่างเช่น นครปฐม ผ่านการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและการขยายโอกาสทางธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หากกล่าวถึงมิติด้านสังคม ATWT ยืนยันว่าทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทยได้อย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ยังเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ชุมชนท้องถิ่นได้พัฒนาทักษะ และมีความเข้าใจต่อการบริการที่ให้ความสำคัญในเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลในด้านความเท่าเทียมของมนุษย์ รวมถึงการเตรียมความพร้อมของพื้นที่ให้บริการ

 

ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์ การตรวจสุขภาพ การแพทย์แผนไทย และบริการการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล อีกทั้ง ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำโปรแกรมการท่องเที่ยวที่ออกแบบมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งมักจะเดินทางพร้อมครอบครัวหรือผู้ดูแล รวมถึงนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลได้ทางเพจเฟสบุ๊ค https://facebook.com/atwt.project หรือเว็บไซต์ของโครงการที่ https://atwt.in.th/

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อ้างอิงข้อมูลเบื้องต้นจาก Press Release โดย บริษัท ไนน์ตี้ไนน์ คอมมิวนิเคชั่น เอเจนซี่

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News