Categories
FEATURED NEWS

นวัตกรรมสินเชื่อ “SME มีทุน อุ่นใจ” ตอบแทนลูกค้าเดิมชั้นดี

 

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เผยว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความต้องการเงินทุน นำไปใช้หมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง หรือสำรองเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ รับโอกาสเดินหน้าธุรกิจได้เต็มศักยภาพ แต่ด้วยทิศทางอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น ส่งผลกระทบให้การบริหารจัดการควบคุมต้นทุนธุรกิจเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ดังนั้น เพื่อตอบแทนลูกค้าเดิมคนสำคัญของSME D Bank ให้คลายกังวลจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และสามารถวางแผนบริหารจัดการธุรกิจได้ดี  SME D Bank ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “SME มีทุน อุ่นใจ” จุดเด่นเป็นนวัตกรรมการให้สินเชื่อที่กู้ง่าย ไม่ต้องใช้เอกสารซับซ้อน  ดอกเบี้ยต่ำคงที่ 3 ปี โดยปีแรกเพียง 5.99%ต่อปี ให้ระยะเวลากู้นานสูงสุดถึง 10 ปี ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แถมฟรีค่าธรรมเนียม บสย. 3 ปี วงเงินกู้เริ่มต้น 5 แสนบาทถึงสูงสุด 5 ล้านบาท โดยรวมวงเงินกู้เดิมสูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาท  ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันนี้ไปจนวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ทั้งนี้ มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเดิมชั้นดีของ SME D Bank กลุ่มนิติบุคคล ที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 3,000 รายเท่านั้น  ซึ่งลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ จะได้รับการติดต่อ เพื่อนำเสนอบริการจากเจ้าหน้าที่ SME D Bank โดยตรง  

นอกจากนั้น สำหรับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ทุกรายที่ต้องการเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อนำไปใช้ในกิจการ  SME D Bank พร้อมให้บริการผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อต่างๆ ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ วงเงินกู้สูงสุดถึง 50 ล้านบาท ควบคู่ให้บริการงานพัฒนา ฟรี ทุกโปรแกรม ผ่านโครงการ “SME D Coach” ติดต่อและแจ้งความประสงค์ได้ที่ สาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ www.smebank.co.th , LINE Official Account : SME Development Bank เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : SME D Bank

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
SOCIETY & POLITICS

ชาวเชียงรายน้อมใจรำลึก 28 ปี สวรรคต “สมเด็จย่า”

 

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ที่อุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง อ.เมืองเชียงราย นายพุฒิพงษ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ คุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล กรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ นำข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชน รวมทั้งตัวแทนชาวไทยภูเขา ร่วมประกอบพิธีถวายเครื่องสักการะถวายขันดอก แด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ซึ่งตรงกับวันที่ 18 กรกฎาคมของทุกปี และปีนี้ครบปีที่ 28

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้นำกล่าวประกาศสดุดี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หน้าพระรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จากนั้นข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนที่แต่งกายด้วยชุดประจำเผ่า และชุดล้านนา เข้าถวายเครื่องสักการะถวายขันดอก ประกอบด้วย หมากเป็ง ต้นเทียน ต้นดอก ต้นผึ้ง เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า ของปวงชนชาวไทย เสด็จสวรรคตที่โรงพยาบาลศิริราช รวมพระชนมายุ 95 พรรษา สมเด็จย่าเสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2443 ทรงเป็นบุตรคนที่ 3 ใน พระชนกชู และ พระชนนีคำ พระนามเดิมคือ สังวาลย์ ตะละภัฏ ในวัยประมาณ 7-8 ขวบ ครอบครัวได้นำพระองค์ไปฝาก คุณจันทร์ แสงชูโต ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงในพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ทรงเข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนสตรีวิทยา จากนั้นเข้าโรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์ และหญิงพยาบาลแห่งศิริราช หลังจากสำเร็จการศึกษา ระหว่างที่เรียนอยู่ปี 1 ได้ทรงพบกับ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ (พระบรมราชชนก) ซึ่งได้ทรงถูกพระทัย และขอพระราชทานพระราชานุญาตหมั้นกับ นางสาวสังวาลย์ จากนั้นทรงได้รับการคัดเลือกให้ไปทรงศึกษาวิชาพยาบาลต่อที่โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ทรงมีพิธีอภิเษกสมรสกับ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2463 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการแพทย์ ทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์อาสา เดินทางไปรักษาผู้ป่วยในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ ทรงตั้งมูลนิธิขาเทียมออกจัดทำขาเทียมให้ผู้พิการ
นอกจากนั้น ยังมีโครงการพัฒนาด้านการเกษตรและสิ่งแวดล้อมมากมาย อาทิ โครงการเกษตรหลวงดอยตุง จังหวัดเชียงราย ต่อมาได้มีการกำหนดให้ วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันพยาบาลแห่งชาติ, วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ, วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ, วันรักต้นไม้แห่งชาติ และวันอาสาสมัครไทยอีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

กอ.รมน. เชียงรายจัดอบรม ขยายผลโครงการเศรษฐกิจพอเพียง

 

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.00 น. พ.อ. จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร.(ท.) เป็นประธานเปิดการอบรม และพบปะราษฎร โครงการเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ กิจกรรม : การขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประจำปีงบประมาณ 2566 ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ต.แม่จัน อ.แม่จัน จว.ช.ร. พร้อมด้วย นายอำเภอแม่จัน, นายก อบต. แม่จัน, กำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ โดย พ.ท.สมเดช ช่างนาค หน.กลุ่มงานกิจการมวลชนฯ พร้อมด้วยกำลังพล กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. จัดการอบรมฯ ทั้งนี้ กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. จัดวิทยากรบรรยาย งานสร้างความรักความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ การปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และวิทยกรปราชญ์ชาวบ้านบรรยายในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเกษตรทฤษฎีใหม่ และได้เยี่ยมชม โคก หนอง นา โมเดลในพื้นที่ ทั้งนี้ กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. ได้สนับสนุนปัจจัยการผลิตด้านอาชีพให้กับผู้เข้ารับการอบรมฯ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

สั่งจับตาพายุโซนร้อน “ตาลิม” เตรียมรับมือร่องมรสุมกำลังแรง-ฝนตกหนัก

 

วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุโซน “ตาลิม” (TALIM) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ซึ่งขณะนี้ พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ตาลิม” (TALIM) แล้ว และกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยอย่างช้า ๆ คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำและขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 18-21 ก.ค. 66 ร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลให้ในระยะนี้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และมีน้ำป่าไหลหลาก ดังนี้ ภาคเหนือ บริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และจังหวัดเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดหนองคาย บังกาฬ สกลนคร เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ อุบลราชธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ ภาคกลาง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดสระบุรี ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด

นางสาวรัชดา กล่าวว่า จากการที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.)  ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์โดยกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า พายุโซนร้อน “ตาลิม” และร่องมรสุมกำลังแรง คาดการณ์จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศได้กว่า 1,426 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ในช่วงระหว่างวันที่ 17 – 22 ก.ค. 66 โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้อ่างฯ ขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำน้อย โดยอ่างฯ ขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าสูงสุด ได้แก่ เขื่อนสิรินธร 259 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนวชิราลงกรณ 217 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์ 195 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนลำปาว 125 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนภูมิพล 117 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนวชิราลงกรณในภาคตะวันตก ที่สามารถใช้สนับสนุนน้ำต้นทุนให้แก่พื้นภาคกลางเพื่อใช้สำหรับผลักดันน้ำเค็มและผลิตน้ำประปาได้ ถือเป็นผลดีในการช่วยเหลือพื้นที่ตอนกลางของประเทศที่คาดว่าจะมีฝนตกน้อยจากสภาวะเอลนีโญในปีนี้และเสี่ยงเกิดภัยแล้งมากที่สุด 

“พลเอก ประยุทธ์จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เสี่ยง และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือร่องมรสุมกำลังแรงที่เกิดขึ้นและฝนตกหนัก ทั้งการเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก รวมถึงเตรียมความพร้อมบุคลากร และเครื่องจักรเครื่องมือกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อเก็บกักไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง  และบูรณาการความพร้อมในด้านต่าง ๆ  รวมทั้งเฝ้าติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด เพื่อปรับแผนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่เป็นไปได้อย่างทันท่วงที” นางสาวรัชดา กล่าว

 

โดยนางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ลงนามในประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 10 (196/2566) เรื่อง พายุโซนร้อน “ตาลิม” (TALIM) ระบุว่า.. 

 

เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (17 ก.ค. 2566) พายุโซนร้อนกำลังแรง “ตาลิม” (TALIM) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.4 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางตะวันตกเล็กน้อยด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำและขึ้นฝั่งป ระเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 18-19 ก.ค. 66

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 17-20 ก.ค. 66 ร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

จังหวัดที่คาดว่าจะมี “ฝนตกหนักถึงหนักมาก”บางแห่ง มีดังนี้ วันที่ 17 กรกฎาคม 2566

  • ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน ตาก และกำแพงเพชร
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
  • ภาคกลาง: จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่

ตรัง และสตูล

วันที่ 18 กรกฎาคม 2566

  • ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก และ กำแพงเพชร
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหารมหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
  • ภาคกลาง:จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต
  • กระบี่ ตรัง และสตูล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 10 (196/2566) เรื่อง พายุโซนร้อน “ตาลิม” (TALIM)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

สธ.-อว. เตรียมความพร้อม ฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี

 

 วันนี้ (17 กรกฎาคม 2566) ที่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรุงเทพมหานคร นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการเตรียมความพร้อมและตอบสนองทางการแพทย์ต่อภาวะฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี (Medical Preparedness and Response for Radiological and Nuclear Emergency) โดยมี นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นสักขีพยาน


          นพ.โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  มีเจตนารมณ์ร่วมกันในการส่งเสริม ยกระดับภารกิจด้านการเตรียมความพร้อม และการตอบสนองกรณีฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี รวมถึงตอบโต้ภัยฯ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องกับบริบทของประเทศ ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2570 แผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี พ.ศ. 2564 – 2570 และแผนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงในโครงการ “เตรียมความพร้อมและตอบสนองทางการแพทย์ต่อภาวะฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี  (Medical Preparedness and Response for Radiological and Nuclear Emergency)” เพื่อเป็นการกำหนดมาตรฐาน เป้าหมายและการปฏิบัติงานให้มีความเชื่อมโยงทุกระดับ ซึ่งจะสามารถลดความเสี่ยงและจัดการสาธารณภัยให้มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ “การรู้รับ – ปรับตัว – ฟื้นเร็วทั่ว – อย่างยั่งยืน”


            โดย กระทรวงสาธารณสุข จะมีภารกิจในการประสานและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขระดับชาติ ตลอดจนเป็นศูนย์ประสานงานกลางของหน่วยงานทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย ในการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข จัดให้มีศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขในระดับต่างๆ สนับสนุนและพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากร ระบบข้อมูลสารสนเทศ องค์ความรู้ นวัตกรรมด้านบริหารจัดการในการจัดการภาวะฉุกเฉิน รวมถึงด้านวิชาการในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัย


          ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ กล่าวว่า ขอบเขตและแนวทางการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดนโยบาย, การสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อสร้างความเข้มแข็ง, บริหารจัดการระบบฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และสถานพยาบาล, พัฒนาศักยภาพบุคลากรและงานด้านวิชาการที่เกี่ยวข้อง, การกำหนดรายละเอียดเฉพาะเรื่องให้สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ,การติดตามประเมินผลร่วมกัน, จัดตั้งคณะทำงาน รวมถึงการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะมีภารกิจในการเสนอแนะนโยบาย แนวทาง และแผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ และกำกับให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ ประชาชน และสิ่งแวดล้อม บริหารจัดการ กำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี ตามพันธกรณีหรือความตกลงระหว่างประเทศและมาตรฐานสากล

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชิดชูเกียรตินักธุรกิจสตรีไทย พัฒนาพิเศษระเบียงสังคม (SCC)

 

 วันนี้ (17 ก.ค. 66) เวลา 10.45 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในงานพิธี “ประกาศเกียรติคุณสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ประจำปี 2566” โดยมี คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจฯ กล่าวต้อนรับ และนางมาลีรัตน์ ปลื้มจิตรชม ที่ปรึกษาสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจฯ และประธานคณะกรรมการจัดงาน กล่าวรายงาน อีกทั้ง นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจกรอบความร่วมมือโครงการเขตพัฒนาพิเศษระเบียงสังคม (Social Capital Corridor : SCC) ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ

           นายจุติ กล่าวว่า สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สสธวท.) ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) United Nations Development Programme (UNDP) และ USAID Southeast Asia Smart Power Program (SPP) จัดงานพิธี “ประกาศเกียรติคุณสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ประจำปี 2566” เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ และเป็นกำลังใจนักธุรกิจสตรีและนักวิชาชีพสตรีที่ประสบความสำเร็จและทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมและเป็นแรงบันดาลใจในการจุดประกายให้สตรีนักธุรกิจและวิชาชีพในรุ่นต่อไป สำหรับการเข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยไม่ทิ้งการพัฒนาชุมชนและสังคม รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  

        นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สตรีที่มาร่วมงานวันนี้ เปรียบเสมือนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย และพลังขับเคลื่อนภาคธุรกิจจากจังหวัดต่างๆ ของประเทศ ซึ่งเป็นผู้ให้โอกาสคนที่ไม่มีโอกาสในสังคม และวันนี้จะเห็นว่าสตรีทุกท่านที่เป็นนักธุรกิจได้ทำธุรกิจมานานตลอดชีวิต และยังถอดบทเรียนให้กับลูกหลานทำงานต่อไป อีกทั้งยังคุมทิศทางของธุรกิจให้ดูแลสังคม มีกำไร และมีความยั่งยืนได้ ทั้งนี้ กระทรวง พม. ขอเชิญทุกท่านซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละจังหวัดร่วมกันขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษระเบียงสังคม เพื่อช่วยเหลือ ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสกับผู้ที่ไม่มีโอกาส

         นายอนุกูล กล่าวว่า สำหรับบันทึกความเข้าใจกรอบความร่วมมือโครงการเขตพัฒนาพิเศษระเบียงสังคม (Social Capital Corridor : SCC) เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. คณะกรรมการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษระเบียงสังคม  สสธวท. และ 7 องค์กรภาคีเครือข่าย โดยกระทรวง พม. เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนโครงการฯ และองคาพยพในการช่วยเหลือดูแลชุมชนและกลุ่มเปราะบางเพื่อให้เกิดความมั่นคงในสังคม รวมทั้งองค์กรภาคีเครือข่าย ภายใต้ขอบเขตความร่วมมือในการให้ความร่วมมือและการสนับสนุนเพื่อการขับเคลื่อนโครงการฯ ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์  อีกทั้งการให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ วางแผนประสานงาน การให้ความรู้ การฝึกอบรม และการถ่ายทอดประสบการณ์ รวมถึงการรณรงค์ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และขยายผลกิจกรรมของโครงการฯ 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ตัดแว่นฟรี! สภากาชาดไทย พัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2566 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงราย อ.เมืองเชียงราย สภากาชาดไทย ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย จัดโครงการให้บริการตรวจวัดสายตา และแก้ไขความผิดปกติทางสายตาพร้อมตัดแว่นฟรีให้กับเด็กนักเรียนในพื้นที่เชียงรายระหว่างวันที่ 17 – 27 ก.ค. 2566 นี้

 
นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากอำเภอทุกอำเภอ ร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย สำนักงานสาธารณสุข และโรงเรียนในพื้นที่ร่วมกันคัดกรองนักเรียนที่มีปัญหาทางสายตาและการมองเห็นไม่ชัดเจน ซึ่งมีนักเรียนที่เข้าร่วมการคัดกรองเบื้องต้น พบว่ามีสายตาผิดปกติ จำนวน 4,000 คน ความผิดปกติทางสายตา เป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิต ยิ่งถ้าเกิดปัญหานี้กับเด็กนักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ จะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตหลายด้าน สภากาชาดมองเห็นปัญหานี้จึงเกิดโครงการ รถตัดแว่นสายตาเคลื่อนที่สภากาชาดไทย เพื่อเด็กนักเรียนในชนบทตามโครงการแว่นสายตาสภากาชาดไทย เพื่อเด็กนักเรียนในชนบท เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่มีปัญหาทางสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนในชนบทห่างไกลทุกระดับ เพื่อส่งเสริม และสนับสนุนให้เด็กกลุ่มนี้สามารถเรียนรู้ และดำเนินชีวิตได้เหมือนเด็กปกติทั่วไป
 
 
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย กล่าวต่อไปว่าโครงการรถตัดแว่นสายตาเคลื่อนที่สภากาชาดไทย เพื่อเด็กนักเรียนในชนบท จังหวัดเชียงราย จะใช้รถตัดแว่นสายตาที่เป็นรถบัสใหญ่ ออกแบบภายในพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ จำนวน 4,000 ราย เพื่อให้เด็กๆ เชียงรายมีความสามารถในการมองเห็นที่ชัดเจนขึ้น มีโอกาสในการเรียนรู้ พร้อมกับดำเนินชีวิตเช่นเดียวกับเด็กทั่วไป สามารถช่วยเหลือตัวเอง และครอบครัวต่อไป
 
 
“เราได้ตระหนักว่าความผิดปกติทางสายตา ของนักเรียนในชนบท เป็นปัญหาสำคัญที่ยังไม่ได้รับการดูแลแก้ไขเท่าที่ควร ทั้งจากปัญหาครู ผู้ปกครองนักเรียนขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องสายตา อีกทั้งยังขาดแคลนจักษุแพทย์ในพื้นที่ ตลอดจนการขาดแคลน ร้านแว่นตาที่มีคุณภาพในท้องถิ่นห่างไกล ทำให้เด็กนักเรียนในชนบทจำนวนมาก มองเห็นไม่ชัด เป็นเหตุให้การเรียนไม่มีประสิทธิภาพ และการดำรงชีวิตด้อยกว่าเด็กปกติทั่วไป ส่งผลให้เด็กกลุ่มนี้ด้อยโอกาสในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านการศึกษา และการเรียนรู้น้อยลงในครั้งนี้เด็กๆเชียงรายจะได้มีแว่นตาที่มีคุณภาพกว่า 4,000 คน ซึ่งนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯสามารถรอรับแว่นสายตาได้ทันที อีกด้วย”นางสุภาเพ็ญกล่า
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ลุย 3 อำเภอ มอบผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดลูกน้ำยุง

 

เมื่อวันอังคาร ที่ 11 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายก นก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายชัยวัฒน์ อุดขา สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขต 1 อ.ป่าแดด และเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย เข้ามอบทรายอะเบท(ทรายเคลือบสารทีมีฟอส) / ผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดลูกน้ำยุงชนิดเม็ด (Mosdop TB) ให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในสังกัด อบจ.เชียงราย อ.ป่าแดด โดยได้รับการต้อนรับจากนายมงคล เชื้อไทย นายกเทศบาลตำบลป่าแงะ คณะผู้อำนวยการ รพ.สต. ในสังกัด อบจ.เชียงราย และนางเพ็ญโสภา ปุณโณฑก ณ รพ.สต.ตำบลป่าแงะ อ.ป่าแดด

 

ต่อมาในเวลา 10.30 น. นายก นก พร้อมด้วยนายบุญตัน เสนคำ สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขต 1 อ.เทิง และเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย เข้ามอบผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดลูกน้ำยุง ให้แก่ รพ.สต.ในสังกัด อบจ.เชียงราย อ.เทิง โดยได้รับการต้อนรับจากคณะผู้อำนวยการ รพ.สต. ในสังกัด อบจ.เชียงราย และนายสมชาย ท้าวธนะ ประธาน อสม. อ.เทิง ณ รพ.สต.ตำบลงิ้ว อ.เทิง
และในช่วงเวลา 13.00 น. นายก นก พร้อมด้วย นายนิคม ยะป๊อก สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขต 1 อ.พญาเม็งราย และเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย เข้ามอบผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดลูกน้ำยุง ให้แก่ รพ.สต.ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อ.พญาเม็งราย โดยได้รับการต้อนรับจากนายชูสวัสดิ์ สวัสดี นายอำเภอพญาเม็งราย นายธนภัทร กันเขี่ยสกุล นายกเทศบาลตำบลพญาเม็งราย นายพยุง แก้วจำปา กำนันตำบลเม็งราย คณะผู้อำนวยการ รพ.สต. ในสังกัด อบจ.เชียงราย และนายคำมูล คำมา ประธาน อสม.อ.พญาเม็งราย ณ ศูนย์สุขภาวะผู้สูงอายุ อ.พญาเม็งราย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

แม่ทัพภาคที่ 3 ลงตรวจการฝึกผสม ไทย-สหรัฐ Balance Torch 23-4

 

เมื่อ วันที่ 11 พ.ค. 66 เวลา 14.00 น. พลโท สุริยะ เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมการฝึกผสม รหัส Balance Torch 23-4 ประจำปี 66 (ไทย-สหรัฐ) โดยแม่ทัพภาคที่ 3 ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุป และตรวจการฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายกำลังพลด้วยเฮลิคอปเตอร์

 
กองทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายให้กองพลทหารราบที่ 4 เป็นหน่วยรับผิดชอบการจัดการฝึกฯ
โดยกองทัพบกสหรัฐอเมริกา จัดครูฝึกจากหน่วยรบพิเศษ ODA1313 และ ODA9222 จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ รวม 20 นาย และ กองทัพบกไทย จัดจาก กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 4 และ กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล กองพลทหารม้าที่ 1 จัดกำลังพล หน่วยละ 2 ชุดปฏิบัติการๆ ละ 12 นาย รวม48 นาย 


โดยทำการฝึกที่สนามยิงปืนทราบระยะ มณฑลทหารบกที่ 39 ค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งการฝึกในครั้งนี้เป็นการฝึกเพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มพูนขีดความสามารถของกำลังพลอีกด้วย


เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ถนนคนข่าว

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

หญิงหน่อย ลาออก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไทยสร้างไทย

 

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 11 กรกฏรคม 2566 ที่ผ่านมา เพจ Facebook คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan ได้มีการโพสต์ข้อความ ประกาศสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคไทยสร้างไทยแล้วโดยระบุว่า

ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่า ดิฉันได้แจ้งลาออกจากการเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคไทยสร้างไทยแล้ว ตามที่ได้ประกาศในวันที่เข้าสภาครั้งเเรก และจะเลื่อนลำดับผู้สมัครของพรรคท่านถัดๆ ไป ขึ้นมาแทนตามลำดับ เพื่อให้มีโอกาสทำงาน แก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน
.
การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ที่ดิฉันที่ได้ประกาศไปตั้งแต่เมื่อก่อตั้งพรรคในวันแรกนั่นคือ ขอเป็น “เสาเข็ม” ลงหลักปักฐานตั้งพรรคให้สำเร็จ และเป็น “สะพาน” เชื่อมโยงคนทุกวัยเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ทำให้พรรคไทยสร้างไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง
.
#พรรคไทยสร้างไทย ยังเป็นพรรคน้องใหม่ และเรามีเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะสร้างพรรคของประชาชน จึงมีงานอีกมากมาย ในการวางรากฐานพรรค ดิฉันจึงขออาสาไปทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชน อย่างเต็มที่ เต็มกำลังเช่นเดิม เพื่อสร้างพรรคไทยสร้างไทยให้เข้มแข็ง และเป็นเครื่องมือในการทำงานที่ดีที่สุดให้กับประชาชน
.
ดิฉันเป็น ส.ส. สมัยแรกในปี 2535 จนถึงปัจจุบันรวม 6 สมัย ผ่านตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งในกระทรวงคมนาคม มหาดไทย สาธารณสุข และเกษตร จนถึงวันนี้ ทำงานการเมืองมามากกว่า 32 ปี เป็นมาแล้วหลายตำแหน่งสำคัญๆ
ความตั้งใจของดิฉันในวันนี้
คือการสร้างพรรคไทยสร้างไทยให้เป็นสถาบันการเมืองของประชาชน ซึ่งก็ปรากฏว่าเราได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน ส่ง ส.ส. ของเราเข้าสู่สภาฯ 6 คน เป็นความซาบซึ้งในพระคุณของพี่น้อง ที่เราจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ให้พี่น้องผิดหวัง
.
ขอยืนยันถึงจุดยืนของ #พรรคไทยสร้างไทย ที่จะโหวตให้พรรคที่มีเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ตามครรลองประชาธิปไตย #พิธา แคนดิเดตจากพรรคก้าวไกลเป็น #นายกคนที่30 และจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนให้สำเร็จ
.
พร้อมกันนี้ ยังขอเรียกร้องไปยัง ส.ว. ทั้ง 250 ท่าน ให้ยึดหลักการประชาธิปไตย ไม่ฝืนเจตจำนงของประชาชน ซึ่งมีแต่จะนำพาประเทศไปสู่หล่มความขัดแย้งครั้งใหม่
.
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : พรรครวมไทยสร้างชาติ United Thai Nation Party

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News