วันแห่งการ “ลงมือสื่อสาร” ของคนรุ่นใหม่
เชียงราย, 15 พฤศจิกายน 2568 – ห้องประชุม “ประดู่แดง 2” อาคารพลเอกสำเภาชูศรี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แน่นขนัดไปด้วยนักศึกษา ทีมสร้างสรรค์จากหลายสาขา และเครือข่ายร้านอาหาร-โรงแรม 4 อำเภอนำร่อง เมืองเชียงราย, แม่สาย, เชียงแสน, เชียงของ ต่างตั้งใจมาดูว่าพลังของคลิปวิดีโอสั้นและงานเล่าเรื่อง (storytelling) จะเปลี่ยน “พฤติกรรมการกิน” ของผู้คนได้อย่างไร สภาพแวดล้อมของสถานที่จัดงานซึ่งเป็นหอประชุมหลักของมหาวิทยาลัยช่วยให้การบรรยาย การเสวนา และการสาธิตเกิดขึ้นไหลลื่นตลอดทั้งวัน
งานนี้เกิดขึ้นภายใต้ “โครงการบูรณาการและขับเคลื่อนระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย” ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และดำเนินงานโดยบริษัทประชารัฐรักสามัคคีเชียงราย (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์ชัดเจน ขับเคลื่อน “Chiang Rai Wellness City” ให้เป็นรูปธรรม ผ่านระบบอาหารปลอดภัยที่ตรวจสอบได้และยั่งยืน (ThaiHealth เป็นหน่วยงานรัฐลักษณะกองทุนสาธารณะที่สนับสนุนโครงการสร้างเสริมสุขภาพในมิติต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง)
เวทีเสวนา จาก “อยู่ไม่เป็นสุข” สู่ “สามห่วงโซ่คล้องใจ”
ช่วงสายเปิดวงเสวนาในหัวข้อ “อาหารเพื่อสุขภาวะต่อการพัฒนาเชียงรายเมืองสุขภาพ” โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและตัวแทนหน่วยงานหลัก ได้แก่ อาจารย์ ดร.สง่า ดามาพงษ์ (ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส.), นายกิตติ ทิศสกุล (ผู้จัดการโครงการฯ และประธาน บ.ประชารัฐรักสามัคคีเชียงราย), นายเสน่ห์ แสงคำ (เกษตรจังหวัดเชียงราย), นายวชิระ หน่อแหวน (นักสาธารณสุขชำนาญการ สสจ.เชียงราย) และอาจารย์ฐานปัทม์ ไชยชมภู (มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง)
แกนคิดของวงคือการแก้ “สามปัญหาหลัก” ที่ทำให้สังคม “อยู่ไม่เป็นสุข” ทางอาหาร (1) ต้นน้ำ เกษตรกรยังใช้สารเคมีสูง, (2) กลางน้ำ ร้านอาหารยังปรุงไม่ชูสุขภาพ, (3) ปลายน้ำ ผู้บริโภคขาดความรอบรู้ ด้วย “สามห่วงโซ่คล้องใจ” ให้เชื่อมกันครบวงจร แหล่งผลิตปลอดภัย ครัว-ร้านปรุงดีต่อสุขภาพ ผู้บริโภคเลือกกินอย่างรู้เท่าทัน
ในวงเสวนา นายกิตติ ทิศสกุล อธิบาย “ยุทธศาสตร์เชิงสื่อสาร” ของโครงการว่า ใช้ “นักศึกษามหาวิทยาลัย” เป็นผู้สื่อสารลำดับแรก ผ่านคลิปสั้นที่เล่า “ที่มาของจานอาหารปลอดภัย” ตั้งแต่วัตถุดิบถึงครัว และขยายผลด้วยแพลตฟอร์ม “Give and Give” ในแนวเศรษฐกิจแบ่งปัน (sharing economy) เพื่อเชื่อมเครือข่ายร้านอาหาร-โรงแรมกับเกษตรกรปลอดภัย ให้เกิดทั้งยอดขาย คะแนนสะสม สิทธิประโยชน์ และกองทุนสีเขียวกลับคืนสู่ชุมชน ผลลัพธ์คือ “วงจรแรงจูงใจ” ใหม่ที่ทำให้คนกิน-ร้าน-ชุมชนได้ประโยชน์พร้อมกัน (อ้างอิงข้อมูลตามถ้อยคำผู้จัดงานที่ให้ไว้)
ฝั่งภาคเกษตร นายเสน่ห์ แสงคำ เกษตรจังหวัดเชียงราย สะท้อนแนวทางลดสารเคมีด้วยการส่งเสริม “ปุ๋ยหมักชีวภาพจากเศษอาหาร/วัสดุเหลือใช้” และการให้ความรู้เรื่องโครงสร้างดิน ใช้ปุ๋ยอะไร เหมาะกับพืชใด ก่อนเชื่อมตลาดสีเขียวและตลาดหลัก เพื่อระบายผลผลิตล้นตลาดด้วยช่องทางที่โปร่งใส มีมาตรฐาน ซึ่งสอดคล้องกับความพยายามภาครัฐระดับจังหวัดที่ผลักดัน “เมืองอาหารปลอดภัย” ผ่านหลายมาตรการตลอดช่วงปีที่ผ่านมา
จุดต่างที่เป็น “นวัตกรรม” สื่อ + เมนูพื้นถิ่น + อาหารเป็นยา
“จุดขาย” ของ Hackathon นี้ไม่ได้อยู่ที่เทคนิคภาพหรือการตัดต่อเท่านั้น แต่คือ “การแปลงคุณค่าพื้นถิ่นให้เป็นภาษาคนรุ่นใหม่” เมนูท้องถิ่นล้านนาที่มีสมุนไพรและภูมิปัญญาชุมชนเดิมอยู่แล้ว ถูก “รีดีไซน์การเล่าเรื่อง” ให้ดึงดูดมากขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น และสร้าง “แรงบันดาลใจให้ลอง” โดยไม่ทิ้งอัตลักษณ์ของถิ่น สิ่งนี้สอดคล้องกับคำแนะนำของ WHO ที่เน้น “อาหารที่หลากหลาย สมดุล และปลอดภัย” เป็นฐานสุขภาวะ และสนับสนุนให้เกิดนโยบายและสิ่งแวดล้อมเอื้อต่อพฤติกรรมสุขภาพที่ดีในระยะยาว
ขณะเดียวกัน ปัญหา “เศษอาหาร/อาหารล้นตลาด” ซึ่งเป็นแรงกดดันเชิงสิ่งแวดล้อม-เศรษฐกิจระดับโลก ก็ถูกยกเป็นโจทย์ท้าทายให้ทีมพัฒนาคอนเซ็ปต์แพลตฟอร์มและบริการเพื่อ “อัพไซเคิล” วัตถุดิบส่วนเกิน สอดรับข้อเท็จจริงจาก FAO ว่าความสูญเสีย/สูญเปล่าของอาหารเกิดกระจายตลอดห่วงโซ่อุปทาน หากปิดรูรั่วตรงนี้ได้ เมืองสุขภาพย่อมเดินได้เร็วขึ้นและยั่งยืนกว่าเดิม
เวทีประกวด รางวัลและไอเดียที่ขับเคลื่อนจริง
ผลรางวัล Hackathon Project (6 รางวัล)
- ชนะเลิศ (5,000 บาท + โล่) ทีม “หิวมาก” ผลงาน กาสะลอง @ ไร่พีบี วัลเล่ย์ เชียงราย | อาหารปลอดภัยที่ปลูกด้วยใจกลางขุนเขา
- รองชนะเลิศอันดับ 1 (3,000 บาท + โล่) ทีม “ซวยแล้วหนู คู่หูพี่มาแล้ว” ผลงาน Malongder Healthy Lanna Cuisine
- รองชนะเลิศอันดับ 2 (2,000 บาท + โล่) ทีม “Neet more rest time” ผลงาน Safe Food Cuisine Sathanee Nam Nueng
- Popular Vote (5,000 บาท + โล่) ทีม “ST” ผลงาน Beyond Sky Café at Chiang Kong | Hackathon Healthy Food
- ชมเชย (1,000 บาท + โล่) จำนวน 2 รางวัล
- ทีม “Dynamic Duo” ผลงาน เมนูชูสุขภาพ ร้านเอกโอชา เชียงราย ยำตะไคร้กุ้งสด
- ทีม “ติดบ้านไหม” ผลงาน ข้าวมันไก่ไหหลำ เชียงของ | 60 Years of Flavor in Chiang Khong
รางวัลนักสื่อสารโครงการ (รางวัลละ 1,500 บาท)
- The Maximum Output Award (ปริมาณคอนเทนต์มากที่สุด) ทีม “ยาลือ”
- The Public Influence Award (อิทธิพลสื่อสูงสุด ยอด Like/Comment/Share/Save) ทีม “ช่วยด้วย”
- The Creative Excellence Award (ความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม) ทีม “หิวข้าว”
สาระสำคัญของผลงานชนะเลิศ คือการตีความ “อาหารปลอดภัย” ให้จับต้องได้ ในมุมมองของผู้บริโภครุ่นใหม่ เชื่อมฉากไร่กาแฟและแปลงผักบนภูเขาเข้ากับครัวร้านอาหารเมือง และลงท้ายด้วยคำชวน “ลองเปลี่ยนจานถัดไปของคุณให้ดีต่อสุขภาพและดีต่อชุมชน” นี่คือพลังของสื่อที่ทำให้ “ทางเลือกที่ดี” กลายเป็น “ดีลที่ใช่” ในชีวิตประจำวัน
สาระจากผู้จัด “จากไอเดีย สู่ระบบนิเวศตลาดจริง”
นายกิตติ ทิศสกุล ผู้จัดการโครงการฯ อธิบายถึงกลไกตลาด “Give and Give” ในเชิงนโยบายว่า ตั้งใจให้เป็น แพลตฟอร์มสร้างแรงจูงใจสองทาง ผู้ประกอบการร้านอาหาร/โรงแรมซื้อวัตถุดิบปลอดภัยก็ได้ “คะแนน-ส่วนลด-สิทธิประโยชน์” กลับไป ขณะเดียวกัน ส่วนหนึ่งของมูลค่าการซื้อ ถูกกันไว้เป็น “กองทุนสีเขียว” เพื่อไปขับเคลื่อนกิจกรรมอาหารปลอดภัยในชุมชนต่อ พลิกโมเดล “ซื้อแล้วจบ” ให้เป็น “ซื้อแล้วหมุนต่อ” สู่การเปลี่ยนพฤติกรรมในวงกว้าง (ข้อความสรุปจากผู้จัดงานตามข้อมูลที่ผู้ใช้จัดเตรียม)
เมื่อถามถึงโจทย์ “ผลผลิตล้นตลาด/เศษอาหารเหลือทิ้ง” ผู้จัดโครงการย้ำแนวทาง แปรรูป-หมุนเวียน-กลับเข้าสู่ไร่นา ด้วยความรู้ทางดินและปุ๋ยหมัก รวมถึงการเปิด “พื้นที่ตลาดสีเขียว” ให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าแหล่งปลอดภัยได้จริง ซึ่งทั้งหมดนี้สอดประสานกับคำแนะนำเชิงนโยบายเรื่องอาหารเพื่อสุขภาวะและพฤติกรรมสุขภาพที่ WHO ผลักดันในระดับโลก
ทำไม “เชียงราย” ต้องขับเคลื่อนประเด็นนี้ “ตอนนี้”
- ภาระโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และพฤติกรรมการบริโภค
WHO ระบุชัดว่าพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสมและการไม่มีกิจกรรมทางกายคือปัจจัยเสี่ยงสำคัญของ NCDs โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง เบาหวาน มะเร็งบางชนิด การลงทุนด้าน “ระบบอาหารที่ดีและสื่อสารพฤติกรรมสุขภาพ” ให้เกิดขึ้นในระดับพื้นที่ จึงเป็น “คุ้มค่าที่สุด” เมื่อมองทั้งมุมสุขภาพและเศรษฐกิจระยะยาวของจังหวัด - โอกาสทางเศรษฐกิจของอาหารปลอดภัยและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
จังหวัดผลักดันภาพ “เมืองสุขภาพ Chiang Rai Wellness City” และ “เมืองอาหารปลอดภัย” ผ่านหลายความร่วมมือของหน่วยงานรัฐ-เอกชนที่ต่อเนื่อง มิติ “อาหาร” เป็นประตูสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ล้านนา ข้อมูลด้านนโยบายสาธารณะและการรณรงค์เรื่องอาหารปลอดภัยในเชียงรายปรากฏต่อเนื่องในสื่อภาครัฐระดับจังหวัดตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อน “ฉันทามติ” ระดับท้องถิ่นให้เดินไปทิศทางนี้อย่างจริงจัง - ลดสูญเสียอาหาร กำไรทั้งสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และกระเป๋าเงินชุมชน
FAO ย้ำตัวเลขโลกที่ “ชวนคิด” อาหารราว 14% สูญเสียในซัพพลายเชน และอีกประมาณ 19% สูญเปล่าที่ด่านค้าปลีก-บริการอาหาร-ครัวเรือน การออกแบบแพลตฟอร์ม/บริการที่ “ดูดซับ-ยืดอายุ-แปรรูป-รีเทิร์น” อาหารส่วนเกินให้มีมูลค่า คือคานงัดที่เชื่อม “เป้าหมายสุขภาพ” เข้ากับ “เศรษฐกิจท้องถิ่นสีเขียว” อย่างจับต้องได้
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นแล้ว และการบ้านหลังจบเวที
ระยะสั้น
- เครือข่ายร้านอาหาร-โรงแรม 50+ แห่งมี “ต้นแบบคอนเทนต์” พร้อมใช้ ทั้งภาพลักษณ์แบรนด์ และข้อมูลที่ชี้ชวนผู้บริโภคเลือกเมนูสุขภาวะ
- นักศึกษามี “ทักษะสื่อสารสาธารณะ” ฝั่งสุขภาพ-โภชนาการ ผ่านงานจริงกับผู้ประกอบการ
- เกิด “บทสนทนาสาธารณะ” เรื่องอาหารปลอดภัยที่กว้างขึ้น จากเวทีสู่สื่อออนไลน์ของผู้เข้าแข่งขัน
ระยะกลาง
- แพลตฟอร์ม “Give and Give” หากเดินหน้าต่อ จะทำให้ พฤติกรรมการจัดซื้อ ของผู้ประกอบการขยับไปหาวัตถุดิบปลอดภัยมากขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะมีแรงจูงใจเป็นแต้ม/ส่วนลด/สิทธิประโยชน์ และมี “กองทุนสีเขียว” เติมเชื้อเพลิงกิจกรรมสาธารณะกลับสู่ชุมชน
- ตลาดสีเขียวกับช่องทางค้าปลีกหลักในพื้นที่ จะเป็น “วาล์วระบาย” ผลผลิตล้นตลาด พร้อมฐานข้อมูลสม่ำเสมอสำหรับวาง KPI เมืองสุขภาพ
ระยะยาว
- หาก “การสื่อสาร” ต่อเนื่องควบคู่ “นโยบายเชิงสิ่งแวดล้อมเอื้อสุขภาพ” (health-promoting environments) ตามแนวทาง WHO เชียงรายจะเข้าใกล้เส้นชัย เมืองสุขภาพ มากขึ้น ทั้งในเชิงตัวชี้วัดสุขภาพประชากรและความสามารถในการแข่งขันเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเมืองปลายทางท่องเที่ยวคุณภาพ
ข้อเสนอเชิงนโยบาย/ภาคปฏิบัติ (จากบทเรียนบนเวที)
- ตั้ง “ดัชนีอาหารปลอดภัยระดับอำเภอ”
ชั่งน้ำหนัก 3 ด้าน (ก) สัดส่วนแหล่งผลิต/เกษตรกรที่ผ่านมาตรฐานลดสาร, (ข) สัดส่วนเมนูชูสุขภาวะในร้านเครือข่าย, (ค) อัตราการรับรู้/การเลือกของผู้บริโภค เผยแพร่รายไตรมาสเพื่อให้เกิดการแข่งขันเชิงบวกในพื้นที่ - ย้ำบทบาท “นักสื่อสารสุขภาวะ” เป็นโครงการต่อเนื่อง
บ่มเพาะ cohort นักศึกษาและครูพี่เลี้ยงใหม่ทุกปี เพิ่ม “ธนาคารสคริปต์/ชุดภาพ” กลางให้ร้าน-โรงแรมใช้ได้ฟรีภายใต้เงื่อนไขอ้างอิงแหล่งวัตถุดิบปลอดภัย - ขยาย “Give and Give” สู่ระบบแต้มร่วม (federated points)
เชื่อมกับตลาดสีเขียว/ตลาดชุมชน เพื่อให้แต้มใช้ได้หลายที่ เพิ่มแรงจูงใจทั้งฝั่งผู้ประกอบการและผู้บริโภค พร้อมระบบเก็บข้อมูล (data lake) เพื่อนำไปวิเคราะห์รูปแบบการบริโภคและวางแคมเปญเชิงพฤติกรรม - ยกระดับงาน “ลดเศษอาหาร” เป็นแชมเปี้ยนของเมือง
ตั้งโจทย์ Hackathon รุ่นต่อไปให้เน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์/บริการอัพไซเคิลวัตถุดิบส่วนเกิน, การคาดการณ์อุปสงค์ด้วยข้อมูล (demand prediction), และการคืนคุณค่าเศษอาหารสู่ไร่เป็นปุ๋ยชีวภาพ โดยตั้งเป้าตัวชี้วัดสาธารณะให้ชัดเจน (เช่น ลดอาหารสูญเปล่าในเครือข่าย x%) ให้เชื่อมโยงตัวเลข FAO เพื่อการติดตามผลที่เทียบได้มาตรฐานสากล
มุม “คนอ่านใช้ประโยชน์ได้ทันที”
- หากเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร/โรงแรม เริ่มจาก “เมนูนำร่อง” 1–2 รายการที่ชูสุขภาวะและเล่า “ที่มา” ของวัตถุดิบ เชื่อมกับคอนเทนต์ทีมมหาวิทยาลัยที่ผลิตไว้ แล้วโยงเข้าระบบแต้มของแพลตฟอร์ม
- หากเป็นผู้บริโภค ลอง “1 มื้อเพื่อชุมชน” ต่อสัปดาห์ เลือกเมนูจากร้านเครือข่ายอาหารปลอดภัย/ตลาดสีเขียว และแชร์เรื่องราวจานนั้นบนโซเชียล เพื่อขยายอิทธิพลสาธารณะเชิงบวก
- หากเป็นภาครัฐท้องถิ่น ประกาศ Roadmap เมืองสุขภาพ ที่ผูกตัวชี้วัดด้านอาหารปลอดภัยกับนโยบายท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และรายงานผลทุกไตรมาสอย่างโปร่งใส
จาก “เวทีหนึ่งวัน” สู่ “ระบบนิเวศความร่วมมือ”
Hackathon ครั้งนี้พิสูจน์ว่าการขับเคลื่อนเมืองสุขภาพเริ่มได้จาก “คลิปสั้น ความคิดยาว” เมื่อการเล่าเรื่องอาหารพื้นถิ่นถูกจับคู่กับระบบตลาดแบบมีแรงจูงใจ และเสริมหลังบ้านด้วยองค์ความรู้เกษตรปลอดภัย เมืองก็จะได้ทั้งสุขภาพ เศรษฐกิจ และความยั่งยืนในคราวเดียว สิ่งที่เชียงรายกำลังทำ จึงไม่ใช่แค่การประกวดสื่อ หากคือการวางรากฐาน “ระบบอาหารเพื่อสุขภาวะ” ที่คนทั้งเมืองมีส่วนร่วม ตั้งแต่ไร่ไปถึงจาน และจากจานกลับสู่ชุมชน
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- ภาพ : กีรติ ชุติชัย
- เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
เรียบเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร - องค์การอนามัยโลก (WHO
- FAO (Food and Agriculture Organization of the United Nations)
- สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย (กรมประชาสัมพันธ์)
- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)






















































