Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เชียงราย-กัวลาลัมเปอร์ บินตรง 4 เดือนผู้โดยสาร เกือบหมื่นคน

เชียงรายดัน “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง” สู่ศูนย์กลางการบินภูมิภาค เสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยวและการค้าชายแดน

เชียงราย, 4 มีนาคม 2568 – ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) กำลังเดินหน้าขยายศักยภาพสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภาคเหนือตอนบน ล่าสุดเที่ยวบิน กัวลาลัมเปอร์ – เชียงราย – กัวลาลัมเปอร์ (AK871-872) ซึ่งเป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศเพียงเส้นทางเดียวของสนามบินเชียงรายในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา ได้ทำการบินเที่ยวสุดท้ายเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 หลังจากเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 โดยให้บริการนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ เช่น ไทย มาเลเซีย จีน และอินโดนีเซีย เป็นระยะเวลา 4 เดือน มีผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออกเชียงรายรวมเกือบ 10,000 คน

ตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ เส้นทางบินนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมีผู้โดยสารจองเต็มทุกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก สะท้อนถึงความต้องการเส้นทางบินตรงระหว่างเชียงรายกับเมืองหลักในต่างประเทศ ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคการท่องเที่ยว การค้า และบริการของจังหวัดเชียงราย

ศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

นาวาอากาศตรี สมชนก ศรีปัญญา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยว่า ทชร. ซึ่งเป็นท่าอากาศยานระดับภูมิภาค (Regional Airport) พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคเหนือตอนบน รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต ขับเคลื่อนควบคู่ไปกับจังหวัดเชียงรายตามเจตนารมณ์

สนามบินเป็นกลไกในการผลักดันเศรษฐกิจของจังหวัด”

ปัจจุบัน ทชร.มีความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน และมีศักยภาพก้าวสู่การเป็นท่าอากาศยานที่มีมาตรฐานระดับสากล โดยมีแผนดำเนินการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน รวมถึงพัฒนาพื้นที่ภายในสนามบินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบิน ศูนย์กระจายสินค้าทางอากาศ และโครงการเชื่อมโยงสนามบินกับภูมิภาคจีนตอนใต้และประเทศลุ่มแม่น้ำโขง

เส้นทางบินระหว่างประเทศ กัวลาลัมเปอร์ – เชียงราย กับโอกาสในอนาคต

สายการบินไทยแอร์เอเชียเตรียมกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางบินตรงระหว่าง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย – เชียงราย อีกครั้งในช่วงฤดูหนาวปลายปี 2568 โดยคาดว่าจะมีให้บริการ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (เฉพาะวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์)

เส้นทางบินดังกล่าวถือเป็นโอกาสสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและนักเดินทางจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และจีนตอนใต้ ที่สามารถเดินทางต่อมายังเชียงรายได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายอย่างมีนัยสำคัญ

แผนการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

เพื่อรองรับการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสารและเส้นทางบินระหว่างประเทศ ทอท. ได้เร่งดำเนินโครงการพัฒนาระยะที่ 1 ของสนามบินเชียงราย ซึ่งประกอบด้วย

  • ก่อสร้างระบบทางขับขนานด้านทิศเหนือ – เปิดให้บริการแล้ว
  • ปรับปรุงพื้นที่หัวทางวิ่งด้าน 03 และ 21 – แล้วเสร็จสมบูรณ์
  • ขยายถนนทางเข้า-ออกสนามบิน – อยู่ระหว่างการลงนามสัญญาของผู้รับจ้าง
  • ก่อสร้างอาคารรับรองบุคคลสำคัญ (VIP/VVIP) – อยู่ระหว่างออกแบบ
  • ก่อสร้างอาคารสำนักงาน ทชร. – อยู่ระหว่างการจัดทำแบบก่อสร้าง
  • ก่อสร้างอาคารดับเพลิง-กู้ภัยท่าอากาศยาน – อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำข้อกำหนดด้านเทคโนโลยี

ศักยภาพของเชียงรายกับบทบาทศูนย์กลางการบินภาคเหนือ

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน โดยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างไทย เมียนมา ลาว และจีน ซึ่งสามารถใช้สนามบินแม่ฟ้าหลวงเป็นศูนย์กลางในการขนส่งสินค้าและการเดินทางระหว่างประเทศ

ข้อดีของการพัฒนาเส้นทางบินเชียงราย – ต่างประเทศ ได้แก่
ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว – เชียงรายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดร่องขุ่น ดอยตุง และดอยแม่สลอง ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
กระตุ้นการลงทุนและการค้า – เชียงรายเป็นจังหวัดชายแดนที่มีศักยภาพในการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
อำนวยความสะดวกให้ประชาชน – เพิ่มตัวเลือกการเดินทางให้ประชาชนเชียงรายและนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ทชร. ยังคงมีความท้าทายในด้านโครงสร้างพื้นฐานและปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ยังมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับสนามบินหลักในภาคเหนือ

ความคิดเห็นจากสองมุมมอง

ฝ่ายที่สนับสนุน เห็นว่าการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศจะช่วยให้เชียงรายเติบโตเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการท่องเที่ยว ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่จังหวัดมากขึ้น

ฝ่ายที่เห็นว่ามีข้อจำกัด ให้ความเห็นว่า แม้ท่าอากาศยานเชียงรายจะมีศักยภาพสูง แต่ยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศ หากไม่มีสายการบินให้บริการอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้สนามบินเชียงรายไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เต็มศักยภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนเที่ยวบินในปี 2567 – เฉลี่ย 34 เที่ยวบินต่อวัน รวม 12,035 เที่ยวบินต่อปี
  • จำนวนผู้โดยสารต่อวัน5,210 คน
  • สายการบินที่ให้บริการในเส้นทางบินภายในประเทศ5 สายการบิน
  • เป้าหมายการรองรับผู้โดยสารในอนาคต3 ล้านคนต่อปี
  • จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศในฤดูหนาวที่ผ่านมาเกือบ 10,000 คน เดินทางผ่านเส้นทางกัวลาลัมเปอร์ – เชียงราย

บทสรุป

สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภาคเหนือตอนบน โดยมีการขยายโครงสร้างพื้นฐานและเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายด้านปริมาณเที่ยวบินและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมที่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : GATC Thailand / ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ย้อนรอยเชียงราย “สร้างบ้านแปงเวียง” เทิดพญามังราย

เชียงรายจัดงานวัฒนธรรม ‘สร้างบ้านแปงเวียง พญามังรายหลวง’ เทิดพระเกียรติปฐมกษัตริย์แห่งล้านนา

เชียงราย, 3 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายจัดงานวัฒนธรรม “สร้างบ้านแปงเวียง พญามังรายหลวง” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพญามังรายหลวง ปฐมกษัตริย์แห่งล้านนา และเพื่อส่งเสริมการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์ ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-4 มีนาคม 2568 ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย หรือศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก

พิธีเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 เวลา 18.00 น. ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมี นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย, นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, หัวหน้าส่วนราชการ, หน่วยงานภาครัฐและเอกชน, เครือข่ายทางวัฒนธรรม และประชาชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นายชรินทร์ ทองสุข กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพญามังรายหลวง เนื่องในวาระครบรอบ 763 ปีแห่งการก่อตั้งเมืองเชียงราย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาคเหนือของไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว

กิจกรรมภายในงาน

งานวัฒนธรรม “สร้างบ้านแปงเวียง พญามังรายหลวง” มีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมความรู้และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ประกอบด้วย:

  • นิทรรศการเทิดพระเกียรติพญามังรายหลวง
  • เสวนาทางประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับการสร้างบ้านแปงเวียงพญามังรายหลวง
  • การเรียนรู้และสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เช่น งานหัตถกรรม การแกะสลักไม้ และงานเครื่องเงิน
  • การจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน
  • การแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา อาทิ การฟ้อนพื้นเมือง ดนตรีพื้นบ้าน และการแสดงโขน

วัตถุประสงค์ของการจัดงาน

การจัดงานวัฒนธรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ:

  1. เทิดพระเกียรติพญามังรายหลวง ปฐมกษัตริย์แห่งล้านนา ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงราย
  2. เผยแพร่ความรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป
  3. พัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม
  4. ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ผ่านการนำเสนอเอกลักษณ์ท้องถิ่น
  5. สนับสนุนผู้ประกอบการด้านศิลปวัฒนธรรม และผู้ผลิตสินค้าพื้นเมือง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนนักท่องเที่ยวเชียงราย ปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 3.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มี 3.2 ล้านคน
  • รายได้จากการท่องเที่ยวในเชียงราย ปี 2567 อยู่ที่ 15,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% จากปี 2566
  • เชียงรายมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกว่า 50 แห่ง รวมถึงวัดร่องขุ่น วัดพระแก้ว และอนุสาวรีย์พญามังรายหลวง

งานวัฒนธรรม “สร้างบ้านแปงเวียง พญามังรายหลวง” จึงถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างคุณค่าทางประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

เศรษฐกิจภูมิภาค ม.ค. 68 บริโภค-ท่องเที่ยวดี ลงทุนยังชะลอ

เศรษฐกิจภูมิภาคไทย มกราคม 2568: แนวโน้มและปัจจัยสำคัญ

กรุงเทพฯ, 27 กุมภาพันธ์ 2568 พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนมกราคม 2568 โดยระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคการบริโภคและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัวในบางภูมิภาค

เศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล

  • การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว สะท้อนจาก ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มขึ้น 18.8% และ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่เพิ่มขึ้น 6.5%
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 58.4 จาก 57.5 ในเดือนก่อนหน้า
  • อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนยังซบเซา จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัว -14.1%
  • ภาคการท่องเที่ยวมีสัญญาณบวก รายได้จากผู้เยี่ยมเยือนเพิ่มขึ้น 7.9%

เศรษฐกิจภาคตะวันออก

  • รายได้เกษตรกรขยายตัว 3.2% สนับสนุนการบริโภคภายใน
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 61.5 จาก 60.4
  • รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 7.2%
  • อย่างไรก็ตาม การลงทุนเอกชนลดลง เงินทุนของโรงงานใหม่หดตัว

เศรษฐกิจภาคเหนือ

  • อุตสาหกรรมนมสดเป็นปัจจัยสำคัญ เงินทุนของโรงงานใหม่เพิ่มขึ้น 317.9% โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 59.0
  • การท่องเที่ยวแข็งแกร่ง รายได้จากผู้เยี่ยมเยือนเพิ่มขึ้น 7.3%

เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้น 13.4%
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 61.4
  • อย่างไรก็ตาม รายได้เกษตรกรลดลง -8.7%

เศรษฐกิจภาคใต้

  • ภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัว 11.9% รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 29.2%
  • การท่องเที่ยวเติบโตดี รายได้จากผู้เยี่ยมเยือนเพิ่มขึ้น 20.3%
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 57.0

เศรษฐกิจภาคตะวันตก

  • การลงทุนขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ เงินทุนของโรงงานใหม่เพิ่มขึ้น 909.4% โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตกระป๋องโลหะที่กาญจนบุรี
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 58.0
  • รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5.9%

เศรษฐกิจภาคกลาง

  • การลงทุนภาคเอกชนเติบโต เงินทุนโรงงานใหม่เพิ่มขึ้น 524.0% โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่พระนครศรีอยุธยา
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 58.0
  • รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 6.7%

แนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในอนาคต

จากผลสำรวจของสำนักงานคลังจังหวัดและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่า ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภูมิภาคในอีก 6 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก ภาคเกษตรและภาคบริการ รวมถึง มาตรการภาครัฐ เช่น Easy E-Receipt 2.0

ข้อสังเกตและความเสี่ยง

แม้ว่าเศรษฐกิจภูมิภาคจะมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยง ได้แก่

  • ความผันผวนของสภาพอากาศ ที่อาจกระทบต่อภาคเกษตร
  • เศรษฐกิจโลกและต้นทุนการผลิต ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
  • อัตราการลงทุนเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในบางภูมิภาค

เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังคงต้องอาศัยปัจจัยสนับสนุนจากภาคการบริโภคและการท่องเที่ยว ในขณะที่ภาคการลงทุนยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองในระยะถัดไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

แพเปียก ‘แม่สรวย’ เปิดแล้ว อบจ.เชียงราย หนุนท่องเที่ยวชุมชน

เชียงรายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ล่องแพเปียกแม่สรวย เปิดฤดูกาลปี 2568

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายเปิดตัวกิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชน “การล่องแพเปียกลำน้ำแม่สรวย” อย่างเป็นทางการ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายร่วมเป็นเจ้าภาพในพิธีเปิดกิจการดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

พิธีเปิดกิจกรรมล่องแพเปียกแม่สรวย

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณลำน้ำแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวณิชาภา สันธิ หัวหน้าฝ่ายกิจการคณะผู้บริหาร และ นางสาวสุมิตรา บางขะกูล หัวหน้าฝ่ายการท่องเที่ยว ร่วมเปิดตัวกิจกรรมสำคัญนี้

ในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นางสาวสุภาภรณ์ ยาลังคำ ปลัดอำเภอแม่สรวย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมรับฟังรายงานจาก นายประดิษฐ์ สุวรรณ์ ประธานกลุ่มแพเปียก และมีผู้นำท้องที่และท้องถิ่นเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้

การส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน

กิจกรรม ล่องแพเปียกลำน้ำแม่สรวย – ลำน้ำแม่ลาว จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 15 พฤษภาคม 2568 ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมอาชีพและการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นเวทีสำคัญในการสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

นอกจากนี้ การจัดงานยังมุ่งเน้นการสร้างเอกลักษณ์และวัฒนธรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยอาศัยทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชนมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ล่องแพเปียก ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำ

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กิจกรรมการล่องแพเปียกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิด การสร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ อย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่เจ้าของแพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าท้องถิ่น และธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นายประดิษฐ์ สุวรรณ์ ประธานกลุ่มแพเปียก กล่าวว่าการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ได้สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับชุมชนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและเกิดความร่วมมือระหว่างชาวบ้านในการพัฒนาการท่องเที่ยวให้เป็นไปอย่างยั่งยืน

แนวทางการพัฒนาในอนาคต

อบจ.เชียงราย มีแผนพัฒนาโครงการล่องแพเปียกให้มีความปลอดภัยและยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น โดยมีแผนพัฒนาในด้านต่าง ๆ ได้แก่:

  • การเพิ่มมาตรการความปลอดภัย – กำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ช่วยชีวิตและการอบรมไกด์นำเที่ยว
  • การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ – ส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน – ปรับปรุงท่าเทียบแพ จุดจอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว

สรุป

การเปิดตัว ล่องแพเปียกลำน้ำแม่สรวย 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญของการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่สามารถสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและการมีส่วนร่วมของประชาชน ทำให้กิจกรรมนี้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. การล่องแพเปียกแม่สรวยมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
    ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแพ็คเกจท่องเที่ยวที่เลือก โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากกลุ่มแพเปียกแม่สรวยได้
  2. การล่องแพเปียกเหมาะกับทุกวัยหรือไม่?
    กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับทุกวัย แต่ควรมีการดูแลเด็กและผู้สูงอายุเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัย
  3. นักท่องเที่ยวควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
    ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม เตรียมอุปกรณ์กันน้ำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย
  4. สามารถจองล่องแพล่วงหน้าได้หรือไม่?
    สามารถจองล่วงหน้าผ่านกลุ่มแพเปียกแม่สรวย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความสะดวก
  5. มีมาตรการด้านความปลอดภัยอะไรบ้าง?
    มีอุปกรณ์ชูชีพ การอบรมไกด์นำเที่ยว และการตรวจสอบสภาพแพเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเมืองสุขภาพ! ม.แม่ฟ้าหลวงร่วมพัฒนา สู่ต้นแบบแม่กำปอง

พช.เชียงราย ผนึกกำลังมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เดินหน้าโครงการ Chiang Rai Wellness City ผลักดันเชียงรายสู่เมืองแห่งสุขภาพ

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568 – มุ่งส่งเสริมสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างต้นแบบชุมชนสุขภาวะยั่งยืน

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย (พช.เชียงราย) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จัดกิจกรรมภายใต้โครงการ พัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Chiang Rai Wellness City)บ้านไร่กองขิง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน ทีมวิทยากรจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และผู้นำชุมชนจากอำเภอเมืองเชียงราย เข้าร่วม

โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ พัฒนาเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะ โดยนำแนวทางของ บ้านแม่กำปอง ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ประสบความสำเร็จมาเป็นแนวทางในการพัฒนาเชียงราย ให้เป็นเมืองที่มีความสมดุลระหว่างวิถีชีวิตชุมชน วัฒนธรรม และการดูแลสุขภาพ

กิจกรรมสร้างสรรค์เชิงสุขภาพและวัฒนธรรม มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน

ภายในงาน มีกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับสุขภาพและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ประชาชนบ้านป่าอ้อ หมู่ที่ 11 ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย และประชาชนบ้านถ้ำผาตอง หมู่ที่ 6 ตำบลท่าสุด อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่

กิจกรรมเพ้นท์แก้วดินเผาโบราณ

  • สร้างสรรค์งานศิลปะบนเครื่องปั้นดินเผาตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน
  • ส่งเสริมให้ชุมชนสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว
  • กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน

กิจกรรมทำลูกประคบสมุนไพร

  • ถ่ายทอดความรู้เรื่องสรรพคุณของสมุนไพรไทยในการบำบัดรักษาสุขภาพ
  • ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับชุมชนผ่านการแปรรูปสมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ

กิจกรรมเชิงสุขภาพและวัฒนธรรมสำหรับนักท่องเที่ยว

  • สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแบบองค์รวม เช่น การนวดแผนไทย อาหารพื้นเมืองเพื่อสุขภาพ และโยคะสมาธิ
  • ผสมผสานวิถีชุมชนเข้ากับกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาวะ เพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่มีคุณค่าแก่ผู้มาเยือน
  • ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มองหาการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ

Chiang Rai Wellness City แนวคิดสู่การพัฒนาเมืองแห่งสุขภาพแบบยั่งยืน

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “Chiang Rai Wellness City” ซึ่งมุ่งเน้นให้เชียงรายเป็น เมืองแห่งสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ โดยอาศัยจุดแข็งของพื้นที่ ได้แก่

  • ภูมิประเทศที่มีธรรมชาติสมบูรณ์
  • วัฒนธรรมล้านนาที่เป็นเอกลักษณ์
  • วิถีชีวิตที่เรียบง่ายและเหมาะกับการพักผ่อนฟื้นฟูสุขภาพ
  • ทรัพยากรสมุนไพรที่หลากหลาย สามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

นางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการนี้ว่า

การพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งสุขภาพไม่ใช่เพียงแค่การส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่คือการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อให้คนในพื้นที่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เราต้องการให้ประชาชนเข้าถึงการดูแลสุขภาพในรูปแบบที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตล้านนา ควบคู่ไปกับการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตผ่านแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ”

เชียงรายมุ่งสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในระดับนานาชาติ

เชียงรายถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงในการเป็น ศูนย์กลางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะในระดับนานาชาติ เนื่องจาก

  • เป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบจาก UNESCO
  • มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การฟื้นฟูสุขภาพ เช่น บ่อน้ำพุร้อน เชียงราย เทอราพี รีสอร์ท และเส้นทางท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
  • เป็นศูนย์กลางการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรล้านนา
  • มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านสุขภาพและสมุนไพร

ทั้งนี้ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังมีแผนผลักดันเชียงรายให้เข้าสู่เครือข่ายเมืองสุขภาพระดับโลก (Global Wellness Cities) ในอนาคต

สรุปผลสำเร็จของโครงการ และแนวทางในอนาคต

  • กิจกรรมภายใต้โครงการ Chiang Rai Wellness City ได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้นำชุมชนอย่างกว้างขวาง
  • การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนผ่านผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการ
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจะเป็นศูนย์กลางในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพรท้องถิ่น
  • มีแผนต่อยอดความร่วมมือกับภาคเอกชนในการส่งเสริมสินค้าสุขภาพจากเชียงรายไปสู่ตลาดต่างประเทศ

โครงการนี้ถือเป็น จุดเริ่มต้นที่สำคัญ ในการทำให้เชียงรายกลายเป็น เมืองแห่งสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ” ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเชียงราย และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI AUTOMOTIVE

บิดทั่วเชียงราย 939 กม. สุดท้าทาย IRON MAN RALLY 2025

IRON MAN NIGHT RALLY 2025 เริ่มแล้ว! ผู้ว่าฯ เชียงรายปล่อยตัวนักแข่งส่งเสริมการท่องเที่ยว

เปิดประสบการณ์ขับขี่มอเตอร์ไซค์บนเส้นทางสุดท้าทาย พร้อมเน้นย้ำมาตรการความปลอดภัยตลอดการแข่งขัน

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568จังหวัดเชียงรายเปิดตัวการแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 & Explorers Rally 2025 อย่างเป็นทางการ โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีปล่อยตัวผู้เข้าร่วมกิจกรรม ณ โรงแรม เฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น อำเภอเมืองเชียงราย พร้อมเน้นย้ำถึง มาตรการความปลอดภัยในการขับขี่ และ การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติ

ในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ และ ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย รวมถึงตัวแทนจากฝ่ายจัดการแข่งขันและผู้เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 300 คนเข้าร่วม

IRON MAN NIGHT RALLY 2025: การแข่งขันสุดโหดบนเส้นทางเชียงราย

การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 ถือเป็นรายการแข่งขันที่ท้าทายที่สุดรายการหนึ่งของประเทศไทย โดยนักแข่งต้องขับขี่มอเตอร์ไซค์ในระยะทางรวม 939 กิโลเมตร ซึ่ง กว่า 70% ของเส้นทางอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่มีความหลากหลายของภูมิประเทศ ทั้งเส้นทางภูเขาสูงชัน โค้งหักศอก และทางเรียบสลับพื้นที่ป่า

ไฮไลต์ของเส้นทางการแข่งขัน ได้แก่:  ดอยแม่สลอง – เส้นทางขึ้นดอยที่มีโค้งต่อเนื่องหลายร้อยโค้ง ภูชี้ฟ้า – ถนนลัดเลาะผ่านแนวภูเขาที่สามารถมองเห็นทะเลหมอก สามเหลี่ยมทองคำ – เส้นทางบรรจบสามประเทศ ไทย-ลาว-เมียนมา อุทยานแห่งชาติดอยหลวง – ท้าทายด้วยเส้นทางลัดเลาะป่าธรรมชาติ เส้นทางดอยตุง – พื้นที่สูงชันที่ต้องใช้ทักษะและสมาธิขั้นสูง

ผู้เข้าร่วมแข่งขันต้องเผชิญกับการขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันตลอดการแข่งขัน ทั้งถนนที่มีแสงสว่างจำกัด โค้งอันตราย และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงตามระดับความสูง

ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับนักแข่ง

ก่อนออกเดินทาง ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยผู้ว่าฯ เชียงราย ได้กล่าวเน้นย้ำถึง มาตรการความปลอดภัยสำคัญ ที่นักแข่งต้องปฏิบัติ ดังนี้:

  1. ตรวจสอบสภาพรถและอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
  2. เช็กระบบไฟส่องสว่าง กระจกมองข้าง และกระจกมองหลัง
  3. ศึกษาทำความเข้าใจเส้นทางล่วงหน้า
  4. ระมัดระวังเส้นทางที่มีแสงสว่างจำกัดและจุดอันตราย
  5. รักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้า ใช้ความเร็วให้เหมาะสม
  6. ใช้ไฟสูงและไฟสปอร์ตไลท์อย่างถูกต้องเพื่อลดอุบัติเหตุ
  7. หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่
  8. งดฟังเพลงหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ
  9. เตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย อุปกรณ์ปฐมพยาบาล น้ำดื่ม และที่ปะลมยาง

การขับขี่ที่ปลอดภัยไม่ใช่เพียงแค่ทักษะของนักแข่ง แต่หมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกาย อุปกรณ์ และความเข้าใจในเส้นทาง” นายชรินทร์ กล่าว

ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านมอเตอร์สปอร์ต

การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันที่ท้าทายสำหรับผู้รักมอเตอร์ไซค์เท่านั้น แต่ยังเป็น เครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ด้วยเส้นทางที่ผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ นักแข่งและผู้ร่วมชมการแข่งขันจะได้สัมผัส ความสวยงามของธรรมชาติ วัฒนธรรมล้านนา และวิถีชีวิตของชาวเชียงราย

นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมครั้งนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น เช่น:

  • กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงกีฬา – ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วประเทศ
  • เพิ่มรายได้ให้กับชุมชน – โรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดได้รับประโยชน์
  • สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น – ผู้ผลิตสินค้า OTOP และของที่ระลึกสามารถจำหน่ายสินค้าให้นักแข่งและนักท่องเที่ยว

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง และกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับประเทศเช่นนี้ จะช่วยให้เชียงรายเป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางของนักเดินทางสายผจญภัยมากขึ้น” นายชรินทร์ กล่าวเสริม

สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการขับขี่

นอกเหนือจากการแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 แล้ว ผู้ว่าฯ เชียงรายยังกล่าวถึง ความสำคัญของการส่งเสริมวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย โดยเน้นให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป

ทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ต่างก็มีอุปกรณ์สวมใส่เพื่อความปลอดภัย มีทักษะการขับขี่ที่ดี ซึ่งจะช่วยสร้างจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนให้กับเยาวชนเชียงราย รวมถึงประชาชนทั่วไป” ผู้ว่าฯ กล่าว

ตัวอย่างอุปกรณ์ที่นักแข่งต้องใช้ ได้แก่:

  • หมวกกันน็อคมาตรฐานสูง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะ
  • ชุดขับขี่พร้อมสนับศอกและสนับเข่า ลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
  • รองเท้าหุ้มข้อเพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น

สรุป

  • การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 เป็นรายการมอเตอร์สปอร์ตที่ท้าทายระยะทางรวม 939 กิโลเมตร
  • ผู้ว่าฯ เชียงรายเป็นประธานเปิดงานและปล่อยตัวผู้เข้าแข่งขัน
  • เส้นทางแข่งขันกว่า 70% อยู่ในพื้นที่เชียงราย ผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
  • มาตรการความปลอดภัยถูกเน้นย้ำอย่างเข้มงวด
  • กิจกรรมนี้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของเชียงราย
  • เป็นโอกาสในการสร้างจิตสำนึกด้านการขับขี่ปลอดภัยให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป

การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ แต่ยังเป็น แพลตฟอร์มสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัย และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

คืนชีพ “บ้านเขียว” แพร่เปิด ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้มรดก 120 ปี

แพร่เปิด “บ้านเขียว” ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ อนุรักษ์มรดกล้านนา

รมว.ทส. นำเปิดศูนย์เรียนรู้ ฟื้นฟูอาคารประวัติศาสตร์ 120 ปี สู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

แพร่, 21 กุมภาพันธ์ 2568บ้านเขียว” อาคารประวัติศาสตร์อายุ 120 ปี ได้รับการฟื้นฟูและเปิดเป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมทั้งมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ 6 หน่วยงาน ที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมล้านนา

พิธีเปิดจัดขึ้นที่ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ ภายใต้แนวคิด ฟื้นบ้านเขียว สู่อ้อมกอดชาวแพร่” โดยภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์การทำไม้ของประเทศไทย ควบคู่กับกิจกรรม กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวบรวมศิลปะ หัตถกรรม และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดแพร่อย่างยั่งยืน

บ้านเขียว: อาคารประวัติศาสตร์ที่เป็นพยานยุคทองของอุตสาหกรรมป่าไม้

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวถึง บ้านเขียว” ว่าเป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่มีอายุยาวนานกว่า 120 ปี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2444 (สมัยรัชกาลที่ 5) และเคยเป็น สำนักงานป่าไม้ ที่สำคัญในยุคล้านนา เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมป่าไม้ที่รุ่งเรืองในภาคเหนือ โดยอาคารแห่งนี้เคยผ่านการพัฒนา 5 ยุคสมัย ก่อนจะถูกรื้อถอนในปี พ.ศ. 2563

“บ้านเขียวไม่ใช่แค่อาคารเก่า แต่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของยุคทองแห่งการป่าไม้ในล้านนา การบูรณะครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นแค่การฟื้นฟูอาคาร แต่เป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรม และสืบทอดองค์ความรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติให้คนรุ่นหลัง” ดร.เฉลิมชัยกล่าว

การบูรณะบ้านเขียว: ฟื้นฟูสถาปัตยกรรม ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากร

การฟื้นฟู บ้านเขียว ให้เป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ ได้ดำเนินการโดยคำนึงถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมดั้งเดิม พร้อมพัฒนาให้เป็น พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่ให้ความรู้ด้านทรัพยากรป่าไม้และการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยการบูรณะได้รับการสนับสนุนจาก 6 หน่วยงานหลัก ได้แก่:

  1. กรมศิลปากร – ให้คำแนะนำด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิม
  2. สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ – ช่วยออกแบบและฟื้นฟูโครงสร้างอาคาร
  3. เทศบาลเมืองแพร่ – สนับสนุนงบประมาณและการดำเนินงาน
  4. เทศบาลตำบลป่าแมต – มีบทบาทในการดูแลพื้นที่โดยรอบ
  5. องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ – ส่งเสริมโครงการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
  6. สมาคมรักษ์เมืองเก่าแพร่ – ผลักดันให้เกิดการอนุรักษ์และฟื้นฟูบ้านเขียว

ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้: เปิดมิติใหม่ของการศึกษาและท่องเที่ยว

ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่นี้ จะเป็น แหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์การป่าไม้ ที่ครอบคลุมถึง:

  • วิวัฒนาการของอุตสาหกรรมป่าไม้ในประเทศไทย ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
  • การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศและป่าไม้ล้านนา ที่สะท้อนถึงผลกระทบของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
  • การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม โดยนำเสนอแนวทางการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังเป็นสถานที่ฝึกอบรมและให้ความรู้แก่ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และนักวิจัยด้านป่าไม้ รวมถึงเป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ สถาปัตยกรรมล้านนา และ การใช้ชีวิตของชาวแพร่ในอดีต

กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจ ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น

ภายในงานเปิดตัวศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ ยังมีการจัด กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวบรวมศิลปะ งานหัตถกรรม และสินค้าท้องถิ่นของจังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยตลาดนัดแห่งนี้มีการจำหน่าย:

  • ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมล้านนา เช่น ผ้าทอเมืองแพร่ เครื่องปั้นดินเผา และเครื่องจักสาน
  • ผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมือง เช่น แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม และกาแฟพื้นเมือง
  • สินค้าสร้างสรรค์และงานศิลปะ จากศิลปินท้องถิ่น

ตลาดแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ช่วยสร้างความตื่นตัวด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของจังหวัดแพร่ให้เติบโตต่อไป

ศูนย์เรียนรู้บ้านเขียว: จุดหมายใหม่ของนักท่องเที่ยวและนักอนุรักษ์

การเปิดศูนย์เรียนรู้การป่าไม้บ้านเขียว เป็นก้าวสำคัญของจังหวัดแพร่ในการส่งเสริมการศึกษา การท่องเที่ยว และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปพร้อมกัน โดยศูนย์แห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป และคาดว่าจะเป็น แหล่งเรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ

นอกจากนี้ การฟื้นฟูบ้านเขียวให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ยังช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้เดินทางมาสัมผัสวิถีชีวิตของเมืองแพร่อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สรุป

  • บ้านเขียว อาคารประวัติศาสตร์อายุ 120 ปี ได้รับการบูรณะและเปิดเป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบโล่เชิดชูเกียรติให้ 6 หน่วยงาน ที่ร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูบ้านเขียว
  • ศูนย์เรียนรู้ฯ จะเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์การป่าไม้ และ พิพิธภัณฑ์มีชีวิตด้านสถาปัตยกรรม
  • จัดกิจกรรม กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวมสินค้าหัตถกรรม อาหารพื้นเมือง และงานศิลปะท้องถิ่น
  • เปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568

 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

พยัคฆ์ไพรบุกตรวจ ‘จุดโหนสลิง’ กลางป่าสงวนแม่ลาว เตรียมเอาผิด

บุกรุกป่าสงวน! สร้างโหนสลิงเถื่อน อ.แม่สรวย

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568 – เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดพยัคฆ์ไพรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบกรณีมีการร้องเรียนเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างกิจการโหนสลิง (Zipline) หลังพบว่ามีการดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาตและอาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมายป่าไม้

หน่วยพยัคฆ์ไพรบุกตรวจพื้นที่ต้องสงสัย

สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า โดยส่วนปฏิบัติการพิเศษและหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นำโดยนายชาญชัย กิจศักดาภาพ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ และหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีการก่อสร้างกิจการเกี่ยวกับการผจญภัยประเภทโหนสลิง (Zipline) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย

จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568  พบว่าโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตบ้านแสนเจริญ หมู่ที่ 10 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการได้ทำงานร่วมกับศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) เจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) และตำรวจภูธรแม่สรวย เพื่อตรวจสอบแนวเขตและความถูกต้องของการใช้พื้นที่

พบบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและสิ่งปลูกสร้างผิดกฎหมาย

จากการตรวจสอบสถานที่ เจ้าหน้าที่พบว่ามีการสร้างหอคอยสำหรับติดตั้งสายสลิงโหนข้ามหุบเขา ระยะทางประมาณ 650 เมตร โดยจุดเริ่มต้นตั้งอยู่บริเวณที่มีสิ่งปลูกสร้าง เช่น ลานกางเต็นท์ ห้องน้ำ และป้ายแสดงชื่อสถานที่ ซึ่งจากการวัดค่าพิกัดพบว่าอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย คำนวณเนื้อที่ได้ 1 – 2 – 92 ไร่

เจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ได้ตรวจสอบข้อมูลและยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในขอบเขตตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 มิถุนายน 2541 และไม่ใช่พื้นที่ที่ได้รับการอนุญาตภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) ของรัฐบาล จึงถือเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและเป็นการใช้ที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต

ขยายผลพบผู้เกี่ยวข้อง เตรียมดำเนินคดีทางกฎหมาย

การตรวจสอบยังพบว่ากิจการโหนสลิงนี้มีความเชื่อมโยงกับอดีตนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง ซึ่งรับว่าเป็นผู้ดำเนินการติดตั้งระบบโหนสลิงและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, มาตรา 31 และมาตรา 26/4 รวมถึงพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54, มาตรา 55 และมาตรา 72 ตรี

นอกจากนี้ ยังมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น พ.ศ. 2558 ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เนื่องจากการติดตั้งโครงสร้างและสายสลิงของกิจการนี้ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบหรืออนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นควรให้พนักงานสอบสวนดำเนินการพิจารณาในส่วนนี้เพิ่มเติม

แนวทางการดำเนินคดีและการจัดระเบียบพื้นที่

เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ประสานงานให้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชร.7 (ท้าวแก่นจันทร์) รายงานไปยังสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของบุคคลที่มีรายชื่อในการสำรวจแปลงที่ดินและโครงการจัดที่ดินทำกิน (คทช.) ที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจการนี้

ในส่วนของแนวทางการดำเนินคดี ขณะนี้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่สรวยได้รับเรื่องและอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินคดีต่อไป โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินคดีเป็นไปตามกฎหมายและไม่มีการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายในการหลีกเลี่ยงความรับผิด

การเตือนภัยและมาตรการป้องกันการบุกรุกป่า

เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ย้ำถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังและป้องกันการบุกรุกป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ ซึ่งต้องได้รับการดูแลและอนุรักษ์เพื่อความยั่งยืนของระบบนิเวศ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนและนักลงทุนที่ต้องการดำเนินกิจการใดๆ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากพบเห็นการบุกรุกป่าหรือการใช้พื้นที่โดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่หน่วยงานป่าไม้ในพื้นที่ หรือแจ้งผ่านช่องทางออนไลน์ของกรมป่าไม้

สรุปสถานการณ์และข้อกังวลในพื้นที่

กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่ยังคงเป็นปัญหาในหลายพื้นที่ของประเทศ แม้จะมีการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดก็ตาม การตรวจพบกิจการโหนสลิงที่ไม่ได้รับอนุญาตในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการละเมิดกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติ ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและการจัดระเบียบพื้นที่ป่าไม้ของไทย ซึ่งภาครัฐต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าจะติดตามและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างถึงที่สุด เพื่อเป็นตัวอย่างในการป้องปรามการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในอนาคต พร้อมทั้งเร่งรัดมาตรการจัดการที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนดไว้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : พยัคฆ์ไพร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

2007 ปีสืบมา เชียงรายจัดงานสรงน้ำพระธาตุดอยตุงยิ่งใหญ่

เชียงรายเตรียมจัดงานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ครบรอบ 2007 ปี

เชียงราย, 21 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าจัดประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง “2007 ปี สืบมา หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” ประจำปี 2568 โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงานและวางแนวทางจัดกิจกรรม เพื่อดำเนินงานให้เป็นไปอย่างราบรื่น

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้องประชุมธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมีนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วยพระครูสุนทรปภากร รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย และคณะทำงานฝ่ายต่างๆ เข้าร่วมประชุม โดยมีการมอบหมายภารกิจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมงานให้พร้อมก่อนถึงวันจัดงาน

กำหนดการจัดงาน งานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2568 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 มีนาคม 2568วัดพระธาตุดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีพิธีสำคัญ ได้แก่:

  • พิธีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง
  • พิธีบวงสรวง และสืบชะตาหลวงแบบล้านนา
  • กิจกรรมเดินจาริกแสวงบุญ
  • การอบรมสมโภชน้ำสรงพระราชทานฯ
  • กิจกรรมทำบุญตักบาตร

ทั้งนี้ ประเพณีดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือนสี่ หรือเดือนหกเหนือของทุกปี เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ได้ร่วมสักการะพระธาตุดอยตุง ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวล้านนา

กิจกรรมพิเศษ: วิ่ง-ปั่น สู่ลานพระธาตุดอยตุง นอกจากพิธีทางศาสนาแล้ว ในวันที่ 9 มีนาคม 2568 จะมีการจัดกิจกรรม “วิ่ง ปั่น 2007 ปีสืบสาน สู่ลานพระธาตุดอยตุง” ซึ่งขณะนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมวิ่งจำนวน 625 คน และ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

AOT กำไรพุ่ง! รับท่องเที่ยวฟื้น สนามบินเชียงรายร่วมด้วยทำโตขึ้น

AOT รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบ 2568 กำไรสุทธิ 5,344.30 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ, 14 กุมภาพันธ์ 2568 – บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT รายงานผลประกอบการในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567) โดยมีกำไรสุทธิ 5,344.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 17,906.01 ล้านบาท เติบโต 13.41% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและนโยบายส่งเสริมของภาครัฐ พร้อมตั้งเป้ายกระดับท่าอากาศยานไทยให้ติด 1 ใน 20 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี

ผลประกอบการและการเติบโตของรายได้

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบ 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,344.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 781.27 ล้านบาท หรือ 17.12% จากปีก่อน ขณะที่รายได้รวมเพิ่มขึ้น 13.41% อยู่ที่ 17,906.01 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจาก:

  • รายได้จากกิจการการบิน 8,804.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.41% จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเที่ยวบินระหว่างประเทศ
  • รายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการการบิน 8,859.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.65% จากปีก่อน
  • ค่าใช้จ่ายรวม 10,353.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.73% จากปีก่อน

การเติบโตของปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบิน

สำหรับปริมาณผู้โดยสารในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบ 2568 ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, แม่ฟ้าหลวง เชียงราย, ภูเก็ต และหาดใหญ่ มีจำนวนผู้โดยสารรวม 33.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16.41% แบ่งเป็น:

  • ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 20.85 ล้านคน
  • ผู้โดยสารภายในประเทศ 12.77 ล้านคน
  • เที่ยวบินรวม 204,549 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.78%

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารมาจาก การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว นโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของภาครัฐ และช่วงวันหยุดยาวของนักท่องเที่ยวจีน (Golden Week) ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกลและระยะใกล้

กลยุทธ์พัฒนาท่าอากาศยานไทยสู่ระดับโลก

AOT มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบการให้บริการของสนามบินทั้ง 6 แห่ง โดยเน้น การยกระดับคุณภาพมาตรฐานสู่ระดับสากล รวมถึงพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับโลก ผ่านโครงการสำคัญ ได้แก่:

  • โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (SAT-1) เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านเป็น 65 ล้านคนต่อปี
  • การสร้างระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) และทางวิ่งเส้นที่ 3
  • โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้านเป็น 50 ล้านคนต่อปี
  • โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าอากาศยานเชียงใหม่, ภูเก็ต, เชียงราย และหาดใหญ่

เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อประสบการณ์เดินทางที่ดียิ่งขึ้น

AOT ได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกและลดระยะเวลาการเดินทางของผู้โดยสาร เช่น:

  • ระบบเช็กอินอัตโนมัติและการตรวจสอบใบหน้า (Biometric Identification)
  • ระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (ABC) รองรับ E-passport กว่า 90 ประเทศ
  • ระบบการจัดการข้อมูลเที่ยวบินแบบ A-CDM
  • ระบบประตูทางออกขึ้นเครื่องอัตโนมัติ (SBG)

เป้าหมายสู่ท่าอากาศยานสีเขียวและ Net Zero Carbon

AOT ดำเนินงานโดยคำนึงถึง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานสากล เช่น DJSI, GRI และ PDPA นอกจากนี้ สนามบินของ AOT ยังได้รับ Airport Carbon Accreditation ครบทุกแห่ง พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็น Net Zero ภายในปี 2587

ความสำเร็จระดับนานาชาติ

อาคาร SAT-1 ของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับรางวัล ท่าอากาศยานสวยที่สุดในโลก 2567″ จาก Prix Versailles ของ UNESCO ซึ่งสะท้อนถึงการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

บทสรุป

AOT ยังคงเดินหน้าพัฒนา ท่าอากาศยานไทยให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับโลก และตั้งเป้าผลักดันท่าอากาศยานไทยให้ติด 1 ใน 20 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News