Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

โตโยต้าเชียงรายร่วมมือชมรมราชการ มอบผ้าห่มต้านภัยหนาวเชียงราย

บริษัทโตโยต้าเชียงราย มอบผ้าห่มกันหนาวแก่ชมรมหัวหน้าส่วนราชการ เมืองเจียงฮาย

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด นำโดย คุณเรืองชัย จิตรสกุล และ คุณจินตนา จิตรสกุล ผู้บริหารบริษัทฯ และรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ได้มอบผ้าห่มกันหนาวจำนวน 100 ผืน มูลค่า 45,000 บาท ให้แก่ “ชมรมหัวหน้าส่วนราชการ เมืองเจียงฮาย” โดยมี นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย เป็นผู้แทนรับมอบ ณ โชว์รูม บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด ถนนพหลโยธิน อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

ในโอกาสนี้ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยสมาชิกชมรมหัวหน้าส่วนราชการ เมืองเจียงฮาย ได้จัดกิจกรรม “ส่งมอบความห่วงใยถึงชาวเชียงราย” เพื่อนำผ้าห่มกันหนาวไปมอบให้แก่ผู้ขาดแคลนและผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งการบริจาคครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยหนาวในจังหวัด

ร่วมส่งความอบอุ่นถึงผู้ที่ขาดแคลน

กิจกรรมครั้งนี้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนทั่วไปที่สนใจร่วมสนับสนุนนำเครื่องกันหนาวมาบริจาคเพิ่มเติม โดยสามารถส่งมอบได้ที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อรวบรวมไปแจกจ่ายแก่ผู้ที่ต้องการในพื้นที่ต่าง ๆ

สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 092-2468347 (นางสาวนันทวรรณ กันคำ) ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

โตโยต้าเชียงราย ร่วมสร้างชุมชนที่อบอุ่น

บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด มุ่งมั่นส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนกิจกรรมที่ช่วยเหลือชุมชนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการมอบเครื่องกันหนาวหรือการส่งเสริมการศึกษา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยกิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะส่งมอบความอบอุ่นและห่วงใยให้แก่ประชาชนในช่วงฤดูหนาว

ความสำคัญของกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล การจัดกิจกรรมเช่นนี้ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบจากภัยหนาว แต่ยังแสดงถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างสังคมที่อบอุ่นและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เชียงรายกำลังเดินหน้าไปสู่การเป็นชุมชนที่พร้อมช่วยเหลือและแบ่งปัน เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถผ่านพ้นฤดูหนาวนี้ไปได้อย่างอบอุ่นและปลอดภัย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
FEATURED NEWS

ACT จับตาโกงเลือกตั้ง อบจ. 68 หลังงบจ้างงานพุ่ง 100 ล้าน

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเผยกลโกงเลือกตั้ง อบจ. 68 ตั้งงบจ้างงานเพิ่มพิเศษ จับตา 20 จังหวัดงบบุคลากรพุ่งกว่า 100 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดข้อมูลกลโกงเลือกตั้ง อบจ. วิธีใหม่  พร้อมชวนสังคมตั้งคำถาม และจับตา “20 อบจ.” ที่มีการตั้งงบฯจ้างบุคลากรเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ  หลายพื้นที่ตัวเลขสูงกว่า 100 ล้านบาท  ขณะที่การใช้เงินซื้อเสียงแบบดั้งเดิมยังคงระอุ คาดตัวเลขต้นทุนที่ผู้สมัครต้องจ่ายอาจไต่เพดานสูงถึง 300 ล้านบาท เตือน “นักซื้อ” ให้ระวังประชาชนรับเงินแต่อาจไม่เลือก

นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เปิดเผยถึงกลโกงการเลือกตั้ง อบจ.68 ว่าที่ผ่านมามักเกิดขึ้นจากกลไกการเมืองผ่านเครือข่ายหัวคะแนนและเครือข่ายบ้านใหญ่ที่ถูกจัดวางไว้ครอบคลุมทุกระดับและมีการใช้ควบคู่กับกลไกรัฐผ่านฝ่ายปกครองและเครือข่ายสาธารณะสุข  ขณะที่การทุ่มซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้จำกัดแค่การซื้อด้วยเงินแบบวิธีการเดิมๆ แต่มี “อุบาย” ใหม่ ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง นั่นคือ ในปีที่มีการเลือกตั้ง อบจ. มักมีการเพิ่มงบบุคลากร โดยมีข้อสงสัยว่าเป็นการเพิ่มงบเพื่อจ้างพนักงานจ้าง/ลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนอัตรากำลัง บาง อบจ. เพิ่มงบบุคลากรเกินร้อยละ 40 ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งขัดต่อมาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลท้องถิ่น

นายมานะ ระบุว่า การโกงในรูปแบบนี้มีผลกระทบต่อการใช้งบประมาณและสร้างระบบที่ขาดความโปร่งใส พร้อมเตือนผู้สมัครให้ระวัง เพราะชาวบ้านอาจรับเงินซื้อเสียง แต่ไม่ลงคะแนนให้ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มักรับเงินแต่ไม่ลงคะแนน

จากข้อมูลการร้องเรียนต่อ กกต. ในปี 2563 มีเรื่องร้องเรียนถึง 718 เรื่อง แต่ส่งฟ้องศาลเพียง 47 เรื่อง หรือร้อยละ 6.5 เท่านั้น ปัญหานี้เกิดจากประชาชนไม่มั่นใจว่า กกต. จะสามารถปกป้องตัวผู้ร้องเรียนและดำเนินคดีได้อย่างจริงจัง

ข้อมูลสำคัญ

  1. จังหวัดที่มีงบบุคลากรเพิ่มสูงสุด:
    • ขอนแก่น: 650 ล้านบาท
    • ร้อยเอ็ด: 433 ล้านบาท
    • นราธิวาส: 360 ล้านบาท
  2. รูปแบบการโกงที่พบ:
    • เพิ่มงบบุคลากรเพื่อสร้างเครือข่าย
    • ใช้งบจ้างเหมาบริการกับบุคคลในเครือข่าย
    • ทุ่มซื้อเสียงผ่านหัวคะแนน
  3. ผลกระทบ:
    • สร้างระบบที่ขาดความโปร่งใส
    • ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในระบบการตรวจสอบ

พบ อบจ.ที่มีสัดส่วนงบบุคลากรปี 2568 เกินร้อยละ 40

ทั้งนี้  พบ อบจ.ที่มีสัดส่วนงบบุคลากรปี 2568 เกินร้อยละ 40 ทั้งหมด 20 จังหวัดประกอบด้วย

  1. ศรีสะเกษ นราธิวาส มหาสารคาม (เพิ่มเท่ากัน ร้อยละ 57)
  2. มุกดาหาร (ร้อยละ 55)
  3. พิจิตร (ร้อยละ 54)
  4. ชัยภูมิ (ร้อยละ 51)
  5. กาฬสินธุ์ (ร้อยละ 50)
  6. สกลนคร (ร้อยละ 49)
  7. หนองบัวลำภู (ร้อยละ 48)
  8. พัทลุง นครราชสีมา (ร้อยละ 47)
  9. ยะลา ร้อยเอ็ด ขอนแก่น (ร้อยละ 46)
  10. อำนาจเจริญ น่าน (ร้อยละ 45)
  11. แพร่ อุตรดิตถ์ (ร้อยละ 43)
  12. สระแก้ว พะเยา (ร้อยละ 42)

ในจำนวนนี้ อบจ.ที่มีงบบุคลากรปี 2568 เพิ่มขึ้นจากปี 2567 สูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

1) ขอนแก่น 650 ลบ.

2)ร้อยเอ็ด 433 ลบ.

3)นราธิวาส 360 ลบ.

4)มหาสารคาม 355 ลบ.

5)ชลบุรี 335 ลบ.

“ถ้าข้อสงสัยนี้เป็นจริงเท่ากับว่า มีการใช้เงินหลวงสร้างเครือข่ายพวกพ้องมหาศาล เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง ส่วนใหญ่เน้นจ้างลูกหลานคนในพื้นที่เป็นลูกจ้างหรือพนักงานชั่วคราว 1 – 2 ปี หลังจากนั้นอาจจ้างต่อหรือเลิกจ้าง พื้นที่ไหนตุกติกทำคะแนนไม่เข้าเป้า คนจากพื้นที่นั้นก็จะถูกเลิกจ้าง” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ

คนที่ได้รับสัญญาจ้างเหมามักเป็นคนในเครือข่าย

นอกจากงบฯจ้างคนแล้ว ยังมีงบจ้างงานถูกใช้จ้างเหมาบริการ เช่น ขุดลอกคูคลอง ดูแลสวนสาธารณะ กวาดถนน มีทั้งที่อบจ. จ้างและจัดสรรงบให้เทศบาลหรืออบต.เป็นงบมูลค่าประมาณหลักแสนบาท หรือน้อยกว่า คนที่ได้รับสัญญาจ้างเหมามักเป็นคนในเครือข่าย เม็ดเงินส่วนนี้เกิดจากความตั้งใจทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่ำกว่ารายได้ที่จะเกิดขึ้นจริง เพื่อให้เกิดเงินเหลือใช้กลายเป็นเงินสะสม แล้วขออนุมัติใช้เงินนี้จากสภา อบจ. โดยตั้งเป็นวาระพิเศษหรือวาระจร ทำให้ขาดการศึกษาพิจารณาที่รอบคอบ และชาวบ้านย่อมไม่ได้รับทราบ

“การใช้เงินหลวงสร้างเครือข่ายพวกพ้อง แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มีผู้รู้เห็นจำนวนมาก แต่ไม่กล้าพูดเพราะกลัวกระทบผู้เสียประโยชน์ หรือขัดใจชาวบ้านบางกลุ่ม แม้นักการเมืองที่เป็นคู่แข่งก็ไม่อยากพูด กลัวเสียโอกาส หากวันข้างหน้าตนเป็นผู้ชนะบ้าง”

เงินเดือนนายก อบจ. 75,550 บาท รวม 4 ปีเป็นเงิน 3,624,000 บาท

สำหรับการทุ่มซื้อเสียงผ่านกลไกการเมือง ผ่านเครือข่ายหัวคะแนนในพื้นที่ และเครือข่ายบ้านใหญ่นั้น ผู้สมัครฯ ที่ยังใช้วิธีเดิมๆ อาจหมดค่าใช้จ่ายในการหาเสียง บวกเงินซื้อเสียงและเงินวงพนัน ราว 60 – 300 ล้านบาท ตามขนาดจังหวัดและความเข้มข้นในการแข่งขัน หลายจังหวัดใช้ อสม. บางคนคุมเสียงในพื้นที่เล็กๆ เพราะเครดิตดี เป็นผู้หญิง คนเชื่อถือมาก ต่างจากกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ติดภาพว่าเป็นคนมีตำแหน่ง มีอิทธิพล ข่มชาวบ้าน หรือมีประวัติอมเงิน

“เงินเดือนนายก อบจ. 75,550 บาท รวม 4 ปีเป็นเงิน 3,624,000 บาท บวกเบี้ยประชุมแล้วยังมองไม่ออกว่าจะถอนทุนคืนจากไหน รู้แต่คนไทยร้อยละ 95.4 บอกว่า ใน อบจ. มีการโกงมโหฬาร”

วิธีการซื้อเสียงแบบดั้งเดิมจะมีการวางเครือข่ายหัวคะแนนเดินจดโพยรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตามพื้นที่ต่างๆ แล้วแจกเงินสดหรือโอนผ่านพร้อมเพย์  ในอัตราตั้งแต่ 200- 3,000 บาท เฉลี่ยทั่วประเทศ 900 บาท  กรณีการไปฟังปราศรัยชาวบ้านจะได้เงินอีกครั้งละ  300 บาท ส่วนรถรับจ้างที่ขนคนได้เงิน 1,500 บาท หลายพื้นที่จะมีการบอกผู้สมัครไว้เลยว่าขอไม่ให้จัดเวทีซ้อนกันเพื่อจะได้ไปหลายงาน บางวันมีรอบเที่ยง บ่าย ค่ำ ก็ได้รับเงิน 3 เวทีตลอดวัน

“ในอดีตชาวบ้านร้อยละ 80 จะรักษาคำพูดเมื่อรับเงินมาแล้ว แต่จากการสำรวจล่าสุดของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่าประชาชนร้อยละ 56 เป็นปลาที่กินเหยื่อแต่ไม่กินเบ็ด คือรับเงินแต่ไม่ลงคะแนนให้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อายุ 18 ถึง 40 ปี”

วางกลยุทธ์ราคาเดิมพันต่างกันตามสถานการณ์

อีกวิธี เป็นการเปิดบ่อนพนันเดิมพันว่าใครจะชนะ ผู้บงการจะวางกลยุทธ์ราคาเดิมพันต่างกันตามสถานการณ์และเขตพื้นที่ เช่น ในกรณีผู้สมัครฯ ยังไม่มั่นใจว่าตนจะชนะเลือกตั้ง ช่วงเริ่มต้นจะหยั่งเสียงด้วยการตั้งราคาต่อรอง 10:3 เพื่อดูศักยภาพคู่แข่ง ถ้ามีคนแทงมากแปลว่ามีคะแนนเสียงดี แล้วขยับราคาต่อรองขึ้นเป็น 2:1 หรือ 3:2 จนไม่มีราคาต่อ หากพบว่าคู่แข่งมีคะแนนเสียงดีมากแล้ว  วิธีการนี้จะจูงใจชาวบ้านให้แทงข้างตนมากๆ จะได้ไปชักชวนคนอื่นๆ มาลงคะแนนให้ตนเพื่อได้เงินเดิมพัน  ในกรณีผู้บงการมั่นใจว่าตนชนะเลือกตั้งแน่ จะแอบวางเดิมพันด้วยเพื่อหวังกำไรมาคืนทุน

คดีเกือบทั้งหมดไม่สามารถสาวถึงตัวบงการ

คนไทยร้อยละ 68 รู้ว่ามีการซื้อเสียงเกิดขึ้น แล้วกกต.หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง รับทราบหรือไม่ ? ข้อมูลเลือกตั้งนายก อบจ. ปี 2563 มีเรื่องร้องเรียนสู่ กกต. 718 เรื่อง แต่ส่งฟ้องศาลเพียง 47 เรื่อง หรือร้อยละ 6.5 เท่านั้น ในจำนวนนี้มีผู้สมัครฯ ตกเป็นจำเลย ถูกลงโทษอาญาและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเพียง 4 คดี นอกนั้นเป็นหัวคะแนนหรือใครก็ไม่รู้

กกต. เคยชี้แจงว่าเหตุที่ดำเนินคดีผู้สมัครที่ซื้อเสียงได้น้อยมาก เพราะไม่มีใครแจ้งหรือให้ข้อมูล ปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะประชาชนไม่เชื่อว่า กกต. จะกล้าเอาจริงและปกปิดตัวตนผู้ร้องเรียนได้ การร้องเรียนจังดูเป็นเรื่องไร้ค่า เพราะคดีเกือบทั้งหมดไม่สามารถสาวถึงตัวบงการ แม้จะชัดว่าใครคือผู้ได้ประโยชน์จากการซื้อเสียง คนชนะเลือกตั้งกลับตรวจสอบคุณสมบัติไม่ผ่าน เช่น ติดคดี มีประวัติต้องห้าม ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งก่อน ฯลฯ 

“แน่นอนว่าหาก กกต. ไม่ทำงานเชิงรุก การซื้อเสียงและโกงเลือกตั้งจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

‘เซ็นทรัล’ มอบสถานีเตือนภัยน้ำท่วม เชื่อมสัมพันธ์ไทย-เมียนมา

เซ็นทรัลมอบสถานีเตือนภัยน้ำท่วมให้เมียนมา พร้อมฟื้นฟูชุมชนแม่สาย

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 กลุ่มเซ็นทรัล ได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติสำหรับการเตือนภัยน้ำท่วมให้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟื้นฟูและสนับสนุนการเตือนภัยน้ำท่วมในพื้นที่แม่สายและท่าขี้เหล็ก

ในงานนี้มีตัวแทนสำคัญจากกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ คุณสมกมล จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย คุณณรงค์ ประทินสุขอำไพ ผู้จัดการเขต ร้านซุปเปอร์สปอร์ต ภาคเหนือ และ คุณนราวิขญ์ วงค์ปิน ผู้จัดการฝ่ายขายสินค้าโรบินสัน สาขาเชียงราย ร่วมกับ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นประธานในพิธี

สนับสนุนการติดตั้งสถานีเตือนภัยน้ำหลาก

สถานีโทรมาตรอัตโนมัตินี้ถูกติดตั้งจำนวน 4 สถานี โดยแบ่งเป็นฝั่งเมียนมา 3 สถานี ได้แก่ บ้านโจตาดา บ้านดอยต่อคำ และสะพานอูทูนอ่อง ในเขตบ้านสบสาย และฝั่งไทย 1 สถานี ณ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1

พันโท ตั้น หล่าย วิน ผู้บังคับการกองบังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก เมียนมา กล่าวขอบคุณฝ่ายไทยในนามประชาชนเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อเดือนกันยายน-ตุลาคม 2567 โดยสถานีโทรมาตรจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแจ้งเตือนล่วงหน้าและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ฟื้นฟูชุมชน

นอกจากการสนับสนุนสถานีเตือนภัยแล้ว มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยังจัดกิจกรรม “คืนพื้นที่ คืนความสุขให้ประชาชน” มอบสิ่งของจำเป็น เช่น ผ้าห่ม 500 ผืน อุปกรณ์กีฬา 10 ชุด ชุดเครื่องครัว และผ้าขนหนู รวมมูลค่า 137,793 บาท เพื่อช่วยฟื้นฟูจิตใจชาวบ้านในชุมชนถ้ำผาจมและชุมชนตลาดสายลมจอย

ความร่วมมือเชิงพื้นที่เพื่อป้องกันภัย

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย กล่าวว่าการดำเนินโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในระดับภูมิภาค โดยสถานีโทรมาตรอัตโนมัติได้ถูกขยายไปยัง สปป.ลาว และเมียนมา ซึ่งจะช่วยแจ้งเตือนล่วงหน้าแก่ชุมชนเครือข่ายในพื้นที่เสี่ยงภัย

โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากสถานีโทรมาตรและส่งต่อไปยังชุมชนเพื่อการเตรียมพร้อม

ผลักดันมาตรการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน

การติดตั้งสถานีโทรมาตรในพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก เช่น บริเวณลำน้ำสาย ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดผลกระทบจากภัยพิบัติ พร้อมทั้งวางแผนสนับสนุนอุปกรณ์ช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น รถพยาบาลยกสูงและการจัดอบรมทีมกู้ภัยในอนาคต

ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและเมียนมา พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระดับท้องถิ่นและระดับชาติในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคอย่างยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

เครือข่ายสื่อมวลชนร่วมต้านคอร์รัปชัน สร้างสังคมโปร่งใสยั่งยืน

เครือข่ายสื่อมวลชนรวมพลังต่อต้านคอร์รัปชัน เดินหน้าโครงการสื่อสืบสวนระดับชาติ

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 โครงการความร่วมมือ “เครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านคอร์รัปชัน” (Investigative Journalism Fellowship Program for Anti-Corruption) ได้จัดขึ้น ณ The Botanical House ซอยพระราม 9 โดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิเพื่อคนไทย คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายหลายหน่วยงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมบทบาทสื่อมวลชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ป้องกันและเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชันในสังคม

วัตถุประสงค์โครงการ: เสริมบทบาทสื่อสืบสวนเพื่อสังคมไทยที่โปร่งใส

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำงานของสื่อมวลชนด้านสืบสวนสอบสวน โดยเฉพาะประเด็นการทุจริตคอร์รัปชันในหลากหลายมิติ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการนำเสนอข้อมูลเพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่สังคม พร้อมปลุกพลังประชาชนให้มีส่วนร่วมในการต่อต้านการคอร์รัปชัน

กิจกรรมภายในงาน: แบ่งปันประสบการณ์ ปลุกพลังสื่อ

ภายในงานมีการบรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่

  • คุณวิเชียร พงศธร ประธานมูลนิธิเพื่อคนไทย
  • คุณปรางค์ทิพย์ ดาวเรือง นักวิจัยอิสระด้านมาเลเซีย และสมาชิกเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ)
  • พิพัฒน์ พึ่งพาพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
  • มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) 

ไฮไลต์กิจกรรมสำคัญ:

  1. เผยผลวิจัยสื่อ: สะท้อนปัญหาและความท้าทายการทำงานสืบสวนสอบสวน
  2. ระดมความคิดสร้างสรรค์: ออกแบบแนวทางแก้ปัญหาและพัฒนาแผนงานสื่อสืบสวน
  3. สร้างเครือข่าย: รวมพลังสื่อมวลชนเพื่อขับเคลื่อนงานตรวจสอบทั่วประเทศ

การมีส่วนร่วมของสื่อมวลชนหลากหลายช่องทาง

งานนี้ได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนทั่วประเทศ เช่น ThaiPBS News, ช่อง 7 HD, สำนักข่าวอิศรา, THE STANDARD, The Momentum, Songkhla Focus, นครเชียงรายนิวส์ เป็นต้น โดยมีสื่อท้องถิ่นและสื่อภูมิภาคเข้าร่วมอย่างคึกคัก

คุณกันณพงศ์ – มนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารนครเชียงรายนิวส์ กล่าวถึงความสำคัญของการร่วมสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนที่มีเป้าหมายเดียวกันในการตรวจสอบการคอร์รัปชันในทุกมิติ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของสื่อท้องถิ่นในฐานะผู้ใกล้ชิดกับปัญหาและประชาชน

ความสำเร็จและเป้าหมายในอนาคต

ท้ายที่สุด ผู้เข้าร่วมโครงการได้ร่วมสร้างเครือข่ายสื่อมวลชนระดับชาติ เพื่อสนับสนุนการทำงานด้านสืบสวนสอบสวนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมุ่งหวังให้เกิดสังคมที่โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และลดปัญหาคอร์รัปชันในระยะยาว

โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการทำงานของสื่อมวลชน แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับสื่อในทุกระดับในการใช้ศักยภาพของตนเพื่อตรวจสอบและสร้างสรรค์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เชียงรายจัดงานสุขภาพ ‘นอนดี ใจ๋แฮปปี้’ สร้างแรงบันดาลใจชุมชน

งาน “นอนดี ใจ๋แฮปปี้” เชียงราย: สร้างสุขภาพดี สร้างแรงบันดาลใจในชุมชน

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 งาน “นอนดี ใจ๋แฮปปี้” ได้จัดขึ้น ณ ลานการ์เด้น โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น จังหวัดเชียงราย ในบรรยากาศที่อบอุ่นและตรงกลุ่มเป้าหมาย ผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วยผู้สูงอายุ ประชาชนทั่วไป ผู้นำชุมชน และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 พรรคประชาชน ที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในชุมชนอย่างเต็มที่

นิทรรศการสุขภาพที่น่าสนใจ

งานเริ่มต้นด้วยนิทรรศการสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้าร่วม เช่น การบรรยายเรื่อง “โรคหยุดหายใจขณะหลับ” โดย นพ.จิรยศ จินตนาดิลก ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การนอนหลับ ถ่ายทอดผ่านระบบ VDO Conference ที่เข้าใจง่ายและเป็นประโยชน์

กิจกรรมเพื่อสุขภาพแบบครบวงจร

ในเซสชั่นถัดมา มีการจัด โยคะนิทรา โดย ครูเก๋ วรารักษ์ สู่โนนทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านโยคะหัวเราะ เพื่อเสริมสร้างสมดุลทางอารมณ์และร่างกาย

ช่วงบ่าย ผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้เกี่ยวกับ สมุนไพรเพื่อการนอนหลับ และได้ชมการสาธิตทำอาหารโดยใช้วัตถุดิบสมุนไพรไทยจากเชฟใหญ่ของโรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอนวัตกรรมสุขภาพ เช่น Aidery Connect Application ที่ช่วยเชื่อมโยงกับ IoT เพื่อตรวจสุขภาพเบื้องต้น

สร้างแรงบันดาลใจผ่านแนวคิดสิ่งแวดล้อม

ในเซสชั่นที่ 4 มีการนำเสนอแนวคิด Chiang Rai Zero Burn & Zero Flare (CRZF) โดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น ว่าที่ ร.ต.ดุจเดี่ยว วงศ์ภักดิ์ ที่ปรึกษาสภาเกษตรกร และ นางสาวกมลชนก สว่างศิลป์ นักวิชาการพลังงาน ที่มุ่งเน้นลดการเผาและดูแลสิ่งแวดล้อม

การสนับสนุนจากหลากหลายองค์กร

งานนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (เชียงราย), สมาคมศักดิ์ศรีคนพิการไท, ชุมชนสันโค้งน้อย และกลุ่มองค์กรพัฒนาเกษตร รวมถึงบูธจากบริษัทด้านนวัตกรรมและสุขภาพ เช่น Garmin, Boncafé, และไร่รื่นรมย์

ผลตอบรับจากผู้เข้าร่วมงาน

ผู้เข้าร่วมงานต่างชื่นชมกิจกรรมว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้เรื่องสุขภาพ พร้อมทั้งประทับใจในบรรยากาศที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม งานนี้ไม่เพียงสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดกิจกรรมดี ๆ อีกในอนาคต

งาน “นอนดี ใจ๋แฮปปี้” เชียงรายจึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับชุมชนในด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ตลาดหลักทรัพย์ฯ มอบผ้าห่ม ช่วยชาวเชียงรายต้านภัยหนาว

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือกองทัพไทย มอบผ้าห่มกันหนาวช่วยผู้ประสบภัยเชียงราย ชี้ภัยหนาวเสี่ยงอันตรายรุนแรง

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมายและบริหารกิจกรรมเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นาวาอากาศเอก ณัฐพัชร หนองแสง ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ผู้แทนจากกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ร่วมกันส่งมอบ ผ้าห่มกันหนาวและถุงยังชีพ ที่บรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค เวชภัณฑ์ และสิ่งของจำเป็น ให้กับประชาชนในพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะอากาศหนาวจัด

ผ้าห่มที่มอบในครั้งนี้ผลิตจาก ขวดพลาสติกรีไซเคิล (Upcycling) โดยวิสาหกิจชุมชนบ้านวัดจากแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความอบอุ่นแก่ผู้ประสบภัยแล้ว ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมจากการลดขยะพลาสติก ตอกย้ำถึงการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ และกองทัพไทยต่างเล็งเห็นความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาวะภัยหนาวที่มักส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คน

อากาศหนาวจัด: ภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพ

อากาศหนาวจัดอาจดูไม่อันตราย แต่ในความเป็นจริง ภัยหนาว สามารถสร้างความเสียหายต่อร่างกายได้รุนแรง หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว

ข้อมูลจาก กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคมของทุกปี อุณหภูมิในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมักลดต่ำลงถึง 8-10 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในพื้นที่สูง เช่น ดอยแม่สลองและดอยตุง จ.เชียงราย ซึ่งอุณหภูมิอาจลดต่ำถึง 5 องศาเซลเซียส

จากสถิติของ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในปี 2566 มีผู้ป่วยจากโรคที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศหนาวเย็นที่พบได้บ่อย ได้แก่

  1. โรคทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม และหลอดลมอักเสบ
  2. ภาวะตัวเย็นเกิน (Hypothermia) ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียความร้อนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกายล้มเหลว
  3. โรคผิวหนัง เช่น ผื่นคันและผิวหนังแห้งแตกจากการสูญเสียน้ำในร่างกาย

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวอย่างเป็นระบบ

การดำเนินการของตลาดหลักทรัพย์ฯ และกองทัพไทยในครั้งนี้ นอกจากเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าแล้ว ยังถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดความตระหนักถึงอันตรายจากอากาศหนาวในวงกว้าง

นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล กล่าวว่า
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน โดยการนำแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ ผ่านการผลิตผ้าห่มจากขวดพลาสติกรีไซเคิล ช่วยทั้งผู้ประสบภัยและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน”

นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับมือกับภัยหนาว ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าให้ความอบอุ่นเพียงพอ หมั่นดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องทำความร้อนที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย

ความร่วมมือเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

การดำเนินโครงการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึง พลังแห่งความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่ร่วมกันสร้างโอกาสในการเข้าถึงการช่วยเหลือในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน การแจกจ่ายผ้าห่มและถุงยังชีพในครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาภัยหนาวที่กำลังทวีความรุนแรงในหลายพื้นที่ และเป็นกำลังใจให้ประชาชนก้าวผ่านฤดูหนาวไปได้อย่างปลอดภัย

ข้อแนะนำสำหรับประชาชนในช่วงฤดูหนาว

  1. สวมใส่เสื้อผ้าหนาและปิดมิดชิด เพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกาย
  2. รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะอาหารร้อน เช่น น้ำขิง ซุป และอาหารโปรตีนสูง
  3. หมั่นออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
  4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนเร็วขึ้น

การมอบผ้าห่มกันหนาวและสิ่งของจำเป็นในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของการช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้อย่างแท้จริง สร้างความตระหนักถึงอันตรายจากภัยหนาว พร้อมทั้งร่วมผลักดันการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ฝ่ายสื่อสารองค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

เรียนออนไลน์ยุคใหม่ ‘ปริญญาตรี’ พร้อมมีรายได้ ไม่ต้องเดินทาง

การศึกษาออนไลน์: ทางเลือกใหม่แห่งการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษาได้รับการขับเคลื่อนไปในทิศทางใหม่ที่เน้นการเข้าถึงความรู้แบบไม่มีข้อจำกัด โดยเฉพาะในช่วงที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2563 ทำให้การเรียนการสอนในห้องเรียนแบบเดิมถูกจำกัด การศึกษาออนไลน์กลายเป็นคำตอบสำคัญที่ช่วยให้นักเรียนและนักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

ข้อดีของการศึกษาออนไลน์

  1. ความสะดวกและยืดหยุ่น
    นักเรียนสามารถเข้าถึงบทเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่เรียน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าครองชีพ
  2. การเรียนแบบเลือกเอง
    หลักสูตรออนไลน์ช่วยให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนวิชาที่สนใจได้ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องสถานที่หรือเวลา
  3. การสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ
    ผู้สอนในระบบการศึกษาออนไลน์มักเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ทำให้นักเรียนได้รับความรู้ที่มีคุณภาพ
  4. ประหยัดค่าใช้จ่าย
    การเรียนออนไลน์ช่วยลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าหนังสือ ค่าเดินทาง และค่าที่พัก
  5. การเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้
    นักเรียนจะได้ฝึกทักษะการจัดการเวลา การค้นคว้าด้วยตนเอง และการปรับตัวต่อการใช้เทคโนโลยี

คณะบริหารธุรกิจ พีไอเอ็ม: หลักสูตรออนไลน์ 100% สำหรับคนพร้อมลุยงาน

สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) เปิดโอกาสให้ผู้สนใจศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีเข้าร่วมหลักสูตรการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่แบบออนไลน์เต็มรูปแบบ (100%) โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างจากหลักสูตรทั่วไป ได้แก่

  • รูปแบบการเรียน 5+1+1
    ทำงาน 5 วัน เรียน 1 วัน หยุด 1 วัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างประสบการณ์และมีรายได้ระหว่างเรียน
  • การฝึกงานในพื้นที่ใกล้บ้าน
    นักเรียนสามารถเลือกฝึกงานในพื้นที่ใกล้เคียงกับบ้านของตนเองได้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและสามารถอยู่กับครอบครัว
  • การเรียนรู้จากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ
    คณะผู้สอนของพีไอเอ็มมีประสบการณ์ในสายงานจริง พร้อมส่งเสริมให้นักศึกษาฝึกทักษะและลงมือปฏิบัติอย่างมืออาชีพ
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร
    ผู้สนใจสามารถยื่นวุฒิการศึกษาระดับ ม.6/ปวช./กศน. หรือเทียบเท่า โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

วิธีการสมัครและรายละเอียดเพิ่มเติม

  1. สมัครเรียนผ่านลิงก์ คลิกที่นี่
  2. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

บทสรุป

การศึกษาออนไลน์ไม่เพียงช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ยังส่งเสริมให้พัฒนาทักษะที่จำเป็นในยุคดิจิทัล ด้วยหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสมดุล สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการทำงาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

‘มนรัตน์’ ผู้บริหารนครเชียงรายนิวส์ รับรางวัล ต้นแบบฑูตอารยสถาปัตย์แห่งทศวรรษ

ผู้บริหารนครเชียงรายนิวส์คว้ารางวัล Friendly Design Awards 2024 พร้อมผลักดันแนวคิด “การออกแบบเพื่อคนทั้งมวล”

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2567 มนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้บริหารสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ ขึ้นรับรางวัล Friendly Design Awards 2024 ประเภท ต้นแบบฑูตอารยสถาปัตย์แห่งทศวรรษ และได้ทำหน้าที่พิธีกรหลักในงาน Thailand Friendly Design Expo 2024: มหกรรมอารยสถาปัตย์ นวัตกรรมสุขภาพ และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 8 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 ธันวาคม 2567 ณ ฮอลล์ 101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค-บางนา กรุงเทพฯ

มหกรรมเพื่อการออกแบบที่ครอบคลุมทุกคนในสังคม

งานนี้จัดขึ้นโดย มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ภายใต้แนวคิด ท่องเที่ยวดี สุขภาพดี สังคมดี สภาพแวดล้อมดี คุณภาพชีวิตดี” โดยมุ่งเน้นการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกและนวัตกรรมที่ครอบคลุมความต้องการของคนทุกกลุ่มในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือบุคคลทั่วไป

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย

  1. การประชุมและระดมความคิดเห็นด้านการออกแบบ “อารยสถาปัตย์”
  2. การจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี Friendly Design
  3. การประกาศรางวัล Friendly Design Awards 2024 (FD Awards)

บุคคลสำคัญร่วมงานและมอบรางวัล

ในพิธีเปิดงาน มี นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และ นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมเป็นเกียรติและมอบรางวัลให้กับหน่วยงานและผู้ประกอบการที่มีส่วนร่วมในโครงการ Friendly Design

นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของงานนี้ว่า Friendly Design ไม่ใช่เพียงการออกแบบเพื่อความสวยงาม แต่เป็นการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กับการผลักดันนวัตกรรมเพื่อทุกคน

กระทรวง อว. ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม Friendly Design ที่จะช่วยลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาทั่วประเทศเข้าร่วมการพัฒนาแนวคิดนี้

นางสาวสุชาดา ยังได้ชื่นชมผลงานจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่นำเสนอผลงานด้าน Friendly Design ที่ช่วยยกระดับการเข้าถึงสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ

การท่องเที่ยวเพื่อทุกคน: Tourism for All

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งเข้ารับรางวัล FD Awards ประเภทองค์กรส่งเสริมอารยสถาปัตย์และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ได้กล่าวว่า ททท. มุ่งเน้นการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้ใช้งาน พร้อมส่งเสริมแนวคิด “Tourism for All” เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างเท่าเทียม

ททท. ยังได้ผลักดันโครงการต่างๆ เช่น

  • การปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ
  • การจัดฝึกอบรมผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ Friendly Design
  • การสร้างความตระหนักรู้ในสังคมถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวเพื่อทุกคน

ความสำเร็จของผู้บริหารนครเชียงรายนิวส์

การได้รับรางวัล Friendly Design Awards 2024 สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ในฐานะผู้เผยแพร่ข้อมูลที่ส่งเสริมความเท่าเทียมและการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล

ผู้บริหารยังได้ใช้โอกาสนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการสร้างสังคมที่เท่าเทียม และยืนยันว่าจะนำเสนอข้อมูลที่ช่วยกระตุ้นการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

มุมมองอนาคต: การออกแบบเพื่อความยั่งยืน

งาน Thailand Friendly Design Expo 2024 ได้แสดงให้เห็นว่า การออกแบบที่คำนึงถึงคนทุกกลุ่มไม่ใช่เพียงแนวคิดที่สวยงาม แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเท่าเทียมในสังคม

นวัตกรรม Friendly Design ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีนานาชาติในฐานะผู้นำด้านการออกแบบและการพัฒนาที่ยั่งยืน

บทบาทผู้บริหารสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ในงาน

การได้รับรางวัล Friendly Design Awards 2024 คุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ถือเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ ได้สะท้อนถึงความทุ่มเทในการนำเสนอข้อมูลเชิงสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอารยสถาปัตย์ในประเทศไทย ผู้บริหารฯ ยังใช้โอกาสนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาสังคมอย่างเท่าเทียมผ่านการออกแบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

งานนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของประเทศไทยในการแสดงศักยภาพด้านนวัตกรรมและการออกแบบเพื่อทุกคน พร้อมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืนและความเท่าเทียมในสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Thailand Friendly Design Expo

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS TRAVEL

อนันตรา เชียงราย เปิดตัวต้นคริสต์มาสน้องโต ผสานศิลปะรักษ์โลก

อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย ร่วมกับดอยตุง สร้างสรรค์ต้นคริสต์มาส “น้องโต” รักษ์โลก ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย ได้จับมือกับโครงการพัฒนาดอยตุง เปิดตัวต้นคริสต์มาสสุดสร้างสรรค์ในชื่อ “น้องโต” ประติมากรรมรักษ์โลกที่ผสานความเชื่อท้องถิ่นและวัฒนธรรมคริสต์มาส ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี โดยต้นคริสต์มาสดังกล่าวได้แรงบันดาลใจจาก “น้องโต” สัตว์มงคลในตำนานของชาวไทใหญ่ ที่มีศีรษะคล้ายกวางและลำตัวเหมือนสิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความเป็นสิริมงคล

ต้นคริสต์มาส “น้องโต” มีความสูงกว่า 6 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณโถงล็อบบี้ของโรงแรม ภายใต้แนวคิดรักษ์โลกที่เน้นการใช้วัสดุเหลือใช้จากโครงการพัฒนาดอยตุง เช่น เศษผ้าที่เหลือจากการทอผ้า และวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิต โดยทีมออกแบบได้นำเศษผ้ามาผูกติดกับโครงสร้างทีละชิ้นด้วยมือทั้งหมด รวมถึงเย็บเป็นเครื่องประดับตกแต่ง เช่น ลูกบอลกลมและกล่องของขวัญ เพิ่มสีสันและความสวยงาม

เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการรีไซเคิล พื้นโดยรอบต้นคริสต์มาสได้ตกแต่งด้วยเศษกิ่งไม้และใบไม้แห้งที่เก็บรวบรวมจากป่าในบริเวณใกล้เคียง สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับพื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนโรงแรมในช่วงเทศกาล

นายสมชาย วัฒนธรรม ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม กล่าวว่า “น้องโต” ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความมุ่งมั่นของโรงแรมในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการสร้างสรรค์ผลงานที่ใช้วัสดุรีไซเคิล ตอกย้ำแนวคิดความยั่งยืนที่เรายึดมั่นเสมอมา”

นักท่องเที่ยวสามารถร่วมสัมผัสบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ในสไตล์รักษ์โลก พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมและแพ็คเกจพิเศษที่อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่โทร. 053-784-084

นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมท้องถิ่นและนานาชาติได้อย่างลงตัว พร้อมส่งต่อความสุขและแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือนในเทศกาลแห่งความสุขนี้.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

เซเว่น อีเลฟเว่น ส่งเสริมความกตัญญู ชวนคนไทยบอกรักพ่อ

เซเว่น อีเลฟเว่น ชวนคนไทยบอกรักพ่อผ่านหนังสั้น “ความกตัญญูทำได้ทุกวัน”

เซเว่น อีเลฟเว่น ร่วมส่งเสริมความกตัญญูในสังคมไทย เปิดตัวภาพยนตร์สั้นภายใต้แนวคิด “ความกตัญญูทำได้ทุกวัน” ชวนคนไทยแสดงความรักและความกตัญญูต่อพ่อและคนที่รัก โดยภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้เปิดให้รับชมพร้อมกันแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มของเซเว่น อีเลฟเว่น

เนื้อหาที่สร้างแรงบันดาลใจ

ภาพยนตร์สั้นดังกล่าวเล่าเรื่องราวของความรักระหว่างพ่อที่ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ กับลูกชายที่ไม่เคยบอกรักพ่อตรงๆ แต่เมื่อถึงวันที่ลูกตัดสินใจแสดงความรัก พ่อกลับไม่สามารถรับรู้ได้เท่าเดิมแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการแสดงความรักและความกตัญญูต่อคนในครอบครัว ซึ่งไม่ควรรอให้ถึงวันที่สายเกินไป

ส่งเสริม DNA ความดี 24 ชั่วโมง

เซเว่น อีเลฟเว่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมที่ดีตามค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และนโยบายความยั่งยืน โดยไม่เพียงสนับสนุนให้คนไทยแสดงความกตัญญู แต่ยังส่งเสริมให้พนักงานทุกคนของเซเว่น อีเลฟเว่น และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) มีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เช่น

  • โครงการ “คนไทยใส่ใจผู้ป่วยสมองเสื่อม” ที่ร่วมมือกับ จส.100 และพันธมิตร เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อม รวมถึงช่วยเหลือผู้ป่วยอัลไซเมอร์พลัดหลงให้กลับคืนสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัย

ชวนคนไทยร่วมแชร์ความประทับใจ

นอกเหนือจากการรับชมภาพยนตร์สั้นแล้ว เซเว่น อีเลฟเว่น ยังมีกิจกรรมมากมายที่ชวนให้คนไทยเข้าร่วม เช่น การแชร์เรื่องราวดีๆ ความทรงจำประทับใจ หรือการบอกรักพ่อผ่าน Facebook Fanpage 7-Eleven Thailand และแอปพลิเคชัน 7App เพื่อกระตุ้นให้สังคมไทยร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับผู้อื่น

โครงการที่เน้นความยั่งยืน

ในอดีต เซเว่น อีเลฟเว่น ได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน เช่น โครงการที่สนับสนุนการช่วยเหลือสังคมในกรณีฉุกเฉิน การส่งเสริมความรู้เรื่องภาวะสมองเสื่อม และการมีส่วนร่วมในชุมชนในรูปแบบต่างๆ จนได้รับคำชื่นชมและการบอกต่อในสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

ร่วมสร้างสังคมที่ดีไปด้วยกัน

เซเว่น อีเลฟเว่น ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความกตัญญูและคุณค่าที่ดีในสังคมไทย พร้อมเชิญชวนทุกคนร่วมกันบอกรักพ่อ แสดงความกตัญญู และสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับคนรอบตัว เพราะ “ความกตัญญูทำได้ทุกวัน”

สามารถติดตามภาพยนตร์สั้นและกิจกรรมที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคมแห่งความอบอุ่นและความกตัญญูไปด้วยกัน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บมจ.ซีพี ออลล์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News