Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ถนนเมืองงิม-บ้านฟาร์ม ซ่อมเสร็จ ปลอดภัย พร้อมใช้งานแล้ว

สิ้นสุดการรอคอย ถนนเมืองงิม-บ้านฟาร์ม ซ่อมเสร็จพร้อมใช้งาน

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 สำนักช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) รายงานความคืบหน้าการซ่อมแซมถนนลาดยางสาย ชร.ถ1-0045 บ้านฝั่งหมิ่น – บ้านหนองบัวแดง เชื่อมระหว่างหมู่ที่ 4 ตำบลริมกก กับหมู่ที่ 5 ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย (บ้านเมืองงิม – บ้านฟาร์มสัมพันธกิจ) ที่ประสบปัญหาดินทรุดตัวและผิวถนนแตกร้าวจากเหตุอุทกภัยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

การซ่อมแซมถนนเพื่อคืนความปลอดภัย

โครงการซ่อมแซมถนนสายดังกล่าวเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม และแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 โดยภายใต้การบริหารงานของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้สั่งการให้สำนักช่าง อบจ.เชียงราย เร่งดำเนินการซ่อมแซมในส่วนที่ได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วน

การซ่อมแซมเริ่มต้นด้วยการอัดบดดินไหล่ทางและเพิ่มความแข็งแรงให้พื้นผิวถนน พร้อมดำเนินการปรับปรุงแนวถนนที่แตกร้าวให้กลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย โดยเน้นความแข็งแรงของโครงสร้างเพื่อลดปัญหาดินทรุดตัวในอนาคต

ผลกระทบและการฟื้นฟูชุมชน

การทรุดตัวของถนนในครั้งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงค่ำคืนที่แสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ การแก้ไขปัญหาครั้งนี้จึงเป็นการคืนความปลอดภัยและสะดวกสบายให้ประชาชนในชุมชน

นายก อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่ให้กำลังใจประชาชน

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากสำนักช่าง อบจ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน พบปะและให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่เมืองงิม โดยได้รับการต้อนรับจากผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

นายก อบจ.เชียงราย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลความปลอดภัยในเส้นทางดังกล่าว โดยขอความร่วมมือจากผู้นำชุมชน ท้องที่ ท้องถิ่น และอสม. ในการเฝ้าระวังความปลอดภัย และแจ้งเตือนประชาชนให้ใช้เส้นทางอย่างระมัดระวัง

การแก้ไขปัญหาในระยะยาว
อบจ.เชียงรายยังวางแผนดำเนินการติดตั้งไฟส่องสว่างเพิ่มเติมในเส้นทาง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในช่วงเวลากลางคืน รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างถนนให้รองรับการใช้งานในระยะยาว โดยเน้นการใช้วัสดุที่มีคุณภาพและการออกแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่

ประชาชนสามารถใช้เส้นทางได้ปกติ

หลังการซ่อมแซมแล้วเสร็จ ถนนสายบ้านเมืองงิม – บ้านฟาร์มสัมพันธกิจ ได้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ โดยอบจ.เชียงราย ขอให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางนี้ขับขี่อย่างระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎจราจรเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

บทสรุป

การซ่อมแซมถนนสายบ้านเมืองงิม – บ้านฟาร์มสัมพันธกิจ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการพัฒนาและฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน พร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์ความเปลี่ยนแปลงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายมอบทุน ช่วยเด็กขาดทุนทรัพย์ 210 ราย

อบจ.เชียงรายจัดมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือให้เยาวชนในพื้นที่ ปีงบประมาณ 2567

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมคณะผู้บริหารได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักศึกษาและนักเรียนที่ยากจนหรือด้อยโอกาสในพื้นที่เขต อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่ลาว และอำเภอเวียงชัย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและส่งเสริมโอกาสให้เยาวชนได้เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม

วัตถุประสงค์ของโครงการ

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวว่า การดำเนินโครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือในปีงบประมาณ 2567 นี้ เป็นไปตามนโยบายของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาและนักเรียนที่ยากจนและด้อยโอกาสในจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยรายจ่ายเกี่ยวกับทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือด้านการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2561

นอกจากการช่วยลดค่าใช้จ่ายของครอบครัวแล้ว โครงการนี้ยังมีเป้าหมายสำคัญในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนที่ขาดแคลน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างสรรค์สังคมที่เท่าเทียมในระยะยาว

รายละเอียดการมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ

ในปีงบประมาณ 2567 อบจ.เชียงราย ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 5,000,000 บาท เพื่อดำเนินโครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ โดยในพิธีมอบทุนครั้งนี้ มีตัวแทนจากสถานศึกษาในพื้นที่เข้าร่วมรับทุนสำหรับนักศึกษาและนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 210 ราย แบ่งเป็น

  • ทุนการศึกษา จำนวน 97 ราย
  • เงินช่วยเหลือ จำนวน 113 ราย

ผู้แทนที่ร่วมมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือในพิธีครั้งนี้ ประกอบด้วยนายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัด อบจ.เชียงราย นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ. นายณรงศักดิ์ ขันทะ หัวหน้าฝ่ายกีฬา กองการท่องเที่ยวและกีฬา และนายประพันธ์ คมสาคร หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป สำนักการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พร้อมทั้งผู้แทนสถานศึกษาในเขต อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่ลาว และอำเภอเวียงชัย

ความสำคัญของการศึกษากับการพัฒนาเยาวชน

โครงการทุนการศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนและส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชนให้เติบโตขึ้นเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในอนาคต ทั้งนี้ นางอทิตาธร ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาที่เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนในภาพรวม

“การสนับสนุนการศึกษาไม่ได้เป็นเพียงการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับเยาวชนที่อาจไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการศึกษา ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของจังหวัดเชียงรายและประเทศชาติ” นางอทิตาธร กล่าว

แผนดำเนินงานในอนาคต

นอกจากการมอบทุนการศึกษาในเขตอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่ลาว และอำเภอเวียงชัยแล้ว อบจ.เชียงราย ยังมีแผนดำเนินโครงการมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือในพื้นที่อำเภออื่น ๆ ต่อไป เพื่อให้เยาวชนในจังหวัดเชียงรายได้รับการสนับสนุนอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ การมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือในระยะสั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนในระยะยาว และเป็นการสนับสนุนเป้าหมายของจังหวัดเชียงรายในการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน

อบจ.เชียงรายยังมุ่งหวังว่า โครงการนี้จะเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานอื่น ๆ ในการดำเนินโครงการที่สร้างประโยชน์แก่ชุมชนและสังคมอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมเชียงใหม่-เชียงราย พร้อมแผนฟื้นฟูยั่งยืน

การประชุมวางแผนแก้ปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่ม เชียงใหม่-เชียงราย

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ณ ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) ครั้งที่ 2/2567 โดยมี นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์ประสานงานส่วนหน้า (ศปช.) และพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยที่ปรึกษา ศปช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์

เร่งรัดแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือ

นายสุริยะ กล่าวว่าการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อเร่งรัดการจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เพื่อบูรณาการทรัพยากรและแผนงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องและเกิดความเป็นเอกภาพ

คณะทำงานดังกล่าวจะรวบรวมรายละเอียดและนำเสนอแผนงานต่อที่ประชุมศูนย์ประสานงานส่วนหน้า (ศปช.) ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ก่อนนำเสนอแผนต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567

ผลการประชุมและแผนดำเนินงานที่สำคัญ

ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบแนวทางสำคัญเพื่อปกป้องและลดผลกระทบจากอุทกภัยและดินโคลนถล่มที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและบ้านเรือนของประชาชน โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:

  1. รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน

    • รับทราบคำสั่งที่ 1/2567 ของคณะทำงานศึกษาวางแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือ
    • ประเมินผลการดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยเน้นความคืบหน้าและความสอดคล้องของแผนงาน
  2. แผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม แม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่

    • เสริมสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมและปรับปรุงระบบการระบายน้ำ
    • ฟื้นฟูพื้นที่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อป้องกันความเสียหายในอนาคต
  3. แผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม แม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย

    • บูรณาการการจัดการน้ำและเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
    • วางระบบเตือนภัยล่วงหน้าและเพิ่มความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติ

ความสำคัญของการประชุมและเป้าหมายในอนาคต

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่มที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย

ทั้งนี้ นายสุริยะ ย้ำว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของทุกภาคส่วน พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวางแผนระยะยาวเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต และเพิ่มขีดความสามารถในการฟื้นฟูชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้พิจารณาการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี เช่น การใช้ระบบตรวจวัดระดับน้ำแบบอัตโนมัติ และการวางแผนปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชุมชนในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติ

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

เมื่อแผนงานได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในปลายเดือนนี้ คาดว่าจะสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบจากอุทกภัยและดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย

ข้อสรุป

การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่มอย่างจริงจัง โดยใช้แนวทางการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนแก่ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงคมนาคม 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

สร้างทักษะเท่าทันสื่อ เด็ก ป.5 พร้อมหนังสือพิมพ์ออนไลน์

โครงการ “สร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 มูลนิธิสภาการสื่อมวลชนและสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติได้จัดพิธีเปิดตัวโครงการ “สร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์” ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมงาน รวมถึงผู้แทนโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภูมิภาค เพื่อร่วมสร้างทักษะเท่าทันสื่อในกลุ่มนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 5

ส่งเสริมความเข้าใจสื่อในยุคดิจิทัล

นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างทักษะในการรับรู้และจำแนกเนื้อหาสื่อที่สร้างสรรค์และไม่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับเด็กยุคดิจิทัล 4.0

“การเรียนรู้ผ่านสื่อหนังสือพิมพ์จะช่วยพัฒนาทักษะการอ่าน ความเข้าใจ และการแยกแยะข่าวสาร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้ในทุกสาขาวิชา และยังช่วยเพิ่มพูนความสามารถในการปรับตัวในสังคมยุคใหม่” นายชวรงค์กล่าว

โครงการเพื่อเสริมสร้างทักษะในโรงเรียน

โครงการดังกล่าวได้คัดเลือกโรงเรียนจำนวน 220 แห่งจากทั่วประเทศ ทั้งในสังกัดกรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น โดยมีกิจกรรมเสริมสร้างทักษะสำหรับนักเรียนและครูผู้สอนในรายวิชาภาษาไทย

กิจกรรมหลักประกอบด้วย

  1. การอบรมครูผู้สอน: ครู 1 คนต่อโรงเรียนจะได้รับการอบรม 1 วัน เพื่อเรียนรู้การใช้หนังสือพิมพ์และหนังสือพิมพ์ออนไลน์ในกระบวนการสอน
  2. กิจกรรมสัปดาห์ “สร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์”: ครูจะนำความรู้ไปปรับใช้ในชั้นเรียน โดยให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านหนังสือพิมพ์ฉบับจริง 5 ฉบับ รวมถึงแบบฝึกหัดที่ออกแบบมาเฉพาะ

พื้นที่เป้าหมายและช่วงเวลาการดำเนินการ

โครงการนี้จะเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2568 โดยครูที่ผ่านการอบรมจะจัดกิจกรรมในโรงเรียนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 สำหรับโรงเรียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ จะใช้หนังสือพิมพ์ระดับชาติ

โดยในส่วน กทม. ปริมณฑล ภาคกลางจะจัดกิจกรรมฯ วันที่ 3-7 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ใช้

  1. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 
  2. หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
  3. หนังสือพิมพ์มติชน
  4. หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

และส่วนพื้นที่จังหวัดภูมิภาค กลุ่มโรงเรียนที่ใช้หนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาค 7 ฉบับ ประกอบด้วย

  1. หนังสือพิมพ์ประชามติ จ.ตราด
  2. หนังสือพิมพ์เพชรภูมิ จ.เพชรบุรี
  3. หนังสือพิมพ์สงขลาโฟกัส จ.สงขลา
  4. หนังสือพิมพ์หัวหินสาร จ.ประจวบคีรีขันธ์
  5. หนังสือพิมพ์ส่องใต้นิวส์ จ.สตูล
  6. หนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ จ.เชียงใหม่
  7. หนังสือพิมพ์ปทุมมาลัย จ.อุบลราชธานี

จะจัดสัปดาห์ “สร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์” ระหว่างวันที่ 17-21 กุมภาพันธ์ 2568

เน้นการเรียนรู้เท่าทันสื่อในบริบทดิจิทัล

กิจกรรมการเรียนรู้จะมุ่งเน้นไปที่การจำแนกข่าวสาร การแยกความแตกต่างระหว่างหนังสือพิมพ์ฉบับพิมพ์และออนไลน์ การรู้เท่าทันสื่อ และการใช้สื่ออย่างปลอดภัย รวมถึงการป้องกันภัยจากสื่อไซเบอร์

เสวนาเรื่องนวัตกรรมสื่อ

ในงานเปิดตัวโครงการ ยังมีการเสวนาในหัวข้อ “นวัตกรรมสื่อกับการเรียนรู้เท่าทันสื่อในห้องเรียนภาษาไทย” โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและสื่อมวลชนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เช่น ดร.วสันต์ สุทธาวาศ จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คุณฐิติวรรณ ไสวแสนยากร บรรณาธิการข่าวการศึกษา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และคุณภูวสิษฏ์ สุขใส บรรณาธิการสงขลาโฟกัส

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

โครงการนี้คาดว่าจะช่วยให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวนกว่า 4,500 คน ได้รับทักษะเท่าทันสื่อผ่านการเรียนรู้ที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างพื้นฐานการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนในระยะยาว

มูลนิธิสภาการสื่อมวลชนเชื่อว่า โครงการนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสังคมที่สามารถใช้สื่ออย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ นำไปสู่การพัฒนาทักษะชีวิตในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

สวนตุงและโคมฯ เชียงรายจัดเต็ม! มหัศจรรย์ Lanna Winter Wonderland

สวนตุงและโคมฯ เนรมิตเทศกาล “Lanna Winter Wonderland” ดึงดูดนักท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.00 น. ณ สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการเปิดงาน “Lanna Winter Wonderland” อย่างเป็นทางการ โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวในโครงการ “Thailand Winter Festivals 2024”

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้คณะผู้แทนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดยนางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม พร้อมด้วยข้าราชการกลุ่มกิจการพิเศษ เข้าร่วมงานดังกล่าว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว (ททท.) และ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ที่ร่วมทำสัญลักษณ์ Gimmick เปิดตัวงานอย่างเป็นทางการ

วัตถุประสงค์และเป้าหมายของงาน

เทศกาล Lanna Winter Wonderland จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 30 พฤศจิกายน 2567 เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการสร้างบรรยากาศดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ช่วยขยายระยะเวลาการพักค้าง เพิ่มการใช้จ่าย และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยบนเวทีโลก

งานนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ให้กับเศรษฐกิจในพื้นที่

บรรยากาศงานเต็มไปด้วยความสุขและความสนุกสนาน

ภายในงาน “Lanna Winter Wonderland” เต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การประดับตกแต่งไฟสวยงามตระการตา สร้างบรรยากาศโรแมนติกเหมาะแก่การถ่ายภาพ การแสดงทางดนตรีจากศิลปินชื่อดัง การแสดงวัฒนธรรมพื้นเมืองที่งดงาม และกิจกรรมเวิร์คช็อปที่น่าสนใจ นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าจำหน่ายอาหารและสินค้าพื้นเมือง รวมถึงสินค้าหัตถกรรมที่ผลิตโดยชุมชน ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เลือกซื้อเป็นของฝากอีกด้วย

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวเปิดงาน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า งาน “Lanna Winter Wonderland” จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา โดยเชื่อมั่นว่างานในครั้งนี้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายมากขึ้น

ททท. หนุนเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว

นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว (ททท.) กล่าวว่า การจัดงาน “Lanna Winter Wonderland” เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ Thailand Winter Festivals 2024 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ททท. เชื่อมั่นว่างานในครั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว และช่วยกระตุ้นเศรฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี

กิจกรรมและไฮไลต์ในงาน

ภายในงานมีการตกแต่งสวนตุงและโคมฯ ให้เต็มไปด้วยแสงสีเสียงสุดอลังการ พร้อมกิจกรรมหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มนักท่องเที่ยว ได้แก่

  • การแสดง Art Installation & Lighting: การตกแต่งไฟประดับสุดตระการตา
  • การแสดงดนตรี: การแสดงจากศิลปินชื่อดังที่จะมาสร้างความบันเทิง
  • กิจกรรม Workshop: เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้และทดลองทำกิจกรรมที่สะท้อนวัฒนธรรมล้านนา
  • การออกร้านสินค้าและอาหาร: รวมสินค้าชุมชน ร้านอาหารท้องถิ่น และสินค้าจากผู้ประกอบการในพื้นที่
  • การแสดงวัฒนธรรม: การแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชาวเชียงราย

ผู้เข้าร่วมงานและความร่วมมือ

งานนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนหลายฝ่าย โดยมีตัวแทนสำคัญเข้าร่วม เช่น

  • นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์: รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
  • นายเสริฐ ไชยยานันตา: ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • นายวิสูตร บัวชุม: ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงราย
  • อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม: นายกสมาคมขัวศิลปะเชียงราย
    นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ร้านค้า และร้านอาหารในจังหวัดเชียงรายมาร่วมสนับสนุนงาน

การกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมภาพลักษณ์

เทศกาลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่เชียงราย โดยเน้นการส่งเสริมเอกลักษณ์ล้านนาและความสวยงามของฤดูหนาวผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย ทั้งนี้ยังเป็นการช่วยให้เชียงรายก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่วันที่ 22 – 30 พฤศจิกายน 2567 ณ สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา อำเภอเมืองเชียงราย

สัมผัสความงดงามและสร้างความประทับใจในเทศกาล Lanna Winter Wonderland ได้แล้ววันนี้!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายจัดสัมมนายกระดับเส้นทางการท่องเที่ยว สู่การเป็นจุดหมายระดับโลก

เชียงรายเปิดเวทีสัมมนายกระดับเส้นทางการท่องเที่ยว เสริมศักยภาพเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เทศบาลนครเชียงราย นำโดยนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาล จัดงานสัมมนาวิชาการเพื่อยกระดับเส้นทางการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมตัวแทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ความพร้อมของเทศบาลนครเชียงราย

นายวันชัย จงสุทธานามณี กล่าวในหัวข้อ “ความพร้อมของเทศบาลนครเชียงรายในการรองรับการท่องเที่ยว” ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เทศบาลได้มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งให้เชียงรายกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ความร่วมมือในมิติด้านศิลปะ

อาจารย์ทรงเดช ทิพย์ทอง ศิลปินเชียงราย กล่าวถึงความสำคัญของศิลปะในฐานะเครื่องมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยว พร้อมชื่นชมเทศบาลนครเชียงรายที่ให้การสนับสนุนศิลปินอย่างเต็มที่ โดยอนาคตอาจได้เห็นโครงการสร้างสรรค์ประติมากรรมขนาดใหญ่กว่า 300 ชิ้นในเมืองเชียงราย ซึ่งจะเป็นแลนด์มาร์กสำคัญและอาจเป็นแห่งแรกในโลก

ความพร้อมของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง

นาวาอากาศตรี ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กล่าวว่า ท่าอากาศยานพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว โดยปี 2019 มีผู้เดินทางผ่านสนามบินมากถึง 2.9 ล้านคน แม้ในปี 2023 จะลดลงเหลือ 1.9 ล้านคน แต่ยังคงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยมีสายการบินให้บริการทั้งหมด 6 สาย และยังมีแผนสนับสนุนให้เชียงรายกลายเป็นศูนย์ซ่อมอากาศยานในอนาคต

แผนการท่องเที่ยวทั้ง 12 เดือน

นายสมชาย ชมภูมิน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ททท. ได้จัดเตรียมแผนการท่องเที่ยวตลอด 12 เดือนสำหรับภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงราย ซึ่งครอบคลุมทั้งการจัดโปรแกรมการท่องเที่ยว โปรโมชั่นพิเศษ และการประชาสัมพันธ์สถานที่ต่างๆ ที่เหมาะสมกับทุกฤดูกาล

ความร่วมมือของทุกภาคส่วน

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวชื่นชมความร่วมมือของทุกฝ่ายในการจัดสัมมนาครั้งนี้ พร้อมเน้นย้ำว่าเชียงรายเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยและเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่สามารถสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็นและความงดงามทางธรรมชาติที่หลากหลาย

การบูรณาการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ เพื่อสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ในจังหวัดเชียงราย

เชียงรายพร้อมแล้วที่จะเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยงานสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสในวงการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายต่อไป

วัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมการสัมมนาฯ 
มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันปรึกษาหารือแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนของประเทศและจังหวัดเชียงราย เตรียมความพร้อมของเมือง ของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจสายการบิน และการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยว ในการยกระดับเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย หลังจากได้ประสบสาธารณภัย (อุทกภัย) ระหว่างวันที่ 11 – 18 กันยายน 2567 ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทรัพย์สินบ้านเรือนเสียหาย ซึ่งในปัจจุบันได้กลับคืนสู่สภาวะเกือบเป็นปกติแล้ว และอยู่ระหว่างการฟื้นฟูสภาพพื้นและเศรษฐกิจหลังเกิดอุทกภัย โดยการผนึกกำลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ผสมผสานทั้งการท่องเที่ยว กีฬา ผลิตภัณฑ์ชุมชน วิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

ออสเตรเลียแบนโซเชียลเด็กต่ำกว่า 16 ควบคุมด้วยค่าปรับมหาศาล”

รัฐบาลออสเตรเลียเสนอกฎหมายแบนโซเชียลมีเดียเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี พร้อมค่าปรับสูงถึง 49.5 ล้านดอลลาร์

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 สำนักข่าวต่างประเทศ Reuters รายงานว่า รัฐบาลฝ่ายซ้ายกลางของออสเตรเลียได้เสนอร่างกฎหมายใหม่ต่อรัฐสภา ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจำกัดการใช้งานโซเชียลมีเดียสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี โดยมีบทลงโทษสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ละเมิดกฎหมาย ด้วยค่าปรับสูงสุดถึง 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท

แผนการยืนยันอายุที่เข้มงวดที่สุด

รัฐบาลออสเตรเลียมีแผนทดลองใช้ ระบบยืนยันอายุ ที่อาจรวมถึงการใช้ข้อมูลทางชีวภาพ เช่น การสแกนนิ้ว หรือ การยืนยันด้วยข้อมูลจากรัฐบาล เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์สามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียได้ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการควบคุมการใช้งานโซเชียลมีเดียที่เข้มงวดที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ที่สำคัญ กฎหมายดังกล่าวกำหนดเกณฑ์อายุไว้ที่ 16 ปี โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับเยาวชนที่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองหรือเยาวชนที่มีบัญชีใช้งานอยู่ก่อนแล้ว

ส่งผลกระทบต่อแพลตฟอร์มหลัก

มาตรการใหม่นี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น อินสตาแกรม (Instagram) และ เฟซบุ๊ก (Facebook) ของบริษัทเมตา (Meta) รวมถึง ติ๊กต็อก (TikTok) ของไบต์แดนซ์ (ByteDance), X ของอีลอน มัสก์ และ สแนปแชท (Snapchat) โดยกฎหมายจะกำหนดให้แพลตฟอร์มเหล่านี้ต้องมีมาตรการยืนยันอายุและป้องกันการเข้าถึงของเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี

ผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัย

นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนซี กล่าวว่า การใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไปสร้างความเสี่ยงต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเยาวชน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่อาจได้รับผลกระทบจากเนื้อหาเกี่ยวกับรูปร่างและความงามที่เป็นอันตราย และเด็กผู้ชายที่อาจเผชิญกับเนื้อหาที่สร้างความเกลียดชังต่อเพศหญิง

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียืนยันว่า เด็ก ๆ ยังคงสามารถใช้งานแอปพลิเคชันส่งข้อความ เกมออนไลน์ และบริการเพื่อการศึกษา เช่น Headspace, Google Classroom และ YouTube ได้ตามปกติ

กฎหมายที่ยุติธรรมและปกป้องความเป็นส่วนตัว

รัฐบาลเน้นย้ำว่ากฎหมายนี้ไม่ได้มุ่งลงโทษเด็กหรือผู้ปกครอง แต่เป็นการกำหนดมาตรฐานสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อให้มีมาตรการยืนยันอายุที่เหมาะสม พร้อมทั้งกำหนดข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวอย่างเข้มงวด เช่น การกำหนดให้แพลตฟอร์มทำลายข้อมูลที่รวบรวมไว้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

เปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ

การเสนอกฎหมายของออสเตรเลียครั้งนี้ถือว่าเข้มงวดที่สุดในโลก โดยกำหนดอายุขั้นต่ำที่ 16 ปี ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่น ๆ เช่น ฝรั่งเศส ที่เคยเสนอจำกัดอายุการใช้งานโซเชียลมีเดียไว้ที่ 15 ปีเมื่อปีที่ผ่านมา และ สหรัฐอเมริกา ที่มีการขอความยินยอมจากผู้ปกครองสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีมานานหลายทศวรรษ

เสียงสะท้อนและความร่วมมือจากฝ่ายต่าง ๆ

พรรคฝ่ายค้านในออสเตรเลียสนับสนุนร่างกฎหมายนี้อย่างเต็มที่ ในขณะที่พรรคกรีนและกลุ่มอิสระเรียกร้องให้รัฐบาลให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของกฎหมาย

ในส่วนของผู้ประกอบการ นาย นีล ฟาร์มิโล เจ้าของร้านอาหาร Kiwi Kitchen ในเมืองวังเวียง ประเทศลาว ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยม กล่าวว่า แม้การใช้มาตรการเหล่านี้อาจสร้างความกังวลในช่วงแรก แต่เขาหวังว่าจะช่วยปกป้องเยาวชนในระยะยาว

สรุป

การเสนอกฎหมายแบนโซเชียลมีเดียสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีของออสเตรเลียเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านลบของการใช้งานโซเชียลมีเดีย แม้จะมีความท้าทายในการดำเนินการ แต่เป้าหมายของรัฐบาลคือการสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงทางจิตใจสำหรับเด็กและเยาวชนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Reuters

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย คืนรอยยิ้มชาวชุมชน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแม่สาย

ทวงคืนรอยยิ้มชาวแม่สาย อบจ.เชียงรายลงพื้นที่ฟื้นฟูหลังสาธารณภัย

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายอนุชา ยอดเชียงคำ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เขต 1 อำเภอแม่สาย พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและบุคลากรของ อบจ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่อำเภอแม่สาย เพื่อดำเนินการตามโครงการช่วยเหลือประชาชน เยียวยาและฟื้นฟูหลังเกิดเหตุสาธารณภัยในพื้นที่ ซึ่งเป็นการดำเนินงานครั้งที่ 4 ภายใต้เป้าหมายสำคัญในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัย

การลงพื้นที่ช่วยเหลือและฟื้นฟู

ในครั้งนี้ อบจ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่ในตำบลแม่สาย ครอบคลุมหลายหมู่บ้าน ได้แก่

  • หมู่ 1 บ้านเหมืองแดงใต้
  • หมู่ 3 บ้านสันผักฮี้
  • หมู่ 4 บ้านเวียงหอม
  • หมู่ 5 บ้านสันมะนะ
  • หมู่ 6 บ้านป่ายางชุม
  • หมู่ 9 บ้านสันทราย
  • หมู่ 11 บ้านสันทรายใหม่

รวมจำนวนผู้ได้รับการช่วยเหลือกว่า 1,900 ราย โดยมีผู้นำท้องที่และผู้นำชุมชนในพื้นที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

รายละเอียดการช่วยเหลือ

การมอบความช่วยเหลือในครั้งนี้ อบจ.เชียงราย ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาด้านการดำรงชีพ 4 รายการ ตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 ซึ่งประกอบด้วย:

  1. ค่าเครื่องนุ่งห่ม รายละไม่เกิน 1,100 บาท
  2. ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท
  3. ค่าเครื่องครัวและอุปกรณ์ประกอบอาหาร เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 3,500 บาท
  4. ค่าเครื่องนอน รายละไม่เกิน 1,000 บาท

ความห่วงใยจากนายก อบจ.เชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้กล่าวให้กำลังใจผู้ประสบภัยทุกคน พร้อมเน้นย้ำถึงความพร้อมของ อบจ.เชียงราย ในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม หากมีผู้ที่ประสบภัยแล้วยังไม่ได้รับการเยียวยาหรือรายชื่อตกหล่น สามารถแจ้งความจำนงได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือเทศบาลตำบลในพื้นที่ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้ดำเนินการยื่นเรื่องให้คณะกรรมการจังหวัดเชียงรายพิจารณาอีกครั้ง

ฟื้นฟูความเป็นอยู่ด้วยพลังชุมชน

โครงการช่วยเหลือประชาชนครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในระยะสั้น แต่ยังส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและการประกอบอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในระยะยาว

อบจ.เชียงราย ยังคงยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้กลับมามีรอยยิ้มและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกครั้ง พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสร้างชุมชนที่มั่นคงและปลอดภัย

ประชาชนที่ได้รับผลกระทบและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ สามารถติดต่อ อบจ.เชียงราย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ของตน เพื่อขอรับการเยียวยาเพิ่มเติมได้ตลอดระยะเวลาโครงการ.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

สองสาวออสซี่เสียชีวิต เหตุดื่มแอลกอฮอล์ปนเปื้อนเมทานอลในลาว

สองนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเสียชีวิตจากพิษเมทานอลในลาว เหตุการณ์กระทบท่องเที่ยววังเวียง

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 สำนักข่าว KTSM-9 TV ในรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา รายงานว่าเหตุการณ์การเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวจากพิษเมทานอลที่วังเวียง ประเทศลาว ยังคงสร้างความเสียใจให้แก่ครอบครัวและชุมชนชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด มีรายงานว่านางสาวฮอลลี่ โบว์ลส์ วัย 19 ปี นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย ที่ป่วยหนักหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ปนเปื้อนเมทานอล เสียชีวิตในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้เพิ่มขึ้นเป็น 6 ราย

การเสียชีวิตของโบว์ลส์

ครอบครัวของโบว์ลส์ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและระบุว่า “เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการสูญเสียของฮอลลี่ ผู้ที่นำความสุขมาสู่ทุกคนที่ได้รู้จักเธอ” โบว์ลส์ป่วยหนักและต้องใช้เครื่องช่วยชีวิตตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 หลังจากออกไปดื่มกับเพื่อนร่วมกลุ่มที่ “Nana Backpacker Hostel” และกลับมาในสภาพอาการแย่

รายละเอียดเหตุการณ์

สำนักงานตำรวจท่องเที่ยววังเวียงรายงานว่าได้มีการควบคุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย รวมถึงผู้จัดการและเจ้าของโฮสเทล แต่ยังไม่มีการตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ ในขณะที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาได้ออกคำเตือนสุขภาพถึงความเสี่ยงของการปนเปื้อนเมทานอลในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ โดยระบุว่าอาจเกิดจากการเติมเมทานอลเป็นสารแทนเอทานอลในบาร์บางแห่ง หรือจากกระบวนการกลั่นแอลกอฮอล์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

เหยื่อจากหลายประเทศ

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากหลายประเทศ ได้แก่ นักท่องเที่ยวออสเตรเลีย 2 ราย คือ นางสาวฮอลลี่ โบว์ลส์ และนางสาวเบียนกา โจนส์ ผู้เสียชีวิตก่อนหน้าในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ รวมถึงผู้เสียชีวิตจากอังกฤษ อเมริกา เดนมาร์ก และผู้ป่วยอีกหลายรายที่คาดว่าได้รับผลกระทบจากพิษเมทานอล

ผลกระทบต่อการท่องเที่ยววังเวียง

วังเวียง เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องกิจกรรมผจญภัยและสถานบันเทิงสำหรับนักท่องเที่ยวแบกเป้ กลายเป็นจุดสนใจในทางลบจากเหตุการณ์นี้ ผู้ประกอบการในพื้นที่ต่างแสดงความกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชื่อเสียงของเมือง “มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้า ผมเชื่อว่าไม่มีใครตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว” นีล ฟาร์มิลอย เจ้าของร้านอาหาร Kiwi Kitchen ในวังเวียงกล่าว

มาตรการป้องกัน

เหตุการณ์นี้ทำให้มีการเรียกร้องให้หน่วยงานท้องถิ่นเพิ่มมาตรการควบคุมคุณภาพของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับอันตรายจากเมทานอล นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณให้กับนักท่องเที่ยวว่าควรระมัดระวังในการเลือกบริโภคเครื่องดื่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีการควบคุมมาตรฐานที่ชัดเจน

คำเตือนและบทเรียน

พิษเมทานอลเป็นอันตรายที่เกิดขึ้นได้จากการใช้สารทดแทนราคาถูกในกระบวนการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะสมองบวม ตาบอด และเสียชีวิต การเสียชีวิตของโบว์ลส์และโจนส์เป็นเครื่องเตือนใจถึงความเสี่ยงที่แฝงอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม

นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศที่วางแผนเดินทางไปยังลาวควรปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย และตรวจสอบแหล่งที่มาของเครื่องดื่มอย่างถี่ถ้วน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเช่นนี้ในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ktsm

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

กรุงเทพฯ เคาะงานกาชาดประจำปี 2567 11-22 ธันวาคมนี้ ณ สวนลุมพินี

 

สภากาชาดไทย เชิญร่วมสัมผัสประสบการณ์ Amazing ในงานกาชาดประจำปี 2567

เตรียมตัวให้พร้อมกับงานกาชาดสุดยิ่งใหญ่แห่งปี! สภากาชาดไทยขอเชิญทุกท่านร่วมสนุก อิ่มอร่อย และทำบุญในงาน กาชาดประจำปี 2567 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-22 ธันวาคม 2567สวนลุมพินี ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. และพิเศษในวันสุดท้าย ขยายเวลาความสุขจนถึง 23.00 น.

สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ ก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมออนไลน์ได้ที่ www.iredcross.org ตลอด 24 ชั่วโมง

กิจกรรมไฮไลต์ในงานที่ไม่ควรพลาด:

  1. เฉลิมพระเกียรติฯ “ทศมราชา 72 พรรษา ถวายพระพร”
    ชมการแสดงแสงสีเสียงสุดตระการตา ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยเทคโนโลยีและศิลปะอันวิจิตร

  2. ลุ้นเสี่ยงโชค พร้อมได้บุญ
    ร่วมสนุกกับกิจกรรมเสี่ยงทายที่ไม่เพียงแต่ให้คุณลุ้นโชคใหญ่ แต่ยังได้ร่วมทำบุญสนับสนุนกิจกรรมของสภากาชาดไทย

  3. อิ่มอร่อยกับสตรีทฟู้ดหลากหลาย
    ลิ้มรสอาหารจานเด็ดจากร้านอาหารสภากาชาดไทยและร้านสตรีทฟู้ดชื่อดัง รวมกว่า 100 ร้านค้า ตั้งแต่เมนูอาหารไทยพื้นบ้านไปจนถึงของหวานสุดฟิน

  4. สนุกสนานกับเกมการละเล่นและกิจกรรมบันเทิง
    พบกับเกมการละเล่นแบบไทยดั้งเดิมและกิจกรรมสนุกสนานที่จัดเตรียมไว้เพื่อทุกคนในครอบครัว พร้อมการแสดงดนตรีและศิลปะวัฒนธรรมสุดประทับใจ

พิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมงานออนไลน์

ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.iredcross.org ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพลิดเพลินกับการช้อปสินค้าออนไลน์ การร่วมประมูลของที่ระลึก และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

เหตุผลที่คุณต้องไม่พลาดงานนี้:

  • ได้บุญ ได้สุข: งานกาชาดเป็นกิจกรรมที่มีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้และสนับสนุนกิจกรรมของสภากาชาดไทย
  • ความบันเทิงครบครัน: ทั้งการแสดง แสง สี เสียง และกิจกรรมสนุกๆ ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
  • อาหารเลิศรส: พบกับอาหารและขนมที่หาทานได้ยาก รวมถึงเมนูพิเศษเฉพาะในงาน

ติดตามกิจกรรมเพิ่มเติม:
อย่าลืมติดตามอัปเดตความสนุกและเบื้องหลังการจัดงานได้ที่ TikTok: @redcrossfair

มาร่วมสร้างความทรงจำสุดประทับใจไปด้วยกันในงานกาชาดปี 2567 ทั้งที่สวนลุมพินีและออนไลน์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภากาชาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News