ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ปักหมุดสู่ “ศูนย์กลางขนส่งสินค้าทางอากาศภูมิภาค” เดินหน้าหารือ K-Mile Air เปิดเส้นทาง Cargo Flight เชียงรายสู่ต่างประเทศ
เชียงราย, 5 ธันวาคม 2568 – เช้าวันต้นฤดูหนาวที่เชียงราย ท้องฟ้าเหนือรันเวย์ยาว 3,000 เมตรของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงดูสงบเหมือนเช่นทุกวัน หากแต่ในอาคารท่าอากาศยานกลับเต็มไปด้วยการพูดคุยเชิงยุทธศาสตร์ที่อาจ “เปลี่ยนบทบาทของสนามบินเชียงรายไปตลอดกาล”
การเข้าพบหารือระหว่าง บริษัท เค-ไมล์ แอร์ จำกัด (K-Mile Air) สายการบินขนส่งสินค้าทางอากาศแห่งแรกของไทย กับผู้บริหาร ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ไม่ได้เป็นเพียงการประชุมธุรกิจทั่วไป แต่ถูกมองว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” ของระบบโลจิสติกส์ทางอากาศของภาคเหนือ และอาจนำไปสู่การยกระดับเชียงรายให้กลายเป็น “ศูนย์กลางขนส่งสินค้าทางอากาศ (Cargo Hub)” แห่งใหม่ของภูมิภาคเอเชีย
หารือเงียบ ๆ ที่อาจเขย่าโครงสร้างเศรษฐกิจภาคเหนือ
ในการประชุมครั้งดังกล่าว นาวาอากาศเอก สกรรจ์ อุดล ผู้เชี่ยวชาญ 9 และรักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ผชร.) ให้การต้อนรับ นายพรรษิษฐ์ สาสุนีย์ Managing Director บริษัท เค-ไมล์ แอร์ จำกัด พร้อมคณะผู้บริหารสายการบิน
หัวข้อหลักของการหารือคือ การแสวงหาแนวทางที่ K-Mile Air จะใช้ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เป็นฐานปฏิบัติการ หรือจุดเชื่อมสำคัญใซึ่งทาง “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย” ยังไม่ได้เปิดเผย สำหรับเส้นทางจากการคาดการณ์ Cargo Flight เชียงราย–เดลี–เซิ้นเจิ้น–กัวลาลัมเปอร์ โดยอาจจะใช้เครื่องบินขนส่งลำตัวกว้างรุ่น Boeing 767-300SF
ภายหลังการพูดคุยในห้องประชุม ผู้บริหารสนามบินและทีมงานได้นำคณะของ K-Mile ลงพื้นที่จริง ทั้งบริเวณลานจอดอากาศยาน พื้นที่คลังสินค้า และจุดที่จะจัดสรรเป็นสำนักงานและสถานที่เก็บอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Support Equipment – GSE) เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่า สนามบินเชียงราย “พร้อมแค่ไหน” หากจะต้องรองรับเครื่องบินขนส่งสินค้าลำตัวกว้างที่สามารถบรรทุกได้ถึงราว 50 ตันต่อเที่ยวบิน
แม้บรรยากาศภายนอกจะเป็นเพียงวันทำงานธรรมดา แต่สำหรับผู้เกี่ยวข้องในระบบโลจิสติกส์ การหารือครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น “สัญญาณเริ่มต้น” ของการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศของภาคเหนือทั้งระบบ
จากสนามบินท่องเที่ยว สู่ “ระเบียงเศรษฐกิจการบิน” แห่งใหม่
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ถูกจดจำในฐานะ “สนามบินท่องเที่ยว” รองรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสทะเลหมอก ดอกไม้เมืองหนาว และวัฒนธรรมล้านนา แต่ในมุมของผู้วางยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐาน สนามบินแห่งนี้มีศักยภาพมากกว่านั้น
เชียงรายตั้งอยู่บนจุดตัดสำคัญของ ระเบียงเศรษฐกิจเหนือ–ใต้ (North-South Economic Corridor) เชื่อมไทย–ลาว–จีน และใกล้ด่านการค้าชายแดนสำคัญอย่าง แม่สาย เชียงแสน เชียงของ ซึ่งเป็นประตูสู่เมียนมา สปป.ลาว และจีนตอนใต้ การมีสนามบินที่รองรับเครื่องบินขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ได้ จึงเปิดโอกาสให้เชียงรายกลายเป็น “จุดเปลี่ยนโหมด” จากการขนส่งทางถนน (Road) สู่ทางอากาศ (Air) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ K-Mile Air ซึ่งเป็นสายการบินขนส่งสินค้าที่เชี่ยวชาญด้านการขนส่งสินค้าเร่งด่วนพิเศษ (Express Cargo) และทำงานเชื่อมโยงกับเครือข่ายในเอเชีย การมองหา “ฐานปฏิบัติการใหม่” ที่ไม่แออัดเท่าสนามบินหลักอย่างสุวรรณภูมิ แต่มีศักยภาพในเชิงยุทธศาสตร์ เป็นโจทย์สำคัญในช่วงที่ตลาดขนส่งสินค้าทางอากาศในเอเชียเติบโตต่อเนื่องจากแรงหนุนของ E-commerce และการส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูง
สนามบินเชียงรายจึงไม่ใช่เพียง “สนามบินปลายทาง” ของนักท่องเที่ยว แต่กำลังถูกพิจารณาให้เป็น “ฟันเฟืองหลัก” ในห่วงโซ่โลจิสติกส์ระดับภูมิภาค
K-Mile Air และ B767-300SF ข้ามข้อจำกัดเดิมของการขนส่งสินค้า
จุดที่น่าสนใจของการหารือในครั้งนี้ คือ การที่ K-Mile Air วางแผนใช้เครื่องบินขนส่งรุ่น Boeing 767-300SF ซึ่งเป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง (Widebody) ที่มีสมรรถนะสูงกว่าฝูงบินลำตัวแคบอย่าง B737 ที่เคยใช้ในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ
จากข้อมูลรายงานเชิงลึกที่จัดทำประกอบการหารือ พบว่า
- น้ำหนักบรรทุกสูงสุด (Max Payload) ของ B767-300SF อยู่ที่ประมาณ 50 ตันต่อเที่ยวบิน มากกว่าเครื่องบิน B737 ที่อยู่ราว 23 ตัน หรือเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
- ปริมาตรระวางบรรทุก (Volume) ของ B767-300SF สูงกว่าหลายเท่าตัว เหมาะสำหรับสินค้าแบบ E-commerce และพัสดุภัณฑ์ที่มีน้ำหนักไม่มากแต่ใช้พื้นที่มาก
- พิสัยการบิน (Range) รองรับเส้นทางระยะกลางอย่าง เชียงราย–เดลี หรือ เชียงราย–เซิ้นเจิ้น ได้โดยไม่ต้องลดน้ำหนักบรรทุกลงมากนัก
กล่าวโดยสรุป การเลือกใช้ B767-300SF ทำให้ K-Mile สามารถ “ขยับจากผู้เล่นระดับภูมิภาคย่อย” สู่การเป็นสายการบินขนส่งสินค้าระดับ Intra-Asia ที่เชื่อมตลาดสำคัญของเอเชียเข้าด้วยกันอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งสอดรับกับแนวคิดการใช้เชียงรายเป็นจุดแวะพักหรือฐานปฏิบัติการหลักในเส้นทางวงรอบใหม่
โครงสร้างพื้นฐานสนามบินเชียงราย พร้อมแค่ไหนสำหรับเครื่องบินลำตัวกว้าง
ในมิติทางเทคนิค ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีคุณสมบัติที่ถือว่า “ตอบโจทย์” การปฏิบัติการของเครื่องบินขนส่งลำตัวกว้างอย่าง B767-300SF ได้อย่างครบถ้วน
- ทางวิ่ง (Runway) และความแข็งแรงผิวทาง
- ทางวิ่งยาวประมาณ 3,000 เมตร กว้าง 45 เมตร เป็นมาตรฐานที่รองรับการขึ้น–ลงของเครื่องบินขนาดใหญ่ได้โดยไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนักบรรทุกจนเสียความคุ้มค่า
- ค่าความแข็งแรงของผิวทาง (PCN) อยู่ในระดับสูงกว่าค่าความต้องการของเครื่องบิน B767 อย่างชัดเจน ทำให้มั่นใจได้ว่าการใช้งานต่อเนื่องจะไม่สร้างภาระต่อโครงสร้างทางวิ่งและลานจอดเกินขีดจำกัด
- หลุมจอด (Apron) และพื้นที่ภาคพื้น
จากการตรวจเยี่ยมพื้นที่ของคณะ K-Mile เจ้าหน้าที่สนามบินได้พาเยี่ยมชมบริเวณหลุมจอดที่สามารถจัดสรรให้รองรับเครื่อง B767-300SF ได้ รวมถึงพื้นที่ที่สามารถจัดเตรียมเป็นคลังสินค้า สำนักงาน และพื้นที่เก็บอุปกรณ์ภาคพื้น (GSE)
การที่สนามบินมีพื้นที่สำรองสำหรับการจัดสรรใหม่ ถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญ เมื่อเทียบกับสนามบินใหญ่ที่มักมีพื้นที่ใช้งานหนาแน่นและยากต่อการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาคพื้น
- การเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดให้บริการ ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญของธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ที่นิยมบินในช่วงกลางคืนเพื่อให้สินค้าไปถึงปลายทางในเช้าวันถัดไป
ในเชิงปฏิบัติการ ระบบ 24 ชั่วโมงช่วยให้สายการบินสามารถวางตารางบินแบบ “หมุนรอบ” (Round Trip) ได้อย่างยืดหยุ่น เช่น ออกจากเชียงรายช่วงดึก มุ่งหน้าเดลี–เซิ้นเจิ้น–กัวลาลัมเปอร์ ก่อนหมุนกลับเข้าสู่เชียงรายในช่วงเช้า เพื่อเตรียมเที่ยวบินถัดไป
‘ถ้าหาก’ สามารถบินในเส้นทางยุทธศาสตร์ เชียงราย–เดลี–เซิ้นเจิ้น–กัวลาลัมเปอร์
หนึ่งในหัวใจสำคัญของแผนงานครั้งนี้ คือการออกแบบเส้นทางบินแบบ Cargo Flight ที่ไม่ใช่เพียง “บินให้ถึงปลายทาง” หากเป็นไปได้และสามารถต้องตอบโจทย์ทั้งปริมาณสินค้า ทิศทางการค้า และความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในทุกช่วงเส้นทาง
เชียงราย → เดลี ประตูผลไม้และอิเล็กทรอนิกส์สู่เอเชียใต้
ภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะเชียงราย–เชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง เป็นแหล่งผลิต ผลไม้เมืองร้อนและเมืองหนาวมูลค่าสูง เช่น ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง รวมถึงทุเรียนที่กำลังขยายพื้นที่ปลูก สินค้าเหล่านี้มีความไวต่อเวลา การขนส่งผ่านสุวรรณภูมิ แม้จะมีเที่ยวบินหนาแน่น แต่ต้องแบกรับทั้งเวลาขนส่งทางบกจากภาคเหนือสู่กรุงเทพฯ และความแออัดของคลังสินค้า
การใช้สนามบินเชียงรายเป็นจุดขึ้นสินค้าโดยตรง ช่วย “ตัดตอน” ระยะเวลาและขั้นตอนหลายช่วง หากสามารถส่งสินค้าไปเดลีได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง จะเพิ่มโอกาสแข่งขันของผลไม้ไทยในตลาดอินเดียอย่างมีนัยสำคัญ
ในอีกด้านหนึ่ง นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เช่น ลำพูน เป็นฐานการผลิต ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งออกไปยังหลายประเทศ รวมถึงอินเดีย การมีเส้นทางบินขนส่งสินค้าจากเชียงรายโดยตรง ทำให้ระบบส่งออกแบบ Just-in-Time มีความคล่องตัวมากขึ้น
เดลี → เซิ้นเจิ้น เชื่อมตลาดยักษ์สองฟากเอเชีย
ช่วงเส้นทางระหว่างเดลีกับเซิ้นเจิ้น เชื่อมสองเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของเอเชียเข้าด้วยกัน แม้บริบททางการเมืองและเศรษฐกิจจะมีความซับซ้อน แต่ในทางห่วงโซ่อุปทานการผลิต สินค้าจำนวนมากยังหมุนเวียนระหว่างจีนและอินเดีย ทั้งวัตถุดิบ สิ่งทอ และชิ้นส่วนประกอบ
สำหรับสายการบินขนส่งสินค้า การมีจุดแวะที่เซิ้นเจิ้นยังเปิดโอกาสให้รองรับสินค้ากลับในขาเข้าสู่อาเซียน โดยเฉพาะสินค้า E-commerce จากจีนตอนใต้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ระดับโลก
เซิ้นเจิ้น → กัวลาลัมเปอร์ เส้นเลือดใหญ่ของพัสดุออนไลน์
กัวลาลัมเปอร์ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางกระจายสินค้าของ E-commerce ในอาเซียน มีศูนย์กระจายของแบรนด์ใหญ่ เช่น Lazada, Shopee และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ การเชื่อมเส้นทางเซิ้นเจิ้น–กัวลาลัมเปอร์ด้วยเครื่องบินขนส่งลำตัวกว้าง ทำให้ K-Mile สามารถดึงปริมาณพัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่ใช้พื้นที่มากได้อย่างคุ้มค่า
กัวลาลัมเปอร์ → เชียงราย ปิดวงรอบเส้นทาง พร้อมสินค้าขากลับ
ในขากลับสู่เชียงราย เครื่องบินสามารถบรรทุกสินค้านำเข้า สินค้าอุปโภคบริโภค และพัสดุออนไลน์สำหรับตลาดภาคเหนือ ทำให้เที่ยวบินไม่ต้อง “ตีเปล่า” และช่วยให้เส้นทางทั้งวงรอบมีความสมดุลในเชิงรายได้
เศรษฐกิจหลังสนามบิน ภาคเหนือได้อะไรจาก Cargo Hub เชียงราย
หากโครงการนี้เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ประโยชน์ไม่ได้จำกัดอยู่ที่สนามบินหรือสายการบินเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงไปถึง
- ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตร ในเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง ที่จะมีช่องทางใหม่ในการส่งออกสินค้ามูลค่าสูงสู่ตลาดอินเดีย จีน และอาเซียน
- ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมในนิคมลำพูน–เชียงใหม่ ที่สามารถลดต้นทุนด้านเวลา และเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารสินค้าคงคลัง
- ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ท้องถิ่น ที่อาจถูกดึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย เช่น การให้บริการขนส่งทางบกสู่สนามบิน (Road Feeder Service) การจัดการคลังสินค้า และบริการเสริมอื่น ๆ
- การค้าชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่สามารถเชื่อมสินค้าจากแม่สาย–เชียงของ–เชียงแสน เข้าสู่ระบบขนส่งทางอากาศได้รวดเร็วขึ้น ลดการพึ่งพาเส้นทางเรือเพียงช่องทางเดียว
ในภาพรวม โครงการนี้สอดคล้องกับแนวคิดการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และลดการรวมศูนย์ด้านโลจิสติกส์ที่สนามบินหลักเพียงแห่งเดียว ซึ่งเป็นหนึ่งในโจทย์ใหญ่ของยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ของประเทศ
ความท้าทาย โซ่ความเย็น ปริมาณสินค้า และหมอกควัน
แม้ภาพรวมจะมีศักยภาพสูง แต่รายงานเชิงลึกก็สะท้อนชัดว่า โครงการลักษณะนี้ไม่ได้ไร้ข้อท้าทาย
- ระบบห่วงโซ่ความเย็น (Cold Chain Logistics)
สินค้าเกษตรมูลค่าสูง เช่น ทุเรียน ลำไย หรือผลไม้สดอื่น ๆ ต้องการระบบควบคุมอุณหภูมิที่เข้มงวด ตั้งแต่ฟาร์ม–คลัง–สนามบิน–เครื่องบิน หากคลังสินค้าแช่เย็นในสนามบินเชียงรายยังมีขนาดจำกัด การรองรับปริมาณสินค้าระดับ 30–50 ตันต่อเที่ยวบินจะเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข
แนวทางหนึ่งที่ถูกเสนอ คือ การลงทุนในอุปกรณ์ภาคพื้น เช่น รถเข็นสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cool Dollies) และการจัดทำคลังเย็นชั่วคราวหรือถาวรในเขตคลังสินค้าของสนามบิน
- ความผันผวนของปริมาณสินค้า
สินค้าเกษตรมีฤดูกาลชัดเจน หากไม่มีการผสมผสานสินค้าอุตสาหกรรมมาช่วยเสริม อาจทำให้ปริมาณบรรทุกไม่สม่ำเสมอในบางช่วงปี รายงานจึงเสนอแนวคิดการทำสัญญาระยะยาวกับผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และผู้ส่งออกสินค้าจากนิคมลำพูน เพื่อสร้าง “ฐานสินค้าถาวร” ให้เที่ยวบินมีความคุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง - ปัญหาหมอกควันและทัศนวิสัยการบิน
ภาคเหนือเผชิญปัญหาฝุ่นควันและ PM2.5 เป็นประจำในบางช่วงของปี แม้ระบบนำร่องการบินและสมรรถนะของเครื่องบินจะรองรับการปฏิบัติการในสภาวะดังกล่าวได้ แต่การจัดทำแผนสำรอง เช่น การเบนเที่ยวบินไปยังสนามบินสำรองในกรณีฉุกเฉิน ก็เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า
ทางแยกเชิงยุทธศาสตร์ จากการหารือสู่การลงมือทำ
รายงานการศึกษาเชิงลึกที่แนบมากับการหารือ ได้เสนอ “โรดแมปเบื้องต้น” สำหรับการเดินหน้าโครงการใน 3 ระยะ ได้แก่
- ระยะสั้น (1–3 เดือน)
ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง K-Mile Air กับผู้บริหารสนามบินเชียงราย ทดสอบระบบจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นสำหรับ B767 และหารือกับหน่วยงานศุลกากรเพื่อรองรับปฏิบัติการ 24 ชั่วโมง - ระยะกลาง (3–6 เดือน)
ติดตั้งระบบ Cold Chain ชั่วคราว ทำสัญญาระยะยาวกับผู้ส่งออกในลำพูน–เชียงใหม่ เริ่มทดลองเที่ยวบินปฐมฤกษ์ (Inaugural Flight) และประเมินผลเชิงปฏิบัติการจริง - ระยะยาว (1 ปีขึ้นไป)
พัฒนาโครงสร้างถาวร เช่น คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) และระบบขนส่งทางบกเชื่อมสนามบินกับฐานการผลิตและด่านชายแดนต่าง ๆ เพื่อให้เชียงรายทำหน้าที่เป็น “Aviation Economic Corridor” ได้อย่างแท้จริง
ในภาพรวม โครงการนี้สอดรับทั้งกับนโยบายของภาครัฐในการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค และแนวคิดของ ทอท. และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ที่ต้องการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่าเพิ่มสูงสุด
เชียงรายบนเส้นทางใหม่ของท้องฟ้าเศรษฐกิจ
หากย้อนมองภาพสนามบินเชียงรายเมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่เน้นรองรับเที่ยวบินผู้โดยสารในประเทศและนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มาก การพูดถึง “เส้นทางบินขนส่งสินค้าลำตัวกว้าง เชียงราย–เดลี–เซิ้นเจิ้น–กัวลาลัมเปอร์” อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว
แต่วันนี้ ภายใต้บริบทที่ระบบโลจิสติกส์ทางอากาศกำลังกลายเป็น “เส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจยุคดิจิทัล” การที่สายการบินขนส่งสินค้าเฉพาะทางอย่าง K-Mile Air หันมาให้ความสนใจเชียงราย และร่วมกันประเมินศักยภาพกับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงอย่างจริงจัง ย่อมสะท้อนว่า เมืองเล็กริมโขงแห่งนี้ ไม่ได้เป็นเพียง “จุดหมายปลายทางท่องเที่ยว” อีกต่อไป เชียงรายกำลังยืนอยู่บน “ทางแยกเชิงยุทธศาสตร์” เส้นหนึ่ง คือการคงบทบาทสนามบินท่องเที่ยวอย่างเดียว อีกเส้นหนึ่ง คือการยกระดับตัวเองสู่การเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าทางอากาศของภูมิภาค ที่เชื่อมภาคเหนือของไทยเข้ากับตลาดใหญ่ในเอเชียใต้ จีน และอาเซียน
การหารือครั้งล่าสุดระหว่าง ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และ K-Mile Air จึงไม่ใช่เพียงการประชุมในห้องปิด หากเป็น “จุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าบทใหม่” ของเชียงรายในฐานะเมืองที่พร้อมใช้ท้องฟ้าเป็นพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อให้ประโยชน์ตกสู่เกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชนในภูมิภาคอย่างแท้จริง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
- บริษัท เค-ไมล์ แอร์ จำกัด
- https://www.tatnews.org/2024/03/aot-kicks-off-pushing-thailand-to-top-of-aviation-hub/
- https://www.bangkokpost.com/business/general/637264/airports-get-25-leap-in-passengers
- https://www.khaosodenglish.com/news/2023/10/20/chiang-mai-airport-launches-24-hour-service-in-november/













































