Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

แบบปู่สว่าง 105 ปี แรงจริง ซิว 2 ทอง กรีฑาสูงอายุไทยใหม่

“ปู่สว่าง” วัย 105 ปี คว้า 2 ทอง เปิดศึกกรีฑาสูงอายุประเทศไทย

เชียงราย, 13 กุมภาพันธ์ 2568 – “ปู่สว่าง” หรือคุณตาสว่าง จันทร์พราหมณ์ วัย 105 ปี ยังคงสร้างความประทับใจให้กับวงการกีฬา หลังคว้าเหรียญทอง 2 รายการจากการแข่งขันกรีฑาสูงอายุชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 29 “นครเชียงรายเกมส์” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สนามกีฬากลาง จังหวัดเชียงราย การแข่งขันครั้งนี้มีนักกีฬาสูงอายุจากทั่วประเทศและนานาชาติเข้าร่วมกว่า 2,000 คน

ปู่สว่างซิวทองในวัย 105 ปี

ปู่สว่างลงแข่งขัน 4 รายการ ได้แก่ ทุ่มน้ำหนัก, วิ่ง 100 เมตร, ขว้างจักร และพุ่งแหลน โดยประเดิมสนามเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ในรายการพุ่งแหลนและวิ่ง 100 เมตร และสามารถคว้าเหรียญทองทั้งสองรายการได้สำเร็จ

ไฮไลต์นักกีฬาอาวุโสและผลการแข่งขันสำคัญ

ณัฐพล นามกันหา อดีตนักกีฬาทีมชาติไทยจากสโมสรทหารอากาศโชว์ฟอร์มเยี่ยม คว้าแชมป์กระโดดไกลรุ่น 50-54 ปี ด้วยสถิติ 5.24 เมตร ตามมาด้วย ณพลเดช ภาพยนต์ จากบุรีรัมย์ 5.17 เมตร และ เซียว ฮัน เหวิน จากมาเลเซีย 4.45 เมตร

ในช่วงเย็นของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 มีพิธีเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจาก นายชรินทร์ ทองสุข เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางรัตนา จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย, นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกรีฑาผู้สูงอายุไทย และ นางสาวจันทร พิมพ์สกุล กรรมการบริหารสมาคมกรีฑาผู้สูงอายุไทย

ผลการแข่งขันรายการอื่นๆ

เดิน 5,000 เมตร

  • รุ่น 90-94 ปีชาย: บรรยงค์ หวังศักราทิตย (อบจ.สงขลา) – 44.38 นาที

  • รุ่น 80-84 ปีชาย: เกียรทอง โนจิตร (น่าน) – 39.31 นาที

  • รุ่น 75-79 ปีชาย: นิพนธ์ สุดใจธรรม (ลำปาง) – 35.36 นาที

ทุ่มน้ำหนัก รุ่น 45-49 ปี

  • อาร์วินด์ ลาลนี – 7.01 เมตร

  • สรพงษ์ สุชาญา (อบจ.นครศรีธรรมราช) – 6.83 เมตร

  • อามร นวลพุ่ม (อุตรดิตถ์) – 5.77 เมตร

กระโดดค้ำ

  • รุ่น 85-89 ปีชาย: นิพันธ์ นพรัตน์ (อุตรดิตถ์) – 1.00 เมตร

  • รุ่น 75-79 ปีชาย: ไสว พิชญาภรณ์ (อบจ.สงขลา) – 2.00 เมตร

พุ่งแหลน รุ่น 80-84 ปีหญิง

  • รวิพร ชาญสมธิ (ส.กีฬาจังหวัดพิษณุโลก) – 13.29 เมตร

  • สว่างจิตร สุขเกษม (อบจ.อุดรธานี) – 12.13 เมตร

  • ลี เนีย ยอง (ซาบา มาสเตอร์) – 11.24 เมตร

กระโดดไกล รุ่น 45-49 ปีชาย

  • ประสงค์ อินคำ (ล้านนา) – 5.38 เมตร

  • กริธศักดิ์ รอดรัตน์ (อบจ.นครศรีธรรมราช) – 5.06 เมตร

บทสรุป

การแข่งขันกรีฑาสูงอายุชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 29 ที่เชียงราย สะท้อนให้เห็นถึงพลังและศักยภาพของนักกีฬาสูงวัย โดยเฉพาะปู่สว่าง จันทร์พราหมณ์ วัย 105 ปี ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาทุกวัย การแข่งขันครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกายและการแข่งขันกีฬาเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมกรีฑาผู้สูงอายุไทย เพจหลัก

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พาณิชย์ลงพื้นที่ช่วยเกษตรกรขายสับปะรด-หอมใหญ่

รมว.พาณิชย์ ติดตามโครงการชูใจ วัยเก๋า 60+ เยี่ยมตลาดล้านเมือง เชียงราย

เชียงราย, 12 กุมภาพันธ์ 2568 – นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะลงพื้นที่ตลาดล้านเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามโครงการ “ชูใจ วัยเก๋า 60+” ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถใช้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคภายในตลาด โดยมีบรรยากาศการจับจ่ายที่คึกคักจากประชาชนและผู้สูงวัยที่ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 10,000 บาทจากรัฐบาล

รมว.พาณิชย์ลงพื้นที่ ตรวจสอบราคาสินค้า และพบปะประชาชน

นายพิชัย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ อาทิ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้รับการต้อนรับจาก นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ นายไพโรจน์ หาญพิทักษ์วงศ์ ผู้จัดการตลาด พร้อมทั้งพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยภายในตลาด

รมว.พาณิชย์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าในตลาด โดยเฉพาะสินค้าสด เช่น ผักสด ผลไม้ และเนื้อสัตว์ เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่เป็นธรรม นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบด้านเศรษฐกิจและนโยบายช่วยเหลือผู้สูงอายุจากภาครัฐ

กระทรวงพาณิชย์หนุนเกษตรกร รับซื้อหอมหัวใหญ่-สับปะรดภูแล

นอกจากการติดตามโครงการ “ชูใจ วัยเก๋า 60+” แล้ว นายพิชัยยังได้ตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายหอมหัวใหญ่และสับปะรดภูแล ซึ่งเป็นสินค้าทางการเกษตรที่สำคัญของภาคเหนือ โดยกรมการค้าภายในได้ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน 23 ราย เช่น Tops, Go Wholesale, The Mall, Makro, Lotus’s, Big C รวมถึงสถานีบริการน้ำมัน PT, OR, Bangchak, Shell และ Susco เพื่อรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน

ปล่อยขบวนคาราวาน 60 ตัน ขยายตลาดสับปะรดภูแลสู่ต่างประเทศ

ภายในงาน กระทรวงพาณิชย์ยังได้จัดกิจกรรมปล่อยขบวนคาราวานสินค้าสับปะรดภูแลจำนวน 60 ตัน เพื่อนำไปแปรรูปและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจีน ขณะที่การรับซื้อหอมหัวใหญ่เริ่มต้นจากสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่บ้านกาดพัฒนา อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 100 ตัน และจะทยอยรับซื้อเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

แนวทางบริหารจัดการผลผลิตเกษตรกรไทย

กระทรวงพาณิชย์สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามและประเมินสถานการณ์การผลิตและการตลาดของหอมหัวใหญ่และสับปะรดภูแลร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเร่งกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่ ผ่านร้านธงฟ้า โมบายธงฟ้า และช่องทางค้าปลีกต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาราคาตกต่ำและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกร

สับปะรดภูแลและหอมหัวใหญ่ ออกสู่ตลาดช่วงใด?

  • สับปะรดภูแล : ออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน และธันวาคม-กุมภาพันธ์
  • หอมหัวใหญ่ : ออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม

สรุป

การลงพื้นที่ของ รมว.พาณิชย์ครั้งนี้ สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการช่วยเหลือทั้งผู้บริโภคและเกษตรกร โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่และสับปะรดภูแล ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนในการขยายตลาดและรับซื้อผลผลิตอย่างต่อเนื่อง นโยบายดังกล่าวคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างเสถียรภาพทางการตลาดให้กับสินค้าการเกษตรในพื้นที่ภาคเหนือของไทย

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. โครงการชูใจ วัยเก๋า 60+ คืออะไร?โครงการนี้เป็นโครงการสนับสนุนผู้สูงอายุที่ได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทจากรัฐบาล ให้สามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ

 

  1. ทำไมกระทรวงพาณิชย์ถึงสนับสนุนการรับซื้อสับปะรดภูแลและหอมหัวใหญ่?เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม และป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด

 

  1. ตลาดล้านเมืองมีจุดเด่นอะไร?ตลาดล้านเมืองเป็นตลาดกลางที่ได้รับการส่งเสริมจากกรมการค้าภายใน มีสินค้าสดที่มีคุณภาพและราคายุติธรรม

 

  1. ขบวนคาราวานสินค้าสับปะรดภูแลคืออะไร?เป็นโครงการที่ช่วยส่งออกและกระจายสับปะรดภูแลไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจีน

 

  1. สับปะรดภูแลและหอมหัวใหญ่ออกสู่ตลาดช่วงใด?สับปะรดภูแลออกสู่ตลาดมากช่วงเมษายน-มิถุนายน และธันวาคม-กุมภาพันธ์ ส่วนหอมหัวใหญ่ออกสู่ตลาดมากช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชีงราย รวมพลังดับไฟป่า MOU สร้างแนวป้องกัน

เชียงรายลงนาม MOU แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เสริมความร่วมมือทุกภาคส่วน

เชียงราย, 11 กุมภาพันธ์ 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่น ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมด้านการอนุรักษ์ ป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่พริก อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย

พิธีลงนามครั้งนี้จัดขึ้นโดยมี นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ปฏิบัติหน้าที่ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วย นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการองค์การบริหารส่วนจังหวัด และ นางสาวปราณปรียา โพธิเลิศ ผู้อำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย นอกจากนี้ยังมี พันจ่าเอก ทวีป เชี่ยวสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ นางวรินทร ยานะนวล หัวหน้าฝ่ายสงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ประสบภัย ร่วมลงนาม

ในส่วนของพื้นที่อำเภอแม่สรวย นายศิวกร ใจบุญมี ปลัดอำเภอแม่สรวย ได้กล่าวต้อนรับและสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน

ผนึกกำลัง 9 หน่วยงาน ร่วมบูรณาการป้องกันไฟป่า

การลงนามครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหลายหน่วยงานในพื้นที่อำเภอแม่สรวย ได้แก่

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • อำเภอแม่สรวย
  • อุทยานแห่งชาติดอยหลวง
  • เทศบาลตำบลเวียงสรวย
  • องค์การบริหารส่วนตำบลแม่พริก
  • องค์การบริหารส่วนตำบลเจดีย์หลวง
  • องค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อ
  • กำนันตำบลแม่พริก
  • กำนันตำบลเจดีย์หลวง

ดำเนินโครงการ 8 จุดสำคัญ ป้องกันปัญหาหมอกควันระยะยาว

โครงการนี้จะดำเนินการในพื้นที่ 8 จุดสำคัญ ของอำเภอแม่สรวย โดยใช้ เครื่องจักรกลของ อบจ.เชียงราย และ อบต.แม่พริก ในการสร้างแนวกันไฟป่า และได้รับการสนับสนุนแรงงานจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันป้องกันการลุกลามของไฟป่าในฤดูแล้ง

โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบจากหมอกควันที่เกิดจากไฟป่า ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยมุ่งเน้นการป้องกันและควบคุมไฟป่าอย่างเป็นระบบ

เชียงรายเร่งแผนรับมือปัญหาหมอกควัน เดินหน้าต่อเนื่องในปี 2568

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน โดยจะมีการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบของไฟป่า และให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการป้องกันการเกิดไฟป่า โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูง

อบจ.เชียงราย ยังมีแผนทำงานร่วมกับ หน่วยงานสิ่งแวดล้อมระดับชาติ เพื่อพัฒนาแนวทางการจัดการหมอกควันที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งวางมาตรการระยะยาวเพื่อควบคุมการเกิดไฟป่าในอนาคต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาไฟป่าและหมอกควันในเชียงราย

  1. ทำไมจังหวัดเชียงรายจึงเผชิญปัญหาหมอกควันทุกปี?

สาเหตุหลักมาจากไฟป่าที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง และการเผาพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในภูมิภาค

  1. โครงการนี้ช่วยลดปัญหาหมอกควันได้อย่างไร?

การทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยงสูงจะช่วยป้องกันการลุกลามของไฟป่า และลดปริมาณหมอกควันที่เกิดจากการเผา

  1. ใครบ้างที่มีส่วนร่วมในโครงการนี้?

ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ

  1. แนวทางการป้องกันไฟป่าในระยะยาวของเชียงรายคืออะไร?

มีแผนพัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับไฟป่า เพิ่มเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน และรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน

  1. ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมกับโครงการนี้ได้อย่างไร?

สามารถเข้าร่วมการอบรม และเป็นอาสาสมัครช่วยลาดตระเวนและป้องกันไฟป่าในพื้นที่ของตนเอง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดประชุม AIPH 2025 มุ่งสู่เมืองสีเขียว

เชียงรายจัดงาน AIPH Green City Conference 2025 มุ่งสู่เมืองสีเขียวและอนาคตยั่งยืน

เชียงราย, 12 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าสู่การเป็นเมืองสีเขียว จัดงาน AIPH Green City Conference 2025: Nature, Culture, and City Life เพื่อผลักดันแนวทางพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนผ่านธรรมชาติและนวัตกรรม โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-14 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท

เปิดเวทีระดับโลก ถกแนวทางการพัฒนาเมืองสีเขียว

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 08.45 น. นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งเป็นเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมพื้นที่สีเขียวในเมือง ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยบุคคลสำคัญ ได้แก่

  • นางวิลาวัณย์ ใคร่ครวญ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร
  • Mr. Leonardo Capitanio ประธานสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH)
  • Mr. Tim Briercliffe เลขาธิการ AIPH
  • ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ
  • คุณชัชวาลย์ พริ้งพวงแก้ว
  • และสมาชิก AIPH จากหลายประเทศ

เชียงรายกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและแนวทางแก้ไข

ในพิธีเปิดงาน นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ กล่าวถึงความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เชียงรายกำลังเผชิญ โดยเน้นย้ำว่าการผสาน ภูมิปัญญาท้องถิ่น เข้ากับ เทคโนโลยีสมัยใหม่ จะช่วยพัฒนาเมืองให้เติบโตอย่างสมดุลกับธรรมชาติ

แนวทางพัฒนาเมืองสีเขียวของเชียงราย

เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน เชียงรายมุ่งเน้นนโยบายสำคัญ ได้แก่

  • การใช้เทคโนโลยีสีเขียว เพื่อลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
  • การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ลดขยะ และพัฒนาการรีไซเคิล
  • การเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและช่วยลดอุณหภูมิเมือง
  • การใช้พลังงานทดแทน ส่งเสริมโซลาร์เซลล์และพลังงานลม
  • การปรับปรุงคุณภาพอากาศ ลดปัญหาหมอกควันจากการเผาไหม้

เชียงรายเป็นเจ้าภาพประชุม AIPH Spring Meeting 2025 & Green City Conference 2025

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ร่วมกับ จังหวัดเชียงราย, กรมวิชาการเกษตร, และสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอเชียงรายเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับโลก AIPH Spring Meeting 2025 & Green City Conference 2025 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH)

ประเทศไทยกับบทบาทด้านความยั่งยืนระดับสากล

การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีนานาชาติด้าน การพัฒนาเมืองสีเขียว และ ความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ของ สสปน. ที่เน้นอุตสาหกรรม MICE ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การเป็นเจ้าภาพจัดงาน Green City Conference 2025 ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงรายและประเทศไทย แต่ยังเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพด้านการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมการตระหนักรู้เกี่ยวกับ เมืองสีเขียว และแนวทางการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนในระดับโลก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Green City Conference 2025

1. AIPH Green City Conference 2025 คืออะไร?

เป็นงานประชุมระดับนานาชาติที่จัดขึ้นโดยสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาเมืองสีเขียว

2. งานนี้จัดขึ้นที่ไหนและเมื่อไหร่?

จัดขึ้นที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท ระหว่างวันที่ 9-14 กุมภาพันธ์ 2568

3. การพัฒนาเมืองสีเขียวมีประโยชน์อย่างไร?

ช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศ ลดอุณหภูมิเมือง เพิ่มพื้นที่สีเขียว และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด

4. ใครเข้าร่วมประชุมบ้าง?

มีผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก รวมถึงองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมและผู้แทนจากภาครัฐและเอกชน

5. งานนี้ส่งผลต่อเชียงรายอย่างไร?

ช่วยให้เชียงรายเป็นต้นแบบเมืองสีเขียว กระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับบทบาทของไทยในเวทีนานาชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายสืบสานประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ด อัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกก

เทศบาลนครเชียงรายจัดพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกก สืบสานประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดในวันมาฆบูชา

เชียงราย,12 กุมภาพันธ์ 2568 เชียงรายจัดพิธีอัญเชิญพระอุปคุต ขึ้นจากแม่น้ำกก  เทศบาลนครเชียงราย นำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาล และประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ได้ร่วมกันประกอบพิธีอัญเชิญ “พระอุปคุต” ขึ้นจากแม่น้ำกก บริเวณสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อสืบสานประเพณีทางพระพุทธศาสนาที่มีมาแต่โบราณ

พิธีดังกล่าวได้รับเกียรติจาก พระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง และเจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 จังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมทั้ง นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี โดยการอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกกครั้งนี้ เป็นไปตามความเชื่อของชาวล้านนาว่า พระอุปคุตเป็นพระอรหันต์ที่มีอิทธิฤทธิ์ สามารถบันดาลโชคลาภและความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่ศรัทธา

พิธีแห่พระอุปคุตและการตักบาตรเป็งปุ๊ด

หลังจากพระอุปคุตได้รับการอัญเชิญขึ้นจากน้ำแล้ว ได้มีการประดิษฐานบน ราชรถบุษบก และเคลื่อนขบวนแห่ไปยังวัดมิ่งเมือง ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีสำคัญในคืน “ตักบาตรเป็งปุ๊ด” ที่ตรงกับวันมาฆบูชาในปีนี้

ช่วงเวลา 00.01 น. เช้าวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 พระสงฆ์เริ่มออกบิณฑบาตจากหน้าวัดมิ่งเมือง ตามถนนบรรพปราการ ผ่าน วงเวียนหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ ไปจนถึงสี่แยกประตูสลี รวมระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี และมีประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวจำนวนมากร่วมทำบุญตักบาตรด้วยความศรัทธา

ในพิธีนี้ นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ก็ได้เข้าร่วม พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากการประชุม AIPH Spring Meeting & Green City Conference 2025 ซึ่งเป็นงานประชุมระดับนานาชาติ ที่มีตัวแทนจากกว่า 40 ประเทศเข้าร่วม

ความหมายของวันเป็งปุ๊ดในล้านนา

“ตักบาตรเป็งปุ๊ด” หรือ “ตักบาตรเที่ยงคืน” เป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณในภาคเหนือของไทย โดยมีความเชื่อว่า วันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ เป็นวันที่พระอุปคุตซึ่งจำพรรษาอยู่ใต้ทะเลจะขึ้นมาโปรดสัตว์ หากผู้ใดได้ใส่บาตรในวันดังกล่าวจะได้รับอานิสงส์แรง เสริมโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง และความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

ประชาชนชาวล้านนาเชื่อกันว่า พระอุปคุตมักจะ แปลงกายเป็นสามเณรน้อย หรือพระภิกษุเพื่อออกมารับบิณฑบาต ดังนั้นเมื่อถึงวันเป็งปุ๊ด ชาวบ้านจึงมักจะตื่นมาทำบุญตั้งแต่เที่ยงคืน ถือเป็นพิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์และหาชมได้ยาก

ประชาชนร่วมงานตักบาตรเป็งปุ๊ดคึกคัก

พิธี ตักบาตรเป็งปุ๊ด ในปีนี้มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วเชียงราย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยตลอดระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร มีประชาชนนำข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และของถวายพระมาร่วมตักบาตรกันอย่างคึกคัก

พิธีดังกล่าวยังได้รับความสนใจจากผู้ที่มาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ซึ่งนอกจากจะเป็นการร่วมทำบุญตามความเชื่อของชาวล้านนาแล้ว ยังเป็นโอกาสดีในการสัมผัสวัฒนธรรมล้านนาและศิลปะประเพณีอันทรงคุณค่า

ประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดเป็นมรดกทางวัฒนธรรม

ประเพณี ตักบาตรเป็งปุ๊ด ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ ที่ยังคงได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในแต่ละปีจะมีวันเป็งปุ๊ดเพียง 1 หรือ 2 ครั้ง เท่านั้น ทำให้เป็นโอกาสพิเศษสำหรับพุทธศาสนิกชนที่ต้องการเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต

การอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากน้ำและพิธีตักบาตรเที่ยงคืน นอกจากจะเป็นการสืบทอดความเชื่อดั้งเดิมของชาวล้านนาแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงถึงความสามัคคีของชุมชน และการธำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมอันดีงามของไทย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ด

1. ประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดมีขึ้นกี่ครั้งต่อปี?

ปกติแล้ววันเป็งปุ๊ดจะเกิดขึ้นเพียง 1-2 ครั้งต่อปี ขึ้นอยู่กับว่าปีไหนวันเพ็ญ 15 ค่ำตรงกับวันพุธ

2. ตักบาตรเป็งปุ๊ดแตกต่างจากการตักบาตรทั่วไปอย่างไร?

พิธีนี้เป็นการตักบาตรในเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เชื่อว่าพระอุปคุตจะขึ้นมาจากใต้ทะเลเพื่อโปรดสัตว์ ทำให้ถือเป็นพิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์และพิเศษกว่าการตักบาตรในช่วงเช้าทั่วไป

3. ทำไมต้องอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำ?

ตามความเชื่อของชาวล้านนา พระอุปคุตจำพรรษาอยู่ใต้สะดือทะเล และจะขึ้นมาจากน้ำเพื่อมอบโชคลาภและความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ศรัทธา

4. ใครสามารถเข้าร่วมพิธีตักบาตรเป็งปุ๊ดได้บ้าง?

ทุกคนสามารถเข้าร่วมพิธีได้ ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธหรือนักท่องเที่ยวที่สนใจเรียนรู้วัฒนธรรมล้านนา

5. ของที่นิยมใช้ตักบาตรเป็งปุ๊ดมีอะไรบ้าง?

ของที่นิยมใช้ตักบาตร ได้แก่ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และของถวายพระ เช่น ธูปเทียนดอกไม้ ซึ่งถือเป็นการทำบุญเพื่อเสริมสิริมงคล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

กกต.สั่ง ‘เชียงราย’ เลือกตั้งใหม่ หลังเจอลงคะแนนซ้ำ 2 หน่วย

กกต. สั่งเลือกตั้งใหม่ 22 หน่วยใน 11 จังหวัด หลังพบความคลาดเคลื่อนของบัตรลงคะแนน

กรุงเทพฯ, วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568  – สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้มีการออกเสียงลงคะแนนใหม่ใน 22 หน่วยเลือกตั้ง กระจายอยู่ใน 11 จังหวัด หลังตรวจพบ จำนวนบัตรลงคะแนนไม่ตรงกับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และนายก อบจ. เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568

ซึ่งเชียงรายจะเลือกตั้งใหม่ “เฉพาะแค่ 2 หน่วย” นี้เท่านั้น เลือกตั้ง
1. อำเภอเมืองเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 3 หน่วยเลือกตั้งที่ 31 ออกเสียงลงคะแนนใหม่ทั้ง ส.อบจ. และ นายก อบจ.
2.อำเภอเมืองเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 5 หน่วยเลือกตั้งที่ 49 ออกเสียงลงคะแนนใหม่เฉพาะ ส.อบจ.
 

เหตุผลและกระบวนการตรวจสอบของ กกต.

กกต. แจ้งว่าคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งได้รายงานปัญหาดังกล่าว ตามมาตรา 105 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หลังจากที่ตรวจสอบแล้วพบว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกับยอดผู้มาใช้สิทธิ แม้จะดำเนินการตรวจสอบซ้ำแล้ว แต่ยังคงมีข้อคลาดเคลื่อน จึงมีมติให้มีการเลือกตั้งใหม่ในหน่วยที่มีปัญหา

รายชื่อ 22 หน่วยเลือกตั้งที่ต้องเลือกตั้งใหม่

การเลือกตั้งใหม่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้:

กลุ่มที่ 1: เลือกตั้งใหม่ทั้งนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ.

  • สุพรรณบุรี: อ.บางปลาม้า ต.กฤษณา เขต 3 หน่วยเลือกตั้ง 2
  • เชียงราย: อ.เมืองเชียงราย ต.รอบเวียง เขต 5 หน่วยเลือกตั้ง 31

กลุ่มที่ 2: เลือกตั้งใหม่เฉพาะนายก อบจ.

  • พิจิตร: อ.เมืองพิจิตร ต.ไผ่ขวาง เขต 2 หน่วยเลือกตั้ง 2
  • ลำปาง: อ.เมืองปาน ต.ทุ่งกว๋าว เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 7
  • สุพรรณบุรี: อ.เมืองสุพรรณบุรี ต.รั้วใหญ่ เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 33
  • สุพรรณบุรี: อ.เมืองสุพรรณบุรี ต.ดอนกำยาน เขต 2 หน่วยเลือกตั้ง 9

กลุ่มที่ 3: เลือกตั้งใหม่เฉพาะสมาชิกสภา อบจ.

  • พิจิตร: อ.ตะพานหิน ต.ทับหมัน เขต 3 หน่วยเลือกตั้ง 7
  • เชียงราย: อ.เมืองเชียงราย ต.รอบเวียง เขต 5 หน่วยเลือกตั้ง 49
  • ระยอง: อ.เมืองระยอง ต.เทศบาลนครระยอง เขต 5 หน่วยเลือกตั้ง 2
  • ระยอง: อ.เมืองระยอง ต.เทศบาลนครระยอง เขต 6 หน่วยเลือกตั้ง 9
  • ระยอง: อ.บ้านฉาง ต.พลา เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 2
  • ระยอง: อ.นิคมพัฒนา ต.มาบข่า เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 6
  • นครนายก: อ.ปากพลี ต.บางปลากลาง เขต 2 หน่วยเลือกตั้ง 4
  • ฉะเชิงเทรา: อ.บ้านโพธิ์ ต.ดอนทราย เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 2
  • ชลบุรี: อ.เมืองชลบุรี ต.อ่างศิลา เขต 7 หน่วยเลือกตั้ง 3
  • ชลบุรี: อ.เมืองชลบุรี ต.แสนสุข เขต 7 หน่วยเลือกตั้ง 40
  • สมุทรสาคร: อ.กระทุ่มแบน ต.อ้อมน้อย เขต 3 หน่วยเลือกตั้ง 13
  • นนทบุรี: อ.บางใหญ่ ต.เสาธงหิน เขต 5 หน่วยเลือกตั้ง 6
  • นนทบุรี: อ.บางบัวทอง ต.บางรักใหญ่ เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 3
  • ปัตตานี: อ.เมืองปัตตานี ต.บานา เขต 4 หน่วยเลือกตั้ง 11
  • สุพรรณบุรี: อ.เมืองสุพรรณบุรี ต.ดอนตาล เขต 3 หน่วยเลือกตั้ง 1
  • สุพรรณบุรี: อ.เมืองสุพรรณบุรี ต.บ้านโพธิ์ เขต 4 หน่วยเลือกตั้ง 7

มาตรการและข้อควรระวังในการเลือกตั้งใหม่

กกต. ขอให้ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 22 หน่วยเลือกตั้งดังกล่าว ออกมาใช้สิทธิ์อีกครั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 โดยขอให้ทุกฝ่าย ปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใส

ทั้งนี้ กกต. ยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการเฝ้าระวังการทุจริตเลือกตั้งอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสการซื้อสิทธิ์ขายเสียงผ่าน สายด่วน กกต. 1444 หรือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กองทัพบกที่ 37 เข้มงวดป้องกันไฟป่า-หมอกควันในพื้นที่

มณฑลทหารบกที่ 37 จัดชุดลาดตระเวนและประชาสัมพันธ์งดเผา ป้องกันปัญหาหมอกควันในเชียงราย

เชียงราย,10 กุมภาพันธ์ 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มณฑลทหารบกที่ 37 จัดกำลังชุดปฏิบัติการลาดตระเวน 3 ชุด ลงพื้นที่ในอำเภอแม่จันและอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เพื่อป้องปรามการเผาป่า และประชาสัมพันธ์มาตรการงดเผาในที่โล่งของจังหวัดเชียงราย พร้อมให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

การลาดตระเวนและประชาสัมพันธ์เชิงรุก

ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทั้ง 3 ชุด ได้กระจายกำลังลงพื้นที่ในหมู่ที่ 13 และ 15 ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน และหมู่ที่ 1 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการลาดตระเวนในพื้นที่ป่า และพื้นที่เกษตรกรรมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องปรามไม่ให้มีการลักลอบเผาป่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้พบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงประชาสัมพันธ์มาตรการงดเผาในที่โล่งของจังหวัดเชียงราย

มาตรการงดเผาในที่โล่งของจังหวัดเชียงราย

จังหวัดเชียงรายได้ประกาศมาตรการงดเผาในที่โล่ง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ประจำปี 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ตั้งแต่บัดนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2568: ห้ามเผาในที่โล่ง ยกเว้นกรณีที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อควบคุมปริมาณเชื้อเพลิงในพื้นที่เสี่ยง
  • ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568: ห้ามเผาในที่โล่งทุกกรณีโดยเด็ดขาด

ความมุ่งมั่นของมณฑลทหารบกที่ 37 ในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน

มณฑลทหารบกที่ 37 ยังคงเดินหน้าลาดตระเวนและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันลดปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศในพื้นที่ โดย พล.ต. [ชื่อและยศ] ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ได้กล่าวว่า “ปัญหาหมอกควันเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย กองทัพบกจึงมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเต็มที่”

ความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน

มณฑลทหารบกที่ 37 เห็นว่า การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกคน จึงขอความร่วมมือประชาชนในการงดเผาในที่โล่ง และแจ้งเบาะแสการลักลอบเผาป่าให้กับเจ้าหน้าที่

อนาคตของการแก้ไขปัญหาหมอกควันในเชียงราย

มณฑลทหารบกที่ 37 เชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จะทำให้ปัญหาหมอกควันในจังหวัดเชียงรายลดลง และประชาชนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทย 2568 สร้างสัมพันธ์ระดับโลก

เชียงรายจัดมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

เชียงราย, 8 กุมภาพันธ์ 2568  –  ณ ข่วงศึกษาวิถีชีวิตวัฒนธรรมล้านนาและอาเซียน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ร่วมงาน มหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ประจำปี พ.ศ. 2568 เพื่อส่งเสริมและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน อีกทั้งยังเป็นเวทีพบปะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนทั้งในไทยและต่างประเทศ เสริมสร้างความร่วมมือ พัฒนาความเข้มแข็งและความสามัคคีของชุมชนอิ้วเมี่ยน ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเรียนรู้พหุวัฒนธรรมในสังคมไทย

ความสำคัญของงานมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทย

งานนี้จัดขึ้นโดย มูลนิธิอิ้วเมี่ยนไทย ร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยจัดขึ้นต่อเนื่องมาแล้ว 6 ครั้ง โดยครั้งที่ 1-3 จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 4-5 จัดที่จังหวัดน่าน และครั้งที่ 6 จัดที่จังหวัดพะเยา การจัดงานในปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ข่วงศึกษาวิถีชีวิตวัฒนธรรมล้านนาและอาเซียน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

กิจกรรมภายในงาน

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสะท้อนวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ได้แก่:

  • นิทรรศการเกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของอิ้วเมี่ยน

  • การแสดงศิลปะและการละเล่นพื้นบ้านของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน

  • การสาธิตงานหัตถกรรมและการจำหน่ายสินค้าโอทอปของชุมชนอิ้วเมี่ยน

  • การประชุมและเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนอิ้วเมี่ยนในอนาคต

อัตลักษณ์ของชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนในประเทศไทย

อิ้วเมี่ยน หรือที่รู้จักกันในชื่อ เย้า เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากประเทศจีนมายังประเทศไทยเมื่อประมาณ 160 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันกระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง เชียงใหม่ กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก ระนอง และกาญจนบุรี มีประชากรกว่า 60,000 คน ในประเทศไทย

อัตลักษณ์ที่โดดเด่นของชาวอิ้วเมี่ยนได้แก่:

  • เครื่องแต่งกายประจำเผ่า ที่มีการปักลวดลายอย่างปราณีต

  • เครื่องเงิน ที่ใช้เป็นเครื่องประดับและสัญลักษณ์ของสถานะในสังคม

  • การเขียนตำราโบราณ ด้วยอักษรจีนในภาษาฮั่น

  • ประเพณีและพิธีกรรมทางศาสนา ที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น

ผลกระทบของงานต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

การจัดงานมหกรรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วย อนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมของชุมชนอิ้วเมี่ยน เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน

บทสรุป

มหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ประจำปี 2568 เป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์จากนานาชาติ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายสั่งห้ามซื้อน้ำมันใส่ถังกลับเมียนมาสกัดอาชญากรรมชายแดน

เชียงรายเข้ม! ห้ามซื้อน้ำมันใส่ถังกลับพม่า หวั่นมาตรการตัดไฟไม่ได้ผล

เชียงราย, 8 กุมภาพันธ์ 2568  – จังหวัดเชียงรายออกหนังสือด่วนที่สุดเพื่อแจ้งเตือนไม่ให้มีการกรอกน้ำมันลงในภาชนะ เช่น ถังน้ำมัน กระป๋องน้ำมัน หรือแกลลอน ในเขตสถานีบริการน้ำมัน เพื่อป้องกันการลักลอบส่งออกน้ำมันไปยังฝั่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมาตรการควบคุมอาชญากรรมข้ามแดนของรัฐบาลไทย

มาตรการของรัฐบาลไทยในการควบคุมแนวชายแดน

รัฐบาลไทยได้ดำเนินการสกัดกั้นขบวนการคอลเซนเตอร์และอาชญากรรมในแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยมีมาตรการสำคัญดังต่อไปนี้:

  • งดส่งกระแสไฟฟ้า น้ำมัน และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ในพื้นที่ด่านชายแดน 5 จุด

  • สำหรับพื้นที่จังหวัดเชียงราย มีการควบคุมเข้มงวด 2 จุด ได้แก่

    • สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย

    • สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านเหมืองแดง ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย

ผลจากมาตรการดังกล่าวพบว่า มีรถยนต์จากฝั่งเมียนมาข้ามมายังฝั่งไทยเพื่อเติมน้ำมันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีการนำภาชนะต่างๆ มาใช้กรอกน้ำมันเพื่อขนส่งกลับไปยังฝั่งเมียนมา ทำให้จังหวัดเชียงรายต้องออกคำสั่งเข้มงวดเพื่อป้องกันการกระทำที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย

กฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อบังคับ

จังหวัดเชียงรายระบุว่า การกรอกน้ำมันลงในภาชนะ เช่น ถังน้ำมัน กระป๋องน้ำมัน หรือแกลลอน ในสถานีบริการน้ำมันนั้น ไม่เป็นไปตาม พระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2544 มาตรา 4 เนื่องจากสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงต้องให้บริการเฉพาะยานพาหนะเท่านั้น นอกจากนี้ รัฐบาลไทยได้มีมาตรการงดส่งน้ำมันให้กับชายแดนไทย-เมียนมา ดังนั้น ผู้ประกอบการในพื้นที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของทางจังหวัด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผลกระทบจากมาตรการนี้

  • ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน ที่อาจสูญเสียรายได้จากลูกค้าฝั่งเมียนมา

  • ลดความเสี่ยงของการลักลอบค้าน้ำมัน ที่อาจถูกนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย

  • ช่วยเสริมสร้างมาตรการควบคุมอาชญากรรมชายแดน และลดการพึ่งพาทรัพยากรไทยในพื้นที่ของกลุ่มมิจฉาชีพ

บทสรุป

มาตรการเข้มงวดของจังหวัดเชียงรายในการห้ามซื้อน้ำมันใส่ภาชนะเพื่อนำกลับไปยังเมียนมาเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการควบคุมอาชญากรรมข้ามพรมแดน และรักษาความมั่นคงของไทย การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน และสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

Traffy Fondue ช่วยภาครัฐ 4.0 “ผู้ว่าฯ” รับแจ้งปัญหาเชียงราย

เชียงรายเปิดอบรมพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการเรื่องร้องเรียนประชาชน ผ่านแอปฯ Traffy Fondue

[วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ โรงแรมทีค การ์เด้น สปา รีสอร์ท ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย] นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการตามโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์และปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ด้วยแอปพลิเคชัน Traffy Fondue เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงราย โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมกว่า 360 คน เข้าร่วม

ผู้ว่าฯ เชียงราย ชูความสำคัญการบริการภาครัฐที่เข้าถึงประชาชน

นายชรินทร์กล่าวว่า การพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการภาครัฐแก่ประชาชน โดยเฉพาะการรับแจ้งเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ และการบริหารจัดการปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่หน่วยงานภาครัฐต้องให้ความสำคัญ หน่วยงานภาครัฐต้องจัดให้มีเครื่องมือและช่องทางที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จังหวัดเชียงรายจึงให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล มาใช้ในการปฏิบัติงานรับแจ้งเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยประชาชนสามารถแจ้งเรื่องปัญหาความเดือดร้อนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ง่าย และทันสมัย ทุกที่ทุกเวลา

เชียงรายเปิดอบรมพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการเรื่องร้องเรียนประชาชน ผ่านแอปฯ Traffy Fondue

[วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ โรงแรมทีค การ์เด้น สปา รีสอร์ท ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย] นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการตามโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์และปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ด้วยแอปพลิเคชัน Traffy Fondue เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงราย โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมกว่า 360 คน เข้าร่วม

ผู้ว่าฯ เชียงราย ชูความสำคัญการบริการภาครัฐที่เข้าถึงประชาชน

นายชรินทร์กล่าวว่า การพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการภาครัฐแก่ประชาชน โดยเฉพาะการรับแจ้งเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ และการบริหารจัดการปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่หน่วยงานภาครัฐต้องให้ความสำคัญ หน่วยงานภาครัฐต้องจัดให้มีเครื่องมือและช่องทางที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จังหวัดเชียงรายจึงให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล มาใช้ในการปฏิบัติงานรับแจ้งเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยประชาชนสามารถแจ้งเรื่องปัญหาความเดือดร้อนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ง่าย และทันสมัย ทุกที่ทุกเวลา

สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายรัฐบาล

ผู้ว่าฯ เชียงราย กล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561 – 2580 ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล มาพัฒนาประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยกำหนดยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ มุ่งส่งเสริมการเป็นภาครัฐที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตอบสนองความต้องการและให้บริการอย่างสะดวกรวดเร็ว มีระบบการบริหารจัดการ พัฒนา และปรับระบบวิธีการปฏิบัติราชการให้ทันสมัย เชื่อมโยงในการให้บริการสาธารณะต่างๆ ผ่านการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล มาประยุกต์ใช้เพื่อให้สามารถติดต่อราชการได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส เสียค่าใช้จ่ายน้อย และให้เป็นภาครัฐของประชาชน

ทิศทางการพัฒนาประเทศไทยมุ่งพัฒนาตามแนวทางประเทศไทย 4.0 และการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการและการบริหารจัดการเมือง และนโยบายรัฐบาลปัจจุบันมุ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการให้บริการ มาเพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการทำงานของภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น

การอบรมเชิงปฏิบัติการ: พัฒนาบุคลากรใช้แอปฯ Traffy Fondue

การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการใช้แอปพลิเคชัน Traffy Fondue ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับแจ้งและจัดการเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้เข้าร่วมการอบรมจะได้รับการฝึกฝนทักษะการใช้งานแอปพลิเคชัน การวิเคราะห์ข้อมูล และการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายชรินทร์กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีสำหรับบุคลากรภาครัฐในการพัฒนาตนเองให้มีความพร้อมในการให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ และขอให้ผู้เข้ารับการอบรมตั้งใจศึกษาหาความรู้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้เป็นเมืองที่น่าอยู่และประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News