Categories
TOP STORIES

สว. แถลงโต้! คดีฮั้วเลือกตั้ง สว. 67 เกมการเมืองหวังล้มรัฐธรรมนูญ

ประธานวุฒิสภา’ นำทีม ‘สว.’ แถลงด่วน โต้คดีฮั้วเลือก สว. 67 เชื่อเป็นเกมการเมือง หวังให้เกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญ

กรุงเทพฯ, 21 กุมภาพันธ์ 2568 – นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมคณะสมาชิกวุฒิสภา แถลงข่าวด่วนกรณีที่มีกลุ่ม ส.ว.สำรอง ยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อให้รับคดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. ปี 2567 เป็นคดีพิเศษ โดยแถลงการณ์เกิดขึ้นระหว่างการสัมมนา ณ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยนายมงคล ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวของ DSI อาจไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการตรวจสอบกระบวนการเลือกตั้งเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ได้รับมอบหมายตามกฎหมาย

การที่ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ ดูจะเป็นการก้าวก่ายอำนาจของ กกต. ซึ่งดำเนินการตรวจสอบมาโดยตลอด และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า การเลือกตั้ง ส.ว. ปี 2567 มีความผิดปกติที่ถึงขั้นเป็นคดีพิเศษ” นายมงคลกล่าว พร้อมย้ำว่าสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่โดยชอบธรรม และเป็นไปตามกระบวนการรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง

ส.ว.’ ป้องเกียรติคุณ – จวกข้อกล่าวหาว่า “อั้งยี่ ซ่องโจร” เกินเลยข้อเท็จจริง

พลตำรวจตรีฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว. และประธานกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญฯ วุฒิสภา กล่าวเสริมว่า การกล่าวหาวุฒิสภาในลักษณะที่บ่อนทำลายความเชื่อมั่น เช่น การเปรียบเทียบกับอาชญากรรมข้ามชาติ หรือ “อั้งยี่ ซ่องโจร” เป็นการกล่าวเกินเลยจากข้อเท็จจริงและสร้างความเสียหายแก่สถาบันนิติบัญญัติของประเทศ การกล่าวหาเช่นนี้ มีผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของวุฒิสภา และอาจเข้าข่ายการให้ร้ายโดยไม่มีมูลความจริง” เขากล่าว

พันตำรวจเอกกอบ อัจนากิตติ ส.ว. ในฐานะโฆษกกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรม วุฒิสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า การกล่าวหาเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง ส.ว. โดยไม่มีหลักฐานแน่ชัด อาจเข้าข่ายการหมิ่นประมาทและทำให้เกิดความสับสนในสังคม หากมีหลักฐานแน่ชัดขอให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้วิธีการกล่าวหาโดยไม่มีมูล”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมโต้ ยัน DSI มีอำนาจรับเรื่อง – เผยหลักฐาน “โพยฮั้ว” มีจริง

ด้านพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยหลังการแถลงข่าวของวุฒิสภาว่า ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ว. ปี 2567 และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน เราไม่มีเจตนาจะกลั่นแกล้ง หรือมีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง แต่ในเมื่อมีผู้ร้องเรียน และมีหลักฐานบางอย่างที่ต้องตรวจสอบ เราจึงต้องดำเนินการตามกฎหมาย”

พันตำรวจเอกทวี กล่าวอีกว่า DSI ไม่จำเป็นต้องรอ กกต. เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายในการพิจารณาว่ากรณีใดเข้าข่ายคดีพิเศษ ขณะนี้มีการรวบรวมหลักฐานหลายส่วน รวมถึงโพยตัวเลขที่ปรากฏชื่อ ส.ว. จำนวน 138 คน ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด” เขากล่าว พร้อมเปิดเผยว่า อาจต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์และการเลือกตั้งมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อคลายข้อสงสัยว่าทำไมตัวเลขผลการเลือกตั้งจึงเป็นไปตามโพยดังกล่าว

เปิดเอกสารลับ “คดีฮั้วเลือก ส.ว.” – พบขบวนการจัดตั้งผู้สมัครล่วงหน้า

จากเอกสารที่ได้รับการเปิดเผยโดย DSI รายงานว่า มีการวางแผนจัดตั้งขบวนการเลือกตั้ง ส.ว. โดยแบ่งเป็นเครือข่ายที่มีการสมัครเป็นกลุ่มในระดับอำเภอและจังหวัด เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งระดับประเทศ มีการกำหนดค่าตอบแทนให้ผู้สมัครที่เข้าร่วมเครือข่าย ตั้งแต่ 5,000 บาท ในระดับอำเภอ จนถึง 100,000 บาท ในระดับประเทศ” เอกสารระบุ

หลักฐานจากการสืบสวนพบว่า ขบวนการนี้มีการจัดทำ “โพยเลือกตั้ง” ที่กำหนดล่วงหน้าว่าผู้ใดจะต้องเลือกใคร เพื่อให้ผลการลงคะแนนออกมาตามที่ต้องการ ผลการเลือกตั้งในรอบเช้าและรอบไขว้ พบว่าผลคะแนนออกมาตรงกับโพยทุกประการ” DSI รายงาน

เกมการเมือง” หรือ “การตรวจสอบที่จำเป็น”? – อนาคตของวุฒิสภาอยู่บนเส้นทางขั้วตรงข้าม

สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างหนักระหว่างวุฒิสภาและกระทรวงยุติธรรม โดยฝ่าย ส.ว. มองว่าเป็นเกมการเมืองที่มุ่งเป้าหมายไปสู่การสร้างวิกฤติรัฐธรรมนูญ เพื่อรื้อโครงสร้างใหม่ของวุฒิสภา ในขณะที่ฝ่ายกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่าการสอบสวนครั้งนี้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของ DSI ที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา กล่าวในช่วงท้ายของการแถลงข่าวว่า หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง พวกเราไม่ขัดขวางการดำเนินการตามกฎหมาย แต่เราขอความเป็นธรรม และขอให้การตรวจสอบนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง”

ทั้งนี้ คดีฮั้วเลือก ส.ว. ปี 2567 กำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งหาก DSI รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่การเลือกตั้งวุฒิสภาถูกตรวจสอบในระดับสูงสุด และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโครงสร้างการเมืองของไทยในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI

วุฒิสภาลงพื้นที่เชียงราย ช่วยเกษตรกรประสบภัย

วุฒิสภาลงพื้นที่เชียงราย ติดตามผลกระทบจากอุทกภัยและหนอนกระทู้

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 นายธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรและปศุสัตว์ และศึกษาแนวทางการฟื้นฟู โดยได้เยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาหมูดำดอยตุง ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและโรคระบาดในพื้นที่ตำบลเกาะช้าง

ติดตามสถานการณ์และให้กำลังใจเกษตรกร

คณะกรรมาธิการฯ ได้เดินทางไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาหมูดำดอยตุง เพื่อศึกษาแนวทางการเลี้ยงหมูดำดอยตุง ซึ่งเป็นพันธุ์หมูที่มีความแข็งแรงและสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี จากนั้นได้เดินทางไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน เพื่อเยี่ยมชมกระบวนการผลิตน้ำมันจากเมล็ดชา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง

สำรวจพื้นที่ประสบภัยและให้คำแนะนำ

คณะกรรมาธิการฯ ได้เดินทางไปยังพื้นที่ตำบลเกาะช้าง ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างหนัก โดยได้พบปะกับเกษตรกรเพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่าพื้นที่การเกษตรที่ติดแม่น้ำรวกได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง พืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พืชสวนผลไม้ ได้รับความเสียหายไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลยังได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เนื่องจากไม่ได้ขึ้นทะเบียน ทำให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือ

ปัญหาหนอนกระทู้ระบาดซ้ำเติมความเสียหาย

นอกจากปัญหาอุทกภัยแล้ว เกษตรกรในพื้นที่ยังประสบปัญหาหนอนกระทู้ระบาด ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายเพิ่มเติม ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรอย่างมาก

ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข

คณะกรรมาธิการฯ ได้ให้ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา ดังนี้

  • สำรวจความเสียหายอย่างละเอียด: ดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากทั้งอุทกภัยและโรคระบาดอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
  • ช่วยเหลือเกษตรกร: ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน
  • ฟื้นฟูพื้นที่: ดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายตามแผนฟื้นฟูระยะสั้น กลาง และยาว
  • ป้องกันและแก้ไขปัญหาหนอนกระทู้: สนับสนุนให้เกษตรกรใช้ยาปราบศัตรูพืชอย่างถูกวิธีและปลอดภัย
  • บูรณาการความร่วมมือ: สนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

บทสรุป

การลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการฯ ในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยต่อปัญหาของเกษตรกร และเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและโรคระบาด

หมูดำดอยตุง: อัญมณีแห่งขุนเขา และ น้ำมันเมล็ดชา: สุดยอดแห่งธรรมชาติ

หมูดำดอยตุง: มรดกอันล้ำค่าจากดอยสูง

หมูดำดอยตุง ไม่ใช่แค่สุกรทั่วไป แต่เป็นสัตว์พื้นเมืองที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของชุมชนดอยตุงอย่างยิ่ง เป็นผลมาจากการนำหมูดำพันธุ์เหมยซานจากประเทศจีนมาผสมพันธุ์กับหมูพื้นเมือง จนได้สายพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะเด่นหลายประการ เช่น

  • ความแข็งแรง ทนทานต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็น เหมาะกับการเลี้ยงบนพื้นที่สูง
  • เนื้อมีคุณภาพสูง มีรสชาติอร่อย เนื้อแน่น มีไขมันแทรกพอดี
  • ให้ลูกดก ช่วยเพิ่มปริมาณปศุสัตว์ในชุมชน
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เลี้ยงด้วยอาหารจากธรรมชาติ ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ

การเลี้ยงหมูดำดอยตุง นั้นเน้นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น เช่น พืชผลทางการเกษตรที่ปลูกในชุมชน ทำให้ลดต้นทุนการผลิตและส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน นอกจากนี้ การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากหมูดำดอยตุง เช่น ไส้กรอกรมควัน แฮม ก็สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน

น้ำมันเมล็ดชา: เศรษฐกิจชุมชนและสุขภาพที่ดี

น้ำมันเมล็ดชา เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น

  • ช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
  • บำรุงเส้นผม ทำให้ผมแข็งแรงเงางาม
  • ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ช่วยลดคอเลสเตอรอล
  • มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ

กระบวนการผลิตน้ำมันเมล็ดชา นั้นค่อนข้างซับซ้อนและต้องอาศัยความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วกระบวนการผลิตจะประกอบด้วยขั้นตอนหลักดังนี้

  1. การคัดเลือกเมล็ดชา เลือกเมล็ดชาที่แก่จัด มีคุณภาพดี
  2. การทำความสะอาดเมล็ดชา ขจัดสิ่งสกปรกและวัตถุแปลกปลอมออก
  3. การบดเมล็ดชา บดเมล็ดชาให้ละเอียดเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสกับตัวทำละลาย
  4. การสกัดน้ำมัน ใช้ตัวทำละลาย เช่น น้ำมันพืชหรือสารเคมี เพื่อสกัดน้ำมันออกจากเมล็ดชา
  5. การกลั่นน้ำมัน กลั่นน้ำมันเพื่อขจัดตัวทำละลายและสิ่งเจือปนอื่นๆ
  6. การบรรจุ บรรจุน้ำมันใส่ภาชนะที่สะอาดและปิดสนิท

การผลิตน้ำมันเมล็ดชา นอกจากจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์จากชาแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืนและสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

สว. เตรียมงบ 81 ล้านบาท บินไปดูงาน เยือนยุโรป-เอเชีย ประชุมทวิภาคี

 

เมื่อวันที่ 18 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงความเคลื่อนไหวของ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือน พ.ค.นี้ ปรากฏว่าสำนักงานเลขาวุฒิสภาได้รับการจัดสรรงบประมาณร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รายการค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูงานไปประชุมทวิภาคและไปเยือนต่างประเทศของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) จำนวน 81 ล้านบาท

 

จากการตรวจสอบปรากฏว่ามี กมธ.สามัญ วุฒิสภา หลายคณะ มีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าไปศึกษาดูงาน อาทิ กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน โดยมีกำหนดการเดินทางไปประชุมทวิภาคีและไปเยือนต่างประเทศ ณ สาธารณรัฐคาซัคสถาน และจอร์เจีย ระหว่างวันที่ 2-9 พ.ค.

 

กมธ.ท่องเที่ยว ที่มี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นประธาน มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐโครเอเชีย มอนเตเนโกร บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ระหว่างวันที่ 14-23 พ.ค. กมธ.แรงงาน ที่มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นประธาน มีกำหนดการเยือนนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 26 เม.ย.-3 พ.ค. โดยเดินทางร่วมกับ กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม วุฒิสภา ที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นประธาน

 

ส่วน กมธ.การศึกษา ที่มี นายตวง อันทะไชย เป็นประธาน มีกำหนดการเดินทางเยือนเมืองกุ้ยหลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 11-16 พ.ค. และเดินทางเยือนสาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักร สวีเดน และสาธารณรัฐเอสโตเนีย ในส่วนการเดินทางไปประชุมทวิภาคีและศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักรสวีเดน และสาธารณรัฐเอสโตเนีย ระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-3 มิ.ย.นั้น กมธ.ได้รับเชิญจากกองทุน Robbo ให้ไปศึกษาดูงานด้านการศึกษา และการวิจัยที่มุ่งเน้นนวัตกรรมด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ณ Aalto University และศึกษาดูงานการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา

 

ขณะที่ กมธ.กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กำลังพิจารณาเตรียมความพร้อมในการเดินทางไปประชุมทวิภาคี ณ สาธารณรัฐออสเตรีย สาธารณรัฐสโลวีเนีย และสาธารณรัฐโครเอเชีย กมธ.ติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ มีกำหนดเยือนประเทศเยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และสวีเดน ระหว่างวันที่ 19-30 เม.ย.นี้

 

พล.อ.บุญสร้างชี้แจงว่า การเดินทางไปต่างประเทศของคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ เขาไปได้ เพราะเป็นการใช้งบประมาณเพื่อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต ไม่ได้มากมายอะไร เพียงแต่จำนวนคนมันเยอะ ไม่ใช่เรื่องทุจริตอะไร ตนมองว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว คนปกติทั่วไปเขาไม่คิดอะไร เพราะเป็นงบปกติมาตั้งนานแล้ว ช่วงโควิด-19 ก็ไม่ได้มีการเบิกใช้ ดังนั้น อย่ามองว่าพวกเราไปเที่ยวทิ้งทวน

“ที่ผ่านมา ส.ว.ไม่อยากไปดูงานต่างประเทศก็เพราะกลัวข้อครหาเช่นนี้ ทำให้เวลาพิจารณาออกกฎหมาย บางทีก็ออกมาอย่างห่วยๆ ไม่มีข้อมูล ไม่ดูของจริง งบประมาณดังกล่าวเป็นงบไปสร้างทวิภาคีกับประเทศต่างๆ โดยการพบปะกับ ส.ว.แต่ละประเทศ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน” พล.อ.บุญสร้างกล่าว

 

เมื่อถามว่า ส.ว.ชุดนี้จะหมดวาระในเดือน พ.ค.นี้ การไปหาข้อมูลต่างประเทศจะนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า มนุษย์เราไม่ใช่จะหาวันนี้แล้วได้ใช้พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ข้อมูลที่จะนำมาเป็นการสร้างความรอบรู้ที่จะใช้ในอนาคต เป็นการลงทุนด้านสติปัญญาที่สามารถทำได้ทั้งชีวิต ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องไปเที่ยว เราเน้นไปดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริงๆ บางคนอายุ 70-80 ปี เขาไม่ได้อยากไปเที่ยว

 

“ผมเชื่อว่าเราสามารถชี้แจงสังคมได้ เราไม่ได้เห็นแก่เงิน หรือเห็นแก่กิน วัยนี้ก็อยากอยู่กับลูกกับหลาน แม้บางคนสังขารจะไม่ไหว แต่สมองก็ยังดีทำงานได้ ยืนยันว่าพวกเราไปทำงานจริงๆ ไม่ได้ไปเที่ยว คณะของผมไปดูงานที่จอร์เจีย กำหนดเป็นเวลา 9 วัน และในรอบ 5 ปี เราเดินทางไปดูงานต่างประเทศเพียง 2 ครั้ง คิดเป็น 1% เท่านั้น จะบอกว่าพวกเราแก่แล้วไม่ต้องไปมันไม่ได้ เพราะคนแก่สมองยังใช้งานได้” พล.อ.บุญสร้างกล่าว

 

ด้าน นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยมานานแล้วและไม่เห็นด้วยมาตลอด แต่การเดินทางไปดูงานต่างประเทศครั้งนี้ไม่ได้ไปทั้งหมด มีเพียงบางคณะและบางคนก็ไม่ไป และได้ส่งเงินคืนคลังไปแล้ว เช่น ตน นายสถิต ลิ่มพงษ์พันธุ์ นายคำนูณ สิทธิสมาน ที่ไม่ได้ไป เป็นต้น เหตุที่ตนไม่เห็นด้วยเพราะเข้าใจว่าเป็นการเมืองที่ต้องระมัดระวัง การใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน เมื่อเราจะตรวจคนอื่นไม่ให้ใช้เงินฟุ่มเฟือย เราก็ต้องทำเป็นตัวอย่าง ตนยืนยันหลักการนี้มาตลอด

 

นายเสรีกล่าวว่า ส่วนเหตุผลว่าไปดูงานนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะ ส.ว.จะหมดวาระเดือนหน้านี้แล้ว จะไปดูอะไร ตอนตนทำรายงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศเคยเสนอว่าควรจะยกเลิกการตั้งงบประมาณให้ ส.ว.ไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งมีบางส่วนที่เห็นด้วย แต่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป

 

“เมื่อ ส.ว.ชุดนี้เข้ามาใหม่ๆ ผมก็เคยเสนอว่าไม่ควรไปดูงานต่างประเทศ แม้จะอ้างว่าได้ประโยชน์อะไรก็ตามแต่สังคมข้างนอกเขามองว่าเราไปเที่ยว ไม่ได้มองว่าไปดูงานจริง แล้วเราจะทำทำไม แต่ปัญหาคือเมื่อมีการตั้งงบประมาณให้เขา เขาก็เอาไปใช้แล้วเราจะไปตั้งให้ทำไม ประเพณีนี้ควรจะเลิกได้แล้ว เพราะคนเขาด่าทุกปี ดังนั้น ใครจะไปก็ต้องระวังและเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องชี้แจงกันเอาเอง ให้สังคมเข้าใจด้วยว่ามี ส.ว.ไม่ได้ไปด้วย ไม่ใช่เหมารวมหมด” นายเสรีกล่าว

 

นายเสรีกล่าวอีกว่า ส่วนที่อ้างว่า ส.ว.ทำงานมา 5 ปีไม่ได้เดินทางไปไหนเลย โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 เรื่องนี้ไม่เกี่ยว ไม่ต้อง 5 ปีหรอก ทำงานตลอดชีวิตก็ไม่ควรเอาเงินประเทศไปใช้ หากอยากจะไปก็ควรใช้เงินส่วนตัว ไม่มีใครเขาว่า เป็น ส.ว.มีเงินเดือนเยอะแยะก็ควรจะเอาเงินส่วนตัวไปจะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน ปัญหามันอยู่ที่ว่ามีการเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้ ยิ่งไปตอนช่วงจะหมดวาระแบบนี้ยิ่งเป็นปัญหาหลัก ตนเคยเตือนไปแล้วว่าจะโดนตรวจสอบและเป็นประเด็น แต่เขาไม่สนใจก็เลยปล่อยไป อุตส่าห์พยายามให้ภาพ ส.ว.ชุดนี้มันดี ด้วยการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ให้เห็นว่า ส.ว.ยังมีประโยชน์ แต่ก็มาเกิดเรื่องนี้ขึ้น ก็ระมัดระวังกันเองแล้วกัน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : รัฐสภา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ส่งมอบบ่อน้ำบาดาล ให้โรงเรียนเพื่ออาข่า – เย้า – ม้ง เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ที่โรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา พร้อมด้วยกรรมาธิการวิสามัญ และอนุกรรมาธิการ ได้ส่งมอบบ่อน้ำบาดาลให้โรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา โดยมี นายไชยรัตน์ จินะราช รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 นายอภิวัฒน์ พรหมขาม ปลัดอำเภอแม่จัน นายนิคมภาค หวายบุตร ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จังหวัดเชียงราย นายเกียรติณรงค์ มงคลดี ผู้อำนวยการโรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา และนายโชคเอก พาณิชยญากิจ นายกเทศมนตรีตำบลป่าซาง ให้การต้อนรับและร่วมรับมอบ

 

การส่งมอบบ่อน้ำบาดาลให้โรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขาครั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ได้รับความเมตตาจากพระไพศาลประชาทร วิ. (พระอาจารย์พบโชค ติสสฺวํโส) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง สนับสนุนการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล มูลค่า 250,000 บาท พร้อมกันนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญได้สนับสนุนอุปกรณ์กีฬา ข้าวสาร และเครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตนักเรียน นอกจากนี้นักศึกษาแผนกคหกรรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย ได้ร่วมจัดกิจกรรมสอนทำพิซซ่า (พี่สอนน้อง) ให้กับนักเรียนโรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขาด้วย
 
 
โรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา เลขที่ 99 หมู่ที่ 15 ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงรายเขต 3 สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล 2 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีเนื้อที่
 
 
32 ไร่ 1 งาน 51 ตารางวา มีภูมิประเทศเป็นเนินเขา ลักษณะเป็นหมู่บ้านแบบชนบทบริเวณใกล้เคียงโดยรอบโรงเรียน ได้แก่ บ้าน, สวนยางและทุ่งนา อาชีพหลักของชุมชน คือเกษตรกรรมและรับจ้าง
 
 
คนในชุมชนนับถือศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ มีทั้งคนพื้นเมือง, ชนเผ่าอาข่า, ชนเผ่าเมี่ยน(เย้า), และม้ง ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์และพุทธ ปัจจุบันโรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา มีจำนวนข้าราชการครูและบุคลากรทั้งหมด 21 คน ผู้อำนวยการโรงเรียน 1 คน ข้าราชการครู 15 คน ครูอัตราจ้าง 4 คน และนักการภารโรง 1 คน ปีการศึกษา 2566 มีจำนวนนักเรียนทั้งหมด 326 คน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

วุฒิสภา เยือนโอโซนฟาร์ม Young Smart Farmer จ.เชียงราย

วุฒิสภา เยือนโอโซนฟาร์ม Young Smart Farmer จ.เชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันอังคารที่ 30 พฤษภาคม 2566 เวลา 13.00 นาฬิกา คณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา นำโดย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พร้อมคณะ เดินทางศึกษาดูงาน ณ โอโซนฟาร์ม ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เยี่ยมชมการดำเนินงานและรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตและทิศทางเกษตรไทยในมุมมองของกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ และการสร้างเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) โดยมีนายพิเชษฐ์ กันทะวงค์ ผู้ก่อตั้งโอโซนฟาร์ม ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งให้ข้อมูลและนำเยี่ยมชมโอโซนฟาร์ม

“โอโซน ฟาร์ม” เป็นฟาร์มที่นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (Internet of Thing) มาทำเรื่องของเมล่อนให้มีรสชาติหวาน ทำเป็นฟรีชดรายแปรรูปส่งตลาด รวมทั้งการใช้ระบบให้อาหารพืชที่ปลูกในโรงเรือนแบบแม่นยำ และจัดทำระบบเครื่องจ่ายปุ๋ยผ่านโทรศัพท์มือถือที่สามารถควบคุมได้ ทำให้ผลผลิตในโอโซนฟาร์มมีคุณภาพและเป็นการลดต้นทุนในการทำฟาร์ม จึงทำให้เป็นการพลิกโฉมการทำเกษตรแบบใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะหาองค์ความรู้แบบนี้มาจากแหล่งใด โดยในปัจจุบันคนรุ่นใหม่ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญกับการทำการเกษตรแบบแม่นยำมากขึ้น และได้สมัครเป็นสมาชิก Young Smart Farmer เชียงราย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

คณะวุฒิสภาศึกษาดูงาน โรงเรียนนิคม สร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา จ.เชียงราย

คณะวุฒิสภาศึกษาดูงาน โรงเรียนนิคม สร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา จ.เชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.30 นาฬิกา คณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา นำโดย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พร้อมคณะ เดินทางศึกษาดูงาน ณ โรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดเชียงราย เพื่อรับฟังประวัติความเป็นมา การดำเนินงาน และศึกษาความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียนโรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา ซึ่งอยู่ในเครือมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมทั้งมอบทุนการศึกษาและสิ่งของบริจาคให้กับโรงเรียน โดยมีนายเกียรติณรงค์ มงคลดี ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู และนักเรียน ให้การต้อนรับ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News