Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ม.ราชภัฏเชียงรายผนึกเทศบาลฯ ปลุกพลัง Soft Power สร้างคุณค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์

เชียงรายเดินหน้าพัฒนาชุมชน สร้าง Soft Power จากฐานอัตลักษณ์วัฒนธรรม เปิดเส้นทาง “หมาน มัก ม่วน” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์

เชียงราย, 21 มิถุนายน 2568 – จังหวัดเชียงรายก้าวสู่การเป็นเมืองต้นแบบด้านการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผ่านโครงการเพิ่มศักยภาพชุมชน Soft Power บนฐานอัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น จัดโดยคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เมื่อวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาเอนกประสงค์ราชเดชดำรง เทศบาลนครเชียงราย โดยมีนายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนภาคประชาชน ผู้แทนชุมชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

โครงการยกระดับศักยภาพชุมชนผ่าน Soft Power บนรากวัฒนธรรม

โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับศักยภาพชุมชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตเทศบาลนครเชียงราย ด้วยการนำ “Soft Power” มาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อน ผ่านการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวที่ร้อยเรียงเอกลักษณ์และคุณค่าทางวัฒนธรรมของชุมชนเข้าด้วยกัน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง

เส้นทางท่องเที่ยว “หมาน มัก ม่วน” ถือเป็นนวัตกรรมทางการท่องเที่ยวที่นำเสนออัตลักษณ์เฉพาะของ 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนรากเดชดำรง ชุมชนดอยทอง และชุมชนวัดพระแก้ว สะท้อนเรื่องราวรากเหง้า ความเชื่อ วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมล้านนา ต่อยอดสู่การสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้ผู้คนภายนอกได้สัมผัสความงดงามเหล่านี้อย่างใกล้ชิด

เสวนา “หมาน มัก ม่วน” – สะท้อนพลังวัฒนธรรมสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

ภายในงานมีเวทีเสวนาหัวข้อ “หมาน มัก ม่วน” เส้นทาง Soft Power ชุมชน : จากรากเง้าวัฒนธรรมสู่คุณค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยมีตัวแทนชุมชนทั้ง 3 แห่ง รวมถึงผู้แทนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และเทศบาลนครเชียงราย ร่วมแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนด้วยฐานวัฒนธรรม ทั้งนี้ได้รับเกียรติจากนางวนิดาพร ธิวงศ์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้

การเสวนานี้เปิดโอกาสให้แต่ละชุมชนได้นำเสนอแนวคิด “Soft Power” ที่แตกต่างกัน เช่น การส่งต่อภูมิปัญญาผ่านงานหัตถกรรมพื้นถิ่น กิจกรรมทางวัฒนธรรม งานประเพณีและอาหารท้องถิ่น โดยทุกกิจกรรมถูกบูรณาการเข้ากับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

การขับเคลื่อน “หมาน มัก ม่วน” สู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

การจัดโครงการและกิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของเทศบาลนครเชียงรายในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และสร้างการรับรู้เชิงบวกต่อเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของเมืองเชียงรายในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ จากการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวในการนำพลังวัฒนธรรมท้องถิ่นมาใช้ขับเคลื่อนเมือง เชื่อมโยงกับแนวคิด Soft Power ที่กำลังได้รับความสำคัญในยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์

นายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวย้ำถึงเป้าหมายการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาชุมชนผ่านกิจกรรมที่เน้นการมีส่วนร่วมและการสร้างคุณค่าให้กับรากเหง้าวัฒนธรรมพื้นถิ่น โดยตั้งเป้าให้เส้นทาง “หมาน มัก ม่วน” เป็นหนึ่งในโมเดลตัวอย่างของการพัฒนาท่องเที่ยวที่เกิดจากพลังชุมชนและวัฒนธรรมอย่างแท้จริง

ก้าวต่อไปของเชียงรายในโลก Soft Power

ความสำเร็จของโครงการนี้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของการนำ Soft Power มาสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับรากหญ้า หากสามารถบูรณาการภาคประชาชน ภาครัฐ และสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง เชียงรายจะสามารถต่อยอดโมเดลนี้สู่ชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศ กลายเป็นตัวอย่างของเมืองที่เติบโตจากวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของตนเองอย่างมั่นคง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เทศบาลนครเชียงราย
  • คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

แม่สายเร่งสู้ภัยน้ำ สทนช. ลงพื้นที่ติดตามขุดลอก-เสริมแนวป้องกัน

เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่แม่สาย ติดตามคืบหน้าโครงการขุดลอกลำน้ำสาย-แนวป้องกันน้ำ เตรียมรับมือฤดูฝนปี 2568

เชียงราย, 22 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางความกังวลเรื่องภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในฤดูฝนปีนี้ จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอแม่สาย ได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการขุดลอกลำน้ำสาย การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร และตรวจสอบคุณภาพน้ำในพื้นที่สำคัญริมแม่น้ำสายและลำน้ำรวก โดยมี พล.ท.สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร่วมให้ข้อมูลอย่างพร้อมเพรียง

สานภารกิจหลังอุทกภัยรุนแรง – ป้องกันซ้ำรอยน้ำหลากและดินโคลนถล่ม

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ว่า การติดตามครั้งนี้เป็นภารกิจตามข้อสั่งการของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่เน้นย้ำให้หน่วยงานภาครัฐบูรณาการรับมือฤดูฝนในพื้นที่เสี่ยง โดยแม่สายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญจากบทเรียนอุทกภัยรุนแรงเมื่อปีก่อน โดยเฉพาะปัญหาน้ำหลาก ลำน้ำเปลี่ยนทิศ และดินโคลนถล่ม

“วันนี้ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการส่วนหน้าติดตามความคืบหน้าขุดลอกลำน้ำสาย-ลำน้ำรวก ซึ่งดำเนินงานโดยความร่วมมือระหว่าง สทนช. และกองทัพบก เพื่อป้องกันน้ำท่วมและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดซ้ำ คาดว่าการขุดลอกลำน้ำรวกจะเสร็จในกลางเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะเดียวกันได้เร่งดำเนินการอุดรูรั่ว ก่อสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร และเตรียม Big Bag สำรอง เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยในฤดูฝน” เลขาธิการ สทนช. กล่าว

มาตรการเสริม – เตรียมกำแพงกันน้ำชั่วคราว-เตือนภัยเข้มรับสถานการณ์

จากการประเมินสถานการณ์น้ำในปี 2567 คาดว่าอาจเกิดน้ำล้นข้ามสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมาแห่งที่ 1 ได้อีกครั้ง จึงมีการวางแผนก่อสร้างแนวกำแพงกันน้ำชั่วคราวตลอดแนวลำน้ำสายยาวกว่า 200 เมตร พร้อมระบบแจ้งเตือนภัยและมาตรการเฝ้าระวังในฤดูน้ำหลาก

พล.ท.สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง เสริมว่า “ภารกิจสร้างแนวป้องกันน้ำเป็นไปตามแผนที่กำหนด คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 15 กรกฎาคม 2568 ขณะเดียวกัน กำลังพลและทรัพยากรของกองทัพบกได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย”

ตรวจคุณภาพน้ำแม่สาย-แก้ปัญหาครอบคลุมจุดเสี่ยง

หลังการประชุม คณะ สทนช. ได้ลงเรือสำรวจแนวกั้นน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวรที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และตรวจสอบจุดวัดคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่สาย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังตำบลเกาะช้าง ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงภัยอีกแห่งหนึ่ง เช่น บริเวณคันกั้นน้ำขาด และทางหลวงชนบทที่ทรุดตัว เพื่อประเมินความเสี่ยงและหาแนวทางป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

แผนบูรณาการแม่สาย ป้องกันซ้ำรอยน้ำท่วม

การลงพื้นที่ของเลขาธิการ สทนช. ครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยแม่สายอย่างเป็นระบบ การขุดลอกลำน้ำสาย-รวกและก่อสร้างแนวป้องกันน้ำ เป็นมาตรการเร่งด่วนที่ต้องเดินหน้าควบคู่กับการเตรียมการรับมือระยะยาว เช่น ระบบแจ้งเตือนภัย การสำรอง Big Bag และความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ หากดำเนินการตามแผนได้สำเร็จ ย่อมช่วยลดผลกระทบซ้ำซากที่ชุมชนเผชิญในช่วงฤดูฝนในอดีต พร้อมวางรากฐานการจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • กองทัพบก
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายไพรด์ 2025 รวมพลังก้าวสู่ความเท่าเทียม หลากหลายคือความงาม

เชียงรายจัดใหญ่ Chiang Rai Pride Festival 2025 รวมพลังความเท่าเทียม สร้างสังคมหลากหลายอย่างภาคภูมิใจ

เชียงราย, 22 มิถุนายน 2568 – บรรยากาศความคึกคักและความภาคภูมิใจได้แผ่ขยายไปทั่วเมืองเชียงราย เมื่อจังหวัดเชียงรายได้จัดขบวนพาเหรดและงาน Chiang Rai Pride Festival 2025 ภายใต้แนวคิด “ก้าวสู่ความเท่าเทียม : เชียงรายไพรด์” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย – ลานกาสะลอง เมื่อช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้นำท้องถิ่น เยาวชน และชุมชน LGBTQIA+ กว่า 1,000 คน เข้าร่วมงานอย่างอบอุ่น

เวทีแห่งความหลากหลาย ก้าวย่างสู่สังคมเท่าเทียม

เทศกาล Chiang Rai Pride 2025 ไม่ใช่แค่เพียงงานเฉลิมฉลอง แต่เป็นการประกาศจุดยืนของจังหวัดเชียงรายในฐานะ “เมืองแห่งความภาคภูมิใจ และความเท่าเทียมของทุกคน” ภายในงานมีขบวนพาเหรดสีสันสดใส นำโดย “นายก นก” อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมทีมน้องๆ สภาเยาวชน อบจ.เชียงราย ที่รวมตัวกันจาก 18 อำเภอ ร่วมเดินขบวนไปพร้อมกับชาวสีรุ้ง ภาคประชาสังคม ผู้นำองค์กรภาครัฐ เอกชน และอินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดังของเชียงราย

ผู้ร่วมงานต่างสวมใส่ชุดแฟนซีและธงสีรุ้งอย่างภาคภูมิใจ สะท้อนถึงการยอมรับในอัตลักษณ์ทางเพศและความหลากหลายอย่างแท้จริง นอกจากนั้นยังมีเวทีปราศรัย การแสดงศิลปวัฒนธรรม และบูธกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศในทุกมิติ

สร้างสังคมที่เปิดกว้าง และปลอดภัยสำหรับทุกคน

นายก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้กล่าวบนเวทีถึงความสำคัญของการจัดงานว่า “วันนี้นายก นก และน้องๆ สมาชิกสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย ที่รวมตัวกันมาจากทั้ง 18 อำเภอ ได้มาแสดงพลังแห่งความเท่าเทียมในความหลากหลาย ร่วมกับพี่น้องประชาชนชาวเชียงราย วันนี้เราได้เห็นแล้วว่าความหลากหลายทั้งหมดนี้ ทำให้จังหวัดเชียงรายของเรามีความงดงาม และมีความสุขค่ะ”

การมีส่วนร่วมของเยาวชนและสภาเยาวชนฯ ในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ร่วมขับเคลื่อนสังคมนี้ สะท้อนให้เห็นว่าแนวคิดความเท่าเทียมทางเพศและการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เริ่มหยั่งรากลึกและเบ่งบานในพื้นที่เชียงราย

สร้างภาพลักษณ์เชียงราย “เที่ยวได้ทุกสไตล์” เมืองปลอดภัยสำหรับทุกคน

งาน Chiang Rai Pride Festival 2025 ครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมูลนิธิเอ็มพลัส ร่วมกับ อบจ.เชียงราย ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย และหน่วยงานทั้งภาครัฐ-เอกชน เพื่อส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ สร้างการยอมรับในความหลากหลายของอัตลักษณ์ทางเพศ และเสริมสร้างพลังบวกแก่ชุมชน LGBTQIA+
นอกจากมิติด้านสิทธิและความเท่าเทียมแล้ว เทศกาลนี้ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของเชียงราย ภายใต้นโยบาย “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” เป็นการเปิดพื้นที่เมืองเชียงรายให้เป็น “Safe Space” หรือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยไม่แบ่งแยกเพศ เชื้อชาติ หรือความแตกต่างใด ๆ

สีสันงานเทศกาล – กิจกรรมที่สร้างสรรค์และเข้าถึงทุกกลุ่ม

ภายในงาน น้องๆ สภาเยาวชนฯ ได้จัดสรรบูธกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อสร้างสีสันและให้ข้อมูลด้านสิทธิ LGBTQIA+ แก่ผู้ร่วมงาน อีกทั้ง อบจ.เชียงราย ยังสนับสนุนการจัดงานทั้งในด้านสถานที่และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสนับสนุนโดมหลังคาโค้งเพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างบรรยากาศงานให้ปลอดภัยและน่าประทับใจ

นอกจากนี้ ยังมีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้มีชื่อเสียงร่วมสนับสนุนตลอดงาน ตอกย้ำบทบาทของเชียงรายในฐานะเมืองต้นแบบด้านการเคารพความหลากหลายและความเท่าเทียม

เมืองแห่งความเท่าเทียมต้องเริ่มที่การยอมรับและสนับสนุนอย่างจริงจัง

Chiang Rai Pride Festival 2025 ครั้งนี้ คือบทพิสูจน์สำคัญของการสร้างพื้นที่แห่งความหลากหลายทางเพศและความเท่าเทียมในสังคมไทย โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นอย่างเชียงราย นี่คือก้าวสำคัญที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ใหม่ของจังหวัด สร้างความภาคภูมิใจทั้งแก่คนในและนอกชุมชน

การจัดงานนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำแนวคิด “เชียงราย คือเมืองของทุกคน” แต่ยังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายในระดับจังหวัดและขยายผลสู่การสร้างสังคมไทยที่เปิดกว้างและปลอดภัยสำหรับทุกกลุ่มอัตลักษณ์ทางเพศในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • มูลนิธิเอ็มพลัส
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย
  • สภาเยาวชน อบจ.เชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

วิกฤตแม่น้ำโขง-กก-สาย-รวก ประชาชนเรียกร้องจีนรับผิดชอบเหมืองแร่

ปอยหลวงเพื่อแม่น้ำ” เสียงสะท้อนจากเครือข่ายประชาชนเชียงราย เรียกร้องหยุดต้นตอปัญหาสารพิษข้ามพรมแดนในแม่น้ำกก-สาย-รวก-โขง ย้ำแก้ที่ต้นเหตุ ปกป้องอนาคตแหล่งน้ำและสุขภาพชุมชน

เชียงราย, 21 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางวิกฤตการณ์สารพิษปนเปื้อนข้ามพรมแดนในแม่น้ำสายสำคัญของภาคเหนือ เครือข่ายประชาชน นักวิชาการ ศิลปิน และเยาวชน จ.เชียงราย ได้รวมพลังจัดกิจกรรม “ปอยหลวงเพื่อแม่น้ำกก สาย รวก โขง” ณ ขัวศิลปะ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย เพื่อส่งเสียงเรียกร้องให้ยุติการทำเหมืองแร่ต้นน้ำกกและแม่น้ำสายที่เป็นต้นตอของสารโลหะหนักปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ห่วงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชาชนลุ่มน้ำโขง

จุดเริ่มต้น – เสียงจากชุมชนถึงเวทีนานาชาติ

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบงานศิลปะและวัฒนธรรม โดยมีเวทีอภิปรายในหัวข้อ “แก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือเหมืองเถื่อนที่ต้นแม่น้ำในพม่า” และ “ฟังเสียงประชาชน” เริ่มต้นด้วยบทเพลงโดยเยาวชน Chiang Rai Youth Orchestra ตามด้วยการเสวนา กาดศิลปิน และกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์มากมาย ที่สะท้อนความตื่นตัวและห่วงใยต่อวิกฤตแม่น้ำจากประชาชนทั่วจังหวัดเชียงรายและชุมชนใกล้เคียง

แม้จะได้เชิญเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยมารับฟังเสียงประชาชน แต่สุดท้ายไม่มีตัวแทนจากสถานทูตจีนเข้าร่วมงาน ข้อเท็จจริงนี้ยิ่งเน้นให้เห็นถึงช่องว่างในกระบวนการสื่อสารข้ามชาติในประเด็นปัญหาแร่และสารพิษ

แกนหลักของปัญหา – วงจรอุบาทว์ของเหมืองแร่ข้ามแดน

เสียงจากเวทีสะท้อนตรงกันว่าต้นตอปัญหาอยู่ที่การทำเหมืองแร่ โดยเฉพาะเหมืองแรร์เอิร์ทในรัฐฉานและรัฐคะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มทุนข้ามชาติและบริษัทจีน ส่งผลให้โลหะหนัก เช่น สารหนู ตะกั่ว และโลหะอันตรายอื่นๆ ไหลลงแม่น้ำสายต่างๆ ของไทย และสะสมในสิ่งแวดล้อมตลอดจนร่างกายมนุษย์

ผศ.ดร.ศิตางศุ์ พิลัยหล้า จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ยกตัวอย่างปัญหาสารพิษจากเหมืองทองในพื้นที่อื่นของไทยที่สะสมจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมเตือนว่าหากไม่หยุดปัญหาตั้งแต่ต้นทาง เชียงรายอาจเดินรอยซ้ำปัญหาจากพื้นที่เหมืองทองในอดีต

ขณะที่ตัวแทนภาคประชาชน เช่น นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ และตัวแทนชาวบ้านแม่สาย-ท่าตอน สะท้อนผลกระทบเชิงประจักษ์ ทั้งการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ ประเพณีที่หายไป ปัญหาสุขภาพ และการขาดความมั่นใจในความปลอดภัยของแหล่งน้ำและอาหารพื้นถิ่น

ข้อเรียกร้องจากเวที “ปอยหลวง” สู่ทุกภาคส่วน

กิจกรรมในวันนี้สรุปข้อเรียกร้องและข้อสังเกตสำคัญ 4 ประเด็น ดังนี้

  1. ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย
    • เร่งเจรจากับรัฐบาลเมียนมาและจีนเพื่อหยุดการทำเหมืองแร่หายากต้นน้ำกกและสาย
    • ยุติการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการสร้างฝายดักตะกอนที่ไม่สามารถแก้ปัญหาสารพิษได้จริง
    • ตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาที่มีประชาชนและนักวิชาการร่วมเป็นสมาชิก
    • จัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูและป้องกันมากกว่าใช้งบในโครงการที่ไม่แก้ปัญหาระยะยาว
    • ตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
  2. ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลจีน
    • เรียกร้องให้รัฐบาลจีนและบริษัทเหมืองแร่ในรัฐฉานและคะฉิ่นแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบ
    • เสนอให้มีการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐเพื่อหาทางออกที่เป็นธรรม
  3. ข้อเสนอจากภาคประชาชนและนักวิชาการ
    • ย้ำว่าการยุติการทำเหมืองต้นน้ำคือทางออกเดียว
    • ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสของภาครัฐในการเปิดเผยผลตรวจคุณภาพน้ำ
    • เสนอให้นำประเด็นนี้สู่เวทีนานาชาติ โดยเฉพาะเวทีสิทธิมนุษยชนของ UN
  4. ข้อสังเกตสถานการณ์ปัจจุบัน
    • สารพิษกำลังสะสมในพืช ปลา สัตว์น้ำ และร่างกายมนุษย์
    • ยังขาดระบบเฝ้าระวังและติดตามผลกระทบที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ

วิเคราะห์และบทสรุป – ปลุกพลังสังคม-ผลักดันนโยบายเปลี่ยนผ่าน

งาน “ปอยหลวง” ครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงเวทีศิลปะหรือวัฒนธรรม แต่เป็นการแสดงพลังของพลเมืองเพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมย้ำว่าการแก้ปัญหาสารพิษในลำน้ำสายสำคัญของภาคเหนือ ต้องเริ่มที่การหยุดปัญหาตั้งแต่ต้นทางและเดินหน้าฟื้นฟูอย่างมีส่วนร่วม

สิ่งที่เกิดขึ้นในเชียงรายวันนี้สะท้อนภาพสะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามแดนในภูมิภาคอาเซียนที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้น เราอาจต้องแลกอนาคตของแม่น้ำ อาหาร และสุขภาพของประชาชนกับผลประโยชน์ของกลุ่มทุนข้ามชาติที่ไม่เหลียวแลความทุกข์ของชุมชนชายขอบ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ขัวศิลปะ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย
  • กลุ่มรักษ์เชียงของ
  • คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ปลาเชียงรายปลอดภัย! กรมประมงยันขยายเฝ้าระวัง 22 จุด พบพยาธิในปลาแค้แต่กินสุกได้

กรมประมงยกระดับมาตรการเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำแม่น้ำสาย-แม่น้ำกก ขยายจุดตรวจ 22 จุด ครอบคลุมเชียงราย-เชียงใหม่ แจงผลตรวจ “ปลาแค้มีตุ่มแดง” เกิดจากพยาธิใบไม้ ไม่ใช่สารพิษ

เชียงราย, 22 มิถุนายน 2568 – ภายใต้สถานการณ์วิกฤตสิ่งแวดล้อมจากมลพิษข้ามพรมแดนในแม่น้ำสายและแม่น้ำกก กรมประมงประกาศเดินหน้ายกระดับมาตรการติดตามและเฝ้าระวังความปลอดภัยของสัตว์น้ำอย่างเข้มข้น โดยขยายจุดเก็บตัวอย่างและตรวจวิเคราะห์คุณภาพสัตว์น้ำเป็น 22 จุด ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงในสองจังหวัดหลักของภาคเหนือ ได้แก่ เชียงรายและเชียงใหม่ สร้างความมั่นใจด้านอาหารและสุขภาพประชาชน ตอบโจทย์ข้อกังวลที่เกิดขึ้นในสังคม หลังมีการเผยแพร่ภาพ “ปลาแค้มีตุ่มแดง” สร้างกระแสวิตกกังวลว่าอาจเป็นผลมาจากสารพิษตกค้างในแหล่งน้ำ

จากเหตุการณ์ถึงมาตรการ – ขยายจุดเฝ้าระวังและสื่อสารความจริง

นางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยถึงเบื้องหลังมาตรการยกระดับการตรวจสอบว่า ภายใต้ข้อสั่งการของนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ได้ขยายจุดเฝ้าระวังภายใต้ “โครงการติดตามและเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำจากปัญหามลพิษข้ามพรมแดน” จาก 4 จุด เป็น 22 จุดในพื้นที่เสี่ยงทั้งจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ และเพิ่มความถี่ในการสุ่มตรวจทุก 2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้นในการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์น้ำ รวมถึงคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภค

การสุ่มเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำครั้งล่าสุดดำเนินการระหว่างวันที่ 14–15 มิถุนายน 2568 ใน 6 จุดสำคัญริมแม่น้ำกกและแม่น้ำโขง อ.เมืองเชียงราย อ.ดอยฮาง อ.เชียงแสน โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย กองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด และกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดของกรมประมง เก็บตัวอย่างปลา 12 ชนิด รวม 49 ตัว

ผลตรวจชี้ “ปลาแค้” มีตุ่มแดงเพราะพยาธิใบไม้ ไม่ใช่สารพิษ

จากผลการตรวจวิเคราะห์สุขภาพสัตว์น้ำโดยละเอียด พบว่าปลาส่วนใหญ่มีสุขภาพแข็งแรงและสภาพภายนอกปกติ ยกเว้นปลาแค้ขนาดเล็ก 2 ตัว พบตุ่มแดงที่ผิวหนัง เมื่อตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง (wet mount) พบว่าตุ่มดังกล่าวเกิดจากการฝังตัวของพยาธิใบไม้และปรสิตปลิงใสบริเวณครีบต่าง ๆ ไม่พบความเชื่อมโยงกับการปนเปื้อนของโลหะหนักหรือสารพิษตกค้างในน้ำ ความชุกของปรสิตในตัวอย่างครั้งนี้อยู่ที่ร้อยละ 7.14 (2/28 ตัว)

ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวประมงท้องถิ่นที่มีประสบการณ์สูง ต่างยืนยันตรงกันว่าลักษณะตุ่มแดงในปลาแค้ขนาดเล็กนั้นพบได้ประจำในธรรมชาติ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปลาชนิดอื่นหรือการบริโภคปลาในชุมชนแต่อย่างใด ปลาที่มีพยาธิใบไม้หากปรุงให้สุกก่อนบริโภคสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย

ย้ำมาตรการเข้มข้น – ผลักดันความร่วมมือและสร้างความเข้าใจ

รองอธิบดีกรมประมงเน้นย้ำว่า กรมฯ จะดำเนินมาตรการติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง และบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์สุขภาพสัตว์น้ำและสารปนเปื้อนในทุกระยะ พร้อมเร่งสื่อสารข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อคลายความกังวลและสร้างความเชื่อมั่นในการบริโภคสัตว์น้ำจากแม่น้ำสายและแม่น้ำกก สำหรับปรสิตและพยาธิในสัตว์น้ำ แม้จะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคปลาดิบ และเน้นปรุงให้สุกเสมอ

บทสรุป – สร้างหลักประกันความปลอดภัยอาหารและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

กรณี “ปลาแค้มีตุ่มแดง” จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเน้นย้ำบทบาทของงานวิจัยและมาตรการเฝ้าระวังสัตว์น้ำจากหน่วยงานรัฐ ในการสร้างหลักประกันด้านความปลอดภัยทั้งด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม และเป็นอีกก้าวสำคัญของกรมประมงในการตอบโจทย์สังคมอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการบูรณาการกับภาคประชาชน และสื่อสารข้อเท็จจริงสู่สาธารณชนเพื่อคลี่คลายความวิตกกังวล ตลอดจนพัฒนาระบบเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมประมง
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
  • กองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด
  • กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อาจารย์เฉลิมชัยหนุนเต็มที่ นิทรรศการ ‘Small Is All’ เชื่อมศิลปะสู่ชุมชน

เชียงรายจัดนิทรรศการศิลปะ “Small Is All” ดึงพลังงานศิลปินท้องถิ่น ปลุกกระแสงานศิลป์สู่สายตาสาธารณชน ศิลปินชื่อดัง อาจารย์เฉลิมชัย – สุวิทย์ ใจป้อม ร่วมส่งแรงบันดาลใจ

เชียงราย, 22 มิถุนายน 2568 – บรรยากาศงานศิลปะในจังหวัดเชียงรายยังคงคึกคักไม่เสื่อมคลาย ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย โดยนางรัตนา จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานเปิดนิทรรศการศิลปะ “Small Is All” ณ ชั้น G Central Art Gallery ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ภายใต้แนวคิด “เล็กแต่ครบ – ทุกอย่างซ่อนอยู่ในสิ่งเล็ก” เพื่อแสดงพลังสร้างสรรค์ของศิลปินและเยาวชนท้องถิ่น ภายในงานได้รับความสนใจจากคณะผู้บริหาร ผู้ทรงคุณวุฒิ นักเรียน และประชาชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

เวทีเชื่อมโยงงานศิลป์-ชีวิตประจำวัน ดึงศิลปินระดับประเทศรวมพลัง


ในพิธีเปิดได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติและบุคคลสำคัญในวงการศิลปะ อาทิ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติผู้เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจของศิลปินล้านนา อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม ตัวแทนกลุ่มศิลปิน “กระชากเส้นเล่นสี” นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นายโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย และนายสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ต่างมาร่วมสะท้อนคุณค่าและเป้าหมายของงานศิลป์ในสังคมเชียงรายอย่างอบอุ่น

นางรัตนา จงสุทธานามณี กล่าวว่า นิทรรศการ “Small Is All” ถือเป็นเวทีเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงงานศิลป์สู่ผู้คนในชีวิตประจำวัน สะท้อนความภาคภูมิใจในฐานะคนเชียงรายที่มีศิลปินรุ่นใหม่และศิลปินระดับประเทศอยู่ร่วมกันอย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่ทุ่มเทสร้างสรรค์ผลงานศิลป์ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองเชียงรายทั้งวัดร่องขุ่นและหอนาฬิกาเมืองเชียงราย ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างศิลปิน ผู้นำท้องถิ่น และชุมชน ส่งผลให้เชียงรายกลายเป็นหมุดหมายด้านศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญในระดับประเทศและนานาชาติ

พลังศิลปะจากรุ่นสู่รุ่น – “เล็กแต่ครบ” ที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจผู้สร้าง


อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เผยว่า งานศิลปะครั้งนี้เป็นกิจกรรมดีที่เชื่อมผู้คนกับงานศิลป์ในระดับ “ใกล้ตัว” ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง แม้จะเป็นผลงานขนาดเล็ก แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง สะท้อนความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของศิลปินรุ่นใหม่และเยาวชน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้แสดงศักยภาพและเข้าร่วมกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจต่อยอดสู่การเป็นศิลปินในอนาคต

ด้านอาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม ตัวแทนกลุ่มศิลปิน “กระชากเส้นเล่นสี” เน้นย้ำว่า ผลงานชิ้นเล็กเหล่านี้ไม่ใช่แค่การแสดงออกทางศิลปะเท่านั้น แต่คือการสื่อสารความคิดและความฝันของแต่ละบุคคลสู่สายตาผู้ชม ภายในงานมีผลงานมากกว่า 300 ชิ้นจากศิลปินหลากวัย ทุกคนที่สนใจสามารถส่งผลงานขนาดเล็กเข้าร่วมได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะผลงานของเด็กพิเศษที่เข้ามาเติมเต็มความงามให้กับงานศิลป์ในนิทรรศการนี้

นายสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย กล่าวถึงบทบาทของศูนย์ฯ ที่สนับสนุนศิลปินท้องถิ่นในการนำเสนอผลงานแก่สาธารณชน พร้อมสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้ศิลปินได้เติบโต

สร้างแรงบันดาลใจศิลปินรุ่นใหม่ – เชื่อมชุมชนผ่านศิลปะ


บรรยากาศในวันเปิดนิทรรศการอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ผู้ร่วมงานได้เดินชมผลงานศิลปะขนาดเล็ก หลากหลายเทคนิค จากศิลปินทั้งเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ ไปจนถึงศิลปินอาชีพ ก่อให้เกิดบทสนทนาใหม่ ๆ เกี่ยวกับคุณค่าและความหมายของศิลปะในชีวิตและสังคมปัจจุบัน งาน “Small Is All” กลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเข้าถึงได้ สะท้อนว่า “ศิลปะอยู่ในทุกสิ่งและทุกคนคือศิลปิน”

บทสรุป – ศิลปะเชียงรายคือพลังสร้างสรรค์สังคม


นิทรรศการ “Small Is All” ไม่ได้เป็นเพียงเวทีจัดแสดงผลงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่บ่มเพาะแรงบันดาลใจสำหรับศิลปินรุ่นใหม่ ผลักดันศิลปะเป็นพลังขับเคลื่อนเชียงรายในฐานะเมืองสร้างสรรค์และแลนด์มาร์คด้านศิลปะของภาคเหนืออย่างแท้จริง

สอบถามรายละเอียดนิทรรศการและร่วมสนับสนุนศิลปะเชียงราย


นิทรรศการ “Small Is All” เปิดแสดงตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2568 ณ ชั้น G Central Art Gallery ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย
  • กลุ่มศิลปิน “กระชากเส้นเล่นสี”
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กองทัพบกผนึกกำลังอำเภอแม่สาย สู้ภัยดินโคลน เร่งสร้างแนวป้องกัน

เชียงรายเดินหน้าป้องกันดินโคลนน้ำหลาก กองทัพบกร่วมอำเภอแม่สาย เร่งขุดลอกแม่น้ำ-เสริมแนวป้องกันชั่วคราว สร้างภูมิคุ้มกันชุมชนช่วงฤดูฝน

เชียงราย, 22 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางสภาพอากาศฤดูฝนที่ทวีความรุนแรงในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะเขตอำเภอแม่สาย กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากดินโคลนน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง จากสถานการณ์ดังกล่าว หน่วยงานทหารกองทัพบก โดยหน่วยทหารช่าง ได้ประสานความร่วมมือกับที่ว่าการอำเภอแม่สาย ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง

เดินหน้า 2 แนวทางหลัก ขุดลอก-เสริมแนวป้องกัน

การบริหารจัดการพื้นที่ในครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การขุดลอกดินตะกอนในแม่น้ำสายสำคัญ เพื่อเปิดทางน้ำและลดการท่วมขัง และการเสริมแนวป้องกันชั่วคราวในเขตชุมชนเศรษฐกิจ เพื่อปกป้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยงในช่วงรอการก่อสร้างแนวป้องกันถาวรในอนาคต

โดยเฉพาะในส่วนของแม่น้ำรวก ฝั่งไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในลำน้ำสายหลักที่มักมีน้ำหลากไหลผ่านและก่อให้เกิดน้ำท่วมในหลายชุมชน ความคืบหน้าการขุดลอกล่าสุดอยู่ที่ 65.91% งานนี้ดำเนินการด้วยความต่อเนื่องแม้จะเผชิญกับสภาพฝนฟ้าคะนอง เพื่อให้สามารถลดปริมาณตะกอน เปิดทางระบายน้ำ ลดความเสี่ยงจากภัยน้ำท่วม และรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝนที่กำลังจะถึง

ขณะเดียวกัน โครงการเสริมแนวป้องกันชั่วคราวในเขตชุมชนเศรษฐกิจ ได้เร่งอุดและเสริมความแข็งแรงให้กับแนวป้องกันเดิม เพื่อเพิ่มความมั่นคงก่อนจะมีการก่อสร้างแนวป้องกันถาวรตามแผนยุทธศาสตร์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง งานในส่วนนี้มีความคืบหน้าถึง 73.06% แล้ว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับบ้านเรือน ผู้ประกอบการ และโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชุมชน

ทหารช่างลุย 24 ชั่วโมง – ปฏิบัติการกลางฝน

กองกำลังจากหน่วยทหารช่างของกองทัพบกยังคงเดินหน้าปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน ภายใต้สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากการเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือกับดินโคลนน้ำหลากจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเร่งด่วน เป้าหมายสูงสุดคือให้ทุกภารกิจแล้วเสร็จก่อนที่ฝนหนักจะเริ่มส่งผลกระทบที่รุนแรงขึ้นในพื้นที่

ทั้งนี้ ในการปฏิบัติงานแต่ละวัน มีการวางแผนและติดตามผลอย่างใกล้ชิด พร้อมการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ช่างผู้ควบคุมเครื่องจักร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นและปรับแผนงานให้ทันต่อสถานการณ์

ผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและเศรษฐกิจ

ความคืบหน้าในการขุดลอกและเสริมแนวป้องกันชั่วคราวในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากดินโคลนน้ำหลากเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ทั้งในแง่ของความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนช่วยลดความเสียหายต่อเศรษฐกิจในเขตชุมชนที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวของอำเภอแม่สาย

บทเรียนจากเหตุการณ์น้ำท่วมและดินโคลนไหลหลากในอดีต ทำให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงรายตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการจัดการเชิงรุก โดยอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ทหาร และประชาชน ซึ่งการขับเคลื่อนเชิงรุกในปีนี้คาดว่าจะช่วยลดความสูญเสียและผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุปและวิเคราะห์

จากความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่างกองทัพบกกับที่ว่าการอำเภอแม่สายในครั้งนี้ สะท้อนถึงแนวคิด “ป้องกันดีกว่าแก้ไข” ที่เน้นการบูรณาการแผนงานระยะสั้นและระยะยาวควบคู่กันอย่างเป็นระบบ นำไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยงภัยของเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • หน่วยทหารช่างกองทัพบก
  • ที่ว่าการอำเภอแม่สาย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ภัยน้ำไม่หวั่น! เชียงรายเดินหน้าติดตั้งโทรมาตรน้ำ สร้างเครือข่ายประชาชน

เชียงรายเดินหน้าสร้างเครือข่ายแจ้งเตือนภัยภาคประชาชน ติดตั้งเสาวัดระดับน้ำริมแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย เสริมแผนรับมือภัยพิบัติอย่างมีส่วนร่วม

เชียงราย, 20 มิถุนายน 2568 – จังหวัดเชียงรายประกาศเดินหน้าก้าวสำคัญในการสร้างระบบการแจ้งเตือนภัยและบริหารจัดการภัยพิบัติระดับชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อแจ้งเตือนภัยในลำน้ำแม่กกและลำน้ำแม่สายอย่างมีส่วนร่วม โดยมุ่งเป้ายกระดับการป้องกันภัยพิบัติให้ครอบคลุมทั้งมิติทางวิทยาศาสตร์และมิติของการมีส่วนร่วมในชุมชน

ขับเคลื่อนชุมชนเข้มแข็ง สู่ระบบแจ้งเตือนภัยยุคใหม่

กิจกรรมสำคัญจัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น. ณ ศาลาประชาคมหมู่บ้านเมืองงิม ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยภายในงานมีหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ตำบลริมกกเข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้กล่าวถึงนโยบายสำคัญของจังหวัดในการยกระดับศักยภาพของประชาชนในพื้นที่ พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของ “เครือข่ายอาสาสมัครแจ้งเตือนภัย” ว่าเป็นฟันเฟืองหลักของการจัดการภัยพิบัติในยุคปัจจุบัน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนจะทำให้ระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยในพื้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนสามารถดูแลและปกป้องตนเองจากภัยพิบัติได้อย่างยั่งยืน

ติดตั้งเสาวัดระดับน้ำ – เสริมเขี้ยวเล็บระบบเตือนภัยริมลำน้ำสำคัญ

หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมดังกล่าว คณะผู้บริหารจังหวัดได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบริเวณจุดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในอดีต เพื่อประเมินสภาพและหาแนวทางบรรเทาปัญหาในระยะยาว จากนั้นเดินทางต่อไปยังสะพานข้ามแม่น้ำกกบ้านเวียงคือนา เพื่อสำรวจจุดติดตั้งเสาวัดระดับน้ำ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมสำคัญในการเสริมระบบเตือนภัยน้ำท่วมของจังหวัดในปีนี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเปิดเผยว่า จังหวัดได้เริ่มติดตั้งโทรมาตรน้ำหรือเสาวัดระดับน้ำอย่างจริงจังในปีงบประมาณ 2568 โดยมีแผนการติดตั้งเสาระดับน้ำจำนวน 10 จุดริมแม่น้ำกก และ 11 จุดริมแม่น้ำสาย เพื่อให้ชุมชนสามารถตรวจสอบและแจ้งเตือนระดับน้ำได้แบบเรียลไทม์ ลดความเสี่ยงในการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น

ขณะเดียวกัน จังหวัดยังเร่งดำเนินการขุดลอกแม่น้ำกก โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 (นพค.35) ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้ามากกว่าร้อยละ 50 พร้อมเตรียมขยายแผนไปยังแม่น้ำสาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำและลดความเสี่ยงน้ำท่วมในฤดูฝน

สร้างความพร้อมและความเข้มแข็งในทุกชุมชน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังเน้นย้ำถึงบทบาทของ “อาสาสมัครแจ้งเตือนภัย” ประจำหมู่บ้านทุกแห่ง โดยอาสาสมัครเหล่านี้ต้องปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ แจ้งเตือนข้อมูลอย่างถูกต้องแก่ชาวบ้านในพื้นที่ และเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งจุดพักพิงให้กับผู้เปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย รวมถึงการส่งต่ออาหาร น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม และเวชภัณฑ์ได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

“เราจะอยู่กันแบบต่างคนต่างอยู่ไม่ได้ เราต้องมีหน้าที่ร่วมกัน และให้ความร่วมมือกันทุกฝ่าย นี่คือแผนที่จังหวัดเชียงรายจะดำเนินการร่วมกับส่วนราชการ ท้องถิ่น และประชาชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และร่วมกันฝ่าวิกฤตภัยพิบัติในปี 2568 นี้ไปด้วยกัน” นายชรินทร์ ทองสุข กล่าวทิ้งท้าย

วิเคราะห์และบทสรุป

ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของจังหวัดเชียงรายที่ได้นำเทคโนโลยีและแนวคิดการบริหารจัดการร่วมกับชุมชนมาใช้แบบบูรณาการ เสริมศักยภาพให้ประชาชนได้มีบทบาทสำคัญในระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยอย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่น ๆ ในการยกระดับการจัดการภัยพิบัติบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมและความร่วมมือทุกภาคส่วน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • รายงานกิจกรรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายภาคประชาชน 20 มิถุนายน 2568
  • คำกล่าวของนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
  • หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 (นพค.35)
  • องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

คลายกังวลภัยโลหะหนัก ผลตรวจตะกอนดินแม่น้ำกก-สาย-รวก ไม่เกินค่า

รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่หาดเชียงราย เร่งตรวจสอบสารปนเปื้อนในตะกอนดินริมแม่น้ำกก ใช้เครื่องมือทันสมัย XRF สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน พบค่าสารหนูไม่เกินมาตรฐาน

เชียงราย, 19 มิถุนายน 2568 – ในช่วงที่ชุมชนจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ลุ่มน้ำสำคัญอย่างแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ต่างจับตามองประเด็นคุณภาพสิ่งแวดล้อมจากปัญหาน้ำหลากและการขุดลอกตะกอนดิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้จัดทีมงานผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์และสร้างความมั่นใจต่อสาธารณชน

วางแผนตรวจสอบอย่างเป็นระบบ รับมือข้อกังวลชุมชน

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี รองปลัด ทส. พร้อมคณะ ได้เริ่มต้นภารกิจตรวจสอบจุดยุทธศาสตร์ 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมแม่น้ำกกบริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงราย และหาดเชียงรายที่มีการดำเนินการขุดลอกลำน้ำกก โดยได้รับรายงานความก้าวหน้าจากเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ พร้อมเสนอแนะแนวทางยกระดับการทำงานและสร้างมาตรฐานให้ระบบเฝ้าระวังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยจุดที่ชุมชนให้ความกังวลคือหาดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการนำตะกอนดินจากการขุดลอกมาพักไว้ เพื่อป้องกันน้ำท่วมหลังเกิดเหตุการณ์น้ำหลากที่ผ่านมา ชาวบ้านจำนวนมากต่างกังวลเรื่องความเสี่ยงของโลหะหนัก โดยเฉพาะสารหนูที่อาจตกค้างในตะกอนดินและกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้าง

ใช้เทคโนโลยี XRF ตรวจวัดเร็ว แม่นยำ ประหยัดงบประมาณ

นางอรนุช เปิดเผยว่า การตรวจวัดตะกอนดินรอบนี้ใช้เครื่องมือ X-ray Fluorescence (XRF) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถตรวจวัดเบื้องต้นได้รวดเร็วภายใน 3-5 นาทีต่อจุด แม้จะไม่สามารถให้ค่าตัวเลขเป็นไมโครกรัมอย่างละเอียด แต่จะช่วยระบุจุดเสี่ยงที่ต้องส่งตัวอย่างไปตรวจเชิงลึกต่อในห้องปฏิบัติการ เป็นการคัดกรองที่ช่วยประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณในการดำเนินการ

สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 คาดว่าภารกิจตรวจตะกอนดินรอบหาดเชียงรายและจุดพักตะกอนจะใช้เวลาราว 3 วัน ด้วยความร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 (นพค.35) ที่จะร่วมกันวางแผนและลงพื้นที่อย่างเป็นระบบ

ผลการตรวจสอบชัดเจน “ไม่พบสารหนูเกินมาตรฐาน” คลายกังวลประชาชน

เวลา 15.00 น. วันเดียวกัน กองตรวจมลพิษ กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 ลงพื้นที่ตรวจวัดตะกอนดินจากการขุดลอก 3 พื้นที่หลัก ได้แก่

  1. ตะกอนดินจากการขุดลอกลำน้ำกก (หาดเชียงราย/จุดทิ้งตะกอน)
  2. ตะกอนดินจากการขุดลอกลำน้ำสาย (หัวฝาย อ.แม่สาย – ถุงบิ๊กแบ็คแนวป้องกันน้ำท่วม)
  3. ตะกอนดินจากการขุดลอกลำน้ำรวก (จุดผ่อนปรนการค้าบ้านปางห้า ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย)

การสุ่มตรวจในแต่ละพื้นที่ดำเนินไปอย่างละเอียดตามขนาดพื้นที่ ผลตรวจวัดเบื้องต้น “ไม่พบค่าสารหนูเกินค่ามาตรฐานคุณภาพดิน” (ค่ามาตรฐานเพื่อที่อยู่อาศัย ไม่เกิน 6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หรือ 6 ppm) ทุกรายการ

สำหรับพื้นที่ใดที่อาจพบค่าปนเปื้อนสูง ทีมงานจะส่งตัวอย่างเข้าสู่ห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์ต่อไปในเชิงลึก พร้อมประชาสัมพันธ์ผลตรวจอย่างโปร่งใส

เดินหน้าเสริมสร้างมาตรฐานและความโปร่งใส

การตรวจสอบสารปนเปื้อนในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเฝ้าระวังเชิงรุกของภาครัฐในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ลุ่มน้ำสำคัญ เพื่อยืนยันมาตรฐานความปลอดภัยในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการขุดลอกหรือภัยน้ำท่วมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ภารกิจการตรวจสอบจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมรายงานต่อหน่วยงานท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ให้รับรู้ข้อมูลความจริงอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เขื่อนปากแบง สปป.ลาว ชาวเวียงแก่นหวั่นผลกระทบที่ดิน-อาชีพ

เวทีรับฟังความคิดเห็น “เขื่อนปากแบง” อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ชุมชนห่วงกระทบที่ดินทำกิน อาชีพ และสิ่งแวดล้อม กางกระบวนการมีส่วนร่วม ขณะที่ผู้แทนโครงการยืนยันแผนชดเชยหากเกิดผลกระทบในอนาคต

เชียงราย, 19 มิถุนายน 2568 – การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด ล่าสุด โครงการก่อสร้าง “เขื่อนปากแบง” ในแขวงอุดมไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทยบริเวณอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ราว 97 กิโลเมตร ได้ก้าวเข้าสู่ช่วงของการชี้แจงข้อมูลและเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรง

กระบวนการรับฟังความคิดเห็น เสียงประชาชนต้องมาก่อน

วันที่ 18 มิถุนายน 2568 ที่บ้านห้วยลึก อ.เวียงแก่น เวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการเขื่อนปากแบง เปิดให้ชาวบ้านจากบ้านห้วยลึก บ้านแจมป๋อง (อ.เวียงแก่น) และบ้านดอนมหาวัน (อ.เชียงของ) ได้ร่วมแสดงความเห็นและข้อกังวลอย่างเสรี ชาวบ้านส่วนใหญ่แสดงความห่วงใยต่อความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำโขงที่อาจนำไปสู่น้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ที่อยู่อาศัย ตลอดจนกระทบต่ออาชีพประมง และวิถีชีวิตของชุมชนลุ่มน้ำโขงตอนบนที่ต้องพึ่งพาแม่น้ำเป็นหลัก

หลายเสียงสะท้อนว่าการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ควรเปิดเวทีอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังความเห็นโดยตรงจากคนในพื้นที่ ตลอดจนให้มีช่องทางเสนอข้อกังวลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งชุมชนเรียกร้องความชัดเจนเรื่องมาตรการชดเชยและเยียวยาหากเกิดผลกระทบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ผู้แทนโครงการแจง เขื่อนปากแบงเป็น “เขื่อนทดน้ำ” ผลกระทบควบคุมได้

ในเวทีดังกล่าว ผู้แทนที่ปรึกษาโครงการฯ ชี้แจงว่าเขื่อนปากแบงเป็นเขื่อนประเภท “ทดน้ำ” ผลิตไฟฟ้า ไม่ใช่เขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ระดับน้ำที่กักเก็บจะสูงสุดที่ 340 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางในฤดูน้ำหลาก และ 335 เมตรในหน้าแล้ง พร้อมยืนยันว่าข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่าระดับน้ำจะไม่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนหรือทรัพย์สินของฝั่งไทย โดยกระบวนการศึกษาได้วางมาตรการรองรับไว้ หากภายหลังพบผลกระทบเกิดขึ้นกับที่ดินทำกินหรืออาชีพ ชุมชนจะได้รับการชดเชยที่เป็นธรรม

ประเด็นสารพิษในแม่น้ำโขงและสิ่งแวดล้อม – ข้อกังวลที่ต้องรับฟัง

ภาคประชาชนและเครือข่ายในพื้นที่ยังได้ตั้งคำถามถึงความเสี่ยงเรื่องสารพิษในแม่น้ำโขงที่อาจรุนแรงขึ้นจากโครงการก่อสร้างเขื่อน โดยเฉพาะตะกอนดิน โลหะหนัก หรือผลกระทบต่อสัตว์น้ำที่เป็นแหล่งอาหารและรายได้ของชุมชน ชาวบ้านและเครือข่ายจึงขอให้มีการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดน (Transboundary EIA) อย่างละเอียด โปร่งใส และเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

รายละเอียดโครงการ และสถานะการดำเนินงาน

โครงการเขื่อนปากแบงตั้งอยู่เหนือเมืองปากแบงราว 15 กิโลเมตร โดยมีแผนเริ่มก่อสร้างในเดือนตุลาคม 2568 เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าเดือนมีนาคม 2575 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2576 ผู้ร่วมลงทุนคือ บริษัท China Datang Overseas Investment Co., Ltd. และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำรายงานผลกระทบข้ามพรมแดน หากแล้วเสร็จจะดำเนินการขอกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ของไทยต่อไป

กำหนดการเวทีรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่

  • 19 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00-12.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านแจมป๋อง / 13.00-16.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านยายเหนือ
  • 20 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00-12.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านห้วยเอียน / 13.00-16.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านปากอิง
  • 21 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00-12.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านดอนมหาวัน / 13.00-16.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านปากอิงใต้

เวทีดังกล่าวถือเป็นช่องทางสำคัญในการสะท้อนความรู้สึกและข้อกังวลของประชาชนสู่การพัฒนาโครงการให้โปร่งใส และเคารพสิทธิชุมชน

บทวิเคราะห์และผลลัพธ์ของข่าว

การพัฒนาโครงการพลังงานไฟฟ้าในลุ่มน้ำโขงครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลแค่ระดับชาติแต่ยังขยายไปถึงรากฐานวิถีชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนข้ามแดน กระบวนการมีส่วนร่วมและการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องใส่ใจอย่างยั่งยืน การสร้างเขื่อนเพื่อพลังงานอาจหมายถึงทางเลือกใหม่ของเศรษฐกิจไทยและภูมิภาค แต่ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะชุมชนท้องถิ่นที่ต้องเป็นผู้ร่วมออกแบบอนาคตของตนเอง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • รายงานเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการเขื่อนปากแบง อ.เวียงแก่น 18-21 มิ.ย. 2568
  • ข้อมูลการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News