Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เทเบิลเทนนิสชิงแชมป์จังหวัดเชียงรายพร้อมระเบิดศึกแล้ววันนี้

 “ศึกปิงปองชิงแชมป์จังหวัด 2568” ปลุกพลังเมืองกีฬา เวทีรวมรุ่น เยาวชน–อาวุโส สานสุขภาพ เศรษฐกิจ และเครือข่ายชุมชน

เชียงราย, 31 สิงหาคม 2568 — เสียงลูกปิงปองกระทบโต๊ะที่ดังเป็นจังหวะชัดเจนในฮอลล์ใหญ่ของศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ GMS อาคารเชียงแสน กลายเป็นสัญลักษณ์ของการกลับมาคึกคักของวงการเทเบิลเทนนิสเชียงราย เมื่อฝ่ายเทเบิลเทนนิส สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย นำโดย น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ประธานฝ่ายเทเบิลเทนนิส จัดการแข่งขัน ชิงชนะเลิศจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2568” ระหว่างวันที่ 30–31 สิงหาคม 2568 บนมาตรฐานการแข่งขันที่ยกระดับทั้ง “คุณภาพสนาม–ระบบจัดการ–ความโปร่งใส” เพื่อให้เป็นเวทีกลางของนักกีฬาทุกช่วงวัย ตั้งแต่เยาวชน นักกีฬาสมัครเล่น ไปจนถึงรุ่นอาวุโส

บรรยากาศวันแรก (30 ส.ค.) เข้มข้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น มีการลงสนามรวม 277 คู่ ต่อเนื่องหลายคอร์ท ผู้เล่นต่างพก “ไฟ” และ “ไมตรี” ลงสู่โต๊ะเดียวกัน—ภาพที่สะท้อนเสน่ห์ของกีฬา: แข่งขันเพื่อชนะ แต่ออกจากโต๊ะด้วยรอยยิ้มและความเคารพคู่ต่อสู้ การออกแบบรายการที่เปิดกว้างหลายรุ่นอายุช่วยให้ทุกคน “มีเวทีของตนเอง” ทั้งยังเป็นพื้นที่เรียนรู้ข้ามรุ่น เยาวชนได้ซึมซับวินัยการซ้อมและการควบคุมอารมณ์ ขณะที่รุ่นอาวุโสส่งต่อบทเรียนเชิงเทคนิค—ทั้งมุมมองเกม การอ่านสปิน และการยืนตำแหน่ง—ซึ่งหายากจากตำรา

สนาม–มาตรฐาน–ระบบ ต้นทุนความน่าเชื่อถือของการแข่งขัน

ฝั่งผู้จัดวางระบบการแข่งขันตามคู่มือสากล ตั้งแต่การจัดโต๊ะ อุปกรณ์ ลูก และการกำกับดูแลด้วยผู้ตัดสินที่ผ่านการอบรม โดยยึดกรอบ “กติกา ITTF” เป็นหลัก เพื่อให้การตัดสินและประสบการณ์ของนักกีฬาไม่หลุดจากมาตรฐานโลก จุดนี้สำคัญต่อการยกระดับสมรรถนะ เพราะนักกีฬาคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมจริงแบบที่พบในรายการระดับชาติในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างโต๊ะ–ฉากหลังที่ช่วยอ่านสปิน–และการบันทึกผลที่เป็นระบบ ซึ่งทั้งหมดพิงบนฐานเอกสารข้อบังคับจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (ITTF) ที่กำหนดกติกาหลักและแนวทางการแข่งขันไว้ชัดเจนเพื่อความเป็นธรรมของเกมทั่วโลก

ตัวสถานที่ก็ไม่ธรรมดา—ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ GMS จังหวัดเชียงราย (อาคารเชียงแสน) เป็นโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดที่ออกแบบรองรับการจัดแสดงสินค้า–ประชุม–แข่งขันกีฬาในอาคารขนาดใหญ่ พร้อมระบบอำนวยความสะดวกครบถ้วน ทั้งลานจอด บริเวณพักคอย ผู้ปกครองและผู้ชมจึงเข้าถึงง่าย เมืองก็พร้อมรับนักกีฬาและผู้ติดตามจากอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัด (และจังหวัดใกล้เคียง) สร้างมูลค่าเพิ่มด้าน “ไมซ์–สปอร์ตอีเวนต์” แบบบูรณาการ

มากกว่าถ้วยรางวัลกีฬาคือแพลตฟอร์มสร้างสุขภาพและทุนทางสังคม

รายการปีนี้เน้น “กระจายโอกาส” ให้คนทุกวัย—ตั้งแต่รุ่นเยาว์ที่เพิ่งเริ่มจับไม้ไปจนถึงรุ่นอาวุโส—เพราะสมการของกีฬาไม่ได้จบที่สกอร์ หากแต่ขยายผลสู่สุขภาวะของคนเชียงรายทั้งมิติร่างกาย จิตใจ และชุมชน งานวิจัยเชิงนโยบายขององค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ชัดว่า การมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางอย่างน้อย 150–300 นาที/สัปดาห์ (หรือกิจกรรมหนัก 75–150 นาที/สัปดาห์) ช่วยลดความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เพิ่มคุณภาพชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่ฝ่ายจัดพยายามดึงคนทั่วไปเข้ามา “สัมผัสกีฬา” ผ่านการเชียร์และกิจกรรมร่วมข้างสนาม เพราะแค่ “ได้มาเดิน–นั่งเชียร์–มีส่วนร่วม” ก็เริ่มต้นคะแนนสุขภาพได้แล้ว

สำหรับนักกีฬารุ่นอาวุโส การเปิดคลาสการแข่งขันแยกตามวัย (เช่น 50+, 55+, 60+) ไม่เพียงทำให้สนามแข่งขันเป็นธรรม แต่ยังช่วย “ดึงกลับ” คนวัยทำงานและวัยหลังเกษียณให้กลับมามีวินัยการฝึกซ้อมที่พอเหมาะ ลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง และเพิ่มปฏิสัมพันธ์ทางสังคม—ปัจจัยป้องกันความโดดเดี่ยวที่ WHO ให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่องฟิตเนสทางกาย

ดีไซน์รายการเพื่อพัฒนา “คอขวด” ที่ผู้จัดรู้และแก้

แม้จำนวนแมตช์วันแรกพุ่งสูงถึง 277 คู่ แต่ “ความหนาแน่น” นี้ไม่ได้ทำให้ระบบรวน เพราะฝ่ายจัดเตรียม ตารางเวลา–ไหลงาน (flow) และ แผนสำรอง (contingency) ล่วงหน้า ตั้งแต่การเรียกคอร์ต การบันทึกผลแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงการสื่อสารผ่านประกาศกลาง—กุญแจลดคอขวดและข้อโต้แย้งเวลาทับซ้อน ขณะเดียวกัน การวางผังโต๊ะให้ผู้ชมเห็นเกมพร้อมกันหลายคอร์ท ยังเพิ่ม “ประสบการณ์สนาม” ให้ผู้ปกครองและแฟนกีฬาได้ติดตามลูกหลานและนักกีฬาที่ชื่นชอบในเวลาเดียวกัน

อีกด้านหนึ่ง ฝ่ายเทคนิคเน้น วินัยก่อน–หลังแข่ง เช่น ช่วงอบอุ่นร่างกายสั้น ๆ บนโต๊ะซ้อม การควบคุมอุณหภูมิและความสว่างคงที่ เพื่อไม่ให้สภาพแวดล้อมกลายเป็นตัวแปรที่บดบังคุณภาพแท้จริงของผู้เล่น ทั้งหมดนี้ยึดแนวทางจากคู่มือและธรรมเนียมปฏิบัติของสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย (TTAT) ซึ่งเป็นองค์กรกลางด้านพัฒนากีฬาประเภทนี้ในประเทศ

พลังข้ามรุ่น เมื่อผู้ฝึกสอน–ครู–โค้ช คือเสาหลักหลังโต๊ะ

ในสนามเดียวกัน ภาพที่เด่นชัดไม่แพ้ผู้เล่นคือ “ทีมโค้ช–ครูพละ–ผู้ฝึกสอนสโมสร” ที่ยืนเรียงแนวข้างคอร์ต คอยบันทึกจังหวะผิดพลาดและจุดแข็งของลูกศิษย์ เพื่อนำไปออกแบบการซ้อมเฉพาะบุคคล (individualized training) จุดที่เห็นได้ชัดในรายการแบบหลายรุ่นคือ พัฒนาการเชิงเทคนิค ของเยาวชน: การอ่านเสิร์ฟสั้น–ยาว การเปิดเกมบอลสาม (third ball attack) และการแก้ทางสปิน ซึ่งต้องอาศัย “ภาพจริง” จากเกมแข่งขันมากกว่าการซ้อมล้วน ๆ การมีรายการในจังหวัดที่เชื่อมโยงทุกช่วงวัยจึงเป็น “ห้องทดลองมีชีวิต” ของโค้ชและผู้เล่นไปพร้อมกัน

ผู้ปกครองเองคือแรงขับที่ทรงพลัง—เสียงเชียร์ที่พอดี (ไม่กดดัน) การจัดการเวลาพัก–โภชนาการ และการยอมรับผลการแข่งขันอย่างมีวุฒิภาวะ ล้วนเป็น “ต้นแบบ” ด้านวัฒนธรรมกีฬาให้ลูกหลานเห็นจากที่บ้าน แล้วนำกลับมาปฏิบัติในสนามจริง

เศรษฐกิจชุมชน–สปอร์ตทัวริซึมเมื่อการแข่งขันทำให้เมืองคึกคัก

รายการระดับจังหวัดที่ใช้ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ทำให้ “อีโคซิสเต็ม” รอบสนามขยับพร้อมกัน—ร้านอาหารเล็ก ๆ ใกล้ฮอลล์มีลูกค้าแน่นขึ้น ร้านอุปกรณ์กีฬา–ยางปิงปอง–ไม้–เสื้อทีม ได้ออกบูธและทำตลาดกับกลุ่มเป้าหมายตรง ๆ โฮสเทลและโรงแรมขนาดกลางรอบเมืองรับอานิสงส์จากทีมต่างอำเภอที่เดินทางมาพัก 1–2 คืน ขณะที่ระบบขนส่งท้องถิ่น (แท็กซี่–รถสองแถว–รถเช่า) ถูกใช้มากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์

องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้การแข่งขันไม่ได้เป็นเพียง “ต้นทุนจัดงาน” ของสมาคมกีฬา แต่เปลี่ยนเป็น “การลงทุนทางสังคม” ที่สร้างรายได้หมุนเวียนในเมือง และต่อยอดภาพลักษณ์ Sport Event Friendly City ของเชียงราย—โมเดลที่เมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสามารถเพิ่มมิติ “กีฬาในอาคาร” เข้ามาเติมเต็มฤดูกาลท่องเที่ยว

มาตรฐานวันนี้ เพื่อความฝันวันพรุ่งนี้

การยึดกติกา ITTF อย่างเคร่งครัดคือรากฐานของการก้าวสู่เวทีใหญ่—เพราะเมื่อนักกีฬาเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะสู่ระดับเขต ภาค ประเทศ หรือแม้แต่รายการนานาชาติ โครงสร้างการตัดสิน–รูปแบบการแข่งขัน–การจัดพื้นที่ จะคุ้นมือคุ้นตา การปรับตัวจึงเหลือเพียงคุณภาพชั้นเชิงและการจัดการความกดดัน งานนี้จึงถูกวางบทบาทเป็น “บันไดขั้นกลาง” ที่มั่นคงระหว่างการซ้อมในสโมสรกับรายการชิงแชมป์ระดับชาติ

ในเชิงองค์กร ผู้จัดยังได้ “ข้อมูลจริง” จากสนาม—จำนวนแมตช์ต่อคอร์ตต่อชั่วโมง จุดคอขวดของการเรียกคิว เวลาพักที่เหมาะสมต่อรุ่นอายุ ไปจนถึงรูปแบบประกบคู่ที่ทำให้ผู้เล่นได้เจอคู่แข่งหลากสไตล์—เพื่อยกระดับคู่มือจัดการแข่งขันฉบับจังหวัดในปีถัดไป ขณะที่ฝ่ายพัฒนาบุคลากรผู้ตัดสินสามารถคัดเลือกและประเมินผู้ตัดสินดาวรุ่งจากสถานการณ์จริง เพิ่มจำนวนกำลังคนพร้อมใช้ในปฏิทินแข่งขันที่จะหนาแน่นขึ้น

เมืองกีฬาอย่างยั่งยืน แผนที่ควรต่อยอด

  1. ปฏิทินระยะยาว – จัดวางรายการอย่างน้อย 2–3 ครั้ง/ปี แยกตามช่วงวัย/ทักษะ เพื่อให้โค้ชวางแผน periodization (ซ้อม–แข่ง–พัก–ฟื้น) และให้ผู้เล่นมีเป้าหมายชัดในแต่ละไตรมาส
  2. คลินิกเทคนิค–ผู้ตัดสิน–ผู้จัดการทีม – ควบคู่การแข่งขัน ควรมีเวิร์กช็อปสั้น ๆ จากผู้ทรงคุณวุฒิ TTAT หรืออดีตนักกีฬาทีมชาติ เพื่อถ่ายทอดทักษะเฉพาะด้านและกฎกติกาที่อัปเดตตาม ITTF อย่างสม่ำเสมอ
  3. ดิจิทัลเรคคอร์ด – จัดเก็บสถิติเกมขั้นพื้นฐาน (อัตราเสิร์ฟได้เปรียบ/เสียเปรียบ การเปิดบอลสามสำเร็จ การรับเสิร์ฟสั้นยาว) ให้ทีมโค้ชนำไปวิเคราะห์ภายหลัง
  4. เข้าถึงชุมชน – ประสานโรงเรียนและเทศบาลในอำเภอต่าง ๆ ส่งทีมเข้าร่วมและหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพบางประเภทการแข่งขัน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทางและสร้างฐานผู้เล่นใหม่
  5. สื่อ–เรื่องเล่า – บันทึก “เส้นทางนักกีฬาทุกวัย” จากรายการระดับจังหวัดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และสื่อสารว่ากีฬาไม่จำกัดอายุ—ใครเริ่มวันนี้ก็เดินหน้าได้ทันที

ชวนคนเมืองร่วมเชียร์ฟรี—ทำคะแนนสุขภาพไปด้วยกัน

ผู้จัดเชิญชวนประชาชนร่วมชมรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 31 ส.ค. 2568 เข้าชมฟรี ตลอดวัน ณ ฮอลล์หลักของศูนย์ GMS—โอกาสดีสำหรับครอบครัวที่อยากพาบุตรหลานรู้จักกีฬาใกล้ตัว ใช้อุปกรณ์ไม่มากและเล่นได้ทุกฤดูกาล การได้เห็น “ทักษะจริง” ต่อหน้าจะจุดประกายให้เด็กหลายคนอยากเริ่มจับไม้ และทำให้ผู้ใหญ่หลายคนอยากกลับมาออกกำลัง—สอดคล้องกับข้อแนะนำ WHO ที่ผลักดันให้ทุกคนเพิ่มกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวันอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ ซึ่งเทเบิลเทนนิสเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ปรับความหนักเบาได้ดี เหมาะทั้งหัดใหม่และผู้สูงอายุ

โต๊ะเดียวที่เชื่อมทั้งเมือง

“ศึกปิงปองชิงแชมป์จังหวัดเชียงราย 2568” แสดงให้เห็นพลังของกีฬาในสามมิติ—พัฒนาคน, ขยับเศรษฐกิจท้องถิ่น, และ สร้างทุนทางสังคม ผ่านโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดมาตรฐานเดียวกัน ทุกคนยืนเท่ากันหน้าโต๊ะ—แพ้ชนะอยู่ที่วินาทีของการตัดสินใจและวินัยการซ้อม เมืองได้เวทีโชว์ศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานระดับไมซ์ที่พร้อมรองรับอีเวนต์กีฬาในอาคาร ขณะที่เครือข่ายโค้ช–ครู–ผู้ปกครอง–ผู้ประกอบการท้องถิ่น ก็พบกันในภารกิจเดียว: ทำให้กีฬาเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเชียงราย

การลงทุนกับกีฬาไม่ใช่ต้นทุนที่จมหาย แต่คือ เงินออมสุขภาพ ของเมือง—ลดภาระค่ารักษา เพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนจากการจัดงาน และยกคุณภาพชีวิตของชุมชน เมื่อการแข่งขันสะท้อนมาตรฐาน และเรื่องเล่าของนักกีฬาถูกเล่าต่อ เมืองจะค่อย ๆ ขยับจาก “จัดรายการได้ดี” ไปสู่ “ปลายทางของการพัฒนากีฬาเทเบิลเทนนิสภาคเหนือ” อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การอนามัยโลก (WHO)Guidelines on physical activity and sedentary behaviour (2020): แนวทางกิจกรรมทางกายสำหรับประชากรวัยต่าง ๆ แนะนำ 150–300 นาที/สัปดาห์สำหรับกิจกรรมระดับปานกลาง และ 75–150 นาที/สัปดาห์สำหรับกิจกรรมหนัก
  • สหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (ITTF)ITTF Handbook / Statutes (รวม “Laws of Table Tennis” และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง): กรอบกติกาสากรและแนวปฏิบัติการแข่งขันที่ใช้ทั่วโลก
  • สมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย (TTAT) – เว็บไซต์ทางการ: ข้อมูลกิจกรรม/พัฒนากีฬา/การรับรองบุคลากรและการแข่งขันในประเทศ
  • ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ GMS จังหวัดเชียงราย (อาคารเชียงแสน) – ข้อมูลสถานที่ ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจัดงานขนาดใหญ่
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

อบจ.เชียงรายเปิดศึกฟุตบอล สร้างทีมเวิร์ก-สุขภาพที่ดีให้บุคลากร

เชียงรายเดินหน้าสู่ “เมืองกีฬา” ด้วยพลังบวกจากทุกวัย นายก อบจ. ร่วมหนุนฟุตบอลอาวุโสสู่เวทีประเทศ เปิดลีกภายในสร้างสุขภาวะคนทำงาน—จากสนาม X-Arena สู่ภาพใหญ่ของนโยบายกีฬาเพื่อมวลชน

เชียงราย, 30 สิงหาคม 2568—สายลมปลายฤดูฝนพัดผ่านสนาม X-Arena เชียงราย ท่ามกลางเสียงเชียร์เป็นจังหวะและรองเท้าสตั๊ดที่นับก้าวบนหญ้าอย่างมั่นคง นักฟุตบอลรุ่นใหญ่วัย 50+, 55+ และ 60+ หลายสิบชีวิตกำลังก้าวเข้าสู่รอบคัดตัวแทนจังหวัด เพื่อชิงสิทธิ์ “ฟุตบอลอาวุโส อบจ. คัพ ชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 1” บรรยากาศเข้มข้นแต่เป็นมิตร—ภาพที่สะท้อนว่ากีฬาไม่ใช่แค่เรื่องชัยชนะ หากคือทุนสุขภาพ ทุนสังคม และทุนความหวังของชุมชน

ในวันเดียวกัน นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) เดินเข้าสนามพร้อมคำกล่าวให้กำลังใจสั้น ๆ แต่ชัดเจนถึงความตั้งใจของจังหวัดในการ “ทำให้สนามกีฬาอยู่ใกล้ประชาชนมากที่สุด” ก่อนเป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน “CR-PAO League CUP 2025” รายการภายในองค์กรที่รวบรวมผู้บริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ และพนักงาน อบจ.เชียงราย รวม 7 ทีม โดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน อาทิ SCG และ Dolphin Toilet Partition เพื่อใช้กีฬาเป็นสื่อกลางสร้างสุขภาพ ความสามัคคี และทีมเวิร์กในที่ทำงาน

ภาพเล่าเรื่องจากสนามวันนั้นจึงไม่ใช่ “ข่าวกิจกรรม” ธรรมดา แต่เป็น “จุดเริ่มของทิศทาง”—ทิศทางที่พัฒนาเมืองด้วยกีฬาในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม โดยมีผู้สูงวัยและคนทำงานเป็นพระเอกเคียงข้างกัน

จากสนามท้องถิ่นสู่โจทย์ใหญ่ของจังหวัด—ทำไม “กีฬา” ถึงเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช่ตอนนี้

เชียงรายกำลังยกระดับความเป็น “เมืองที่น่าอยู่” ไปอีกขั้นผ่านนโยบายด้านกีฬาและกิจกรรมทางกายที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย เหตุผลสำคัญมีอย่างน้อยสามประการ

  1. โครงสร้างประชากรเปลี่ยนเร็ว—ไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนระบบบริการและสวัสดิการต้อง “ปรับฐานคิด” จากการรักษาเมื่อป่วย ไปสู่การลงทุนกับการป้องกันโดยใช้กีฬาและกิจกรรมทางกายเป็นเครื่องมือหลัก แนวโน้มจากหน่วยงานด้านสถิติและแผนพัฒนาประเทศชี้สัญญาณเดียวกัน: สูงวัยมากขึ้นและยาวนานขึ้น จึงต้องออกแบบนโยบายที่ทำให้ผู้สูงวัย “แข็งแรงและมีส่วนร่วม” ไม่ใช่เพียง “อยู่รอด” เท่านั้น (อ้างอิงข้อมูลชุดสถานการณ์ผู้สูงอายุและแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13)
  2. หลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์หนุนชัด—องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ผู้ใหญ่รวมถึงผู้สูงอายุทำกิจกรรมทางกายระดับปานกลาง 150–300 นาทีต่อสัปดาห์ ควบคู่การฝึกเสริมกำลังและทรงตัวเพื่อลดความเสี่ยงล้มและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) แนวทางเดียวกันนี้ถูกนำไปปรับใช้ในไทยโดยหน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น กรมอนามัย ซึ่งสื่อสารข้อแนะนำ 150 นาที/สัปดาห์อย่างต่อเนื่องกับประชาชนและหน่วยงานท้องถิ่นที่ทำงานภาคสนาม
  3. นโยบายกีฬามวลชนของไทยเดินหน้า—การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) วางหลักการชัดเจนว่ากีฬามวลชนและกิจกรรมทางกายคือกลไกเพิ่มคุณภาพชีวิตและทุนมนุษย์ พร้อมผลักดันเครื่องมือ งบประมาณ และเครือข่ายระดับจังหวัด—องค์ประกอบที่เอื้อให้ อบจ. เข้ามาเป็น “แม่งาน” ด้านกีฬาเชิงระบบ ร้อยเรียงสนาม คน และปฏิทินกิจกรรมเข้าด้วยกัน

ภายใต้ภาพใหญ่ดังกล่าว เชียงรายจึงเลือก “ขยับ” ด้วยแผนที่จับต้องได้—ตั้งแต่สร้างเวทีให้ผู้สูงวัยแสดงศักยภาพ ไปจนสร้างพื้นที่ (ลีกภายใน) ให้คนทำงานขยับกายเป็นกิจวัตร เพื่อลดค่าป่วย ลดความเครียด และต่อยอดเป็นวัฒนธรรมองค์กร

ฉากจาก X-Arena ฟุตบอลอาวุโส—ทักษะ ประสบการณ์ และน้ำใจ

ช่วงบ่ายที่เมฆเริ่มโปรย นักเตะรุ่น 50+, 55+ และ 60+ ทยอยลงอบอุ่นร่างกาย—ท่าทางระมัดระวังแต่คล่องแคล่ว ผู้เล่นบางคนรัดสน็อปเข่า บางคนพกยาดม แต่ทุกคนมีอย่างเดียวกันคือแววตาที่มุ่งมั่น “ยังอยากลงแข่งให้ลูกหลานได้เห็น” หนึ่งในโค้ชทีมกล่าวระหว่างพักน้ำ

รูปแบบการคัดเลือกเน้น ทักษะพื้นฐาน-ความฟิต-การเล่นเป็นทีม เพื่อเตรียมตัวสู่การแข่งขันระดับประเทศในรายการ “อบจ. คัพ” รุ่นอาวุโส ที่มุ่งหมายให้เวทีกีฬาเปิดกว้างสำหรับวัยที่สังคมมักคิดว่า “ถึงเวลาเบรก” ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ การออกกำลังกายที่พอเหมาะช่วยเพิ่มสมรรถภาพหัวใจและปอด ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมทั้งช่วยเรื่องความจำและอารมณ์—ประโยชน์ที่สอดคล้องกับแนวทางของ WHO และหน่วยงานสุขภาพไทยซึ่งแนะนำการออกแรงแบบแอโรบิกผสมฝึกกล้ามเนื้อและการทรงตัวสำหรับวัยสูงอายุ  

การสร้างเวทีให้ “รุ่นใหญ่” กลับมาครื้นเครงในสนาม จึงเป็นมากกว่าเรื่องกีฬา หากคือ นโยบายสุขภาพเชิงรุก ที่อาศัย “ความสนุกและความภูมิใจ” เป็นแรงขับ—ต้นทุนทางสังคมที่เงินซื้อไม่ได้

CR-PAO League CUP ฟุตบอล 7 คนที่มากกว่าเกม—แพลตฟอร์มสร้างสุขภาพและทีมเวิร์ก

ครั้นถึงพิธีเปิด “CR-PAO League CUP 2025” นายก อบจ.เชียงราย ประกาศความพร้อมของ 7 ทีมจากบุคลากรในองค์กร โดยตั้งเป้าหมายสองข้อชัดเจน: (1) สร้างสุขภาพกาย-ใจให้คนทำงาน และ (2) สร้างทีมเวิร์กเพื่อกลับไปยกระดับประสิทธิภาพงานบริการประชาชน

การแข่งขันรูปแบบ 7 คนบริหารจัดการง่าย ใช้เวลาสั้น กระตุ้นให้เกิด “กิจกรรมทางกายสม่ำเสมอ” แทรกในชีวิตประจำวันของข้าราชการและพนักงาน—ปัจจัยที่สอดรับแนวทางองค์การอนามัยโลกเรื่องการเพิ่ม “Active Minutes” รายสัปดาห์ ตลอดจนข้อแนะนำของกรมอนามัยไทยที่สื่อสารอย่างกว้างขวางในช่วงหลัง เพราะการสะสมเวลาออกกำลังกายเป็นชั่วโมงต่อสัปดาห์—even แบบสั้น ๆ หลายครั้ง—ช่วยลดความเสี่ยงเจ็บป่วยระยะยาวได้จริง

ความร่วมมือจาก SCG และ Dolphin Toilet Partition ในฐานะภาคเอกชนท้องถิ่น ชี้ให้เห็นการระดมพลังหลายภาคส่วน (multi-stakeholder) ที่เมืองสมัยใหม่ใช้ขับเคลื่อน—อบจ. สร้างเวทีและมาตรฐานความปลอดภัย เอกชนช่วยอุปกรณ์และโลจิสติกส์ สโมสร/สนามเอกชนอย่าง X-Arena เชียงราย ทำหน้าที่เป็น “ฮับกีฬา” ที่เข้าถึงง่าย สนับสนุนกิจกรรมได้ต่อเนื่องตลอดปี

ตัวเลขที่ชวนคิด—ทำไมกีฬา (จริง ๆ) ช่วยเมืองและช่วยรัฐ

  • สังคมสูงวัย = ต้องลงทุนกับ “สุขภาพป้องกัน”
    รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทยอธิบายทิศทางการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อระบบสุขภาพและงบประมาณรัฐ หากไม่เร่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการขยับกายของประชาชน โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นที่ประชาชนเข้าถึงบริการมากที่สุด 
  • เกณฑ์กิจกรรมทางกายสากลชัดเจน
    WHO กำหนดกรอบ 150–300 นาที/สัปดาห์สำหรับผู้ใหญ่/ผู้สูงอายุ พร้อมแนะนำการเสริมกำลังกล้ามเนื้อและการฝึกทรงตัวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน แนวทางนี้ถูกถ่ายทอดเป็นสื่อสารสาธารณะของกรมอนามัยไทยต่อเนื่อง—เป็น “ค่ามาตรฐาน” ที่ อบจ. และหน่วยงานท้องถิ่นนำไปออกแบบโปรแกรมได้ทันที เช่น ฟุตบอล 7 คนสัปดาห์ละ 2–3 ครั้งรวมให้ได้ 150 นาที เป็นต้น
  • กีฬามวลชนคือวาระแห่งชาติด้านคุณภาพชีวิต
    เอกสารแนวทาง/งบประมาณของการกีฬาแห่งประเทศไทยย้ำบทบาท “กีฬามวลชน” ในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและศักยภาพมนุษย์—สอดรับกับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ของสภาพัฒน์ที่ผลักดันสุขภาวะและทุนมนุษย์เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์แกนหลักของประเทศ

ตัวเลขและกรอบมาตรฐานเหล่านี้ ทำให้การตัดสินใจของ อบจ.เชียงรายในวันนี้ “มีหลักฐานรองรับ” มากกว่าความเชื่อ—และพร้อมถอดบทเรียนไปยังพื้นที่อื่น

นายกฯ นก อทิตาธร เปิดการแข่งขันฟุตบอล "CR-PAO League CUP 2025" ฟาดแข้งกระชับมิตร เสริมความสามัคคีบุคลากร อบจ.เชียงราย

บริหารความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ ความปลอดภัยของนักเตะอาวุโสต้องมาเป็นที่หนึ่ง

เมื่อผลักดันกีฬาในกลุ่มผู้สูงอายุ สิ่งที่ต้องมาคู่กันคือ มาตรการความปลอดภัย ตั้งแต่คัดกรองสุขภาพเบื้องต้น (เช่น แบบประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจ/ความดัน) ออกแบบภาระงานตามวัย (intensity/interval) ไปจนถึงการเตรียมทีมแพทย์/กู้ชีพ ณ จุดแข่ง การยืดเหยียดก่อน-หลัง การอบอุ่นและคูลดาวน์อย่างเพียงพอ ตลอดจนการจัดตารางแข่งที่ลดความร้อนและความล้าเกินจำเป็น—แนวทางที่สอดคล้องกับข้อเสนอของ WHO และคู่มือสุขภาพระดับประเทศที่เน้น “ปลอดภัย-สนุก-ต่อเนื่อง” เป็นเงื่อนไขให้เกิดพฤติกรรมซ้ำ

จากเกมลูกหนังสู่ “ทุนสังคม” และ “ทุนเศรษฐกิจท้องถิ่น”

  1. สุขภาพประชาชนดีขึ้น = ภาระโรคลดลง
    คนทำงานในองค์กรที่มีกิจกรรมทางกายสม่ำเสมอ มีแนวโน้มลาป่วยลดลง ประสิทธิภาพงานดีขึ้น ความสัมพันธ์ในทีมดีขึ้น—ผลลัพธ์นุ่ม ๆ ที่สะสมกลายเป็นความก้าวหน้าขององค์กรภาครัฐซึ่งให้บริการประชาชนโดยตรง
  2. สนาม/ลีก = ปฏิทินเศรษฐกิจชุมชน
    ทุกครั้งที่มีนัดแข่ง คือตลาดนัดขนาดย่อมของผู้ค้าอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์กีฬา ผู้ให้บริการขนส่งในชุมชน—เม็ดเงินหมุนเวียนเล็ก ๆ แต่ถี่และจริง ซึ่งหากวางปฏิทินกิจกรรมทั้งปี จะเกิด ฤดูกีฬาท้องถิ่น” ที่ช่วยเสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานรากโดยไม่ต้องพึ่งฤดูกาลท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว
  3. สร้างต้นแบบ “เมืองกีฬา” เชื่อมโรงเรียน-ชุมชน-ท้องถิ่น
    เมื่อ อบจ. ทำสำเร็จในองค์กร ย่อมต่อยอดไปสู่เครือข่ายโรงเรียน ชุมชน และ อปท. เพื่อนบ้าน เกิดทัวร์นาเมนต์ย่อยตามช่วงวัย ทั้งเยาวชน วัยทำงาน และอาวุโส—โครงข่ายที่พาเชียงรายไปสู่ภาพของ “เมืองกีฬา” อย่างยั่งยืน โดยมีกลไก กกท. และแผนพัฒนาฯ ระดับชาติเป็นพี่เลี้ยงด้านกรอบนโยบายและงบประมาณ

เสียงจากสนามความภาคภูมิใจที่แบ่งปันได้

ระหว่างพักครึ่งทีมอาวุโสรุ่น 60+ นักเตะคนหนึ่งบอกว่า “ผมดีใจที่ยังได้ลงสนาม เพราะฟุตบอลมันทำให้รู้สึกว่าเรายังมีบทบาท” เสียงสั้น ๆ แต่ตรงใจผู้ชมข้างสนามที่เป็นลูกหลาน—นี่คือ คุณค่าทางสังคม ของกีฬา ที่ทำให้คนต่างวัย “เจอกันตรงกลาง” อย่างงดงาม

ฝ่ายจัดการแข่งขันย้ำว่า รายการ “อบจ. คัพ” รุ่นอาวุโส จะให้ความสำคัญกับ มาตรฐานสนาม อุปกรณ์ และทีมเวชกีฬา เพื่อความปลอดภัย พร้อมจัดการความร้อน ความชื้น และเวลาพักตามวัย—เกณฑ์ที่ขยับได้ตามข้อมูลสุขภาพของนักกีฬาแต่ละรุ่น

เชื่อมโยงนโยบาย บทบาท อบจ. กับการทำงานเชิงข้อมูล

ความก้าวหน้าด้านกีฬาในวันนี้ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย อบจ.เชียงรายสื่อสารบทบาทด้านการสนับสนุนกีฬาและกิจกรรมสาธารณะผ่านช่องทางทางการอย่างต่อเนื่อง ทั้งเว็บไซต์และเพจทางการ เพื่อเชื่อม “ข่าวกิจกรรม” เข้ากับ “การรับรู้ของสาธารณะ” ว่ากีฬาคือวาระเมือง มิใช่เพียงความสนุกเฉพาะกลุ่ม—แนวทางสื่อสารสาธารณะที่สำคัญต่อการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน

สิ่งที่เชียงรายทำวันนี้ “ถูกโจทย์” และ “ทันเวลา”

  1. ถูกโจทย์—เพราะตอบต่อสังคมสูงวัยด้วยเครื่องมือที่มีหลักฐานรองรับ (กีฬา/กิจกรรมทางกาย) และยึดเกณฑ์สากล-เกณฑ์ไทย (150 นาที/สัปดาห์ + เสริมกำลัง + ทรงตัว) เป็นแกนกลางของการออกแบบโปรแกรม
  2. ทันเวลา—เพราะวางระบบตั้งแต่คนทำงานในองค์กร (ลีก 7 คน) จนถึงผู้สูงวัย (อบจ. คัพ) เพื่อสร้างพฤติกรรมซ้ำต่อเนื่อง พร้อมต่อยอดเป็นปฏิทินกิจกรรมทั้งปี และขยายความร่วมมือกับเอกชน-สนามกีฬา-ชุมชนให้เป็น “โครงข่ายเมืองกีฬา”
  3. ต่อเติมได้—ด้วยการเชื่อมกรอบนโยบายของ กกท. และแผนพัฒนาฯ เข้ากับข้อมูลสุขภาพในพื้นที่ เพื่อวัดผลเป็นรูปธรรม: อัตราการมีกิจกรรมทางกายของประชาชน, วันลาป่วยของบุคลากร, และการมีส่วนร่วมของชุมชน—ตัวชี้วัดที่ทำให้ “กีฬามวลชน” กลายเป็น นโยบายสาธารณะที่วัดผลได้

ในท้ายที่สุด ลูกฟุตบอลลูกหนึ่งที่กลิ้งอยู่กลางสนาม X-Arena จึงมิใช่สัญลักษณ์ของการแข่งขันอย่างเดียว แต่คือ สัญลักษณ์ของการลงทุนในคน—การลงทุนที่เริ่มต้นจากเสียงนกหวีด พาไปไกลถึงคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจฐานราก และความภูมิใจร่วมของชุมชนเชียงราย

  • รายการคัดตัวแทนฟุตบอลอาวุโส อบจ. คัพ: จัดคัดตัวรุ่น 50+, 55+, 60+ ณ สนาม X-Arena เชียงราย เป้าหมายส่งทีมตัวแทนจังหวัดสู่ “ชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 1”
  • การแข่งขันภายใน “CR-PAO League CUP 2025”: ฟุตบอล 7 คน 7 ทีม จากผู้บริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ และพนักงาน อบจ.เชียงราย โดยมีภาคเอกชนในพื้นที่ร่วมสนับสนุน
  • เป้าหมายยุทธศาสตร์ ยกระดับสุขภาพคนทำงาน-ผู้สูงวัย, สร้างทีมเวิร์กองค์กร, และต่อยอดสู่ “เมืองกีฬา” โดยอาศัยกรอบกีฬามวลชนของ กกท. และเกณฑ์กิจกรรมทางกายของ WHO/กรมอนามัย
นายก อบจ.เชียงราย ให้กำลังใจทัพนักเตะอาวุโส ลุยศึก "อบจ. คัพ" ครั้งที่ 1

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย – ช่องทางข้อมูลกิจกรรม/นโยบายด้านกีฬาและชุมชน (เว็บไซต์และเพจทางการ).
  • องค์การอนามัยโลก (WHO) – แนวทางกิจกรรมทางกายสำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ 150–300 นาที/สัปดาห์ และคำแนะนำด้านความปลอดภัย/การเสริมกำลังและการทรงตัว.
  • กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข – ข้อแนะนำกิจกรรมทางกายสำหรับประชาชนไทย สื่อสารเป้าหมาย 150 นาที/สัปดาห์ และสาระเกี่ยวกับ Active Lifestyle.
  • การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) – เอกสารนโยบาย/งบประมาณด้านการส่งเสริมกีฬาเพื่อมวลชนและการยกระดับศักยภาพกีฬาในระดับจังหวัด/พื้นที่.
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) – รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย (แนวโน้มสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง).
  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช./NESDC) – เอกสารขยายความแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566–2570): มิติสุขภาวะ-ทุนมนุษย์และเมืองน่าอยู่.
  • X-Arena เชียงราย – สนามกีฬาเอกชนในพื้นที่ที่ทำหน้าที่เป็นฮับกิจกรรมชุมชน.
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เชียงรายจ่อเจ้าภาพ Spartan World Championships 3 ปี เปิดเกมยกระดับเมือง

เชียงรายสู่เวทีโลก เดินหน้าชิงเจ้าภาพ Spartan Super 2026–2028

เชียงราย, 14 สิงหาคม 2568 – เชียงรายยกระดับสู่เมืองกีฬา จังหวัดเดินหน้าชิงสิทธิ์เจ้าภาพ Spartan Super World Championships ต่อเนื่องสามปี หน่วยงานรัฐจัดประชุมเตรียมความพร้อมอย่างเป็นทางการเมื่อ 13 สิงหาคม วัตถุประสงค์คือจัดทำข้อเสนอเมืองเจ้าภาพที่ครบถ้วนเอกชนและเครือข่ายท้องถิ่นร่วมกำหนดทิศทางร่วมกัน

ภาพรวมสถานการณ์ล่าสุดของ Spartan ในไทย

ปี 2568 ไทยจัดซีรีส์ Spartan ระดับประเทศเต็มรูปแบบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแถลงร่วมกับผู้จัดลิขสิทธิ์ งานดังกล่าวถือเป็นเทศกาลวิ่งวิบากระดับโลกในไทยเป้าหมายคือยกระดับกีฬาและการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม

รัฐบาลประเมินผลเชิงเศรษฐกิจไว้ชัดเจนการจัดซีรีส์ปี 2568 คาดดึงนักกีฬากว่า 60 ประเทศ มูลค่ากระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 1,500 ล้านบาท ตัวเลขนี้สะท้อนศักยภาพของกิจกรรมระดับนานาชาติ

สนามแรกปี 2568 จัดที่หัวหินสำเร็จด้วยดี ผู้จัดลิขสิทธิ์ไทยเข้าร่วมดูแลงานอย่างใกล้ชิด สื่อมวลชนไทยรายงานภาพรวมการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โมเมนตัมจึงเกิดขึ้นทั้งในเชิงกีฬาและการท่องเที่ยว

คำถามใหญ่ เชียงราย “ได้สิทธิ์แล้ว” หรือยัง

วันนี้ยังไม่มีประกาศ “ยืนยัน” จาก Spartan Global เว็บไซต์ชิงแชมป์โลกของ Spartan แสดงกำหนดการถึงปี 2025 รายการ 10K Super World Champs ปี 2025 จัดที่ Mammoth, แคลิฟอร์เนีย ยังไม่ระบุเจ้าภาพ Super ปี 2026–2028 บนเว็บไซต์หลัก spartan.com

เพจ Find a Race ของ Spartan ระบุรายการ 2025 ชัดเจน รวมถึงหน้ารวมกิจกรรมที่อัปเดตเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบหน้าประกาศ Super Worlds ปี 2026 นักอ่านจึงควรติดตามประกาศอย่างเป็นทางการต่อเนื่อง

ด้านการแข่งขันระดับโลกปี 2026 มีข้อมูลสำคัญ Spartan ขึ้นหน้าอีเวนต์ Morzine Ultra World Championship 2026 กำหนดจัด 3–5 กรกฎาคม ที่มอรซีน ฝรั่งเศส ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนกลยุทธ์กระจายปลายทางการแข่งขัน

ขณะเดียวกัน โพสต์โซเชียลของ Spartan ระบุอีกข้อมูลหนึ่ง คลิปอินสตาแกรมสื่อสารว่า Ultra Worlds 2026 ไป Big Bear วันที่ 16–17 พฤษภาคมตามที่โพสต์เผยแพร่ประเด็นนี้ชี้ว่ากำหนดการอาจยังปรับได้ จึงต้องอ้างอิงประกาศสุดท้ายจากเว็บไซต์ทางการ

สรุปสถานะล่าสุดของ “เชียงรายปี 2026–2028” จังหวัดอยู่ในขั้นเดินหน้า “เสนอตัวและเตรียมพร้อม” หลายหน่วยงานประชุมเพื่อทำแผนเจ้าภาพสามปีแต่ยัง “ไม่ใช่” การประกาศสิทธิ์อย่างเป็นทางการจาก Spartan

2022 Spartan World Championship Recap Webster Becomes First Four-Time World Champion, Atkins Dethroned

ทำไม “เชียงราย” จึงมีโอกาสสูง

เชียงรายมีภูมิประเทศหลากหลายและท้าทายภูเขา ป่า แม่น้ำ เอื้อต่อสนาม OCR มาตรฐานโลก นักกีฬาได้เจอทั้งสภาพทางชันและด่านธรรมชาติ เมืองมีสนามบินนานาชาติและที่พักพร้อมรองรับข้อมูลนี้หนุนภาพเมืองกีฬาปลายทางอย่างชัดเจน

ไทยยังมีประสบการณ์จัดสนามหลายพื้นที่หัวหินเปิดซีซันปี 2568 ด้วยความสำเร็จ ขยายต่อที่เขาใหญ่และเชียงใหม่ในแผนงานปีนี้ ระบบจัดการอีเวนต์และอาสาสมัครพัฒนาอย่างต่อเนื่องฐานแฟนและนักกีฬาก็เพิ่มขึ้นทุกฤดูกาล

นอกจากนี้ ไทยมีกรณีศึกษาด้านอีเวนต์กีฬาแล้ว หน่วยงานไมซ์ชี้ตัวอย่างงานระดับนานาชาติหลายรายการ ระบบออดิทผลกระทบทางเศรษฐกิจเริ่มเป็นระบบ ความสามารถเช่นนี้สนับสนุนการยื่นข้อเสนอเชียงราย เมืองจึงพร้อมยกระดับมาตรฐานการจัดงาน

โครงสร้างสิทธิ์ชิงแชมป์โลกของ Spartan

Spartan จัดชิงแชมป์ตามประเภทระยะและรูปแบบ ปี 2025 มีชุดชิงแชมป์ครบทั้ง Ultra, Trifecta, Super รายการ 10K Super World Champs 2025 อยู่ที่ Mammothต่อด้วย 100M World Champs ในสัปดาห์ถัดไปปฏิทินแสดงโครงสร้างเวิลด์ซีรีส์ที่ชัดเจน

เว็บไซต์อีเวนต์ของ Morzine ยังตอกย้ำอีกมุมงานปี 2026 ระบุ Ultra Worlds และ Trifecta Weekend ปลายทางยุโรปรับช่วงจากปี 2025 อย่างต่อเนื่องรูปแบบนี้สะท้อนแนวคิดโรเตชันของปลายทางเมืองเจ้าภาพหมุนเปลี่ยนเพื่อขยายฐานนักกีฬา

ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่ “จับต้องได้”

ตัวเลขจากรัฐบาลไทยระบุภาพรวมชัดเจนซีรีส์ปี 2568 คาดเม็ดเงิน 1,500 ล้านบาท นักกีฬาต่างชาติเดินทางเข้าร่วมจำนวนมากโรงแรมและบริการท่องเที่ยวได้รับอานิสงส์ทันทีตัวเลขนี้เป็นฐานอ้างอิงที่มีนัยต่อเชียงราย

เมื่อโยงกับโครงสร้างเมืองเชียงราย รายได้กระจายสู่ที่พัก ร้านอาหาร และชุมชน ผู้ประกอบการท้องถิ่นรับโอกาสจากอุปสงค์ใหม่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาเติบโตต่อเนื่อง เมืองจึงได้ทั้งชื่อเสียงและรายได้ยั่งยืน

จาก “สนามภาคเหนือ” สู่ “เจ้าภาพโลก”

ไทยเริ่มสะสมประสบการณ์จากหลายเมืองหัวหินสร้างความเชื่อมั่นด้านออแกไนซ์ เขาใหญ่เพิ่มมิติสนามภูเขาอย่างเข้มข้น. เชียงใหม่เตรียมจัด Trifecta ปลายปี 2568 ภาคเหนือจึงถูกจับตาในฐานะภูมิภาคศักยภาพ

เชียงรายก้าวตามด้วยแผนเสนอสิทธิ์หลายปีทีมจังหวัดทำการบ้านตามกรอบสากลใช้วิธีประเมินพื้นที่และโครงสร้างรองรับวางผังสนามท้าทายแต่ปลอดภัยตามมาตรฐาน ร่วมมือเอกชนและชุมชนอย่างเป็นระบบ

สตอรี่จึงค่อยๆ พาไปสู่แกนหลักเมืองพร้อมทั้ง “สถานที่จริง” และ “ทีมงานจริง”เป้าคือมาตรฐานระดับโลกที่ตรวจสอบได้เมืองต้องผ่านเงื่อนไขด้านความปลอดภัยเข้มงวดและต้องบริหารประสบการณ์ผู้ชมได้ราบรื่น

ประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

กำหนดการชิงแชมป์โลกปี 2026–2028. Spartan มีสิทธิ์ปรับประเภทและปลายทางผู้เกี่ยวข้องต้องอ้างอิงประกาศบนเว็บไซต์หลักสื่อโซเชียลอาจเป็นเพียงการสื่อสารเบื้องต้น การตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่ Spartan Globalกระบวนการเสนอสิทธิ์ของเชียงรายจังหวัดเผยภาพรวมการประชุมเตรียมพร้อมแล้ว ต้องจัดทำข้อเสนอด้านความปลอดภัยและโลจิสติกส์. ต้องมีแผนบริหารสิ่งแวดล้อมและมรดกท้องถิ่น และต้องสะท้อนผลประโยชน์สู่ชุมชนตัวชี้วัดผลกระทบทางเศรษฐกิจไทยมีกรอบประเมินของหน่วยงานไมซ์อยู่แล้วข้อมูลการออดิทช่วยยืนยันความคุ้มค่า เมืองควรตั้ง KPI ด้านรายได้และการจ้างงานรวมถึงความพึงพอใจของนักกีฬาและผู้ชม

ข้อเสนอเชิงนโยบายและปฏิบัติการ

เชื่อมแบรนด์เมืองกับแบรนด์รายการ สร้างธีม “Chiang Rai Sport Destination” ผสานวัฒนธรรมท้องถิ่นกับดีไซน์สนามสร้างเอกลักษณ์ที่จดจำได้ในทันที.

บริหารฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างชาญฉลาดวางวันแข่งให้สอดรับฤดูกาลกระจายกิจกรรมสู่ชุมชนโดยรอบทำแพ็กเกจท่องเที่ยวที่เชื่อมหลายอำเภอ

ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอัพเดตโปรโตคอลด้านการแพทย์และกู้ภัยซ้อมแผนร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ใช้เทคโนโลยีติดตามนักกีฬาที่โปร่งใส.

สร้างคนและอาสาสมัครท้องถิ่นเปิดคอร์สอบรมตามมาตรฐานผู้จัดระดับโลกพัฒนาเส้นทางอาชีพด้านอีเวนต์กีฬา. ต่อท่อบุคลากรสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว

สื่อสารเชิงข้อมูลแบบเรียลไทม์ตั้งศูนย์ข้อมูลสาธารณะหลายภาษาอัปเดตเส้นทางจราจรและบริการขนส่ง เปิดแดชบอร์ดสถิติผู้ร่วมงานแบบโปร่งใส

บทสรุป

เชียงรายกำลัง “สตาร์ตเครื่อง” สู่เจ้าภาพโลก. เมืองแสดงความพร้อมทั้งภูมิประเทศและระบบรองรับ. การประชุมล่าสุดยืนยันความตั้งใจของจังหวัดแต่การได้สิทธิ์ยังรอประกาศทางการของ Spartan ดังนั้น การสื่อสารต้องเที่ยงตรงและตรวจสอบได้

หากเชียงรายได้สิทธิ์สามปีจริงเมืองจะยกระดับสู่ปลายทางกีฬาในเอเชีย เศรษฐกิจท้องถิ่นจะได้รับผลเชิงบวกชัดเจน. ชุมชนจะได้ส่วนแบ่งโอกาสจากนักท่องเที่ยวคุณภาพ. และประเทศไทยจะเด่นชัดในแผนที่กีฬาโลก.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. ข่าวเปิดตัว Spartan Race Thailand 2025. Royal Thai Government
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

ผู้จัดปางอ่ายโอเพ่นคัพไกล่เกลี่ยจบ! ย้ำจุดยืนกีฬาต้องไร้ความรุนแรง หลังเหตุทำร้ายผู้ตัดสิน

 “ปางอ่ายโอเพ่นคัพ 2025” ปิดดราม่าความรุนแรงในสนามบอล หลังผู้จัดประสานไกล่เกลี่ยสำเร็จ ย้ำจุดยืนกีฬาต้องไร้ความรุนแรง

เชียงราย, 6 สิงหาคม 2568 – การแข่งขันฟุตบอลสมัครเล่นในระดับชุมชนที่ควรจะเป็นเวทีแห่งมิตรภาพ กลับกลายเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการฟุตบอลท้องถิ่น เมื่อการแข่งขันรายการ “ปางอ่ายโอเพ่นคัพ 2025 ครั้งที่ 3 รุ่น VIP SENIOR 35+” ต้องหยุดลงกลางคัน จากเหตุการณ์ผู้เล่นทีม CREATIVE. FC ทำร้ายร่างกายผู้ตัดสินหลังไม่พอใจคำตัดสินใบแดง เหตุการณ์ดังกล่าวจุดกระแสสังคมออนไลน์ให้ลุกเป็นไฟ เรียกร้องให้ผู้จัดการแข่งขันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาแสดงความรับผิดชอบและจัดการกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด

จุดเริ่มต้นของความรุนแรง ใบแดงที่กลายเป็นหมัด

ในนาทีที่ 24 ของครึ่งหลัง ในการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้ายระหว่าง “ทีมเอื้องฟ้า A” และ “ทีม CREATIVE. FC” ณ สนามโรงเรียนบ้านปางอ่ายห้วยชมภู ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ขณะที่สกอร์ยังคง 0-0 ผู้เล่นหมายเลข 7 ของทีม CREATIVE. FC ได้ยกเท้าสูงเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างอันตราย ผู้ตัดสินจึงตัดสินใจแจกใบแดงไล่ออกจากสนามทันที

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นรายดังกล่าวกลับไม่ยอมรับคำตัดสิน และแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวโดยการชกใบหน้าผู้ตัดสินอย่างต่อเนื่อง และมีผู้เล่นอีกคนจากทีมเดียวกันวิ่งเข้ามาร่วมทำร้าย ทำให้บรรยากาศในสนามตึงเครียดจนต้องยุติการแข่งขันทันที

เสียงสะท้อนในโลกออนไลน์ความเสียใจที่กลายเป็นพลังเรียกร้องความยุติธรรม

ผู้ตัดสินผู้ได้รับบาดเจ็บได้โพสต์ภาพใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความว่า “แล้วผมจะกลับมาได้อีกไหม จิตใจผมจะเป็นยังไง” ทำให้เกิดความห่วงใยและเสียงสนับสนุนจากชาวโซเชียลเป็นจำนวนมาก หลายคนแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำอันรุนแรง และตั้งคำถามถึงมาตรการของฝ่ายจัดงานที่ควรต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดซ้ำอีก

จากโซเชียลสู่สถานีตำรวจบทบาทของกฎหมายเข้ามามีส่วน

ผู้ตัดสินได้เดินทางไปแจ้งความ ณ สภ.แม่เจดีย์ เพื่อดำเนินคดีกับผู้เล่นทั้งสองรายที่เกี่ยวข้อง โดยมีการบันทึกหลักฐานและเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายควบคู่ไปกับการพิจารณาทางด้านจริยธรรมกีฬา โดยสภาแม่เจดีย์ได้มีบทบาทสำคัญในการเป็นพื้นที่กลางสำหรับการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างคู่กรณี เพื่อหาทางออกอย่างสันติ

การไกล่เกลี่ยที่นำไปสู่บทสรุปความเสียใจที่กลายเป็นบทเรียน

เพจเฟซบุ๊ก “แม่ไหมมีทุกอย่าง Jewliannaire” ในนามของผู้จัดการแข่งขัน ได้โพสต์ชี้แจงเหตุการณ์ พร้อมทั้งยืนยันว่า “พ่อฑน” ผู้จัดงาน ได้เร่งดำเนินการประสานงานเพื่อให้คู่กรณีได้พบกันที่ สภ.แม่เจดีย์ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยอย่างเป็นทางการ

ผลลัพธ์ของการเจรจาเป็นไปในทางที่ดี เมื่อผู้เล่นทั้งสองคนที่กระทำผิดได้ยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา ขอโทษต่อหน้าสาธารณะ และรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล พร้อมทั้งซื้อนาฬิกาใหม่แทนเรือนที่เสียหายให้กับผู้ตัดสิน ขณะเดียวกัน ผู้ตัดสินได้แสดงความให้อภัย และไม่ติดใจเอาความ

วิเคราะห์ผลกระทบเชิงสังคมกีฬาในชุมชนควรสร้างสันติ ไม่ใช่ความรุนแรง

แม้เหตุการณ์จะคลี่คลายลงได้ด้วยการไกล่เกลี่ยและการให้อภัย แต่ก็สะท้อนถึงความเปราะบางของการแข่งขันกีฬาในระดับชุมชนที่อาจไม่ได้มีระบบควบคุมหรือกติกาที่เข้มแข็งพอ การที่เหตุการณ์ความรุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นในกลุ่ม VIP 35+ ซึ่งควรจะเป็นผู้มีวุฒิภาวะ กลับกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับเยาวชนที่อาจได้รับชมการแข่งขันอยู่

การเรียกร้องของสังคมให้ผู้จัดการแข่งขันมีบทลงโทษที่ชัดเจน และวางแนวทางป้องกันในอนาคต จึงไม่ใช่เพียงการลงโทษบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นการวางกรอบทางสังคมสำหรับการแข่งขันกีฬาในระดับชุมชนทั้งหมด

ความเคลื่อนไหวในอนาคตสร้างมาตรฐานใหม่ให้กีฬาเดินสาย

จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผู้จัดการแข่งขันได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะทบทวนกติกา มาตรฐานการคัดเลือกนักกีฬา รวมถึงการอบรมด้านจิตวิทยาและจริยธรรมให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนร่วมทุกคน เพื่อให้การแข่งขันกีฬาในระดับชุมชนเป็นพื้นที่แห่งความสามัคคี ความสุข และสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอให้มีการสร้าง “มาตรการความปลอดภัยในสนาม” สำหรับการแข่งขันกีฬาเดินสาย เช่น การจัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย การติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือการจัดทำทะเบียนประวัตินักกีฬาที่เข้าร่วมในแต่ละปี เพื่อสามารถควบคุมพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อส่วนรวมได้มากขึ้น

ข้อคิดและบทเรียนสำหรับสังคม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเสมือนบทเรียนครั้งใหญ่ที่ตอกย้ำว่า “กีฬาไม่ใช่พื้นที่ของอารมณ์” และไม่ควรถูกใช้เป็นเวทีระบายความรุนแรง แม้การแข่งขันจะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่ความเคารพต่อกติกาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคือสิ่งที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด

หากทุกภาคส่วน ทั้งผู้จัด ผู้เล่น และผู้ชม ต่างร่วมกันสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมคุณค่าของกีฬา ความเชื่อมั่นต่อการแข่งขันในระดับชุมชนจะกลับมาอีกครั้ง และกีฬาจะเป็นพื้นที่แห่งความรัก ความสามัคคี และสุขภาพที่แท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เพจเฟซบุ๊ก “แม่ไหมมีทุกอย่าง Jewliannaire” (โพสต์วันที่ 6 สิงหาคม 2568)
  • บัญชีเฟซบุ๊กผู้ตัดสินที่ได้รับบาดเจ็บ (โพสต์ภาพและข้อความหลังเหตุการณ์)
  • ข้อมูลจากสถานีตำรวจภูธรแม่เจดีย์ จังหวัดเชียงราย
  • รายงานข่าวจากกลุ่มฟุตบอลสมัครเล่นในเชียงราย และผู้จัด “ปางอ่ายโอเพ่นคัพ 2025”
  • ข้อมูลพื้นฐานจากชมรมฟุตบอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย (AFAT)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

โอกาสสู่ระดับชาติ! เชียงรายเปิดรับสมัครผู้ตัดสินเทเบิลเทนนิส พร้อมยกย่อง “ดร.อัจฉรา”

เทเบิลเทนนิสเชียงรายคึกคัก! เปิดรับสมัครอบรมผู้ตัดสินระดับชาติ ยกระดับมาตรฐานวงการ พร้อมร่วมยินดี “ดร.อัจฉรา เสาร์เฉลิม” นักกีฬารุ่นเก๋าผู้สร้างแรงบันดาลใจ

เชียงราย, 1 สิงหาคม 2568 – วงการกีฬาเทเบิลเทนนิสจังหวัดเชียงราย กำลังขยับขยายและสร้างความคึกคักในระดับภูมิภาคอย่างชัดเจน หลังฝ่ายเทเบิลเทนนิส สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย จับมือ สมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย ประกาศจัดโครงการอบรมผู้ตัดสินกีฬาเทเบิลเทนนิสระดับพื้นฐาน (Level 1) เปิดโอกาสให้บุคลากรในพื้นที่ได้ยกระดับมาตรฐานตัวเองสู่ระดับชาติ และร่วมขับเคลื่อนวงการกีฬาที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ยังมีข่าวดีของนักกีฬาตัวแทนจังหวัดที่สามารถสร้างชื่อเสียงในเวทีระดับประเทศ สะท้อนถึงพลังขับเคลื่อนที่ชัดเจนของวงการเทเบิลเทนนิสเชียงรายในขณะนี้

เปิดอบรมผู้ตัดสินเทเบิลเทนนิส Level 1 โอกาสพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นสู่เวทีชาติ

น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ประธานฝ่ายเทเบิลเทนนิส สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า โครงการอบรมผู้ตัดสินเทเบิลเทนนิสระดับพื้นฐานในครั้งนี้ เป็นการวางรากฐานสำคัญเพื่อให้กีฬาเทเบิลเทนนิสในพื้นที่เดินหน้าสู่ความเป็นมืออาชีพ โดยการอบรมจะเน้นทั้งภาคทฤษฎี (15-18 กันยายน 2568) และภาคปฏิบัติ (19-22 กันยายน 2568) ณ อาคารเทิดพระเกียรติ 90 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ จังหวัดเชียงราย ภายใต้การกำกับดูแลของวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทยโดยตรง

ผู้ผ่านการอบรมครบถ้วนจะได้รับวุฒิบัตรรับรองและสิทธิ์ขึ้นทะเบียนเป็น “ผู้ตัดสินระดับชาติ” ของสมาคมฯ นับเป็นโอกาสสำคัญในการก้าวสู่เส้นทางผู้ตัดสินระดับประเทศ สำหรับคุณสมบัติผู้สมัคร ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีทะเบียนบ้าน ทำงาน หรือเรียนอยู่ในจังหวัดเชียงราย และต้องเข้ารับการอบรมครบทั้ง 8 วัน โดยโครงการจะเปิดรับสมัครระหว่าง 1-31 สิงหาคม 2568 และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์อบรมในวันที่ 3 กันยายน 2568 รับจำนวนจำกัดเพียง 25 คน

การอบรมในครั้งนี้ นอกจากจะยกระดับมาตรฐานการแข่งขันในพื้นที่ให้เทียบเท่าระดับประเทศแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสให้คนเชียงรายได้มีบทบาทในเวทีกีฬาระดับชาติ รวมถึงการสร้างเครือข่ายผู้ตัดสินที่มีคุณภาพซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาวงการเทเบิลเทนนิสอย่างยั่งยืนในอนาคต

แรงบันดาลใจแห่งวงการ ยกย่อง “ดร.อัจฉรา เสาร์เฉลิม” นักกีฬารุ่นเก๋าคว้าชัยระดับประเทศ

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ฝ่ายเทเบิลเทนนิส สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย ยังได้ร่วมแสดงความยินดีกับ ดร.อัจฉรา เสาร์เฉลิม นักกีฬารุ่นเก๋าวัย 65 ปี ตัวแทนเชียงราย ที่สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทหญิงเดี่ยว รุ่นอายุ 65 ปีขึ้นไป ในการแข่งขัน BUTTERFLY & SISB OPEN 2025 ณ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เอสไอเอสบี สาขาประชาอุทิศ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 24-30 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา

ความสำเร็จของ ดร.อัจฉรา เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ากีฬาไม่มีข้อจำกัดด้านวัย หากมีความมุ่งมั่นและวินัยในการฝึกฝน ความสำเร็จย่อมเป็นไปได้ในทุกช่วงชีวิต โดยเฉพาะในสายตาของเยาวชนและนักกีฬารุ่นใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนักกีฬารุ่นพี่ ซึ่งเป็นทั้งตัวอย่างด้านความมุ่งมั่น ความอ่อนน้อม และคุณธรรมในกีฬา

ทางสมาคมฯ และฝ่ายเทเบิลเทนนิส เชียงราย ขอขอบคุณ ดร.อัจฉรา ที่ไม่เพียงสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับชุมชนกีฬาในท้องถิ่นและผู้สนใจในกีฬาเทเบิลเทนนิสทั่วประเทศ พร้อมตั้งเป้าหมายสนับสนุนนักกีฬาทุกช่วงวัยให้สามารถพัฒนาตนเองและสร้างความสำเร็จในเวทีต่อๆ ไป

เทเบิลเทนนิสเชียงราย – ขับเคลื่อนจากฐานรากสู่ความยั่งยืน

การเปิดอบรมผู้ตัดสินเทเบิลเทนนิสระดับชาติครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงการพัฒนาแบบองค์รวมของวงการกีฬาในเชียงราย นอกจากการสร้างนักกีฬาแล้ว การสร้างบุคลากรด้านการตัดสินที่มีมาตรฐาน ยังช่วยเสริมศักยภาพในการจัดการแข่งขันอย่างมืออาชีพ และเปิดโอกาสให้บุคลากรท้องถิ่นเติบโตสู่เวทีระดับประเทศ

ในขณะเดียวกัน ความสำเร็จของนักกีฬารุ่นเก๋าอย่าง ดร.อัจฉรา ยังเป็นบทพิสูจน์ว่าการส่งเสริมกีฬาในระดับชุมชน ส่งผลให้เกิดแรงบันดาลใจและสร้างสังคมกีฬาแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างแท้จริง

เชียงรายจึงเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ต้นแบบ ที่ขับเคลื่อนวงการกีฬาโดยเชื่อมโยงระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ตั้งแต่ระดับเยาวชนจนถึงนักกีฬาอาวุโส ผ่านกลไกการฝึกอบรม พัฒนา และการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ฝ่ายเทเบิลเทนนิส สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย
  • สมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย
  • รายงานข่าวประชาสัมพันธ์โครงการอบรมผู้ตัดสินกีฬาเทเบิลเทนนิส
  • ผลการแข่งขัน BUTTERFLY & SISB OPEN 2025
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

มวยไทยผงาด! บรรจุในกีฬาทหารโลก 2027 สหรัฐฯ เปิดประตูสู่โอลิมปิก?

มวยไทยผงาด! บรรจุในกีฬาทหารโลก 2027 สหรัฐอเมริกา เปิดประตูสู่โอลิมปิก?

กรุงเทพฯ, 10 กรกฎาคม 2568 – ประวัติศาสตร์หน้าใหม่: มวยไทยก้าวสู่เวทีกีฬาทหารโลก จุดเริ่มต้นความหวัง “โอลิมปิก” วงการกีฬามวยไทยและวงการกีฬาไทยต่างปลื้มใจ หลังจากได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า “มวยไทย” จะถูกบรรจุเป็นชนิดกีฬาหลักในศึกกีฬาทหารโลก (CISM World Military Games 2027) ที่จะจัดขึ้น ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2027 นับเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญที่ทำให้ศิลปะป้องกันตัวประจำชาติไทยได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติ และมีความหวังใหม่ในการผลักดันสู่เป้าหมายสูงสุด คือมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในอนาคต

เปิดฉาก “1st CISM Military Muaythai Challenge” ก้าวแรกสู่เวทีโลก

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน ได้จัดพิธีเปิดการแข่งขัน “มวยไทยทหารโลก ครั้งที่ 1” (1st CISM Military Muaythai Challenge) อย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความภาคภูมิใจ ได้รับเกียรติจาก ดร.สุทิน คลังแสง นายกสมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยผู้แทนจากกองทัพไทย, ผู้บริหารจากภาครัฐและเอกชน ตลอดจนตัวแทนสหพันธ์กีฬาทหารโลก (CISM) และผู้ชมที่ให้ความสนใจร่วมงานจำนวนมาก

พิธีเปิดเริ่มต้นด้วยขบวนพาเหรดนักกีฬาจาก 11 ประเทศ พร้อมธงชาติและธงองค์กรต่าง ๆ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ร่วมงาน ตามด้วยโชว์ศิลปะมวยไทย ที่ถ่ายทอดพลัง ความงาม และเอกลักษณ์ของศิลปะแม่ไม้มวยไทยอย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะแมตช์พิเศษสาธิตระหว่าง “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ปะทะ ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน ที่โชว์ทักษะอันเป็นเอกลักษณ์ของมวยไทยจนได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้องในฮอลล์

ผลักดันโดยทุกภาคส่วน พลังร่วมมือสู่ความสำเร็จ

เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้คือความร่วมมืออันแข็งแกร่งของทุกภาคส่วนในประเทศ ตั้งแต่กองบัญชาการกองทัพไทย, สมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย), สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย, สหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) ตลอดจนหน่วยงานสนับสนุนภาครัฐและเอกชนชั้นนำ อาทิ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งต่างร่วมมือกันผลักดันมวยไทยให้ยืนหนึ่งบนเวทีโลก

มวยไทยซอฟต์พาวเวอร์ทรงพลังและมรดกทางวัฒนธรรม

ดร.สุทิน คลังแสง นายกสมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) กล่าวในพิธีเปิดว่า “มวยไทยคือซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงคุณค่าของชาติ เราเห็นศักยภาพและเอกลักษณ์ที่พร้อมส่งต่อสู่ระดับโลก การได้รับยืนยันว่ามวยไทยจะถูกบรรจุในกีฬาทหารโลกปี 2027 เป็นอีกก้าวใหญ่และอาจเป็นจุดเริ่มต้นสู่โอลิมปิกในอนาคต” ขณะที่นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา เน้นย้ำถึงความสำคัญของเหตุการณ์นี้ว่า “นี่คือจุดเริ่มต้นของการผลักดันมวยไทยไปสู่ระดับสากล เรามุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ”

การแข่งขันที่เข้มข้นจาก 11 ชาติ สู่มาตรฐานใหม่ของวงการมวยไทย

การแข่งขัน 1st CISM Military Muaythai Challenge มีนักกีฬาจาก 11 ประเทศ ได้แก่ ศรีลังกา, อุซเบกิสถาน, เบลเยียม, ปาเลสไตน์, ตุรกี, ซาอุดีอาระเบีย, โปแลนด์, คาซัคสถาน, อิหร่าน, บาห์เรน และประเทศไทย โดยมีนักกีฬาทหารไทยเข้าร่วม 15 รุ่น แบ่งเป็นชาย 10 รุ่น หญิง 5 รุ่น การแข่งขันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 กรกฎาคม 2568 ที่พารากอนฮอลล์ เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี เพื่อส่งกำลังใจและร่วมบันทึกประวัติศาสตร์บทใหม่ของมวยไทย

ก้าวสำคัญสู่เวทีโอลิมปิก – จุดเปลี่ยนวงการกีฬาไทย

การที่มวยไทยได้รับการบรรจุในกีฬาทหารโลก 2027 ไม่เพียงสะท้อนถึงการยอมรับในระดับสากล แต่ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับภาพลักษณ์และมาตรฐานของมวยไทยในฐานะ “กีฬา” ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ศิลปะป้องกันตัวพื้นบ้าน

  • ยกระดับภาพลักษณ์และมาตรฐาน: เมื่อเวทีแข่งขันใหญ่ระดับโลกต่างเห็นศักยภาพของมวยไทย ช่วยยืนยันว่าไทยมีระบบกติกาและการจัดการที่เทียบเท่ามาตรฐานสากล
  • ขยายเครือข่าย-สร้างความร่วมมือ: การรวมตัวของนักกีฬาจากนานาชาติช่วยเปิดโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ พัฒนามาตรฐานและความรู้ให้ทันโลก
  • ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์-กระตุ้นเศรษฐกิจ: ความนิยมมวยไทยส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและวัฒนธรรม เป็นสินทรัพย์ซอฟต์พาวเวอร์ที่ต่อยอดความสำเร็จของไทยสู่เวทีโลก
  • ปูทางสู่โอลิมปิก: แม้จะเป็นก้าวแรกแต่การได้รับการยอมรับในกีฬาทหารโลก ทำให้มวยไทยเข้าใกล้เป้าหมายสูงสุด นั่นคือการบรรจุเป็นกีฬาในมหกรรมโอลิมปิก

กติกา-บุคลากร-ระบบนิเวศ

แม้จะก้าวหน้า แต่ไทยยังต้องเผชิญโจทย์สำคัญ ได้แก่ การปรับปรุงกติกาให้เป็นสากล การพัฒนาโค้ชและนักกีฬาให้เท่าทันคู่แข่งต่างประเทศ และการสร้างระบบนิเวศสนับสนุนกีฬามวยไทยทั้งในและต่างประเทศอย่างแข็งแรง ตามวิสัยทัศน์ของคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ

ก้าวยิ่งใหญ่ของมวยไทย – จาก “ศิลปะพื้นบ้าน” สู่ “เวทีกีฬาระดับโลก”

การได้รับบรรจุในกีฬาทหารโลก 2027 คือชัยชนะที่แสดงถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการผลักดัน “มวยไทย” ให้ยืนหยัดอย่างสง่างามบนเวทีโลก เส้นทางสู่โอลิมปิกอาจยังอีกยาวไกล แต่ชัยชนะในวันนี้คือก้าวสำคัญของวัฒนธรรมและซอฟต์พาวเวอร์ไทย ที่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงในสายตาชาวโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ข้อมูลจากงานแถลงข่าวพิธีเปิด 1st CISM Military Muaythai Challenge, พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน, 10 กรกฎาคม 2568
  • คำกล่าวของ ดร.สุทิน คลังแสง นายกสมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย)
  • คำกล่าวของ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา
  • สหพันธ์กีฬาทหารโลก (CISM)
  • สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

AIS ยืนยัน ดูบอลไทยลีกฟรี 3 พันธมิตรทุ่ม 500 ล้านบาท

AIS-GULF-JAS ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีก 4 ฤดูกาลเต็ม ดูฟรีทั่วประเทศ ยกระดับฟุตบอลไทยสู่มาตรฐานโลก

กรุงเทพฯ,10 มิถุนายน 2568 – ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาวงการฟุตบอลอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อ 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่แห่งวงการดิจิทัล เทคโนโลยี และพลังงาน ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS, บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ร่วมกันประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ คว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของประเทศไทยอย่างครอบคลุมทุกระดับ

พิธีแถลงข่าวจัดขึ้นที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดยมี “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของทั้งสามบริษัท ได้แก่ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี (GULF), นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ (AIS) และ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา (JAS) ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในการผลักดันฟุตบอลไทยให้เข้าถึงผู้ชมทุกกลุ่ม ด้วยระบบการถ่ายทอดสดความคมชัดระดับ HD ผ่านช่องทางที่ครอบคลุมทั้งทีวีและดิจิทัลแพลตฟอร์ม

ประกาศชัด คนไทยดูบอลฟรีทั้งประเทศ

หนึ่งในไฮไลต์ของงาน คือคำยืนยันจากนายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ AIS ว่า “วันนี้ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า คนไทยทุกคนจะสามารถรับชมการแข่งขันไทยลีกได้ฟรี” โดยการรับชมจะสามารถทำได้ผ่าน AIS PLAY บนมือถือหรือเน็ตบ้าน และผ่านสถานีโทรทัศน์ MONO29 รวมถึงแพลตฟอร์ม Monomax ซึ่ง JAS เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือเป็นการปักหมุดให้ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ประชาชนสามารถชมฟุตบอลลีกอาชีพได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

500 ล้านบาทต่อปี กับภารกิจยกระดับลีกฟุตบอลไทย

“มาดามแป้ง” เปิดเผยว่า การประมูลครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของฟุตบอลไทย โดยพันธมิตรทั้ง 3 รายยินดีจ่ายค่าลิขสิทธิ์รวม 350 ล้านบาทต่อปี และยังร่วมออกค่าโปรดักชั่นอีก 150 ล้านบาท รวมมูลค่าการสนับสนุนสูงถึง 500 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 4 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2025/26 – 2028/29 พร้อมออปชันต่ออายุอีก 2 ฤดูกาล

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการวางรากฐานให้กับระบบถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกทั้ง ไทยลีก 1, ไทยลีก 2, ไทยลีก 3, ฟุตบอลถ้วย (เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ), ฟุตบอลหญิงลีก, ฟุตบอลเยาวชน U-21 และอื่น ๆ ที่ไม่เคยได้รับการเผยแพร่เต็มรูปแบบเช่นนี้มาก่อน

จากสนามสู่ทุกครัวเรือน วิสัยทัศน์จากพันธมิตรหลัก

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอ GULF กล่าวถึงบทบาทของตนว่า “ฟุตบอลก็เหมือนโรงงานขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยผู้เล่น โค้ช เจ้าหน้าที่ และแฟนบอลรวมหลายหมื่นชีวิต GULF ต้องการเป็นแรงสนับสนุนเพื่อให้ทุกคนในระบบนี้เดินหน้าต่อไปได้” พร้อมระบุว่า ความตั้งใจของ GULF คือให้การถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยเข้าถึงทุกคนทั่วประเทศอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในไทยลีก 2 และ 3 ที่มักถูกละเลยในอดีต

ขณะที่ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา จาก JAS เน้นย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะไม่เพียงเป็นเรื่องของการถ่ายทอดสดเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายร่วมกับ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในการส่งเสริมศักยภาพของฟุตบอลไทยใน 3 ด้าน ได้แก่ นักกีฬา, ผู้ตัดสิน, และ ผู้ฝึกสอน เพื่อยกระดับมาตรฐานทั้งระบบ โดยเน้นความยั่งยืนและการพัฒนาในระยะยาว

เมื่อฟุตบอลไทยไม่ใช่แค่กีฬา แต่คือระบบนิเวศน์เศรษฐกิจและวัฒนธรรม

การประกาศครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของวงการกีฬาไทย เพราะฟุตบอลไม่ใช่เพียงเกมกีฬา แต่ยังเป็นกลไกเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการรายย่อย ชุมชนท้องถิ่น แฟนบอล และภาคอุตสาหกรรมบันเทิงในวงกว้าง

การเปิดให้คนไทยรับชมฟรี อาจส่งผลต่อรูปแบบรายได้ของสมาคมฯ ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะช่วยเพิ่มฐานผู้ชม เกิดการกระจายรายได้จากสินค้าและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน เช่น ตั๋วเข้าชม สนามกีฬา อีเวนต์เชิงกีฬา และการค้าปลีก

ในขณะเดียวกัน การที่พันธมิตรด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศ เช่น AIS และ JAS เข้ามาเป็นผู้ขับเคลื่อน ย่อมส่งผลให้คุณภาพของระบบการถ่ายทอดสด และช่องทางการเข้าถึงได้รับการยกระดับแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะผ่านเน็ตมือถือ, สมาร์ตทีวี หรือแอปพลิเคชัน OTT

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
  • บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
  • สถานีโทรทัศน์ MONO29 และแพลตฟอร์ม Monomax
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

วิ่งน้อยร้อยภาพ เชียงราย Sport Tourism ผสานวัฒนธรรม ดันเศรษฐกิจท้องถิ่น

เชียงรายเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนผ่านกิจกรรม “วิ่งน้อย ร้อยภาพ ซึมซาบวิถีชุมชน” สะท้อนพลังการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

เชียงราย,8 มิถุนายน 2568 –  จังหวัดเชียงรายจัดกิจกรรมวิ่งสร้างสรรค์ “วิ่งน้อย ร้อยภาพ ซึมซาบวิถีชุมชน” ซีซั่น 2 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมควบคู่กับการออกกำลังกาย พร้อมปลุกพลังเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้น ณ ลานหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย (หลังเก่า) ถนนสิงหไคล ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย

ภายในงานมีนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนกว่า 1,200 คนเข้าร่วม กิจกรรมเริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่เวลา 05.00 น. และปล่อยตัวนักวิ่งในเวลา 06.30 น. ด้วยเส้นทางระยะทางรวม 7 กิโลเมตร ภายใต้แนวคิด “ชุมชนทัชใจ ตามรอยแลนด์มาร์ค”

เดินวิ่งท่องรอยวัฒนธรรม เชื่อมคนกับชุมชน

เส้นทางการวิ่งถูกออกแบบให้สะท้อนถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงราย โดยนักวิ่งได้แวะจุดเช็กพอยต์สำคัญ 5 แห่ง ได้แก่ ศาลากลางจังหวัดหลังแรก, ลาน ร.5, วัดงำเมือง, วัดพระธาตุดอยจอมทอง และวัดเจ็ดยอด ก่อนเข้าสู่อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ที่เป็นปลายทางหลักของกิจกรรม

นอกจากจุดหลักทั้ง 5 แห่ง ยังมีสถานที่เช็กอินอื่นที่ถูกบรรจุไว้ในเส้นทาง เช่น วัดพระแก้ว, วัดมิ่งเมือง, หอนาฬิกาเชียงราย, สถานีขนส่งเชียงรายแห่งที่ 1, ตลาดศิริกรณ์, กำแพงเมืองประตูยางเลิ้ง และ Kyoto Shi Café จุดเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดถ่ายภาพสวยงาม แต่ยังเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงเรื่องราวของเมืองกับผู้คนอีกด้วย

การแข่งขันภาพถ่าย สะท้อนอัตลักษณ์ด้วยสายตานักวิ่ง

กิจกรรมไฮไลต์อีกส่วนคือการประกวดภาพถ่ายใน 2 ประเภท ได้แก่ ภาพถ่ายวิถีชุมชน และภาพถ่ายจากกิจกรรมวิ่ง ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 28,000 บาท ซึ่งผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ต่างใช้โอกาสนี้บันทึกภาพประทับใจผ่านเลนส์ กลายเป็นช่องทางใหม่ในการสื่อสารความงดงามของเชียงรายสู่สาธารณชน

วัฒนธรรมพื้นบ้านเติมชีวิตให้งาน

ในพื้นที่กิจกรรมยังมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น การแสดงฟ้อนล้านนา ดนตรีสด และการจำลองตลาดชุมชน เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบพื้นเมืองอย่างใกล้ชิด และร่วมสนุกกับโซนถ่ายภาพกับชาวบ้านในเครื่องแต่งกายล้านนาแบบดั้งเดิม

มิติใหม่ของ Sport Tourism บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วม

นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) ที่เน้นความยั่งยืนและความเชื่อมโยงกับท้องถิ่น โดยใช้กีฬาเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวกับชุมชน สร้างรายได้กระจายสู่ผู้ประกอบการรายย่อย และส่งเสริมภาพลักษณ์เชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวสร้างสรรค์

เชียงรายยืนยันศักยภาพเมืองสร้างสรรค์ เดินหน้าสู่เศรษฐกิจฐานราก

“วิ่งน้อย ร้อยภาพ ซึมซาบวิถีชุมชน” ซีซั่น 2 นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ตอกย้ำบทบาทของจังหวัดเชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่สามารถใช้ทุนทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและส่งเสริมสุขภาวะประชาชนในเวลาเดียวกัน

จากพลังของการมีส่วนร่วมของชุมชน ภาครัฐ ภาคเอกชน และนักท่องเที่ยว นี่คือโมเดลของการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูง แต่สร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • งานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สัมภาษณ์โดยตรงจากผู้ร่วมกิจกรรมและเจ้าหน้าที่ ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2568
  • สำรวจภาคสนามโดยทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เชียงรายเปิดศึกบาส 3×3 ชิงถ้วยพระราชทาน

เชียงรายจัดศึกบาสเกตบอล 3×3 “UTCC Championship 2025” ระดับภูมิภาค คึกคัก สานฝันเยาวชนสู่เวทีระดับชาติ

เชียงราย, 31 พฤษภาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และหอการค้าไทย เปิดศึกบาสเกตบอลสามคน “3×3 UTCC Championship 2025” รอบคัดเลือกระดับภูมิภาค ณ ยิมเนเซียม 1 สนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยมี นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการกีฬาบาสเกตบอลเยาวชนไทย

เสริมสร้างโอกาสและศักยภาพเยาวชนผ่านกีฬา

งานแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 UTCC Championship 2025 ครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่มุ่งหวังจะส่งเสริมให้เยาวชนในแต่ละภูมิภาคได้มีเวทีแสดงออกถึงศักยภาพทางด้านกีฬา เสริมสร้างทักษะชีวิต ความสามัคคี น้ำใจนักกีฬา และทักษะการทำงานเป็นทีม ภายใต้ความร่วมมือระหว่างหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาเยาวชนไทยให้มีโอกาสเติบโตอย่างรอบด้าน

แนวคิดและวัตถุประสงค์การจัดงาน

นายนิทัศน์ ศรีรัตนประสิทธิ์ ประธาน YEC เชียงราย ในฐานะผู้แทนคณะกรรมการจัดงาน ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของการแข่งขันในครั้งนี้ว่า ต้องการสนับสนุนให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพด้านกีฬา ส่งเสริมการออกกำลังกายอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกับปลูกฝังคุณลักษณะที่ดีงาม ผ่านกีฬาบาสเกตบอล 3×3 ซึ่งได้รับความนิยมและขยายตัวอย่างรวดเร็วในกลุ่มเยาวชนทั่วประเทศ โดยการแข่งขันระดับภูมิภาคนี้ ถือเป็นหนึ่งในแปดสนามที่จัดขึ้นครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย

พิธีเปิดและบรรยากาศการแข่งขัน

ในพิธีเปิดการแข่งขัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักจากกองเชียร์ ครูผู้ฝึกสอน ผู้ปกครอง และนักกีฬาที่เดินทางมาจากหลายจังหวัดในภาคเหนือ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง ทุกคนต่างมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการลงสนามแข่งขันเพื่อคว้าชัยชนะและสิทธิ์เข้าแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศต่อไป

รองนายก อบจ.เชียงราย กล่าวในพิธีเปิดว่า “องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้อย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจะส่งเสริมสุขภาพและศักยภาพเยาวชนแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเยาวชนจากหลายพื้นที่ ให้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน”

รูปแบบและประเภทการแข่งขัน

การแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ชาย
  • รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี หญิง
  • รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ชาย

โดยทีมชายเปิดรับสมัคร 24 ทีม ส่วนทีมหญิงรับสมัคร 12 ทีม เพื่อคัดเลือกตัวแทนไปแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันทรงเกียรติยิ่งใหญ่

บทบาทของกีฬาในการพัฒนาเยาวชน

บาสเกตบอล 3×3 นับเป็นรูปแบบกีฬาที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มเยาวชน เพราะกติกาเข้าใจง่าย ใช้พื้นที่แข่งขันน้อย เหมาะสมกับยุคสมัยที่ต้องการความคล่องตัว นอกจากนี้ ยังเป็นกีฬาที่สร้างเสริมทักษะการสื่อสาร ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และความสามัคคีในทีมได้เป็นอย่างดี

จากสถิติของสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย พบว่า จำนวนทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 ทั่วประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 15% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการเติบโตของความนิยมในกลุ่มเยาวชนไทย

ผลลัพธ์และแนวโน้มในอนาคต

การแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 UTCC Championship 2025 รอบคัดเลือกครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแข่งขันชิงชัยเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชน ก่อให้เกิดโอกาสในการค้นหานักกีฬาดาวรุ่งรุ่นใหม่ที่จะก้าวไปสู่ทีมชาติไทยในอนาคต ขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย โดยมีผู้เดินทางเข้าร่วมงานกว่า 600 คน ซึ่งคาดว่าตลอดการแข่งขันจะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจท้องถิ่น อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร และการขนส่งไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท

การส่งต่อคุณค่าผ่านกิจกรรมกีฬา

การจัดการแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 ในระดับภูมิภาคครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงพลังของกีฬาในการขับเคลื่อนสังคมเยาวชนไทย ให้รู้จักการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ อยู่ร่วมกันอย่างมีน้ำใจ และกล้าที่จะแข่งขันอย่างสุจริต พร้อมเตรียมความพร้อมสู่เวทีระดับประเทศและระดับนานาชาติในอนาคต

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • จำนวนผู้เข้าร่วมและชมการแข่งขันตลอดทั้งรอบคัดเลือกในเชียงรายประมาณ 600 คน (ข้อมูลโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย)
  • การแข่งขันระดับภูมิภาคจัดขึ้น 8 สนามทั่วประเทศ โดยมีทีมชายสมัคร 24 ทีม และทีมหญิง 12 ทีมต่อสนาม (อ้างอิง: สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย)
  • สถิติการเพิ่มขึ้นของทีมบาสเกตบอล 3×3 เฉลี่ยปีละ 15% ใน 3 ปีที่ผ่านมา (ที่มา: สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย)
  • การแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นรางวัลสูงสุดสำหรับการแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 เยาวชนในไทย (อ้างอิง: สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
  • หอการค้าไทย
  • YEC เชียงราย
  • สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SPORT

“วิว กุลวุฒิ” คว้าแชมป์ แบดมินตันไทยแลนด์โอเพ่นสมัย 2

วิว-กุลวุฒิ” คว้าแชมป์แบดมินตัน โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2025 สมัยที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งของไทย

ประเทศไทย, 18 พฤษภาคม 2568 – ศึกแบดมินตันระดับโลก โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2025” รายการในระดับ BWF World Tour Super 500 ชิงเงินรางวัลรวม 16 ล้านบาท ได้ปิดฉากลงอย่างสมศักดิ์ศรีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 ณ อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้องของแฟนกีฬา ที่ร่วมเป็นสักขีพยานในการคว้าแชมป์ของนักแบดมินตันขวัญใจชาวไทย วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือวางอันดับ 2 ของโลก ที่สามารถเอาชนะคู่ปรับคนสำคัญอย่าง แอนเดอร์ส แอนทอนเซ่น จากเดนมาร์ก มือวางอันดับ 3 ของโลก ไปอย่างสุดมันส์ 2-1 เกม

เส้นทางสู่แชมป์เกมที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและสมบูรณ์แบบ

การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศประเภทชายเดี่ยวในวันนี้ถือเป็นการพบกันอีกครั้งของสองนักกีฬาระดับโลก “วิว” กุลวุฒิ และ แอนทอนเซ่น โดยทั้งคู่ต่างมีประสบการณ์ และผลงานในระดับนานาชาติที่ใกล้เคียงกัน

เกมแรก เปิดฉากด้วยการแลกแต้มกันอย่างสูสี “วิว” ใช้ความเร็วและจังหวะการเข้าทำที่เฉียบคมกว่า เบียดเอาชนะไปได้ในช่วงท้ายด้วยคะแนน 21-16

เกมที่สอง แอนทอนเซ่นปรับแผนการเล่นมาใช้การคุมจังหวะและบุกแบบกดดันมากขึ้น ส่งผลให้ “วิว” มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยในช่วงท้ายเกม ก่อนจะพ่ายไปด้วยคะแนน 17-21

เกมตัดสิน คือจุดเปลี่ยนของการแข่งขัน “วิว” กลับมาด้วยสมาธิที่นิ่งกว่าเดิม ใช้เวลาไม่นานในการทำแต้มทิ้งห่างอย่างต่อเนื่อง และปิดเกมไปด้วยสกอร์ 21-9 ใช้เวลาในการแข่งขันทั้งหมด 1 ชั่วโมง 32 นาที พร้อมคว้าแชมป์รายการนี้ได้เป็น สมัยที่ 2

สถิติเสริมความแกร่ง ปีทองของ “วิว” กุลวุฒิ

ชัยชนะในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการคว้าแชมป์รายการระดับ Super 500 เป็นครั้งที่ 2 เท่านั้น แต่ยังเป็นการเก็บแชมป์รายการที่ 3 ของปี 2568 ต่อจาก อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส 2025 (เดือนมกราคม) และ เอเชีย แชมเปี้ยนชิพ 2025 (เดือนเมษายน)

สิ่งที่น่าสนใจคือ ทั้ง 3 รายการที่ “วิว” คว้าแชมป์ในปีนี้ ต่างเป็นการแข่งขันที่มีผู้เล่นระดับโลกเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทำให้ผลงานของเขาไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของโชคหรือฟอร์มดีชั่วคราว แต่เป็นผลจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก และการเติบโตทางจิตใจที่มั่นคงมากขึ้นในฐานะนักกีฬาระดับโลก

เสียงสะท้อนจากสนาม กำลังใจจากคนไทยทั่วประเทศ

หลังจบการแข่งขัน “วิว” กุลวุฒิ กล่าวขอบคุณทีมงาน โค้ช ครอบครัว และแฟนกีฬาชาวไทยที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด พร้อมระบุว่า “แชมป์รายการนี้มีความหมายมาก เพราะเป็นรายการที่จัดขึ้นในประเทศไทย และเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเดินหน้าเพื่อคว้าตั๋วโอลิมปิกปีหน้าให้ได้”

บรรยากาศในสนามนิมิบุตรเต็มไปด้วยความยินดีและปลาบปลื้มใจจากแฟนแบดมินตันหลายพันคนที่มาร่วมเชียร์ ส่งเสียง “วิวสู้ๆ” ตลอดการแข่งขัน โดยเฉพาะในเกมสุดท้ายที่ “วิว” โชว์ฟอร์มได้เหนือความคาดหมาย

ภาพรวมการแข่งขัน Toyota Thailand Open 2025

รายการนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14–18 พฤษภาคม 2568 เป็นการแข่งขันในระดับ BWF World Tour Super 500 โดยมีนักกีฬาแบดมินตันระดับแนวหน้าของโลกกว่า 250 คนจากกว่า 30 ประเทศเข้าร่วมชิงชัยใน 5 ประเภท ได้แก่ ชายเดี่ยว หญิงเดี่ยว ชายคู่ หญิงคู่ และคู่ผสม โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 16 ล้านบาท

การแข่งขันชายเดี่ยว ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของรายการ เนื่องจากมีการจับตาการเผชิญหน้าระหว่าง 3 นักกีฬาระดับท็อปของโลก ได้แก่ โจว เทียนเฉิน (ไต้หวัน), แอนทอนเซ่น (เดนมาร์ก) และ “วิว” กุลวุฒิ ของไทย ซึ่งสุดท้ายแล้วนักแบดมินตันจากไทยก็สามารถแสดงศักยภาพเหนือคู่แข่งได้อย่างชัดเจน

วิเคราะห์ผลลัพธ์และแนวโน้ม

จากผลงานอันโดดเด่นของ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ในปี 2568 นี้ ทำให้เขาถูกยกให้เป็นหนึ่งในตัวเต็งสำหรับการแข่งขันในรายการใหญ่ระดับโลก เช่น World Championships 2025 และ Olympic Games 2026 ที่กำลังจะมาถึง

ความแข็งแกร่งของ “วิว” ในการดึงฟอร์มเก่งออกมาในช่วงเวลาสำคัญ เป็นคุณสมบัติของนักกีฬาระดับโลกที่สามารถคว้าแชมป์ต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะการรับมือกับแรงกดดันและความคาดหวังจากสาธารณชนไทยอย่างมีสมดุล

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

  • “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เป็นนักแบดมินตันไทยคนแรกที่คว้าแชมป์รายการ Super 500 ได้ถึง 3 รายการในปีเดียว (ข้อมูลจาก BWF Rankings ณ เดือนพฤษภาคม 2568)
  • ปัจจุบัน (พฤษภาคม 2568) “วิว” มีคะแนนสะสมอยู่ที่ 96,300 คะแนน เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีโอกาสขึ้นเป็นมือ 1 หากสามารถคว้าแชมป์รายการ Super 750 ในเดือนหน้า
  • รายการแข่งขัน Toyota Thailand Open 2025 มีผู้ชมในสนามรวมกว่า 42,000 คนตลอด 5 วัน และยอดผู้ชมออนไลน์ผ่านช่องทาง YouTube และ Facebook Live รวมกว่า 5.2 ล้านวิว (ข้อมูลจากสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย
  • สหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF)
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  • การกีฬาแห่งประเทศไทย
  • สื่อมวลชนกีฬาและแฟนคลับทั่วประเทศ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE