Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

โรงรียนบ้านสันโค้งเจ๋งจริง เด็ก ป.1 สอบ RT เต็ม 100

13 เด็กเก่งโรงเรียนบ้านสันโค้ง สอบ RT ได้ 100 คะแนนเต็ม สร้างความภาคภูมิใจให้จังหวัดเชียงราย

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – โรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์) ได้จัดกิจกรรม เปิดบ้านวิชาการสู่โลกกว้างแห่งการเรียนรู้” (BSK Open House 2567) เพื่อแสดงศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน โดยมี นายมรกต อนุเคราะห์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติและคณะครู นักเรียน และผู้ปกครองเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

เปิดบ้านวิชาการ เสริมสร้างการเรียนรู้สู่โลกอนาคต

กิจกรรม BSK Open House จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยมีแนวคิด “Integrate Knowledge to the New World – Think Creativity – Be aware of Technology” ซึ่งมุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน ในปีนี้มีการจัดแสดงผลงานทางวิชาการของแต่ละระดับชั้น รวมถึงนิทรรศการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา

13 นักเรียนสอบ RT ได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน

ไฮไลต์สำคัญของงานคือการประกาศผลสอบ RT (Reading Test) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ซึ่งมีนักเรียนจำนวน 13 คน สามารถทำคะแนนได้ 100 คะแนนเต็ม สร้างความภาคภูมิใจให้กับโรงเรียนและจังหวัดเชียงรายเป็นอย่างยิ่ง

การสอบ RT หรือ Reading Test เป็นการทดสอบวัดความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยมีการประเมิน 2 ส่วน ได้แก่:

  1. การอ่านรู้เรื่อง – นักเรียนต้องสามารถอ่านคำศัพท์ และประโยค รวมถึงเข้าใจเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง
  2. ความสามารถด้านการจับใจความ – เป็นการทดสอบความสามารถในการทำความเข้าใจเนื้อหาที่อ่าน และตอบคำถามตามบริบทของเรื่อง

โรงเรียนมอบเกียรติบัตร เชิดชูเกียรติเด็กเก่ง

นายสุพัฒน์ เตชาติ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์) ได้มอบเกียรติบัตรเพื่อแสดงความยินดีแก่ 13 นักเรียนที่ทำคะแนนเต็ม พร้อมกล่าวว่า ความสำเร็จนี้เกิดจากความตั้งใจของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ที่ร่วมมือกันส่งเสริมทักษะการอ่านให้กับเด็กๆ” นอกจากนี้ ยังมีการยกย่องครูผู้สอนที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้นักเรียนสามารถบรรลุเป้าหมายทางการศึกษาครั้งนี้ได้สำเร็จ

เสียงสะท้อนจากสองมุมมอง

ฝ่ายสนับสนุน

  • ผู้ปกครองและครูต่างเห็นพ้องกันว่า การสอบ RT เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้โรงเรียนสามารถประเมินและพัฒนาแนวทางการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม
  • ผลการสอบที่โดดเด่นสะท้อนถึงประสิทธิภาพของระบบการศึกษาและความสามารถของนักเรียนที่มีคุณภาพ

ข้อกังวล

  • นักวิชาการบางส่วนให้ความเห็นว่า การทดสอบที่มุ่งเน้นเฉพาะทักษะการอ่านอาจไม่เพียงพอ ควรมีการประเมินในด้านการคิดวิเคราะห์และการใช้ภาษาเพิ่มเติม
  • มีข้อเสนอว่าควรเพิ่มวิธีการสอนแบบ Interactive Learning เพื่อให้นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะในหลากหลายมิติ

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • นักเรียนที่สอบ RT ได้คะแนนเต็ม: 13 คน จากโรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์)
  • อัตราการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนชั้น ป.1 ปี 2567: 95% (ข้อมูลจาก สพฐ.)
  • ผลสำรวจความสามารถด้านการอ่านของเด็กไทย: คะแนนเฉลี่ยระดับประเทศอยู่ที่ 85 คะแนน จาก 100 คะแนน (ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการ)
  • โรงเรียนบ้านสันโค้งเป็น 1 ใน 10 โรงเรียนของเชียงรายที่มีนักเรียนสอบ RT ได้คะแนนเต็มมากที่สุด

สรุป

การสอบ RT ปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของโรงเรียนบ้านสันโค้ง ที่สามารถผลิตนักเรียนที่มีทักษะการอ่านในระดับดีเยี่ยมถึง 13 คน ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาและแนวทางการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของระบบการศึกษายังต้องพัฒนาให้ครอบคลุมทักษะด้านอื่นๆ ควบคู่ไปกับการอ่าน เพื่อให้เด็กไทยสามารถเติบโตเป็นบุคคลที่มีความสามารถรอบด้านในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผบ.ทสส.ลุยแม่สาย คุมเข้มชายแดน ไทย-เมียนมา

ผบ.ทสส. ลงพื้นที่เชียงราย ติดตามสถานการณ์ความมั่นคงชายแดนไทย-เมียนมา-ลาว

เชียงราย, 15 มีนาคม 2568 – พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน (ศอ.ปชด.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อติดตามสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา-ลาว พร้อมร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย

การประชุมร่วมเพื่อขับเคลื่อนมาตรการความมั่นคง

การประชุมในครั้งนี้มี นายชริน ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย / ผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัดเชียงราย (ศส.ชท.จว.ช.ร.) เป็นผู้กล่าวต้อนรับ โดยมี พลโท กิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 / รองผู้อำนวยการ ศส.ชท.ทภ.3 และ พลตรี กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เข้าร่วมประชุม ในที่ประชุมมีการนำเสนอประเด็นสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงในพื้นที่ อาทิ:

  • ข้อมูลพื้นฐานของจังหวัดเชียงราย
  • การปฏิบัติตามนโยบาย Seal Stop Safe และมาตรการ 3 ตัด
  • สถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองและการค้ามนุษย์
  • แนวทางการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ชายแดน

ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์ชายแดน

ภายหลังการประชุม ผบ.ทสส. และคณะได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดยุทธศาสตร์สำคัญในอำเภอแม่สาย ซึ่งเป็นด่านหน้าสำหรับการควบคุมความมั่นคงชายแดน โดยมีจุดตรวจเยี่ยมหลัก ได้แก่:

  1. สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 – ตรวจสอบช่องทางสัญจร จุดตัดการจ่ายไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ต รวมถึงสังเกตการณ์โครงการรื้อถอนเพื่อสร้างแนวป้องกันตลิ่ง
  2. ตลาดสายลมจอย – ตรวจสอบพื้นที่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำแนวชายแดน และสำรวจพื้นที่ฟื้นฟูจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา
  3. สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 – ตรวจสอบกระบวนการตรวจสินค้าผ่านแดน เช่น น้ำมัน อุปกรณ์สื่อสาร และอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้า

มาตรการเข้มข้นในการรักษาความมั่นคงชายแดน

พลเอก ทรงวิทย์ เน้นย้ำว่า หน่วยงานทุกภาคส่วนต้องปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัดภายใต้กรอบกฎหมาย โดยเน้นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคง ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และภาคประชาชน เพื่อป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพของประเทศ

ความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายสนับสนุนมองว่า การลงพื้นที่ของ ผบ.ทสส. แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของกองทัพในการดูแลความปลอดภัยชายแดน การเสริมสร้างเสถียรภาพในพื้นที่ และการป้องกันภัยคุกคามที่อาจส่งผลต่อประเทศ ขณะที่ฝ่ายกังวลมองว่าการเข้มงวดด้านความมั่นคงอาจส่งผลกระทบต่อภาคการค้าและเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่พึ่งพาการค้าชายแดน

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • การค้าชายแดนไทย-เมียนมา – มูลค่าการค้าระหว่างไทยและเมียนมาผ่านด่านแม่สายในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 25,000 ล้านบาท (ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์)
  • สถิติการลักลอบข้ามแดน – ปี 2567 มีผู้ลักลอบเข้าเมืองบริเวณชายแดนภาคเหนือกว่า 15,000 ราย (ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)
  • แนวทางการพัฒนาเขตชายแดน – รัฐบาลมีแผนลงทุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่แม่สายมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท (ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)

สรุป

การลงพื้นที่ของ ผบ.ทสส. ครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามในการรักษาความมั่นคงของประเทศในพื้นที่ชายแดน พร้อมทั้งส่งเสริมการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ความเข้มงวดด้านความมั่นคงอาจต้องมีการพิจารณาแนวทางที่สมดุล เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงรายรอเยียวยาผู้นำฝ่ายค้าน ทวงเงินรัฐ

เชียงรายเร่งรับมือน้ำท่วมปี 2568 ฝ่ายค้านลงพื้นที่ติดตามแผนฟื้นฟู-ทวงเงินเยียวยาประชาชน

ติดตามแผนรับมืออุทกภัยและฟื้นฟูพื้นที่ชายแดน

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – คณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมด้วย นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์, นางสาวจุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม, นายฐากูร ยะแสง, นางสาวสิริลภัส กองตระการ, นายเจษฎา ดนตรีเสนาะ, นายปารมี ไวจงเจริญ, และนายกรุณพล เทียนสุวรรณ ลงพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามแผนรับมือน้ำท่วมปี 2568 และแนวทางการฟื้นฟูพื้นที่หลังเหตุการณ์อุทกภัยใหญ่ในปี 2567

แผนป้องกันน้ำท่วมแม่สายและแนวทางขุดลอกลุ่มน้ำ

นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย รายงานต่อคณะผู้แทนเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ โดยระบุว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากมาจาก ลำน้ำตื้นเขิน, สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำชายแดน และปริมาณฝนที่ตกหนักเกินค่าเฉลี่ย ทำให้ต้องมีการขุดลอกลำน้ำสายและลำน้ำรวกอย่างต่อเนื่อง

ความร่วมมือไทย-เมียนมาในการขุดลอกลำน้ำสาย

ปัจจุบัน ฝ่ายเมียนมา ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำแผ่นดินไปแล้ว 20 จุด ส่วนไทยรื้อถอนไปแล้ว 7 จุด และอยู่ระหว่างรอการอนุมัติงบประมาณขุดลอกแม่น้ำสายจากรัฐบาลเมียนมา คาดว่าจะได้รับอนุมัติในเดือนเมษายน 2568 ขณะที่ ฝ่ายไทย ได้จัดสรรงบประมาณ 70 ล้านบาท สำหรับขุดลอกลำน้ำรวก ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการขออนุมัติจากสำนักงบประมาณ

ปัญหาเหมืองแร่และผลกระทบต่ออุทกภัย

นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย ชี้ว่า การทำเหมืองแร่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลำน้ำตื้นเขิน เนื่องจากการขุดเหมืองส่งผลให้ตะกอนดินไหลลงสู่ลำน้ำ และทำให้ต้องมีการขุดลอกแม่น้ำทุกปีเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม หากไม่มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ปัญหาน้ำท่วมก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัญหาการเยียวยาผู้ประสบภัย: เงินยังไม่ถึงมือประชาชน

นางสาวจุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม สส. เชียงราย พรรคประชาชน ตั้งคำถามเกี่ยวกับ เงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งยังคงล่าช้าอยู่ในกระบวนการของรัฐบาล โดยงบประมาณการฟื้นฟูที่ เทศบาลและอำเภอเชียงรายเสนอจำนวน 134 ล้านบาท ต้องรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งทำให้การจ่ายเงินช่วยเหลือล่าช้าและประชาชนเดือดร้อน

ขณะเดียวกัน เกษตรกรในพื้นที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 197 ล้านบาท สำหรับการฟื้นฟูพื้นที่เพาะปลูกที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ขาดระบบเตือนภัยลำน้ำกกและแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รายงานว่าระบบเตือนภัยในพื้นที่ ยังไม่ครอบคลุม โดยแม่น้ำกกมีต้นน้ำมาจากเมียนมาและไหลผ่านเมืองเชียงราย ซึ่งปัจจุบันใช้ สถานีวัดระดับน้ำโทรมาตรเพียง 2 แห่ง ได้แก่ที่ อำเภอเมืองเชียงราย และบ้านท่าตอน ซึ่งยังไม่เพียงพอในการคาดการณ์และแจ้งเตือนภัยน้ำท่วม

ทาง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) ได้วางแผน ติดตั้งสถานีวัดระดับน้ำเพิ่มเติม 4 จุด และอยู่ระหว่างขออนุมัติงบประมาณเพื่อเสริมสร้างระบบเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แผนขุดลอกลำน้ำและพัฒนาโครงสร้างป้องกันน้ำท่วม

กรมชลประทานเชียงราย รายงานว่า ได้มีการศึกษาแนวทางระบายน้ำ 2 แนวทาง เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ ได้แก่:

  1. แนวทางที่ 1 ขุดลอกแม่น้ำกกและทำทางระบายน้ำอ้อมสนามบิน ลงสู่แม่น้ำกกตอนปลาย
  2. แนวทางที่ 2 ขุดลอกแม่น้ำกกให้ไหลผ่านฝั่งขวาของเมืองเชียงรายไปยังถนนบายพาส เพื่อลดความเสี่ยงของการท่วมตัวเมือง

นอกจากนี้ อำเภอแม่สาย มีแผนขุดลอกลำน้ำความยาว 2,800 เมตร ร่วมกับกรมการทหารช่างและรัฐบาลเมียนมา เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนเข้าฤดูฝน

ความท้าทายในการแก้ปัญหา: มีแผนแต่ขาดงบประมาณ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระบุว่า จังหวัดมีแผนรับมืออุทกภัยอย่างชัดเจนในทุกพื้นที่ แต่ปัญหาหลักคือ ขาดงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้โครงการสำคัญหลายโครงการไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทางด้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่าปัญหาสำคัญคือระบบการจัดสรรงบประมาณที่ รวมศูนย์อยู่ที่รัฐบาลกลาง ซึ่งทำให้กระบวนการอนุมัติล่าช้า พรรคประชาชนจึงเสนอให้มีการกระจายอำนาจการบริหารงบประมาณไปยังจังหวัดมากขึ้น เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดและทันท่วงที

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • พื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในเชียงรายปี 2567: มากกว่า 35,000 ครัวเรือน
  • งบประมาณที่ต้องการใช้ในการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย: 134 ล้านบาท
  • จำนวนครัวเรือนที่รอรับเงินเยียวยา 9,000 บาทต่อครัวเรือน: 35,000 ครัวเรือน
  • แผนขุดลอกแม่น้ำกกและลำน้ำสายที่ต้องใช้ภายในปี 2568: กว่า 3,500 เมตร

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย / กรมชลประทาน / สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พอ.สว.เชียงราย แพทย์เคลื่อนที่ เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง

เชียงรายออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ดูแลประชาชนพื้นที่ห่างไกล พร้อมเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียง

ให้บริการทางการแพทย์ทั่วถึงแก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายดำเนินโครงการ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 11 ประจำปี 2568 เพื่อนำบริการทางการแพทย์ไปสู่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล และให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงและครอบครัวที่มีฐานะยากจน ณ โรงเรียนบ้านห้วยน้ำเย็น หมู่ที่ 11 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม โดยมี นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายณรงค์ ลือชา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และ นายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลด้านสุขภาพอย่างใกล้ชิด

มอบถุงยังชีพและสนับสนุนสวัสดิการแก่ครอบครัวรายได้น้อย

ภายในงานมีการมอบ ถุงยังชีพจากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และ แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยประกอบด้วย ข้าวสารจากวัดห้วยปลากั้ง ผ้าห่มกันหนาวจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย และพันธุ์ปลาจากสำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ ยังมีการมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมคณะ ยังได้ร่วมประชุมเสวนากับ นายอำเภอแม่สรวย หัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำท้องที่ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน โดยมีการวางแผนสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ

ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดกิจกรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายและคณะทำงาน ได้เดินทางไป เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุจำนวน 5 ราย ในพื้นที่บ้านห้วยน้ำเย็น ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย เพื่อรับฟังปัญหาและให้การสนับสนุนสวัสดิการที่จำเป็น เช่น การจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ การดูแลด้านโภชนาการ และการส่งเสริมสุขภาพ

บ้านห้วยน้ำเย็น หมู่ที่ 11 ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 75 กิโลเมตร และห่างจากที่ว่าการอำเภอเวียงป่าเป้าประมาณ 30 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างทั่วไป ซึ่งทำให้การเข้าถึงบริการทางสาธารณสุขเป็นไปได้ยาก ดังนั้นการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประชาชนในพื้นที่

ส่งเสริมการเข้าถึงบริการสาธารณสุขและป้องกันโรค

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการ ส่งเสริมการเข้าถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่ทุรกันดาร และเป็นการปฏิบัติตามพระปณิธานของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ต้องการให้ประชาชนทุกคนสามารถได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ทางจังหวัดเชียงรายยังได้เน้นย้ำถึง มาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง ซึ่งมีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568 รวม 92 วัน เพื่อควบคุมระดับฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนประชาชนที่ได้รับบริการจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 11: มากกว่า 500 คน
  • จำนวนผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุที่ได้รับการเยี่ยมบ้าน: 5 ราย
  • ระยะทางจากตัวเมืองเชียงรายถึงบ้านห้วยน้ำเย็น: 75 กิโลเมตร
  • อัตราผู้สูงอายุในตำบลวาวีที่ต้องการการดูแลสุขภาพระยะยาว: ประมาณ 20% ของประชากรในพื้นที่
  • ระยะเวลาห้ามเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศ: 92 วัน (1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย / สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย / องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

เปิดตลาดเมียนมา เชียงรายจับมือ สคต.ย่างกุ้ง

เชียงรายบุกตลาดเมียนมา จับมือ สคต. ย่างกุ้ง ผลักดันสินค้าท้องถิ่นสู่เมืองเศรษฐกิจ

ขยายโอกาสการค้า เชื่อมโยงเศรษฐกิจชายแดนไทย-เมียนมา

กรุงย่างกุ้ง, 12 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าขยายตลาดสินค้าท้องถิ่นสู่ประเทศเมียนมา โดยร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง (สคต. ย่างกุ้ง) เพื่อผลักดันสินค้าคุณภาพสูงของผู้ประกอบการในเชียงรายเข้าสู่ตลาดหลักของเมียนมา โดยเฉพาะในกรุงย่างกุ้งซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ

คณะผู้แทนจังหวัดเชียงราย นำโดย นาย นรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ นาง ณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย พร้อมภาคเอกชน เช่น สมาพันธ์ SME ไทย จังหวัดเชียงราย, บริษัท เวลคัมทูเชียงราย จำกัด และ บริษัท Bon Burma ได้เข้าพบ นายเอกวัฒน์ ธนประสิทธิ์พัฒนา ผู้อำนวยการ สคต. ย่างกุ้ง เพื่อหารือแนวทางขยายตลาดภายใต้แบรนด์ “Welcome to Chiang Rai”

แผนการตลาดและการขยายเครือข่ายค้าปลีกในเมียนมา

เชียงรายมีแผนกระจายสินค้าท้องถิ่นคุณภาพสูง เช่น ผลไม้อบกรอบ น้ำผึ้ง น้ำพริกหนุ่ม และข้าวซอยตัด ซึ่งได้รับมาตรฐานส่งออก โดยบริษัท เวลคัมทูเชียงราย จำกัด จะทำหน้าที่รวบรวมสินค้าและดำเนินการขอจดทะเบียน FDA เมียนมา รวมถึงขอใบอนุญาตนำเข้า (Import License) เพื่อให้สินค้าสามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

สำหรับการกระจายสินค้า บริษัท Bon Burma จะเป็นผู้รับผิดชอบโดยใช้เครือข่ายร้านค้า Traditional Trade กว่า 8,000 แห่ง ในย่างกุ้ง พร้อมทั้งอยู่ระหว่างเจรจากับกลุ่ม Modern Trade เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า อาทิ Junction City และ Myanmar Plaza เพื่อเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายในตลาดระดับพรีเมียม

ต่อยอดจากโครงการ Business Matching เชื่อมโยงผู้ประกอบการไทย-เมียนมา

การเจรจาทางการค้าครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากโครงการ Business Matching ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งมีผู้ซื้อ (Buyer) จากเมียนมา ลาว และจีน เข้าร่วมเจรจากับผู้ประกอบการ 17 จังหวัดภาคเหนือ ผ่านโครงการร่วมค้าเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน และโครงการเชื่อมโยงการค้าอนุภูมิภาค ซึ่งช่วยสร้างคู่ค้าและขยายตลาดชายแดนอย่างเป็นรูปธรรม

แนวทางแก้ไขอุปสรรคทางการค้าและการขนส่ง

จากการประชุมหารือ สคต. ย่างกุ้ง ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ขั้นตอนการนำเข้าสินค้า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และข้อจำกัดด้านการโอนเงิน รวมถึงแนะนำแนวทางแก้ไขปัญหา เช่น การเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับผู้ถือใบอนุญาตส่งออก (Export License) ของเมียนมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้า

นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับ แนวทางการขนส่งสินค้า โดยเสนอให้ใช้เส้นทางขนส่งทางบกผ่าน ด่านท่าขี้เหล็ก-ย่างกุ้ง และทางอากาศผ่าน สายการบิน Pattaya Airways ซึ่งอาจเปิดเส้นทางบินขนส่งสินค้าโดยตรงระหว่างเชียงราย-ย่างกุ้งในอนาคต

เป้าหมายขยายตลาดสินค้าไทยในเมียนมา

หากโครงการนำร่อง “Welcome to Chiang Rai” ประสบความสำเร็จ จังหวัดเชียงรายมีแผนขยายโมเดลไปสู่ “Welcome to Thailand” เพื่อเปิดโอกาสให้สินค้าท้องถิ่นจากจังหวัดอื่น ๆ ของไทยเข้าสู่ตลาดเมียนมา พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายช่องทางสู่ มัณฑะเลย์ และตองจี ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับด่าน ท่าขี้เหล็ก-แม่สาย เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

ความร่วมมือไทย-เมียนมาครั้งนี้ถือเป็น ก้าวสำคัญในการผลักดันสินค้าท้องถิ่นของเชียงรายสู่ตลาดโลก โดยมีเป้าหมายให้ SMEs และ OTOP ไทยเติบโตในตลาดสากล ผ่านโครงข่ายการค้าระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • มูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมาในปี 2567: มากกว่า 150,000 ล้านบาท
  • อัตราการเติบโตของตลาดสินค้าส่งออกจากไทยไปเมียนมาในปี 2567: เพิ่มขึ้น 8%
  • จำนวนร้านค้าในเครือข่ายของ Bon Burma ในย่างกุ้ง: มากกว่า 8,000 แห่ง
  • เป้าหมายขยายตลาดสินค้าจากเชียงรายไปยังเมืองสำคัญในเมียนมา: มัณฑะเลย์ และตองจี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง (สคต. ย่างกุ้ง) / กระทรวงพาณิชย์ / สมาพันธ์ SME ไทย จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เริ่มแล้ว ‘โฮงยาใกล้บ้านพลัส’ อบรมทันตบุคลากร เชียงราย

อบจ.เชียงราย ขับเคลื่อนโครงการ “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ” เสริมศักยภาพทันตบุคลากร รพ.สต.

พัฒนาระบบบริการสุขภาพช่องปากระดับปฐมภูมิ

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) จัดโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพช่องปากระดับปฐมภูมิ ภายใต้แนวคิด อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ” (โฮงยาใกล้บ้าน Plus) เพื่อเพิ่มศักยภาพทันตบุคลากรของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้สามารถดูแลสุขภาพช่องปากของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพช่องปากระดับปฐมภูมิ โดยมี นายไพรัช มหาวงศนันท์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้าร่วมอบรมให้การต้อนรับ

เพิ่มประสิทธิภาพงานทันตสาธารณสุขระดับตำบล

นายไพรัช มหาวงศนันท์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย กล่าวว่า โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ ฟื้นฟูและพัฒนาองค์ความรู้ด้านทันตสาธารณสุข สำหรับบุคลากรของ รพ.สต. ที่อยู่ในสังกัด อบจ.เชียงราย ให้สามารถให้บริการที่ได้มาตรฐานมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคในช่องปากและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

โครงการนี้ยังช่วยให้ทันตบุคลากรได้รับข้อมูลและเทคนิคใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตนได้จริง เพื่อให้การดูแลสุขภาพช่องปากของประชาชนเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพมากขึ้น

ขับเคลื่อนนโยบาย “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ”

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่าการดำเนินงานด้านทันตสาธารณสุขของ รพ.สต. เป็น หัวใจสำคัญของระบบบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ซึ่งมีบทบาทในการให้บริการตรวจรักษาและส่งเสริมสุขภาพช่องปากสำหรับประชาชนทุกกลุ่มวัย

อบจ.เชียงรายให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนโครงการ อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ” (โฮงยาใกล้บ้าน Plus) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเดินทางไกล โดยการอบรมครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้แก่ทันตบุคลากร ให้เป็นบุคลากรต้นแบบและเป็นที่พึ่งของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลกระทบและประโยชน์ต่อประชาชน

การพัฒนาระบบบริการสุขภาพช่องปากระดับปฐมภูมิครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลเชิงบวกในหลายด้าน ได้แก่:

  • เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมของประชาชน
  • ลดอัตราการเกิดโรคในช่องปากในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ
  • พัฒนาศักยภาพของทันตบุคลากรให้สามารถดูแลสุขภาพช่องปากของประชาชนได้ดีขึ้น
  • ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • อัตราผู้ป่วยโรคฟันผุในเด็กก่อนวัยเรียนในเชียงราย: 57%
  • ประชากรในพื้นที่ชนบทที่ขาดการเข้าถึงบริการทันตกรรม: ประมาณ 30%
  • จำนวน รพ.สต. ในสังกัด อบจ.เชียงรายที่ให้บริการทันตกรรม: กว่า 50 แห่ง
  • เป้าหมายลดอัตราการเกิดโรคฟันผุในเด็กอายุ 6 ปีให้ต่ำกว่า: 30% ภายในปี 2570

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย / กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทหารเชียงราย ช่วยเก็บข้าวโพด ลดรายจ่ายให้ประชาชน

มณฑลทหารบกที่ 37 จัดกิจกรรมช่วยประชาชนเก็บข้าวโพด ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้

ทหารจิตอาสาเข้าช่วยเหลือเกษตรกรเชียงแสน

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – มณฑลทหารบกที่ 37 จัดกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน จัดกิจกรรม “ช่วยด้วยใจ ลดรายจ่าย สร้างรายได้” ด้วยการช่วยประชาชนเก็บข้าวโพดเพื่อใช้ทำอาหารสัตว์และเพื่อจำหน่าย ณ บ้านไร่ หมู่ 7 ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ซึ่งนำโดย ร้อยตรี ณัฐพล บุญทับ หัวหน้าชุดประสานงานสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ บ้านธารทอง พร้อมกำลังพล เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เกษตรกรได้รับการช่วยเหลือ ลดต้นทุนแรงงาน

หนึ่งในผู้ได้รับการช่วยเหลือคือ นายเสาร์ ยาวิชัยป้อง อายุ 73 ปี เจ้าของไร่ข้าวโพดพื้นที่กว่า 20 ไร่ ซึ่งทหารเข้ามาช่วยเก็บเกี่ยวเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน และช่วยสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน กิจกรรมนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนในพื้นที่

มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 15 คน ซึ่งต่างร่วมมือกันทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อสนับสนุนชุมชน

รณรงค์ลดปัญหาหมอกควันและไฟป่า

นอกจากการช่วยเก็บข้าวโพดแล้ว หน่วยทหารยังได้ ประชาสัมพันธ์การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ให้กับประชาชน โดยให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรการ “92 วัน ปลอดการเผา ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย” ซึ่งกำหนดห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568 เพื่อลดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่

แนวทางการลดปัญหาหมอกควันที่เผยแพร่ให้ประชาชน ได้แก่:

  • การไม่เผาขยะ ตอซังข้าว ข้าวโพด หญ้าแห้ง วัชพืช กิ่งไม้
  • การทำปุ๋ยหมักแบบไม่กลับกอง
  • การทำแนวกันไฟในพื้นที่เพื่อลดการเกิดไฟป่า

ชุมชนซาบซึ้งในความช่วยเหลือของทหาร

ครอบครัวของ นายเสาร์ ยาวิชัยป้อง และชาวบ้านในพื้นที่ได้กล่าวขอบคุณทหารที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และเป็นที่พึ่งพาในทุกโอกาส การปฏิบัติงานครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกฝ่าย

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • พื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวโพดในตำบลแม่เงิน: กว่า 5,000 ไร่
  • อัตราการเผาทำลายวัชพืชในเชียงรายก่อนมีมาตรการควบคุม: มากกว่า 70%
  • ค่า PM 2.5 เฉลี่ยในช่วงเดือนมีนาคม 2567: สูงถึง 150 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
  • ค่า PM 2.5 หลังเริ่มมาตรการ “92 วัน ปลอดการเผา” ในปี 2567: ลดลงกว่า 35%

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มณฑลทหารบกที่ 37 / สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ทอท.เปิดเชียงราย Fam Trip ดึงสายการบินต่างชาติ

เชียงรายเปิดเส้นทางบินใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

AOT ผนึกกำลัง ททท. เปิดตัวโครงการ FAM Trip เชียงราย

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมเปิดตัวโครงการสร้างการรับรู้และพัฒนาเส้นทางการบิน (Familiarization Trip : FAM Trip) ภายใต้ชื่อ “Discover Amazing Thailand Through The Skies FAM Trip” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศมายังเชียงราย ณ โรงแรม เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568

โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายโดยใช้ศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเส้นทางบินระหว่างประเทศ โดยมีผู้แทนสายการบินและตัวแทนการท่องเที่ยวชั้นนำจากประเทศอินเดีย จีน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์เข้าร่วมงาน เพื่อพัฒนาเส้นทางบินและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมายังเชียงรายมากขึ้น

เชียงรายพร้อมเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค

ในพิธีเปิดโครงการ FAM Trip ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของเชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่โดดเด่น อีกทั้งยังมีศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน

AOT ได้จัดทำโครงการสนับสนุนการตลาด (Marketing Fund) เพื่อจูงใจให้สายการบินต่างชาติเพิ่มเที่ยวบินมายังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเส้นทางบินใหม่กับเมืองสำคัญทั่วโลก เพื่อยกระดับให้ ทชร. เป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งทางอากาศของภูมิภาค (Regional Hub)

โครงการ FAM Trip เปิดประสบการณ์ใหม่ให้นักลงทุนและสายการบิน

ในช่วงงานเลี้ยงต้อนรับ (Welcome Reception) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน พร้อมนำเสนอศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้แก่ผู้แทนสายการบินและบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย และหอการค้าจังหวัดเชียงราย

ในโอกาสนี้ นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้บรรยายสรุปข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของ ทชร. รวมถึงแผนพัฒนาสนามบินเพื่อรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยผู้เข้าร่วมโครงการยังได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเชียงราย อาทิ วัดร่องขุ่น ไร่ชาฉุยฟง และดอยตุง เพื่อสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่จริง

เป้าหมายเชียงราย: สู่ Aviation Hub ของภูมิภาค

รัฐบาลไทยมีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ซึ่งนอกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เป็นองค์ประกอบหลักแล้ว การพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาคอย่าง ทชร. ก็เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายเครือข่ายการบินระหว่างประเทศ

AOT วางแผนพัฒนา ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO – Maintenance, Repair, and Overhaul) ในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินและเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการสายการบินทั่วโลก ตัวอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้คือสิงคโปร์ ซึ่งมีศูนย์ซ่อมอากาศยานชั้นนำระดับโลกและสถาบันฝึกอบรมด้านการบินอย่าง Singapore Aviation Academy (SAA)

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสถิติที่เกี่ยวข้อง

การพัฒนาเส้นทางบินระหว่างประเทศมายังเชียงรายคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า ในปี 2567 เชียงรายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนกว่า 1.2 ล้านคน และคาดว่าจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 20% ภายในปี 2569 หากมีการขยายเส้นทางบินใหม่เพิ่มเติม

นอกจากนี้ สถิติจาก AOT ชี้ให้เห็นว่าปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นกว่า 15% จากปี 2566 โดยมีจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเชียงรายในการเป็นศูนย์กลางการบินแห่งใหม่ของภูมิภาค

สรุป

โครงการ FAM Trip เชียงราย ถือเป็นก้าวสำคัญในการดึงดูดสายการบินและนักลงทุนให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงราย ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการพัฒนาเส้นทางบินระหว่างประเทศ ด้วยการสนับสนุนจาก AOT และ ททท. เชียงรายกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคที่สามารถแข่งขันกับเมืองท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียได้อย่างเต็มตัว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) / บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายไหว้ดอยตุง ตามรอยครูบาฯ สรงน้ำพระธาตุ

ดอยตุง 2007 ปี! ศรัทธาครูบาฯ เดินจาริกแสวงบุญ

เชียงราย, 13 มีนาคม 2568 – ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีเดินจาริกแสวงบุญ ตามรอยครูบาเจ้าศรีวิชัย ในงานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2568 “2007 ปีสืบมา หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง”

พิธีบวงสรวงและการเตรียมความพร้อม

เช้าวันที่ 12 มีนาคม 2568 ที่วัดศาลาเชิงดอย ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนเดินจาริกแสวงบุญตามรอยครูบาเจ้าศรีวิชัย ในงานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2568 ภายใต้ชื่อว่า “2007 ปีสืบมา หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 ตลอดจนพระเถรานุเถระ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายอำเภอแม่สาย หัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก

ในพิธีดังกล่าว พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 ได้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก ร่วมประกอบพิธีทางศาสนา วางพานพุ่มดอกไม้สดสักการะครูบาเจ้าศรีวิชัย ที่ด้านหน้าวัดศาลาเชิงดอย เพื่อความเป็นสิริมงคลในการประกอบพิธีเดินจาริกแสวงบุญ จากนั้นได้มีการปล่อยขบวนเดินจาริกแสวงบุญตามรอยครูบาเจ้าศรีวิชัย ตนบุญแห่งล้านนา เป็นระยะทาง 9 กิโลเมตร เพื่อขึ้นไปไหว้สาพระธาตุดอยตุง

ความสำคัญของพระธาตุดอยตุง

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นโบราณสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งตามตำนานเล่าว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยพระมหากัสสปเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มาบรรจุไว้ที่นี่เมื่อปี พ.ศ. 561 ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาของพุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะผู้ที่เกิดปีกุนหรือปีช้างตามความเชื่อของชาวล้านนา เชื่อว่าการเดินทางขึ้นมากราบไหว้พระธาตุเจดีย์ที่ดอยตุงจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

สำหรับปีนี้ ประเพณีดังกล่าวตรงกับวันที่ 13 มีนาคม 2568 จังหวัดเชียงรายจึงได้ร่วมกับคณะสงฆ์และภาครัฐจัดให้มีกิจกรรมเดินจาริกแสวงบุญตามรอยครูบาเจ้าศรีวิชัย ขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยตุง เพื่อรำลึกถึงครั้งที่ครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้เดินทางแสวงบุญและทำการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุดอยตุง เมื่อปีพุทธศักราช 2470

พิธีตักน้ำทิพย์และสรงน้ำพระธาตุดอยตุง

วันที่ 12 มีนาคม 2568 ที่บ่อน้ำทิพย์ วัดพระธาตุดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีตักน้ำทิพย์เพื่อใช้ในการสรงน้ำพระธาตุดอยตุง โดยมีขบวนน้ำสรงพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เข้าประดิษฐานในวิหารวัดน้อยดอยตุง

สำหรับบ่อน้ำทิพย์ของวัดพระธาตุดอยตุง ถือเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีความลึกเพียง 2 เมตรจากพื้นดิน แต่มีน้ำใสสะอาดตลอดทั้งปี ซึ่งตามตำนานเชื่อว่าเป็นน้ำที่ใช้สรงน้ำพระธาตุดอยตุงมาตั้งแต่โบราณกาล

ขบวนแห่ศรัทธาและพิธีบวงสรวง

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 มีนาคม 2568 ที่พระธาตุดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีวางเครื่องสักการะและกล่าวขอสูมา ตามประเพณีล้านนา โดยมีการแสดง แสง สี เสียง ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งศรัทธา

ขบวนแห่ศรัทธาเริ่มต้นจากลานจอดรถหน้าทางเข้าพระธาตุดอยตุง มุ่งสู่ลานพระธาตุ ประกอบไปด้วยขบวนเสลี่ยงพุทธศาสนิกชนจากหลายพื้นที่ ขบวนน้ำทิพย์ ขบวนตุงพันวา และขบวนสักการะของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงราย

สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าวและแหล่งอ้างอิง

จากข้อมูลของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ในปี 2567 มีประชาชนเข้าร่วมงานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุงมากกว่า 50,000 คน และคาดว่าปี 2568 จะมีผู้เข้าร่วมมากขึ้น เนื่องจากมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอย่างต่อเนื่อง

พระธาตุดอยตุงเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมวดศาสนสถานของจังหวัดเชียงราย ตามสถิติจาก Google Maps พบว่ามีการรีวิวมากกว่า 20,000 รีวิว โดยผู้เข้าชมส่วนใหญ่ชื่นชมในบรรยากาศที่สงบ วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ ซึ่งช่วยส่งเสริมให้พระธาตุดอยตุงกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย / ข้อมูลจาก Google Maps (ณ มีนาคม 2568) / กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

4 โรคร้ายคุกคาม ผู้ป่วยมากขึ้น เร่งควบคุมโรคกระจายวัคซีน

คณะกรรมการโรคติดต่อฯ เห็นชอบแนวทางควบคุม 4 โรคสำคัญ เตรียมจัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มเป็น 6 ล้านโดส

เชียงรายเป็นหนึ่งใน 6 จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม

ประเทศไทย, 13 มีนาคม 2568 – กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินหน้ามาตรการควบคุมโรคติดต่อสำคัญ โดยคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติให้ ขยายแนวทางการจัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพิ่มเป็น 6 ล้านโดส สำหรับประชากรกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มหลัก พร้อมกระจายวัคซีนให้กับ 6 จังหวัดที่พบการแพร่ระบาดสูง ได้แก่ พะเยา ลำพูน เชียงราย ภูเก็ต เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร โดยแต่ละจังหวัดจะได้รับจัดสรร 10,000 โดส ขณะที่ค่ายทหารและเรือนจำได้รับเพิ่มเติม 30,000 โดส

แนวทางควบคุม 4 โรคสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 ณ กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค โดยที่ประชุมมีมติ เห็นชอบแนวทางป้องกันและควบคุม 4 โรคสำคัญ ได้แก่:

  1. โรคไข้หวัดใหญ่
  • ปี 2568 พบผู้ป่วยสะสมแล้ว 165,333 ราย เสียชีวิต 14 ราย
  • พบการแพร่ระบาดสูงสุดในกลุ่มเด็กอายุ 5 – 9 ปี และเด็กเล็กอายุ 0 – 4 ปี
  • กระจายวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มเติมใน 6 จังหวัด และค่ายทหาร-เรือนจำ
  1. โรคไข้เลือดออก
  • แม้แนวโน้มผู้ป่วยลดลง แต่ยังมีอัตราการเสียชีวิตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและประชากรวัยทำงานอายุ 40 – 59 ปี
  • เตรียมเดินหน้าศึกษาวัคซีนไข้เลือดออกเพิ่มเติม โดยเริ่มทดลองฉีดในอาสาสมัคร 4 เมษายน 2568 ที่จังหวัดนครพนม
  1. โรคฝีดาษวานร (Mpox)
  • พบผู้ป่วยสะสม 873 ราย และเสียชีวิต 13 ราย โดย 12 ราย เป็นเพศชายที่ตรวจพบเชื้อ HIV
  • กระทรวงฯ ได้รับวัคซีนฝีดาษจำนวน 2,220 โดส จากสมาพันธ์อาเซียน เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงและบุคลากรทางการแพทย์
  1. โรคไวรัสตับอักเสบบีและซี
  • พบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี 290,396 ราย แต่ได้รับการรักษาเพียง 13.33%
  • เร่งพัฒนาระบบ Hepatitis-BC-DDC เพื่อเฝ้าระวังและติดตามการรักษาอย่างครบวงจร

เชียงราย: จุดยุทธศาสตร์สำคัญในการกระจายวัคซีน

เชียงรายเป็นหนึ่งใน 6 จังหวัดที่พบอัตราการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สูง จากข้อมูลของ กรมควบคุมโรค พบว่า อัตราป่วยในจังหวัดเชียงรายเพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมกับการสนับสนุนวัคซีนเพิ่มเติมจากกระทรวงสาธารณสุข

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ปีนี้จังหวัดเชียงรายได้รับการจัดสรรวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 10,000 โดส ซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาดในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง”

มุมมองจาก 2 ฝ่ายต่อมาตรการควบคุมโรค

ฝ่ายสนับสนุน

นักวิชาการด้านสาธารณสุขมองว่า การจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมและการเฝ้าระวังการแพร่ระบาด เป็นมาตรการที่จำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อสูง เช่น เชียงราย เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ นอกจากนี้ การศึกษา วัคซีนไข้เลือดออก และการขยายการฉีดวัคซีน HPV ยังเป็นการยกระดับมาตรการป้องกันโรคให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น

ฝ่ายกังวลเรื่องงบประมาณ

ขณะที่บางฝ่ายตั้งคำถามถึง งบประมาณที่ใช้ในการจัดซื้อวัคซีนและความคุ้มค่าในการกระจายวัคซีนในบางพื้นที่ รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับการศึกษา วัคซีนไข้เลือดออก ที่ยังอยู่ในช่วงทดลอง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการประเมินประสิทธิภาพก่อนนำมาใช้จริง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • อัตราการป่วยไข้หวัดใหญ่ในปี 2568 เพิ่มขึ้นเป็น 165,333 ราย ทั่วประเทศ (ที่มา: กรมควบคุมโรค)
  • จังหวัดเชียงรายพบอัตราป่วยเพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2567 (ที่มา: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย)
  • ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีที่ได้รับการรักษาเพียง 13.33% (ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข)
  • โครงการฉีดวัคซีน HPV มีการฉีดสะสม 700,860 โดส จากเป้าหมาย 1 ล้านโดส (ที่มา: กรมควบคุมโรค)

สรุป

การขยายมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะการกระจายวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มเติม สะท้อนถึงความพยายามในการลดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อสำคัญ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับงบประมาณและประสิทธิภาพของวัคซีนบางชนิด ซึ่งจำเป็นต้องมีการติดตามผลในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News