Categories
CULTURE

ไทยชู Soft Power เนื้อหอมเทศกาลเมืองคานส์ เปิดโต๊ะเจรจาการค้ากว่า 2,000 ล้านบาท

ไทยชู Soft Power เนื้อหอมเทศกาลเมืองคานส์ เปิดโต๊ะเจรจาการค้ากว่า 2,000 ล้านบาท

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการที่ วธ. ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสัญลักษณ์ Content Thailand ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Film Festival 2023) ณ เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 16-27 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า ประเทศไทยสามารถส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย และขยายตลาดภาพยนตร์ไทยสู่ระดับนานาชาติ และผลักดัน “Soft Power” ความเป็นไทยได้ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศผ่านอุตสาหกรรมวัฒนธรรม 5F ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion) มวยไทย (Fighting) และเทศกาลประเพณี (Festival) ได้อย่างเป็นรูปธรรม

นายอิทธิพล กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เป็นที่น่ายินดีว่ามีภาคเอกชนเข้าร่วมงาน 12 บริษัท อาทิ Benetone Films, BrandThink, Film Frame Productions, GDH 559, Halo Productions, Kantana Motion Pictures, M Pictures, Right Beyond, Sahamongkolfilm International และ Yggdrazil Group  เนรมิตรหนัง ฟิล์ม และเวลา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งให้ความร่วมมือในหลากหลายกิจกรรม อาทิ กิจกรรมตลาดซื้อขายภาพยนตร์ และนิทรรศการคูหาประเทศไทย (Thailand Pavilion) โดยมีมูลค่าการเจรจาการค้ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ไฮไลท์ของคูหาประเทศไทย คือการจัดกิจกรรม Thai Film Pitching Project 2023 นำเสนอโครงการการสร้างภาพยนตร์เพื่อการร่วมลงทุน 2 เรื่อง ได้แก่ ทองหล่อคิดส์ โดย อาทิตย์ อัสสรัตน์ และ เจ้าหงิญ โดย เอมอัยย์ พลพิทักษ์ ซึ่งขณะนี้มี 43 บริษัท ที่สนใจเข้าร่วมลงทุนมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า ตลอดการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในครั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยจำนวนมากกว่า 600 ราย รวมถึงมีผู้ผลิตภาพยนตร์ที่สนใจและมีแผนจะเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักรไทย จำนวน 21 ราย จาก 8 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส กรีซ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อินเดียและออสเตรเลีย โดยมีแผนใช้เงินลงทุนรวมกว่า 3,800 ล้านบาท 

โดยรายละเอียดการเข้ามาติดต่อสอบถามในประเด็นหลัก ๆ อาทิ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในประเทศไทย การร่วมทุนผลิต (Co-Production) และการหาทุนในการสร้างภาพยนตร์ในประเทศไทย การจัดเทศกาลภาพยนตร์ในระดับประเทศและระดับนานาชาติในประเทศไทย (Film Festival) และการสนับสนุนด้านเงินทุนในการผลิตภาพยนตร์ (Film Funding) นอกจากนี้ ในวันเปิดคูหาประเทศไทยยังมีอาหารไทยให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน นักท่องเที่ยว ได้ลิ้มลอง ได้แก่ ส้มตำ ข้าวผัดกุ้ง ข้าวเหนียวมะม่วง และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ชาวต่างชาติรู้จักประเทศไทย ช่วยสร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศสร้างความมั่งคั่ง มั่นคงตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
Categories
CULTURE

วธ. ร่วมกับภาครัฐ เอกชน จัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทั่วประเทศ

วธ. ร่วมกับภาครัฐ เอกชน จัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทั่วประเทศ

Facebook
Twitter
Email
Print

วธ. ร่วมกับภาครัฐ เอกชน จัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทั่วประเทศ บำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศล กิจกรรมทางศาสนา นิทรรศการ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ชมนิทรรศการอาภรณ์ 5 การสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม : สุโขทัย ณ หอศิลป์ราชดำเนิน น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และเสริมสร้างค่านิยม อัตลักษณ์ไทยและความเป็นไทย รวมทั้งสืบสาน รักษาและต่อยอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของไทย วธ.จึงร่วมกับหน่วยงานรัฐ เอกชน และเครือข่ายทางวัฒนธรรม จัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2566 ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย ทางวธ.จึงจัดกิจกรรมทางศาสนาเฉลิมพระเกียรติในหลายพื้นที่เพื่อเป็นสิริมงคล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยหน่วยงานต่าง ๆ สังกัดวธ. จัดตกแต่งสถานที่ ประดับธงชาติคู่กับธงพระนามาภิไธย ส.ท. จัดตั้งโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระฉายาลักษณ์พร้อมเครื่องราชสักการะ ซึ่งในส่วนกลางจัดกิจกรรม ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมจัดทำวีดีทัศน์และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ พิธีถวายราชสักการะและลงนามถวายพระพร นอกจากนี้ กรมการศาสนา ได้เชิญชวนผู้นำองค์การทางศาสนา หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่าทั่วประเทศ ร่วมกันบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศล ในส่วนกลางจัดที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ในวันที่ 1 มิถุนายน 2566 โดยจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ และกิจกรรมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด อาทิ พระพุทธชินราช พระประธานในพระอุโบสถ รวมถึงจัดงานส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2566 ระหว่างวันที่ 2-3 มิถุนายน 2566 ณ วัดสระเกศ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม การสาธิตสืบสานประเพณีกวนข้าวทิพย์ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย การสาธิตและจัดแสดงผลิตภัณฑ์ชุมชน ด้านสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยจัดนิทรรศการอาภรณ์ 5 การสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม : สุโขทัย เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ณ หอศิลป์ร่วมสมัย ราชดำเนิน ขณะเดียวกัน ในส่วนภูมิภาคจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ เช่น พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระเจดีย์หรือพระพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัด นิทรรศการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหรือวีดีทัศน์ที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้ วธ.ขอเชิญชวนเครือข่ายทางวัฒนธรรม พสกนิกรชาวไทยร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2566 ผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์หน่วยงานราชการในพระองค์ www.royaloffice.th และร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณโดยพร้อมเพรียงกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

วธ. เร่งสร้างการรับรู้ Thailand Biennale 2023 ที่ จ.เชียงราย ตลอด 5 เดือน

วธ. เร่งสร้างการรับรู้ Thailand Biennale 2023 ที่ จ.เชียงราย ตลอด 5 เดือน

Facebook
Twitter
Email
Print

วธ. เร่งสร้างการรับรู้ประเทศไทยจัดงานงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ตลอด 5 เดือน มุ่ง “เปิดโลก” สร้างการรับรู้ทางศิลปะ ผ่านผลงานของศิลปินทั่วโลก พร้อมกิจกรรมทางการศึกษา แสดงงานศิลปะ ทั้งภาพยนตร์ ศิลปะการแสดง ดนตรี และอีกมากมาย

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ในการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ว่า สำหรับการจัดงานครั้งนี้ กำหนดจัดขึ้น ณ จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึง 30 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นการจัดงานต่อเนื่องจาก 

– ครั้งที่ 1 ณ จังหวัดกระบี่ Thailand Biennale, Krabi 2018 มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2.6 ล้านคน สร้างรายได้ไปกว่า 864 ล้านบาท 

– ครั้งที่ 2 ณ จังหวัดนครราชสีมา Thailand Biennale, Korat 2021 มีผู้เข้าร่วมงานเกือบ 2 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 3 พันล้านบาท 

– ครั้งที่ 3 คาดหวังว่าจะสามารถสร้างมูลค่าให้แก่งานศิลปะร่วมสมัย และสร้างความเข้มแข็งให้แก่จังหวัดเชียงรายทั้งในด้านเศรษฐกิจที่คาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวกว่า 5 ล้านคน เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 8,000 อัตรา และมีเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจของเชียงรายและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน (พะเยา แพร่ น่าน) ไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาท ในด้านสังคม เกิดการส่งเสริมความร่วมมือในชุมชน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม ตลอดจนพัฒนาเครือข่ายและองค์กรศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติในอนาคต และในด้านต่างประเทศ จะเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ เสริมสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์อันดี ทั้งในระดับภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และเครือข่ายศิลปิน รักษาการเป็นหมุดหมายสำคัญของการจัดแสดงงานศิลปะนานาชาติระดับโลกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้รับความร่วมมือและความพร้อมจากทุกภาคส่วน สำหรับเตรียมจัดงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ด้วยแนวคิดจัดนิทรรศการภายใต้แนวคิด The Open World  “เปิดโลก” การรับรู้ทางศิลปะ ผ่านผลงานของศิลปินจากทั่วโลก ที่จะมาร่วมเปิดมิติทางศิลปวัฒนธรรม เพื่อยกระดับเชียงรายสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก โดยที่ผ่านมาสำหรับการเตรียมพร้อมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่นั้น มีการจัดพิธีเปิดตัวธงสัญลักษณ์โครงการฯ เปิดตัวผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และภัณฑารักษ์ วางศิลาฤกษ์หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย 

การจัดเสวนาวิชาการเพื่อสร้างการรับรู้และกระบวนการมีส่วนร่วมของพื้นที่ การลงพื้นที่ของคณะผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ ภัณฑารักษ์ ศิลปินทั้งชาวไทยและต่างชาติ การแถลงข่าวการเปิดตัวแนวคิดการจัดงาน (Curatorial theme) และประกาศรายชื่อศิลปินรอบแรก 20 คน พร้อมจัดทำศูนย์ข้อมูล ณ หอศิลป์แทนคุณ วัดร่องขุ่น เพื่อเป็นสถานในการให้ข้อมูลของการจัดงาน ทั้งนี้ แผนในระยะต่อไปได้เตรียมจัดทำศูนย์ข้อมูลในแห่งที่ 2 ณ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย จะจัดทำการลงนามข้อตกลงระหว่างสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยกับศิลปิน การสร้างสรรค์ผลงานของศิลปิน และการเตรียมจัดงานเปิดงานในวันที่ 9 ธันวาคม 2566 พร้อมกันนี้ยังเตรียมกิจกรรมต่างๆที่จะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 5 เดือนของการจัดงาน อาทิ กิจกรรมทางการศึกษา แสดงงานศิลปะ ทั้งภาพยนตร์ ศิลปะการแสดง และดนตรี เป็นต้น

นายอิทธิพล กล่าวต่อไปอีกว่า ที่ประชุมรายงานว่านิทรรศการของงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ 

1.นิทรรศการหลักที่จัดขึ้นโดยทีมภัณฑารักษ์ ในสถานที่ต่างๆทั่วตัวเมืองอำเภอ เชียงราย และอำเภอเชียงแสน 

2.pavilion หรือศาลา แสดงผลงานของกลุ่มศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงการจัดในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ไม่น้อยกว่า 10 แห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นนิทรรศการคู่ขนานกันไปกับนิทรรศการหลัก 

3.Collateral Events ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในช่วงการแสดงงานทั้ง 5 เดือน ช่วงที่จัดงานเบียนนาเล่ 

โดยจะเป็นกิจกรรม อาทิเทศกาลดนตรีชาติพันธุ์ร่วมกับมรภ.เชียงราย งานฉายภาพยนตร์ร่วมกับหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และการแสดงสดอื่นๆ ขณะเดียวกันผู้ชมจะมีโอกาสเยี่ยมชมบ้านและสตูดิโอศิลปินเชียงราย           ซึ่งกระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆ ของเชียงราย สำหรับผู้สนใจสามารถกดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ https://www.facebook.com/thailandbiennale

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารกรุงไทย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
CULTURE

นายกฯ ปลื้มภาครัฐ-เอกชน ยกระดับผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT สู่ Modern Trade

นายกฯ ปลื้มภาครัฐ-เอกชน ยกระดับผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT สู่ Modern Trade

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อเวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมกันขยายช่องทางการตลาดให้ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand: CPOT) เป็นที่รู้จักในระดับสากล ซึ่งเห็นประสบความสำเร็จได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พร้อมสนับสนุนให้วางแนวทางขยายตลาดส่งออกเป็นสินค้า Soft Power สู่ต่างประเทศ 

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดสินค้าจากทุนทางวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ Cultural Product of Thailand (CPOT) ซึ่งเน้นการปรับภาพลักษณ์ให้มีความร่วมสมัย และตอบโจทย์ผู้บริโภค โดย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับภาคเอกชน กลุ่มบริษัทบีเจซี บิ๊กซี และบริษัท บางกอกอินสตรูเม้นท์ เซ็นเตอร์ จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมทางการตลาด CPOT เป้าหมายเพื่อส่งเสริมทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ CPOT ให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายในระยะเวลา 3 ปี พร้อมคาดการณ์ว่า ในปีแรกจะสร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 100 ล้านบาท โดยภายหลังเปิดตัวและนำร่องวางจำหน่ายในห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้รับกระแสตอบรับอย่างดี มีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติสนใจ CPOT อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง และเครื่องหอมจากสมุนไพร 

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงวัฒนธรรมวางแผนขยายตลาด เพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์CPOT อาทิ เครื่องใช้ ของตกแต่งบ้าน และเสื้อผ้า เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันสินค้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่งออกเป็นสินค้า Soft Power ไทยสู่ต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด “อร่อยเกินคาด หอมเกินต้าน” ตลอดจน เพิ่มช่องทางการตลาด โดยเฉพาะทางออนไลน์ เพื่อเป็นการขยายตลาดและกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ หากสนใจอุดหนุนสินค้า CPOT จากชุมชน ได้ที่ www.cpotshop.com และ Facebook CPOT 

 

นายกรัฐมนตรีขอบคุณความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับสินค้าชุมชนจากท้องถิ่นสู่สากล ผ่านช่องทาง Modern Trade ได้สำเร็จ ถือเป็นการร่วมมือทำความดีเพื่อชาติ ช่วยให้ชุมชนและผู้ประกอบการได้พัฒนาการผลิต และมีแหล่งจำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงเป็นการนำทุนทางวัฒนธรรมของประเทศ มาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยที่มีคุณภาพและมาตรฐาน เพิ่มคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจ สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ CPOT ของไทย ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่น และเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Cultural Product of Thailand (CPOT)

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE