Categories
FEATURED NEWS NEWS

ททท. ชวนมา “หลงแสงเวียง” กับงาน “วิจิตร 5 ภาค @เชียงราย

ททท. ชวนมา “หลงแสงเวียง” กับ “วิจิตร 5 ภาค @เชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อเวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา ททท. ร่วมเปิดงาน “วิจิตร 5 ภาค @เชียงราย หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” โดยมีนางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ตลอดจนประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน “วิจิตร 5 ภาค @เชียงราย หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” สร้างสีสันบรรยากาศท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ร่ายมนต์เสน่ห์แห่งอารยธรรมล้านนา ด้วยเทคนิคการใช้แสง เสียง ผสานศิลปะ เทคโนโลยีสมัยใหม่ ประดับ 15 สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัด เพิ่มอัตราพักค้างคืน ดันจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 20,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียน 130 ล้านบาท

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา ททท. กล่าวว่า ททท. เล็งเห็นความสำคัญของการมุ่งส่งมอบคุณค่าและความหมายของการท่องเที่ยวไทย (Meaningful Travel) ผ่านการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-based Tourism) เพื่อให้เกิดตำนานการเดินทางท่องเที่ยวมิติใหม่ โดย ททท. จึงได้หยิบยกอัตลักษณ์ของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น มาเป็นเครื่องมือในการออกแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ พร้อมเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีปฏิสัมพันธ์ซึมซับประสบการณ์จากท้องถิ่นที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ค้นหาตัวตน และเติมเต็มความหมายของการเดินทางให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ซึ่ง ททท. ได้ต่อยอดส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 5 ภูมิภาค ผ่านการเล่าเรื่อง ด้วยการใช้เทคนิคของแสง เสียง และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามาเป็นเครื่องมือในการสะท้อนอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยเป็นหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวที่จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการเดินทางท่องเที่ยวจริงในพื้นที่ และช่วยกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้ง 5 ภูมิภาค ตอบโจทย์พฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ซึ่งจากสถิติปี 2565 พบว่า ชาวไทยมีการเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นพาหนะหลัก และข้อมูลที่มีการค้นหามากที่สุดคือ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม เส้นทางการเดินทางในพื้นที่ และข้อมูลกิจกรรมในแหล่งท่องเที่ยว ตามลำดับ โอกาสนี้ เพื่อเป็นการเร่งส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายภาพรวมรายได้ตลาดในประเทศ ปี 2566 อยู่ที่ 880,000 ล้านบาท ททท. จึงจัดงาน “วิจิตร 5 ภาค” ขึ้นใน 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงราย จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดระยอง และจังหวัดนครพนม โดยงาน “วิจิตร 5 ภาค @เชียงราย หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” ถือเป็นหนึ่งใน 5 พื้นที่ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยมนต์เสน่ห์แห่งเมืองเหนือและอารยธรรมล้านนา ซึ่งเมื่อประกอบกับความสวยงามของเทคโนโลยีสมัยใหม่ จะสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับความนิยมในการเดินท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จำนวนผู้เยี่ยมเยือนที่มาเที่ยวจังหวัดเชียงรายในปี 2565 มีจำนวนสูงถึง 3.6 ล้านคน ซึ่งเชื่อว่าการจัดงานวิจิตร 5 ภาค @เชียงราย “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” นี้ จะเป็นกิจกรรม Event Marketing ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่จะเข้ามาสร้างสีสันบรรยากาศทางการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย และเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สามารถต่อยอดส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีใหม่และตอบโจทย์ความสนใจของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ให้เกิดต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวสัมผัสถึงเสน่ห์วันวานของเมืองเหนือ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมที่หลากหลาย อันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายมากขึ้น ชาวเชียงรายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านด้วยมิตรไมตรี และยินดีส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่า มีความหมาย และน่าประทับใจที่สุดแก่นักท่องเที่ยวทุกท่านที่มาเยือน

 

 

15 สถานที่โชว์แสง “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย”

 

งาน “วิจิตร 5 ภาค@เชียงราย”  พร้อมจัดเต็มการแสดงแสง เสียง ระหว่างวันที่ 20-28 พฤษภาคม 2566 ณ อำเภอเมืองเชียงราย เวลา 18.00 – 24.00 น. โดยเล่าเรื่องเมืองเชียงรายผ่านเส้นทางแห่งกาลเวลา บนท้องถนนที่สว่างไสวด้วยแสงแห่งประวัติศาสตร์ตามแนวคิด  “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” ผ่านการจัดแสดง Light up / Mapping / Projection 3D / Light installation และสื่อผสมที่ทันสมัย แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ที่สะท้อนเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของท้องถิ่น โดยเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวร่วมชมงานในลักษณะ Walking Tour ใน 15 สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เมืองเชียงราย อาทิ อาคารเทิดพระเกียรติฯ หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ       วัดพระแก้ว วัดมิ่งเมือง สวนตุงและโคม รวมทั้งสามารถนั่งรถรางเที่ยวชมงานได้ฟรี ไม่เพียงเท่านั้น ททท. ยังเตรียมนำเสนอการแสดง Highlight ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย(เก่า) อาทิ การจัดแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นถิ่น การแสดงดนตรี การออกร้านจากผู้ประกอบการในพื้นที่

นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับพันธมิตรผู้ประกอบการในพื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด มอบสิทธิพิเศษคูปองมูลค่า 500 บาท ให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายภายในงาน หรือใช้เป็นส่วนลดสินค้าหรือบริการด้านการท่องเที่ยวจากผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงรายที่เข้าร่วมโครงการฯ ในช่วงระยะเวลาจัดงาน รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท ผ่าน 2 กิจกรรม ได้แก่ 1) ร่วมกิจกรรมทางแฟนเพจเฟสบุ๊ก GoNorthThailand ลุ้นรับคูปองส่วนลดมูลค่า       500 บาท ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป และ 2) สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพัก ณ โรงแรม/ที่พักในจังหวัดเชียงรายอย่างน้อย 1 คืน ในช่วงระยะเวลาจัดงาน เพียงแสดงคีย์การ์ด / เอกสารการจองที่พัก สามารถรับคูปองมูลค่า 500 บาทต่อ 1 ห้องพัก รวมทั้งสิ้น 1,000 รางวัล ทั้งนี้ ททท. คาดหวังว่าการจัดงานนี้ จะช่วยดันจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 20,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียน  130 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาจัดงาน

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมสีสันบรรยากาศในแต่ละพื้นที่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage : GoNorthThailand, www.wiangoflight.com, TAT Contact Center โทร. 1672 Travel Buddy

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
NEWS UPDATE
Categories
CULTURE

Soft Power ต่างชาติสนใจ “ผ้าขาวม้า” ในงาน World Dance Day 2023

Soft Power ต่างชาติสนใจ “ผ้าขาวม้า” ในงาน World Dance Day 2023

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อเวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งได้นำ “ผ้าขาวม้า” Soft Power ของไทย ร่วมแสดงในงาน World Dance Day 2023  กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้รับความสนใจจากผู้ชมชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก และขณะนี้ผ้าขาวม้าไทยอยู่ระหว่างการเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Intangible cultural heritage) ต่อองค์การยูเนสโก (UNESCO) อีกด้วย

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้นำผ้าขาวม้า ซึ่งเป็นหนึ่งSoft Power ที่มีเอกลักษณ์ของไทย เข้าร่วมการแสดงในงาน World Dance Day 2023 เป็นงานที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงความสามารถทางศิลปะวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ โดยเยาวชนไทยได้ทำการแสดง 2 ชุด ได้แก่ 1. การแสดงชุดเคียนขะม้านารี ใช้ผ้าขาวม้าเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับการแสดง บอกเล่าเรื่องราวของผ้าขาวม้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทย จนเป็นเอกลักษณ์ของไทย และ 2. การแสดงชุดผืนไท เป็นการแสดงท่ารำและการแต่งกายของคนไทยในทุกภูมิภาค เพื่อสื่อให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขร่มเย็น ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ซึ่งเมื่อการแสดงจบลง ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมอย่างยาวนานด้วยความประทับใจ มีชาวต่างชาติมาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่าเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้เสนอ “ผ้าขาวม้า” ผ้าอเนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การยูเนสโก โดยพิจารณาจากคุณค่าของผ้าขาวม้าในหลายมิติ การใช้ประโยชน์ที่แพร่หลายในทุกภาคและชุมชน รวมถึงในชาติพันธุ์ต่าง  ทั่วประเทศ มีเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น เป็นผ้าสารพัดประโยชน์เข้าถึงง่ายและผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยหลายด้าน ทั้งการทอผ้าใช้กันเองในครัวเรือน แลกเปลี่ยนในหมู่บ้านและชุมชนไปจนถึงเป็นของขวัญ และใช้ในงานพิธีกรรมต่าง  โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชี้ว่าผ้าขาวม้ามีมาตั้งแต่สมัยเชียงแสน ผ่านการปรับปรุงต่อยอดภูมิปัญญา พัฒนาคุณภาพให้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายขึ้นจนถึงปัจจุบัน

 

นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันต่อยอด ผลักดันผ้าขาวม้า อีกหนึ่ง Soft Power ของไทย รวมถึงชื่นชมคนรุ่นใหม่ เยาวชนไทย ที่รักความเป็นไทย สนับสนุน และผลักดันเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของชาติให้เป็นที่รู้จักในสายตาชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น ตลอดจน ชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์ ที่นำมาผสมผสานเป็นความร่วมสมัยทางวัฒนธรรมนำไปเผยแพร่ในระดับโลก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนให้ผ้าขาวม้าให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การยูเนสโกต่อไป” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
CULTURE

นายกฯ ปลื้มภาครัฐ-เอกชน ยกระดับผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT สู่ Modern Trade

นายกฯ ปลื้มภาครัฐ-เอกชน ยกระดับผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT สู่ Modern Trade

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อเวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมกันขยายช่องทางการตลาดให้ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand: CPOT) เป็นที่รู้จักในระดับสากล ซึ่งเห็นประสบความสำเร็จได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พร้อมสนับสนุนให้วางแนวทางขยายตลาดส่งออกเป็นสินค้า Soft Power สู่ต่างประเทศ 

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดสินค้าจากทุนทางวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ Cultural Product of Thailand (CPOT) ซึ่งเน้นการปรับภาพลักษณ์ให้มีความร่วมสมัย และตอบโจทย์ผู้บริโภค โดย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับภาคเอกชน กลุ่มบริษัทบีเจซี บิ๊กซี และบริษัท บางกอกอินสตรูเม้นท์ เซ็นเตอร์ จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมทางการตลาด CPOT เป้าหมายเพื่อส่งเสริมทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ CPOT ให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายในระยะเวลา 3 ปี พร้อมคาดการณ์ว่า ในปีแรกจะสร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 100 ล้านบาท โดยภายหลังเปิดตัวและนำร่องวางจำหน่ายในห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้รับกระแสตอบรับอย่างดี มีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติสนใจ CPOT อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง และเครื่องหอมจากสมุนไพร 

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงวัฒนธรรมวางแผนขยายตลาด เพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์CPOT อาทิ เครื่องใช้ ของตกแต่งบ้าน และเสื้อผ้า เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันสินค้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่งออกเป็นสินค้า Soft Power ไทยสู่ต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด “อร่อยเกินคาด หอมเกินต้าน” ตลอดจน เพิ่มช่องทางการตลาด โดยเฉพาะทางออนไลน์ เพื่อเป็นการขยายตลาดและกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ หากสนใจอุดหนุนสินค้า CPOT จากชุมชน ได้ที่ www.cpotshop.com และ Facebook CPOT 

 

นายกรัฐมนตรีขอบคุณความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับสินค้าชุมชนจากท้องถิ่นสู่สากล ผ่านช่องทาง Modern Trade ได้สำเร็จ ถือเป็นการร่วมมือทำความดีเพื่อชาติ ช่วยให้ชุมชนและผู้ประกอบการได้พัฒนาการผลิต และมีแหล่งจำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงเป็นการนำทุนทางวัฒนธรรมของประเทศ มาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยที่มีคุณภาพและมาตรฐาน เพิ่มคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจ สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ CPOT ของไทย ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่น และเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Cultural Product of Thailand (CPOT)

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
FEATURED NEWS NEWS

เปิดปฏิทินสอบรับสมัครสอบ แข่งขันครูผู้ช่วย ปี 66

เปิดปฏิทินสอบรับสมัครสอบ แข่งขันครูผู้ช่วย ปี 66

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อเวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 ..ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือสพฐกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศวันรับสมัครสอบครูผู้ช่วย ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 6 มิถุนายน 2566 เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ..กำหนด จึงได้กำหนดการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี .. 2566 ดังนี้

 

1. ประกาศรับสมัคร / ภายในวันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566

2. รับสมัคร / วันพุธที่ 31 พฤษภาคม – วันอังคารที่ 6 มิถุนายน 2566 (ไม่เว้นวันหยุดราชการ)

3. ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบ ภาค  และ ภาค  / ภายในวันอังคารที่ 13 มิถุนายน 2566

4. ประเมินจากการสอบข้อเขียน

ภาค  ความรู้ความสามารถทั่วไป / วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566

ภาค  มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ / วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน 2566

5. ประกาศรายชื่อผู้ผ่าน ภาค  และ ภาค  เพื่อมีสิทธิเข้ารับการประเมิน ภาค  / ภายในวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม2566

6. ประเมินจากการสัมภาษณ์ แฟ้มสะสมงาน และการนำเสนอที่แสดงถึงทักษะและศักยภาพด้านการจัดการเรียนการสอน ภาค  ความเหมาะสมกับตำแหน่ง วิชาชีพและการปฏิบัติงานในสถานศึกษา / ตามวันและเวลาที่ ...เขตพื้นที่การศึกษาหรือ ...สศศกำหนด (ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2566)

7. ประกาศผลการสอบแข่งขัน / ตามวันและเวลาที่ ...เขตพื้นที่การศึกษาหรือ ...สศศกำหนด (ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2566)

 

..ทิพานัน กล่าวว่า ทั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.obec.go.th หรือโทร. 02 2885511 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลห่วงใยผู้สมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุ และแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตําแหน่งครูผู้ช่วย ให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่จะฉวยโอกาสหลอกลวงเรียกรับเงิน หรือผลประโยชน์โดยแอบอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้สอบผ่าน หรือเข้ารับการบรรจุในตำแหน่งครูผู้ช่วยได้  หากพบเห็นผู้ที่มีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบทันที หากพบมีการหลอกลวงจริงจะดำเนินคดีตามกฎหมายในทันที 

 

ที่สำคัญกระบวนการรับสมัครและจัดสอบครูผู้ช่วยต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม เพราะหากผู้สมัครเข้ามาสอบรับราชการด้วยวิธีการทุจริต ย่อมกระทบจรรยาบรรณวิชาชีพ อาจถูกตัดสิทธิสอบครูผู้ช่วยตลอดชีวิตและไม่มีสิทธิสอบเป็นข้าราชการได้อีก..ทิพานัน กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สพฐ

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

แพทย์อาสาเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าอยู่หัว-ราชินี รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี สำเร็จตามเป้า

แพทย์อาสาเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าอยู่หัว-ราชินี รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี สำเร็จตามเป้า

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 พฤษภาคม 2566  ณ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์สมศักดิ์  โล่ห์เลขา รองประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์

เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ครั้งที่ 8 ประจำปี 2566  ซึ่งมีมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ แพทยสภา สถาบันพระปกเกล้า และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 10 (ปธพ.10) เป็นผู้จัดโครงการ ระหว่างวันที่ 19 – 21 พฤษภาคม 2566 ณ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี โดยมีนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์  รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา  พลอากาศโท นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์และเลขาธิการแพทยสภา ศาสตราจารย์คลินิก  นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ประธานนักศึกษา ปธพ.10 นายแพทย์ธีรพงศ์ ตุนาค  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า พร้อมด้วยคณะนักศึกษาหลักสูตร ปธพ.รุ่นที่ 1-10 แพทย์ และประชาชนจิตอาสาจากทุกสาขาอาชีพร่วมโครงการฯอย่างพร้อมเพรียง

สำหรับโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ครั้งที่ 8 ประจำปี 2566  ได้มีขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 21 พฤษภาคม 2566 ณ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี  สามารถตรวจรักษาผู้ป่วย ประชาชน พระสงฆ์ ช่วยเหลือผู้พิการ  ได้กว่า 30,000 ราย  โดยเปิดบริการคลินิกแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ จำนวน 28 คลินิก ระดมกำลังแพทย์กว่า 200 คนจากทั่วประเทศ เหล่าจิตอาสากว่า 2,000 คน  พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 100 ล้านบาท รองรับประชาชนและภิกษุ สามเณร ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี สระแก้ว ตราดและ ระยอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

ทั้งนี้ โครงการฯ ได้เปิดบริการคลินิกแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ จำนวน 28 คลินิก อาทิ คลินิกแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนจีน, คลินิกเด็ก, คลินิกคัดกรองโรคปอด, คลินิกตรวจเลือดและสุขภาพพระสงฆ์, คลินิกรถเข็นพระราชทาน, คลินิกบริการแขน-ขาเทียมเคลื่อนที่สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ, คลินิกสุขภาพจิต, คลินิกหูคอจมูก และผ่าตัดไซนัส, คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟู, คลินิกส่องกล้องคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, คลินิกผิวหนังและเลเซอร์, คลินิกคัดกรองโรคทางตา  วัดแว่นเด็ก และผ่าตัดต้อกระจก, คลินิกคัดกรองสารเคมีในเลือด, คลินิกหัวใจและหลอดเลือด, คลินิกคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและสุขภาพตับ, คลินิกคัดกรองมะเร็งเต้านม, คลินิกกระดูกและข้อ คัดกรองกระดูกพรุน, คลินิกป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วยวัคซีน ในเด็กและวัยรุ่น, คลินิกโรคสมองเสื่อม, คลินิกทันตกรรม, คลินิกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ, คลินิกทำเส้นเลือดสำหรับล้างไต เป็นต้น

พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์และเลขาธิการแพทยสภา กล่าว่า การจัด โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีครั้งนี้ เป็นโอกาสพิเศษอันสำคัญยิ่งที่ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต หลังจากที่มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ได้ออกหน่วยแพทย์อาสา ในโครงการหน่วยแพทย์อาสา
ประสบความสำเร็จต่อเนื่องมา 5 ปี ติดต่อกันดูแลผู้ป่วยกว่า 40,000 ราย คนไปแล้ว

          “การออกหน่วยแพทย์อาสาดังกล่าวเป็นกิจกรรมหลักของหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ฯ ที่มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ เป็นเจ้าภาพร่วมกับหลายหน่วยงาน มีการดำเนินการติดต่อกันมาทุกปี  ซึ่งการจัดโครงการแพทย์อาสาจะหมุนเวียนออกหน่วยไปยังจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ เพื่อกระจายโอกาสเข้าถึงการรักษาในระดับตติยภูมิแก่ประชาชนในต่างจังหวัด ดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคซับซ้อนที่ต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโดยเริ่มจากการสำรวจ คัดกรอง ผู้ป่วยในพื้นที่ เพื่อหาผู้ป่วยที่ตกค้าง และส่งทีมแพทย์เข้าไปให้การรักษา”

          เลขาธิการแพทยสภากล่าวด้วยว่า โครงการนี้ยังเป็นการซ้อมจัดโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่ที่มีความร่วมมือจากแพทย์ทุกภาคส่วนเพื่อเตรียมพร้อมกรณีเกิดความจำเป็นในอนาคต เช่น การเกิดภัยพิบัติ ตลอดจนเป็นการถ่ายทอดความรู้จากราชวิทยาลัยฯ โดยแพทย์เฉพาะทางไปยังโรงพยาบาลในต่างจังหวัดโดยตรงการให้ความรู้กับ อสม. พระสงฆ์ จิตอาสา ในการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR)

สำหรับการออกหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ ดำเนินการไปแล้ว 10 แห่ง
ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.กาญจนบุรี จ.นครราชสีมา จ.ปราจีนบุรี จ.ลพบุรี จ. เพชรบุรี จ.สุโขทัย จ.จังหวัดราชบุรี และ จ.จันทบุรี ส่วนการจัดโครงการหน่วยแพทย์อาสาฯ ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาในปี 2567

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : แพทย์อาสาเฉลิมพระเกียรติ

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

ต่างชาติเที่ยวไทยใกล้แตะ 10 ล้านคน รัฐหนุนทุกหน่วยงานรับตลาดโต

ต่างชาติเที่ยวไทยใกล้แตะ 10 ล้านคน รัฐหนุนทุกหน่วยงานรับตลาดโต

Facebook
Twitter
Email
Print
 

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 15 พ.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยทุกช่องทางรวมแล้ว 9.47 ล้านคน  สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวแล้ว 3.91 แสนล้านบาท ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักยังคงมาจากประเทศในเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และอาเซียน

รัฐบาลได้สนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปรับปรุงการดำเนินงานด้านต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคท่องเที่ยว รักษาแรงส่งการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่างนักท่องเที่ยวจีน ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าปี 66 น่าจะเดินทางมาไทยได้ 5.3 ล้านคน หรือหากมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ก็อาจจะถึง 7 ล้านคน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ข้อมูลของ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.)  ระบุว่า 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 66 (ต.ค.65-เม.ย.66) มีเที่ยวบินจากจีนเข้ามาไทยแล้ว 12,805 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากที่จีนมีนโยบายให้บริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ออกนอกประทศได้ตั้งแต่ 6 ก.พ. 66 เป็นต้นมา

ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ บวท. คาดว่าเที่ยวบินจากประเทศจีนจะยังเพิ่มขึ้นอีก โดยคาดว่าเดือนพ.ค. จะมีเที่ยวบินจีน 5,330 เที่ยวบิน, มิ.ย. 6,090 เที่ยวบิน, ก.ค. 7,150 เที่ยวบิน, ส.ค. 7,460 เที่ยวบิน และก.ย.  7,340 เที่ยวบิน ส่งผลให้ตลอดปีงบประมาณ 66 (ต.ค.65-ก.ย. 66) มีเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทย 46,175 เที่ยวบิน 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า แม้ปริมาณเที่ยวจีนที่คาดการณ์ไว้นี้ยังคงน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด19 อยู่ร้อยละ 66 แต่หน่วยงานเกี่ยวข้องก็ได้เตรียมการเพื่อรองรับ เพื่อให้ไม่เกิดความติดขัดต่อเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น ทั้งส่วนของการพิจารณาจัดสรรตารางการบินให้สอดคล้องกับความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน การบริหารจัดการความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ มีความร่วมมือกับหน่วยงานผู้ให้บริการการเดินอากาศของจีน เป็นต้น

ทางด้านกระทรวงคมนาคมก็ได้ติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้ให้บริการภาคพื้นชั่วคราว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริการภาคพื้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารที่กำลังเพิ่มขึ้น ในขณะที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) อยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิให้ประกอบการให้บริการภาคพื้นในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รายที่ 3 ให้เป็นไปตามแผนงาน จากปัจจุบันที่มีผู้ให้บริการภาคพื้นอยู่ 2 ราย เพื่อลดปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้าต่อไป  

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS NEWS UPDATE SOCIETY & POLITICS

วันสุดท้าย รีบแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิ เลือกตั้งได้ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

วันสุดท้าย รีบแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิ เลือกตั้งได้ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

Facebook
Twitter
Email
Print
 

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2566นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำเตือนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่มีเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สามารถแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันนี้วันสุดท้าย (21 พฤษภาคม 2566 )

 

นางสาวรัชดา กล่าวว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น ที่ตนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้บุคคลอื่นไปยื่นแทนหรือจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน รวมไปถึงการแจ้งผ่านเว็บไซต์สำนักบริหารการทะเบียน stat.bora.dopa.go.th หรือทางแอปพลิเคชัน Smart Vote

 

สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และไม่แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้วแต่เหตุนั้นไม่ใช่เหตุอันสมควร จะถูกจำกัดสิทธิ ดังต่อไปนี้

1. สิทธิในการยื่นคำร้องคัดค้าน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

2. สิทธิในการสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือกเป็นสมาซิกวุฒิสภา

3. สิทธิในการสมัครรับเลือกเป็นกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน

4. ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และข้าราซการรัฐสภาฝ่ายการเมือง

5. ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการ ผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น

 

” การจำกัดสิทธิ มีกำหนดเวลาครั้งละ 2 ปี นับแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและหากในการเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอีก ให้นับเวลาการจำกัดสิทธิจากวันที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งใหม่” นางสาวรัชดา ย้ำ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS NEWS UPDATE

ประชาชนกลุ่มเสี่ยงบัตรทองฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรี

เฝ้าระวังป้องกันโรคไข้เลือดออกช่วงหน้าฝน ย้ำช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์

Facebook
Twitter
Email
Print
 

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการทั่วประเทศที่ร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ได้เปิดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในประชากรกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมาถึง 31 สิงหาคม 2566 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมดลง จากภาพรวมของการให้บริการในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา จากการรายงานในระบบของ สปสช. (ข้อมูล ณ 17 พ.ค. 66) มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับการฉีดวัคซีนฯ แล้วจำนวน 100,604 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 3.46 ของกลุ่มเป้าหมาย 
 
นางสาวรัชดา กล่าวว่า  เมื่อดูหน่วยบริการที่ร่วมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สูงสุด 5 อันดับแรก ปรากฏว่า  รพ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้ให้บริการฉีดวัคซีนฯ แล้วกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดอยู่ที่จำนวน 4,118 คน  รองลงมาคือ รพ.สามพราน จ.นครปฐม จำนวน 2,957 คน, รพ.ศรีสะเกษ จำนวน 1,455 คน, รพ.สุรินทร์  จำนวน 1,226 คน และ รพ.สงขลา จำนวน 1,187 คน    
 
ส่วนข้อมูลรายงานการให้บริการระดับจังหวัด 5 อันดับแรก ของจังหวัดที่มีการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่มากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายรับบริการแล้ว 19,585 คน รองลงมาคือ ปทุมธานี จำนวน 6,162 คน, ชลบุรี จำนวน  5,267 คน, นครปฐม จำนวน 4,569 คน และ สงขลา จำนวน 3,550 ราย เมื่อเปรียบเทียบตามประชากรกลุ่มเป้าหมายในการให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้น พบว่ากลุ่มผุ้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนฯ มากที่สุด รองลงมาเป็นกลุ่มผุ้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนของประชากรในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

“ขณะนี้เริ่มใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่ม ที่ได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้รีบมารับบริการฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่นี้ยังสามารถรับบริการฉีดพร้อมกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประชาชนทั้ง 7 กลุ่มเสี่ยงก็สามารถรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ โดยฉีดที่ต้นแขนคนละข้าง แต่หากไม่ได้ฉีดพร้อมกัน สามารถฉีดเมื่อไรก็ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะห่าง” นางสาวรัชดา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

เฝ้าระวังป้องกันโรคไข้เลือดออกช่วงหน้าฝน ย้ำช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์

เฝ้าระวังป้องกันโรคไข้เลือดออกช่วงหน้าฝน ย้ำช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์

Facebook
Twitter
Email
Print

โฆษกรัฐบาลเตือนประชาชน เฝ้าระวังป้องกันโรคไข้เลือดออกช่วงหน้าฝน ย้ำช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน-ชุมชน-สถานศึกษา หากพบอาการเข้าข่ายสงสัยป่วยโรคไข้เลือดออก ให้รีบพบแพทย์ทันที

 

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำขังตามภาชนะและวัสดุต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยและแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่เป็นพาหะนำเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) ที่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกมาสู่คน โดยมักระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี จึงขอเตือนให้ประชาชนป้องกันตนเองและครอบครัวจากโรคไข้เลือดออก โดยร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน โรงเรียน และชุมชน โดยยึดหลัก 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค ตามข้อแนะนำของกรมควบคุมโรค คือ เก็บบ้าน เก็บขยะ และเก็บน้ำ ซึ่งจะทำให้สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ รวมถึงป้องกันโรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกาด้วย 


นายอนุชากล่าวต่อไปว่า โดยเฉพาะขณะนี้เป็นช่วงของการเปิดภาคเรียนของประเทศไทย ทำให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มเด็กนักเรียนในสถานศึกษา และบางพื้นที่เริ่มมีฝนตก จึงขอให้สถานศึกษา ศูนย์เด็กในชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันในการจัดสถานศึกษา ศูนย์เด็กเล็กในชุมชนให้มีความปลอดภัย ปราศจากแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายอันเป็นต้นเหตุของโรคไข้เลือดออก รวมทั้งขอให้ผู้ปกครองสังเกตอาการของบุตรหลานและคนในครอบครัว หากพบมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีจุดแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และเบื่ออาหาร โดยหากอาการไข้สูงเกิน 2 วัน เช็ดตัวหรือทานยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลง ให้สันนิษฐานอาจป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ไม่ควรซื้อยาลดไข้ในกลุ่มแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และไดโคลฟีแนค มารับประทาน และให้รีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้

“ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ในสัปดาห์ที่ 19 ระหว่างวันที่ 7 – 13 พฤษภาคม 2566 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 14,811 ราย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย โดยกรมควบคุมโรคได้แนะนำวิธีการป้องกันโรคไข้เลือดออกด้วยการช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน และในชุมชน โดยใช้มาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค คือ 1) เก็บบ้าน ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก 2) เก็บขยะ ภายในบริเวณบ้านและชุมชนให้เรียบร้อย ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และ 3) เก็บน้ำ เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดป้องกันยุงลายไปวางไข่ สำรวจแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายทุกสัปดาห์ ขัดล้างภาชนะก่อนเปลี่ยนน้ำใหม่เพื่อกำจัดไข่ยุงที่เกาะอยู่ภายในภาชนะ และใส่ทรายกำจัดลูกน้ำ ทายากันยุง และนอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดกันยุงเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422” นายอนุชา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY NEWS NEWS UPDATE

ไทยส่งออกข้าว 4 เดือนแรกกว่า 2.79 ล้านตัน มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท

ไทยส่งออกข้าว 4 เดือนแรก กว่า 2.79 ล้านตัน มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานสถานการณ์การส่งออกข้าวไทย และยินดีที่เห็นตัวเลขข้าวไทยเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม – เมษายน) ไทยส่งออกข้าวสูงถึง 2.79 ล้านตัน มูลค่ารวมกว่า 1,514 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 51,281 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในช่วงเวลาเดียวกัน ปริมาณเพิ่มร้อยละ 23.61 และมูลค่าเพิ่มร้อยละ 28.03 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำงานเชิงรุก หาแนวทางส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตและผลักดันราคาข้าวอย่างยั่งยืน เพื่อการเติบโตของการส่งออกข้าวไทย และเพิ่มรายได้แก่เกษตรกร

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ปริมาณการส่งออกข้าวไทยในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากความต้องการนำเข้าข้าวไทยปริมาณมากในหลายประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน ไทยถือเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก รองจากอินเดีย โดยในเดือนเมษายน 2566 ราคาเฉลี่ยข้าวไทยทุกชนิดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ ทำให้ราคาส่งออกสามารถแข่งขันได้ และส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศเกือบทุกชนิดสูงเกินราคาประกันรายได้ นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ว่า ในปี 2566 ไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7.5 ล้านตัน และมีแนวโน้มสูงกว่าการส่งออกข้าวโดยรวมในปี 2565 ซึ่งมีปริมาณรวมอยู่ที่ 7.69 ล้านตัน โดยปริมาณการส่งออกข้าวไทยล่าสุด จนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 มีปริมาณรวมแล้วกว่า 3.05 ล้านตัน ซึ่งน่ายินดีที่คงมีความต้องการในตลาดต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทย ได้แก่ อิรัก อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ เซเนกัล บังกลาเทศ จีน ญี่ปุ่น แคเมอรูน และโมซัมบิก โดยไทยส่งออกข้าวขาวมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่ ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวนึ่ง ข้าวหอมไทย ข้าวเหนียว และข้าวกล้อง ตามลำดับ 

“นายกรัฐมนตรีขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ที่บูรณาการการทำงานร่วมกัน ตามยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ร่วมกันพัฒนาข้าวไทยให้มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด ส่งผลให้ข้าวไทยเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในศักยภาพของข้าวไทย พร้อมขอให้ดูแลมาตรฐานและคุณภาพ ระมัดระวังพันธุ์ข้าว ไม่ให้เกิดการปลอมปนข้าว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพข้าวและชื่อเสียงคุณภาพสินค้าไทย” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงพาณิชย์

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE