Categories
NEWS NEWS UPDATE SOCIETY & POLITICS

วันสุดท้าย รีบแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิ เลือกตั้งได้ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

วันสุดท้าย รีบแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิ เลือกตั้งได้ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

Facebook
Twitter
Email
Print
 

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2566นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำเตือนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่มีเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สามารถแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันนี้วันสุดท้าย (21 พฤษภาคม 2566 )

 

นางสาวรัชดา กล่าวว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น ที่ตนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้บุคคลอื่นไปยื่นแทนหรือจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน รวมไปถึงการแจ้งผ่านเว็บไซต์สำนักบริหารการทะเบียน stat.bora.dopa.go.th หรือทางแอปพลิเคชัน Smart Vote

 

สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และไม่แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้วแต่เหตุนั้นไม่ใช่เหตุอันสมควร จะถูกจำกัดสิทธิ ดังต่อไปนี้

1. สิทธิในการยื่นคำร้องคัดค้าน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

2. สิทธิในการสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือกเป็นสมาซิกวุฒิสภา

3. สิทธิในการสมัครรับเลือกเป็นกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน

4. ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และข้าราซการรัฐสภาฝ่ายการเมือง

5. ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการ ผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น

 

” การจำกัดสิทธิ มีกำหนดเวลาครั้งละ 2 ปี นับแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและหากในการเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอีก ให้นับเวลาการจำกัดสิทธิจากวันที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งใหม่” นางสาวรัชดา ย้ำ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS NEWS UPDATE

ประชาชนกลุ่มเสี่ยงบัตรทองฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรี

เฝ้าระวังป้องกันโรคไข้เลือดออกช่วงหน้าฝน ย้ำช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์

Facebook
Twitter
Email
Print
 

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการทั่วประเทศที่ร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ได้เปิดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในประชากรกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมาถึง 31 สิงหาคม 2566 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมดลง จากภาพรวมของการให้บริการในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา จากการรายงานในระบบของ สปสช. (ข้อมูล ณ 17 พ.ค. 66) มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับการฉีดวัคซีนฯ แล้วจำนวน 100,604 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 3.46 ของกลุ่มเป้าหมาย 
 
นางสาวรัชดา กล่าวว่า  เมื่อดูหน่วยบริการที่ร่วมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สูงสุด 5 อันดับแรก ปรากฏว่า  รพ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้ให้บริการฉีดวัคซีนฯ แล้วกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดอยู่ที่จำนวน 4,118 คน  รองลงมาคือ รพ.สามพราน จ.นครปฐม จำนวน 2,957 คน, รพ.ศรีสะเกษ จำนวน 1,455 คน, รพ.สุรินทร์  จำนวน 1,226 คน และ รพ.สงขลา จำนวน 1,187 คน    
 
ส่วนข้อมูลรายงานการให้บริการระดับจังหวัด 5 อันดับแรก ของจังหวัดที่มีการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่มากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายรับบริการแล้ว 19,585 คน รองลงมาคือ ปทุมธานี จำนวน 6,162 คน, ชลบุรี จำนวน  5,267 คน, นครปฐม จำนวน 4,569 คน และ สงขลา จำนวน 3,550 ราย เมื่อเปรียบเทียบตามประชากรกลุ่มเป้าหมายในการให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้น พบว่ากลุ่มผุ้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนฯ มากที่สุด รองลงมาเป็นกลุ่มผุ้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนของประชากรในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

“ขณะนี้เริ่มใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่ม ที่ได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้รีบมารับบริการฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่นี้ยังสามารถรับบริการฉีดพร้อมกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประชาชนทั้ง 7 กลุ่มเสี่ยงก็สามารถรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ โดยฉีดที่ต้นแขนคนละข้าง แต่หากไม่ได้ฉีดพร้อมกัน สามารถฉีดเมื่อไรก็ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะห่าง” นางสาวรัชดา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

เฝ้าระวังป้องกันโรคไข้เลือดออกช่วงหน้าฝน ย้ำช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์

เฝ้าระวังป้องกันโรคไข้เลือดออกช่วงหน้าฝน ย้ำช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์

Facebook
Twitter
Email
Print

โฆษกรัฐบาลเตือนประชาชน เฝ้าระวังป้องกันโรคไข้เลือดออกช่วงหน้าฝน ย้ำช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน-ชุมชน-สถานศึกษา หากพบอาการเข้าข่ายสงสัยป่วยโรคไข้เลือดออก ให้รีบพบแพทย์ทันที

 

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำขังตามภาชนะและวัสดุต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยและแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่เป็นพาหะนำเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) ที่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกมาสู่คน โดยมักระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี จึงขอเตือนให้ประชาชนป้องกันตนเองและครอบครัวจากโรคไข้เลือดออก โดยร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน โรงเรียน และชุมชน โดยยึดหลัก 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค ตามข้อแนะนำของกรมควบคุมโรค คือ เก็บบ้าน เก็บขยะ และเก็บน้ำ ซึ่งจะทำให้สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ รวมถึงป้องกันโรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกาด้วย 


นายอนุชากล่าวต่อไปว่า โดยเฉพาะขณะนี้เป็นช่วงของการเปิดภาคเรียนของประเทศไทย ทำให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มเด็กนักเรียนในสถานศึกษา และบางพื้นที่เริ่มมีฝนตก จึงขอให้สถานศึกษา ศูนย์เด็กในชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันในการจัดสถานศึกษา ศูนย์เด็กเล็กในชุมชนให้มีความปลอดภัย ปราศจากแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายอันเป็นต้นเหตุของโรคไข้เลือดออก รวมทั้งขอให้ผู้ปกครองสังเกตอาการของบุตรหลานและคนในครอบครัว หากพบมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีจุดแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และเบื่ออาหาร โดยหากอาการไข้สูงเกิน 2 วัน เช็ดตัวหรือทานยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลง ให้สันนิษฐานอาจป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ไม่ควรซื้อยาลดไข้ในกลุ่มแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และไดโคลฟีแนค มารับประทาน และให้รีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้

“ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ในสัปดาห์ที่ 19 ระหว่างวันที่ 7 – 13 พฤษภาคม 2566 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 14,811 ราย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย โดยกรมควบคุมโรคได้แนะนำวิธีการป้องกันโรคไข้เลือดออกด้วยการช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน และในชุมชน โดยใช้มาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค คือ 1) เก็บบ้าน ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก 2) เก็บขยะ ภายในบริเวณบ้านและชุมชนให้เรียบร้อย ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และ 3) เก็บน้ำ เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดป้องกันยุงลายไปวางไข่ สำรวจแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายทุกสัปดาห์ ขัดล้างภาชนะก่อนเปลี่ยนน้ำใหม่เพื่อกำจัดไข่ยุงที่เกาะอยู่ภายในภาชนะ และใส่ทรายกำจัดลูกน้ำ ทายากันยุง และนอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดกันยุงเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422” นายอนุชา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY NEWS NEWS UPDATE

ไทยส่งออกข้าว 4 เดือนแรกกว่า 2.79 ล้านตัน มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท

ไทยส่งออกข้าว 4 เดือนแรก กว่า 2.79 ล้านตัน มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานสถานการณ์การส่งออกข้าวไทย และยินดีที่เห็นตัวเลขข้าวไทยเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม – เมษายน) ไทยส่งออกข้าวสูงถึง 2.79 ล้านตัน มูลค่ารวมกว่า 1,514 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 51,281 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในช่วงเวลาเดียวกัน ปริมาณเพิ่มร้อยละ 23.61 และมูลค่าเพิ่มร้อยละ 28.03 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำงานเชิงรุก หาแนวทางส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตและผลักดันราคาข้าวอย่างยั่งยืน เพื่อการเติบโตของการส่งออกข้าวไทย และเพิ่มรายได้แก่เกษตรกร

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ปริมาณการส่งออกข้าวไทยในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากความต้องการนำเข้าข้าวไทยปริมาณมากในหลายประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน ไทยถือเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก รองจากอินเดีย โดยในเดือนเมษายน 2566 ราคาเฉลี่ยข้าวไทยทุกชนิดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ ทำให้ราคาส่งออกสามารถแข่งขันได้ และส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศเกือบทุกชนิดสูงเกินราคาประกันรายได้ นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ว่า ในปี 2566 ไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7.5 ล้านตัน และมีแนวโน้มสูงกว่าการส่งออกข้าวโดยรวมในปี 2565 ซึ่งมีปริมาณรวมอยู่ที่ 7.69 ล้านตัน โดยปริมาณการส่งออกข้าวไทยล่าสุด จนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 มีปริมาณรวมแล้วกว่า 3.05 ล้านตัน ซึ่งน่ายินดีที่คงมีความต้องการในตลาดต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทย ได้แก่ อิรัก อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ เซเนกัล บังกลาเทศ จีน ญี่ปุ่น แคเมอรูน และโมซัมบิก โดยไทยส่งออกข้าวขาวมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่ ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวนึ่ง ข้าวหอมไทย ข้าวเหนียว และข้าวกล้อง ตามลำดับ 

“นายกรัฐมนตรีขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ที่บูรณาการการทำงานร่วมกัน ตามยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ร่วมกันพัฒนาข้าวไทยให้มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด ส่งผลให้ข้าวไทยเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในศักยภาพของข้าวไทย พร้อมขอให้ดูแลมาตรฐานและคุณภาพ ระมัดระวังพันธุ์ข้าว ไม่ให้เกิดการปลอมปนข้าว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพข้าวและชื่อเสียงคุณภาพสินค้าไทย” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงพาณิชย์

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS NEWS UPDATE

สธ. ส่งทีมแพทย์ ดูแลชาวไทยมุสลิม พิธีฮัจย์ ซาอุดีอาระเบีย

สธ. ส่งทีมแพทย์ ดูแลชาวไทยมุสลิม พิธีฮัจย์ ซาอุดีอาระเบีย

Facebook
Twitter
Email
Print

   กระทรวงสาธารณสุข จัดทีมแพทย์พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 3 ทีม รวม 42 คน ผลัดเปลี่ยนดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2566 ณ นครมักกะห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย โดยทีมแพทย์ชุดแรก 15 คน ออกเดินทางแล้ววันนี้

          วันนี้ (20 พฤษภาคม 2566) ที่ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายแพทย์สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับมอบหมายจาก นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มาให้กำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ที่จะเดินทางไปดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่ไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครมักกะห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียประจำปี 2566 (ฮศ.1444) โดยปีนี้มีชาวไทยมุสลิมเดินทางไปร่วมประกอบพิธีประมาณ 1.2 หมื่นคน​  เริ่มออกเดินทางไปตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม – 23 มิถุนายน 2566 และจะทยอยเดินทางกลับประเทศไทยช่วงวันที่ 3 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2566 โดยช่วงก่อนเดินทางไปประกอบพิธี กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมให้กับผู้เดินทาง โดยมีการคัดกรองความเสี่ยง ให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพ รวมถึงฉีดวัคซีนป้องกัน 3 โรค ได้แก่ โควิด 19 ไข้หวัดใหญ่ และไข้กาฬหลังแอ่น พร้อมออกเอกสารรับรองการได้รับวัคซีน และยังจัดอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขฮัจย์ (อสม.ฮัจย์) เพื่อประสานงานและดูแลสุขภาพเบื้องต้น​ รวมทั้งมีส่วนร่วมในการบริการภาคสนามกับทีมแพทย์ด้วย

          นายแพทย์สุภโชคกล่าวต่อว่า ช่วงระหว่างวันที่ 21 พฤษภาคม – 2 สิงหาคม 2566 ที่พี่น้องชาวไทยมุสลิมพำนักในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อประกอบพิธีฮัจย์ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ประกอบด้วย แพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวม 42 คน โดยมี นายแพทย์ซุลกิฟลี ยูโซะผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม้แก่น จังหวัดปัตตานี และรองผู้อำนวยการศูนย์บริหารการพัฒนาสุขภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปฎิบัติหน้าที่หัวหน้าสำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย และแบ่งชุดการเดินทางเป็น 3 ชุด ซึ่งในวันนี้ทีมแพทย์ชุดแรก จำนวน 15 คน จะออกเดินทางปฏิบัติหน้าที่จนถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 ส่วนทีมที่ 2 จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ระหว่างวันที่ 2 มิถุนายน – 21 กรกฎาคม 2566 และทีมที่ 3 ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน – 3 สิงหาคม 2566 ทั้งนี้ หลังจากผู้แสวงบุญเดินทางกลับถึงประเทศไทย จะมีการติดตามเฝ้าระวังสุขภาพต่อเนื่องอีก 14 วันด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

ข่าวปลอมออมสินปล่อยสินเชื่อเพื่อคุณ ปลอดดอกเบี้ย ติดอันดับหนึ่ง

ข่าวปลอมออมสินปล่อยสินเชื่อเพื่อคุณ ปลอดดอกเบี้ย ติดอันดับหนึ่ง

Facebook
Twitter
Email
Print

 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอสออกโรงเตือนประชาชนระวังโจรไซเบอร์   หลังข่าวปลอมสัปดาห์ล่าสุด ประชาชนแห่สนใจเรื่องการกู้เงินออนไลน์ให้วงเงินสูง ปลอดดอกเบี้ย หลังมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อเงินกู้ฉุกเฉิน ขณะที่ข่าวปลอมครมอนุมัติถอนเงินชราภาพได้ก่อน 30% กดรับสิทธิ์ผ่านลิงก์ ขึ้นแท่นข่าวปลอมที่คนสนใจสุงสุด ย้ำต้องมีสติ ตรวจสอบข้อมูลให้ครบทุกด้าน อย่าหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

 

           ดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอสและโฆษกกระทรวงฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึง ผลการมอร์นิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่  12 – 18 พฤษภาคม 2566 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,189,887ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ(Verify) ทั้งสิ้น 274 ข้อความ ทั้งนี้ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 240 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 34 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 189 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 85 เรื่อง 

 

            ทั้งนี้ ดีอีเอส ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคมขัดศีลธรรมอันดีและความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 92 เรื่อง อาทิ หีบบัตรเลือกตั้งที่เก็บรักษาไว้ในห้องเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งสูญหายไปจากสถานที่เก็บรักษา,คณะทูตจากหลายประเทศ เชิญตัวแทนพรรคการเมืองไทยคุยจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เป็นต้น

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย จำนวน 61 เรื่อง อาทิห้ามทำสีผมช่วงมีประจำเดือน อาจแพ้สารเคมีได้ดื่มน้ำน้อย ทำให้มีเลือดคั่งที่ตา และสูญเสียการมองเห็นได้ เป็นต้น

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 12 เรื่อง อาทิ ร้อนอีกช่วง 16-18 .อุณหภูมิสูงสุดทะลุ 40 องศาฯ เป็นต้น

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 24 เรื่อง อาทิ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดให้นักลงทุนหารายได้ โดยการเล่นหุ้นออมสินปล่อยสินเชื่อ SMEs เต็มสุขเต็มสิบ ผ่านเพจ ออมสินมายโม เป็นต้น

ทั้งนี้ ประเด็นข่าวที่เกี่ยวกับโควิด-19  จำนวน 2 เรื่อง

 

             อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจลำดับต้นๆ ในสัปดาห์ล่าสุดนี้ พบว่าส่วนใหญ่เป็นข่าวด้านนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ รองลงมากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและกลุ่มเศรฐกิจ ตามลำดับ

 

             สำหรับข่าวที่ได้รับความสนใจและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม (Engagement) มากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : ออมสินปล่อยสินเชื่อเพื่อคุณ ผ่านเพจ Aomsin Plus

อันดับที่ 2 : ครมอนุมัติถอนเงินชราภาพได้ก่อน 30% กดรับสิทธิ์ผ่านลิงก์

อันดับที่ 3 : ออมสินปล่อยกู้ เงินฉุกเฉิน ผ่านเพจ สินเชื่อออมสิน

อันดับที่ 4 :  คลื่นความถี่ทางอารมณ์ต่ำ ทำให้ติดเชื้อโควิด 19 ได้ง่าย

อันดับที่ 5 : กรมการขนส่งฯ เปิดเพจชื่อบริการสอนขับ และทำใบ ครบวงจร เพื่อทำใบขับขี่ออนไลน์

อันดับที่ 6 : กรมการขนส่งออนไลน์ เปิดทำใบขับขี่ออนไลน์สำหรับบุคคลที่ไม่เคยมีใบขับขี่มาก่อน

อันดับที่ 7 : พายุหมาเหล่าเข้าไทย ทำฝนตกหนักทั่วประเทศ

อันดับที่ 8 : หีบบัตรเลือกตั้งที่เก็บไว้ในห้องเก็บรักษาได้หายไป

อันดับที่ 9 : ผลิตภัณฑ์อัญญา พญายอ พลูคาว ครีม ช่วยรักษาเชื้อรา กลากเกลื้อน ผื่นคัน งูสวัด และสะเก็ดเงินได้

อันดับที่ 10: กรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครงานสร้างรายได้เสริมให้ชาวไทย วันละ 1,500 – 3,500 บาท

 

            “ดีอีเอส ติดตามความเคลื่อนไหวข้อความที่ปิดปกติในทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง หากท่านได้รับการแจ้งข้อมูลที่ผิดปกติ ผ่านเอสเอ็มเอส หรือทางโทรศัพท์ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น และขอให้ท่านตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายอยู่บนโซเชียลมีเดีย และออนไลน์ โดยท่านสามารถติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ผ่านช่องทางต่างๆ ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ดังนี้ ไลน์ @antifakenewscenter เว็บไซต์https://www.antifakenewscenter.com/ ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ทั้งนี้ดีอีเอส ได้มีการติดตามการกระทำผิดอย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องประชาชนจากมิจฉาชีพในทุกรูปแบบ” ดร.เวทางค์  กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

ป.ป.ช. เชียงราย ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ ITA และเก็บข้อมูล EIT จากประชาชน

ป.ป.ช. เชียงราย ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ ITA และเก็บข้อมูล EIT จากประชาชน

Facebook
Twitter
Email
Print
ระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤษภาคม 2566 นายเนติพล ชุมยวง ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันการทุจริต ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) แก่ประชาชน พร้อมทั้งเก็บข้อมูลผู้มีส่วนได้เสียภายนอก (EIT) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 8 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย / องค์การบริหารส่วนตำบลผางาม อำเภอเวียงชัย / องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านต้า เทศบาลตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล / องค์การบริหารส่วนตำบลจอมสวรรค์ เทศบาลตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน / เทศบาลตำบลห้วยไคร้ และองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
 
โดยการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) มีจุดประสงค์เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐเปิดเผยข้อมูลปฏิบัติราชการอย่างมีคุณธรรม และมีความโปร่งใส และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งผลของการประเมินจะนำมาใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาการดำเนินงานของหน่วยงานต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงราย

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

ขับเคลื่อนงานการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาคีเครือข่าย จ.เชียงราย “ป๊ะ ปุ๊ แป๋ง เปี๊ยะ”

ขับเคลื่อนงานการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาคีเครือข่าย จ.เชียงราย “ป๊ะ ปุ๊ แป๋ง เปี๊ยะ”

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อ วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม 2566 ณ ห้องประชุมธรรมปัญญา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมพบประกับน้องๆเยาวชนและภาคีเครือข่ายในการประชุมเชิงปฏิบัติการ เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การขับเคลื่อนงานการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาคีเครือข่าย จังหวัดเชียงราย “ป๊ะ ปุ๊ แป๋ง เปี๊ยะ” โดยมี พระครูประภาส พนารักษ์ เจ้าอาวาสวัดป่ายาง นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า นายฤทธิรงค์ หน่อแหวน ประธานประชาคมงดเหล้าจังหวัดเชียงราย ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

ด้วยศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดเชียงราย โดยการสนับสนุนของสมาคมเครือข่ายงดเหล้าและลดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย “ลด ละ เลิก” การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยใช้กระบวนการ “ชวน ช่วย เชียร์” ผ่านกลุ่มคนและเครือข่ายชมรมคนหัวใจเพชร(คนที่เลิกเหล้าได้ตลอดชีวิต) ซึ่งจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่นำร่องในการดำเนินงาน 6 อำเภอ ได้แก่ 
1.อำเภอเวียงชัย  2.อำเภอพาน 3.อำเภอแม่สรวย  4.อำเภอแม่จัน  5.อำเภอเชียงแสน และ 6.อำเภอเทิง 
 
มีการสนับสนุนการดำเนินงานในระดับชุมชน “ชุมชนต้นแบบ ชุมชนแหล่งเรียนรู้ และชุมชนยั่งยืน” และการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ แก่เครือข่ายเยาชน YSDN จังหวัดเชียงราย
 
โดยมีวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมในครั้งนี้
– เพื่อให้มีเวทีในการร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ทำงาน ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของเครือข่ายอำเภอนำร่องและภาคีเครือข่าย ในจังหวัดเชียงราย
 
– เพื่อเปิดพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเยาวชนให้ปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยง แอลกอฮอล์ บุหรี่ ในการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ มีเครือข่ายอำเภอนำร่อง พชอ. ชุมชนคนสู้เหล้า ชมรมคนหัวใจเพชร เครือข่ายภาคประชาสังคมในจังหวัดเชียงราย และเครือข่ายเยาวชน YSDN จังหวัดเชียงราย จำนวนทั้งสิ้น 150 คน จัดกิจกรรม จำนวน 1 วัน ณ ห้องประชุมธรรมปัญญา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
โดยได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และได้รับเกียรติจากท่านพระครูสุวิชานสุตสุนทร เจ้าอาวาสวัดบ้านจ้อง คุณธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า พ่อกำนันเกษม วงศ์สุภา ประธานคณะกรรมการ พชอ.ประเด็นการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ อำเภอแม่จัน และคุณกัลยา สังวาลทอง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลสมเด็จพระญาณสังวรมาร่วมเวทีการเสวนาในหัวข้อ การขับเคลื่อนงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และลดปัจจัยเสี่ยงพื้นที่จังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

ปิดโครงการอบรมเพิ่มทักษะ ด้านการกู้ภัยทางน้ำ และดำน้ำกู้ภัย

ปิดโครงการอบรมเพิ่มทักษะ ด้านการกู้ภัยทางน้ำ และดำน้ำกู้ภัย

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานกล่าวปิด โครงการอบรมเพิ่มทักษะด้านการกู้ภัยทางน้ำ และดำน้ำกู้ภัย พร้อมมอบใบประกาศนียบัตร แก่ผู้ผ่านเกณฑ์การฝึกอบรม โดยมี ส.อ. วิมล รู้ทำนอง ผู้อำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย คณะท่านวิทยากร บุคลากรกองป้องกัน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และผู้เข้ารับการฝึกอบรม ให้การต้อนรับสำหรับโครงการอบรมเพิ่มทักษะด้านการกู้ภัยทางน้ำ และดำน้ำกู้ภัย เป็นโครงการที่กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการตาม โครงการฯ มาตั้งแต่วันที่ 16 – 19 พฤษภาคม 2566 โดยผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วยเจ้าหน้าที่

 
ผู้ปฏิบัติงานด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร กู้ชีพกู้ภัย
ของหน่วยงานมูลนิธิ และสมาคมต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จำนวน 40 คน ซึ่งรูปแบบในการดำเนินโครงการประกอบด้วย การเพิ่มทักษะการกู้ภัยทางน้ำ ดำน้ำกู้ภัย และได้ฝึกการใช้อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำอย่างมีระบบแบบแผน สร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งและกว้างขวางในการประสานงานการปฏิบัติภารกิจร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
 
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 3 คืน 4 วัน ที่ผ่านมา คณะทำงาน
ได้ประเมินการดำเนินโครงการในเบื้องต้น พบว่าบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ได้วางไว้ และในการดำเนินการฝึกอบรมในครั้งนี้ มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถผ่านเกณฑ์การฝึกอบรม 40 คน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยทางน้ำต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

“วิษณุ” เป็นประธานเปิด พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์

“วิษณุ” เป็นประธานเปิด พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์

Facebook
Twitter
Email
Print
เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยวร่วมสมัย โดยมี นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นางสาวพัชรศรี ศรีเมือง ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นางสาวรวิวรรณ จตุรพิธพร ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี พันตำรวจโทวรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ผู้บริหารระดับสูง และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมฯ ณ อาคารพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ (แห่งใหม่) ถนนนนทบุรี 1 ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 
 
ในการนี้ นายวิษณุ กล่าวใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า พิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่เก็บ หรือจัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้ชมได้มีโอกาสเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านกาลเวลา ได้เรียนรู้ถึงปรัชญา แนวความคิดในเรื่องต่าง ๆ ที่พิพิธภัณฑ์จัดแสดง โดยพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศได้จัดแสดงวิวัฒนาการของการลงโทษแต่ละยุคสมัย ซึ่งทุกประเทศในโลกมีปรัชญาการลงโทษที่ตรงกันว่า การลงโทษถือเป็นการแก้แค้น และทดแทน ต่อมาได้พัฒนาเป็นการปรับเปลี่ยนพฤตินิสัย และได้มีการปรับเปลี่ยนอีกคือ พัฒนาตัวบุคคล พัฒนาทัศนคติ และพัฒนาอาชีพ เพราะฉะนั้นผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ในปัจจุบันนี้ นอกจากจะต้องรับโทษแล้ว ยังมีโอกาสเรียนรู้อีกหลายอย่างระหว่างที่ใช้เวลาชีวิตอยู่ในสถานที่ควบคุม จนกระทั่งสามารถสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญา 
 
ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการพัฒนาที่เปลี่ยนแปลงไป และเป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ของทุกประเทศที่ต้องพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง และลงโทษตามระยะเวลา ก็ส่งมอบบุคคลเหล่านี้กลับคืนสู่สังคม เพื่อเป็นแรงงานที่มีคุณค่า และมีประโยชน์ต่อไป ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะผู้บริหาร ร่วมรับชมการแสดงความสามารถของผู้ต้องขัง ความวิวัฒน์แห่งราชทัณฑ์ จำนวน 3 ชุด ได้แก่ “ตำนานคุกไทย ตัวร้ายที่รักเธอ” “รำดาบ” และการแสดงเครื่องดนตรี “ปี่สก๊อต” ต่อจากนั้น ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ “การราชทัณฑ์ยุคเดิม” 
 
โดยอาคาร 1 เป็นห้องแห่งคำถาม ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งการเรียนรู้ อาคาร 2 ชั้น 1 เป็นการจัดแสดงการลงทัณฑ์แบบจารีตนครบาล, ห้องเครื่องพันธนาการ, ห้องเครื่องทรมาน/เครื่องลงทัณฑ์ และห้องจำลองวิธีการประหารชีวิตด้วยดาบ ปืน และฉีดสารพิษ ส่วนชั้น ๒ ของอาคาร แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับคุกในสมัยอดีต, จำลองความเป็นอยู่การใช้ชีวิตในเรือนจำ, ภาพเหตุการณ์สำคัญในอดีต ฯลฯ เป็นต้น 
 
นอกจากนี้ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ “การแก้ไขพัฒนา…สู่การคืนคนดีสู่สังคม และการท่องเที่ยวร่วมสมัย” สำหรับอาคาร ๓ เปิดเป็นศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ “วันสุข” WANSOOK ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์งานฝีมือของผู้ต้องขังจากเรือนจำต่าง ๆ จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะผู้บริหาร เยี่ยมชมการแสดงความสามารถผู้ต้องขังทักษะพิเศษ อาทิ การแสดงดนตรีไทยและนาฏศิลป์ไทย การจัดแสดงและสาธิตผลงานการฝึกวิชาชีพศิลปะช่างสิบหมู่ รวมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการ โคก หนอง นา แห่งน้ำใจ และความหวัง กรมราชทัณฑ์ และเปิดพิธี ณ บริเวณทางเข้าศูนย์การเรียนรู้ฯ พร้อมชมบูธกิจกรรม และร้านเครื่องดื่ม/อาหาร จากทัณฑสถานต่าง ๆ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ขอเชิญชวนประชาชนเยี่ยมชมเพื่อศึกษาเรียนรู้วิวัฒนาการด้านการลงทัณฑ์และงานราชทัณฑ์ไทยจากอดีตสู่ปัจจุบันได้ทุกวัน ยกเว้น วันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00น. โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ณ พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ จังหวัดนนทบุรี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงยุติธรรม

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE