Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เอกอัครราชทูตปากีสถานหารือเชียงราย พัฒนาสุขภาวะและแรงงานข้ามชาติ

เอกอัครราชทูตปากีสถานเยือนเชียงราย หารือพัฒนาความสัมพันธ์ด้านแรงงานและการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับนางรุคซานา อัฟซอล (H.E. Ms. Rukhsana Afzaal) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนจังหวัดเชียงราย

การหารือด้านสวัสดิการและการย้ายถิ่นฐานแรงงาน

เอกอัครราชทูตปากีสถานและคณะได้เข้าพบและหารือกับทางจังหวัดเกี่ยวกับประเด็นด้านสวัสดิการ การย้ายถิ่นฐาน และการจ้างงานของชาวต่างชาติในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีแรงงานหลากหลายชาติพันธุ์เข้ามาทำงาน โดยจังหวัดเชียงรายได้รายงานแผนงานการพัฒนาเชียงรายให้เป็น เมืองสุขภาวะ (Wellness City) ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ พร้อมทั้งย้ำถึงความสำคัญของการฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและวัฒนธรรม หลังประสบวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในปีที่ผ่านมา

การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์

เอกอัครราชทูตฯ ได้แสดงความกังวลต่อปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งมีแรงงานถูกหลอกลวงให้ไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการทำงานในกลุ่ม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Scammer) และงานที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่ล่อลวงแรงงานด้วยค่าตอบแทนสูง ทางจังหวัดเชียงรายได้รายงานความคืบหน้าในการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานแรงงานจังหวัด หน่วยงานปกครอง และตำรวจ เพื่อดำเนินการคัดกรอง ช่วยเหลือ เยียวยา และส่งตัวกลับประเทศ

ความสัมพันธ์ไทย-ปากีสถานในมิติการศึกษาและวัฒนธรรม

นอกจากนี้ยังได้หารือถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและปากีสถานในด้านต่าง ๆ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาและวัฒนธรรม มีนักศึกษามุสลิมไทยจำนวนมากที่ไปศึกษาด้านศาสนาในปากีสถาน ขณะที่ปากีสถานยังเป็นจุดหมายปลายทางของผู้แสวงบุญชาวพุทธไทยที่สนใจเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา

ขอบคุณและย้ำความร่วมมือในอนาคต

นางรุคซานา อัฟซอล ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไทยและจังหวัดเชียงรายที่ให้การสนับสนุนและดำเนินการช่วยเหลือในประเด็นที่เกี่ยวข้องได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมแสดงความยินดีที่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และขอยืนยันความร่วมมือในอนาคต โดยเฉพาะการสนับสนุนการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นเมืองสุขภาวะและการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์

ทั้งนี้ การเยือนครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและขยายความร่วมมือในทุกมิติอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

รัฐบาลจัดพระราชพิธีสมมงคล 14 ม.ค. 2568 อย่างยิ่งใหญ่

รัฐบาลเตรียมจัดพระราชพิธีสมมงคลเฉลิมพระชนมายุ 14 มกราคม 2568

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 เวลา 09.30 น. ณ กรมประชาสัมพันธ์ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ครั้งที่ 3/2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปผลการดำเนินการประชาสัมพันธ์ตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมเตรียมงานพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 14 มกราคม 2568

นางสาวจิราพร กล่าวขอบคุณคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ และสื่อมวลชนที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้ต่องานเฉลิมพระเกียรติฯ ตลอดปี 2567 โดยใช้สื่อทุกช่องทาง ทั้งสื่อหลักและสื่อออนไลน์ รวมถึงการถ่ายทอดสดพระราชพิธีผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ที่เผยแพร่ความงดงามของประเพณีและวัฒนธรรมไทยไปทั่วโลก

สำหรับงานพระราชพิธีสมมงคลวันที่ 14 มกราคม 2568 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุได้ 26,469 วัน ซึ่งเท่ากับพระชนมายุของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) รัฐบาลได้เตรียมจัดงานสำคัญนี้ในรูปแบบที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วม ได้แก่ การจัดพิธีสืบพระชะตาหลวง การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ การจัดทำเหรียญกษาปณ์และเหรียญที่ระลึก พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และกิจกรรมปลูกต้นไม้ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ โดยได้กำหนดกิจกรรมสำคัญ 7 ประการ ได้แก่

  1. พิธีสืบพระชะตาหลวง ณ สวนสราญรมย์ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วันที่ 13-20 มกราคม 2568)
  2. การบูรณปฏิสังขรณ์วัดสังกัสรัตนคีรี จังหวัดอุทัยธานี
  3. การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ณ ลานพระปฐมบรมราชานุสรณ์ในวันที่ 14 มกราคม 2568
  4. การจัดทำเหรียญที่ระลึก เฉลิมพระเกียรติฯ
  5. พิธีทางศาสนาและกิจกรรมถวายพระราชกุศล ณ วัดสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
  6. การปลูกต้นไม้ อาทิ ต้นตะเคียนทอง ต้นพิกุล และต้นอินจัน ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ
  7. กิจกรรมจิตอาสา เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์

นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีสมมงคลโดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งจะนำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณากราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต และจะเผยแพร่ให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนนำไปใช้ในการเฉลิมพระเกียรติฯ

รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมงานพระราชพิธีสำคัญนี้ในวันที่ 14 มกราคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสืบสานพระราชประเพณีอันทรงคุณค่าของชาติไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

ผลสำรวจนิด้าโพลเผยคนไทยเหนื่อยหน่ายเศรษฐกิจและปัญหาสังคมในปี 2567

ผลสำรวจ “นิด้าโพล” เผยคนไทยเหนื่อยหน่ายเศรษฐกิจและปัญหาสังคมในปี 2567

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในหัวข้อ “เหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้าง ในปี 2567 ที่ผ่านมา” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคม 2567 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,310 รายทั่วประเทศ

ระดับความสุขของประชาชนในปี 2567

ผลการสำรวจระบุว่า ความสุขในปี 2567 ของประชาชนแบ่งเป็น 4 ระดับหลัก ได้แก่

  • ค่อนข้างมีความสุข (39.92%) โดยเหตุผลหลักคือชีวิตครอบครัวราบรื่น และไม่มีอุปสรรคในการทำงาน
  • ไม่ค่อยมีความสุข (32.52%) เหตุผลสำคัญคือปัญหาทางการเงินจากค่าครองชีพสูงและความวุ่นวายทางการเมือง
  • มีความสุขมาก (18.17%) เนื่องจากสุขภาพแข็งแรงและชีวิตไม่มีเรื่องกังวล
  • ไม่มีความสุขเลย (9.39%) เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่นำไปสู่หนี้สินและชีวิตที่ยากลำบาก

สิ่งที่ประชาชนเหนื่อยหน่ายในปี 2567

ปัญหาเศรษฐกิจ ครองอันดับแรกที่ประชาชนระบุว่าเหนื่อยหน่าย (52.14%) โดยมีปัจจัยสำคัญคือรายได้และค่าครองชีพ รองลงมาเป็น

  • ปัญหาภัยไซเบอร์ (28.09%) เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์และการแฮกข้อมูล
  • ปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง (27.86%)
  • ปัญหายาเสพติด (21.60%)
  • ปัญหาราคาพลังงาน (14.89%)

ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ก็เป็นหนึ่งในข้อกังวล โดยประชาชนร้อยละ 13.59 เห็นว่าภัยธรรมชาติและปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข

คุณลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง

ประชากรกลุ่มตัวอย่างมีความหลากหลาย ได้แก่

  • ภูมิลำเนา: ร้อยละ 33.35 อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 17.86 ในภาคเหนือ
  • เพศ: ร้อยละ 48.09 เป็นชาย และร้อยละ 51.91 เป็นหญิง
  • อายุ: กลุ่มอายุ 46-59 ปีมีสัดส่วนสูงสุด (26.64%)
  • รายได้: ร้อยละ 30.53 มีรายได้เฉลี่ย 10,001-20,000 บาทต่อเดือน

แนวทางแก้ไขปัญหา

นิด้าโพลชี้ให้เห็นว่า ความเหนื่อยหน่ายของประชาชนในด้านเศรษฐกิจและสังคมสะท้อนถึงความจำเป็นที่รัฐต้องให้ความสำคัญกับการลดค่าครองชีพ เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และจัดการปัญหาสังคมอย่างจริงจัง

การสำรวจนี้สะท้อนถึงความต้องการของประชาชนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในปีถัดไป ซึ่งสามารถใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดนโยบายที่ตอบสนองต่อปัญหาอย่างแท้จริง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21 กับไฮไลท์ริมลำน้ำกก

เชียงรายเตรียมนับถอยหลังสู่ “งานเชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21”

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 เทศบาลนครเชียงราย ได้จัดการประชุมเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดงาน “เชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21” ณ สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย โดยมี นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และ นางรัตนา จงสุทธานามณี ที่ปรึกษาเทศบาลนครเชียงราย และผู้ออกแบบการจัดสวนดอกไม้งามทุกปี เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายเทศบาลนครเชียงราย เพื่อร่วมกันวางแผนจัดงานให้สมบูรณ์ที่สุด

ธีมงาน: ในม่านหมอก ดอกไม้ สายน้ำและขุนเขา

งานเชียงรายดอกไม้งามในปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมาพร้อมธีม “ในม่านหมอก ดอกไม้ สายน้ำและขุนเขา” ที่สะท้อนถึงเสน่ห์ของเชียงรายในทุกมิติ ทั้งธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมที่หลากหลาย และความอบอุ่นของผู้คน

สถานที่ใหม่ ณ สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย

ในปีนี้งานเชียงรายดอกไม้งามได้เปลี่ยนสถานที่จัดงานไปยัง สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก สถานที่แห่งใหม่นี้มอบบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับการชมดอกไม้นานาพรรณที่ถูกจัดแสดงอย่างประณีต

กิจกรรมไฮไลท์ในงาน

  1. อุโมงค์หนอนผีเสื้อ
    จุดเด่นของงานในปีนี้คือ “อุโมงค์หนอนผีเสื้อ” ซึ่งตกแต่งด้วยต้นไม้นับแสนต้นทั้งภายในและภายนอก สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้มาเยี่ยมชม

  2. ล่องเรือชมลำน้ำกก
    นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมความงดงามของลำน้ำกก พร้อมสัมผัสธรรมชาติที่เงียบสงบได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 16.30 น.

  3. ลานวัฒนธรรมและการแสดงชาติพันธุ์
    เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ พร้อมสัมผัสบรรยากาศวิถีชีวิตของชาวเชียงราย

  4. ซุ้มอาหารเหนือและเครื่องดื่มริมน้ำกก
    อิ่มอร่อยกับอาหารเหนือและอาหารหลากหลาย รวมถึงร้านชาและกาแฟที่จัดไว้ให้บริการท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ

  5. Music in the Park
    ทุกวันเสาร์ สนุกกับดนตรีในสวนที่นำเสนอโดยศิลปินชื่อดัง สร้างสีสันและความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน

พิธีเปิดงานที่ยิ่งใหญ่

พิธีเปิดงานเชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21 จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม 2567 เวลา 17.00 น. โดยมีกิจกรรมพิเศษ ได้แก่ การตักบาตรดอกไม้ ซึ่งจะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปเก่าแก่จาก 9 วัดในจังหวัดเชียงราย มาประดิษฐานบนราชรถบุษบกจำนวน 9 คัน เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้กราบไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

งานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

งานเชียงรายดอกไม้งามปีนี้ เปิดให้เข้าชมฟรีตลอดระยะเวลาการจัดงาน เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยที่ต้องการสัมผัสความงดงามของดอกไม้และธรรมชาติ

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • วันที่จัดงาน: 27 ธันวาคม 2567 – 16 กุมภาพันธ์ 2568
  • สถานที่: สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย
  • กิจกรรม: การแสดงดอกไม้ อุโมงค์หนอนผีเสื้อ ล่องเรือชมแม่น้ำกก ลานวัฒนธรรม การแสดงดนตรี และอื่น ๆ
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้างาน

ร่วมสัมผัสความงดงามของดอกไม้และวัฒนธรรมเมืองเหนือได้ที่งานเชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21 แล้วพบกันในบรรยากาศแห่งความสุขและความประทับใจ!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เปิดร้าน Welcome to Chiang Rai Shop เชื่อมโยงวัฒนธรรม-ฝึกทักษะอาชีวะ

พิธีเปิดร้าน “Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024” สร้างพื้นที่ทักษะวิชาชีพ เชื่อมโยงวัฒนธรรมเชียงราย

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 เวลา 13.00 น. ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีพิธีเปิดร้าน “Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024” โดยมี นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.อรพิน ดวงแก้ว ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน และ คุณณัฐพร มหาไพบูลย์ จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความเป็นมาของร้านดังกล่าว

“Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024” เป็นโครงการที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงรายจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการฝึกทักษะวิชาชีพสำหรับนักศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะและยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน รวมถึงสนับสนุนการประกอบอาชีพอิสระในอนาคต โครงการนี้สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา “8 Agenda พัฒนาอาชีวศึกษา: ทำดี ทำได้ ทำทันที OVER ONE TEAM”

ร้าน Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024 ไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่จำหน่ายสินค้า แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับนักศึกษาและเยาวชนในการแสดงออกทางทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ และผลงานที่ได้เรียนรู้จากห้องเรียนและการฝึกปฏิบัติจริง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนมีความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน สร้างรายได้ให้กับตนเอง รวมทั้งช่วยเผยแพร่สินค้าคุณภาพจากเชียงรายให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็น “ทูตวัฒนธรรม” เพื่อเชื่อมโยงผู้คนให้รู้จักและรักเชียงรายผ่านสินค้าที่มีคุณค่าและเรื่องราวที่น่าประทับใจ

ปัจจุบัน Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024 มีสาขาทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่

  1. เซ็นทรัลเชียงราย ชั้น G
  2. ศูนย์ผ้าปางห้า อำเภอแม่สาย
  3. เอ็ม โซ เฟีย กรุงเทพมหานครฯ
  4. วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย
  5. อำเภอเชียงแสน (กำหนดเปิดในเดือนมกราคม 2568)

ภายในพิธีเปิดได้รับเกียรติจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมงาน อาทิ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ที่มอบหมายให้นางกัลยา แก้วประสงค์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนางสาวอัมพิกา จิณะเสน นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เข้าร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้

ร้าน Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024 ยังมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้วัสดุท้องถิ่น และการออกแบบที่สะท้อนเอกลักษณ์ล้านนา เพื่อให้สินค้าและบริการเป็นตัวแทนวัฒนธรรมของเชียงราย ทั้งยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัด เชื่อมโยงกับความต้องการของชุมชนและเศรษฐกิจ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน พร้อมทั้งสะท้อนความร่วมมือของหน่วยงานต่าง ๆ ในการส่งเสริมศักยภาพของเชียงรายในทุกมิติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

สวนดุสิตโพลเผย เชียงใหม่-เชียงราย จุดหมายปีใหม่ยอดนิยม 2568

สวนดุสิตโพลเผยปีใหม่ 2568 คนไทยนิยมเที่ยว เชียงใหม่-เชียงราย ติดอันดับ

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจาก “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เกี่ยวกับเรื่อง “คนไทยกับของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล” โดยทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,246 คน ผ่านช่องทางออนไลน์และภาคสนาม ระหว่างวันที่ 3-6 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงทิศทางและพฤติกรรมของคนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

ประชาชนส่วนใหญ่มีแผนท่องเที่ยวปีใหม่

จากผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 56.02% โดยในกลุ่มนี้

  • เลือกเดินทาง ภายในประเทศถึง 90.26%
  • ขณะที่การเดินทางไป ต่างประเทศอยู่ที่ 9.74%
    อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนจำนวน 43.98% ที่ระบุว่าไม่มีแผนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว

5 จังหวัดยอดนิยมที่คนไทยอยากไปเที่ยวมากที่สุด

จากผลการสำรวจยังเผยถึงจังหวัดเป้าหมายของการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยอันดับจังหวัดยอดนิยมที่ประชาชนเลือกมากที่สุด ได้แก่

  1. เชียงใหม่ คิดเป็น 56.83% ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง เนื่องจากอากาศเย็นสบายและมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจำนวนมาก
  2. เชียงราย คิดเป็น 49.05% จังหวัดที่โดดเด่นด้วยความงดงามของดอกไม้และภูเขา อีกทั้งยังมีเทศกาลดอกไม้ช่วงปลายปี
  3. กรุงเทพมหานคร คิดเป็น 38.10% ซึ่งเป็นศูนย์รวมของการจัดงานเทศกาลและกิจกรรมต่าง ๆ
  4. กาญจนบุรี คิดเป็น 37.30% จังหวัดที่มีความโดดเด่นด้านธรรมชาติและสถานที่ประวัติศาสตร์
  5. กระบี่ คิดเป็น 25.71% จังหวัดชายทะเลที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการท่องเที่ยวปีใหม่

ประชาชนคาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่จะมีการใช้จ่ายเฉลี่ย 17,317.10 บาทต่อคน โดยแบ่งเป็นกลุ่มต่าง ๆ ตามงบประมาณดังนี้

  • ไม่เกิน 5,000 บาท มากที่สุด คิดเป็น 46.94%
  • กลุ่มที่ใช้จ่ายมากกว่า 5,000 บาทขึ้นไป มีสัดส่วนที่ลดหลั่นกันไป

ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวครอบคลุมค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อของฝากให้กับคนในครอบครัวและคนสนิท

ของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนอยากได้จากรัฐบาล

เมื่อสอบถามถึงของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนอยากได้รับจากรัฐบาล อันดับต้น ๆ ได้แก่

  1. การแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เนื่องจากช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม
  2. การช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ และพลังงาน ซึ่งถือเป็นภาระสำคัญที่ประชาชนต้องแบกรับในปัจจุบัน
  3. มาตรการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ โดยเฉพาะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น

ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคมเป็น “หน้าที่ของรัฐบาล” ที่ควรให้ความสำคัญอย่างจริงจัง

สรุปภาพรวมเทศกาลปีใหม่

ผลการสำรวจจากสวนดุสิตโพลในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะจังหวัดยอดนิยมอย่าง เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งมีเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรม ขณะเดียวกัน ประชาชนยังต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลปีใหม่ผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น การแจกเงินและการลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค

การสำรวจในครั้งนี้จึงเป็นภาพสะท้อนความหวังของคนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ต้องการทั้งความสุขจากการเดินทางท่องเที่ยวและมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐในการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

ข้อมูลสำคัญโดยสรุป

  • 56.02% ของประชาชนวางแผนท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ
  • เชียงใหม่และเชียงราย เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม
  • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 17,317.10 บาทต่อคน โดยส่วนใหญ่ใช้งบไม่เกิน 5,000 บาท
  • ประชาชนต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนเศรษฐกิจผ่านการแจกเงินและมาตรการลดค่าใช้จ่าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สวนดุสิตโพล

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

‘ม.พะเยา’ คว้าเหรียญทอง เวทีนานาชาติ “แม่อิงชิโบริ” ศิลปะคราฟท์สีย้อมผ้าธรรมชาติ

บพท. นำ 3 นวัตกรรมเด่นคว้ารางวัลระดับโลก ในงาน KIDE 2024 ณ ไต้หวัน

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) นำโดย ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท. พร้อมทีมผู้บริหารและนักวิจัย คัดเลือก 3 ผลงานนวัตกรรมเด่นส่งเข้าร่วมประกวดในงาน 2024 Kaohsiung International Invention and Design EXPO (KIDE 2024) ณ เมืองเกาสง ไต้หวัน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคม 2567 งานนี้เป็นเวทีระดับนานาชาติที่รวมนวัตกรรมกว่า 500 ผลงานจาก 30 ประเทศทั่วโลก

ผลงานนวัตกรรมจากประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจาก บพท. และคว้ารางวัลทั้ง 3 ผลงาน ประกอบด้วย:

รางวัลเหรียญทอง (GOLD MEDAL): “แม่อิงชิโบริ” ศิลปะคราฟท์สีย้อมผ้าธรรมชาติ

พัฒนาโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยพะเยา นำโดย เอกรินทร์ ลัทธศักย์ศิริ และคณะ ผลงานนี้ผสานภูมิปัญญาล้านนาเข้ากับศาสตร์ญี่ปุ่น เกิดเป็นลวดลายอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชน ผ่านเทคนิคการพิมพ์ลายผ้าและนวัตกรรมที่ช่วยลด Carbon Footprint โดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน

รางวัลเหรียญเงิน (SILVER MEDAL) และรางวัลพิเศษ (Special Award) จากประเทศโปแลนด์:

“เครื่องเพิ่มความชื้นและลดอุณหภูมิจากโอ่งมังกร”
นวัตกรรมที่ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน สร้างความชื้นต่ำและลดอุณหภูมิในโรงเรือน ทำให้สามารถผลิตเห็ดในและนอกฤดูกาลได้ เพิ่มผลผลิตและรายได้ของคนในชุมชน งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและลดความเหลื่อมล้ำ

รางวัลเหรียญเงิน (SILVER MEDAL): “บ้านปลามีชีวิต”

นวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศน้ำ ออกแบบให้เป็นแหล่งอยู่อาศัยของสัตว์น้ำ มีอายุการใช้งานยาวนาน ลดการซ่อมแซม และช่วยเพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในชุมชน ทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยว

ขยายผลนวัตกรรม ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท. กล่าวว่า ความสำเร็จจากการประกวดในครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการสร้างนวัตกรรมที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ชุมชน นวัตกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ แต่ยังสร้างโอกาสในการเข้าสู่ตลาดโลก เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติ

ในปี 2568 บพท. วางแผนขยายผลนวัตกรรมเหล่านี้สู่การใช้งานจริงในชุมชน พร้อมทั้งสร้างพื้นที่เรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถให้กับชุมชนต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

งาน KIDE 2024: เวทีโชว์ศักยภาพระดับโลก

งาน KIDE 2024 เป็นเวทีนานาชาติที่รวมผลงานวิจัยและนวัตกรรมจากทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เปิดโอกาสในการพัฒนานวัตกรรม และเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศ ความสำเร็จของทีมวิจัยไทยในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่ยังช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือในระดับสากล

การคว้ารางวัลในเวทีนี้เป็นกำลังใจสำคัญสำหรับนักวิจัยและผู้พัฒนานวัตกรรมในประเทศไทยที่จะมุ่งมั่นสร้างผลงานที่มีคุณค่าและยั่งยืนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

‘20 ปี สึนามิ’ นักวิชาการเตือน อย่าประมาท พร้อมหาแนวทางการรับมือ

นักวิชาการเตือนอย่าประมาทสึนามิ รำลึก 20 ปี มุ่งสร้างความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยง

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ จัดงานรำลึกครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์สึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ณ จังหวัดพังงา โดยมีการประชุมสัมมนางานวิจัยแผ่นดินไหวของประเทศไทย ครั้งที่ 2 เพื่อหาแนวทางเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติและสร้างความปลอดภัยให้แก่ชุมชนในพื้นที่เสี่ยง

ยกระดับการเตือนภัยและความพร้อมของชุมชน

งานดังกล่าวมุ่งเน้นการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์สึนามิในปี 2547 เพื่อนำมาพัฒนาระบบเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีการบรรยายและกิจกรรมเชิงปฏิบัติ เช่น การจำลองสถานการณ์ การซักซ้อมอพยพ และการใช้เทคโนโลยีจำลองคลื่นสึนามิ พร้อมสำรวจสถานที่สำคัญที่ได้รับผลกระทบในอดีต นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสร้างความรู้และความตระหนักแก่เยาวชนในพื้นที่ผ่านการใช้อุปกรณ์และเกมการเรียนรู้

ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ ระบุว่าภัยสึนามิในอนาคตยังมีโอกาสเกิดขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณรอยต่อแผ่นดินไหวอาระกันและหมู่เกาะอันดามัน ซึ่งยังไม่คลายพลังงาน การเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ระบบเตือนภัยต้องมีความรวดเร็ว สามารถรับรู้ได้ภายใน 20-30 นาที และดำเนินการอพยพได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาที่จำกัด นอกจากนี้ยังเสนอแนวคิดการสร้างที่หลบภัยแนวดิ่งในพื้นที่จำกัด เช่น เขาหลักและเกาะพีพี เพื่อรองรับผู้ประสบภัยจำนวนมาก

สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและภาคส่วนต่างๆ

นอกจากความพยายามในประเทศ ไทยยังได้สร้างความร่วมมือกับญี่ปุ่นในการพัฒนาความปลอดภัยและการรับมือสึนามิ โดยนำมาตรการที่ได้ผลของญี่ปุ่นมาปรับใช้ เช่น การออกแบบผังเมือง การพัฒนาบุคลากรเฉพาะทาง และการใช้เทคโนโลยีเพื่อจำลองสถานการณ์ภัยพิบัติ

ในด้านการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติเรียกร้องความร่วมมือจากโรงแรมและสถานประกอบการในพื้นที่เสี่ยง เพื่อจัดสรรพื้นที่เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว และติดตั้งป้ายนำทางให้ครอบคลุมทุกจุด

บทบาทของรัฐและการตระหนักรู้

น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่าประเทศไทยยังเน้นการเยียวยาผลกระทบเป็นหลัก แต่ขาดการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ การบูรณาการระบบเตือนภัย การจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องภัยพิบัติในโรงเรียน และการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในระดับนโยบายเป็นสิ่งที่รัฐต้องให้ความสำคัญมากขึ้น

“เราต้องออกแบบเมืองให้พร้อมรับมือภัยพิบัติ โดยนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาปรับใช้ ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณในระยะยาว” น.ส.รัชนีกร กล่าว พร้อมแนะนำให้รัฐสนับสนุนการศึกษาพื้นที่เสี่ยงและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านภัยพิบัติ

ก้าวต่อไปของการเตรียมพร้อม

ศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวยังได้เสนอแนวคิดปรับปรุงการแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือแทนวิทยุและโทรทัศน์ เพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ทั้งนี้ยังเน้นย้ำความสำคัญของการซักซ้อมอพยพและการบำรุงรักษาอุปกรณ์เตือนภัยให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา

งานรำลึก 20 ปีสึนามิครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เน้นย้ำความสำคัญของการเตรียมพร้อม แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและภาคส่วนต่างๆ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในอนาคต

“อย่าประมาทกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น เราทุกคนต้องเตรียมพร้อมเสมอเพื่อความปลอดภัยของชุมชนและประเทศชาติ” ศ.ดร.เป็นหนึ่ง กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน และกระตุ้นให้ภาครัฐดำเนินการเชิงรุกในการรับมือภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566-2567

เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2567 สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ณ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โดยมีผู้แทนสมาชิกสมาคมเข้าร่วมประชุม 38 องค์กร เพื่อรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ สมัยที่ 13 (ปี 2567) รายงานสถานะการเงินประจำปี 2566-2567, แต่งตั้งผู้สอบบัญชี และแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมาย

การขับเคลื่อนโครงการปี 2567

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ สมัยที่ 13 มีรายละเอียดโครงการประกอบด้วย

  1. กิจกรรมสัมมนา “กระชับสัมพันธ์ SONP” ระดมสมองทิศทางการดำเนินงานปี 67 ณ เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ
  2. กิจกรรม One Day Training ครั้งที่ 1: หัวข้อ “Digital Journalism in the context of Influencer Economy Business Model & Monetization”, ครั้งที่ 2: หัวข้อ “ความสำคัญของ MarTech กับอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล ในยุค Digital Era” ส่วนครั้งที่ 3 หัวข้อ “Navigating Change: Strategies for Survival of Online News Providers in the Evolving Media Landscape” และครั้งที่ 4 หัวข้อ: Cyber Security & กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  3. โครงการอบรมเชิงปฎิบัติการผู้ผลิตข่าวรุ่นเยาว์ ประจำปี 2567 รุ่นที่ 8 (Young Digital News Providers 2024) ณ ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี
  4. โครงการประกวด รางวัลข่าวดิจิทัลยอดเยี่ยม ประจำปี 2567 (Digital News Excellence Awards 2024) ณ ห้องมรกต โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ โดยในปีนี้เป็นปีแรกที่ต่อยอดจากโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการผู้ผลิตข่าวรุ่นเยาว์ เปิดเวทีให้นิสิต นักศึกษา ผู้เข้าอบรมในโครงการฯ ส่งผลงานเข้าประกวด ในประเภท “รางวัลผู้ผลิตข่าวรุ่นเยาว์” เพื่อเตรียมความพร้อมกับการก้าวเข้ามาทำงานในวงการข่าวดิจิทัลอย่างมืออาชีพ

การจับมือพันธมิตรด้านสื่อสารมวลชนเพื่อสังคม

นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังเข้าร่วมกับพันธมิตรด้านสื่อสารมวลชน จัดทำโครงการเพื่อสังคม และพันธมิตรสื่อต่างประเทศ อาทิ

  1. ร่วมเวที Media Forum กฎบัตรปารีสเรื่องจริธรรมสื่อในยุค AI และ บริบทของไทย จัดโดย สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ
  2. ร่วมเป็นกรรมการ (ร่าง) แนวปฏิบัติ เรื่อง การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับสื่อมวลชน โดย สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติพร้อมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น
  3. ร่วมประชุมความร่วมมือระหว่างองค์กรสื่อของไทยและกัมพูชา
  4. พบปะหารือกับทีมโฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย
  5. เปิดตัวโครงการเพื่อสังคม ภายใต้ชื่อ: Cyber Booster #สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์

ความท้าทายด้านเทคโนโลยี สมาคมฯ

นายนันทสิทธิ์ นิตย์เมธา นายกสมาคมฯ กล่าวขอบคุณ “คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ สมาชิกสมาคมฯ ทุกองค์กรที่ร่วมกันขับเคลื่อน และผลักดันวิชาชีพด้านสื่อออนไลน์ จากความท้าทายด้านเทคโนโลยี สมาคมฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนในหลาย ๆ ด้าน เนื่องจากปัจจุบันได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้น จึงต้องมีผู้ดูแลบริหารจัดการงานสมาคมฯ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ อุปนายกดูแลเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านมาตรฐานวิชาชีพ ด้านพัฒนาธุรกิจ และด้านวิชาการ รวมถึงมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการบริหารสมาคมฯ ด้วย”

สำหรับการดำเนินงานของสมาคมฯ ในปี 2567 นั้น นโยบายหลักของสมาคมฯ คือ การพัฒนาให้ความรู้กับบุคลากรของสมาชิก โดยในปีนี้ได้มีความร่วมมือกับพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรภาครัฐ หรือองค์กรเอกชน รวมถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้ความรู้กับสมาชิกฯ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ รวมถึงการสร้างสรรค์ผลิตคอนเทนต์ อาทิ การอบรม One Day Training ที่ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการ และภาคเอกชน จัดทำโครงการเพื่อประโยชน์ต่อสังคม อย่างเช่น โครงการ Cyber Booster #สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ สร้างความปลอดภัย เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยเหลือประชาชนให้รู้ทันภัยไซเบอร์จากมิจฉาชีพออนไลน์ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ โดยร่วมกับ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  รายการสถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส  และ บริษัท เทลสกอร์ จำกัด ซึ่งเป็นโครงการฯ ต่อเนื่องในปีต่อ ๆ ไป ส่วนการหารายได้ยังมีการหารือร่วมกับทาง Google พร้อมทั้งเน้นย้ำอุปนายกด้านพัฒนาธุรกิจ ระดมกรรมการตั้ง Core Team เพื่อหาแนวทางการสร้างรายได้ใหม่ ๆ ให้กับสมาชิก

“ขอชื่นชมโครงการประกวด “รางวัลข่าวดิจิทัลยอดเยี่ยม” ครั้งที่ 10 มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดมากขึ้น รวมถึงสมาชิกสมาคมฯ ที่ส่งผลงานเนื้อหาในรูปแบบวิดีโอที่ชวนติดตามตั้งแต่วินาทีแรกจนจบคลิป แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาด้านการสร้างสรรค์ของหลายสื่อสมาชิก และมียอดการรับชมที่สูง แต่ไม่ได้ลดคุณภาพของเนื้อหาการทำหน้าที่สื่อ และสุดท้ายขอขอบคุณสมาชิกทุกองค์กรที่ให้ความช่วยเหลืองานกิจกรรมสมาคมฯ มาตลอดทั้งปี”

จากนั้น ในที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ที่ปรึกษา และ สมาชิกสมาคมฯ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมทั้งหารือให้คำแนะนำแก่คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เพื่อนำไปพัฒนา ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในปีต่อไป

การวางทิศทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมสื่อ

นายระวี ตะวันธรงค์ ที่ปรึกษา สมาคมฯ กล่าวว่า “ขอชื่นชมการทำงานของนายกฯ และคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ในปีหน้าจะเป็นปีที่แนวโน้มเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ซึ่งจะมีผลต่อธุรกิจโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของเทคโนโลยีที่กระทบต่ออุตสาหกรรมสื่อ ทางสมาคมฯ ควรมีการวางทิศทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมสื่อ เพื่อช่วยเหลือบุคลากรด้านสื่อที่อาจจะตกงานเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือวิทยุ จึงขอฝากสมาคมฯ เรื่องของการพัฒนาอุตสาหกรรมทั้งองค์กร และบุคลากร”

หลักสูตรระยะสั้น เพื่อช่วยเหลือบุคลากร

นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษา สมาคมฯ กล่าวเสนอ “ให้จัดทำหลักสูตรระยะสั้น เพื่อช่วยเหลือบุคลากรในวิชาชีพที่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างธุรกิจสื่อ และหรือบุคคลที่ต้องการทำสำนักข่าวออนไลน์ เนื้อหาหลักสูตรต้องครบกระบวนการผลิตข่าวออนไลน์ ที่รวมถึงเรื่องการตลาด แนวทางการสร้างรายได้ แนะนำแหล่งเงินทุน รวมทั้งเรื่องของกฎหมาย จริยธรรมเข้าไปด้วย ซึ่งสมาคมฯ มีศักยภาพในการบริหารจัดทำหลักสูตร”

ทางรอดของสื่อต้องเน้นการทำข่าวเชิงสืบสวน

นางสาวชุตินธรา วัฒนกุล ที่ปรึกษา สมาคมฯ กล่าวว่า “ขอแบ่งปันการเข้าร่วมสัมมนาที่ประเทศเยอรมัน เรื่อง “เสรีภาพสื่อ” ซึ่งพบว่าสื่อจากหลายประเทศ ไม่ค่อยมีเสรีภาพในการนำเสนอข่าว ทั้งยังมีการพูดถึงเรื่อง AI และเรื่องการทำข่าวเชิงสืบสวนในยุคที่ AI เข้ามาคุกคาม โดยมองว่าทางรอดของสื่อต้องเน้นการทำข่าวเชิงสืบสวน สื่อต้องปรับตัว เนื่องจากในตลาดมีทั้ง Influencer รวมทั้ง User generated content ดังนั้นสื่อต้องทบทวนว่า คอนเทนต์ที่นำเสนอไปนั้นแตกต่างจากคนเหล่านี้หรือไม่ ทั้งเรื่องข่าวเชิงสืบสวนหรือ Solution journalism นอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่อง Fact checking และที่น่าสนใจคือเรื่อง การใช้วัฒนธรรม POP Culture ส่ง Message สื่อสารเชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่”

ปัจจุบันสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ https://www.sonp.or.th/ มีสมาชิกทั้งสิ้น 50 องค์กร ซึ่งประกอบไปด้วยองค์กรสื่อ และองค์กรที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการผลิตข่าวออนไลน์ โดยในปีนี้สมาคมฯ ได้เริ่มเปิดรับสมาชิกวิสามัญ ประเภท Corporate member หรือสมาชิกองค์กร อีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

ราคากาแฟโลกพุ่งสูงสุดในรอบหลายปี เหตุภัยแล้ง-ฝนหนัก

ราคากาแฟพุ่งสูงทั่วโลก เหตุสภาพอากาศแปรปรวนในบราซิลและเวียดนาม

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 รายงานจาก Trading Economics เผยว่าราคากาแฟทั่วโลกพุ่งสูงสุดในรอบหลายปี สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในบราซิลและเวียดนาม ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟหลักของโลก โดยเมล็ดกาแฟอาราบิก้าซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 75% ของการผลิตกาแฟทั่วโลก มีราคาพุ่งทะลุ $3.44 ต่อปอนด์ (0.45 กิโลกรัม) เพิ่มขึ้นกว่า 80% ในปีนี้ ขณะที่กาแฟโรบัสต้าราคาสูงถึง $5,694 ต่อเมตริกตันในปลายเดือนพฤศจิกายน

สาเหตุที่ราคาเพิ่มสูง

บราซิลเผชิญภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปีในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2567 และตามด้วยฝนตกหนักในเดือนตุลาคม ส่งผลให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตกาแฟได้รับผลกระทบอย่างมาก เวียดนาม ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ก็ประสบปัญหาสภาพอากาศแปรปรวนในลักษณะเดียวกัน ส่งผลให้ผลผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ผลกระทบต่อผู้บริโภค

ราคากาแฟที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้แบรนด์กาแฟยักษ์ใหญ่ เช่น Nestlé และ Lavazza ต้องปรับราคาสินค้า Nestlé เปิดเผยว่าราคากาแฟสำเร็จรูปในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นถึง 15% ในปีนี้ และบริษัทต้องลดขนาดแพ็คเกจเพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค ส่วน Lavazza ยืนยันว่าราคากาแฟจะยังคงอยู่ในระดับสูงจนถึงกลางปี 2568

มุมมองจากเกษตรกร

ในอีกด้านหนึ่ง Will Corby ผู้อำนวยการฝ่ายกาแฟและผลกระทบต่อสังคมจาก Pact Coffee ชี้ว่าราคากาแฟที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นโอกาสให้เกษตรกรในประเทศแหล่งผลิตได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ความนิยมที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าราคาจะพุ่งสูง แต่ความต้องการบริโภคกาแฟทั่วโลกยังคงเติบโต โดยเฉพาะในประเทศจีนที่การบริโภคเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Fernanda Okada นักวิเคราะห์ราคากาแฟจาก S&P Global Commodity Insights คาดการณ์ว่าราคากาแฟที่สูงจะยังคงอยู่ในระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากสต็อกของผู้ผลิตและโรงคั่วกาแฟยังอยู่ในระดับต่ำ

การรับมือของแบรนด์กาแฟ

บริษัทกาแฟอย่าง Nestlé และ Lavazza พยายามรักษาความสัมพันธ์กับผู้บริโภคด้วยการไม่ปรับราคามากเกินไป อย่างไรก็ตาม ความกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้องปรับราคาขึ้นในที่สุด

แนวโน้มในอนาคต

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าปัญหาเรื่องผลผลิตจากแหล่งปลูกหลัก เช่น บราซิลและเวียดนาม อาจส่งผลให้ราคากาแฟยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป หากสภาพอากาศไม่กลับสู่สภาวะปกติ

ราคากาแฟที่สูงขึ้นอาจกระทบต่อผู้บริโภคทั่วโลก แต่ก็เป็นโอกาสสำคัญที่เกษตรกรในประเทศแหล่งผลิตจะได้รับค่าตอบแทนที่ดีขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมกาแฟที่ต้องเผชิญความท้าทายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : theguardian / bbc /irishnews / LOCAL Coffee

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE